ใครเก่งเรื่องจักระ อัญเชิญ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย วิหคอิสระ, 27 ตุลาคม 2013.

  1. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    1.ทำไมต้องเปิดจักระ
    2.จักระมีกี่จุด
    3.จักระแต่ละจุดเมื่อเปิดแล้วจะช้วยอะไรให้ผลต่างกันยังไงสรรพคุณจักระแต่ละจุดคืออะไร
    4.เราจะรู้ได้ไงว่าจักระเราเปิดไปกี่จุดแล้ว
    5.แล้ววิธีเปิดแต่ละจุดทำยังไง

    ช้วยตอบเป็นข้อๆนะจ้า
     
  2. yutpichai

    yutpichai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +306
    จักระ คือ อะไร รู้จัก แต่ทุกข์ สมุหทัย นิโรธ มรรค
     
  3. chang938

    chang938 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +451
    แนวไหนครับ อินเดีย(โยคี) หรือ จีน ถ้าจะให้อธิบายแบบเข้าใจจริงๆพิมพ์ให้อ่านกันยาวมากครับ
     
  4. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    แนวไหนก็ได้ ที่อธิบายแล้วเข้าใจง่ายที่สุดจ้า
     
  5. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    1.ทำไมต้องเปิดจักระ
    ตอบ ไม่รู้เหมือนกัน เปิดไม่เปิดก็บรรลุธรรมได้อยู่

    2.จักระมีกี่จุด
    ตอบ หาข้อมูลมาเขสว่ามี ๗ จุด

    3.จักระแต่ละจุดเมื่อเปิดแล้วจะช้วยอะไรให้ผลต่างกันยังไงสรรพคุณจักระแต่ละจุดคืออะไร
    ตอบ ข้อ ๑ ตอบไม่ได้ ข้อนี้ก็เลยไม่รู้เหมือนกานนนน

    4.เราจะรู้ได้ไงว่าจักระเราเปิดไปกี่จุดแล้ว
    ตอบ นั่นน่ะสิ ถ้ามีคนบอก เราก็เชื่อไม่ลงอีก ไม่มีทางรู้เลย

    5.แล้ววิธีเปิดแต่ละจุดทำยังไง
    ตอบ จุดอื่นไม่รู้ แต่จุดจักระที่ ๑ พวกตุ๊ดพวกเก ทลวงเปิดกันมานานแล้ว

    ๕๕๕ ขำๆนะ อยากรู้จริงๆ ลองไปถามตาคุณงูโจ๊กดูสิ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยครับ..เอาเป็นว่าเล่าให้ฟังนะครับ.
    ประเด็นที่ ๑ .คำถามในข้อที่ ๑,๒,๓ และรายละเอียดต่างๆ
    ถ้าต้องการทราบจริงๆ.สามารถสืบค้นข้อมูลในอากู๋ Google ได้ครับ.
    จะพบข้อมูลต่างๆและรายละเอียดที่เขียนไว้ค่อนข้างดีครับ
    และสนใจที่จะทำจริงๆค่อยไปลองอ่านรายละเอียดดูได้นะครับ
    จะได้รายละเอียดและประเด็นต่างๆที่ชัดเจนมากกว่าการมาถามแล้ว
    ให้เพื่อนสมาชิกตอบเพราะรายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างมากและ
    อย่างน้อยเพื่อเป็นฐานความรู้เบื้องต้นของตนเอง และใช้ประกอบ
    การตัดสินใจในแนวทางการปฏิบัติของตนเองด้วยครับ
    .
    ...
    ประเด็นที่่ ๒ เป็นการพูดแบบภาพรวมๆนะครับ..จักระหากไปศึกษามาเบื้องต้น
    จะพบว่ามีอยู่ จุดหลักๆ..แต่ถ้าถึงขั้นที่จะใช้งานจะมีมากกว่านี้ เช่น จากจุดที่เป็นวิชาเฉพาะ.
    จะเพิ่มเป็นอย่างน้อย จุด.และถ้าจะถึงจุดในการรวมพลังงาน
    ในการหนุนพลังงานและจุดในการส่งกำลังไปยังที่อื่นๆ.ในลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิต.
    ไม่ใช่เป็นไสย์ศาสตร์และมายากลจะเพิ่มเป็น ๑๑ จุด
    ..โดยพื้นฐานจักระจุดแรกจะเริ่มจากศรีษะไล่ผ่านลงมากลางลำตัว.
    แต่ละจุดส่งผลแตกต่างกัน.แต่ข้อสำคัญที่สุดคือ ต้องเปิดจุดแรกให้ได้ก่อนคือที่จุดกลางกระหม่อม
    เพื่อเป็นการเปิดการรับกระแสพลังงานจากภายนอก โดยมีอากาศธาตุเป็นตัวเชื่อม
    พลังงานจากภายในร่างกายเราจากธาตุทั้ง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ยกเว้นบางคน
    อาจมีธาตุทองได้ เพื่อใช้เสริม หนุน ส่ง และเรียกขึ้นมาต่อไปในอนาคต..
    อากาศธาตุจะเป็นตัวเชื่อมพลังงานที่มาจากภายนอกตัวนี้ซึ่งอาจจะเป็น


    ๑.พลังงานร้อน(สุดแล้วแต่จะเรียก)
    จากพระอาทิตย์ที่ใช้ในส่วนป้องกันและรักษา

    ๒.พลังงานเย็น(สุดแล้วแต่จะเรียก)จากพระจันทร์ที่ช่วยเรื่องสมาธิและทำให้จิตใจสงบ.
    ๓.กระแสของเก่าหรือความสามารถพิเศษทางจิตเราในขณะที่ดวงจิตดวงที่อาศัยอยู่
    ในร่างกายเรานี้..เคยอยู่ในร่างกายอื่นๆมาก่อนและดวงจิตเราในร่างกายอื่นๆในอดีตชาติ
    ได้เคยฝากกะแสพลังตัวนี้ไว้กับครูบาร์ อาจารย์ในอดีตชาติไม่ว่าในรูปพระพุทธ พรหม
    เทพ พระมหาฤาษีหรือท่านใดๆก็ตาม เรียกง่ายๆว่า ของเก่าในอดีตชาติที่เคยทำได้..แต่ต้อง
    อาศัยการส่งกะแสพลังงานให้จาก ครูบาร์อาจารย์ท่านนั้นๆ
    .เพราะหากเข้าไม่ถึงสภาวะนี้.การมาฝึกเองอาจใช้เวลาร่วมสิบปีหรือไม่ชาตินี้ก็ยัง
    ทำไม่ได้.ด้วยสภาพแวดล้อมและเหตุปัจจัยต่างๆในปัจจุบันนี้ไม่เอื้ออำนวย..

    ๔.กระแสพลังงานทิพย์หรือความเป็นทิพย์พิเศษ.จากการที่เราไปขอเพิ่มเติม.
    จากสิ่งศักดิ์ หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เช่น จากพระพุทธรูปมีชื่อเสียงต่างๆ หรือ
    รอยพระพุทธบาท เป็นต้น..

    ๕.กระแสพลังงานพิเศษ จากส่วนมิติอื่นๆ.ที่ไม่ใช่ เทวดา เทพ พรหม พระสงฆ์ หรือพระพุทธ .
    บางคนรู้จักในนาม ดวงตาแห่งรา หรือจากมนุษย์ต่างดาวอะไรแล้วแต่จะเรียกและเข้าใจครับ.


    ประเด็นที่ ๓ หลักการสังเกตุว่าจักระของเราเปิดแล้วหรือยัง
    เบื้องต้น
    .ให้สังเกตุจากการขยายวงพลังงานการหมุนของธาตุลมของเรา
    Exe. จากจุดกลางกระหม่อม เริ่มจากไม่มีความรู้สึกว่ามีพลังงานลมไปหมุน
    ตามด้วยการรู้สึกว่ามีลมไปหมุน
    ตามด้วยวงในการหมุนขยายกว้างมากขึ้น
    จนกระทั่งขยายวงหมุนลงมาถึงท้ายท้อย.นี่จุดสังเกตุแรก

    จุดสังเกตุที่ ๒ หากเปิดจุดนี้ได้แล้ว จุดอื่นๆก็ทำในลักษณะเดียวกันแต่การขยาย
    วงในการหมุนจะมีขอบเขตในการหมุนอยู่ ณ บริเวณจุดนั้นๆ แต่ความหนาแน่นของของพลังงานลมจะมากขึ้น

    จุดสังเกตุที่ ๓ จักระจุดไหนก็ตามหากเปิดได้แล้ว
    (ต้องเปิดจุดกลางกระหม่อมก่อนนะครับ
    ไม่งั้นถ้าไปเปิดจุดอื่นๆก่อนต่อไปจุดนั้นจะปิดได้เองและต้องมาเปิดใหม่
    บางจุดก็ต่อเนื่องกันถ้าจุดนี้เปิดได้ อีกจุดจะเปิดตามมาอัตโนมัติเป็นต้นครับ)

    แต่ละจุดจะมีการเปิดรับพลังงานร้อนและเย็นจากภายนอกเข้ามาเสริมและปรับสมดุลย์
    ให้ร่างกายตัวเองได้แบบอัตโนมัติ เราอาจจะรู้สึกว่าจักระจุดนั้นหมุนเอง ร้อนเอง เย็นเองโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ.

    จุดสังเกตุที่ ๔ คือในช่วงสภาวะที่จิตเข้าสู่สภาวะเป็นทิพย์ จะมีกะแสพลังงานที่เราสามารถ
    มองเห็นได้ อาจด้วยตาเปล่าและหลับตา เป็นลักษณะพลังงานที่ไม่ร้อนและไม่เย็น.
    .อาจเป็นลำแสงทรงกระบอก อาจเป็นคล้ายๆแสงไฟที่ส่องจากหลอดไปดวง
    กลมๆอาจแตกต่างกันได้หลายสี หรือ เป็นเส้นตาข่าย.เป็นเส้นสายใย.ณ จุดนี้ขึ้นอยู่กับว่า
    เป็นกระแสพลังงานทางด้านไหน เช่น กระแสของเก่าทางด้านความสามารถทางจิต
    กระแสทางด้านปัญญาทางธรรม กระแสทางด้านพลังงานทิพย์ ฯลฯ ซึ่งถ้ามาถึงจุดนี้
    ผู้ที่ฝึกจะทราบได้ด้วยตัวเอง.เนื่องจากความสามารถที่เพิ่มขึ้นทางด้านสัมผัส
    ต่างๆและความสามารถในการทำอะไรๆพิเศษที่เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิต
    ที่ตนเองทำได้นั่นเองครับ..

    ปล.ถ้าคุณอ่านที่เขียนและเข้าใจทั้งหมดได้..คุณจะมาถึงจุดที่เรื่องนี้
    เริ่มเปิดทางให้คุณรับรู้ได้บางส่วนหรือมาถึงพื้นฐานของท่านต่างๆจากส่วน
    ภพภูมิที่ไม่มีกายหยาบที่จะทำให้คุณเริ่มได้รู้ ได้เห็น ได้เข้าใจอะไรต่างๆ
    ...ซึ่งยังต้องอาศัยการพัฒนาทางด้านกำลังสมาธิ การพัฒนาทางด้านปัญญาทางธรรมเพื่อลดกิเลิสที่มีอยู่ในตน
    ให้เหลือน้อยที่สุดตามหลักการทางพุทธศาสนาที่ได้สอนไว้ดีแล้วร่วมด้วยครับ
    สำหรับการที่จะเข้าถึงความสามารถในการรับรู้ขั้นต่อไป
    ถ้ายังไม่รู้มากกว่าที่เล่าให้ฟัง..กรุณาถ่อมตน อย่าพูดหรือฝึกเพียงแค่เอาสนุก
    และไปเสริมเมตตาในจิตให้มากๆ สร้างทานบารมี ๑o เสริมเข้าไว้และควรเงียบๆไว้อย่าส่งเสียงดังมาก
    เพราะจะตัดความสามารถในการเข้าถึงขั้นต่อไปของตัวเองได้..
    สุดท้ายนี้หวังว่าที่เล่าให้ฟังจะพอมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ
    .....แค่เพียงแต่เล่าใหัฟัง......​
     
  7. chang938

    chang938 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +451
    1.แล้วแต่หลักสูตรของแต่ละสำนักนะ
    2.มี 7 จุด
    2.1 แหล่งพลังชั้นล่างเรียกว่า ชั้นมูลธาร ชั้นต่ำสุดตรงปลายสุดของกระดูกไขสันหลัง
    2.2 แหล่งพลังขั้นสวาธิษฐาน คือ บริเวณเหนืออวัยวะเพศ
    2.3 แหล่งพลังขั้นสาม คือ ขั้นมณีปุระ อยู่ตรงบริเวณภายในไขสันหลังตรงกับสะดือ
    2.4 แหล่งพลังที่สี่ คือ ขั้นอนาทตะ คือ บริเวณต่ำแหน่งตรงกับหัวใจ
    2.5 แหล่งพลังขั้นวิสุทธะ คือ บริเวณที่อยู่ตรงคอตรงต่อมไธรอยด์
    2.6 แหล่งพลังขั้นอัชญะ คือ บริเวณหน้าผากระหว่างคิ้วทั้งสอง
    2.7 แหล่งพลังขั้นสหัลสราร คือ บริเวณที่อยู่เหนือสมองกลางกระหม่อม(ส่วนสูงสุด ของศรีษะตอนกลาง)
    3.เมื่อเดินปราณ(ลมหายใจ),เดินกำลังกุณฑาลินี(จีนเรียกเดินกำลังภายใน)ผ่านจุดพลังต่างๆก็จะมีพลังจิตสูงขึ้นตามขั้น(ขั้นที่ึ 7 เทียบเท่าฌาณ 4 ของพุทธ)
    4.สังเกตุเอาครับเพราะเป็นคนทำเอง
    5.ช่องทางผ่านกุณฑาลินีขึ้นไปเบื้องบนซึ่งเรียกว่า นาฑี มีอยู่ 3 ช่อง
    - ช่องซ้ายมือเป็น ช่องพลังลบ เรียกว่า อิทะ นาฑี
    - ช่องขวามือเป็น ช่องพลังบวก เรียกว่า บิงคละ นาฑี
    - ช่องตรงกลาง (ช่องไขสันหลัง) เรียกว่า สุษมุนะ นาฑี
    พลังกุณฑาลินีจะเริ่มต้นจากแหล่งพลังลบ(ตรงบริเวณปลายสุดของกระดูกสันหลังช่วงล่างสุด)ผ่านช่องตรงกลาง ผ่านจักรต่างๆ ตามลำดับสูงขึ้นจนถึงต่ำแหน่งสหัลสรารซึ่งเป็นต่ำแหน่งสูงสุดซึ่งถือว่ามีพลังบวกอยู่ หากโยคีตนใดสามารถเดินกำลังกุณฑาลินีดังกล่าวนี้ได้สำเร็จก็จะมีพลังจิตสูงจนสามารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ได้
    ที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้(แบบย่อๆ)เป็นแนวการฝึกโยคะของท่านโยคีรามจรกะ
    (YOGI-RAMCHARAKAป ถ้าสนใจจริงๆต้องหาผู้รู้ฝึกเอาครับหรือหาหนังสือที่ท่านแต่งอ่านเองก็ได้ เล่มแรกที่ควรอ่านคือเรื่อง วิทยาศาสตร์การหายใจ ของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ แห่งวัดเทพสิรินทราวาส ท่านได้แปลมาจากหนังสือเรื่อง ศาสตร์แห่งการหายใจ(SCIENCE OF BREATH)ที่ท่านโยคีรามจรกะเขียนเอาไว้
     
  8. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    ฮาบาง คห.ครับ เขาถามจักระ โยงไปธรรมะ +_+
    เขาอุส่ามาถามที่โหมดวิทย์ ยังไปธรรมะใส่เขาอีกหน่ะ
    ไม่ได้จะว่าไม่ดีนะ สงสาร จขกท. อ่ะเจอคนตอบเเบบนี้ 555+
     
  9. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เดาดำน้ำนะครับ
    สิ่ง
    ที่มันหมุนได้ ก็จะมีจุดศุนย์กลาง
    เช่นมีลูกบอลเราจะปั่นลูกบอล มันจะต้องมีจุดอย่าน้อยหนึ่งจุด
    เช่นเอาลูกบอลที่หมุนเลี้ยงบนปลายนิ้วมือ
    ถ้าจุดสัมผัสที่สอง มาสัมผัสลูกบอลที่หมุนนั้น

    เหตุที่เกิดขึ้นน่าจะมีได้ประมาณ
    หนึ่ง มีสิ่งเดียวที่หมุนหมุนต่อไป คือลูกบอล ลูกเดิมที่ยังคงหมุน
    สอง มีจุดสัมผัส จุดใดจุดหนึ่งเริ่มเคลื่อนที่ และอาจจะหมุนรอบลูกบอล
    สาม ลูกบอลหยุดหมุน

    ตามแนวทางพุทธ
    สังขารขันธ์คือความปรุง
    มันจะกำหนดไว้ว่า ถ้าเราเลือกจุกสัมผัส กับการหมุนนั้นๆจุดเดียว
    และเราสัมผัสตรงจุดศูนย์กลางแน่ๆ เราจะไม่หมุน และสิ่้งที่หมุนนั้นจะยังหมุนต่อไปได้

    แปลว่าหากจักระหมุน
    ผัสสะของมัน ระหว่างเรากับจักระ จะต้องมีลักษณะเฉพาะ จะต้องระบุให้ได้ว่าเราผัสสะกับจักรตรงไหน อะไรหมุน
    แล้วหากจักร ไม่ได้ผัสสะกันเราแค่ อย่างเดียว มันหยุดหมุนหรือยัง หรือมันเป็นปัจจัยให้อะไรหมุนอยู่บ้าง
     
  10. pgame

    pgame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +184
    เคยอ่านเจอ เขาบอกจริงๆ จักระ มีอยู่ทั่วทุกส่วนของร่างกาย
    แต่ที่เขาสนใจแล้วศึกษากันอยู่มี 7 จุด

    ส่วน เปิด-ปิด ยังไง ไม่รู้
    เปิดแล้ว มีผลยัง ไงลองหาอ่านดู ในเวบมีเยอะแยะ

    ตอบได้แค่นี้ครับ อ่านมาน้อย
     
  11. intharabud

    intharabud เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +161
    ถ้าต้องการรู้เรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง ขอแนะนำให้ไปที่ ถนนเทศบาลรังรักษ์ใต้ ประชานิเวศน์ 1 (คลองประปา ) ตรงข้ามกับสำนักพิมพ์มติชน หรือโทรสอบถามเส้นทาง 02 - 5803559 เป็นบ้านของ หม่อมหลวง อัคนี นวรัตน์ ท่านมีความรู้และเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยตรงและนอกจากนั้นท่านยังรับ รักษาผู้ป่วยโดยวิธีคริสตัลบำบัด หรือธรรมชาติบำบัด โดยที่ท่านไม่เรียกเก็บเงินเลย (ไม่ได้โฆษณาชวนเชื่อนะครับ ) เห็นว่าอาจมีประโยชน์สำหรับท่านที่สิ้นหวังในการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน หมายเหตุ ท่านอายุมากแล้วประมาณ 80 กว่า แต่ยังแข็งแรงและดูไม่แก่เกินวัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2013
  12. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    พิมพ์สำแดงความเห็นเฉยๆนะครับ
    ไม่ได้เคยจะหัดหมุนจักระอะไรนะ แค่อยากสำแดงออก

    ปรกติแล้วถ้าเราอยากรู้ว่าเราผัสสะ กับอายตนะอะไรอยู่ที่จุด
    เรามักจะสันนิษฐานเอาว่า ถ้าเราผัสสะกับอายจนะนั้นเพียงจุดเดียวและคนเดียว
    คือเรากำหนดให้เหลือจุดเดียวและมีเราผัสสะกันอายตนะนั้นๆเพียงคนเดียว

    ถ้าจุดนั้นเป็นจุดศูนย์กลางของอายตนะ
    สังขารขันธ์ จะกำหนดให้อายตนะนั้นหมุน
    ประมาณว่าเป็นกฏของวัฏะสังสาร
    ผมไม่ชัวร์นะ ไม่ได้จะมาโน้มนาวนะอย่าเพิ่งเชื่อนะ

    ถ้าเราเกิดหมุดมันได้ แล้วเราดันไม่ผัสสะกับมันเพิ่มเกิน
    กว่าจุดแรกที่เราผัสสะจนมันหมุน
    จะเกิดเหตุ
    เช่น
    เราจะหมุนควงไปกับมัน
    มันจะยังหมุนต่อไปโดยเราไม่หมุน
    ดังนั้น
    ลำดับของการผัสสะ สำคัณในการปรุงแต่งหรือสังขารขันธ์
    และพิกัดบองการผัสสะ ก็สำคัญ

    และปรกติแล้วหากการหมุนนั้นส่งกำลัง ทรานสะมิต
    แกนของทิศทางการผัสสะจะเสียบทะลุ และตั้งฉากกับทิศทางการหมุน
    เหมือนเกียร์ รถยนตร์
     
  13. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    สรุปสมมุติฐานเลื่อนลอยของผม
    ผมสมมุติว่า แผ่นจานหมุนเรียกว่าอายตนะ
    และหากจะรู้ว่าเราผัสสะกับแกนหมุดเพียงจุดเดียวหรือไม่
    และแนวการผัสสะ กระทำตั้งฉากกับอายตนะหรือไม่
    เราจำเป็น หรือมักจะนิยม หรือบังคับ
    ให้เหรือผัสสะบนจานอายตนะนั้นเพียงจุดเดียว

    ไม่งั้นแล้วสังขารขันธ์จะ หลอน
    เรียกแกนตั้งฉากกับอายตนะการหมุนนั้นว่า วิญญาณ
    เรียกขอบของการหมุนของจานอายตนะว่า รูป
    เรียกสิ่งที่ไม่อยู่ บนระนาบของจานอายตนะ แต่อยู่บนแนวทิศทางตั้งฉากว่า นาม
    เรียกการหมุนของจากว่าสังขาร

    เรียกว่าโง่สงเดชของผมที่ผมสำแดงอาการนี้ว่า
    อวิชชชา
     
  14. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=ZljLs_gYIOs]Shaolin - หมัด18อรหันต์เส้าหลิน LuoHan Quan - YouTube[/ame]
    สัดส่วนของผมเหมาะแก่การฝึกยุทธอย่างยิ่ง
     
  15. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=VFzNdJUV_fo]จุ๊อ้ายสิกมา - YouTube[/ame]
    สำเร็จยุทธนี้ทุกภพชาติ
    ไม่เคยขาดเว้น
     
  16. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เรียกจำนวนจุดผัสสะบนอายตนะ
    โดยมีการทะยอยผัสสะ ไม่ให้จักระหยุดหมุนว่า ธาตุ
    เฉพาะที่มีลำดับเหตุการและจานยังไม่หยุดหมุน เฉพาะ นั้นๆจึงเป็นธาตุ
    เรียกอาการจดจ่อกับ ผัสสะเพื่อหล่อเลี้ยงไม่ให้อายตนะหยุดหมุนว่า
    ธาตุมนสิการ
     
  17. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=TqqnXHcZbhs]ดาบมังกรหยก 2003 เตียบ่อกี้ - 7/20 - YouTube[/ame]
    ทะยอยสับเปลี่ยนการรับตำแหน่งสิวะ
    รู้จักเว้นวรรคกันบ้าง
     
  18. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
  19. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=AIt2VHAC2Vk]Heart Sutra (Prajñāpāramitā Hṛdaya): Buddhist Chant - YouTube[/ame]
    เรียนจากสำนักนี้
    โดยเฉพาะการเลี้ยงลูกบอล ไม่ให้หยุดหมุน
    จะจิ้มลงไป สองจุดขึ้นไป ได้ไง
    ไม่ให้หยุดหมุน
     
  20. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เรียก ระหว่างจุดแรกที่ทำให้เริ่มหมุน จนถึงจุดสุดท้ายที่ยังหมุนอยู่ว่า
    อายตนะแทน
    ขอบของจานหมุน ย้ายมาที่นามแทน รูป
    แล้วย้ายกลับไปบนจานทีหลัง

    เ้หมือนไดรเวอร์ของฮาร์ดดิสคอมพิวเตอร์ยังไงไม่รู้
     

แชร์หน้านี้

Loading...