เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 16 มีนาคม 2012.

  1. ต้นบัว

    ต้นบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    382
    ค่าพลัง:
    +1,088
    เรียนพี่หนุ่มและ คุณ moonoi ครับ วันนี้ผมโอนเงินค่าพระหลวงพ่อพิศดูองค์ที่ 44 ให้แล้วนะครับ เป็นเงิน 6,400 บาท ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. tuaang

    tuaang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    818
    ค่าพลัง:
    +1,634
    พี่หนุ่มครับ ตามที่แจ้งจอง และส่งข้อความไปทาง PM
    เหรียญนี้ถ้าค้นเจอ:'(
    แจ้งมาด้วยครับ พร้อมโอนตามราคาที่ตกลงไว้ครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  3. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    เหรียญนี้มีเพื่อนสมาชิกขอบูชาไปแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคมค่ะ.....^^
     
  4. ธิท่าวุ้ง

    ธิท่าวุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    653
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ไม่ทราบว่าองค์นี้มีผู้บูชาหรือยังครับ เห็นว่าผู้จองสละสิทธิ์ ถ้ายังขอทราบราคาด้วยครับ
     
  5. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    พระกสิณเนื้อขมิ้นที่ปกติจะแพงกว่าเนื้ออื่นๆ ผมตอบไปทางpm นะครับ
     
  6. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    พระปิดตาเนื้อดำผสมแร่วิเศษของ ลป.เย็น หลังฝัง พ.ก้านธูป สร้างน้อย ทำไว้ไม่กี่องค์เป็นเนื้อพิเศษ
    ให้บูชาราคาพิเศษในกระทู้ 3,000.บาท ที่อื่นๆราคาเกินสี่พันบาทไปแล้วทั้งสิ้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    พระพิมพ์รูปเหมือนพิมพ์เล็บมือ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง จ.บุรีรัมย์ พยัคฆ์ภูธรของจริง
    สร้างปี 2513 เนื้อผงผสมว่านผสมขมิ้น พระสวย ฟอร์มตรง เป็นพระชุดที่น่าใช้มากที่สุดของหลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทองเพราะพระชุดนี้สร้างอย่างถูกพิธี มีการ ตำผง บดว่าน กดพิมพ์พระกันที่วัด และมวลสารล้วนแต่เป็นของสูงของศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น ไม่ใช่เอาผงแป้งหรือปูนทั่วไปแล้วสั่งโรงงานปั๊มเหมือนอย่างปัจจุบันนี้ พระรุ่นนี้มีการทำพิธีอย่างถูกต้องตามหลักทั้งของ พราหมณ์ และ ของพุทธ

    มีประรำพิธี เครื่องบายศรี ตั้งฉัตรธงชัย เครื่องเซ่นสังเวยเทพเทวา และมีการจุดเทียนชัย ปลุกเสก 3 วันเต็มๆ หลวงปู่สุขท่านมีปลุกเสกให้ร่วมกับยอดพระเกจิอาจารย์ที่เก่งๆมากมายของจังหวัดบุรีรัมย์ อีกหลายองค์ครับ ทุกองค์ที่มาร่วมปลุกเสกล้วนเก่งและดังๆของจังหวัดทั้งนั้น พระรุ่นนี้น่าใช้บูชามากจริงๆ ด้านข้างองค์นี้เป็นพระสองขอบ หลังไม่เรียบเป็นกระดาน(นิยม) สนใจจะบูชาสอบถามราคาทาง pm ถูกกว่าร้านสายตรงแน่นอนครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ภาพด้านหน้าของพระผงเล็บมือ ลป.สุข
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    <img src='http://img2.uploadhouse.com/fileuploads/17316/1731634943b61313a5024295798a56cb82a5e441.jpg' /><br /><font size='1'><a href='http://www.xn--12c5cgw1fub.com' target='_blank'>ฝากรูป</a></font>


    “เวทย์มนต์ย่อมเป็นที่สักการะของชนชาวไทยมาแต่ครั้งบรรพกาล จนเป็นที่เชื่อถือและฝังแน่นอยู่ในสายเลือดของคนไทยแทบทุกคนจนกระทั่งปัจจุบันนี้ แต่ปรากฏว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่มีความข้องใจในเคล็ดบางประการที่ใช้เป็นหลักในเวทย์มนต์คาถา ซึ่งจะหาศึกษาเล่าเรียนจากตำหรับต่างๆก็หาไม่ได้”
    เทพย์ สาริกบุตร

    จากหนังสือเคล็ดลับไสยศาสตร์

    ชื่อ “เทพย์” เป็นนามมงคล หลวงวิศาลดรุณกร ผู้เป็นอาตั้งให้ ซึ่งมีความหมายว่าสูงส่งในความรู้ ความสามารถ ส่วนนามสกุล “สาริกบุตร” (Sarikaputra) เป็นนามสกุลพระราชทานลำดับที่ ๑๒๔๗ โดยในหลวงรัชกาลที่ ๖ พระราชทานแก่ขุนพิทักษ์นาวา (ขุนทอง) ผู้เป็นต้นตระกูล “สาริกบุตร”

    ในภาพ กริ่งเศรษฐีนวะโกฏิ (พระกริ่งเก้าหน้า) สภาพสวย ของ อ.เทพ สาริกบุตร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. ธิท่าวุ้ง

    ธิท่าวุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    653
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ขอบูชาตามราคา PM ครับ
     
  11. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    <img src='http://img5.uploadhouse.com/fileuploads/17316/173164181c8acaf380c015085fe507d02f81d6ce.jpg' /><br /><font size='1'><a href='http://www.xn--12c5cgw1fub.com' target='_blank'>ฝากรูป</a></font>

    อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร เป็นนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญสายไสยศาสตร์และพุทธาคม ระดับต้นๆ ของเมืองไทย รวมทั้งเป็นนักโหราศาสตร์ชั้นเยี่ยมที่หาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง เป็นชาวกรุงเทพฯ เกิดเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๒ และตายเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๖ รวมอายุ ๗๔ ปี วงการศึกษาไสยศาสตร์ พุทธาคม และโหราศาสตร์ถือว่าได้สูญเสียบุคคลสำคัญที่หาใครทดแทนได้ยาก เพราะตลอดชีวิตของท่านได้ทุ่มเทให้กับการศึกษาค้นคว้าศาสตร์ดังกล่าวอย่างเต็มที่

    มีบางคนเปรียบเทียบท่านกับ คาร์ล กุสตาฟ จุง จิตแพทย์ชาวสวิสที่อุทิศเวลาทั้งหมดให้กับการศึกษาค้นคว้าอนาไลติกไซโคโลยี (Analytic Psychology) หรือวิชาจิตวิทยาวิเคราะห์อย่างจริงจัง สาเหตุเสริมส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร มีเศรษฐานะดี ตระกูลขุนนาง มีเงินทองสมบูรณ์ ไม่ต้องปลีกเวลาส่วนหนึ่งไปประกอบการงานหาเลี้ยงชีพ

    บิดาของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร รับราชการแม้มิได้ระบุนาม สายงาน และบรรดาศักดิ์ ก็เชื่อว่ามีตำแหน่งค่อนข้างใหญ่ โดยรับราชการทั้งในกรุงเทพฯและในส่วนภูมิภาค มีประวัติว่า บิดาเป็นศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท กับเป็นศิษย์หลวงปู่สี วัดมณีชลขัณฑ์ จังหวัดลพบุรี อีกด้วย

    ฝ่ายมารดาของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตรเอง ก็เป็นญาติสนิทกับ พันเอก หลวงธรณีนิติญาณ ผู้ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์และดาราศาสตร์เช่นกัน ส่วนอาคือ หลวงวิศาลดรุณกร (อั้น สาริกบุตร) เคยเป็นอดีตอาจารย์คนแรกของโรงเรียนพลศึกษา ก่อนจะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ฝ่ายการปกครองโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย หลวงวิศาลฯ ผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญโหราศาสตร์ พุทธาคม กับวิชากรรมฐานแห่งสำนักวัดสิทธาราม ซึ่งมีพระสังวราราม (ชุ่ม) เป็นเจ้าสำนัก พระอาจารย์ชุ่มองค์นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญวิปัสสนากรรมฐานอย่างยิ่งองค์หนึ่งในสมัยนั้น

    จึงเห็นได้ว่า อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร เติบโตมาจากสภาพแวดล้อมแห่งพุทธาคม ไสยศาสตร์ และโหราศาสตร์มาตั้งแต่ต้น ชวนให้เข้าใจว่าท่านได้ถูกจูงใจหล่อหลอมอย่างสำคัญให้สนใจศึกษาอย่างลึกซึ้งในด้านนี้ เพราะฉะนั้นคราวหนึ่งเมื่อบิดาย้ายไปรับราชการในต่างจังหวัด อาจารย์เทพย์ก็มิได้ติดตามบิดาไปด้วย คือยังคงอยู่ในกรุงเทพฯ ศึกษาแสวงหาวิชาที่อาจเรียกรวมๆ ว่าไสยเวทพุทธาคมอันเป็นความรู้ชั้นยอดทั้งทางพราหมณ์และทางพุทธ ตามสำนักและวัดต่างๆ ในเบื้องต้น เช่น วัดสามปลื้ม วัดปทุมคงคา และวัดสามจีน เป็นต้น สามวัดนี้มีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญวิชาไสยเวทพุทธาคม เชี่ยวชาญการสัก-สักยันต์ ผู้มีชื่อเสียงอันเป็นที่นิยมมากในสมัยนั้นหลายท่านอีกด้วย

    จากนั้นจึงไปศึกษาในสำนักพระมหาโต๊ะ วัดราชบูรณะ ด้านการสักยันต์และวิชากรรมฐาน และกับท่านพระครูใบฎีกาเทพย์ สิงหรักษ์ วัดระฆัง ก่อนจะศึกษาไสยศาสตร์กับท่านเจ้าคุณศรี วัดสุทัศน์ ศึกษาวิชาพระยันต์ ๑๐๘, นะ ๑๔ ตำรับพระพนรัต วัดป่าแก้ว รวมทั้งวิชาหล่อพระชัยวัฒน์และพระกริ่งด้วย ทำให้อาจารย์เทพย์เชี่ยวชาญการหล่อพระกริ่งในเวลาต่อมา ที่รู้จักกันดีก็คือ พระกริ่งปวเรศน้อย ที่กระทำการหล่อขึ้นครั้งอุปสมบทที่วัดสีหไกรสร (วัดช่องลม) เขตบางกอกน้อย การอุปสมบทของท่านครั้งนั้นนัยว่ามีปัญหาการให้ฤกษ์กับคณะรัฐประหารคณะหนึ่ง ต่อเมื่อปัญหาได้รับการคลี่คลายแล้วจึงได้ลาสิกขา

    หลังจากศึกษาวิชาในสำนักต่างๆ เขตกรุงเทพฯ ธนบุรี ระยะหนึ่ง จึงได้ศึกษาต่อสำนักต่างๆ ในส่วนภูมิภาค เช่น สำนักอาจารย์สี วัดมณีชลขัณฑ์ จังหวัดลพบุรี สำนักหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว สำนักวัดประดู่โรงธรรม สำนักหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช และสำนักหลวงพ่ออั๋น วัดพระญาติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้รวมทั้งสำนักหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน วัดน้อยทองอยู่กับวัดภุมรินทร์ราชปักษา (วัดทั้งสองวัดนี้ได้ร้างไปแล้วเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ ๒)

    เมื่ออาจารย์เทพย์ได้ไปศึกษาวิชาจากสำนักต่างๆ ที่ลพบุรีและอยุธยาแล้วระยะหนึ่ง ก็กลับมาศึกษาต่อกับสำนักต่างๆ ในกรุงเทพมหานครอีก เช่น กับพระครูสมุห์โต๊ด วัดชนะสงคราม และอาจารย์พรหม สำนักวัดพระเชตุพน เป็นต้น แท้จริงแล้วอาจารย์เทพย์จะเดินสายศึกษาวิชาไสยเวทพุทธาคมระหว่างกรุงเทพฯ อยุธยา และลพบุรี จนเกือบตลอดชีวิต

    สำหรับผลงานของอาจารย์เทพย์พอที่จะจำแนกได้ มีดังต่อไปนี้ ยกเว้นความเชี่ยวชาญเรื่องไสยศาสตร์ ซึ่งจะพูดถึงในตอนต่อไป คือ

    -เรื่องการสร้างพระกริ่ง มีพระกริ่งหลายชนิดอันเป็นที่นิยมที่อาจารย์เทพย์ได้จัดทำขึ้น เช่น พระกริ่งปวเรศน้อย พระกริ่งจอมสุรินทร์ พระกริ่งเอกาทศรถ พระกริ่งจิตคุโต พระกริ่งดาวเจ็ดดวง และพระกริ่งนวโกฏิ

    -เครื่องรางของขลัง ตะกรุด และยันต์ในตะกรุด เช่น ตะกรุดมหาจักรพรรดิ ตะกรุดคงกระพัน ตะกรุดดวงพิชัยสงคราม และตะกรุดคู่ชีวิต ทั้งนี้รวมทั้งการลงยันต์และการทำผง เช่น ผงปถมัง อิทธิเจ ตรีนิสิงเห หัวใจ ๑๐๘ และมหาราชาด้วย

    -เป็นเจ้าพิธีสำคัญ เช่น พิธีมหาจักรพรรดิกษัตราธิราช

    ความสามารถในการแกะไม้โพธิ์พุทธมนต์ปางห้ามญาติ แกะไม้โพธิ์นิพพาน กับการแกะไม้ภควัมบดีจากไม้รักซ้อนและไม้หิ่งหายผี สร้างเสื้อยันต์ผ้ายันต์ เชือกคาดเอว ซึ่งนิยมมากสมัยสงครามอินโดจีน เป็นเครื่องรางยอดนิยมอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ยังทำประคำเจ้าตรึงไตรภพ มีดเทพศาสตร์ (ขณะประกอบพิธีมีฟ้าผ่าลงมาเป็นที่อัศจรรย์) นอกจากนั้นยังทำสีผึ้งเสน่หา และพิธีทำสีผึ้งสามไฟ ซึ่งดีทางเมตตามหานิยม มีคารมคมคายน่าเชื่อถือ พิธีสุดท้ายทำที่วัดเสน่หา นอกจากนั้นมีการทำเหรียญนารายณ์แปลงรูป และเหรียญพุทธนิมิต
    แต่ความขลังที่อาจารย์เทพย์ถูกกล่าวขานอยู่เสมอก็คือ ความสามารถในการสะเดาะกุญแจ ความสามารถในการเสกดอกจำปาให้เป็นแมลงภู่ และเสกสีผึ้งเสน่หาให้คนเมตตารักใคร่ ความสามารถของอาจารย์เทพย์ตั้งแต่พิธีทำพระกริ่ง จนถึงสีผึ้งเสน่หานั้น ย่อมต้องเป็นผู้ผ่านการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน การเจริญกสิน และเจริญพุทธมนต์บทต่างๆ มาอย่างยาวนานและอย่างแคล่วคล่อง ช่ำชอง

    สำหรับความเชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ อาจารย์เทพย์ย่อมอยู่ในแถวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย จะเห็นได้จากปฏิทินโหราศาสตร์ที่อาจารย์จัดทำขึ้น มีความละเอียดประณีตอย่างยิ่ง และเป็นปฏิทินที่สัมพันธ์กับปฏิทินดาราศาสตร์สากลด้วย (ท่านที่สนใจ ศึกษาได้ที่หอสมุดแห่งชาติ แผนกปรัชญาและศาสนา) ความเชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ของอาจารย์เทพย์น่าจะได้รับแรงจูงใจส่วนหนึ่ง มาจากหลวงวิศาลดรุณกร (อั้น สาริกบุตร) ผู้เป็นอา ซึ่งเป็นผู้แต่งคัมภีร์โหราศาสตร์ไทย ที่ถือกันว่าเป็นตำราชั้นครูในหมู่โหรเล่มหนึ่ง


    อนึ่งหลวงวิศาลดรุณกร เคยเป็นครูมวยและเป็นอาจารย์คนแรกของโรงเรียนพลศึกษากลางก่อนจะไปเป็น อาจารย์ปกครองของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ครูมวยทั้งหลายย่อมสัมพันธ์กับคาถาอาคมและเวทมนตร์อยู่แล้ว เช่น วิษณุเวทย์ (วิชาพระนารายณ์ปราบหมู่พาล) เป็นที่แน่นอนว่าเวทมนตร์คาถาเหล่านี้ย่อมส่งต่อถึงอาจารย์เทพย์ด้วยเช่นกัน

    จากคำบอกเล่าของลูกสาวอาจารย์เทพย์คือ คุณพรทิพย์ สาริกบุตร ที่ให้สัมภาษณ์ คุณชัยวัฒน์ ตรีวิทยา เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ได้ความว่า อาจารย์เทพย์เคยพยากรณ์ จอมพลสฤษฎิ์ ธนะรัชต์ ครั้งมียศเป็นเพียงพันตรี เป็นนายทหารจนๆ บ้านนอก จะได้เป็นใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่งคงจะเป็นที่ถูกใจท่านจอมพล หลังจากท่านจอมพลได้กระทำรัฐประหารสำเร็จเมื่อปี ๒๕๐๒ อันน่าจะส่งผลให้อาจารย์เทพย์ได้เป็น ส.ส. ประเภท ๒ ในทันที ขณะนั้นอายุ ๔๐ ปี

    ตามภาพคือพระกริ่งปวเรศน้อย ของ อ.เทพ สาริกบุตร องค์นี้ท่านจารก้นไว้ไห้เป็นพิเศษ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    <img src='http://img2.uploadhouse.com/fileuploads/17316/17316427663e33b4bccc52085955f547f970efd9.jpg' /><br /><font size='1'><a href='http://www.xn--12c5cgw1fub.com' target='_blank'>ฝากรูป</a></font>

    ก่อนหน้านั้น เคยมีข่าวว่า ครั้งหนึ่งอาจารย์เทพย์เคยมีปัญหาเรื่องการให้ฤกษ์ยามแก่คณะรัฐประหารคณะ หนึ่งจนต้องไปบวชอาศัยร่มเงาสมณเพศ ณ วัดสีหไกรสร บางกอกน้อยนั้นและจำพรรษาอยู่ที่นั่นนานพอควร จนสถานการณ์บ้านเมืองเป็นปกติจึงลาสิกขาในที่สุด (คณะรัฐประหารคณะนั้น อาจเป็นคณะเมื่อปี ๒๔๙๒ ซึ่งอาจารย์เทพย์มีอายุโดยประมาณ ๓๐ ปีเท่านั้น)

    คำให้สัมภาษณ์ของคุณพรทิพย์อีกเช่นกันที่บอกว่า อาจารย์เทพย์เคยทำนายเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างสำคัญ กับเคยทำนายว่า นายสมัคร สุนทรเวช จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี จากนั้นไม่นานนายสมัครก็ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเป็นตำแหน่งบริหารที่ใหญ่มาก น้องๆ นายกรัฐมนตรีเหมือนกัน ถือว่าทำนายได้ใกล้เคียง เสียดายที่อาจารย์เทพย์ตายก่อน หาไม่ก็จะได้รู้ว่านายสมัครผู้นั้นได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ ในอีกหลายปีต่อมา

    อาจารย์เทพย์เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๓๖ ด้วยโรคเบาหวาน ต้องตัดขาทั้ง ๒ ข้าง แต่อาจารย์ก็มีกำลังใจดีเป็นเลิศ ด้วยมีธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ได้รับพระราชเพลิงที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน

    ขอขอบพระคุณ ดร. สันติพงศ์ บริบาล แห่งคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กรุณาให้ข้อมูล

    ในภาพคือพระกริ่งนวโกฏิ เนื้อเข้มข้นอีกกระแสหนึ่ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    <img src='http://img5.uploadhouse.com/fileuploads/17316/17316476595203532f0529fd6e04ac33a27e7d9d.jpg' /><br /><font size='1'><a href='http://www.xn--12c5cgw1fub.com' target='_blank'>ฝากรูป</a></font>

    อีกบทบันทึกหนึ่ง จากผู้ที่เคารพนับถือท่าน
    อาจารย์เทพ สาริกบุตร เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2462 และถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2536 สิริรวมอายุ 74 ปี ท่านได้ศึกษาเวทยศาสตร์และโหราศาสตร์มาอย่างเอกอุ ทั้งจากญาติผู้ใหญ่ที่สืบสายพุทธาคมและโหราศาสตร์ กับเกจิอาจารย์ และปรมาจารย์ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันดี อาทิ สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่สี วัดมณีชลขันธ์ หลวงปู่ผาด และหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว โดยเฉพาะเจ้าคุณศรี(สนธ์) วัดสุทัศน์ ที่นับได้ว่าเป็นศิษย์รักของท่านเจ้าคุณศรี(สนธ์)เลยทีเดียว นอกจากนั้นท่านยังได้ศึกษาเพิ่มเติมจากสำนักวัดประดู่ทรงธรรม อยุธยา จึงเป็นเหตุให้ได้พบปะแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กับ หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช หลวงปู่อั้น วัดพระญาติการาม และยังได้แลกเปลี่ยนวิชา กับหลวงปู่รอด วัดวังน้ำวน และที่สำคัญคือท่านเป็นสหธรรมิกกับ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และหลวงพ่อทองอยู่ วัดหนองพะองค์ ซึ่งได้ร่วมปลุกเสกเหรียญพุทธนิมิต และเหรียญรายณ์แปลงรูปนี้ด้วย

    อาจารย์ เทพ เชียวชาญในพิธีกรรมและฤกษ์ยามมาก จึงได้รับเชิญเป็นเจ้าพิธีในการจัดสร้าง และกำหนดฤกษ์ยาม ในการจัดสร้างวัตถุมงคลต่างๆมากมาย ซึ่งล้วนแต่โด่งดังข้ามฟ้าข้ามภพ อาทิ เป็นเจ้าพิธี พิธีจักรพรรดิพุทธาภิเษก ปี 2515 พิษณุโลก (นเรศวร) พิธีกริ่งจอมสุรินทร์ พิธีกริ่งเอกาทศรถ พิธีกริ่งจิตคุตโต(หลวงปู่ผาง) แต่ที่น้อยคนจะนึกถึง ก็คือการให้ฤกษ์จุดเทียนชัยของหลวงปู่ทิม ชุดพระกริ่งชินบัญชร อันลือลั่นสนั่นวงการพุทธศาสตร์ นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ ท่านก็ได้สร้างพระเครื่องบางอย่างบางชนิด ทั้งเมื่อบวชอยู่ที่วัดปรินายก ก็โด่งดังเป็นนิรันดร์มาจนบัดนี้ อาทิ กริ่งวัดปรินายก กริ่งปวเรศน้อย วัดช่องลม กริ่งนวโกฎิ/

    เหรียญพุทธนิมิต
    ได้จัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2521 พุทธาภิเษกในปี 2522 จำนวนการจัดสร้างเพียง 2 พันเหรียญ ท่านได้ปลุกเสกเดี่ยวเป็นเวลานาน และได้จัดพิธีพุทธาภิเษกที่วัดตะเคียน(มหาพฤฒาราม) โดยมีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อทองอยู่ วัดหนองพะองค์ ร่วมปลุกเสก เนื้อหาของเหรียญ เป็นทองแดงผสมด้วยชนวนศักดิ์สิทธิ์มากมาย ที่อาจารย์เทพ ได้ไปเป็นเจ้าพิธีต่างๆ ซึ่งท่านเก็บสะสมไว้ แล้วนำมาหล่อหลอมขึ้นใหม่ หากมองเพียงผิวเผิน บางท่านอาจจะเห็นว่ากระดำกระด่าง แต่ในสายตาของนักนิยมสะสมพระเครื่องย่อมทราบดีว่า นี่เนื้อหาแทบจะเทียบชั้นนวะโลหะแล้ว ที่เห็นเป็นริ้วเนื้อดำนั้น ล้วนเป็นชนวนนวะชั้นดีทั้งสิ้น ความจัดจ้านของเนื้อหาจึงปรากฎ สรรพศาสตร์ความรู้แห่งพระเวทย์มนตรา ดาราศาสตร์ ฤกษ์ผานาทีที่อุดม ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นเป็นองค์พระ “พุทธนิมิต” อันน่าอัศจรรย์ ด้วยเพียงกระดูกยันต์และอักขระเลขยันต์ที่ศักดิ์สิทธิ์ จึ่งกลายเป็นองค์พระปฎิมาดังปรากฏเป็นเจ้าแรก แล้วบรรจงประดับด้วยพระเวทย์ที่นับถือกันมาแต่โบราณ กล่าวคือ

    ด้านหน้าเหรียญ บรรจงล้อมรอบองค์พระพุทธนิมิตด้วย ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า(อิติปิโสเรือนเตี้ย) ขอบเหรียญล้อมรอบด้วยยันต์ นะปถมังพินธุ ประดุจครอบแก้ว กำแพงแก้ว กอบกั้น ประดุจดังผู้อาราธนาใช้ ถูกครอบไว้ด้วยมนตราอันศักดิ์สิทธิ์ แผ่ฤทธิ์แห่งความเมตตามหานิยม อุดมลาภยศสรรเสริญ เจริญด้วยอายุวรรณะสุขะพละ และธนสารสมบัติ มีความสงบร่มเย็นเป็นนิรันดร์

    ด้านหลังเหรียญ บรรจงประจุด้วยยันต์ อสิสติ (ยันต์คู่ชีวิต)อันเป็นยันต์แต่โบราณกาล ที่มีค่าควรเมือง กล่าวกันว่า เพียงลงยันต์นี้เสร็จสิ้น แม้ยังมิได้ปลุกเสก ยิงเอาเถิดก็ไม่เกิดผล หลวงพ่ออาคม วัดดาวนิมิต เพชรบูรณ์ ผู้สืบทอดยันต์นี้จากปรมาจารย์รุ่นเก่าในสายบูรพาจารย์ของท่าน ได้ลงตะกรุดด้วยยันต์นี้ แล้วขนานนามตะกรุดว่า “ตะกรุดคู่ชีวิต” หลวงพ่ออาคมได้ออกให้บูชาในราคาดอกละ 5 พันบาท พร้อมทั้งประกาศว่า ท่านผู้ใดที่ได้เช่าหา ตะกรุดคู่ชีวิต ไป แล้วประสบอุบัติเหตุอันใด มีเหตุให้ต้องเสียชีวิตไป(ตายโหง) หลวงพ่อจะรับเป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้โดยตลอด เมื่อพิจารณาโดยละเอียดแล้ว เหรียญพุทธนิมิต แม้จะไม่ใหญ่มาก มีขนาดประมาณ 3.5 ซม. กำลังงาม แต่ท่านทราบไหม ว่าบรรจุด้วยอักขระเลขยันต์อันศักดิ์สิทธิ์ถึงประมาณ 300 ตัว รวมหน้าหลัง ที่น่าทึ่งอีกอย่างหนึ่งก็คือ บางท่านถือว่าเป็นเครื่องราง อย่างหนึ่ง เพราะแม้จะมองเป็นเหรียญพระพุทธ แต่ก็มีข้ออ้างว่า องค์พระพุทธที่ปรากฏให้เห็นนั้น รังสรรค์ขึ้นจากอักขระเลขยันต์ทั้งสิ้น จึงสมกับคำที่ว่า “พุทธนิมิต” เป็นอย่างยิ่ง

    ดังนั้น คาถาที่จะอาราธนาเหรียญนี้ จึงเหมาะสมอย่างยิ่ง ที่จะใช้คาถาที่ปรากฏในตัวเหรียญ เป็นการปลุกเหรียญไปในตัว
    อิ ติ ปิ โส วิ เส เส อิ - อิ เส เส พุท ธะ นา เม อิ - อิ เม นา พุท ธะ ตัง โส อิ - อิ โส ตัง พุท ธะ ปิ ติ อิ (มงกุฎพระพุทธเจ้า)

    เหรียญ นารายณ์แปลงรูป
    ต่อมาในปี 2526 อาจารย์เทพ ได้รังสรรค์เหรียญนารายณ์แปลงรูปขึ้นมาอีกเหรียญหนึ่ง ด้วยจำนวนการสร้างที่น้อยนิด เพียง 800 เหรียญ เหรียญนารายณ์แปลงรูป เป็นอีกวิชาหนึ่งของอาจารย์เทพ ที่จะฝากในวงการพระพุทธศาสนา ที่เน้นในทางทำมาหากิน เป็นเมตตามหานิยมอย่างสูง เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ให้เป็นที่นิยมชมชอบ เปลี่ยนแปลงพลิกผันสรรพเรื่องราว สรรพสิ่งไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งชีวิต อาชีพการงาน และสิ่งอวมงคลทั้งหลาย ให้กลายกลับเป็นดี ให้สมกับคำว่า “นารายณ์แปลงรูป” สำหรับเหรียญนารายณ์แปลงรูปนี้ มีวิธีใช้ และคาถาอาราธนากำกับมาแต่เดิม ซึ่งกล่าวไว้ ดังนี้

    คาถาใช้เหรียญนารายณ์แปลงรูป ของอาจารย์เทพ สาริกบุตร
    นะ โม 3 จบ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว จะท่องกี่จบก็ได้ หรือท่องตามกำลังวันได้ยิ่งดี แล้วอธิฐานตามความปรารถนา เมื่อสำเร็จตามที่ปรารถนาแล้ว ควรจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ท่านด้วย

    ใช้ทำน้ำมนต์ประพรมของค้าขาย หรือทำน้ำมนต์ล้างหน้าให้บังเกิดสง่าราศี เป็นที่รักของคนทั้งหลาย ให้ทำดังนี้ หาน้ำสะอาดมา 1 แก้ว หรือตามจำนวนที่ต้องการวางตรงหน้าพระ ใส่เหรียญลงไป ระลึกถึงคุณพระทั้ง 5 ให้จงดี คือ พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ ระลึกถึงอาจารย์เทพเป็นที่สุด (ถ้าศรัทธาครูบาอาจารย์องค์ใด ก็ให้ยึดถือองค์นั้น แล้วเพิ่มอาจารย์เทพเข้าไปด้วย) ตั้งใจให้ดีทำใจให้สงบว่า นะโม 3 จบ อธิษฐานสิ่งที่ต้องการปรารถนา ว่าคาถาดังนี้
    “เตชะสุเนมะ ภูจะนาวิเว มะอะอุสิวังพรหมมาจิตตัง มานิมามา นะพามานะ นะชาลิติ”

    คาถาเสกน้ำล้างหน้า “นะเมตตาจะมหาราชา อะเมตตาจะมหาเสนา อุเมตตาจะมหาชนา สัพพะเสน่ห์หังจะปูชิตัง สัพพะสุขังจะมหาลาภัง สัพพะสิทธิภะวันตุเม” กำลังวันมีดังนี้ จันทร์-15 , อังคาร-8 , พุธ-17 , พฤหัส-19 , ศุกร์-21 , เสาร์-10 , อาทิตย์-6 ,วันราหู(พุธกลางคืน)-12

    ในฐานะที่พวกเรา เป็นนักสะสมนิยมพระเครื่อง ซึ่งแต่ละท่านก็ย่อมมีประสบการที่ยาวนานแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องตรงกันก็คือ การมุ่งหาพระเครื่องหรือวัตถุมงคล ที่มีพุทธคุณเป็นที่พึ่งได้จริง จึงได้ศึกษาค้นคว้าและแสวงหา ตามความรู้ความสามารถของแต่ละคน จนประจักษ์และเชื่อมั่นแล้ว ก็นำมาบูชาพึ่งพาพุทธคุณ เพื่อความสำเร็จเป็นสุข และเจริญด้วยจตุรพรชัยมงคล

    ในนามของผู้เรียบเรียงบทความนี้ เพิ่งได้รู้จักกับเหรียญ พุทธนิมิต กับเหรียญนารายณ์แปลงรูป ซึ่งมีอายุอานามของเหรียญกว่า 30 ปี และเกือบ 30 ปี ตามลำดับ เมื่อต้นปี 2554 นี้เอง ทั้งได้อ่านประวัติ และรับทราบการแต่งตำราพระเวทย์ และโหราศาสตร์ มีมากมายหลายเล่ม ของอาจารย์เทพ จึงเกิดศรัทธาว่าท่านสร้างด้วยความมุ่งมั่นอย่างสุดความสามารถ และ เข้มขลังตามศาสตร์และศิลป์ที่ท่านมีอยู่อย่างเปี่ยมล้น อันพึงจะเกิดประสิทธิผล ตามความมุ่งหวังตั้งใจของท่านทุกประการ จึงได้แสวงหาเหรียญ พุทธนิมิต มาบูชาประจำตัว และด้วยความที่นิยมสะสมพระเครื่องมานาน จึงทราบและประสบกับสิ่งบอกเหตุดีๆงามๆในชีวิต ที่มีมากขึ้น และทั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตมาก่อน จึงแจ้งประจักษ์ถึงพุทธคุณแห่งองค์พระ “พุทธนิมิต” และเป็นเหตุให้เรียบเรียงบทความเพื่อบอกกล่าวแก่เพื่อนนักนิยมสะสมพระไว้ ณ ที่นี้/
    (ขอขอบคุณ กว๊านพะเยา เจ้าของบทความ)
    ภาพที่ลงไว้นี้คือเหรียญพุทธนิมิตรของ อ.เทพ สาริกบุตร แบบแท้มาตรฐาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    <img src='http://img6.uploadhouse.com/fileuploads/17316/17316541145fbf193f73d741fe4d2e247fffc149.jpg' /><br /><font size='1'><a href='http://www.xn--12c5cgw1fub.com' target='_blank'>ฝากรูป</a></font>

    เหรียญเศียรพรหม (เหรียญนารายณ์แปลงรูป)

    เหรียญพรหมหรือเหรียญนารายณ์แปลงรูปนี้ เป็นวิชาหนึ่งที่ท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ศึกษาจนสำเร็จ พุทธคุณสูงส่งใช้ในทางทำกิน เมตตามหานิยมอย่างยิ่ง เข้าหาผู้ใหญ่ใช้ดีมาก จากประสบการณ์ที่แลกเปลี่ยนข้อมูลกันมาในศิษย์ของสายท่านอาจารย์เทพย์ ได้ความว่าเหรียญนี้สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2521

    ประสบการณ์ ของอาจารย์เทพย์นั้นมักจะมีในแทบทุกด้าน วิชาที่ท่านทำแต่ละอย่างนั้นถือว่าศักดิ์สิทธิ์ และเป็นวิชาชั้นสูง อย่างเช่น ทางด้านเมตตามหานิยมนั้น ท่านทำให้ถึงขนาดที่ว่าเทวดายังต้องลงมารัก มาเมตตาสงสาร ให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่เมตตามหาเสน่ห์แล้วจบลงด้วยการนอนร่วมเพศกันเหมือนกับอาจารย์ลวงโลกใน สมัยนี้ทำ ท่านยกอุปมาอุปมัยสั่งสอนลูกศิษย์โดยตลอดในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ วิชามหาเสน่ห์ท่านก็มี แต่ไม่ได้ประสิทธิประสาทให้กับผู้ใด ท่านว่าเป็นวิชาขั้นต่ำ ท่านเคยทำวิชานี้ให้พระอาจารย์ติ๋ว ฐิตวัฒฑโณ วัดมณีชลขัณฑ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี ได้ประจักษ์เป็นบุญตามาแล้ว เมื่อวันหนึ่งที่พระอาจารย์ติ๋วเข็นรถอาจารย์เทพย์ออกมาหน้าบ้าน อาจารย์เทพถามว่า “อยากเห็นอะไรไม๊” พอพูดจบท่านนั่งภาวนาคาถาสักครู่ ในขณะนั้น มีผู้หญิงสองคนเดินผ่านหน้าบ้านท่านพอดี ท่านจึงเป่าคาถาใส่ผู้หญิงสองคนนั้น ปรากฏว่าผู้หญิงสองคนนั้นเดินตรงเข้ามาหาอาจารย์เทพย์ และหอมแก้มท่านเป็นการใหญ่ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักกันเลยแม้สักนิด พระอาจารย์ติ๋วเห็นแล้วถึงกับอึ้งในวิชามหาเสน่ห์ของอาจารย์เทพย์ที่ทำให้ดู

    เหรียญนารายณ์แปลงรูปหรือเหรียญหน้าพรหมนี้หายากนัก เพราะสร้างจำนวนน้อย เนื้อเงินทำเพียง 50 เหรียญ เนื้อทองแดง(ชนวน)ทำเพียง 800 เหรียญเท่านั้นเอง ยิ่งที่ตอกโค๊ตด้านหลังแล้วยิ่งหาพบแสนยาก

    นารายณ์แปลงรูปนี้ มีวิธีใช้ และคาถาอาราธนากำกับมาแต่เดิม ซึ่งกล่าวไว้ ดังนี้

    คาถาใช้เหรียญนารายณ์แปลงรูป ของอาจารย์เทพ สาริกบุตร
    นะ โม 3 จบ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว จะท่องกี่จบก็ได้ หรือท่องตามกำลังวันได้ยิ่งดี แล้วอธิฐานตามความปรารถนา เมื่อสำเร็จตามที่ปรารถนาแล้ว ควรจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ท่านด้วย

    ใช้ทำน้ำมนต์ประพรมของค้าขาย หรือทำน้ำมนต์ล้างหน้าให้บังเกิดสง่าราศี เป็นที่รักของคนทั้งหลาย ให้ทำดังนี้ หาน้ำสะอาดมา 1 แก้ว หรือตามจำนวนที่ต้องการวางตรงหน้าพระ ใส่เหรียญลงไป ระลึกถึงคุณพระทั้ง 5 ให้จงดี คือ พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ ระลึกถึงอาจารย์เทพเป็นที่สุด (ถ้าศรัทธาครูบาอาจารย์องค์ใด ก็ให้ยึดถือองค์นั้น แล้วเพิ่มอาจารย์เทพเข้าไปด้วย) ตั้งใจให้ดีทำใจให้สงบว่า นะโม 3 จบ อธิษฐานสิ่งที่ต้องการปรารถนา ว่าคาถาดังนี้

    “เตชะสุเนมะ ภูจะนาวิเว มะอะอุสิวังพรหมมาจิตตัง มานิมามา นะพามานะ นะชาลิติ”

    คาถา เสกน้ำล้างหน้า “นะเมตตาจะมหาราชา อะเมตตาจะมหาเสนา อุเมตตาจะมหาชนา สัพพะเสน่ห์หังจะปูชิตัง สัพพะสุขังจะมหาลาภัง สัพพะสิทธิภะวันตุเม” กำลังวันมีดังนี้ จันทร์-15 , อังคาร-8 , พุธ-17 , พฤหัส-19 , ศุกร์-21 , เสาร์-10 , อาทิตย์-6 ,วันราหู(พุธกลางคืน)-12

    ตอนท่านอาจารย์เทพย์เสียชีวิต มีการจัดงานพระราชทานเพลิงศพท่าน..ลูกศิษย์ก็เลยปรึกษากันว่าจะแจกอะไรเป็น ที่ระลึกในงาน จึงตกลงกันว่าจะเอาเหรียญรุ่นนี้ของท่านที่ท่านสร้างไว้ ที่แต่ละคนมีเหลืออยู่มารวมกันแล้วตอกโค๊ตตัวพ.พาน เพื่อแจกคู่กับหนังสือประวัติของท่านเป็นที่ระลึกแก่ผู้มาร่วมงานพระราชทาน เพลิงศพท่านอาจารย์เทพย์..แต่เหรียญมีเหลือไม่มากจึงแจกได้ไม่เท่าใหร่ก็ หมด...เหรียญตอกโค๊ตจึงมีไม่มากนัก นานๆจะมีมาซักเหรียญครับ

    เหรียญที่ลงไว้คือเหรียญนารายณ์แปลงรูป ตอกโค๊ตตัว พ. ไว้ด้านหลัง ปีหนึ่งๆจะปรากฏให้พบเจอไม่เกินสามเหรียญ ตอนนี้หากันวุ่นเพราะประสบการณ์กับนักการเมืองในการใช้เจรจาได้ผลทุกครั้ง เป็นมหาระรวยและมหานิยมในตัวเองอย่างสูง ของปลอมก็ทำได้ดีมากแล้ว แต่ส่วนใหญ่ไม่ตอกโค๊ตเพราะโค๊ตปลอมได้ยาก เหรียญนารายณ์แปลงรูปหรือเหรียญหน้าพรหมนี้หายากนัก เพราะสร้างจำนวนน้อย เนื้อเงินทำเพียง 50 เหรียญ เนื้อทองแดง(ชนวน)ทำเพียง 800 เหรียญเท่านั้นเอง


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2013
  15. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    <img src='http://img5.uploadhouse.com/fileuploads/17316/173166283f6a2840d5e1613cf2b18876f3558262.jpg' /><br /><font size='1'><a href='http://www.xn--12c5cgw1fub.com' target='_blank'>ฝากรูป</a></font>

    ถ้าพูดถึงเรื่อง “พระกริ่ง” หรือการลงแผ่นพระยันต์เพื่อทองหล่อพระกริ่ง นักเล่นพระรุ่นเก่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ท่านเป็นปรมาจารย์ด้านพระกริ่งคนหนึ่งในเมืองไทยทีเดียว

    คำว่า ปรมาจารย์ ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ท่านเป็นนักซื้อขายพระ หรือเป็นเซียนพระแต่ประการใด หากหมายถึงท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงพระยันต์นานาชนิด, การเททองหล่อพระกริ่ง และด้านไสยเวทย์คนหนึ่งของเมืองไทยที่หาตัวจับได้ยากยิ่งเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นปรมาจารย์ทางด้านโหราศาสตร์ที่สำคัญคนหนึ่งของไทยอีกด้วย

    ท่านอาจารย์เทพย์เมื่อแรกเกิดท่านเป็นบุคคลที่มีลักษณะพิเศษกว่าคนทั่วไป เพราะปรากฏ “รก” ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับหมวกครอบศีรษะของท่านออกมาด้วย เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก หลวงวิศาลดรุณกร (อั้น สาริกบุตร) อาจารย์ใหญ่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ผู้เป็นคุณลุงของอาจารย์เทพย์ และยังเป็นโหราจารย์ที่เชี่ยวชาญในโหราศาสตร์อย่างยิ่งท่านหนึ่ง พิจารณาแล้วจึงได้ตั้งชื่อให้หลานชายว่า “เทพย์” เพื่อเป็นสิริมงคล ท่านยังพูดเป็นคำขันว่า “เจ้าหมอเทพย์คนนี้น่ากลัวจะมีวิชาดีเอาติดตัวมาด้วย” กาลต่อมาก็ได้พิสูจน์คำพูดของท่านว่าเป็นจริง เมื่ออาจารย์เทพย์เติบโตขึ้นได้กลายเป็นนักวิชาการทางด้านโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจนมีเกียรติคุณชื่อเสียงกว้างขวางไปทั่วเมืองไทย

    โดยได้พันเอกหลวงธรณีนิติญาณ (สวัสดิ์ อินทรพล) ซึ่งเป็นคุณลุงทางฝ่ายมารดาถ่ายทอดวิชาหมอดู โหราศาสตร์ไทยให้ท่าน ในขณะที่คุณหลวงวิศาลฯ สอนวิชาโหราศาสตร์สากล ท่านอาจารย์เทพย์เป็นคนวิริยะอุตสาหะจริง ๆ ใช้เวลาทุกขณะค้นคว้าหาความรู้ทางด้านนี้มาตลอด ส่วนทางด้านไสยเวทย์มีคุณพ่อของท่านเป็นผู้สอนให้ ซึ่งคุณพ่อของอาจารย์เทพย์นั้นเป็นศิษย์สายตรงและได้รับการสืบทอดวิชาจาก ท่านพระครูวิมลคุณากร หรือ หลวงปู่ศุข เกสโร แห่ง วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท นอกจากนั้นยังมีพระอาจารย์สี วัดมณีชลขัณฑ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี, อาจารย์ผาด, พระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่บุญ ขันธโชติ) วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ถ่ายทอดวิชาทำยาจินดามณีอันศักดิ์สิทธิ์ และวิชาทำพระไม้โพธิ์แกะห้ามสมุทรที่มีคุณวิเศษให้

    ทั้งยังเป็นลูก ศิษย์คนโปรดของท่านเจ้าคุณพระศรีสัจจญาณมุนี (สนธิ์ ยติธโร) วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพ ที่ถ่ายทอดวิชาการหล่อพระกริ่งอันดับหนึ่งในเมืองไทยให้ และท่านยังได้ศึกษาวิชาเพิ่มเติมจากวัดประดู่โรงธรรม พระนครศรีอยุธยา ตักศิลาที่สำคัญยิ่งของเมืองไทย ท่านได้พบกับท่านเจ้าคุณพระวิสุทธาจาร เถร (เทียม สิริปัญโญ) วัดกษัตราธิราชราชวรวิหาร พระนครศรีอยุธยา, พระครูศีลกิตติคุณ (อั้น คันธาโร) วัดพระญาติการาม พระนครศรีอยุธยา ที่เดินทางมาศึกษาวิชาวัดประดู่โรงธรรมเหมือนกัน และเป็นสหธรรมมิกที่สนิทสนมกันเป็นพิเศษ แลกเปลี่ยนวิชากันอยู่เสมอมิได้ขาด นอกจากนี้ท่านยังเคยแลกเปลี่ยนวิชากับหลวงปู่รอด พุทธสัณโฑ ยอดพระปรมาจารย์ แห่ง วัดบางน้ำวน ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร (สำหรับเหตุที่ทำให้ได้รู้จักกับหลวงปู่รอดนี้ เรื่องมีอยู่ว่า มีลูกศิษย์ของหลวงปู่ถูกเจ้าเข้ามาตลอด ญาติจึงพามาหาหลวงปู่รอดเพื่อแก้ไข ท่านก็เมตตารักษาให้ด้วยการรดน้ำมนต์และลงตะกรุดให้ติดตัวไว้ แต่ปรากฏว่าเจ้าก็ยังมาเข้าสิงได้อยู่ดี จึงได้ให้ลูกศิษย์มาหาอาจารย์เทพย์เพื่อขอคำแนะนำ อาจารย์เทพย์ได้ลงตะกรุดไปให้ดอกหนึ่งเพื่อนำถวายหลวงปู่รอด หลวงปู่รอดจึงให้คนที่ถูกเจ้าเข้าสิงใส่ติดตัวแทนตะกรุดหลวงปู่ เป็นที่น่าอัศจรรย์เจ้าที่เคยเข้าสิงได้มาตลอดกลับเข้าไม่ได้อีกเลยนับ ตั้งแต่บัดนั้น หลวงปู่รอดจึงขึ้นมาหาอาจารย์เทพย์ถามเรื่องยันต์ในตะกรุดนั้นว่าลงด้วย ยันต์อะไร ?

    อาจารย์เทพย์จึงถวายวิชาลงตะกรุดนั้นให้หลวงปู่รอด ไป ตั้งแต่นั้นหลวงปู่รอดก็ไปมาหาสู่อาจารย์เทพย์มาโดยตลอดและแลกเปลี่ยนวิชา กันอยู่เสมอ ท่านมากรุงเทพเมื่อไรเป็นต้องมาพักค้างที่บ้านอาจารย์เทพย์มิได้ขาด อาจารย์เทพย์ก็นับถือหลงปู่รอดเป็นครูบาอาจารย์ของท่านองค์หนึ่งเลยทีเดียว

    ภาพที่ลงไว้คือพระกริ่งนวโกฏิอีกเนื้อหนึ่งของท่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    <img src='http://img5.uploadhouse.com/fileuploads/17316/173166929f8f9dbd529939432c4a0c3a286b83fe.jpg' /><br /><font size='1'><a href='http://www.xn--12c5cgw1fub.com' target='_blank'>ฝากรูป</a></font>
    ด้วยความชำนิชำนาญทั้งโหราศาสตร์และไสยศาสตร์ ทำให้อาจารย์เทพย์ได้รับเชิญเป็นเจ้าพิธีที่สำคัญ ๆของประเทศอยู่หลายพิธี เช่น พิธีมหาจักรพรรดิกษัตราธิราช วัดปรินายก, พิธีมหาจักรพรรดิพุทธาภิเษก ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดพระพุทธชินราช) อ.เมือง จ.พิษณุโลก เป็นต้น โดยเฉพาะเมื่อใดที่ต้องจัดพิธีสำคัญ อีกทั้งยังเป็นพิธีกรรมการจัดที่น้อยอาจารย์จะทราบวิธีการจัดให้ถูกต้อง ท่านอาจารย์เทพย์ก็จัดได้ทั้งสิ้น ดังเช่นพิธีกรรมการเททองหล่อพระแบบโบราณตามตำรับของสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทโว) วัดสุทัศนเทพวราราม อาทิ พิธีหล่อพระกริ่งจอมสุรินทร์ จ.สุรินทร์, พระกริ่งเอกาทศรถ จ.เชียงใหม่, พระกริ่งจิตคุตโต หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต จ.ขอนแก่น ฯลฯ ที่กล่าวมานี้ท่านได้ลงแผ่นทอง กำหนดฤกษ์ยามให้ และเป็นเจ้าพิธีควบคุมด้วยตัวท่านเอง

    พระกริ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่าน คือพระกริ่งวัดปรินายก, พระกริ่งปวเรศน้อย วัดช่องลม(วัดสีห์ไกรสร) ท่านทำตอนที่ท่านบวชเป็นพระภิกษุ ว่ากันว่าเมื่อเททองเสร็จท่านท้าให้ลูกศิษย์ทดลองยิงได้เลย โดยยังไม่ต้องปลุกเสก ปรากฏผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ เพราะปืนยิงไม่ออกแม้แต่นัดเดียว ทำให้พระกริ่งชุดนี้ เป็นที่เสาะแสวงหากันมากในหมู่นักนิยมสะสมพระเครื่อง และยังมีการปลอมออกมาหลายฝีมือทีเดียว “พระกริ่งดาว ๗ ดวง” ที่หล่อเพียง ๗ องค์เท่านั้น ใครที่คิดจะหาปิดประตูได้เลย เพราะอยู่กับผู้ที่มีอันจะกินระดับแนวหน้าของเมืองไทยทั้งหมด ที่เรียกกริ่ง ๗ ดาวนี้ เนื่องจากในปีนั้นมีดวงพระเคราะห์ทั้ง ๗ ดวงเคลื่อนเข้ามาอยู่ในราศีเดียวกัน และให้คุณเป็นอันมาก เรียกว่ารอกันเป็นสิบ ๆ ปีได้เลยกว่าจะเกิดปรากฏการณ์แบบนี้อีกครั้ง จึงเป็นที่มาของการสร้างพระกริ่ง ๗ ดาว

    ส่วน “พระบูชาไม้โพธิ์แกะปางห้ามสมุทร” หรือไม้โพธิ์นิพพาน ท่านได้สร้างไว้เหมือนกันแต่น้อยมาก ๆ และยังมี “พระภควัมบดีแกะจากไม้รักซ้อนตายพรายก้นอุดด้วยพระธาตุและผงวิเศษ”, “พระภควัมบดีแกะจากไม้หิ่งหายผี” ส่วนเครื่องรางก็จะมีเสื้อยันต์ที่ท่านทำสมัยสงครามอินโดจีน และผ้ายันต์ชนิดต่าง ๆ เชือกคาดเอว(ลงแล้วเผาไฟไม่ไหม้ตามตำรา) สำหรับเครื่องรางเหล่านี้จะต้องมีเครื่องสังเวยครูตามตำรานั้น ๆ เลยทีเดียว ถ้าไม่มีมาท่านจะไม่ทำให้เป็นอันขาด เพราะท่านถือเรื่องการเคารพครูเป็นอย่างสูง เครื่องรางของท่านแต่ละชิ้นจึงมีราคาค่าตัวสูงพอสมควร ตะกรุดต่าง ๆ เช่น “ตะกรุดมหาจักรพัตราธิราช” ที่ลงในพิธีมหาจักรพรรดิซึ่งนับดอกได้ ปีที่ทองคำตกบาทละ ๕,๐๐๐ กว่า เคยมีคนเอาทองคำหนัก ๖ บาทมาแลกตะกรุดมหาจักรพรรดิไป ๑ ดอก, “ตะกรุดคู่ชีวิต”, “ตะกรุดดวงพิชัยสงคราม” และตะกรุดชนิดอื่น ๆ

    ภาพที่ลงไว้คือพระกริ่งปวเรศน้อยของ อ.เทพย์ ซึ่งมีทั้งแบบมีบัวหลังและไม่มีบัวหลัง แต่งมือทีละองค์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    <img src='http://img2.uploadhouse.com/fileuploads/17316/17316703a553f9f0afbd46865dd15bf7866eecd3.jpg' /><br /><font size='1'><a href='http://www.xn--12c5cgw1fub.com' target='_blank'>ฝากรูป</a></font>

    “ประคำพระเจ้าตรึง ไตรภพ” ที่ทำจำนวนน้อยมากมีประมาณ ๒๐ กว่าเส้นเท่าที่ทราบ และหาผู้ที่รู้จริงทำได้น้อยมากเช่นกัน แม้แต่วัดกลางบางแก้วเองเมื่อสิ้นหลวงปู่บุญก็ไม่มีท่านใดทำต่อได้เลย ลงด้วยคาถารัตนมาลาทั้ง ๑๐๘ บท และต้องท่องจบสูตรรัตนมาลาทั้งหมด ๓ ห้อง คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไส้ทำด้วยเงินลงยันต์ บางเส้นท่านทำด้วยทองคำก็มี พันด้วยกระดาษสาโรยด้วยผงปถมัง ลงรักปิดทองทั้งเส้น ผมยังมีบุญที่ได้เห็นอยู่หนึ่งเส้นในชีวิต เพราะของสำคัญอาจารย์เทพย์ส่วนใหญ่จะตกอยู่ในมือผู้ที่มีอันจะกินระดับเจ้า สัวแทบทั้งสิ้น จึงไม่มีของหลุดออกมาให้เห็น

    “มีดเทพศัสตรา” ที่รวบรวมชนวนพระกริ่งที่ท่านทำทั้งหมดมาหลอมเป็นใบ นำมาตบแต่งเป็นมีด ลงเหล็กจารทั้งใบมีด ไม่ว่าจะด้านหน้าหรือหลัง มีดหมอของท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ขณะที่ลงปลายมีดด้วยยันต์ “นะโอ้ฟ้าผ่า” อยู่นั้น ฟ้าก็ได้ผ่าลงมาให้เห็นจริง ๆ อย่างน่าอัศจรรย์ เห็นได้ว่าท่านเรียนวิชาอะไรก็สำเร็จตามคุณวิเศษของตำรานั้นได้จริง ที่เห็นว่ามีปรมาจารย์ผู้ชำนาญในเรื่องเหล่านี้แท้จริงในยุคปัจจุบันก็พบแต่ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร และอาจารย์ชุม ไชยคีรี สองท่านนี้ที่ทำได้ตามตำราจริง ๆ คุณวิเศษของมีดนั้นเรื่องไล่ผีหรือขับคุณไสยถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทว่ามีดของท่านยังใช้ทำความได้อีกด้วย (เรื่องนี้ผมได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวจากลูกศิษย์คนสนิทของท่านคนหนึ่งว่า ยังใช้ทำความได้ดี ใช้ข่มศัตรู เพียงแต่นำรูปถ่ายของคู่ความ คู่กรณี มาว่าคาถาที่กำกับและพันกับด้ามมีดเท่านั้น คู่ความไม่สามารถว่าความได้เลย)

    วิชาทำ “ยาจินดามณี” ได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวังให้ใช้พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระ แก้ว) ประกอบพิธี นับว่าหาได้ยากจริง ๆ เท่าที่ทราบก็ไม่มีผู้ใดอีกเลยที่ทำพิธียาจินดามณีในพระอุโบสถวัดพระแก้วได้ นอกจากนี้ยังได้รับโปรดเกล้าจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้เททองหล่อพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระองค์อีกด้วย

    “สีผึ้ง สามไฟ” ที่เลื่องลือในด้านเมตตานิยม การเจรจาเป็นอย่างสูง พิธีสุดท้ายท่านทำที่วัดเสน่หา เมื่อทำสำเร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสด็จพระราชดำเนินมายังวัดเสน่หาพอดี นับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมากสำหรับอาจารย์เทพย์ที่ได้ลองทำ วิชาสีผึ้งสามไฟ ใครมาขอท่านจะให้แค่เท่าหัวไม้ขีดไฟเท่านั้น และนำไปผสมกับสีผึ้งที่เตรียมมา ลูกศิษย์ที่ได้ใช้ต่างบอกเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่าสุดวิเศษตามที่ท่านได้บอก สรรพคุณไว้จริง ๆ ระยะหลังท่านได้เลิกทำเครื่องราง เพราะสุขภาพไม่อำนวย แต่ยังคงไว้ในส่วนพระกริ่งของท่านเองที่สถาปนาไว้เพื่อการสร้างวัดวาอาราม บูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุต่าง ๆ ครั้งหลังนี้ท่านเลือกประกอบพิธีที่วัดตะเคียน(วัดมหาพฤฒาราม)มาโดยตลอด เพราะรู้จักสนิทสนมกับเจ้าอาวาส พระกริ่งที่เทวัดคะเคียนนี้ เท่าที่จำได้จะมี พระกริ่งนวโกฏิ (พระนวโกฏิเศรษฐี), พระกริ่งปวเรศ และพระชัยวัฒน์, พระบูชาหลวงพ่อดำ (หลวงพ่อดำเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระประจำพระองค์ในสมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ ที่พระองค์เดิมเป็นพระสมัยเชียงแสนหล่อด้วยสำริด เนื้อกลับเป็นสีดำ ส่วนฐานท่านได้ให้ช่างแกะเป็นเทวดานพเคราะห์ทั้ง ๙ องค์ และซุ้มเรือนแก้ว(แกะด้วยไม้ประดับกระจกสี)ประดิษฐานที่ด้านหลังองค์พระ และเฉลิมพระนามใหม่ว่าหลวงพ่อดำ), เหรียญนารายณ์แปลงรูป, เหรียญพุทธนิมิต ฯลฯ ส่วนการประกอบพิธีพุทธาภิเษก ท่านได้นิมนต์พระราชสังวราภิมณฑ์ (โต๊ะ อินทสุวัณโณ) วัดประดู่ฉิมพลี ธนบุรี, พระครูสุตาธิการี (ทองอยู่ ยโส) วัดใหม่หนองพะอง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร (หลวงพ่อทองอยู่นี้ท่านดังมากในเรื่องใช้กสิณดับแสงดาว และท่านยังเป็นญาติทางฝ่ายคุณแม่ของอาจารย์เทพย์อีกด้วย) ส่วนหลวงปู่โต๊ะท่านเป็นสหธรรมมิกกับอาจารย์เทพย์ เวลาที่หลวงปู่โต๊ะทำผงมักจะมาทำที่บ้านของอาจารย์เทพย์เสมอ (ขอขอบพระคุณงานเขียนคุณภาพ จาก อ.รณธรรม มา ณ ที่นี้ครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    <img src='http://img4.uploadhouse.com/fileuploads/17316/1731675570353f8bb50612d321b4fd40eb44eb0f.jpg' /><br /><font size='1'><a href='http://www.xn--12c5cgw1fub.com' target='_blank'>ฝากรูป</a></font>

    พระกริ่งปวเรศของปลอมที่มีการเช่าซื้อกัน ๒๐ ล้าน! : โดยไตรเทพ ไกรงู

    พระกริ่งปวเรศ เป็นพระที่มีราคาเช่าซื้อกันสูงที่สุดในประเภทพระโลหะ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ สร้างโดยองค์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงสร้างด้วยเนื้อนวโลหะ เพื่อประทานแก่เชื้อพระวงศ์ เจ้านายในวังที่สนิทคุ้นเคย หรือผู้ที่เห็นสมควรเท่านั้น ตามประวัติที่กล่าวไว้ว่า ท่านได้สร้างไว้รวมทั้งหมดไม่น่าจะเกิน ๓ ครั้ง และรวมทั้งสิ้นแล้วมีประมาณกว่า ๓๐ องค์

    ทั้งนี้สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ แห่งวัดบวรนิเวศ เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๓ เคยมีดำรัสถึงเรื่องพระกริ่งปวเรศนี้ว่า ตำราการสร้างพระกริ่งและตำรามงคลโลหะ ที่มีมาแต่โบราณสืบค้นได้ถึงสมัยสมเด็จพระพนรัตนวัดป่าแก้ว

    ในขณะที่ พ.อ.ผจญ กิตติประวัติ หรือ อ.ตรียัมปวาย อาจารย์ตรียัมปวาย ผู้ขนานนาม "พระเครื่องชุดเบญจภาคี" ได้กล่าวถึงเรื่องพระกริ่งปวเรศไว้ดังนี้ "พระกริ่งปวเรศที่คนโบราณเขานิยมกันนั้น มีอยู่เนื้อเดียว คือเนื้อนวโลหะผิวกลับดำ เมื่อขัดเนื้อในจะเป็นสีจำปาเทศ และเมื่อทิ้งไว้ถูกกับอากาศจะกลับดำอีกครั้งหนึ่งในเวลาไม่นาน

    ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะมีการประมาณว่า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ จะสร้างพระกริ่งปวเรศประมาณ ๓๐ องค์ แต่กลับมีผู้ครอบครองพระกริ่งปวเรศที่ยืนยันว่าเป็นของแท้มากถึงหลักร้อยองค์ บางรายยืนยันว่า ครอบครองพระกริ่งปวเรศมากถึง ๗ องค์ นอกจากนี้แล้วอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยยิ่งกว่ากันคือ ค่านิยมพระกริ่งปวเรศทุกองค์ เท่าที่มีการเช่าซื้อกันมีค่านิยมมากกว่า ๒๐ ล้านบาท

    ล่าสุดมีข่าวออกมาว่ามีพระกริ่งปวเรศหลุดออกมาในสนามพระในคราวเดียวถึง ๒ องค์ ทำให้เซียนพระถึงกับอึ้งกิมกี่ เพราะหากไล่เลียงจำนวนผู้ครอบครองพระกริ่งปวเรศในปัจจุบันมีกว่ากว่า ๑๐๐ องค์ แต่ละคนล้วนคุยว่าเป็นของแท้ทุกองค์ สำทับด้วยประวัติผู้ครอบครอง ตระกูลเก่าแก่ ที่เรียกว่า "ฉายหนัง"

    แต่องค์ที่ลงไว้นี้ไม่ปลอมแน่นอน เป็นพระกริ่งปวเรศน้อยของอาจารย์เทพย์ 2495 สไตล์พระหล่อโบราณแต่งมือ มีทั้งเนื้อออกดำอมเทา และเนื้อแดงมันเทศ สร้างไว้ไม่มากกว่า 300 องค์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    มีดหมอชาตรีวัดท่าซุง ด้ามฤาษี สร้างปี 2535
    ที่อื่นบูชากันราคาใกล้หมื่น แต่วันนี้ให้ราคาพิเศษที่ 5,900.บาท


    ขอให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับ มีดหมอชาตรีของหลวงพ่อฤาษี เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจ

    รุ่นที่ 1
    ปลุกเสกเมื่อวัน อาสาฬหบูชา 26 ก.ค. 2534 มี 3 ขนาด
    ขนาดใหญ่ ปลอกมีดเป็นหนัง ความยาวทั้งหมด 11 1/2 นิ้ว
    บนใบมีดเขียนว่า มีดหมอชาตรี วัดท่าซุง 26 ก.ค. 2534
    ขนาดกลาง ด้ามงาฝักงา ความยาวทั้งหมด 3 1/2 นิ้ว
    บนใบมีดด้านหนึ่งเขียนว่า วัดท่าซุง 34 มีดหมอชาตรี
    อีกด้านหนึ่งเขียนว่า มีดหมอชาตรี
    ขนาดเล็ก มีลักษณะเป็น มีดโต้ ความยาว 58 มม.
    บนใบมีดด้านหนึ่งจะเขียน ชื่อวัด ว.ด.ป. ชื่อมีด
    อีกมีดด้านหนึ่งจะเขียน ชื่อมีด อย่างเดียว

    รุ่นที่ 2
    ปลุกเสกในงานเป่ายันต์ เกาะเพชร 7 ก.พ. 2535 มี 3 ขนาด
    ขนาดใหญ่ ด้ามฤาษี ไม่มีปลอก ความยาวทั้งหมด 8 1/4 นิ้ว
    ขนาดกลาง ด้ามงา ฝักงา ความยาวทั้งหมด 4 3/8 นิ้ว
    บนใบมีดด้านหนึ่งเขียนว่า วัดท่าซุง 35 มีดหมอชาตรี
    อีกด้านหนึ่งเขียนว่า มีดหมอชาตรี
    ขนาดเล็ก มีลักษณะเป็น มีดโต้ ความยาว 58 มม.
    บนใบมีดด้านหนึ่งจะเขียน ชื่อวัด ว.ด.ป. ชื่อมีด
    อีกมีดด้านหนึ่งจะเขียน ชื่อมีด อย่างเดียว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. kor_kai

    kor_kai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    292
    ค่าพลัง:
    +584
    ขอจองบูชาครับผม

    ==========================================================
    สวัสดีครับ...พี่หนุ่มเมืองแกลง

    ขอจองบูชารายการนี้นะครับ...ขอบคุณครับ

    ด้วยความนัุบถือ

    kor_kai
     

แชร์หน้านี้

Loading...