เชิญบูชา "เหรียญพระศรีอารย์-ลป.ทวด" เพื่อร่วมสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ ลป.ญาท่านสวน

ความคืบหน้า ณ วันที่ 9 เมษายน 2556

 

"หลวงพี่พระประชิต" (อดีตพระเลขาหลวงปู่ญาท่านสวน - ผู้ดูแลเรื่องการก่อสร้างถาวรวัตถุทุกอย่างภายในวัดนาอุดม) คอยดูแลเรื่องการก่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ศรีอุบลอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน

 

ขอเรียนเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญกันนะคะ

 

.



ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมลงไปทางภาคใต้
ได้มีโอกาสไปกราบพระปฏิบัติดีของสายเขาอ้อ
ขอนำรูปภาพ+ประวัติมาให้ชมกัน

<a href="http://pic.free.in.th/id/9c3b14639e570dd49bc01cbd798d199d" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/z/in/il101.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>


หลวงพ่อเล็ก ปุญญโก วัดประดู่เรียง
พระผู้ถือสันโดษแห่งสายเขาอ้อ ​

ประวัติ
พระอาจารย์เล็ก ปุญฺญโก เดิมชื่อ ทองแก้ว มธุรส เป็นบุตรของ นางด้วน นายร่ม มธุรส
เกิดที่ บ้านควนถบ ลำปำ จ.พัทลุง เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๒๒ เมื่อ อายุ ได้ ๗ ขวบ
โยมพ่อได้นำไปฝากให้เรียนหนังสือกับหลวงลุง คือพ่อท่านสมภารเกลื่อม แห่งวัดทะเลน้อย
ซึ่งเป็นสหธรรมมิก กับพระอาจารย์ทองเฒ่า ปรมาจารย์ผู้พร้อมด้วยอภิญญาแห่งวัดเขาอ้อ

คนรุ่นเก่าเล่าว่า พระอาจารย์ทองเฒ่า เหมือนดวงอาทิตย์ จำเริญด้วยอิทธิฤทธิ์มากมาย
พ่อท่านสมภารเกลื่อม เหมือนดวงจันทร์ คือถึงพร้อมด้วย บุญญฤทธิ์ อันประเสริฐ
ท่านมีบุญญาภินิหารมากมายจนท่านพระอาจารย์ทองเฒ่า ยอมรับ
พ่อท่านสมภารเกลื่อม สามารถ ทำให้จระเข้ 2 น้ำ ชึ่งดุมากๆ เชื่องได้ จนเด็กขึ้นขี่หลังและจับเล่นได้
ซึ่งต่อมา พระอาจารย์เล็กก็ทำได้เช่นกัน

อายุได้ ๑๔ ปี ก็ได้บวชเณร โดยมีพระอาจารย์ทองเฒ่าปรมาจารย์ผู้พร้อมด้วยอภิญญาแห่งวัดเขาอ้อ เป็นพระอุปัชฌาย์
ท่านได้เดินทางไปๆ มาๆ เพื่อศึกษาทางด้านพุทธธรรม พระเวทย์ และสรรพเวทย์วิทยาการต่างๆ จนมีความสามารถหลายด้าน
เมื่ออายุครบบวชก็ได้เข้าอุปสมบท ณ วัดเขาอ้อ โดยมีพระอาจารย์ทองเฒ่า เป็นพระอุปัชฌาย์
พ่อท่านสมภารเกลื่อม เป็นพระกรรมวาจา
เมื่อบวชแล้ว ท่านก็ได้ถือวิเวกหลีกเร้น ไปถือปฏิบัติธรรม ณ วัดประดู่เรียง ซึ่งเป็นวัดร้างมานานรกร้างว่างเปล่า
เต็มไปด้วย ไอ้เข้ ไอ้โขง งูจงอาง งูพิษต่างๆ ชุกชุมมาก และที่สำคัญ คือเป็นดินแดนอาถรรพ์ ผีดุ จนเป็นที่เลื่องลือ
ขยาดกลัวของชาวบ้านแถวนั้นมาหลายชั่วอายุคน...
ท่านได้ถือวิเวกอยู่ที่ ณ วัดประดู่เรียง ซึ่งเป็นวัดร้าง ตั้งแต่อายุท่านได้ ๓๐ ปี
จนกระทั่งท่านและชาวบ้านได้ช่วยกันทำนุบำรุง ซ่อมแซม ก่อสร้างจนเป็นวัดได้สำเร็จในกาลต่อมา
ท่านพระครูสิทธยาภิรัต หรือพ่อท่านเอียด วัดดอนศาลา ได้ยอมรับ
และกล่าวยกย่องท่านพระอาจารย์เล็ก ปุญญโก ต่อหน้าท่านอาจารย์ปาล ปาลธัมโม วัดเขาอ้อ
พ่อท่านคง วัดบ้านสวน และขุนพันธรักษราชเดช ว่า
พระอาจารย์เล็ก ปุญญโก ท่านประดู่เรียง บรรลุภูมิธรรมขั้นสูงสุดมาแต่ครั้งหนุ่มๆ
และเน้นย้ำให้เคารพยำเกรงอยู่เสมอๆ ไม่จำเป็นอย่าได้ไปรบกวน

ท่านพระอาจารย์เล็ก เป็นศิษย์น้อง คู่สวด และสหธรรมิกของท่านพระครูสิทธยาภิรัต พ่อท่านเอียด
ให้ความเกรงใจมากและจะเรียกท่านอาจารย์เล็ก ว่า “ท่านประดู่เรียง” จนติดปากทุกคราไป

พระอาจารย์เล็ก ปุญญโก ได้จำพรรษาและเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดประดู่เรียง มาตั้งแต่ราวปี พ.ศ. ๒๔๕๕
จนมาถึงแก่กาลมรณภาพในยามอรุณเช้าวันออกพรรษา ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ อายุได้ ๑๐๘ ปีพอดี

ทุกคราวที่มีการชุมนุมศิษย์ และมีพิธีกรรมต่างๆ ของวัดเขาอ้อ วัดดอนศาลา วัดบ้านสวน คราใด ๆ
พ่อท่านเอียด และคณะศิษย์ทั้งปวง ต้องนิมนต์พระอาจารย์เล็ก ปุญญโก ไปร่วมพิธีในฐานะ พระอาจารย์คนสำคัญทุกครั้งไป

การสร้างวัตถุมงคล

หลวงพ่อเล็ก ปุญญโก เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่งของจังหวัดพัทลุง วัตถุมงคลที่สำคัญ เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก เนื้อทองแดง สร้างเมื่อ พ.ศ.2523


พระอาจารย์เล็ก ไม่นิยมสร้างอิทธิวัตถุมงคล มีการร้องขอรบเร้ามาแต่ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ท่านก็ไม่ยอม
จนมาในช่วงระยะวัยชราภาพมากแล้ว คณะศิษย์ของท่านนำโดยพระอาจารย์ศรีเงิน อาภาธโร วัดดอนศาลา
ได้ขออนุญาตจัดสร้าง เมื่อปี 2523 ท่านจึงยอมให้สร้างเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ขึ้นมาจำนวน 9999 เหรียญ
เหรียญนี้ได้ปลุกเสกมาครบ 3 ปี จนมาได้ประกอบพิธีพุทธาภิเสก ครั้งใหญ่ขึ้น เมื่อปี พศ. 2525
ณ พระอุโบสถ วัดประดูเรียง
ในพิธีนี้ได้เกิดเหตุการณ์อันแปลกประหลาดขึ้นเมื่อพระอาจารย์เล็ก ปุญญโก ได้ทำพิธีจุดเทียนชัย
ทันใดนั้นได้เกิดเสียงกัมปนาทหวาดไหว ขึ้นถึง3 ครั้ง พระอุโบสถซึ่งเป็นอิฐถือปูนได้สะเทือนเลื่อนลั่น
ไหวสะท้านทั้งหลัง 3 ครั้งกระเบื้อง ดินเผาซึ่งมุงหลังคาพระอุโบสถได้ลั่นเกรียวกราว เนิ่นนาน
จนเป็นที่ประหลาดใจ ทั้งพระคณาจารย์ พระสงฆ์องค์เจ้า และผู้ช่วยงานตลอดจนบุคคลหลายสิบคนที่ได้อยู่ร่วมพิธีในครั้งนั้น
พระคณาจารย์ ที่รับนิมนต์มาร่วมประกอบพิธีพุทธาภิเสก เมื่อปี พศ. 2525 ครั้งนั้นประกอบด้วยพระคณาจารย์
อันยิ่งยงลือนาม 16 รูปมานั่งปรกพุทธาภิเษก (ตามจำนวนพระคาถาพระเจ้า 16 พระองค์อันศักดิ์สิทธิ์)
พระคณาจารย์ 16 รูป ได้แก่
1. พระอาจารย์เล็ก ปุญญโก
2. พ่อท่านหมุน วัดเขาแดงออก
3. พ่อท่านเจ็ก วัดเขาแดงตก
4. พระครูพิศิษย์บุญสาร (พระอาจารย์ปลอด ปุญญสโร) วัดหัวป่า ระโนด สงขลา
5. พระครูแก้ว ธมฺมิโก วัดโคกโดน พัทลุง
6. พ่อท่านจุล วัดลานแซะ
7. ท่านพระครูกาชาด วัดดอนศาลา
8. พระอาจารย์ศรีเงิน อาภาธโร วัดดอนศาลา
9. พระครูการาม (พ่อท่านพลับ) วัดชายคลอง
10. พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง นครศรีธรรมราช
11. ท่านพระครูวิริยโศภน วัดเกาะยาง
12. พ่อท่านแสง ธัมมสโร วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ ตรัง
13. พระครูสุขุมธรรมพินิจ (พ่อท่านล่อง) วัดสุขุม นครศรีธรรมราช
14. พ่อท่านรุ่น วัดมุขธารา นครศรีธรรมราช
15. พ่อท่านรุ่ง วัดตรังคูภูมิพุทธาวาส
16. พระครูสถิตธรรมโศภน (พ่อท่านคลิ้ง) วัดศรีสุวรรณาราม ตรัง

ท่านเป็นพระแท้ที่มีศีลาจารวัตรงดงามเปี่ยมไปด้วยพรหมวิหารธรรม
มีความรักสันโดษไม่สะสม หรือปรารถนาในลาภสักการะและยศถาบรรดาศักดิ์ใดๆ
ท่านมีความพึงพอใจที่จะอยู่อย่างพระภิกษุธรรมดามากกว่า
ด้วยเหตุผลที่จะได้มีเวลาในการปฏิบัติธรรมมากขึ้น

ซึ่งท่านเคยกล่าวให้ภิกษุที่ใกล้ชิดฟังอยู่เสมอว่า “ได้เป็นเจ้าอาวาสก็มากเกินไปแล้ว”

ทางด้านไสยศาสตร์นั้น ในศิษย์สายเขาอ้อด้วยกันแล้ว ทราบดีว่า
หลวงพ่อเล็กเป็นพระอาจารย์เรืองวิชา ความขลังศักดิ็สิทธิ์ของท่านใช่ด้อยไปกว่าศิษย์เขาอ้อรูปอื่นๆเลยแม้แต่น้อย
แต่ท่านไม่โอ้อวด คุณธรรมของท่านสูงส่ง แต่ถ่อมตน

แม้แต่พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา จะสร้างวัตถุมงคลใดๆ
ยังต้องนำไปถวายหลวงพ่อเล็กปลุกเสกให้อีกก่อนนำออกให้สาธุชนบูชา

เมื่อคราวที่มีผู้ถามหลวงพ่อเล็ก ถึงสมัยที่พ่อท่านเอียด วัดดอนศาลา นิมนต์ท่านไปร่วมสร้าง
และนั่งปรกปลุกเสกพระบน “เขาอ้อ” ด้วย หลวงพ่อเล็กก็ไม่ยอมรับ
พูดอย่างถ่อมตนและมีอารมณ์ขันตามแบบฉบับของท่านว่า
“ฉันไปนั่งเป็นเพื่อนท่านเฉยๆ”

<a href="http://pic.free.in.th/id/c5436ce7950b6a0f057750956cec001a" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/z/iu/44v02.jpg" alt="image by free.in.th" /></a>​

การสร้างวัตถุมงคลครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ 2527 คณะกรรมการและชาวบ้านพร้อมใจกันหล่อพระรูปเหมือนเท่าองค์จริง
ไว้สักการะบูชายามท่านจากไป และได้ขอสร้างวัตถุมงคลขึ้นชุดหนึ่ง
เพื่อหารายได้สร้างมณฑปประดิษฐานพระรูปเหมือนของท่าน
ซึ่งหลวงพ่อเล็กท่านได้ตอบตกลงยินยอมโดยง่าย แต่มีข้อแม้ว่า
1. ต้องทำพิธีเทหล่อที่วัด ไม่อย่างนั้นไม่เอา
2. ท่านต้องเป็นผู้ออกทุนทั้งหมด ไม่อย่างนั้นก็ไม่เอาเหมือนกัน

คณะกรรมการจึงได้ตกลงกันสร้างพระ 5 รายการดังนี้
1. พระรูปหล่อเท่าองค์จริง 1 องค์ ( องค์ที่เห็นในภาพบน )
2. พระรูปหล่อบูชา 5 นิ้ว 100 องค์
3. พระปิดตา 1,000 องค์
4. พระสังกัจจายน์ 1,000 องค์
5. พระรูปหล่อเล็ก 1,000 องค์

ทางเจ้าของโรงงานที่รับงานหล่อพระมีความเคารพนับถือหลวงพ่อเล็กอยู่แล้ว
จึงคิดค่าจ้างแค่ต้นทุนคืน จำนวนเงิน 60,000 บาท เท่านั้น
เมื่อหลวงพ่อเล็กทราบราคาต้นทุนแล้วก็ได้ให้คระกรรมการค้นหาปัจจัยในกุฏิเป็นการใหญ่
ซึ่งใครๆก็ต่างพูดว่า “คงมีไม่พอ”

เมื่อหลวงพ่อเล็กท่านได้ยินเข้าก็พูดขึ้นว่า " ไม่พอ ก็ต้องพอ ”

ปรากฏว่า ทั้งเศษสตางค์และธนบัตรที่หลวงพ่อเล็กวางอยู่ในกุฏิอย่างไม่สนใจไยดีนั้น
เมื่อนับรวมกันทั้งหมดแล้วได้ หกหมื่นบาทพอดี ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่สลึงเดียว
นับว่าเป็นบุญญาภินิหารของหลวงพ่อเล็กโดยแท้จริง
ทั้งๆที่ในสมัยสร้างเหรียญรุ่นแรก ท่านยังมีปัจจัยไม่ถึงหนึ่งพันบาท
เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากที่ไม่ทราบว่าท่านหามาได้อย่างไร และก็บังเอิญมีตรงกับค่าจ้างที่นายช่างเรีกยร้องพอดีอย่างไม่น่าเชื่อ

พิธีเทหล่อพระกระทำกันภายในบริเวณวัดประดู่เรียง โดยเริ่มต้นเท พระรูปหล่อเท่าองค์จริง , พระรูปหล่อบูชา , พระปิดตา , พระสังกัจจายน์ และ พระรูปหล่อเล็ก ตามลำดับ

หลวงพ่อเล็ก เป็นผู้กำหนดสถานที่และฤกษ์ผานาที พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา ศิษย์เอกที่เคยศึกษาวิทยาคมกับหลวงพ่อเล็กมาช่วยตลอดจนเสร็จพิธีเททองทุกประการ ได้มีศิษยานุศิษย์และชาวบ้านบริจาค โลหะเก่าๆมากมาย มีบางคนที่ศรัทธามากได้ใส่เครื่องทองรูปพรรณ อาทิ ทองคำ นาค เงิน ลงปในเบ้าหลอมด้วย พิธีปลุกเสก หลวงพ่อเล็ก ได้ปลุกเสกเดี่ยวก่อน เเลัวได้จัดพิธีพุทธาภิเษก โดยมีพีกรรมและพระคณาจารย์ ชุดเดียวกับที่ปลุกเสกเหรียญรุ่นแรก ได้แก่
1. หลวงพ่ออินทร์ วัดควนปันตาราม
2. หลวงพ่อสุข วัดประดู่หอม
3. หลวงพ่อเศียร วัดวิหารเบิก
4. หลวงพ่อสลับ วัดป่าตอ
5. หลวงพ่อเนื่อง วัดไทรงาม
6. หลวงพ่อแก้ว วัดโคกโดน
7. พระครูกาชาด วัดดอนศาลา
8. พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา
เพียงแต่ขาด หลวงพ่อปลอด วัดหัวป่า (ซึ่งท่านอาพาธ) และเพิ่มพระคณาจารย์อีก3 รูป คือ
1.พระครูกาแก้ว วัดอินทราวาส
2. หลวงพ่อฤทธิ์ วัดบ้านสวน
3.หลวงพ่อพรหม วัดบ้านสวน



ประสบการณ์

1. เรื่องเพื่อนหยอกเพื่อนในวงเหล้า
เมื่อวันสงกรานต์พอเมาได้ที่ เอาปืน๑๑ มม. มาเล่นกัน คนยิงว่าไม่มีลูก เห็นแชะๆ
แต่พอหันปากกระบอกปืนไปทางอื่น ปรากฏว่า ปัง สนั่นสวนยาง
เล่นเอาหายเมากันทั้งวง...
แต่เพื่อน ย่อมอภัยให้เพื่อนครับ (เล่าระบุชื่อไม่ได้ครับ เพื่อนให้อภัย แต่วงศาคณาญาติ ไม่ยอมแน่นอนครับ)
และคนที่โดนปืนเล็ง แขวนพระปิดตาอาจารย์เล็ก วัดประดู่เรียง ปี 2527 องค์เดียว


2. เรื่องวาจาสิทธิ์ ตบะแก่กล้าของตาหลวง
เหตการณ์นี้เกิดกับศิษย์ชาวกทม ขอถ่ายรูปท่าน ท่านก็อนุญาติ
พอถ่ายได้ 2 ภาพ ท่านพูดขึ้นมาบอกว่าพอแล้ว เท่านั้นละครับ
กล้องอย่างดีของคนถ่ายภาพไม่ติดครับ แต่ถ้าหันไปทางอื่นกดลงครับ
หันกล้องกลับมาที่ท่านลองกดดูก็ไม่ติด คนถ่ายภาพฝืนถ่ายต่อทั้งๆที่ท่านบอกว่าพอแล้ว
ไม่ใช่ ว่าจะลองดีนะครับ เป็นเพราะคนถ่ายภาพฟังภาษาใต้ไม่ได้ เลยไม่เข้าใจว่าท่านบอกให้พอ
มารู้ทีหลังตอนที่เพื่อนซึ่งเป็นคนใต้ที่ไปด้วยกันแปลในตอนหลัง

* ผมคัดลอกประวัติมาจากเวบอื่น
เพื่อให้ท่านที่เพิ่งทราบได้รู้จักประวัติและคุณธรรมพระดีเท่านั้น ไม่ได้เน้นในพระเครื่องครับ

...​

 

.

<a href="http://pic.free.in.th/id/416c6a3f4e8401b70d471edffa82e802" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/z/iq/5sr0t.jpeg" alt="images by free.in.th" /></a>



วันนี้ วันพระใหญ่ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕


.....​

คำถามที่ต้องใช้ปัญญาพิจารณา

เป็นคำถามที่พระสารีบุตรถามพระยมกะ ในโอกาสที่พระยมกะจะออกไปประกาศพระศาสนา
โดยในตอนแรก พระยมกะยังมีความเห็นเป็นทิฏฐิว่า พระขีณาสพตายแล้วดับสูญ
หลังจากได้อบรมชี้ทางธรรมให้แล้ว พระยมกะได้ธรรมบรรลุเป็นพระโสดาบัน
ความเห็นจึงถูกต้อง เป็นสัมมาทิฐิ


ขอนำสรุปผลมาเล่าให้ฟังก่อน ดังนี้

พระสารีบุตร : "ถ้ามีใครถามว่าพระอรหันต์ตายแล้วไปไหน ? ท่านจะตอบเขาว่าอย่างไร…."

พระยมกะ : "ข้าพเจ้าจะตอบว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดขึ้นแล้วดับไป"




ท่านอ่านแล้ว พิจารณาความหมายข้างบน ว่าอย่างไร ?
เย็นนี้ จะมาขยายความเพิ่มให้ครับ

...​

 

ขอตอบตามความเข้าใจของหนูนะคะ คือเกิดขึ้นแล้วดับไปแต่ตราบใดที่ดับไปแล้วแต่ยังมีเหตุให้ต้องเกิดอีกก็ต้องกลับมาเกิดอีก ไม่ได้ดับสูญหายไปไหน เว้นเสียแต่บุคคลที่สามารถละเหตุที่ทำให้ต้องกลับมาเกิดอีกได้ทั้งหมดคือ "โลภ โกรธ หลง" บุคคลนั้นๆก็เป็นอันหลุดพ้นจาก "วัฏจักรธรรมชาติ การเวียนว่ายตายเกิด"

 

.

​

มาฟังธรรมะแบบละเอียด ที่พระสารีบุตรท่านสอนพระยมกะจนได้โสดาปัติผล


พระสารีบุตร มีปฏิภาณในการแสดงพระธรรมเทศนาอย่างไร พึงเห็นในเรื่องสาธกต่อไปนี้
มีภิกษุรูปหนึ่ง ชื่อ ยมกะ มีความเห็นเป็นทิฏฐิว่า พระขีณาสพตายแล้วดับสูญ
ภิกษุทั้งหลายค้านเธอว่า เห็นอย่างนั้นผิด เธอไม่เชื่อ ภิกษุเหล่านั้นไม่อาจเปลื้องเธอจากความเห็นนั้นได้
จึงเชิญพระสารีบุตรไปช่วยว่า ท่านถามเธอว่า

พระสารีบุตร : ยมกะท่านสำคัญความนั้นอย่างไร ท่านสำคัญ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณห้า ขันธ์นี้ว่าพระขีณาสพหรือ
พระยมกะ : ไม่ใช่อย่างนั้น

พระสารีบุตร : ท่านเห็นว่าพระขีณาสพในขันธ์ ๕ นั้นหรือ
พระยมกะ : ไม่ใช่อย่างนั้น

พระสารีบุตร : ท่านเห็นว่าพระขีณาสพอื่นจากขันธ์ ๕ นั้นหรือ
พระยมกะ : ไม่ใช่อย่างนั้น

พระสารีบุตร : ท่านเห็นพระขีณาสพว่าเป็นขันธ์ ๕ หรือ
พระยมกะ : ไม่ใช่อย่างนั้น

พระสารีบุตร : ท่านเห็นพระขีณาสพไม่มีขันธ์ ๕ หรือ
พระยมกะ : ไม่ใช่อย่างนั้น

พระสารีบุตร : ยมกะ ท่านหาพระขีณาสพในขันธ์ห้านั้นไม่ได้โดยจริงอย่างนี้ ควรหรือจะพูดยืนยันอย่างนั้นว่า พระขีณาสพตายแล้วดับสูญดังนี้
พระยมกะ : แต่ก่อนข้าพเจ้าไม่รู้ จึงได้มีความเห็นผิดเช่นนั้น บัดนี้ข้าพเจ้าได้ฟังท่านว่า จึงละความเห็นผิดนั้นได้ และได้บรรลุธรรมพิเศษด้วย

พระสารีบุตร : ยมกะ ถ้าเขาถามท่านว่า พระขีณาสพตายแล้วเป็นอะไร ท่านจะแก้อย่างไร
พระยมกะ : ถ้าเขาถามข้าพเจ้าอย่างนี้ ข้าพเจ้าจะแก้ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่ไม่เที่ยงดับไปแล้ว

พระสารีบุตร : ดีละ ๆ ยมกะ เราจะอุปมาให้ท่านฟัง เพื่อจะให้ความข้อนั้นชัดขึ้น
เหมือนหนึ่งคฤหัสบดีเป็นคนมั่งมี รักษาตัวแข็งแรง
ผู้ใดผู้หนึ่งคิดจะฆ่าคฤหบดีนั้น จึงนึกว่า เขาเป็นคนมั่งมี และรักษาตัวแข็งแรง จะฆ่าโดยพลการเห็นจะไม่ได้ง่าย
จำจะต้องลอบฆ่าโดยอุบาย ครั้นคิดอย่างนั้นแล้ว
จึงเข้าไปเป็นคนรับใช้ของคฤหบดีนั้น หมั่นคอยรับใช้ จนคุ้นเคยกันแล้ว
ครั้นเห็นคฤหบดีนั้นเผลอ ก็ฆ่าเสียด้วยศัสตราที่คม
ยมกะ ท่านจะเห็นอย่างไร
คฤหบดีนั้น เวลาผู้ฆ่านั้นเขามาขออยู่รับใช้สอยก็ดี เวลาให้ใช้สอยอยู่ก็ดี
เวลาฆ่าตัวก็ดี ไม่รู้ว่าผู้นี้เป็นคนฆ่าเรา อย่างนี้ มิใช่หรือ

พระยมกะ : อย่างนี้แล ท่านผู้มีอายุ

พระสารีบุตร : ปุถุชนผู้ไม่ได้ฟังแล้วก็ฉันนั้น
เขาเห็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นตนบ้าง
เห็นตนว่ามีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณบ้าง
เห็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ในตนบ้าง
เห็นตนในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณบ้าง
ไม่รู้จักขันธ์ ๕ นั้น อันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตน
ปัจจัยตกแต่งดุจเป็นผู้ฆ่า ตามเป็นจริงอย่างไร ย่อมถือมั่นขันธ์ ๕ นั้นว่าตัวของเรา
ขันธ์ ๕ ที่เขาถือมั่นนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์และทุกข์สิ้นกาลนาน

ส่วนอริยสาวกผู้ได้ฟังแล้ว ไม่พิจารณาเห็นเช่นนั้น
รู้ชัดตามเป็นจริงแล้วอย่างไร
ท่านไม่ถือมั่นในขันธ์ ๕ ว่าตัวของเรา
ขันธ์ ๕ ที่ท่านไม่ถือมั่นนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์และสุขสิ้นกาลนาน

 

.


คฤหัสบดี เปรียบเหมือนเป็น จิตของเรา
คนรับใช้ ที่มาแกล้งตีสนิทรับใช้แล้วลอบฆ่า คือ ขันธ์ห้า

แม้ถูกฆ่าไปแล้ว ก็ยังไม่รู้เลยว่าฆาตรกรเป็นใคร
จิตก็ยังไม่รู้เลยว่า เหตุใดจึงขุ่นมัว เศร้า เสียใจ
เพราะความคุ้นเคย ยึดติด ยึดมั่นในอัตตาบังตาไว้

พระธรรม จึงมีคำแก้ที่ว่า อนัตตา

...​

 

หลวงปู่ดู่ ท่านกล่าวถึงบทบูชาพระที่นิยมนำมาเรียกกันว่า "คาถาจักรพรรดิ์" ดังนี้ :

"คาถา บทนี้เป็นของดี หมั่นท่องไว้ทุกวัน ปกติเขาไม่ให้กันหรอกเพราะเขากลัวลูกศิษย์จะดีกว่าอาจารย์ แต่ข้าไม่เคยกลัวและไม่ปิดบัง ท่องให้ดีนะอีกหน่อยจะรวย เพราะมีการกล่าวถึงพระสิวลีผู้เป็นเลิศทางลาภไว้ด้วย อาบไปเสกไปก็ได้ กินข้าวก็ได้ ดีทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามาบอกพวกแก ข้าทดลองมาแล้วทั้งนั้น เมื่อดีแล้วจึงมาบอก ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ศรัทธาและหมั่นฝึกฝนปฏิบัติ คนเราอยู่ดีๆจะให้รวยได้อย่างไร ต้องปฏิบัติเสียก่อน ดูอย่างข้าเมื่อก่อนต้องไปยืมเงินเขามาซื้อธูปเทียนใบชามาเลี้ยงแขก เดี๋ยวนี้ของกินของใช้มีใช้เกลื่อนกลาดไป เรามาพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น แกว่าจริงไหมของดีของอร่อยกินก็ไม่ได้ ฟันไม่มี" หลวงพ่อหัวเราะ และยังเสริมอีกว่า

"คนเราต้องทำให้ดีเมื่อดีแล้วจึงรวย แล้วจะได้ไม่ซวย พระจะดีต้องหมดอยาก ถ้ายังอยากอยู่ก็ไม่ใช่พระดี"

 

ร่วมทำบุญคะ่ 300 บาทคะ่
นันทพร สิรโสมานันท์

วันที่ทำรายการโอน: 29/04/2013 12:02:35 PM.
บัญชีผู้รับโอน: 593-2-11033-6
ธนาคารผู้รับโอน: ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
ชื่อผู้รับโอน: คันธ์ชิต บุญลาภวงศ์สกุล เพื่อ กองทุนสร้างเหรียญพร
จำนวนเงิน (บาท): 300.00
ชื่อผู้โอน: นันทพร
ข้อความจากผู้โอน: ร่วมบุญ บูชาเหรียญเนื้อทองแดง (300 บาท)
หมายเลขอ้างอิง: TRTR130429403523506

 

รับทราบตามนั้นค่ะ

ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับคุณ toyotoyo ที่มีส่วนร่วมในครั้งนี้ด้วยนะคะ... สาธุ...

 

ภายใน 1-2 วันนี้พี่ธรรมประทีปมีเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับ "เหรียญพระศรีอาริยเมตไตรย-หลวงปู่ทวด" มาเล่าสู่กันฟังค่ะ

 

ขอนำรูปภาพสมัยที่หลวงปู่ญาท่านสวนยังดำรงขันธ์อยู่มาให้ชมกันค่ะ

หลวงปู่ท่านมีจริยวัตรที่งดงามเรียบง่าย

 

ขอนำรูปภาพสมัยที่หลวงปู่ญาท่านสวนยังดำรงขันธ์อยู่มาให้ชมกันค่ะ

หลวงปู่ท่านเมตตาต่อบุคคลทุกชนชั้นทุกเพศทุกวัย

 

หลวงปู่ท่านจะเมตตาเอ็นดูต่อเด็กๆมากค่ะ

 

.



รายการที่จัดส่งให้แล้ว (ลงทะเบียน)

1. คุณนันทพร ยานนาวา RX 0442 6312 0 TH

2. คุณธรรมทัช จ.พะเยา RX 0442 6313 3 TH




* หากได้รับแล้ว กรุณาแจ้งกลับด้วยครับ




.

 

.












ผมมีเรื่องของเหรียญพระศรีอาริยเมตไตรย หลวงปู่ทวด มาเล่าให้ฟัง
ได้รู้เรื่องนี้มาช่วงใกล้สงกรานต์แล้ว
แต่ผมขอรอให้ได้เจอและฟังจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์จริงก่อนดีกว่า เมื่อ 27/4/56 จึงนำมาเล่าให้ฟัง


มีน้องคนนึง ชอบตระเวนกราบพระสงฆ์ เหมือนๆกับพวกผมกะคุณAnuchang
มีโอกาสได้ร่วมทริปกันบ่อย ช่วงกลางปี55 ช่วงที่เสกแหวนนพสิทธิ์ฯ
ทุกครั้งที่ไป น้องคนนี้ก็จะนำพระบูชาประจำตัวของตนเองไปให้พระท่านเสก
โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะคือ เอาพระบูชาใส่เป้ , เวลาเสกก็เสกทั้งเป้ ทุกครั้ง


เมื่อต้นเดือนเมษา ท่านพระอาจารย์น้อย (ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่ขาว อนาลโย)
ได้มาพำนักที่วัดสิริกมลาวาส หรือวัดใหม่เสนา ใกล้แยกวังหิน
หากใครจำได้ ก็คือวัดหลวงปู่หลอด ปโมทิโต พระอริยสงฆ์สายหลวงปู่มั่น


ท่านพระอาจารย์น้อย ปกติท่านพำนักประจำเพื่อโปรดญาติโยมที่อเมริกา
แต่จะกลับมาประเทศไทย พำนักที่วัดใหม่เสนาเป็นประจำทุกปีในช่วงหน้าหนาว


น้องคนนี้รู้ข่าวก็ไปรอ จนญาติโยมกลับกันหมดแล้วราวๆ 3ทุ่ม จึงเข้าไปกราบ
และเรียนขอท่านเสกพระบูชาของตนเอง
เมื่อได้รับเมตตาอนุญาติ ก็ถวายพระบูชาไปทั้งเป้ ให้ท่านพระอาจารย์น้อยเสก
ท่านเสกพระบูชาให้สักครู่ก็เสร็จ จากนั้นก็ถามว่า

พระอ.น้อย : ไหน ยังมีพระอะไรอีก ?

น้องคนนี้ : ไม่มีแล้วครับ

พระอ.น้อย : ยังมีอีก อยู่ในถุงซิบข้างๆเป้นั่น

*** น้องคนนี้เพิ่งนึกขึ้นได้ ก็เลยเปิดด้านข้าง หยิบออกมาถวายให้พิจารณา ***

พระอ.น้อย : เหรียญพระศรีอาริยเมตไตรย หลวงปู่ทวด ทำมาดี เจตนาสร้างบริสุทธิ์ดี ดีๆ

.....​

มีสิ่งที่น่าคิด


1. พระอาจารย์น้อยท่านมองเห็นเหรียญได้อย่างไร ? ขนาดระบุว่าอยู่ในถุงซิปด้านข้างเป้

2. ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็นรูปลักษณ์พระศรีอาริยเมตไตรย หลวงปู่ทวด
เพราะไม่มีตัวอักษรระบุบอกกว่าเป็นทั้งพระศรีอาริยเมตไตรย และหลวงปู่ทวด
น้องคนนี้ก็ไม่ได้บอกท่าน

3. ที่ท่านบอกว่า " ทำมาดี " แสดงว่าครูบาอาจารย์คงทำให้ดีมาก จนสะดุดจิตพระอาจารย์น้อยในขณะอธิษฐาน


ปล. น้องคนนี้ ได้รับเหรียญพระศรีอาริยเมตไตรย หลวงปู่ทวด ในคราวที่ผมนำไปเสกที่แม่กลอง
พร้อมถวายพระอาจารย์สุรศักดิ์ 100 เหรียญและท่านเมตตาแจกคณะคนที่ไปด้วยกัน คนละ1-2 เหรียญ
พอได้แล้วก็ใส่ข้างเป้จนลืมไปแล้ว



เรื่องนี้ ถือเป็นประสพการณ์โดยบุคคลที่ 3 ที่เป็นพระสุปฏิปันโณในสายหลวงปู่มั่น ท่านรับรองให้เอง

ไม่ใช่บุคคลที่ 1 คือผู้สร้างเหรียญฯ
เพราะถ้าผมหรือคุณหนูเจอเอง แล้วมาเล่า
คนอ่านก็อาจจะคิดว่ากุเรื่องนิยายแน่ มาโม้เพื่อหวังผล จะออกพระจำนวนมาก


ผมเล่าเรื่องนี้มา เพื่อให้ท่านที่ทำบุญ ร่วมสร้างเจดีย์ศรีอุบลบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ถวายหลวงปู่ญาท่านสวน แล้วได้พระเป็นเครื่องระลึกในกุศลนี้
ก็ขอให้ท่านมั่นใจ+ภูมิใจว่า ท่านได้พระเครื่องที่ทำมาดี เสกมาดีแล้ว

ย้ำว่า อย่าเก็บไว้เฉยๆ นำไปเลี่ยมแล้วห้อยคอ

สำหรับผมเอง แขวนเดี่ยวไปเที่ยวทางภาคใต้ช่วงสงกรานต์มาแล้วครับ

.....​

 

ขอบคุณพี่โก๋มากค่ะที่นำเรื่องราวดีๆมาเล่าสู่กันฟัง อย่างที่พี่โก๋และหนูมักจะพูดอยู่เป็นบ่อยๆว่า "พระดีไม่จำเป็นต้องโปรโมท เดี๋ยวถึงเวลาเจ้าของก็จะได้รับไปบูชาครอบครองเอง" ที่เรา 2 คนกล้าพูดยืนยันอย่างนั้นก็เพราะว่าเราทั้ง 2 รู้อยู่แก่ใจว่าเราตั้งใจสร้างพระรุ่นนี้ด้วยเจตนาบริสุทธิ์จริงๆ ทำเพื่อพระพุทธศาสนา ทำเพื่อองค์ครูบาอาจารย์ (หลวงปู่ญาท่านสวน) โดยแท้ ไม่มีอะไรแอบแฝง

ในเบื้องต้นเรามั่นใจในความบริสุทธิ์ใจของเราเต็มร้อย แต่หลังจากนั้นเราก็ได้รับการยืนยันจากพระอริยสงฆ์องค์ครูบาอาจารย์อีกหลายท่านด้วยกัน (รวมทั้งเรื่องราวในครั้งนี้ด้วย) ยิ่งทำให้เราเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น และอีกหลายต่อหลายครั้งที่ญาติธรรมที่ได้ร่วมบุญไปได้ก็ได้มาเล่าสู่กันฟังถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ได้สัมผัสประสบพบเจอ ในความคิดเห็นส่วนตัวนั้นหนูว่าคงยังมีอีกหลายท่านที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเหรียญรุ่นนี้แล้ว เพียงแต่ไม่ได้มาเล่าสู่กันฟังเท่านั้นเอง

หนูเองก็คงขอย้ำเช่นเดียวกับที่พี่โก๋ว่ามาคือ "อย่าเก็บไว้เฉยๆ นำไปเลี่ยมแล้วห้อยคอเลย" แล้วท่านจะรู้เองว่าเหรียญรุ่นนี้ดียังงัย