หากนำธรรมมะไปเผยแพร่ผิดๆ เช่น เวลาแฟนผมมีโรคาพยาธิเบียดเบียน จึงยกตัวอย่างกรรมของพระพุทธเจ้ามาเล่าให้ฟัง - ชาติก่อนท่านเคยเป็นหมอ ให้ยาถ่ายคนไข้แล้วคนไข้ตาย ชาตินี้จึงมีเลือดออกทาง ... - เคยฆ่าพี่น้องตนเองโดยโยนลงเหวแล้วกลิ้งหินทับ เพราะทรัพย์เป็นเหตุ ชาตินี้จึงถูกพระเทวทัตกลิ้งหินใส่ ฯ บางทีอาจจะเล่าไม่ถูกตามเนื้อเรื่อง 100% แต่มีเจตนาดี.. พูดแล้วทำให้คนมีกำลังใจขึ้นมาได้ ระลึกได้ สำนึกได้ อย่างนี้บาปหรือไม่ครับ คนรอบข้างผม ...แรกๆผมลองหยอดๆดูก่อนว่า เค้าฟังผมมั้ย ถ้าฟัง ผมก็เทศหยอดๆดูก่อน ถ้าไม่ฟังก็ปล่อยไป (แต่ก็แอบสงสารมาก ไม่รู้จะช่วยอย่างไร น่ากลัวจะตายไปแล้วลงนรก) หลายๆคน จากที่ไม่ถืออะไรเลย ผมก็หาอะไรมาเล่า จนเดี๋ยวนี้ ถือศีล 5 ทำบุญ เข้าวัดปฏิบัติธรรม บวช สวดมนต์ก่อนนอน ฯ ก็เยอะแล้วนะครับ ผมชอบเอาเรื่องราวของพระพุทธเจ้ามายกตัวอย่าง แต่บางทีอาจจะจำข้อมูลอะไรผิดเพี้ยนบ้าง แต่ไม่ได้เล่ามั่ว คิดเอาเอง กลายเป็นลัทธิ แหวกแนว อะไรแบบนั้นไม่ไช่นะครับ ไม่ทราบว่าบาปหรือไม่ครับ
อนุโมทนาเจตนาที่เป็นกุศลครับ.. เจตนาให้ธรรมทานแก่ผู้อื่น เพื่อให้เขามีสัมมาทิฏฐิ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง สามารถสมาทานประพฤติศีล ได้ มีจิตยินดีในการเจริญทานหรือกุศลบถ๑๐ได้ นี้เป็นทานที่มีอานิสงค์มาก .. ส่วนเรื่องราวที่ยกมา แม้ไม่ถูกต้อง๑๐๐% เพราะจำไม่ได้ กล่าวเพื่อสนับสนุนคนให้เชื่อเรื่องกรรมไม่ได้ตั้งใจจะพูดหรือเล่าเพื่อโกหกหลอกลวงให้เขาเสียหายมีแต่ส่งเสริมให้คนกลัวบาป มีความเห็นถูกตรง เลิกได้ซึ่งอาการเบียดเบียนคนอื่น ..มีความสอดคล้องตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ ไม่ใช้เล่าแล้วเขาถึงความงมงาย ขาดปัญญาเห็นผิด หรือหันไปทำแต่บาปเวรภัยเบียดเบียนชาวบ้านด้วยความบันเทิง หรือทำไปเพื่อลาภสักการะเข้าตนด้วยอำนาจตัณหามานะทิฏฐิ...เช่นนี้ไม่เรียกว่า.."นำธรรมมะไปเผยแพร่ผิดๆ"..อะไรเลย.. หากต้องการแก้ไขสิ่งที่เล่าไปแล้วที่ไม่ตรงตามคัมภีร์ ก็ขวนขวายค้นหาเรื่องที่ถูกต้องแล้วนำไปบอกกล่าวเขาใหม่ คนที่ฟังย่อมยินดีว่า ท่านมิได้กล่าวเองแต่อิงคำพระศาสดา ย่อมยังศรัทธาที่ยังไม่เกิดให้เกิดมากขึ้นได้.. ท่านจขกท พึงปลื้มใจในกิจแห่งการเป็นกัลยาณมิตรของตน ท่านไปอยู่ที่ใด ย่อมสามารถชี้ประโยชน์แก่คนรอบข้างได้ ด้วยความฉลาด รู้กาละเทศะและบุคคล น่าชื่นชมครับ..
อยู่ที่เจตนาของเราเป็นหลักค่ะ หากคำพูดเรา เปลี่ยนแปลงเขา ไปในทางที่ดีได้ เขาได้เหตุและผล ได้ข้อคิด ได้สติปัญญา รู้เหตและผล ของการทำดี และทำไม่ดี ล้วนมีผลตอบแทน ทำให้เขารู้และไม่กล้าทำไม่ดีอีก ก็เป็นผลบุญของ ท่านเจ้าของกระทู้ค่ะ เพราะการเปลี่ยนแปลงที่ยากที่สุด ก็คือ การเปลี่ยนวิธีคิดของคน ค่ะ ก็เพราะความคิดของคนเป็นเหตุนั่นเองแหละค่ะ ที่มีผลทำให้เกิด การทำดี และทำไม่ดี ความคิดสามารถยกระดับจิตวิญญาณได้ เมื่อจิตวิญญาณถูกยกระดับแล้ว วิธีการคิดก็เปลี่ยน” ดังตฤณ
สิ่งที่ท่านอยากรู้นั้นผมได้เขียนและจำแนกพระธรรมไว้ในบล๊อกของผมหมดแล้วนะครับ(ตรงลายเซ็นผมน่ะครับ) ผมคือพระเมตไตรยพุทธเจ้าครับ ปัจจุบันนี้แทบจะทุกคนส่วนใหญ่ก็เผยแพร่ธรรมผิดๆกันอยู่แล้วครับ ส่วนไอคนที่รู้จริงอย่างพวกผมกลับถูกกล่าวหาว่าบ้าบ้าง เพี้ยนบ้าง ทุกวันนี้ผมก็ไม่รู้จะช่วยยังไงครับ - -" ปล.การที่พระศากยมุนีพุทธเจ้าท่านให้ยาเพื่อหวังช่วยคนอื่น แต่คนนั้นกลับตาย อันนี้ให้ถือว่าเป็นกรรมของคนที่กินน่ะครับ ยกเว้นว่ายาที่พระศากยมุนีพุทธเจ้าให้นั้นจะมีพิษ แต่ถ้าหากยานั้นไม่มีพิษ แม้จะคิดชั่วยังไงก็ตาม กรรมก็จะไม่เกิดขึ้นแก่พระศากยมุนีพุทธเจ้าครับ ความคิดไม่มีผลต่อกฏแห่งกรรมนะครับ มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรากระทำกรรมออกไปจากอายตนะแล้วเท่านั้นน่ะครับ ส่วนสิ่งที่ถูกก็คือห้ามทำลายธรรมชาติ/สิ่งมีชีวิตที่มีดวงจิตที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยอายตนะของเรา ส่วนสิ่งที่ผิดก็คือการทำลายธรรมชาติ/สิ่งมีชีวิตที่มีดวงจิตที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยอายตนะของเราน่ะครับ
ส่วนเรื่องของการใช้ธูปเทียนกราบไหว้พระพุทธรูปนั้นพระศากยมุนีพุทธเจ้าก็ไม่เคยสอนนะครับ และเรื่องพระรัตนตรัยก็เหมือนกัน ปุถุชนมันมั่วมันเอามารวมกันเองครับ เรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นก็เหมือนกัน..เกิดจากการผิดปกติของระบบประสาทครับ จึงทำให้เห็นภาพหลอนไปต่างๆนาๆ เช่นบางคนเห็นผีเปรต บางคนเห็นเจ้าที่ บางคนเห็นวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว อย่างนี้เป็นต้น
เผยแพร่ธรรมมะผิด บาปหรือไม่ ถ้าธรรมมะ ที่เผยแพร่ สอนผิดๆ เข้าใจผิดๆ แต่ตัวเองเข้าใจ ตามความคิดตัวเองว่าเป็นสิ่งดีถูกต้อง แต่จริงๆแล้วเป็นธรรมมะผิดผิดอย่างนี้ ตอบว่า ลงอบายภูมิ นะครับ กรรมหนัก เดี่ยวว่างๆจะหามาให้อ่าน .
ตอนนี้เริ่มปฎิบัติใหม่ๆ จำได้ว่า พอถามเพื่อนถึงจุดๆนึง ที่เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้ว เพื่อนบอกว่า ไม่ตอบแล้วให้ไปถามพระเอง กลัวไปอบาย แล้วก็ไม่แนะนำอะไรอีกเลยค่ะ
เราตั้งโจท เราตั้งแจกต่างอย่างไรก็ได้ แต่ผลลัพให้ออกมาเหมือนกันก็พอ 2+2=4 6-2=4 3+1=4 8\2=4 เมื่อผลมันออกมาถูก จะทำเหตุเป็นอย่างไรก็ได้
ใช่จ๊ะ สอนผิดบอกผิดๆ ลงอบาย กรรมหนักมาก โดยเฉพาะยิ่งพวกที่ตัวเองเข้าใจเออเองคิดว่าถูก แล้วไปบอกคนอื่น ทั้งๆที่ความจริงมันผิด แต่หวังดีเผยแพร่แบบเอาคำสอนผิดๆไปบอก แทนที่จะได้บุญ กลับลงอบายแทน พระท่านเทศน์เตือนเอาไว้ ให้ระวังไปลงอบาย เดี่ยวต้องไปค้นหาก่อน เคยฟังอ่านผ่านๆไว้ ไม่ได้เซฟเก็บไว้ ไม่รู้จะหาเจอไหม ว่าสอนผิดเผยแพร่ธรรมมะผิด นี่ไปอบายแน่นอน . ธรรมมะ ไม่ใช่เลข ถ้าสอนธรรมมะถูก ผลก็ถูก แต่ถ้าสอนผิด แล้วเข้าใจเองว่าธรรมมะที่ผิด คือธรรมมะถูก ละเชื่อว่าผลถูก รวมผลถูก ก็ แต่ความเป็นจริงคือรวมผลผิด ก็ไปอบายแน่นอน หึๆ .
ถ้าผลมันถูก เหตุก็ย่อมถูกก่อนแล้ว ถ้าบวกเลขโดยโจทไม่สัมพันธ์กับผล คือผลไม่ใช่ มันก็ผิดอยู่แล้วครับ แต่เราต้องแน่ใจว่าเราให้ผลถูก ถ้า 3+1=3 ก็จะเป็นปัญหา ( เขียนไม่ละเอียดอาจมีคนตีความผิด อินทรีย์มีแตกต่าง ขออภัย )
เหมือนที่คุณยกตัวอย่างให้แฟนคุณฟังนั่นแหละ....พระพุทธองค์ตอนที่เสวยพระชาติเป็นหมอมีคนไข้คนหนึ่งมารักษาแล้วมีทีท่าจะเบี้ยวค่ารักษาพยาบาลจึงให้ยาผิดไป (เจตนา)แต่ยานั้นกลับทำให้โรคกำเริบจึงตาย......การให้ธรรม...การบอกกล่าวธรรม....นอกจากจะต้องกล่าวให้ถูกต้องแล้ว....สมควรที่จะต้องใช้ให้ถูกต้องด้วย....เช่นยาเบตาดีนเขาเอาไว้ใส่แผล...ไม่ใช่เอาไปกิน....เป็นต้น.....ดังคำกล่าวที่ว่า...จงเดินทางไปเพื่อประกาศพระสัจธรรม...ให้งามทั้งเบื้องต้น....ท่ามกลาง....และตอนท้าย....หมายถึงให้ถูกต้องชัดเจน ผู้ฟังสามารถเข้าใจถูกต้องไม่มีความสงสัย ไม่เคลือบแคลงในธรรม มีความบริสุทธิ์ ไม่หวังลาภสักการะ ชื่อเสียงและเงินทอง หวังเพียงเพื่อความสุขสวัสดีของมหาชนเท่านั้น....ผมคนนึงก็ยังไม่ค่อยจะมีความจำที่แม่นยำนักเหมือนกัน....แต่ผมใช้สูตรจำความรู้สึกที่ได้ยินได้ฟังเรื่องราวนั้นมา...เมื่อจะเล่าหรือกล่าวกับใคร ๆ ถึงจะจำเนื้อเรื่องได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก....แต่ก็จะพยายามพูดมุ่งเน้นไปในจุดประสงค์ของเรื่องนั้นๆ ดังที่ผมเคยกล่าวไว้ว่าอย่าจำเรื่องราวให้จำความรู้สึกนั้นไว้ก็พอ....ไม่ต้องกลัวว่าเรื่องราวจะผิด....แต่อย่าให้ผิดวัตถุประสงค์ของเรื่องราวนั้นๆก็พอ......สวัสดี ( ขอร้องพระศรีอริยะนะครับ....พระศรีอริยะยังไม่ถึงยุคของท่าน อย่าพึ่งตรัสรู้ก่อนครับ เพราะถ้าท่านตรัสรู้ในยุคของพระสมณะโคดมแล้ว ท่านก็เป็นได้เพียงอริยะสาวกครับ เชิญท่านกลับไปสวรรค์ชั้นดุสิตก่อนครับ....หรือว่าถ้าท่านลงมาสร้างบารมี...ผมก็มีความคิดว่าท่านคงจะไม่รู้ว่าต่อไปท่านจะได้เป็นพระศรีอริยะ กรุณาอย่าเอามาล้อเล่น พระพุทธเจ้าเป็นของสูง ถ้าท่านเอามากล่าวอย่างนี้ ท่านกำลังทำกรรมหนักอย่างไม่รู้ตัว เพราะท่านกำลังทำให้สงฆ์แตกแยก....เพราะยังไม่ถึงยุคพระศรีท่านก็เล่นบัญญัติ(แก้แล้วนะครับ)คำสอนของพระศรีขึ้นมาเสียแล้ว....หยุดเถอะครับ.....)
อันนี้ผมไม่เห็นด้วยนะครับ..... เพราะมีเรื่องที่พระภิกษุกลุ่มหนึ่งสมัยพุทธกาลบอกกล่าวธรรมของพระพุทธเจ้าให้แก่อุปฐายิกกาฟัง......อุปฐายิกกา(ไม่รู้พิมพ์ถูกป่าว) เมื่อได้ฟังก็สำเร็จเป็นพระอานาคามีแต่พระภิกษุนั้นไม่ได้สำเร็จอะไรเลย..... สรุปว่ากล่าวได้ครับ....แต่ควรจะเอาธรรมที่เป็น "สัจธรรม" มากล่าว....ไม่ควรเอา "อสัจธรรม" มากล่าว....เอาธรรมผิดมากล่าวให้บุคคลผู้ที่มีอุปนิสัยที่จะได้มรรคผลในขั้นต่างๆ...ให้ต้องหลงเวียนว่ายไปอีกนานแสนนานนี้บาปย่อมไม่ธรรมดา.....
ถ้าอย่างนั้นคนก็เลยไม่กล้ากล่าวธรรมกันพระธรรมจะสูญหายกัน...... ถึงไม่เป๊ะ....แค่อย่าให้ออกนอกลู่....จากละกิเลสเป็นเพิ่มกิเลสก็พอนะ..... แล้วถ้ายิ่งเราเอาคำของพระพุทธเจ้ามาพูดนี่คงไม่ตกนรกหรอกครับ....เอะอะๆก็นรก....ถ้าจะตกผมก็ยอมครับให้มันรู้ไปว่าเราเอาพระสัจจธรรมของพระพุทธองค์มาพูดโดยที่เรายังไม่ได้สำเร็จอะไรเลยนั้นมันจะตกนรก... พระไตรปิฏกไม่ได้ทำให้คนพ้นนรกเพียงเพราะท่อง....คนที่ไม่เคยท่องพระไตรปิฏกขึ้นสวรรค์ก็เยอะแยะ.... ไม่ว่าจะเล่มไหนปิฏกไหนก็เป็นไปเพียงเพื่อให้บุคคลนั้นปฏิบัติ....มิได้ไว้ให้อ่านเล่น...เมื่ออ่านจนจบแล้วก็เอามาข่นผู้อื่นว่าข้ารู้แล้วเว้ย...เอ็งไม่รู้เอ็งผิด....เอ็งตกนรก.... อย่างที่ผมได้กล่าวว่าการรู้ธรรมตามที่อาจารย์ทั้งหลายท่านบอกไว้ หรือ แม้กระทั่งคำสอนของพระพุทธเจ้าก็ตาม...เราเป็นได้แค่รู้ในสิ่งที่เขาบอก....แต่พอเราเข้าถึง....ถึงความจริงแห่งข้อความหรือคำสอนนั้นๆ....เราจึงจะเรียกได้ว่ารู้แจ้ง.... ถ้ายังไม่รู้แจ้งแต่เอาคำสอนของคนที่รู้แจ้งแล้วมาบอกกล่าวเล่าขานนี่ถ้าจะลงนรกผมก็ยอม....ยอมจริง ๆ...แต่ได้ช่วยให้คนแม้สักคนหนึ่งได้พ้นจากการเวียนว่ายก็ดีใจแล้ว....สวัสดี(f) ป.ล. หากมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ใครมีความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจกับการตอบคำถามของผม.....ผมก็ขออภัย...และขอ อโหสิกรรมด้วย ทุกอย่างที่ผมทำก็เพียงเพื่อให้สัจธรรมคงอยู่อย่างถูกต้องแค่นี้จริง ๆ ไม่ได้อวดรู้(เพราะความรู้น้อย) พูดไปตามที่เรียนมา พูดไปตามที่ศึกษามา พูดไปตามที่เข้าใจ และ ที่สำคัญไม่ได้คิดว่าถูกต้อง สวัสดี....
ธรรมะที่น่าจะสอนให้คนอื่นหลงทาง หรือ สอนผิด ที่เป็นกรรมหนัก ที่บอกกล่าวคำขัดแย้งของพระพุทธองค์ ที่เป็นกรรมหนัก เพราะ ทำให้คนอื่นหลงทาง หรือ หลงผิด น่าจะเข้าข่ายในกรณี ดังนี้ ค่ะ นิพพานไม่มี ตายแล้วสูญเปล่า ชาตินีี้และชาติหน้าไม่มี การกระทำไม่มีผลตอบแทน ทำอย่างไรก็ได้ ไม่ต้องรับผล เพราะชาตินี้ หรือ ชาติหน้าไม่มี เพราะตายแล้วสูญ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นตัวตนเป็นตน ทำสนองตัวตนเองไว้ ประมาณนี้นะคะ แต่ถ้าแนะกล่าวสิ่งที่ตรงกันข้าม ไม่ว่าจะเรื่องกฎแห่งกรรม มีการเวียนว่ายตายเกิด มีทุกข์ มีสุข มีผล การกระทำ เพราะไม่มีตัวตน จึงควรปราถนานิพพาน พ้นทุกข์จากวัฎฎสงสาร หากคำแนะนำนั้น มีเหตุมีผล และนำมาคิดลงมือปฏิบัติแล้วได้ผล ไม่ว่าจะเป็นศีล สมาธิ หรือ ปัญญา ละโลภ โกรธ หลง ได้ เกิดศรัทธา มั่นคงในพระรัตนตรัย ไม่ว่าจะเป็นคำพูดแบบใด ก็คือ ความจริง หรือ สัจจธรรม ที่อาจบัญญัติในแต่ละคำแตกต่าง แต่สิ่งที่ไม่แตกต่าง ก็คือ ความจริง นะคะ