จริงหรือไม่ว่าลูกหลานหลวงพ่อ

1.ลูกหลานหลวงพ่อฤาษีส่วนใหญ่ที่มาเกิดในยุคนี้ส่วนใหญ่เป็นพุทธภูมิมาก่อน


มีสาวกภูมิไหมครับคือพึ่งมาศรัทธาในชาติปัจจุบัน

2.คนที่สนใจฝึกวิชาสามหรืออภิญญาเล็กในชาตินี้ต้องเคยฝึกมาในชาติก่อน

มิเช่นนั้นจะไม่มีทางได้เป็นอันขาดจริงหรือไม่ครับ

ขอความคิดเห็นหน่อยครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบ

 

1 ไม่ทราบว่าท่านอื่นเป็นอย่างไร สำหรับข้าพเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นสาวกภูมิ

แต่เวลาที่กล่าวคำลาพุทธภูมิ กลับมีอาการ น้ำตาซึม เหงื่อออก หมดเรี่ยวแรง

แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง จะไม่เกิดอีกแล้ว พอกันที

2 เมื่อก่อนข้าพเจ้าก็ ทำบุญ นั่งสมาธิ ไปเรื่อยๆ เห็นนิมิตบ้าง สัมผัสอะไรบ้าง

ก็รู้สึกแปลกดี แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาทางนี้ เพราะคิดว่าตัวเองคงไม่สามารถทำได้

เห็น นรก เห็นสวรรค์ มันเป็นเรื่องที่ไกลตัวมากๆ

จนมาวันหนึ่ง จิตใจมันกระวนกระวาย รู้ว่าเค้ามีฝึก มโนมยิทธิ กันก็ขับรถไปเลย

โดยที่ไม่รู้ว่าเค้าฝึกกันยังไง แบบไหน


แต่เมื่อฟังครูฝึกสอนให้ ก็สามารถทำได้ในครั้งแรกที่ฝึกเลย

ก็เลยมานั่งอ่านคำสอนของหลวงพ่อ ก็รู้สึกถูกจริต ถูกอัซฌาศัยมาก

เพราะว่าตัวข้าพเจ้าเป็นคนที่สงสัยมาก เมื่อปฎิบัติจึงไม่ค่อยก้าวหน้า

เมื่อเห็นได้แล้ว ก็หายสงสัย ปล่อยวางเรื่องราวต่างๆได้เป็นลำดับ จิตเบาสบายขึ้นมาก

 

ไม่จำเป็นหรอกคะ มีคนที่เขาศรัทธาหลวงพ่อมากมาย แต่ไม่ได้มาสนใจทางธรรมเป็นพิเศษด้วยซ้ำ อย่างดิฉันก็ศรัทธาท่านมาตั้งแต่เรียนมัธยม (พูดแล้วประหลาดใจตัวเองเล็กน้อยช่วงนี้ทำไมมันเห็นสิ่งลี้ลับอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้กล่าวถึงหลวงพ่อ วงแสงสีขาวเหมือนเพชรก็ปรากฏที่ด้านซ้ายมือ/ด้วยตาเนื้อนะคะ)

เล่าต่อ ก็ศรัทธาท่านตั้งแต่ได้ไปฝึกมโณกับอาจารย์ ท่านนึง หลังจากนั้นก็เริ่มเห็นผีเห็นสาง แต่ดิฉันก็ไม่ใช่คนที่สนใจทางธรรมเป็นพิเศษคะ แต่เชื่อและศรัทธาหลวงพ่อเวลาจิตตกฟังหลวงพ่อเทสในยูทูปก็จะดีขึ้น แต่ดิฉันไม่รู้หรอกคะว่าตัวเองเป็น อะไร ก็แค่คนธรรมดาคนนึง ที่ศึกษาอะไรไปเรื่อยๆ

 

1.(หลวงพ่อบอกว่าก็ถ้าหัวหน้าปราถณาพุทธภูมิแล้วที่ลูกหลาน ๆ ที่ตามมาก็จะปราถณาตามเพราะกำลังบุญบารมีเกินสาวกภูมิแล้ว) ส่วนตัวข้าพเจ้าแต่ถามว่ามีลูกหลาน ๆ ปราถณาสาวกภูมิ หรือ ปัจเจกภูมิ ไหม ย่อมมีอยู่แล้ว เป็นไปตามจริตและบุญวาสนาเก่า ที่ปราถณามา

2.ตั้งแต่วิชชาสาม ขึ้นไป ทุกท่านต้องเคยทำได้มาก่อน หากไม่เคยทำได้มาก่อน คุณฝึกกันหลายร้อย หลายพัน หลายแสนชาติ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะทำได้ แต่ที่รู้สึกว่า ทำได้ง่าย ในชาตินี้ ถือว่าชาติก่อนเคยทำมาได้ แต่ทำได้ก็อย่าหลงตัวเองว่าเก่ง ฉันทำได้ ตัวนั้นจะกลายเป็น ทิฐิ ไปมันขวางการปฏิบัติ ต้องทำให้ได้ถึงขึ้นอริยมรรคอริยผล คือพระโสดาบันเป็นอย่างน้อย สิ่งที่ได้มาจะได้ไม่เสื่อม

 

ลูกหลานหลวงพ่อ ถ้าตามท่านมาตั้งแต่ต้นส่วนใหญ่ปรารถนาพุทธภูมิหมดครับ

แต่ก็มีลูกหลานอีกหลายส่วนที่ไม่ใช่ลูกหลานโดยตรงของหลวงพ่อท่านครับ เป็นบริวารของท่านอื่น ๆ "ฝาก" ให้หลวงพ่อช่วยอบรมไว้

ทั้งบริวารขององค์สมเด็จฯ พระองค์ปัจจุบัน ของท่านพระศรีอาริยเมตไตรย , ของท่านปู่ ฯลฯ

ใช่ครับ เขาต้องเคยฝึกมาก่อนในอดีต

หลวงพ่อบอกว่า ถ้าไม่เคยฝึกมาก่อนเลย แล้วมาเริ่มฝึกในชาตินี้ก็ต้องเสียเวลาอีกนานกว่าจะฝึกได้ครับ

 

ผมก็ศรัทธาท่านนะ แต่ตามมาแต่ชาติก่อนหรือเปล่าไม่มั่นใจ แต่ผมปรารถนา อครสาวกเบื้องขวา ผู้เลิศทางปัญญาน่ะครับ

 

ตอนนี้ไม่ต้องคิดมากครับ ฟุ้งซ่านเปล่า ๆ จะตามท่านมาหรือไม่ตามท่านมา ไม่ต้องไปสนใจตรงนี้ดีกว่าครับ ทำกรรมฐานให้เต็มที่ ถ้าได้มโนมยิทธิแล้วก็หมั่นซ้อมไว้ให้คล่อง แล้วขึ้นไปกราบทูลถามกับพระบนพระนิพพานเลยดีกว่าครับ

หรือจะทำกรรมฐานกองอื่น ก็ว่ากันไปให้เต็มที่ ให้ได้ถึงจุดสูงสุดของกรรมฐานแต่ละกอง

ขออนุโมทนาด้วยนะครับในความปรารถนาของคุณ

 

อย่าไปมัวคิดว่าเป็นศิษย์ต้น ศิษย์ปลาย ศิษย์ตามๆกันมาหรือปล่าวเลยครับ

เห็นทางแล้ว รู้ว่าทำแล้วหลุดพ้นได้จริง มีการบันทึกไว้มากมาย

เกิดใหม่อาจไม่ได้เห็นทางอีก มีกำลังใจแค่ไหน ก็ปฎิบัติให้เต็มที่เท่าที่กำลังใจเรามีเลย

ครับ อย่าประมาทครับ ความตายไม่มีลางบอกเหตุ

 

....ลูกหลานสายตรงของหลวงพ่อ บางคนเกิดทีหลังหลวงพ่อ(ไม่ทันกายสังขารของหลวงพ่อ) บรรพชาเป็นเณร แต่ปฏิบัติตรงตามแนวทางของหลวงพ่อ มุ่งตัดตรงเลยครับ ที่รู้จักก็ 2 องค์ละ แน่วแน่มากครับ ขออนุโมทนา...
....ส่วนตัวผมไม่ได้ศรัทธาหลวงพ่อมาก่อน เคยอ่านคำสอนของท่านก็รู้สึกเฉย ๆ แต่พอหลวงพ่อมาเข้าฝัน ในฝันท่านมาเป่าศรีษะให้ ผมศรัทธาหลวงพ่ออย่างหมดหัวใจเลยครับ
....เพียงแต่ผมยังไม่ปราถนาลาตามท่าน ยังต้องการจะช่วยญาติพี่น้องผองเพื่อนทั้งหลายอยู่ครับ แต่ผมศรัทธาหลวงปู่ดู่มากๆๆๆๆๆ แค่เห็นรูป เห็นชื่อก็ศรัทธาจนน้ำตาเอ่อ แล้วครับ

 

1. มีทุกแบบครับ พุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิ บารมีต่างกันไปตามแต่ละคน
อัชฌาสัยก็มีทั้ง ๔ แบบ สุขวิปัสสโก เตวิชโช ฉลภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต

2. ผู้ที่ได้มโนมยิทธิหรืออภิญญาในชาตินี้ต้องมีของเก่ามาก่อน เคยทำมาแล้วเป็นแสนชาติ
ดังนั้นอันที่จริงแล้วไม่เรียกว่าฝึก หลวงพ่อท่านว่าเป็นการฟื้นของเก่าครับ

 

แสดงว่าคนที่มาสนใจเรื่องอภิญญาและวิชาสาม ต้องเคยฝึกมาในชาติก่อนๆเท่านั้นหรือคะ มีบ้างไหมที่คนที่ไม่เคยรู้จักมาเลยชาติก่อนๆ แต่เพิ่งมาสนใจจะฝึกในชาตินี้

 

ถาม : การฝึกวิชามโนมยิทธิ ถ้าไม่มีพื้นฐานเลยเข้าไปฝึกเลยจะได้มั้ยคะ ?
ตอบ : คำว่าพื้นฐานนี่หมายถึงว่าในชาติปัจจุบันนี้ไม่เคยฝึก ชาติก่อนเคยฝึกอยู่จะได้ คือว่าพื้นฐานของมโนมยิทธิ จริง ๆ แล้วเป็นการเอาของเก่ามาใช้ ไปพื้นของเก่าของเราเอง อยู่ ๆ มีเงินอยู่ในกระเป๋าสตางค์ใช้ไม่เป็น เขาบอกวิธีเปิดกระเป๋าล้วงเงินมาใช้แค่นั้น ถ้าหากคนไม่เคยได้มโนมยิทธิมาในชาติก่อนนี้จะฝึกไม่ได้ เพราะฉะนั้นพื้นฐานนี่ ถ้าเป็นพื้นฐานในชาติปัจจุบันยิ่งไม่เคยฝึกอะไรมายิ่งได้ง่าย มันฟุ่งซ่านมากไปติดของเก่าอยู่ แต่ถ้าหากว่าพื้นฐานในอดีตไม่มีต่อให้ปัจจุบันมีแค่ไหนนี่ เป็นแสนชาติกว่าจะได้

ถาม : ของเก่าที่ว่านี่ ?
ตอบ : ของเก่า คือเราเคยได้มาก่อนเอาเป็นอันว่าถ้าหากว่าคนไหนอยาก ส่วนใหญ่มันจะมีของเก่ามาก่อน คือได้ยินแล้วอยากฝึกเหลือเกินอะไรอย่างนั้น พวกนี้ส่วนใหญ่มักจะได้ง่าย ของเก่าเขาตุนไว้พอแล้ว

ถาม : ก็คือหมายความว่าถ้าอยากฝึกแสดงว่าเคยฝึกมาก่อน แต่ถ้าฝึกแล้วมันไม่สำเร็จล่ะคะ ?
ตอบ : อันนั้นบางทีก็คือความอยากมากเกินไป ตัวอยากมากเกินไปมันจะบังหน้าอยู่ ขณะเดียวกันอาจวางกำลังใจไม่ถูกด้วย ของพวกนี้มันมีเคล็ดลับอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ของมันอยู่ ถ้าวางกำลังใจตรงปั๊บนี่มันได้ง่าย ๆ เลย แต่ขณะเดียวกันบางคนความพยายามสูงมาก แต่มันอยากเกินไป หน้าต่างมันอยู่ตรงนี้อยากดูมากยืดคอยืดอกเสียเกินหน้าต่างมันจะเห็นมั้ย ? ไม่ได้เห็นหรอก ต้องพอดี ๆ

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนตุลาคม ๒๕๔๔
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

 

หลวงพ่อ ถ้านิมิตเกิดขึ้น จับไม่อยู่ ต้องเริ่มตั้งต้นด้วยกสิณต้องเป็นนิมิตของกสิณจึงจะทรงตัว คือนิมิตหรือแสงหรือสีนั้น เราต้องจับไว้ก่อนตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ใช่ปล่อยลอยมา

ผู้ถาม ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปเริ่มต้นจับภาพกสิณ ใช่ไหมคะ........?

หลวงพ่อ เดี๋ยวนี้เราไม่ต้องไปทำกสิณแล้ว เพราะคนที่มีกำลังสูงด้านศรัทธามีบุญเก่า เวลานี้เขาใช้ ฝึกผลของกสิณเลย ถึงได้เร็วไงล่ะ ถ้าเริ่มต้นฝึกทางกสิณ ในบาลีท่านเรียกว่า อาทิกัมมิกบุคคล หมายถึงคนทีไม่เคยได้มาเลยในชาติก่อน ต้องขึ้นต้นด้วยกสิณ อย่างนี้ช้ามาก แต่กสิณกองเดียวให้ถึงฌาน ๔ ดีไม่ดีหลายตาย ไม่ใช่ตายเดียวนะ เกิดมาชาตินี้ทำจนตาย เกิดชาติใหม่ทำต่ออีก กว่าจะถึงฌาน ๔ ไม่ใช่เบา หนักมาก
ทีนี้หากว่าคนที่เคยได้มาก่อน อย่างทิพจักขุญาณในวิสุทธิมรรคท่านบอกว่า แม้แต่มองแสงสว่างที่รอดมาจากช่องฝาหรือช่องเพดานก็สามารถได้ทิพจักขุญาณเลย
อย่างที่พวกเราฝึกเวลานี้ ฝึก มโนมยิทธิ มันหนักกว่า ใช่ไหม......ฝึกประเดี๋ยวได้ ๆ เพราะพวกนี้เคยได้มาก่อน แต่ว่าผู้ฝึกจะต้องทราบ เวลานี้ฉันสอนคนเก่าที่ได้มาก่อนทั้งนั้นนะ คนที่ยังไม่ได้ไปหาที่อื่น ฉันขี้เกียจสอน

ผู้ถาม แล้วหนูจะทราบได้อย่างไรคะ ว่าเคยได้มาก่อน........?

หลวงพ่อ "ก็ต้องดูขั้นพอใจ เขาฝึกกันแบบนี้เราพอใจหรือเปล่า ถ้าพอใจด้วยความจริงใจ อันนี้ใช่ละ ต้องเคยได้มาก่อน ไม่งั้นไม่เอาเลย ต้องดูศรัทธาตรงนี้นะ คือเห็นเขาฝึกกันเราก็อยากได้บ้างเกิดความต้องการขึ้นมาจริงจัง อันนี้ของเก่ามันบอก"


จากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรมเล่มที่ ๒

หัวข้อถาม นั่งภาวนาเห็นเป็นวงสีขาว

 

ได้อ่านคำว่า "เด็กฝาก" แล้วมันอย่างไรไม่รู้นะ.....มันมีอารมณ์เหมือนว่าเป็นคนประเภทสองรองลงมาจากคนที่เข้ามาศรัทธาหลวงพ่อก่อนปี ๒๕๒๗ .... ถ้ายึดถืออย่างนี้บุคคลที่เขาศรัทธาหลวงพ่อมาก ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามคำสอนหลวงพ่อ แต่มาหลังปี ๒๗ เขาก็อาจด้อยกำลังใจได้....พระสัทธรรมหลวงพ่ออาจตั้งอยู่ได้ไม่นาน.....ผมว่าอย่างไรก็ตามควรยึดถือจากคำที่หลวงพ่อสอนวิธีการรับเป็นศิษย์ไว้เป็นบรรทัดฐานจะดีกว่านะ...ครูฝึกมโนฯ ทุกท่านซักซ้อมคำสอนส่วนนี้ให้ดีนะครับ วัดท่าซุงอยู่ไม่ได้หลอกนะครับถ้าต่อไปไม่มีศิษย์ที่มาหลังปี ๒๗....



"..คนที่ต้องการเป็นศิษย์ ไม่ต้องขออนุญาต ขอให้ปฏิบัติตามนี้ อยู่ที่ไหน ไม่เคยเห็นหน้ากันเลยก็รับเป็นศิษย์ คือ
1. ศิษย์ชั้น 3
พยายามรักษาศีล 5 เสมอ อาจจะขาดตกบกพร่องบ้าง แต่ก็พยายามรักษาให้ครบถ้วนให้มากที่สุดที่จะทำได้ อย่างนี้ ขอรับไว้เป็นศิษย์ชั้น 3 คือ ศิษย์ขนาดจิ๋ว

2. ศิษย์รุ่นกลาง มีปฏิปทาดังนี้
มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ พยายามรักษาอารมณ์ให้ทรงสมาธิเสมอตามสมควร ไม่ละเมิดศีลเป็นปกติ อย่างนี้ ขอรับไว้เป็นศิษย์รุ่นกลาง

3. ศิษย์เอก มีปฏิปทา ดังนี้ก. รักษาศีล 5 ครบถ้วนเป็นปกติ. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ไม่สงสัยในความดีของท่าน มีอารมณ์ตั้งมั่นว่า ถ้าตายไปจากคนชาตินี้ ขอไปนิพพานจุดเดียว พยายามละความโลภ ความโกรธ ความหลงเป็นปกติ ..."

http://th.wikipedia.org/wiki/พระราชพรหมยาน_(วีระ_ถาวโร)

 

ขอเล่าให้ฟังสักเรื่องแล้วกันครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ฝึกมโนมยิทธิ

ฝึกมายังไม่ถึง 2 ปี จะเป็นเด็กฝากหรือสายตรงก็ไม่รู้ได้

ช่วงแรกๆที่ฝึก พอขึ้นไป ครูบาอาจารย์ ท่านก็บอกว่า ให้ขึ้นไปทุกวัน

เราก็พยายามขึ้นไปบ่อยๆ เกือบทุกวัน ครูบาอาจารย์ ก็บอกว่า ให้ขึ้นไปบ่อยๆ

วันหนึ่งก็อยากไปเต็มกำลัง เลยนั่งนาน ก็ขึ้นไปได้

คราวนี้ครูบาอาจารย์ท่านมาหลายองค์เลย แล้วก็สั่งว่าให้ขึ้นเต็มกำลังทุกวัน

พอขึ้นเต็มกำลังทุกวัน ครูบาอาจารย์ ก็สั่งต่อว่า ให้ขึ้นเต็มกำลัง เช้า กลางวัน เย็น

ตอนนี้ท่านสั่งแค่นี้ ผมก็ทำแค่นี้

มีวันหนึ่งงานตอนกลางวันยุ่งมาก ผมเลยลักไก่ขึ้นไปครึ่งกำลัง

ท่านนั่งอยู่ที่วิมานของผม ไม่พูดอะไร

ผมอาย เลยรีบกราบพระแล้วลงมา ตั้งกำลังใจใหม่ขึ้นไปแบบเต็มกำลัง

ผมว่าท่านดูศิษย์ของท่านทุกคนนะ อย่างน้อยควรทรงศีล 5 ให้เป็นปกติให้ได้

แต่ของผมเต็มเหนี่ยว ศีล 5 กุศลกรรมบท 10 สังโยชน์ 3

ทรงฌานในพรหมวิหาร 4 เพราะผมตั้งใจว่าจะไม่เกิดอีกแล้ว

 

ที่หลาย ๆ ท่านมาตอบคำถามในหัวข้อนี้ ก็ตอบตามสิ่งที่หลวงพ่อท่านได้บอกมาครับ ไม่ได้ต้องการจะยกตนข่มท่านว่าใครมาก่อน ใครมาทีหลัง ใครจะเป็นคนที่ตามหลวงพ่อมา ใครที่เป็นเด็กฝาก

ถ้าคิดมากแบบนี้ ผมเชื่อว่า คงต้องมีคนคิดมากอีกเป็นแสน ๆ คน หรือเป็นล้าน ๆ คนแน่ ๆ เพราะ

บางคนก็เกิดไม่ทันหลวงพ่อ นี่ยิ่งหนักกว่าอีก

บางคนเกิดทัน ศรัทธาทันสมัยหลวงพ่ออยู่ แต่ก็อาจจะไม่ได้ใกล้ชิดเหมือนอีกหลาย ๆ ท่านที่ได้รับใช้หลวงพ่อโดยตรง นี่ก็อาจจะคิดมากได้อีก ทำไมตัวเองไม่มีโอกาสได้รับใช้หลวงพ่อหนา ฯลฯ

ปัญหาเหล่านี้ ก็จะเป็นการพิสูจน์เรื่องของสิ่งที่เราท่านได้ปฏิบัติมาครับว่า เราทำมาดีมากน้อยแค่ไหน

ขึ้นอยู่กับกำลังใจของผู้รับสารต่อไปว่า รับแล้วรู้สึก หรือเอาไปปรุงแต่งขนาดไหนอย่างไร

ถ้าปรุงแต่งมากก็จะยิ่งเตลิดไปกันใหญ่ เสียอกเสียใจ กำลังใจตก ปฏิบัติธรรมก็ไม่ได้ผลแน่ ๆ


พระสัทธรรมของพระพุทธองค์ ที่หลวงพ่อได้เมตตานำมาถ่ายทอดนั้น ไม่มีทางหายไปไหน ตราบใดที่ลูกหลานยังตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังครับ

เรื่องเด็กฝากหรือไม่ฝากนี่ ก็คือพระสัทธรรมอีกข้อหนึ่งที่เห็นได้ชัด ๆ เลย

ถ้ารู้แล้ววาง รู้แล้วละ ก็จบ เพราะก็คือธรรมะในส่วนของ โลกธรรม ๘ พรหมวิหารธรรม ๔ หรือจะเอาให้ชัด ๆ ก็คือ สักกายทิฏฐิ ตัวเป้ง ๆ เลย

ทีนี้ ก็ต้องมาขึ้นกับเราท่านแล้วล่ะครับว่า จะทำอย่างไรกับปัญหาเหล่านี้ จะจัดการกับปัญหาเหล่านี้อย่างไร ?

 

สิ่งที่ผมเห็น ก็คือ ตอนนี้มีท่านหนึ่ง กายละเอียดมืดไปแล้ว

โดนจองตัวไปแล้วครับ

 

ผมต้องการความคิดเห็นเท่านั้นครับ มิใช่เจตนาอื่น

 

แค่ความคิดเห็นไม่ได้ปรามาสถึงขนาดตายเวอร์ไปมั้งครับ

 

กายละเอียดมืด ผมไม่ได้หมายถึงตายครับ

หมายถึง กายอบายภูมิ กายเปรต กายอสูรกาย กายเดรัชฉาน

กายสัตว์นรกครับ