อย่าเลยพระพุทธเจ้า อย่าเลยครูอาจารย์

เห็นด้วยครับ

เพราะหัวใจหลักในพระไตรปิฎก ว่ากันในชั้นโลกุตรธรรม
หาใช่เรื่องโลกียธรรมภายนอกจะเข้าถึงได้

 

ฉนั้นพวกที่ออกมาค้านนี่..คือพวกที่อวดตัว..อยากดัง..
มีได้-เสีย ไม่ใช่ในดีมีเสีย ในเสียมีดี ครับ นี่คือมุมมองผม..มาสร้างวิกฤติเพื่อหาโอกาส..เปิดรับบริจาคซะเลย..ซื้อที่ดิน เปิดสถาบัน พุทธพจน์ อิอิ
..พุทธพจน์ บทไหนนี่..หือ ..สร้างวิกฤติเพื่อหาโอกาส..อิอิ

 

ู^
^
เฮ้อ!!! ว่าจะไปละ
แต่ต้องหวลกลับมาจนได้
เพราะดันมีคนไปปรามาสเทวดา อินทร์ พรหมเข้าอีกแล้ว
เหมือนโบราณว่าไว้ไม่มีผิด"ผีเจาะปากมาให้พูด"เลยเป็นพหูสูตรในทางนี้

ใช่เกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหม ปุ๊บก็มีฤทธิ์ทันที แล้วมันมีฤทธิ์เท่ากันมั้ยหละ?
ต้องไม่แกล้งลืมตอบคำถามอีกหละ เท่ากันเพราะอะำไร? ไม่เท่ากันเพราะอะไร?
ถ้าตอบว่าไม่เท่ากัน เพราะอะไรหละจึงมีฤทธิ์ไม่เื่ท่ากัน?

เมื่อไม่รู้ก็อย่าเอาแต่พูดในสิ่งที่ตนเองคิดว่าถูก เพราะคิดเองเออเองสิ
แล้วอยากพูดออกมาเท่านั้น
พระพุทธพจน์ ของพระพุทธองค์ทรงตรัสชี้ไว้ชัดเจนแล้วในพระสูตร
ไม่ต้องตีความใดๆตามชอบใจ พระพุทธพจน์จะเสียหายหมด

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

ถึงถามคุณว่า เป็นธรรมในชั้นไหน
ถ้ายังเป็นธรรมในชั้นปุถุชน
(หรือพระอริยะระดับต้นก็ดีก็ต้องหาว่าผู้สูงกว่าว่าทำอย่างไร)
ก็ต้องเข้าไปพิจารณาว่า
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญา ของผู้ที่สูงกว่า
เช่น พระโสดาบัน พระสกทามี พระอนาคามี พระอรหันต์
เป็นอย่างไร ทำอย่างไร..

 

พระศาสนาจะดำรงอยู่ได้เพราะพระรัตนตรัย
พระสงฆ์ไม่ได้หมายถึง ห่มเหลือง ปฏิบัติตามประเพณี
แล้วให้ไปทำบุญด้วย แค่นี้
ถ้าเอาความหมายของบทสังฆคุณ พระสงฆ์หมายถึงพระอริยะทั้งสี่

ใครกันแน่ .. ที่รักษาตะโพนอานกะ..
เพราะครูบาอาจารย์ระดับถึงธรรม เป็นผู้ที่สืบต่อพระวจนะมา..
หลายท่านต้องไปอัญเชิญ ต้องมาแปลเป็นภาษาของประเทศตนเอง
หลายท่านต้องทำหน้าที่แปลเพื่อให้ตรงถูก กับบาลีเดิม
ไม่ใช่ว่า ตาสีตาสาที่ไหนก็มาทำได้
ภิกษุผู้ปฏิบัติ ก็ควรเข้ามาสอบถามครูบาอาจารย์ หากศึกษาพระวจนะไม่เข้าใจ ก็ควรเข้าหาผู้รู้

ไม่ใช่ ไปเอาพระวจนะที่เขาแปลมาแล้ว มาตีความอย่างนั้นนี้ แล้วว่าตนรักษาพระวจนะ พระสงฆ์ที่ไม่กล่าวตามพระวจนะต้องตรวจทานว่าตรงไหม แล้วจะทำได้ไหมเนาะ...

แม้นแต่ยุคที่พระองค์ยังดำรงค์พระชนม์
ก็ทรงสอนว่า ภิกษุ(หรือผู้ปฏิบัติ)รู้จักทำ เป็นอย่างไร
พุทธบริษัทผู้ศึกษา ไม่ใช่มาเรียนรู้กันเอง.. แต่ควรเข้าหาครูสอบถามและปฏิบัติ
หรือศึกษาพระวจนะ คำครู(ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้อง) แต่ที่สำคัญคือปฏิบัติ

 

นกเกิดมา มันก็มี ฤทธิ์ เหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ ก็ได้ชื่อว่า สัตว์

วิมานิกเปรต เกิดมามันก็มี ฤทธิ์เลิศกว่าเทวดา มีทรัพย์สมบัติมากกว่าเทวดา
ได้ แต่ก็ชื่อว่า เปรต

คนเมืองตาก เกิดมาเขาก็มี ความวิตกกังวลตั้งแต่เกิด เรื่องเขื่อน ไม่มีสติกั้น
ก็ได้ชื่อว่า พวกนิยมจับมาพัด ยังไม่มีทรัพย์ ก็เซ็น โอนลอย จองไว้ก่อน

 

เจโต ตัวเองให้ได้ ก่อนจะไปเจโตผู้อื่น เพราะมีประโยชน์ตนนะ

 

..มารปีศาจ..ปีนธรรมมาศ..เงยหน้าดูเด่..อะไรเห็นรึยัง..รูปเหมือนพารามีเซี่ยมไหม..อิอิ:boo:

 

จะทราบได้อย่างไรว่า เลยพระพุทธเจ้าหรือยัง

ให้พิจารณาดูว่า ตรงกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนหรือไม่ แก่นแท้แก่นธรรมต้องเป็นอันเดียวกัน แต่การอรรถธิบาย อุปมาอาจแตกต่างกันได้ตามเหตุปัจจัย อนึ่งที่สำคัญมากคือ
ทุกอย่างต้องตั้งอยู่บน การสอนให้มนุษย์ทำความดี ไม่ทำบาบ และสอนให้รู้จักชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ สอนให้ตั้งมั่นอยู่ในทาน ศีล สมาธิ ปัญญาภาวนา สอนให้เดินตามอริยะมรรค ขอให้แก่นธรรมเป็นอันเดียวกัน ตรงตามที่พระพุทธเจ้าประกาศไว้ดีแล้ว ก็นับได้ว่าไม่ได้เลยครูอาจารย์ไม่ได้เลยพระพุทธเจ้าครับ

 

[๔๐๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวทัตมีจิตอันอสัทธรรม ๓ ประการ ครอบงำ ย่ำยี จักเกิด
ในอบาย ตกนรก ตั้งอยู่ตลอดกัป ช่วยเหลือไม่ได้อสัทธรรม ๓ ประการ เป็นไฉน คือ:
๑. ความปรารถนาลามก
๒. ความมีมิตรชั่ว
๓. พอบรรลุคุณวิเศษเพียงคั่นต่ำ ก็เลิกเสีย ในระหว่าง

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวทัตมีจิตอันอสัทธรรม ๓ ประการนี้แล ครอบงำ ย่ำยี จักเกิดใน
อบาย ตกนรก ตั้งอยู่ตลอดกัป ช่วยเหลือไม่ได้

เว้นวรรคให้หน่อยนึง จะได้เเยกได้3ส่วนหลักๆ
ทีนี้ เมื่อเราเว้นวรรคขึ้นหัวข้อใหม่ตามที่พระองค์ตรัส กลับไปอ่านข้อ3ดีๆ
บางที่อาจใช้คำส่า ความเสื่อมจากคุณวิเศษ เมื่อบรรลุเพียงเล็กร้อยก็เสื่อมจากสิ่งที่บรรลุ
พระอวค์ยังทรงกำฉับว่าอย่าเป็นผู้ไปถือประมานในบุคคล เพราะผู้ที่ชอบถือย่อมทำลายคุณวิเศษที่มีในตน หรือที่ได้บรรลุเเล้ว
ฉนั้นคำว่า. คุณ ไม่ได้หมายถึึงว่าโทษอะไร. หรือพลิกมุมมองว่า โทษวิเศษ แปลตรงๆก็คือ คุณที่วิเศษ

 

อ้าว ท่านประธานครับ

อ้าย กระผมก็ งง กับ ขนมโตเกียวสมัยนี้ นอกจากมีไส้แล้ว บางร้านยังมี
สายรัดเป็นเส้นตบแต่งอีก

ท่าน ประทานที่เคารพ อ้ายกระผมว่า " คุณวิเศษขั้นต่ำ " ที่ถูกระบุเอา
ไว้ใน พระไตรปิฏก สยามรัฐ ฉบับ พ.ศ. ไข่ปลา จุด จุด จุด นั้นหมายถึง
อะไร

หมายถึง อิทธิฤทธิ ปาฏิหารย์ "เหินฟ้า ดำดิน แปลงกาย กำบังกาย" สำเร็จ
"เจโตสมาธิ" อันท่านประทานถือว่า ดูเบาไม่ได้ ถ้าเอาได้เกษตรก็เอา ใช่ไหม
ครับท่านประทาน

แบบนี้ เราจะทำอย่างไรกับ ท่านสมาชิกผู้ทรงไส้ห่อแป้งแถมสายรัด ที่กล่าว
ตำหนิ การบรรลุ " เจโตสมาธิ " ไประบุโดยประมาทว่า " โทษวิเศษ "

 

ทำไมยกหลวงตามหาบัวมาล่ะครับ เวลาหาหลักฐานทางความรูเขาหาหลักฐานกันทางตำราไม่ใช่เหรอครับ และตำราเล่มไหนที่อ้างกันว่าเอามาจาก เอามาจาก เอามาจาก ไม่ใช่บาลีสยามรัฐเหรอครับ ก็เอาในบาลีสยามรัฐนั้นแหล่ะมาถกกันมันถึงจะจบครับท่าน เอาในสิ่งที่เป็นหลักฐานสิ่งเดียวที่ไทยเรามีอยู่ เอาความคิดหลวงปู่หลวงตามาก็แย่ซิเถียงกันได้ ฉันสัมมาอรหัง ฉันยุบหนอ ฉันพุทธโธ อ้าวตกลงแล้วท่านไปอยู่ไหนดีครับ

 

เอาเปนอันว่าท่านไม่เคยคุยกับท่านนะครับว่าเพราะสาเหตุใดจึงทำอย่างนั้น ว่างๆมีเวลาก็ลองไปใหม่ถามซะให้หายสงสัยดีมั้ย ว่าเอารูปลงทำไม

 

ท่านจะแสดงอะไรก็เรื่องของท่านซิครับใครจะไปว่าอะไร พระองค์มีทางแก้ว่าอย่างไร ท่านบอกว่าตั้งใจฟังให้ดี อย่างพึ่งเชื่อ อย่าพึ่งคัดค้าน จำคำนั้นให้ดีแล้วมาตรวจสอบให้ลงกันทั้งธรรมและวินัยตามหลัก คุณจะมาตรวจหรือไม่ก็เรื่องของคุณ ท่านว่างหลักไว้อย่างนี้ ท่านที่เผยแผ่พุทธวจนเข้าก็เอามาบอกพวกเราทุกคนให้ทราบ ที่นี่เราจะทำตามไม่ทำตามใครเขาจะว่าเราได้ มันอยู่ที่อินทรีย์ของแต่ล่ะคนครับ

 

เปิดทางให้แลวครับเลือกเอานะครับ

 

ชั่วโมงหนึ่งท่านได้กี่พระสูตรครับ ท่านอาจารยท่านไดป็น100พระสูตรนะครับ ท่านต้องไปนั่งท่องก่อนครับถ้าได้เมื่อไหร่ผมจะให้ท่านเป็นเจาอาวาส ผมจะเป็นไวยา ดีมั้ยอิอิ

 

ทำให้มากเจริญให้มากเถอะนะ ตามกำลังอินทรีย์ก็แล้วกัน 5อย่างนั้นนะขาดไม่ได้นะครับ

 

คุณก็อ้างอิงพระสูตรที่ได้เอามาตีความไว้ ให้ผู้อื่นเข้าใจตามด้วยสิ
งั้น เดียวเอามาประกอบให้ คนจะได้เข้าใจ รู้ตาม ว่าคุณยึดหลักนี้อยู่นะ เเล้วให้คนอ่านเค้าตัดสืนเอง. ว่าสมเหตุ สมผลหรือไม่. ไม่อย่างนั่นก็จะเอาไปตีความเรื่อยเปื้อย คือรู้ นั้นอะรู้. เเต่ไม่รู้ว่าถูกมั่ย



อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ...เวทัลละ ธรรมเหล่านั้นเป็นธรรมอันภิกษุนั้นฟังเนืองๆ คล่องปากขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ เธอมีสติหลงลืม เมื่อกระทำกาละ
ย่อมเข้าถึงเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่ง บทแห่งธรรมทั้งหลายย่อม ไม่ปรากฏแก่เธอผู้มี ความสุขอยู่ในภพนั้นเลย แต่ภิกษุผู้มีฤทธิ์ ถึงความชำนาญแห่งจิต แสดงธรรมแก่เทพบริษัท เธอมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า ในกาลก่อนเราได้ประพฤติพรหมจรรย์ในธรรมวินัยใด นี้คือธรรมวินัยนั้น สติบังเกิดขึ้นช้า แต่ว่าสัตว์นั้นย่อมบรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุรุษผู้ฉลาดต่อเสียงกลอง เขาเดินทางไกล พึงได้ยินเสียงกลอง เขาไม่พึงมีความสงสัย หรือเคลือบแคลงว่าเสียงกลองหรือไม่ใช่หนอ ที่แท้เขาพึงถึงความตกลงใจว่าเสียงกลองทีเดียว ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมเล่าเรียนธรรม ฯลฯ ย่อมเป็นผู้บรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน


^
ซึ่งคนที่ยังไม่รู้ บทง่ายๆเเบบเทวทัตก็พาไปอีกเรื่องได้เลย ถ้ายังไม่เเตกฉานในบทนี้นะ ก็อย่าพึ้งเอาความเชื้อไปสอน บทนี้ก็ต้องเอาให้เเน่ใจ ไม่งั้นมันก็จะออกมาเเนวนี้ พออ่านบทอื่นมันก็จะปนเป. เเถมต้องกระสับกระสนในคำตอบอีก

 

ทำตามพระประสงค์พระพุทธองค์เถอะครับ ตรงไหนดีก็เก็บไว้ตรงไหนไม่ตรงต่อพุทธวจนนั้นก็ทิ้งไปตรวจสอบได้นี่ครับ ไม่เห็นมีอะไรยุ่งยากมากเลย ฟังพระพุทธองค์นันแหล่ะประเสริฐสุด คำของพระพุทธองค์ที่ออกจากปากท่านใดก็ได้ นั้นแหล่ะครับตรงพระประสงค์ ไม่เหนมีอะไรอยากเลย ผมไม่เห็นมีปัญหาเลย ผมก็ยังทำบุญได้ ทำทานได้ตามปรกติ ไม่ได้ไปทำกับท่านอาจารย์คึกฤทธื์ด้วยซ้ำ ไม่เห็นมีปัญหาเลยถ้าศึกษาพุทธวจนท่านจะเป็นอิสระเที่ยงตรงจิตเป็นกลาง ไม่มีอาจารย์ฉัน คนนี้ฉันว่าดีฉันเคารพไม่มีแบ่งแยกหรอกครับ ศังฆทานทำที่ไหนก็ได้ สะดวกตรงไหนไกลตรงไหนก้ทำได้ การเขาถึงธรรมแท้มันต้องไม่โน้มเอียง

 

ไปดูมาแล้ว ในภาษาบาลี

"ย่อมบรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน" อันนี้ แปลมาจากคำว่า " วิเสสคามี "

คำว่า คามี คม คมนาคม คือ การไปการมา แล้วทีนี้ คำว่า " คามี " เข้า
หมายถึง " มาถึง "

ถ้าให้แปลตามเนื้อผ้า กรณีบทที่คุณยกมา หากแปล ตามภาษาปฏิบัติ
จะหมายถึงอะไร

ก็หมายถึง

" การฟังธรรมมากๆ " เนี่ยะให้ " อานิสงค์ " เกิดเป็น " เทวดา "
แล้ว ใน ย่อหน้าที่คุณคัดมา อันนี้ คือ มาเป็น เทวดา นั่งโง่ ลืม
ไปแล้วว่า เรียนฮาอะไรมา จำไม่ได้เลยสักกะคำเดียว มันเหมือนเด็กที่เกิด
จากท้องแม่แล้ว เอ๋อ ไม่รู้ประสา ไม่รู้ภาษา นั่นแหละ

แต่ พอได้ยินเสียงคนเขาพูดแจ้วๆ ผู้ใหญ่พูดแจ้วๆ อยู่ ตรงศาลา
มันก็มานั่งตรึกว่า เอ สมัยก่อนเราเคยเรียนอะไรที่ไหนหนอ

พอฟังผู้ใหญ่เขาเสวนาไปสักพัก พึง จำได้เว้ยเฮ้ย ว่า คำสอนแบบ
นี้แหละที่เกษตรเคยเรียน

แล้ว ก็ไปนั่งจุมปุ๊ก ฟังธรรม

อาการ กุลีกุจอเข้าไปนั่ง จุมปุ๊ก ฟังธรรมต่อ เนี่ยะ คือ " คามี "

ส่วนคำว่า " วิเสส " ก็หมายถึง " ศาลาร่วมที่เขากำลังแสดงธรรม "

มันยังไม่ได้บอกตรงไหนเลยนะว่า ฟังแล้ว จะ เข้าใจธรรมะ หรือเปล่า

แต่ บรรพบุรุษไทย ท่านแปลคำว่า " คามี " ซึ่งจัดเป็นแค่ "ปฏิปทา"
ไปโน้น ไปว่า " บรรลุ "

He just walk arrive at place that thay are talking about dhamma.

It does not mean that anyone who listen will be HaNaKa !!