เรื่องจริงของมนตด

เรื่องโลกแห่งความเป็นจริงของแต่ละคน โลกใครโลกมัน จักรวาลใครจักรวาลมัน อันนี้เป็นเรื่องจริงนะจ๊ะนะจ๊ะ แต่ละคนเป็นสับเซตของส่วนรวม ถ้าพูดเพื่อให้เห็นภาพนะจ๊ะ แต่ความเป็นจริงก็คือ โลกส่วนตัวของแต่ละคน มันซ้อนกันอยู่เหมือน โลกเดียวแต่ความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก็เลยดูเหมือนจะแบกเป็นโลกใครโลกมัน มันเลยไม่เข้ากัน ไม่ตรงกัน เข้าใจไม่ตรงกัน เลยเกิดความไม่เหมือนกัน ที่ความคิดความเข้าใจไม่เหมือนกันทำให้โลกกลายเป็น โลกของใครของมัน ก็คือ ความคิดของใครของมัน ไม่คิดตรงกัน ไม่คิดเหมือนกัน เพราะ ไม่ยอมรับในกันและกันไงจ๊ะ

ดังนั้นพุทธศาสนา สอนให้เข้าถึง ความดับอวิชชาดับอุปทาน ส่วนเกินนี้ เพื่อให้เหลือเพียงรูปนามและความคิดที่ยอมรับเป็นธรรมชาติ อันเดียวกัน จะได้เข้าใจตรงกันรู้เหมือนกัน นั่นเองจ้า

 

คนเดียวเหนื่อยมากกว่าสองคน สองคนเหนื่อยมากกว่ สามคนนะจ๊ะนะจ๊ะ
คนเดียวช้ากว่าสองคนสองคนช้ากว่าสามคนนะจ๊ะนะจ๊ะ
ไม่ต้องรอพระเอกหรอกจ้า เพราะทุกคนเป็นพระเอกนางเอกได้ทุกคนนะจ๊ะนะจ๊ะ

 

เห็นด้วยที่สุด
แต่ตอนนี้คงทำให้ใครไปนิพพานซะทั้งหมดไม่ได้
แค่ว่าทำอย่างไรให้คนที่คิดแตกต่างกัน แต่ในความต่างก็มีคนที่คิดเหมือนกัน
ในเงื่อนไขและข้อจำกัดที่มีอยู่ เราจะทำอย่างไรให้สถานการณ์ต่างๆ มันดีขึ้น

 

ก็นั้นไง ทุกคนต่างเป็นพระเอกนางเอกได้ทุกคน

 

รู้เหมือนไม่รู้

 

พระเอกนางเอกเรื่องเดียวกันนะจ๊ะ ไม่ไช่คนละเรื่องกันนะจ๊ะ

 

ที่จริงมันไม่ยากนะจ๊ะ มันยากแค่เริ่มต้นว่าทำยังไงคนทั้งหลายถึงจะมีสัมมาฐิทิ คือความเป็นกลางเป็นธรรม ยอมรับได้ทั้งสุขและทุกข์ แค่เริ่มต้นถูกต้องก็จะง่ายจ้า เพราะเริ่มต้นถูกคำตอบสุดท้ายก็จะถูกต้องเหมือนกันนะจ๊ะนะจ๊ะ

 

ก็เรากำลังพูดเรื่องเดียวกันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ
หรือข้าพเจ้าเข้าใจผิดมาตลอด

 

จุดประสงค์คือ ทำทุกรู้ให้เหมือนไม่รู้ ไม่มี ไม่ยึด นั่นเองจ้า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันนักหรอกจ้า

 

จานบิน​

​

เมื่อคืนนี้มีใครถามว่า จานบินมีจริงหรือเปล่าน่ะ ตอนตี ๔ เลยฝันว่าขึ้นไปข้างบนตั้งใจจะไปหาโยม พอดี สมเด็จองค์ปัจจุบัน ท่านเสด็จไปถึง ท่านก็ถามว่า สงสัยเรื่องจานบินหรือ ทูลตอบท่านว่าสงสัย แต่ไม่กล้า ถามเกรงจะเป็นเรื่องเหลวไหล ท่านก็บอกว่า เรื่องอย่างนี้เป็นความรู้ ถามได้ไม่เหลวไหล แล้วท่านอธิบายว่า จานบินที่มาเมื่อเร็ว ๆ นี้มาจาก ๒ แห่ง แห่งหนึ่งเป็นดาวเล็กๆ เลยพระศุกร์ไปทางซ้ายเล็กน้อยเรียก ว่า จามรทวีป อยู่ในจักรวาลเดียวกับเรา เป็นจานบิน ขนาดสูงไม่เกิน <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="4 เมตร">๔ เมตร</st1:metricconverter> สีเขียว ๆ ใช้เวลามาบ้าน เรา ๘ ชั่วโมง แล้วสมเด็จก็พาไปที่นั่น ไปนั่งอยู่นอกประตูเมือง ให้เขาเห็นรูปคนธรรมดา แถวนั้นมีเพชร แก้วเกลื่อนกลาด เป็นของไม่มีค่า เอามาประดับตามโต๊ะเก้าอี้ก็มี ท่านบอกว่า ประเดี๋ยวจะมีผู้หญิงเดินมา ก็มีมาจริง ๆ

​

คนของจามรทวีปผิวขาว เนื้อเต็ม สวย ผู้หญิงแต่งกางเกงรัดเหนือเข่า เสื้อแขนสั้น รัดแขนเป็นสีเขียว ๆ มีลายทางดิ่ง คนเมืองนี้ไม่มีอาวุธสำหรับประหัตประหาร มีวิทยาการก้าวหน้ามาก ที่เขามาโลกเราเพราะ อยากเที่ยวไปทุกแห่งในจักรวาล แต่ที่ไปอเมริกาก็เพราะเห็นว่า ปล่อยจรวดบ่อย ๆ คิดว่า จะติดต่อด้วยได้ ที่เขาจับคนไปบ้างนั้น ก็เพื่อตรวจดูอารามณ์ด้วย เครื่องตรวจอารมณ์ ตรวจแล้วก็บอกว่า มีความโลภอยู่มาก ระยะทางของเขาอยู่ห่างจากเราเป็นแสนๆ โยชน์ ผู้หญิงที่เดินมานั้นเขามองเห็นเรา ก็ยิ้มแต่ไม่ได้ พูดว่าอะไร

​

<O
สำหรับที่ตัวดาวพระศุกร์เองนั้น มีอยู่หลายบริเวณ ตอนหนึ่งเป็นเขาหัวโล้น ร้อนจัดมาก อีกตอนหนึ่งหนาว มีหิมะ ไม่มีคนอยู่แต่มีสัตว์ ขนยาวกว่าชะนี อาศัยอยู่มากในแดนอบอุ่นที่มีต้นไม้

<O​

ส่วนอีกแห่งหนึ่ง อยู่ทางทิศพระอาทิตย์ขึ้น เยื้องไปทางซ้าย เล็กน้อย เรียกว่า สูตู คนในโลกนั้น มีผิวคล้ำ ยานของเขา มีขนาดสูงไม่เกิน <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="10 เมตร">๑๐ เมตร</st1:metricconverter> มีสีเหลือง ๆ ใช้เวลาเดินทางมาโลกเรา ๑๗ ชั่วโมง ในจานบิน ดูแล้วไม่เห็นมีอะไรนี่ มีลูกอะไรกลม ๆ ใส ๆ เป็นแหล่งกำลังงานอยู่อย่างเดียว

<Oเรื่องเหล่านี้ เป็นเกล็ดที่ท่านเล่า ให้คุณอ๋อยและศิษย์อื่นฟังตามจะมีเวลาว่าง ที่ท่านเล่าก็ด้วยแน่ใจแล้วว่า ผู้ฟังมีความเข้าใจในเรื่องทิพจักขุญาณแล้ว ผู้อื่นที่ไม่มีความเข้าใจในเรื่องนี้ อ่านแล้วอาจเข้าใจว่าเป็น การอวดอุตริ มนุสธรรม แต่หลวงพ่อท่านบอกว่า สำหรับผู้เจริญกรรมฐาน เช่นพวกเรา พระท่านเรียกเป็น พระโยคาวจร อนุโลมว่าเป็นพระได้ นอกจากนั้น เรื่องที่เล่านี้ ก็มีการสอนเรื่องต่าง ๆ ผสมอยู่ด้วยทั้งนั้น
ถ้าหากว่า การสอนลูกศิษย์จะพูดอะไรไม่ได้เลย แล้วการสอน จะดำเนินไปได้อย่างไร ท่านผู้อ่านโปรดระลึกว่า

เรื่องต่างๆ นี้ หลวงพ่อเล่าให้ศิษย์ฟังเป็นวงในเท่านั้น ที่นำมาเผยแพร่นี้ ก็เป็นเรื่องของศิษย์ทำเองหลวงพ่อไม่เกี่ยวข้องด้วย

อ้างอิง เรื่องจริงอิงนิทาน

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.950416/[/MUSIC]​

[/QUOTE]

 

อ้างอิงจากที่คุณพูดเรื่องนิพพานว่า คงช่วยได้ไม่หมดทุกคน นั่นไงจ๊ะ
ว่าที่จริงทุกคนล้วนอยากเป็นพระเอกนางเอก ล้วนต้องการมีความสำคัญ น่าสนใจจากคนอื่นไงจ๊ะ แต่ถ้าทุกคนเข้าใจว่า แต่ละคนก็มีคุณค่าในตัวเอง ก็ดีสิจ๊ะ จะได้รับรู้ว่า ดี สำคัญ เท่าเทียมกันจ้า และต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันนะจ๊ะ

 

ข้าพเจ้าไม่ได้บอกว่าคงช่วยไม่ได้หมดทุกคน หรือไม่สามารถทำให้คนนิพพานได้หมด ข้าพเจ้าจะพูดอย่างนั้นได้อย่างไร ข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้เฉียดนิพพานเลยซักนิด
ความหมายคือ ในภาวะเงื่อนไขข้อจำกัดสถานการณ์ปัจจุบัน เราจะทำอะไรได้บ้างเท่านั้นเองจ๊ะ

 

ที่จริงแล้ว มนตด นี่ ข้าพเจ้าเห็นในฝันในนิมิตร มากเอาการนะจ๊ะ ทั้งตัวแบบต่างๆ ขนาดเล็กขนาดกลางขนาดใหญ่ ดวงต่างๆข้าพเจ้าก็ไปมาหลายดวงแล้วในนิมิตรความฝัน ดวงที่มีน้ำแข็ง ดวงที่มีแต่ก้อนหิน แปลกๆจ้า ส่วนนิมิตรที่มาบุกโลกนี่ ก็เยอะนะจ๊ะ ยานลำใหญ่กว่าสนามฟุดบอล พับปีกมีแสง ร่อนลง หรือยานแบบต่างๆ ก็มีนะจ๊ะ รูปร่างเลียนแบบมนุษย์ผสมเครื่องจักรก็มีนะจ๊ะ มากเกินจะเล่าจ้า

 

ข้อดีของปัจจุบันนะจ๊ะ ทางวิทยาศาสตร์สามารถช่วยอธิบาย เรื่องพลังงาน พลังจิต เรื่องจิตวิญญาณ เรื่องเกิดฝนฟ้าคะนอง เรื่องหูทิพย์ตาทิพย์เหาะเหินดำดิน ปั้นน้ำเป็นตัว ทำหิมะเทียมทำฝนเทียม ซึ่งเรื่องพวกนี้ สามารถนำมาอธิบายเรื่อง นามธรรมได้ ในระดับที่มากกว่า สมัยโบราณได้มากทีเดียวนะจ๊ะ
การลอยได้ของเครื่องบินที่ปีกไม่ต้องตีเหมือนนก การชี้นิ้วเดียวก็เหมือนสายฟ้าดับชีวิตคนก็คือปืน ดังนั้น คนทั่วไปรับรู้เกือบหมด แต่ยังเข้าใจว่าตนเองไม่เก่ง ไม่ดี ไม่ฉลาด เพราะยังมีเงินน้อยอยู่ นี่คือการเข้าใจผิดอยู่นะจ๊ะ

 

กระทุ้ดักแมว

 

เห็นด้วยที่สุด
แต่ตอนนี้คงทำให้ใครไปนิพพานซะทั้งหมดไม่ได้
แค่ว่าทำอย่างไรให้คนที่คิดแตกต่างกัน แต่ในความต่างก็มีคนที่คิดเหมือนกัน
ในเงื่อนไขและข้อจำกัดที่มีอยู่ เราจะทำอย่างไรให้สถานการณ์ต่างๆ มันดีขึ้น
..........................
การทำให้มันดีขึ้นก็คือต้องบอกให้ทั้งโลกได้รับรู้ว่า วิธีการทำให้โลกดีขึ้นนั้นทำได้อยู่ มีคนทำได้อยู่นั่นเองจ้า และมีคนรู้วิํธีทำอยู่ นะจ๊ะนะจ๊ะ

 

กระทู้ มนตดก็ต้องดักมนตดสิจ๊ะ จะดักแมวทำไมกันจ๊ะ

 

เป็นการบอกกล่าวให้มนตด ได้ทราบว่า ความจริงคำตอบรอท่านทั้งหลายอยู่แล้วที่โลกมนุษย์นั่นเองจ้า ดังนั้น มนตดที่ยังก้มหน้าก้มตาเสพสุขอยู่ก็ให้หยุดได้แล้ว ให้ตั้งใจค้นหาความจริงของตนเองเพื่อเข้าถึงนิพพานได้แล้วนั่นเองแหล่ะจ้า หรือใครที่มีตาทิพย์ก็จะรู้เห็นว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานมีเทพต่างๆจากดาวต่างๆล้วนมุ่งหน้ามายังโลกมนุษย์ รวมถึงมนตดจากดาวอื่นๆ ก็มุ่งหน้ามาที่โลกมนุษย์ด้วยกันทั้งนั้น นั่นคือเป้าหมายแห่งการดับทุกข์ ที่โลกมนุษย์นั่นเองจ้า นะจ๊ะนะจ๊ะ

 

พูดเป็นมาทำงอนเหมือนกุลละสะตรีไปได้นะจ๊ะนะจ๊ะ

 

ส่วนมนตดที่เคยเอายานมาจอดซุ่มรอบโลก แต่ก่อนนั้นก็ แยกย้ายกันกลับที่พักดาวตนเองแล้วนะจ๊ะ จอดแสตนด์บายอยู่ก็เพื่อถ่ายทอดสด ชีวิตของมนุษย์โลก ไปถ่ายทอดที่ดาวของพวกเขาเพื่อเป็นการเรียนรู้ชีวิตมนุษย์น่ะจ๊ะ(แบบนี้ถึงจะสมเหตุสมผลของผู้มีวิวัฒนาการเทคโนโลยีหน่อย)ไม่ไช่จับมนุษย์ไปศึกษา แบบนี้ไม่ถูกต้องไงจ๊ะ
เดี๊่ยวนี้เขานั่งดูจอที่บ้านของพวกเขาดูการถ่ายทอดสดชีวิตมนุษย์เลยจ้า ศีกษาเลียนแบบพฤติกรรมและพยายามเรียนรู้การมีอารมณ์การใช้อารมณ์ อยู่ไงจ๊ะ(ใครไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรนะจ๊ะเป็นจินตนาการส่วนตัวนะจ๊ะนะจ๊ะ)