แกะรอยสถาปัตยกรรมองค์กรซ่อนเงื่อน

ไซออนนิสต์จะตีวงจำกัดแค่เผ่าพันธุ์ยิว เผ่าพันธุ์ที่พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าทรงเลือกไว้ หลังจากวันพิพากษาตามคัมภีร์ไบเบิล เริ่มแรกเป้าหมายก็คือการรวบรวมชาวยิวที่กระจัดกระจายทั่วโลกให้กลับสู่แผ่นดินบ้านเกิด ต่อมาคือการเข้าไปมีอิทธิพลในการจัดการการเมือง เศรษฐกิจ ของโลกผ่านตัวแทนของพวกเขาในประเทศต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องประเทศเผ่าพันธุ์ของตนเอง ชาวยิวที่ทำความเจ็บแสบแก่ประเทศไทยมากที่สุด คงพอจำกันได้ ก็คือ จอร์จ โซรอส

เมสัน เป็นสมาคมที่ค่อนข้างเปิดกว้างสำหรับเข้าเป็นสมาชิก นับถือศาสนาใด เชื้อชาติใด ไม่เป็นปัญหา เมืองไทยก็มีนะครับ แต่ก็ต้องมีเงื่อนไขทางฐานะทางสังคมอยู่บ้าง นอกจากนี้ต้องผ่านพิธีกรรมสาบานตนตามแบบฉบับของพวกเมสัน ซึ่งมันก็เหมือนกับออกจากศาสนาเดิมของตัวเองอยู่ในที การเข้าถึงตำแหน่งสูงๆตามองศาก็สุดแล้วแต่การยอมรับของเหล่าสมาชิกด้วยกัน (นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้การเลื่อนองศาให้สูงขึ้นได้ อย่างเช่น ด้านชื่อเสียง สถานะทางสังคม เงินบริจาค ความรู้ความสามารถ) ก็เป็นไปได้ที่ชาวยิวที่เป็นกลุ่มไซออนนิสต์สามารถแฝงเข้าไปได้กลุ่มเมสัน ชาวยิวไซออนนิสต์บางคนอาจจะเข้าถึงระดับองศาที่ 33 มาแล้ว พวกระดับองศาไม่สูงนักจะไม่ค่อยมีสิทธิมีเสียงเท่าไหร่ การรับรู้ข้อมูลก็อยู่ในวงจำกัด

อิลลูมินาติ กลุ่มชนในตำนาน ขอเรียกว่าตำนานละกันนะครับ เพราะยังไม่มีใครบ่งบอกหรือยืนยันหลักฐาน สถานที่ บุคคล ได้อย่างชัดเจนเหมือนพวกเมสันหรือพวกไซออนนิส เชื่อกันว่าอิลลูมินาติเป็นพวกหัวก้าวหน้า นักคิด นักเขียน นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ ในยุคสมัยที่สังคมตะวันตกอบอวลไปด้วยความเชื่อทางศาสนา ห้ามกระทำสิ่งใดที่แสดงออกถึงการคัดค้านอำนาจแห่งพระเจ้า การแสดงออกในความคิดต่างแบบนี้จึงยังต้องกระทำกันอย่างปิดบัง อาจจะได้จากการพุดคุย สนทนา การเขียนจดหมาย การใช้สัญลักษณ์พิเศษเฉพาะกลุ่ม หรือแม้แต่แฝงไว้ในภาพเขียนต่างๆ แต่จะให้มานั่งเขียนหนังสือเผยแพร่ความคิดแก่สาธารณชนก็อาจถูกเพ่งเล็งจากศาสนจักรได้ กลุ่มอิลลูมินาติถือได้ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคริสตจักรมาตลอด กลุ่มนี้จะนับถือความหยั่งรู้ การรู้แจ้ง การแสวงหาคำตอบกับสรรพสิ่ง การเจริญงอกงามภูมิปัญญามากกว่าจะเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในอำนาจของพระเจ้าหรืออำนาจศักดิ์สิทธิ์ใดๆ สัญลักษณ์ เนตรแห่งการรู้แจ้ง คือสัญลักษณ์ที่พวกเขานำมาใช้แทนอำนาจของพระเจ้า นั่นเอง ซึ่งเดี๋ยวผมจะหยิบมาเขียนในครั้งต่อๆไป

 

หนึ่งในสิ่งที่นักประวัติศาสตร์ผู้ค้นคว้าตำนานอิลลูมินาติ เชื่อกันว่า พวกอิลลูมินาติ ได้แฝงตัวรับใช้ ศาสนจักร มาตลอด ก็คือภาพเขียน Creation of Adam ที่ปรากฏในโบสถ์ Sistine Chapel ในนครวาติกัน ภาพเขียนของ ไมเคิล แองเจลโล ผู้ที่อาจจะเป็นสมาชิกอิลลูมินาติ สาส์นลับเพิ่งถูกถอดออกมาเมื่อไม่กี่ปีนี้

เมื่อพระเจ้าอยู่บนฉากหลังซึ่งก็คือภาพของสมองของมนุษย์ ... ความหยั่งรู้ต่างหากคือพระเจ้าที่แท้จริง คอนเซปต์ของพวกอิลลูมินาติเค้าละ

​

 

ในยุคแรกๆแห่งการค้นคว้าหาคำตอบเกี่ยวกับสรรพสิ่งหรือธรรมชาตินั้น ยังเต็มไปด้วย นักคิด นักสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ (สมัยนั้นยังไม่เรียกว่านักวิทยาศาสตร์) สายวิชา เล่นแร่แปรธาตุ คือ หัวข้อหลักที่นักคิดสมัยนั้นให้ความสนใจ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความคิดเชิงเหตุผลอยู่มากก็ตามแต่ก็ยังซึมซับเอาความรู้ด้านไสยศาสตร์เวทย์มนต์โบราณมาผนวกไว้กับการเล่นแร่แปรธาตุได้เช่นกัน แต่ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ทุกคนนะครับ บางคนก็ปฏิเสธ ดังนั้นพวกอิลลูมินาติในยุคนั้นอาจจะแยกเป็นกลุ่มย่อย ความสนใจใคร่รู้ในด้านไสยศาสตร์ยุคโบราณนี่เอง ก่อให้เกิดพิธีกรรมต่างๆที่พิลึกหรือชวนสนเท่ห์ขึ้น จนถูกศาสนจักรเหมารวมว่าเป็นพวกนอกรีต พวกเพเกิน พวกไร้ศาสนา พวกบูชาซาตาน

 

มองอีกมุมก็คล้ายหัวใจ....เก่งนะคะ...ซ่อนปริศนาไว้ในรูปภาพ
แล้วแต่ใครจะเห็น...ยอมรับว่า...ภาพนี้เห็นมาบ่อยๆ
แต่ไม่เคยจะเห็น...สมองกับหัวใจเลย...คุณซิงค์ออกไซต์ช่างสังเกต
ขอคารวะ..และติดตามต่อไป...like 3 times

 

ดิฉันเคยสงสัยมาตลอดว่าน่าจะมีองค์กรซ่อนเงื่อนที่มีอิทธิพลสูงระดับโลกอยู่เบื้องหลังองค์กรลับบางอย่างที่ใช้ฉากวัดอลังการย่านปทุมบังหน้า เงินทุนมหาศาลมาจากไหน ทีมงานมืออาชีพทั้งนักจิตวิทยา นักโฆษณาการตลาด นักประชาสัมพันธ์มาจากไหน แผนการทำงานล้ำขนาดนี้คิดได้ไง น่าจะมีต่างชาติหนุนหลัง วันนี้เคลียร์ค่ะ

เสาโอเบลิกส์ในวัดดังที่เจ้าของกระทู้เอามาลง...ไม่ใช่ความบังเอิญ ตึก100ปี ลูกกลมๆนั่นในความรู้สึกแรกที่เห็นมันคือ "ดวงตา"ค่ะ ก่อนจะมาดูว่า มีรูปนกยูงอยู่ข้างใน เมื่อสังเกตตึกแวดล้อมสี่มุมเหมือนปิระมิดตัดยอดแล้วเอามาประกบกัน ดูคล้ายสัญลักษณ์ดวงตาเหนือพีระมิด ชวนให้นึกถึงสัญลักษณ์ดวงตาของลัทธิเมสัน

"ภราดรภาพ เสรีภาพ เสมอภาค" คำขวัญของเมสัน คุ้นๆมั้ยคะว่า ม็อบไหนกำลังเรียกร้อง ความเสมอภาค เท่าเทียม ไม่มี พ.. และไม่มี อ.... โดยมีภาคการเมืองหนุนหลังอย่างแข็งขัน แถมระดับบิ๊กเจ้าของภาคการเมืองนั้นยังเป็นสาวกสำคัญของวัดดังอีก

ในประวัติศาสตร์ มีสมาชิกเมสันเกี่ยวข้องกับการทำปฏิวัติโค่นล้มระบบการปกครองแบบกษัตริย์เช่นในฝรั่งเศสและรัสเซีย น่าเชื่อว่า...นี่ไม่ใช่ความบังเอิญอีกเมื่อวัดดังนั้นเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองที่กำลังขับเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนแปลง สององค์กรชักนำสาวกไปในทิศทางเดียวกัน อุดมคติเดียวกันคือ "ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย และยิ่งชัดเจนเมื่อสมาชิกคนหนึ่งของพรรคการเมืองนั้นสมัยดำรงตำแหน่งในสภามีการพูดออกสื่ออย่างชัดเจนถึง "อดีตการล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟในรัสเซีย" ทั้งที่ไม่มีใครถาม

ปัญหาประเทศไทยวันนี้หนักหนากว่าที่หลายคนคิดค่ะ ขออภัยเจ้ากระทูหากนอกเรื่องไปสักนิด

 

ภาพปกอัลบั้ม Dangerous ของไมเคิล แจ็คสัน ซึ่งหลายคนสงสัยว่า เขาตายอย่างมีเงื่อนงำ สัญลักษณ์ในภาพนี้จะเห็น เสาที่เป็นทางเข้าสองข้างเหมือนกับสองเสาในสัญลักษณ์เมสัน มีรูปดวงตาเหนือช่องเสาด้านขวาที่เด็กๆนั่งรถเหาะออกมา (สัญลักษณ์ดวงตาใช้ในลัทธิเมสันและอลูมิเนติ) เหนือช่องเสาด้านซ้ายมีสัญลักษณ์เมสัน และเชื่อว่าน่าจะมีสัญลักษณ์อื่นๆที่ไมเคิลซ่อนไว้ในนี้ ลูกโลกด้านในตรงกลางเหนือเวิ้งทางเข้ามีป้ายเขียนว่า "Dangerous" โลกกำลังตกอยู่ในอันตราย??

 

ขอบคุณครับ คุณโมก เสาสองต้น พวกเมสันจำลองมาจากเสา Boaz และ Jachin ของวิหารโซโลมอน (Solomon temple)

​

ตามต้นฉบับจริงๆ ความสูงเสาประมาณ 6-7 ช่วงตัวคน (1 cubits ประมาณ 50 เซนติเมตร) แต่พวกเมสันใช้มันเป็นสัญลักษณ์จึงย่อส่วนลงมาเพื่อให้เหมาะกับสถานที่หรืออาคาร ... ไพ่ทาโรต์ The High Priestess ก็ปรากฏเสาสองต้นแถมฉากหลังยังเป็น Kabbala อีกด้วย

อุโบสถ ผลงานศิลปกรรมแบบวิหารโซโลมอน-เมสัน กึ่งประยุกต์ ฉบับเมดอินไทยแลนด์



​

บริเวณส่วนหัวของเสา Boaz และ Jachin มีความคล้ายคลึงกับหัวเสาอุโบสถทั้งสองด้าน

​

 

@zincoxide
เสาวิหารของโซโลมอนทำไมถูกนำมาใช้ค่ะ แวบๆว่าเมสันมีความเชื่อเกี่ยวกับบาบิโลนอะไรทำนองนั้น ไม่ทราบว่าเกี่ยวกันมั้ย ยังไม่ได้หาข้อมูลเรื่องนี้ค่ะ
อะเมซิ่งไทยแลนด์ สัญลักษณ์ลัทธิเมสันโผล่ในวัด อันนี้คงไม่ต้องบรรยายเพิ่มอีกแล้ว ที่น่าสนใจคือ การเทศนาของเจ้าอาวาสในปัจจุบันมีการนำค้อนมาใช้
ทำไมพระต้องถือค้อน??
ถ้าไม่ใช่จขกท.เปิดประเด็น ดิฉันคงไม่ใส่ใจอะไรมาก เพราะที่นั่นแปลกๆอยู่แล้ว เพิ่มค้อนอีกอัน คงไม่แปลกไปกว่าเดิม เจ้าอาวาสเคาะค้อนในอากาศในขณะที่เหล่าสาวกขอพรความร่ำรวย แต่ทำไมต้องเป็นค้อนล่ะ
ไม่บังเอิญอีกว่า....ค้อนก็เป็นสัญลักษณของลัทธิเมสัน!

 

ในวัดอลังการที่ปรากฏสัญลักษณ์ชาวลัทธิเมสัน มีทั้งเสาโอโบลิกส์ สิ่งก่อสร้างคล้ายดวงตาเหนือพีระมิด เสาสองต้นวิหารโซโลมอน ค้อน(ของเจ้าอาวาส) ขาดแค่วงเวียน,ตัวG,นกฮูก ซึ่งเชื่อว่าน่าจะแอบซ่อนในสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ยังไม่เคยเห็นในโบสถ์ หวังว่าคงไม่ทำเป็นวงโค้งแบบวิหารเมสันด้วยนะ

 

องศาที่ 33 ฟรีเมสัน สายสกอตติชไรท์ อเมริกา


​

 

ตราสัญลักษณ์ยุคแรกๆ ของ มหาวิทยาลัยเพนซิลซิลเวเนีย ที่เบนจามิน แฟรงคลิน เป็นผู้ก่อตั้ง ... ตำราขนาดลดหลั่นกันไปตามความสูง รูปทรงคล้ายกับปิรามิดที่ยังสร้างไม่เสร็จ พร้อมคำขวัญเป็นภาษาลาติน : SINE MORIBUS VANE - (สิ่งนั้น)จะไร้ค่าถ้าปราศจากศีลธรรม ซึ่งคำว่า "สิ่งนั้น" ครอบคลุมไปถึง กฏหมาย-บทบัญญัติ ในสังคม , สติปัญญา -ความรู้ความสามารถ ของตัวบุคคล

​

แบบวิหารของพวกเมสัน : สังเกตว่าประตูทางเข้าจะมีเสา 2 ต้นประดับอยู่

​

อาคารอนุสรณ์สถานเมสัน จอร์จ วอชิงตัน ตั้งอยู่ที่รัฐเวอร์จิเนีย

​

 

SINE MORIBUS VANE - (สิ่งนั้น)จะไร้ค่า ถ้าปราศจากศีลธรรม ​

บางทีเบนจามิน แฟรงคลิน อาจทราบดีว่า "สิ่งนั้น" (ซึ่งหมายถึงส่วนที่ขาดหายของปิรามิด) คืออะไร ... อำนาจของมันอาจจะทำลายได้ทุกสิ่งแม้กระทั่งศีลธรรมของมนุษย์

ทำให้นึกถึง ... ภาพยนตร์เรื่อง Lord of the ring มีเพียงฮอบบิทหนุ่มที่ต้านทานอำนาจอันยวนยั่วของแหวนวงนี้ เขาจึงต้องรับภาระนำมันไปทำลาย

แหวนแห่งอำนาจที่ก่อเกิดสงครามแย่งชิงกันยาวนาน





แหวนซึ่งเย้าหยอกกิเลสแห่งมนุษย์ให้ตกเป็นทาส




แหวนซึ่งอาจจะไม่มีมนุษย์คนใดบนโลกจะควรคู่

"สิ่งนั้น" ... ก็คงเช่นกัน​

​

หมายเหตุ : ขึ้นต้นเป็น แดน บราวน์ พอแตกใบอ่อนกลายเป็น โทลคีน ซะงั้น ... ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ;aa8

 

​

 

ค้อน เป็นเครื่องมือของช่างสลักหิน พวกเมสันเชื่อกันว่าบรรพบุรุษชาวเมสันคือผู้สร้าง (Builder ซึ่งหมายรวมถึง สถาปนิก-นายช่าง) สิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่ อาทิ วิหารโซโลมอน ปิรามิดที่อียิปต์ เป็นต้น นอกจากอุปกรณ์ช่างสลักหินที่เราเห็นบ่อยๆแล้ว ผ้ากันเปื้อน (Masonic apron) ของช่างสลักหินก็นำมาใช้เป็นเครื่องแบบของสมาคมอีกด้วย

​

เรื่อง ค้อนหากมองในแง่การใช้งาน มันเป็นได้ทั้งอุปกรณ์รังสรรค์ผลงาน-เครื่องมือแห่งการทุบทำลาย ในตัวเดียวกัน (ผู้สร้าง-ผู้ทำลาย) ค้อนยังแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งอำนาจในการตัดสินชี้ขาดต่างๆ เช่น พิจารณาคดีในชั้นศาล-การประชุมสภาต่างๆ - การประมูล เป็นต้น

ส่วนเสา Boaz และ Jachin ต้นแบบมาจากวิหารโซโลมอน คิดว่าพวกเมสันดัดแปลงรุูปทรงตามศิลปนิยมให้เข้ากับยุคสมัยและรูปทรงอาคารสถานที่ด้วยครับ นอกจากนี้ ขั้นตอนการรับสมาชิกใหม่ของพวกเมสันนั้น จะมีประเพณีพิลึกๆแม้กระทั่งการกอด การจับมือ ก็จะมีแบบฉบับของตัวเอง การจับมืออีกแบบก็คือ BOAZ grip ซึ่งผู้ที่เข้าใหม่ต้องบอกให้ได้ว่าการจับมือแบบนี้เรียกว่าอะไร ลักษณะตามรูปด้านล่าง

​

ดังนั้นสมมติในกรณีแรกเจอ (ไม่ได้แต่งเครื่องยศเมสัน) ต่างฝ่ายต่างไม่ทราบมาก่อนว่าอีกฝ่ายเป็นพวกเมสันเหมือนตนหรือไม่ การทักทายด้วยการกอด-การจับมือ (อาจจะไม่ใช่แบบ BOAZ เพราะขึ้นอยู่กับคนทั้งคู่อยู่ในระดับองศาที่เท่าไหร่ด้วย) คือ สิ่งยืนยันว่าเราทั้งคู่เป็นพวกเมสันเหมือนกัน

​

โอบามา-แมคเคน สมัยเลือกตั้งประธานาธิบดี ... อย่างไรก็ตามอย่างเพิ่งด่วนสรุปนะครับ กอดแบบฉบับของเมสันมีจุดสังเกต 5 จุดถ้าครบทั้งห้าก็มีโอกาสสูงที่ว่าทั้งคู่เป็นพวกเมสัน

​

ภาพด้านล่าง ... ยกตัวอย่างการกอด ผมไม่ได้ยืนยันว่าทั้งคู่เป็นพวกเมสันนะ เขาอาจจะพิศวาสกันเป็นการส่วนตัวก็เป็นได้ (ถ้ารักกันก็น่าจะย้ายครอบครัวที่เมืองไทยไปอยู่ด้วยกันที่นั่นซะให้หมด ไม่ได้ไล่นะครับแค่หวังดี คนรักกันก็ควรอยู่ใกล้ๆกัน)

​

ภาพด้านล่างก็เช่นกัน ... เครื่องราชเขมร ถ้ารูปลักษณ์นี้ไม่ได้รับอิทธิพลจากต้นแบบเครื่องราชของฝรั่งเศส (เขมรตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ตั้งแต่สมัยช่วงรัชกาลที่ 5 ของไทย) ก็มองดูคล้ายกับเครื่องประดับของพวกเมสันได้เช่นกัน

​

กางเขน Teutonic หนึ่งในเครื่องหมายของพวกเมสันสายอัศวิน

​

 

ลองลากเส้น Paris meridian ผ่าน Saint Sulpice ขึ้นไปจะตรงกับด้านหน้าของ Louvre Pyramid (ปิรามิดพิพิธภัณฑ์ลูฟว์)

​

ซึ่งแนวเส้นที่ลากผ่านพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ (Louvre meseum) ไปยัง เสาโอเบลิกส์ลักซอร์ (Luxor obelisk) ยาวไปถึง ประตูชัย (Arc de triomphe) ... แนวเส้นตรงนี้เรียกว่า แกนกลางประวัติศาสตร์ (L'Axe historique) ซึ่งจะเห็นจากภาพแรกว่าจะตัดกับเส้น Paris Meridian ที่บริเวณลานด้านหน้าปิรามิดลูฟว์

​

เสาโอเบลิกส์ลักซอร์ ย้ายมาจากเสาด้านซ้ายหน้าวิหารลักซอร์ ประเทศอียิปต์

​

ถัดไปยังฝั่งตะวันตกตามแกนกลางประวัติศาสตร์ของกรุงปารีส คือ ประตูชัย ซึ่งตั้งอยู่กลางจัตุรัสแห่งดาว (Place de l'Étoile)

​

ซึ่งเมื่อขยายภาพดูแล้ว จัตุรัสแห่งนี้มีเส้นทางแยกได้ 12 เส้น แทนด้วยจักราศีทั้ง 12 (ผมวางตำแหน่งคร่าวๆนะครับ ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไร)

​

 

ไพ่ทาโรต์ หมายเลข 14 (XIV) : Temperance สังเกตตรงส่วนศีรษะของเทวฑูตนะครับ... วงกลมมีจุดตรงกลางตรงหน้าผากเป็นสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์ ทรงผมก็มีรูปทรงแปลกๆ มีรัศมีฉายรอบศีรษะ

​

ศีรษะของเทวฑูต ผู้วาดมีเจตนาซ่อนรูปทรงของดวงตาไว้ จะสังเกตว่ามีปมเส้นผมเล็กๆด้านขวามือของเทวฑูตจะแทนตำแหน่งหัวตานั่นเอง ส่วนสามเหลี่ยมในกรอบสี่เหลี่ยมบริเวณหน้าอกน่าจะแทนว่าเทวฑูตชาย หรือถ้ามองโดยรวมก็อาจจะหมายถึง เนตรแห่งการรู้แจ้งเหนือปิรามิด ก็เป็นได้

​

 

​

โฉมหน้า นาย แอนเดอร์ส เบห์ริง เบรวิค อายุ 32 ปี (2011) สัญชาตินอร์เวย์ ผู้ก่อการร้ายวางระเบิดกรุงออสโลและสังหารหมู่บนเกาะอูโทย่าในประเทศนอร์เวย์ หากยังพอจำกันได้เหตุการณ์ครั้งนั้นสะเทือนขวัญคนทั้งโลก คนร้ายวางแผนก่อวินาศกรรมกลางกรุงออสโลโดยใช้คาร์บอมบ์เพื่อดึงความสนใจของตำรวจและสื่อมวลชน

​

หลังจากนั้นจึงออกเดินทางไปยังเกาะอูโทย่าทางตอนใต้ของกรุงออสโล ซึ่งในขณะนั้นเองเด็กวัยรุ่นชายหญิงอายุ15-16 ปีจำนวนเกือบร้อยชีวิตกำลังเข้าแคมป์ฤดูร้อน ทันทีที่นาย แอนเดอร์ส เบห์ริง เบรวิค ก้าวลงจากเรือพร้อมอาวุธปืน ฉากฆาตกรรมหมู่อันโหดเหี้ยมก็เกิดขึ้น ฆาตกรเดินขึ้นไปบนเกาะอย่างใจเย็นกระชับปืนในมือลั่นกระสุนสังหารเหยื่อทีละคน เหยื่อบางคนต้องกระโดดลงน้ำเพื่อหนีแต่นั่นก็ยังไม่สามารถหยุดการตามล่าของฆาตกรลงได้ เหตุการณ์สังหารหมู่ดำเนินต่อไปจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนทราบเหตุจึงนำกำลังเข้าไปจับกุม ฆาตกรยอมจำนนแต่โดยดี เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตถึง 77 คน (หนึ่งในนั้นเป็นหญิงสาวชาวไทย)

​

เฮลิคอปเตอร์ที่บินวนรอบเกาะสามารถจับภาพคนร้ายขณะลงมือสังหารเหยื่อ

​

เหตุจูงใจของฆาตกร นักวิเคราะห์เชื่อว่าเขา เป็นพวกต่อต้านอิสลาม-นิยมลัทธิไซออนนิสต์-เป็นพวกคริสตชนหัวรุนแรง-ตลอดจนเชื่อว่าตนเป็นอัศวินเทมพลาร์ นักทฤษฎีสมคบคิดบางคนยังเชื่อว่าเขาเป็นสมาชิกฟรีเมสัน แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด

​

สุดท้าย : เกือบลืมบอก เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนั้นเกิดเมื่อ ปี 2011 เดือนกรกฎาคม วันที่ ... 22

 

โพสที่ 178 เราทราบถึง แกนกลางประวัติศาสตร์ ของนครปารีสกันแล้วนะครับ เป็นเส้นตรงที่ลากผ่านสิ่งก่อสร้างสำคัญสามตำแหน่ง คือ ประตูชัย - เสาโอเบลิกส์จากวิหารลักซอร์ - พิพิทธภัณฑ์ลูฟว์

จุดที่เส้น Paris Meridian ตัดกับเส้นตรงที่ลากผ่าน แกนกลางประวัติศาสตร์ คือ อนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งตั้งอยู่ด้านซ้ายหน้าปิรามิดลูฟว์

​

อีกมุมหนึ่ง

​

 

เหตุเพราะ แกนกลางประวัติศาสตร์ ของนครปารีส เป็นการวางผังตามแนวเส้นตรง มีเสาโอเบลิกส์จากวิหารลักซอร์ เป็นส่วนประกอบ ผมก็เลยลองเทียบกับผังของกรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งเป็นเส้นตรงเช่นเดียวกัน ... แนวเส้นตรงของกรุงวอชิงตันซึ่งพาดผ่าน U.S. capitol - มีเสาโอเบลิกส์ที่ชื่อว่า Washington monument - สระสะท้อน - อนุสรณ์สถานลินคอล์น

​

จากภาพ

ด้านบนคือ แกนกลางประวัติศาสตร์ นครปารีส (เส้นสีแดง) - ด้านล่าง เป็น แนวเส้นตรงกรุงวอชิงตัน

จุด A,B และ C คือ ประตูชัย-เสาโอเบลิกส์-อนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (พิพิทธภัณฑ์ลูฟว์) ตามลำดับ PM คือ เส้นสีเขียวคือ เส้น Paris Meridian



พิจารณาเส้นตรงสีเหลือง (แนวตั้ง) เมื่อเทียบกันแล้ว (มาตราส่วนแผนที่เท่ากัน)

จุด A ประตูชัย ใกล้กับตำแหน่ง อนุสรณ์สถานลินคอล์น

จุด B เสาโอเบลิกส์จากวิหารลักซอร์ ห่างจากตำแหน่ง Washington monument (แนวเส้นตรงสีน้ำเงิน) ในระยะค่อนข้างไกล

ส่วนจุด C อนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 หน้าพิพิทธภัณฑ์ลูฟว์ (จุดตัดของเส้นสีแดง-เขียว) อยู่ตรงส่วนทางเข้าฝั่งตะวันออกของ U.S. capitol

จะสังเกตว่า ตำแหน่งต่างๆที่เทียบกันไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ในเชิงสัญลักษณ์มากนัก

 

สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งของสองเมืองหลวง ก็คือ เสาโอเบลิกส์

เสาโอเบลิกส์ ของนครปารีส ขนย้ายมาจากวิหารลักซอร์ในประเทศอียิปต์ ส่วนอีกเสาหนึ่งนั้นสร้างขึ้นเพื่อให้ชาวอเมริกันรำลึกถึงท่านจอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกา

ถ้าเราใช้ เสาโอเบลิกส์ของทั้งสองนครมาเป็นจุดอ้างอิง ละ ... แต่ถ้าเลื่อนขยับซ้ายขวาเกรงว่าจะพิสดารไม่พอ ผมก็เลยหมุน แกนกลางประวัติศาสตร์ ของนครปารีส ไป 180 องศา นั่นคือนำทิศตะวันตกของนครปารีสตรงกับทิศตะวันออกของกรุงวอชิงตัน ดังนั้นเราจะเห็นเส้น Paris Meridian (PM-เส้นสีเขียว) กลับทิศไปอยู่อีกฟาก

​

จากภาพ

จุด B เสาโอเบลิกส์ทั้งสองตรงตำแหน่งกัน ตามแนวเส้นสีน้ำเงิน

จุด C อนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ตรงกับส่วนหลังของอาคารอนุสรณ์สถานลินคอล์น

วงกลมสีเหลือง ที่ไม่มีตัวอักษรกำกับ เป็นวงเวียน(จัตุรัส) บนแกนกลางประวัติศาสตร์ ของนครปารีส ตรงกับ Hirshhorn Museum อาคารพิพิทธภัณฑ์ศิลปะทรงกระบอก ซึ่งมองจากด้านบนก็มีรูปร่างคล้ายกับ วงเวียน(จัตุรัส) บนแกนกลางประวัติศาสตร์

​

ส่วนจุด A ประตูชัย อยู่ตรงส่วนทางเข้าฝั่งตะวันออกของ U.S. capitol (ประตูกลางจัตุรัสแห่งดวงดาว อยู่หน้า มหาวิหารแห่งลม )

​

ทั้ง ประตูชัย และ U.S. capitol ทั้งสองมีความคล้ายกันอยู่อย่างหนึ่ง (เท่าที่นึกออกตอนนี้) คือ ทั้งสองถูกสร้างโดยพวกเมสัน

ประตูชัย - Arc de triomphe de l'Étoile เริ่มสร้างในสมัย จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 หรือ นโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoléon Bonaparte)

​

สังเกต สัญลักษณ์พวกเมสัน

​

งานวางศิลาฤกษ์ U.S. capitol ปี 1793 โดยท่าน จอร์จ วอชิงตัน อยู่ในชุดสมาชิกเมสันเต็มยศ

​