ปิดรับบริจาค เชิญอนุโมทนา ภาพพิธีเททอง"พระพุทธมารดา ปางอุ้มเจ้าชายสิทธัตถะ"เเละสวดภาณยักษ์หน้า 12

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย ศิษปู่ใหญ่, 3 เมษายน 2013.

  1. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]

    เชิญท่านผู้มีความศรัทธาในองค์ พระเเม่สิริมหามายา พระพุทธมารดา ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพเททองรูปหล่อองค์พระเเม่ขนาดสูง 2.90 เมตร ปางอุ้มพระราชกุมารสิทธัตถะ หล่อจากโลหะทองเหลือง เพื่อประดิษฐาน ณ.สวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่ สุพรรณบุรี

    -องค์พระเเม่สิริมหามายาหล่อจากทองเหลือง สูงประมาณ 290 เซนติเมตร







    กำหนดการ
    วันจันทร์ที่ 22 กรกฏาคม 2556











    ติดต่อขอร่วมเป็นเจ้าภาพได้ที่


    สวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่ "ธนพลาราม"
    (ตรงข้ามวัดโพธิ์เจริญ) บ้านหัวถนน
    ซอย ๒๑ ต.สนามชัย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี






    หมายเหตุ***

    -สามารถส่งเเผ่นทอง เงินนาก มาร่วมบุญได้ ขอสงวนสิทธิ์ขอรับเฉพาะเเผ่นขนาด 5x 5 นิ้วเท่านั้น
    01012006.jpg

    -กรุณาอย่าใส่เงินสดส่งมาทางไปรษณีย์




    ....................................................................................................


    พิเศษ....ในวันงาน เเจกฟรี!!รูปหล่อเนื้อผง..หลวงปู่เทพโลกอุดร (กายฤาษี) เนื้อผงพุทธคุณสีเเดง เเจกฟรีในวันงานเททองหล่อพระพุทธมารดา 22 ก.ค. 56 จำนวน 1200องค์พร้อมน้ำมนต์มหาสมัยสูตร-ภาณยักษ์

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กันยายน 2013
  2. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    เเผนที่มาจร้าาา

    [​IMG]

    แผนที่ไปสวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่ ขับรถตรงเข้ามาจาก กทม. ผ่านบางบัวทอง เข้าสู่อำเภอบางปลาม้า อำเภอเมือง เเล้วจะผ่านห้างโลตัส เเม็คโค ให้สังเกตุซ้ายมือผ่านวัดลาวทองนะค่ะ ขับชิดซ้ายไปเรื่อยๆเข้าถนนโพธิ์พระยาสายเก่า จะผ่านวัดสำปะซิว วัดปู่บัว เเละวัดโพธิ์เจริญ สวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่ฯ จะอยู่ในซอย ตรงข้ามวัดโพธิ์เจริญ (ซอยหัวถนน ๒๑)



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2013
  3. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295


    องค์พระเเม่ที่ทำการหล่อออกมางดงามมากๆครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_7006.JPG
      SAM_7006.JPG
      ขนาดไฟล์:
      101.8 KB
      เปิดดู:
      730
    • SAM_7010.JPG
      SAM_7010.JPG
      ขนาดไฟล์:
      77.4 KB
      เปิดดู:
      721
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กันยายน 2013
  4. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    เหตุผลที่พระพุทธมารดาต้องทิวงคต หลังประสูติพระมหาบุรุษ ๗ วัน

    5_163.jpg

    อนึ่ง กาลเมื่อพระมหาสัตว์ประสูติได้ ๗ วัน พระมารดาก็ทิวงคตไปบังเกิดในดุสิตเทวโลก อันนี้เป็นพุทธธรรมดาทุกๆ พระองค์ แลพระมารดาจะได้สิ้นพระชนมายุแต่เหตุอันประสูติพระโพธิสัตว์นั้นก็หามิได้ พระชนมายุมีประมาณกำหนดสิ้นกาลเท่านั้นจึงทิวงคต อนึ่งพระครรภ์อันเป็นที่สถิตแห่งพระมหาบุรุษเหมือนกุฏิอันใส่ไว้ซึ่งพระเจดีย์ บมิควรที่สัตว์อื่นจะมาบังเกิดร่วมในที่นั้นสืบไป อนึ่ง พระพุทธมารดาก็ไม่ควรจะตั้งอยู่ในที่พระอัครมเหสีอันจะร่วมรสสังวาสกับบุรุษสืบไป เหตุดังนั้นจึงทิวงคต


    เหตุผลที่พระพุทธมารดาต้องทิวงคต :: i-dhamma
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 เมษายน 2013
  5. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    พระนางสิริมหามายา ได้บำเพ็ญกุศลบารมีมาอย่างเต็มเปี่ยมตลอดแสนกัปป์เพื่อความเป็นพุทธมารดา ในสมัยพระเวสสันดร ก็ทรงเกิดเป็นพระนางผุสดี พระมารดาของพระเวสสันดร เมื่อทรงสิ้นอายุขัยก็ได้ไปบังเกิดในดุสิตบุรีเทวพิภพ แล้วจุติลงเกิดในพระครรภ์ของพระมเหสีของพระเจ้าชนาธิปราช แห่งนครเทวทหะ เมื่อครบ 10 เดือนก็ทรงประสูติ ออกมาสมบูรณ์พร้อมด้วยอิตถีลักษณะ 64 ประการ มีเบญจกัลยาณีเป็นต้น พราหมณ์ทั้งหลายได้ตรวจลักษณะและพยากรณ์ว่า จักได้ทรงเป็นพุทธมารดาอย่างแน่นอน

    นอกจากพระรูปโฉมที่งามพร้อมทุกประการ พระนางสิริมหามายาก็ยังทรงมีความวิเศษที่เลิศล้ำกว่าผู้ใด ซึ่งเรียกว่าอัจฉริยธรรม 12 ประการ นั่นก็คือ

    1.เมื่อพระนางถือถาดทองที่เต็มไปด้วยภัตตาหารเลิศรส ทรงสามารถตักอาหารนั้นให้แก่มนุษย์ทั่วทั้งชมพูทวีปให้อิ่มได้ทุกคน อาหารนั้นก็มิได้บกพร่องไปเลย มนุษย์ทั้งหลายที่บริโภคอาหารของพระนางก็มีอายุยืนยาวทั้งสิ้น

    2.เมื่อพระนางทรงสัมผัสกายของผู้เจ็บป่วยคนใดก็ตาม หากผู้นั้นไม่ถึงกาลหมดอายุขัย โรคทั้งหลายก็จะมลายหายสูญไปในทันที

    3.เมื่อพระนางจับใบรุกขชาติทั้งหลาย ใบไม้นั้นก็กลับกลายเป็นทองไปทั้งสิ้น

    4.เมื่อพระนางนำพืชผลใดลงเพาะปลูกลงในดิน พลันที่พระนางไดหลั่งอุทกวารีลงไป พืชนั้นก็จะผุดขึ้นเติบใหญ่แตกกิ่งก้าน ผลิดอกออกผลในทันที

    5.หากพระนางเสด็จขึ้นไปบนภูเขา และเอ่ยว่าทรงกระหายน้ำ ทันใดท่อธารน้ำร้อนและน้ำเย็นก็จะชำแรกปฐพีขึ้นมาถวายแด่พระนาง

    6.เมื่อพระนางเสด็จไปในที่ใด เหล่าภุมมเทวาและรุกขเทวาก็จะเนรมิตซึ่งทิพยอาหารถวายแด่พระนางและบริวาร คำว่าอดอยากมิได้มี

    7.เมื่อพระนางเสด็จประพาสอุทยาน เหล่าเทวดาก็จะนำมาซึ่งน้ำทิพย์ให้สรงสนานและนำอาภรณ์ทิพย์มาตกแต่งให้พระนาง

    8.เมื่อพระนางบรรทม ราชายักษ์ทั้ง 8 ก็จะถือพระขรรค์มายืนเฝ้าแวดล้อมอารักขาในทิศทั้งหลาย

    9.เมื่อพระนางเสด็จไปพักเล่นในตำบลใด เหล่าเทวดาก็จะแปลงเพศมาเล่นมหรสพถวายแด่พระนางให้เพลิดเพลิน

    10.เมื่อถึงยามเย็น เทวดาที่สถิตในป่าหิมพานต์ก็จะนำมาซึ่งน้ำจากสัตตะมหาสระ ใส่หม้อทองมาสรงสนานให้แก่พระนาง

    11.ในกาลที่ทรงเกิด เทวดาได้นำพระแท่นอันเป็นทิพย์ที่เกิดจากไม้กัลปพฤกษ์ ยาว 80 ศอก กว้าง 80 ศอก ถวายให้พระนางได้บรรทมบนแท่นอันเป็นสิริโดยตลอด

    12.เมื่อพระนางทอดพระเนตรสมณชีพราหมณ์และชาวประชาทั้งปวง หากประสงค์จะบริจาคทาน ฝนรัตนชาติก็จะตกลงจากอากาศให้พระนางแจกจ่ายได้ดังประสงค์

    (ถอดความจากพระปฐมสมโพธิกถา)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 เมษายน 2013
  6. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    อัจฉริยธรรม 12 ประการนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวแห่งผลบุญที่พระนางได้ทรงสั่งสมมาตลอดแสนกัปป์เพื่อตำแหน่งอันยอดเยี่ยมคือพุทธมารดา ตำแหน่งพุทธมารดานี้เป็นฐานะที่ได้โดยยากยิ่ง เพราะพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งก็จะมีพุทธมารดาเพียงหนึ่งพระองค์เท่านั้น

    พระนางศิริมหามายานั้น เมื่อบารมีเต็มเปี้นมแล้วก็ลงมาทำหน้าที่เป็นพุทธมารดาแห่งพระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน โดยพระชาติที่สำคัญในการสร้างบารมีที่ปรากฏในพระคัมภีร์ต่างๆ ก็มีดังต่อไปนี้

    ในกัปที่ 91 นับจากภัทรกัปนี้ พระนางสิริมหามายาได้พุทธพยากรณ์อีกครั้งจากพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังต่อไปนี้


    ในกาลนั้น พระราชาพระนามว่าพันธุมราช เสวยราชสมบัติในพันธุมดีนคร เมื่อพระวิปัสสีศาสดาประทับอยู่ในเขมมฤคทายวัน อาศัยพันธุมดีนคร กาลนั้นมีพระราชาองค์หนึ่งส่งสุวรรณมาลาราคา ๑ แสน กับแก่นจันทน์อันมีค่ามาก ถวายแด่พระเจ้าพันธุมราช

    พระเจ้าพันธุมราชมีพระราชธิดา ๒ องค์ พระเจ้าพันธุมราชมีพระราชประสงค์จะประทานบรรณาการนั้นแก่พระราชธิดาทั้งสอง จึงได้ประทานแก่นจันทน์แก่พระธิดาองค์ใหญ่ ประทานสุวรรณมาลาแก่พระธิดาองค์เล็ก.

    ราชธิดาทั้งสองนั้นคิดว่า เราทั้งสองจักไม่นำบรรณาการนี้มาที่สรีระของเรา เราจักบูชาพระศาสดาเท่านั้น ครั้นคิดดังนี้แล้วจึงทูลพระราชาว่า ข้าแต่เสด็จพ่อ ข้าพระบาททั้งสองจักเอาแก่นจันทน์และสุวรรณมาลาบูชาพระทศพล พระเจ้าพันธุมราชทรงสดับดังนั้น ก็ประทานอนุญาตว่า ดีแล้ว ราชธิดาองค์ใหญ่บดแก่นจันทน์ละเอียดเป็นจุรณ บรรจุในผอบทองคำแล้วให้ถือไว้ ราชธิดาองค์น้อยให้ทำสุวรรณมาลาเป็นมาลาปิดทรวง บรรจุผอบทองคำแล้วให้ถือไว้ ราชธิดาทั้งสองเสด็จไปสู่มฤคทายวันวิหาร. บรรดาราชธิดาสององค์นั้น องค์ใหญ่บูชาพระพุทธสรีระซึ่งมีวรรณะดังทองคำของพระทศพลด้วยจุรณแก่นจันทน์ โปรยปรายจุรณแก่นจันทน์ที่ยังเหลือในพระคันธกุฎี ได้ทำความปรารถนาว่า ข้าแต่

    พระองค์ผู้เจริญ ขอข้าพระองค์พึงเป็นมารดาแห่งพระพุทธเจ้าผู้เช่นพระองค์ในอนาคตกาล แล้วกล่าวคาถาว่า “ข้าพระพุทธเจ้าได้ทำการบูชาพระองค์ด้วยจุรณแห่งแก่นจันทน์นี้ ขอให้ข้าพระพุทธเจ้าได้เป็นมารดาแห่งพระพุทธเจ้าผู้เช่นพระองค์ในอนาคตกาล.

    ฝ่ายราชธิดาองค์เล็กบูชาพระสรีระซึ่งมีวรรณะดังทองคำของพระทศพลด้วยสุวรรณมาลาทำเป็นอาภรณ์เครื่องปิดทรวง ได้ทำความปรารถนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เครื่องประดับนี้จงอย่าหายไปจากสรีระของข้าพระพุทธเจ้าจนตราบเท่าบรรลุพระอรหัต แล้วกล่าวคาถาว่า

    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้าบูชา พระองค์ด้วยสุวรรณมาลา ด้วยอำนาจพุทธบูชานี้ ขอบุญ จงบันดาลให้สุวรรณมาลามีที่ทรวงของข้าพระพุทธเจ้า.”

    ส่วนพระบรมศาสดาก็ทรงทำบูชานุโมทนาแก่ราชธิดาทั้งสองนั้นว่า “ก็เธอทั้งสองได้ประดิษฐานการบูชาอันใดแก่เรา ในภพนี้ วิบากแห่งการบูชานั้น จงสำเร็จแก่เธอทั้งสอง ความปรารถนาเธอทั้งสองเป็นอย่างใด จงเป็นอย่างนั้น.

    ราชธิดาทั้งสองนั้น ดำรงอยู่ตลอดพระชนมายุในที่สุดแห่งพระชนมายุ เคลื่อนจากมนุษยโลกไปบังเกิดในเทวโลก ใน ๒ องค์นั้น องค์ใหญ่เคลื่อนจากเทวโลก ท่องเที่ยวอยู่ยังมนุษยโลก เคลื่อนจากมนุษยโลกท่องเที่ยวอยู่ยังเทวโลก ในที่สุดแห่งกัปที่ ๙๑ ได้เป็นพุทธมารดามีพระนามว่ามหามายาเทวี

    ฝ่ายราชกุมารีองค์เล็กก็ท่องเที่ยวอยู่อย่างนั้น ในกาลเมื่อพระทศพลพระนามว่ากัสสปะบังเกิด ได้เกิดเป็นราชธิดาแห่งพระราชา พระนามว่ากิกิราช ปทุมกุมาร เป็นราชกุมาริกาพระนามว่า อุรัจฉทา เพราะความที่ระเบียบแห่งเครื่องปิดทรวงราวกะว่าทำแล้วด้วยจิตรกรรม เกิดแล้วแต่พระทรวง อันตบแต่งแล้วในกาลเมื่อราชกุมาริกามีชนมพรรษา ๑๖ ปี ได้สดับภัตตานุโมทนาแห่งพระตถาคตเจ้า ก็ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล กาลต่อมาในวันที่พระชนกทรงสดับภัตตานุโมทนาแล้วทรงได้บรรลุโสดาปัตติผล พระนางได้บรรลุพระอรหัต ผนวชแล้วปรินิพพาน

    พระเจ้ากิกิราชมีพระธิดาอื่นอีก ๗ องค์ พระนามของราชธิดาเหล่านั้นคือ นางสมณี นางสมณคุตตา นางภิกษุณี นางภิกขุทาสิกา นางธรรมา นางสุธรรมา และนางสังฆทาสี เป็นที่ ๗.

    ราชธิดาทั้ง ๗ เหล่านั้น ในพุทธุปบาทกาลนี้ มีนามปรากฏคือ นางเขมา นางอุบลวรรณา นางปฏาจารา พระนางโคตมี นางธรรมทินนา พระนางมหามายา และนางวิสาขาเป็นที่ ๗.

    (อรรถกถาพระเวสสันดรชากดก)

    เมื่อพระนางสิ้นอายุขัยในชาตินั้นก็ท่องเที่ยวในเทวโลกและมนุษยโลกตลอด 91 กัปป์ จนมาบังเกิดเป็นมเหสีของท้าวสักกะเทวราช ได้รับพร 10 ประการจากท้าวสักกะลงมาเกิดเป็นพระนางผุสดี มารดาแห่งพรเวสสันดร เมื่อสิ้นอายุขัยจากชาตินั้นก็ทรงบังเกิดท่องเที่ยวในเทวโลกจนมาเป็นพุทธมารดาในชาตินี้
    เมื่อทรงประสูติเจ้าชายสิตธัตถะได้ 7 วัน ก็ทรงกลับสู่เทวโลก เป็นเทพบุตรอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต จนเมื่อพระพุทธองค์ทรงเสด็จขึ้นจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้ทรงแสดงพระอภิธรรม 7 คัมภีร์โปรดสิริมหามายาเทพบุตรให้เป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มิถุนายน 2013
  7. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างบุญนี้ให้สำเร็จลุล่วงไป เเล้วจะนำความคืบหน้ามาให้ชมกันนะครับ บุญนี้เป็นบุญใหญ่ อุทิศบุญนี้เพื่อบูชาพระพุทธมารดาเเละอุทิศบุญนี้เพื่อบูชาพระคุณเเม่ของเราทุกๆชาติครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 มิถุนายน 2013
  8. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    พระพุทธเจ้ากับพระพุทธมารดา
    ว . วชิรเมธี .


    ภิกษุทั้งหลายในอารยวินัยนี้ เรากล่าวว่า น้ำนมของมารดา กลั่นออกมาจากสายโลหิต


    [ พระพุทธพจน์ ]
    “ แม่ ” หรือ “ มารดา ” คำคำนี้เป็นคำสูง เป็นมงคลแห่งคำอันควรเทิดไว้เหนือบรรดาคำทั้งปวงในภาษาศาสตร์

    คำว่า “ แม่ ” จะฟังดูยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนไหน อาจตอบได้ว่า ในตอนที่ลูกนอนป่วยแบ็บ อยู่คนเดียวที่ไหนสักแห่งหนึ่งในโลกซึ่งไร้ผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด กับในตอนที่ต้องพลัดพรากจากบ้านเมืองไปตกระกำลำบากอยู่ในบ้านอื่นเมืองไกล ซึ่งมองไปทางไหนก็ไม่มีใครที่เคยรู้จักมักคุ้นสักคน และอีกตอนหนึ่งซึ่งจะชัดเจนเห็นพระคุณแม่มากที่สุด ก็คือตอนที่กุลสตรีทั้งหลายกลายสถานภาพมาเป็น “ แม่คน ” ด้วยตนเองดูบ้าง หลังจากที่เป็นคน “ มีแม่ ” มาก่อนหน้านั้นนานแล้ว กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า เมื่อเป็น “ แม่คน ” จึงเข้าใจ “ แม่ตน ” นั่นเอง

    พระพุทธองค์ทรงยกย่องพระพุทธมารดามาก ทั้งในทางคำสอนและในทางพระจริยวัตรที่ประทับไว้เป็นรอยแห่งความดีให้อนุชนเจริญรอยตาม ในแง่จริยวัตรนั้นปรากฏว่า ในพรรษาหนึ่งซึ่งเป็นช่วงต้นพุทธกาล พระองค์ถึงกับเสด็จขึ้นไปแสดงพระอภิธรรมโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาแล้ว เคยมีนักศึกษาคนหนึ่งถามผู้เขียนว่า เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไม่น่าจะมีจริง ผู้เขียนถามกลับไปว่า เธอเอาอะไรมาวัดว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไม่มีอยู่จริง นิสิตคนนั้นอึ้งไป ความจริงเรื่องที่เราควรสนใจกันมากกว่าเรื่องความมีอยู่ของสวรรค์ก็คือ การมองให้ทะลุถึงแก่นของคติที่ว่า ทำไมพระพุทธองค์จึงเสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ต่างหาก

    ต่อปัญหานี้ผู้เขียนอยากจะถอดรหัสเสียใหม่ว่า พระพุทธจริยาในตอนนี้ท่านคงไม่ต้องการมุ่งแสดงให้เห็นว่า การที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์นั้น มีความสมจริงหรือไม่สมจริงหรอก แต่สิ่งที่ท่านต้องการแสดงให้ชาวโลกเห็นก็คือ พระพุทธองค์ทรงต้องการจะบอกพวกเราว่า ขนาดพระมารดาของพระองค์นั้นแม้จะเสด็จสวรรคตไปอุบัติเป็นเทพอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตแล้วก็ตาม ( เวลาฟังธรรมเสด็จลงมาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ) สถานที่หรือภพที่พุทธมารดาประทับอยู่กับสถานที่หรือภพซึ่งพระพุทธองค์ทรงมีพระชนม์โลดแล่นอยู่ซึ่งคือโลกของเรานั้น แม้จะอยู่กัน ” คนละภพ - คนละมิติ ” ก็จริงอยู่ แต่ถึงกระนั้น “ ความต่างแห่งภพ ” ก็หาได้เป็นอุปสรรคแห่งความกตัญญูที่บุตรจะพึงตอบสนองต่อผู้เป็นมารดาของตนแต่อย่างใดไม่

    พูดให้ฟังง่ายกว่านั้นก็คือ แม้แม่ของพระองค์จะตายไปอยู่ไกลกันคนละภพคนละโลกแล้ว แต่พระองค์ก็ยังคงแสวงหาวิธีที่จะทดแทนพระคุณแม่ให้เสร็จสิ้นจนได้ แล้วคนธรรมดาสามัญอย่างเราเล่า อยู่ห่างกับคุณแม่แค่เพียงฝาห้องกั้น อยู่บ้านคนละหลังหรืออยู่ห่างกันแค่ชั่วยกหูโทรศัพท์ถึง ใกล้กันขนาดนี้ ภพเดียวกันขนาดนี้ แต่เราทั้งหลายเคยทำอะไรที่แสดงให้เห็นว่า เราเป็นลูกกตัญญูต่อมารดาบิดา เหมือนอย่างที่พระพุทธองค์ทรงวางพุทธจริยาเอาไว้ให้เห็นบ้างหรือไม่

    นั่นเป็นพุทธจริยาของพระองค์ต่อพระพุทธมารดาคนแรก ซึ่งถือกันว่าเป็น “ แม่บังเกิดเกล้า ” แท้ ๆ ของพระองค์ ต่อแม่คนที่สองหรือพระมารดาเลี้ยง ( พระมาตุจฉา ) ที่ชื่อพระนางมหาปชาบดีโคตมีเล่า ในฐานะที่ทรงเป็น “ ลูกเลี้ยง ” ทรงตอบแทนพระคุณพระมารดาเลี้ยงของพระองค์อย่างไร
    images.jpg


    พุทธประวัติบันทึกเอาไว้ว่า ราวพรรษาที่ ๕ ขณะเสด็จนิวัติพระนครกบิลพัสดุ์ พระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงมีพระประสงค์จะผนวชเป็นภิกษุณีในพระธรรมวินัย ( พุทธศาสนา ) แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาตในทันที ทั้งนี้เพราะทรงตระหนักเป็นอย่างดีว่า การทรงเพศเป็นภิกษุณีเป็นเรื่องฝืนกระแสสังคมในสมัยนั้น และเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อภยันตรายเป็นอันมาก ดังปรากฏในเวลาต่อมาว่า ภิกษุณีรูปหนึ่งซึ่งถึงแม้จะเป็นพระอรหันต์แล้วก็ตามที กระนั้นก็ยังไม่วายถูกคนใจร้ายปลุกปล้ำข่มขืนจนกลายเป็นเรื่องราวอื้อฉาวในวงการศาสนาขณะนั้น

    แต่ในที่สุด ท่ามกลางความยากลำบากในการฝ่าฝืนกระแสสังคมสมัยนั้น พระพุทธองค์ก็ยังทรงเปิดโอกาสให้พระแม่น้ามหาปชาบดีโคตมี ได้ผนวชเป็นภิกษุณีรูปแรกในพระพุทธศาสนา ซึ่งถือว่าเหตุการณ์นี้เป็นการเปิดศักราชใหม่ให้แก่ “ สิทธิสตรี ” อย่างแท้จริงในเวทีโลกมาตราบจนบัดนี้ และในเวลาต่อมาก็ทรงอนุเคราะห์ทดใช้ค่าน้ำนมให้แก่พระแม่น้าของพระองค์จนหมดหนี้ศักดิ์ต่อกันด้วยการที่ทรงเป็น “ พระบิดา ” ในทางธรรมให้แก่พระนางสมดังคำที่ภิกษุณีมหาปชาบดีโคตมีกราบทูลเล่าเอาไว้ก่อนเสด็จปรินิพพานว่า

    “ ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของมหาชนชาวโลก

    หม่อนฉันได้ชื่อว่าเป็นพระมารดา ( ในทางรูปกาย ) ของพระองค์

    แต่ในขณะเดียวกัน

    พระองค์ก็ได้ชื่อว่าเป็นพระบิดา ( ในทางธรรม ) ของหม่อมฉันด้วย

    พระองค์ทรงโปรดประทานสุขจากพระสัทธรรม

    อันทำให้หม่อนฉันได้ถือกำเนิดขึ้นมาในโลกแห่งพระธรรมอีกครั้งหนึ่ง

    หม่อมฉันเองได้อภิบาล พระรูปกาย ของพระองค์ขึ้นมาจนเติบใหญ่

    ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ได้ทรงอภิบาล พระธรรมกาย ( คุณธรรม ) ที่น่ารื่นรมย์ใจของหม่อมฉันให้เจริญวัยไม่น้อยไปกว่ากัน

    หม่อมฉันได้น้อมถวายกษีรธาราให้พระองค์ทรงดื่มพอดับกระหายได้เป็นครั้งคราว

    แต่พระองค์เล่าก็ได้ทรงโปรดประทานกษีรธารา คือพระธรรมให้หม่อมฉันได้ดื่มดับกระหายได้อย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกัน ฉันนั้น ...”

    การรู้คุณและแทนคุณมารดาบิดาผู้ให้กำเนิดนั้นเป็นพุทธจริยา หรืออารยวัตร ( ข้อปฏิบัติอันประเสริฐ ) ที่แม้แต่พระพุทธองค์ผู้ทรงเป็นอัครบุคคลของโลกก็ไม่ทรงละเลย วิญญูชนทุกหนทุกแห่ง ทุกศาสนา ทุกวัฒนธรรมในโลกก็ยกย่องสรรเสริญว่า มารดาบิดาเป็นอัครบุคคลที่หาได้ยาก เป็นหนึ่งไม่มีสอง เสียแล้วเสียเลย สิ้นแล้วสิ้นเลย นอกจากนี้แล้วปราชญ์ทั้งหลายยังเห็นตรงกันอีกว่ามารดาบิดาเป็นบุพการีชนที่คนเป็นบุตรธิดา จักต้องตอบแทนพระคุณไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ ปรมาจารย์ทางจิตวิญญาณสายตะวันออกอย่างขงจื๊อก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ยกย่องเรื่องความกตัญญูต่อมารดาบิดามาก ท่านสอนศิษยานุศิษย์ว่า

    “ นอกจากความเจ็บป่วยอันเป็นสามัญของตนเองแล้ว อย่าได้ทำเหตุอื่นใดอันจะส่งผลให้มารดาต้องน้ำตาตกเป็นอันขาด ”

    ท่านพุทธทาสภิกขุก็เคารพนับถือในโยมมารดาของท่านมาก แม้บวชเข้ามาแล้วก็ได้เพียรทดแทนพระโยมแม่ด้วยประการต่าง ๆ เท่าที่สติปัญญาในขณะนั้นจะพึงทำได้ แต่ยังไม่ทันตอบแทนพระคุณของโยมแม่ได้อย่างที่ตั้งใจ โยมแม่ของท่านก็มาจากไปเสียก่อน

    “ อาตมามีความเสียใจอยู่อย่างหนึ่ง เสียใจอย่างยิ่งว่า สมัยเมื่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ อาตมาไม่มีความรู้อะไร แม้บวชแล้วก็มีความรู้ธรรมะโง่ๆ เง่าๆ งูๆ ปลา ๆอย่างนั้นแหละ ถ้ามีความรู้อย่างเดี๋ยวนี้จะช่วยแม่ได้มาก ให้พอใจรู้ธรรมะอย่างยิ่ง แต่แม่ชิงตายไปเสียก่อน ก่อนที่อาตมาจะมีความรู้พอจะสอนธรรมะลึกๆให้แม่ได้ นี่เป็นเรื่องที่นึกแล้วก็ว้าเหว่อยู่ไม่หาย ...

    อาตมายังคงคาราคาซัง ไม่ได้ให้ความรู้สูงสุดที่พอใจแก่แม่ เพราะว่าแม่ชิงตายเสียก่อน ... แต่แม่ก็สนใจธรรมะเหลือประมาณ แม้แรกบวชแรกเรียนนักธรรมอย่างโง่ๆ ก็อุตส่าห์เขียนส่งไปให้แม่ หรือพูดให้แม่ฟังอยู่เสมอ แต่เป็นความรู้ธรรมะเด็กๆ ทั้งนั้น เดี๋ยวนี้รู้ธรรมะชั้นผู้ใหญ่ แต่แม่ตายเสียแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร ..”

    . พระพุทธเจ้า พระพุทธสาวก ปูชนียบุคคลอย่างท่านพุทธทาสภิกขุเป็นอาทิยังสู้อุตส่าห์หาวิธีทดแทนพระคุณมารดาจนสุดความสามารถถึงเพียงนี้ แต่กระนั้นท่านก็ยังออกตัวว่าที่ทำมานั้นยังเล็กน้อยเกินไป

    ดูเอาเถิด จริยาวัตรอันสูงล้ำด้วยคุณธรรมที่ยอดคน ยอดครู ของโลกปฏิบัติต่อมารดาบังเกิดเกล้าของตน เราปุถุชนคนสามัญ หากตอบแทนพระคุณของแม่ได้น้อยกว่านี้ ( ทั้งๆ ที่มีโอกาสมากกว่า ) ก็นับว่าน่าอาย ที่ได้แต่เอ่ยอ้างว่าตนเป็นศิษย์มีครู แต่หาเจริญรอยตามปฏิปทาแห่งครูของตนให้สมกับที่ชอบเอ่ยอ้างแต่อย่างใดไม่




    องค์พระเเม่ปางอุ้มพระราชกุมาร เป็นสัญญลักษณ์เเละนิมิตหมาย บ่งบอกถึงความเจริญที่เกิดขึ้นในโลกเเล้ว กว่าท่านจะเป็นพระพุทธมารดาได้ต้องอธิษฐานบารมีมากมากเช่นไรลองอ่านดูครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 เมษายน 2013
  9. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    สาธุ... เดี๋ยวพี่หนูจะร่วมบุญด้วยนะ... และเดี๋ยวจะช่วยบอกบุญต่อในสายของพี่หนูด้วยอีกแรง
     
  10. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    เรื่อง ธัมมานุสสติ

    "ถ้านิยมสวดมนต์จริง ๆ ไม่เคยทำสมาธิแบบกรรมฐานกับเขา ถ้าวันไหนหรือเวลาไหนเกิดไม่ได้สวดรำคาญใจ อย่างนี้เป็น อนุสสติในธัมมานุสสติ ถ้าตายจากความเป็นคน ถ้าไม่ละอารมณ์นี้นะ ไปเกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้าชั้นยามา เป็นสวรรค์ที่ไม่ต้องทำงานด้วย เป็นสวรรค์ที่บำเพ็ญบารมีต่อ ถ้าชอบสวดมนต์ในโลกมนุษย์ ไปที่นั่นก็สวดอีกนั่นแหละ ถ้าชอบนั่งสมาธิ ก็นั่งสมาธิไม่เลิก ไม่ต้องกินข้าว"

    คำสอน พระราชพรหมญาน วัดท่าซุง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤษภาคม 2013
  11. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    พี่ก็เชื่ออย่างงั้นแหละน้องชาย... งานบุญอย่างนี้หาโอกาสทำได้ยากจริงๆ...
    ใครที่ได้มีส่วนร่วมถือว่าโชคดีมากเลย ^^
     
  12. tharaphut

    tharaphut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,721
    ค่าพลัง:
    +5,211
    ร่วมทำบุญสร้าง สร้างพระพุทธมารดา"สิริมหามายา" ปางทรงอุ้มพระราชกุมารสิทธัตถะ

    ข้าพเจ้าได้โอนในวันพฤหัสบดี ที่ 4 เมษายน 2556 จำนวน 100 บาท ผมชื่อนายธราภุช โพธิ์แสง และนางจิตรา โพธิ์แสง และครอบครัว ขอร่วมอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วย
     
  13. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    [​IMG]

    บุญคุณของ "แม่-พ่อ" ยิ่งใหญ่มหาศาล ไม่มีความรักใดที่จะบริสุทธิ์และยิ่งใหญ่มหาศาลเท่าความรักที่ "แม่-พ่อ" มีต่อลูก

    "แม่-พ่อ" คือพระอรหันต์ของลูกทุกคน พระท่านสอนไว้ว่า "ต่อให้เราแบกหามพ่อแม่ไว้บนบ่าจนเลือดท่วมกายและเลี้ยงดูท่านทั้ง 2 จนหมดลมหายใจก็ไม่สามารถทดแทนบุญคุณของท่านได้หมด"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.9 KB
      เปิดดู:
      849
  14. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ:cool::cool::cool:
     
  15. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    บทความน่าสนใจ เลยคัดลอกมาให้อ่านกันนะคับ ผมเห็นว่าตรงกับที่หลวงปู่เคยพูดให้ฟัง.

    "จุดมุ่งหมายของการสร้างพระพุทธรูป ทั้งสามองค์นี้ เราจะสร้างให้ศักดิ์สิทธิ์ ที่สุด เพื่อให้เป็นถาวรวัตถุที่ทรงคุณค่าทางศาสนา เพราะฉะนั้นแล้ว จะได้ยึดถือตามขนบธรรมเนียมโบราณ หลาย ส่วน

    และการ คัดเลือกวัสดุ มาสร้างพระพุทธรูปนี้ ต้องพิถีพิถัน เป็นวัตถุ ที่ได้มาโดยชอบธรรม ไม่ลักขโมยมา
    เพราะฉะนั้นแล้ว ให้ทุกท่าน ที่ประสงค์จะร่วมกองบุญใหญ่นี้ ให้เรา พยายามจัดหาวัสดุต่างๆ ที่เราหาได้ด้วยความสุจริต หาได้ด้วยตนเอง
    แม้มีเพียงตังค์ 1 สลึง ก็ส่งมาหล่อพระได้

    เมื่อหล่อเสร็จแล้ว จะได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เข้าสู่ส่วนต่างๆ ของพระพุทธรูป ได้แก่ พระนลาฎ, พระหณุ, พระอุระ, พระหัตถ์ซ้าย, และพระหัตถ์ขวา จากนั้นจะมีการสมโภชน์ พระในวาระ สืบไป

    การอธิษฐาน แผ่น เงิน ทอง นาก หรือแผ่นทองต่างๆ

    ให้ท่านศรัทธา ทุกๆท่าน นั้น นำแผ่นทองเหลือง ซึ่งเราซื้อมา (ซึ่งมีขายตามร้านสังฆภัณท์ทั่วๆไป บอกเขาว่าแผ่นทองเหลืองเรียบ แผ่นเงินแท้ หรือนาก หรือทองแดงก็ได้ ตกประมาณ แผ่นละ 10 บาท บางที่ 5 บาท )

    เมื่อได้แล้ว ให้เรา อาบน้ำแต่งกาย ให้สะอาด สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ให้จิตสงบดีแล้ว จากนั้น จึง นำแผ่นทองเหลือง นั้นๆ มาเขียน บทสวดมนต์หรือคาถา

    ซึ่งเราชอบ ลงไป ด้วยปากกา ซึ่งหมึกหมดแล้ว(เหล็กจารก็ได้) กดลงแรงๆ วางกับพื้น เรียบ หรือหนังสือรอง ตัวคาถา จะได้ลงสู่แผ่นทองเหลือง เช่น พระคาถาเงินล้าน คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า คาถาชินบัญชร
    หาก ท่านเขียนไม่ถนัด จำคาถาไม่ได้ ก็ให้เขียน คำภาษาไทย ลงบนแผ่นทอง ให้ชัดเจน ตั้งใจเขียนว่า พุทโธ หรือ นะมะ พะธะ ก็ได้

    คนแก่มากๆ ให้เขียนแค่พุทโธ ก็ได้( บุญที่ทำด้วยความตั้งใจแบบนี้ จะส่งผลมาก อีกทั้งสร้างพระ นี่บุญใหญ่)

    จากนั้น ก็ สวดบูชา ไปสักระยะ อาจจะ 7 วัน นำแผ่นทองนั้นมาอธิษฐาน สวดบูชาพระรัตนตรัย หรือเขียนเสร็จ ส่งมาเลยก็ได้ แต่ทางที่ดี สวดอธิษฐานดีๆก่อน


    ตั้งจิตอธิษฐาน ว่าข้าพเจ้า นาย(นส.).........................สกุล.....................เกิดเมื่อ.............ปีนักษัตร.....
    ขอร่วมถวายวัสดุ ในการสร้างพระพุทธรูป อันเป็นองค์แทน แห่งพระพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ ขอผลานิสงส์นี้ ให้ข้าพเจ้าถึงพระนิพพาน หากยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด ขอนับจากวันนี้ไป จงมีแต่ความคล่องตัว ทั้งทางโลก และการปฏิบัติธรรม...............(อธิษฐานเพิ่มเติมได้ ตามต้องการ )

    จากนั้น เราจึงไปกรวดน้ำ ให้เจ้ากรรมนายเวร และญาติๆที่ล่วงลับไปแล้ว ให้เขาได้บุญ สร้างพระกับเราด้วย

    จากนั้น จึงให้ท่าน ส่งมาร่วมหล่อพระได้ ท่านสามารถ ส่งได้ หลายครั้ง จนกว่าจะถึงวันหล่อพระจริงๆ ซึ่งวันจะแจ้งให้ทราบอีกวาระ

    คาถา ต่างๆ ที่ เขียนลง บนแผ่นทองได้ ก็เช่น บทสวดมนต์ หัวใจคาถา หรือว่า คำภาวนาก็ได้ เช่น พุทโธ นะมะ พะธะ สัมมาอะระหัง

    พระคาถา หัวใจ ๑๐๘ มีดังนี้


    หัวใจ พระธรรม ๗ คัมภีร์ คือ สังวิชาปุกะยะปะ
    หัวใจพระสูตร คือ ทีมะสังอังขุ
    หัวใจ พระวินัย คือ อาปามะจุปะ
    หัวใจสัตตะโพชฌงค์ คือ สะธะวิปิปะสะอุ
    หัวใจ พระรัตนตรัย คือ อิสะวาสุ
    หัวใจพาหุง คือ พามานาอุกะสะนะทุ
    หัวใจพระ พุทธเจ้า คือ อิกะวิติ
    หัวใจปฏิสังขาโย คือ จิปิเสคิ
    หัวใจพระไตรปิฎก คือ สะระณะมะ
    หัวใจยอดศีล คือ พุทธะสังมิ
    หัวใจธรรมบท ( เปรต ) คือ ทุสะนะโส
    หัวใจปถมัง คือ ทุสะมะนิ
    หัวใจอิธะเจ คือ อิทะคะมะ
    หัวใจ ตรีนิสิงเห คือ สะชะฏะตรี
    หัวใจสนธิ คือ งะญะนะมะ
    หัวใจแม่พระธรณี คือ เมกะมุอุ
    หัวใจยะโตหัง คือ นะหิโสตัง
    หัวใจพระกุกกุสันโธ คือ นะมะกะยะ
    หัวใจพระโกนาคมน์ คือ นะมะกะตะ
    หัวใจพระกัสสป คือ กะระมะถะ
    หัว ใจสังคะหะ คือ จิเจรุนิ
    หัวใจนอโม คือ นะอุเออะ
    หัวใจไฟ คือ เตชะสะติ
    หัวใจ ลม คือ วายุละภะ
    หัวใจบารมี คือ ผะเวสัจเจเอชิมะ
    หัวใจน้ำ คือ อาปานุติ
    หัวใจดิน คือ ปะถะวิยัง
    หัวใจวิรูปักเข คือ เมตะสะระภูมู
    หัวใจ พระปริตร คือ สะยะสะปะยะอะจะ
    หัวใจพระนิพาน คือ สิวังพุทธัง
    หัวใจ ยานี คือ ยะนิรัตนัง
    หัวใจกรณีเมตตสูตร คือ เอตังสะติง
    หัวใจวิปัสสนา คือ วิระสะติ
    หัวใจมงคลสูตร คือ เอตะมังคะลัง
    หัวใจอายันตุโภนโต คือ อานิชะนิ
    หัวใจมหาสมัย คือ กาละกัญธามหาภิสะมา
    หัวใจเสฎฐัน คือ เสพุเสวะเสตะอะเส
    หัวใจปาฏิโมกข์ คือ เมอะมะอุ
    หัวใจเพชรสี่ด้าน คือ อะสิสัตติปะภัสมิง
    หัวใจศีลสิบ คือ ปาสุอุชา
    หัวใจอริยสัจ ๔ คือ ทุสะนิมะ
    หัวใจธรรมจักร์ คือ ติติอุนิ
    หัวใจนิพพานจักรี คือ อิสะระมะสาพุเทวา
    หัวใจทศชาติ คือ เตชะสุเนมะภูจะนาวิเว
    หัวใจธาตุ ทั้ง ๔ คือ นะมะพะทะ
    หัวใจธาตุพระกรณีย์ คือ จะภะกะสะ
    หัวใจพระกรณีย์ คือ จะอะภะคะ
    หัวใจปลายศีล คือ อิสะปะมิ
    หัวใจกินนุสัตรมาโน คือ กะนะนะมา
    หัวใจพระยายักษ์ คือ ภะยะนะยะ
    หวัใจภาณยักษ์ คือ กะยะพะตัง
    หัวใจ อาวุธพระพุทธเจ้า คือ ปะสิสะ
    หัวใจนะโม คือ นะวะอัสสะ
    หัวใจกะขะ คือ กะยะนะอัง
    หัวใจศีลพระ คือ พุทธสังอิ
    หัวใจโลกทั้ง ๑๐ คือ โลกะวิทู
    หัวใจ ยันต์ คือ ยันตังสันตัง
    หัวใจขุนแผน คือ สุนะโมโล
    หัวใจแค้ลวคลาด คือ อะหังติโก
    หัวใจเกราะเพชร คือ ภูตากังเก
    หัวใจจังงัง คือ กะระสะติ
    หัว ใจอิทธิฤทธิ คือ อะหังนุกา
    หัวใจกาสัง คือ กาละถานุ
    หัวใจพระภูมิ คือ กุมมิภุมมิ
    หัวใจนิพพานสูตร คือ อะนิโสสะ
    หัวใจแก้วสามประการ คือ มะติยาโน
    หัวใจพระฉิมพลี คือ นะชาลีติ
    หัวใจสัคเค คือ นะสะมิเห
    หัวใจ พระญาณรังษี คือ สะกะจะพาหุ
    หัวใจสัมพุทเธ คือ สะทะปะโต
    หัวใจคงคา เดือด คือ กะขะชะนะ
    หัวใจพระเวสสันดร คือ สะระนะตะ
    หัวใจพระวิฑูร คือ นะมะสังอิ
    หัวใจพระมโหสถ คือ ปาสิอุอะ
    หัวใจพระเตมีย์ คือ กะระเตจะ
    หัว ใจพนฃระภูริฑัต คือ มะสะนิวา
    หัวใจพระสุวรรณสาม คือ อะวะสะทะ
    หัวใจ พระมหาชนก คือ ปะพะยะหะ
    หัวใจวิปัสสิ คือ สะขิสะปิ
    หัวใจพระมาลัย คือ พะลัยยะ
    หัวใจพระยาร้อยเอ็ด คือ อิสิวิระ
    หังใจพระยาหมี คือ สะปิระ
    หัวใจ ทิพย์มนต์ คือ กะจะยะสะ
    หัวใจงู คือ อะหิสัปโป
    หัวใจเณร คือ สะสิสะอุอะวะสะหัง
    หัวใจฆะเตสิก คือ ปะสิจะมิ
    หัวใจพระยานาค คือ อะงะสะ
    หัวใจพระยาม้า คือ สุกเขยโย
    หัวใจพระยามัจจุราช คือ กาละมัจจุ
    หัวใจ พระยามาร คือ นุภาวโต
    หัวใจสัตว์ คือ อันตะภาโวพะ
    หัวใจท้าวเวสสุวรรณ คือ เวสสะพุสะ
    หัวใจพาลี คือ หันตะนุภา
    หัวใจองคต คือ พะหะวารา
    หัวใจ มดง่าม คือ กะสิตานะ
    หัวใจไก่เถื่อน คือ ติวิกุกู
    หัวใจเต่าเรือน คือ นาสังสิโม
    หัวใจการเวก คือ การะวิโก
    หัวใจราชสีห์ คือ สีหะทานัง
    หัวใจ พระเจ้า ๔ พระองค์ คือ นะกะอะปิ
    หัวใจปลาไหลเผือก คือ อะยาเวยยะ
    หัวใจ กอ.ขอ. คือ มอลอข้อโข
    หัวใจอุณลุม คือ อุปะสัมปะ
    หัวใจโจร คือ กันหะเนหะ
    หัวใจปลวก คือ วะโมทุทันตานัง
    หัวใจหนุมาน คือ ยะตะมะอะ, หรือ หะนุมานะ
    หัวใจมนุษย์ คือ มะนุญญัง
    หัวใจหญิง คือ จิตตังภคินิเม
    หัวใจ ชาย คือ จิตตังปุริโส
    หัวใจทรหด คือ นะหิโลกัง
    หัวใจมหาอุจ(เขียนแบบ เดิม) คือ อุทธังอัทโธ
    หัวใจลิงลม คือ ยุวาพะวา, วิงวังกังหะ, หรือ จิขะจุติ

    พระ คาถายอดหัวใจ ๑๐๘ คือ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ"


    ที่มา
    ร่วมทำบุญ บริจาคทอง ทองเหลือง โลหะต่างๆ เพื่อหล่อพระ เป็นพุทธบูชา - ซ่อมมือถือ สอนซ่อมมือถือ iPhone Blackberry Nokia Samsung และอีกหลายรุ่น ขายส่งอะไหล่มือถือ จอ LCD สายแพร เครื่องมือช่าง จัดส่งทั่วประเทศ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 เมษายน 2013
  16. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    คุณสุวิชัย ธุระกิจถาวร คุณรังสิมา เเสงทรัพย์ ได้ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพอุปถัมป์สร้างองค์พระเเม่สิริมหามายาปางทรงอุ้มพระราชกุมารสิทธัตถะ 10000 บาท ขอเชิญญาติธรรมทุกๆท่านร่วมอนุโมทนานะครับ
     
  17. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ทาน-ศีล- ภาวนา ธรรมทั้ง 3 นี้ เป็นรากแก้วของความเป็นมนุษย์ และเป็นรากเหง้าของพระศาสนา ผู้เกิดมาเป็นมนุษย์ ต้องเป็นผู้เคยสั่งสมธรรมเหล่านี้มาอยู่ในนิสัย ของผู้จะมาสวมร่างเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ด้วยมนุษย์อย่างแท้จริง

    พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
     
  18. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    สาธุ... สาธุ... สาธุ...
     
  19. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    อนุโมทนาครับ..............................พระเเม่สิริมหามายาเป็นผู้หญิงที่ประเสริฐที่สุดในโลก เพราะเป็นเเม่ผู้ให้กำเหนิดความดีงามทั้งปวง พระพุทธองค์ทรงเป็นเเสงสว่างเเห่งโลก ยังทรงยกย่องพระคุณของพระมารดา เเม้จะทรงสิ้นพระชนม์ไปนานเเล้ว ยังทรงขึ้นไปโปรดเเสดงธรรมบนสรวงสวรรค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 เมษายน 2013
  20. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ธรรมดาของชีวิต มีแล้วก็กลับไม่มีได้
    โลกสลับกันไปมาเหมือนมืดแล้วสว่าง
    อย่าเสียใจหรือดีใจกับสิ่งใดให้มากนัก

    หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป
    วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี
     

แชร์หน้านี้

Loading...