เหตุที่ผมออกจากวัดพระธรรมกาย เพราะ...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย วงบุญพิเศษ, 30 ธันวาคม 2011.

  1. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    ค่อย ๆ พูดจากันนะคะผู้ใฝ่ในธรรมทุกท่าน ทุกคนต้องการหลุดพ้น ขออนุโมทนากับผู้หลุดพ้นแล้วทุกท่านในที่นี้ด้วยค่ะ

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนให้ละอกุศลวิตก ความตรึกนึกคิดที่เป็นอกุศล ให้ตรึกนึกคิดในส่วนที่เป็นกุศล อันเรียกว่ากุศลวิตก และก็ตรัสสอนต่อไป ให้สงบความตรึกนึกคิดแม้ที่เป็นกุศล รวมจิตเข้ามาตั้งสงบอยู่ในภายใน

    อนึ่ง ท่านทั้งหลายพึงมีความสงบสงัดจากอกุศลทั้งหลายเป็นที่มายินดี ยินดีในความสงบสงัด ความตรึกนึกคิดนี้ก็จักมีแก่ท่านทั้งหลาย ผู้มีความสงบสงัดจากอกุศลทั้งหลายเป็นที่มายินดี ยินดีในความสงบสงัด ว่าอะไรเป็นอกุศล อกุศลที่ยังไม่ละแล้ว เราก็จะละอกุศลนั้น ดั่งนี้

    เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าเองได้ตรัสถึงพระองค์เอง ว่าโดยปรกติได้ทรงมีวิตกความตรึกนึกคิด ๒ อย่างอยู่เป็นประจำ
    คือตรึกนึกคิดไม่เบียดเบียนอันเป็นความเกษม ไม่เบียดเบียนใครอะไร และมีความวิตกคือตรึกนึกคิดที่สงบสงัดจากอกุศลทั้งหลาย ทรงละอกุศลทั้งหลายได้ ไม่ว่าอกุศลอะไรทั้งหมด
     
  2. Phichimaru

    Phichimaru Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +41
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ครับ
    ผมนับถือในตัววิชชา ในกระบวนการวิธีซึ่งนำไปสู่ทางดับทุกข์ได้ทุกรูปแบบ
    ส่วนผู้สืบทอดนั่นเป็นอีกเรื่องนึงครับ อยากให้แยกแยะออกจากกัน อยากให้ทุกท่านนำหลักวิชชาของแต่ละคนที่ศึกษามาเผยแพร่กัน เอามาให้ได้พิจารณากันว่าเป็นอย่างไรบ้าง และปฏิบัติแล้วได้ผลอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางต่อผู้ที่ยังไม่เคยได้ปฏิบัติต่อไป
    การจะมาต่อว่ากันไปมา ต่างคนต่างเจ็บตัวทำให้จิตใจขุ่นมัวกันเสียเปล่าๆครับ ช่วยกันดับทุกข์ สะสมบุญบารมีดีกว่าครับ
     
  3. ีuam

    ีuam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +67
    ดิฉันเองเคยเป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกายสมัยเป็นนักศึกษาได้อบรมทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในวัดและเคยอยู่ในวงธรรมคีตา ได้แต่งเพลงธรรมะให้กับวัด ได้นั่งสมาธิในแนววิชาธรรมกายมานาน ได้เคยอธิษฐานจิตจะเผยแพร่ธรรมของพระพุทธองค์ จากวันนั้นเป็นเวลาเกือบ30ปี สิ่งที่เคยอธิษฐานไว้ก็ไม่เคยลืม แม้จะมีครอบครัวแล้วแม้นไม่ได้ นั่งสมาธิแนววิชาธรรมกาย และไม่ได้ไปวัดธรรมกายอีกเลย แต่ดิฉันนั่งสมาธิโดยการมองไปที่จิต ไม่ได้มีครูอาจารย์สอนเป็นหลัก มิได้ท่องบริกรรมภาวนาใด ๆ มองกายมองจิตเป็นอนิจัง ทุกขัง อนันตา ทุกวันนี้ดิฉันมีความสุข รู้กายรู้ใจตนเอง เมื่อทำสิ่งใดผิด จะมีจิตเตือนจิตในทันที มีสติรู้เท่าทันในความคิดเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งก็เร็ว บางครั้งก็ช้า ดิฉันได้ทำสิ่งที่คิดไว้แล้ว คือให้นักเ่รียนนั่งสมาธิ อบรมศิลธรรม ได้ผลนักเรียนเกิดปิติน้ำตาไหล บางคนก็เห็นนิมิต แค่นี้ดิฉันก็สุขใจ จะตายก่อนห่วงอะไร จะขอทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสิ้นอายุขัย สามารถบอกพญายมได้ว่าทำอะไรมาบ้าง เห็นไหมค่ะ พระพุทธองค์ กล่าวว่า ใจเป้นใหญ่ ใจเป็นประธาน ดูเหมือนฟังง่าย แต่คิดให้ดีลึกซึ้งมาก จิตเห็นจิต เห็นอย่างไร ขอบคุณที่ให้เล่าให้ฟัง น้อยคนนักที่จะเข้าใจ นอกจากคนได้ปฏิบัติเอง
     
  4. พระเจ้าจอช

    พระเจ้าจอช สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2012
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +10
    .....พยายามที่จะนิพพาน
    ....อยากนิพพาน
    พยายาม หรือ อยากจะ นิพพาน ยังงี้แล้วจะถึงนิพพาน ได้เหรอครับ ช่วยอธิบายหรือสอนให้ผมเข้าใจด้วยเถิดครับ
     
  5. GUYTHUM

    GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +1,088
    ดูพระเวียตนามเป็นตัวอย่าง(ที่ไม่ดี) เขาไปถึงขั้นสวดยอดแล้ววววววววววววววววววววว

    ที่มา จาก พัฒน์วิทย์ ฮอต นิวส์ /(ต่อต้านลัทธิจานบิน ต่อต้านบริษัทธรรมกาย)
    บัดซบ นักร้องโผเข้าจูบ พระชาวเวียดนาม และ ก็จูบตอบ นักร้องพยายามจะจูบอีกคนแต่ไมยอม อ่านรายละเอียด http://toptenthailand.com/2012/topt...b_id=627&topic_id=629&list_id=2256&info=18158
    เวียดนามกักบริเวณพระ 2 รูป หลังจูบกับนักร้องชายในงานประมูล
    เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำนักข่าวเวียดนามรายงานว่า พระสงฆ์เวียดนาม 2 รูป ถูกกักบริเวณไม่ให้ออกนอกวัด หรือติดต่อโลกภายนอกเป็นเวลา 3 เดือน หลังจากมีภาพจูบกับนักร้องชายชื่อดังเผยแพร่ออกมาว่อนเน็ต โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พระสงฆ์ 2 รูปได้ไปเข้าร่วมประมูลไวน์ที่ไนท์คลับแห่งหนึ่งในกรุงฮานอย ซึ่งเป็นการประมูลเพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งรายหนึ่ง และพระสงฆ์ทั้ง 2 รูปก็ชนะการประมูลด้วยราคาราว ๆ 8 หมื่นบาท แต่เมื่อสิ้นสุดการประมูลแล้ว ปรากฏว่านักร้องหนุ่มเวียดนามชื่อดัง "ด่าม วิง ฮุง" ผู้นำไวน์ขวดดังกล่าวมาประมูล ก็โผเข้ามาจูบปากพระสงฆ์รูปหนึ่งเพื่อเป็นการขอบคุณ ซึ่งพระสงฆ์รูปนี้ก็จูบตอบด้วย และนอกจากนี้ นักร้องหนุ่มยังโผเข้าไปจะจูบกับพระสงฆ์อีกรูป แต่พระสงฆ์รูปนี้ไม่ยอม จึงยื่นมือให้นักร้องหนุ่มจูบแทน หลังจากจบงานในวันนั้น ปรากฏว่ามีภาพขณะนักร้องหนุ่มกำลังจูบกับพระสงฆ์ และจูบมือพระสงฆ์ เผยแพร่ออกไปว่อนเน็ต กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ทำให้เจ้าคณะจังหวัดอึ้งเป็นอย่างมาก และกล่าวว่า ภาพที่เห็นนี้ทั้งขัดต่อหลักธรรม ทั้งทำลายชื่อเสียงพระศาสนา จึงได้มีการจัดพิธีสังฆกรรมตามแบบของพุทธศาสนานิกายเถรวาท ให้พระสงฆ์ทั้ง 2 รูปได้ขอขมา และลบล้างบาปให้พระสงฆ์ทั้ง 2 ปราศจากมลทินอีกครั้ง ก่อนจะมีการสั่งกักบริเวณพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป ให้อยู่แต่ในวัด ห้ามติดต่อกับโลกภายนอกเป็นเวลา 3 เดือน โทษฐานประพฤติตัวไม่เหมาะสม และรับนิมนต์ในสถานที่อโคจรอย่างไนท์คลับด้วย ทั้งนี้ เหตุผลที่เจ้าคณะจังหวัดไม่ได้ให้พระสงฆ์ทั้ง 2 รูปนี้สึก ก็เพราะว่า ไม่มีกฎสงฆ์ข้อใดบัญญัติโทษกรณีพระสงฆ์จูบกับชาย และดูเหมือนว่านักร้องหนุ่มจะเป็นฝ่ายจู่โจมพระสงฆ์ทั้ง 2 รูปอย่างไม่ทันตั้งตัว ส่วนเรื่องของการประมูลของนั้น มีรายงานว่า เงินที่ประมูลไวน์ไม่ใช่เงินส่วนตัวแต่อย่างใด แต่เป็นเงินที่ผู้ใจบุญคนหนึ่งตั้งใจจะบริจาคให้ และไม่ประสงค์จะออกนาม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0308[1].jpg
      IMG_0308[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.7 KB
      เปิดดู:
      319
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2012
  6. มหาละลวย

    มหาละลวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +717
    ตามมาอ่านด้วยครับ แต่ผมยังปฏิบัติยังไม่ไปถึงไหนเลยครับ
    ถึงอย่างไรก็ขออนุโมทนาด้วยครับ
     
  7. weera001

    weera001 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    ผมเป็นศิษย์วัดพระธรรมกาย เข้าวัดมา เกือบ 20 ปี ไม่รู้ว่านานพอหรือเปล่าครับ ปัจจุบันก็ยังไปวัดอยู่เป็นประจำ
    พึ่งมาเห็นกระทู้นี้ครับ (แต่โพสไว้ ปีกว่าแล้ว)
    ประเด็นหลายๆประเด็นอย่างที่คุณ วงบุญพิเศษ ว่าไว้ ผมค่อนข้างเห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ครับ และไม่เห็นด้วยในบางกรณี
    อย่างแรกเป็นการดีมากครับที่แยกวิชาธรรมกาย ออก จากวัดพระธรรมกาย และอยากให้ทุกคนทีอ่านกระทู้นี้แยกในส่วนนี้ออกจากข้อถกเถียงในกระทู้นี้เสียก่อน

    ขอบอกเล่าจากประสบการณ์ของผมแล้วกันน่ะครับ ว่าผ่านเจออะไรมาบ้าง ก่อนเข้าวัดผมได้ศึกษาธรรมะจากการอ่านเล่นแบบที่เขาฮิตๆกันในตอนนั้นของท่านพุทธทาส แต่ชอบที่จะอ่านเพราะเข้าใจในตัวบทความ ของท่านพุทธทาส ชื่อว่า คู่มือมนุษย์ ตอนนั้นอายุ 16 ครับอ่านแล้วสนุกมาก เป็นหนังสือธรรมะที่ผมอ่านได้จนจบเล่ม ตอนนั้นบอกได้เลยครับเหมือนรู้
    ว่าเราเข้าใจแล้ว ตรึกนึกไตร่ตรองอยู่ตลอด ทุกอย่างมีเกิด ตั้งอยู่ และดับไป ความหมายแห่งตัวกู ของกู เกิดขึ้นมา เป็นความว่างเปล่า แล้วอยู่มาวันหนึ่ง พ่อผมได้มาเสียชีวิตลงอย่างปัจจุบันทันด่วน ความเสียใจผมเกิดขึ้นอย่างมาก แม้จะพิจารณาธรรมอย่างไร ก็ไม่สามารถดับทุกข์ที่เกิดขึ้นได้ ช่วงนั้นสับสนว่าทำไมเราดับทุกข์ไม่ได้ ทั้งๆที่เราพิจารณาธรรมอย่างตลอด จนได้ศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือของท่านพุทธทาส คือ อานาปานสติ และเริ่มปฎิบัติ แต่เพราะไม่มีอาจารย์ปฎิบัติจากหนังสือ เลยไม่ได้จริงจังอะไรมาก ได้แต่อารมณ์สบาย
    จนมีเหตุให้ต้องมาบวชที่วัดพระธรรมกาย โดยการชักชวนจากรุ่นพี่ที่มหาลัย แรกๆก็ไม่ได้ชอบวัดแห่งนี้ เนื่องจากช่วงนั้นมีการสร้างรูปหล่อทองคำของหลวงพ่อสด เรามองว่าสร้างทำไม เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่ามีประโยชน์กว่า ถ้าศรัทธาท่านก็สร้างเป็นทองเหลืององค์ใหญ่ก็ได้ และนำเงินที่เหลือไปสร้าง โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ ดีกว่า (ช่วงนั้นเราคิดแบบนี้จริงๆ)
    จนได้เข้ามาบวชในวัดพระธรรมกาย ไม่ได้สบายอย่างที่คิด (เพราะคิดว่าบวชวันๆคงมีแต่สวดมนต์ จำวัด และได้นอนห้องแอร์) ต้องนอนเต็นกลางมุง ตื่นตีห้า(ปกติจะตื่นสายเป็นประจำ แบบว่ามีเรืยนแปดครึ่งตื่นแปดโมง) ดีอย่างเดียวคือที่นี่ไม่ต้องออกบิณฑบาตร กิจกรรมช่วงนั้นแน่นมากๆทุกวัน ต้องทำวัตร นั่งสมาธิ รับบุญต่างๆ และเรียน บางวันไปซักผ้าใบเหนื่อยสุดๆกลับมาต้องมานั่งสมาธิต่อ จนเริ่มทนไม่ไหวที่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ต่างๆโดยเฉพาะศีล คิดจะลากลับบ้านอยู่ตลอด จนวันหนึ่ง ช่วงหนึ่งนั่งสมาธิโดยเป็นเทปที่หลวงพ่อนำนั่ง วันนั้นจำได้ว่า เป็นประสบการณ์ที่วิเศษที่สุด นั่งนึกตรึกที่ศูนย์กลางกายด้วยใจสบายๆแบบหลวงพ่อท่านบอก ตัวผมได้ขยายออกมากๆ อย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน และใจอยู่ๆก็ตกศูนย์ดิ่งลงไป ยากที่จะอธิบายว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร สิ่งที่ผมได้คือดวงธรรม ซึ่งเป็นแค่ธรรมเบื้องต้น ยังไม่ถึง 18 กายที่ดิ่งลึกลงไป
    แต่ดวงธรรมที่ผมได้ เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนความคิดเปลี่ยน คือ หลังจากที่อยู่ในภาวะนั้น ตัวตนของผมเปลี่ยนไป คือไม่ต้องพิจารณาธรรมหรือตรึกไตร่ตรองในธรรมเหมือนเมื่อก่อน มีความรู้สึกเบิกบาน มีความสุขจริงๆ สุขแบบสงบสบายยากที่จะอธิบาย ใครจะมาด่ามากระทบกระทั่งไม่มีโกรธ กิเลสใดๆมากระทบไม่เกิดผลใดๆทั้งสิ้นในช่วงนั้น มีแต่ความนิ่งเฉย,เบิกบาน เหมือนมากระทบถูกเราแล้วหายไปเฉยๆ เป็นสิ่งที่ผมคิดตรึกตรองจากหนังสือท่านพุทธทาสมาโดยตลอดแบบเข้าใจ แต่ต่างกันตรงที่ ไม่ต้องตรึกตรองใดๆกิเลสก็หายไป ไม่มีความยากใดๆทั้งสิ้น แม้เวลานอน ก็เหมือนไม่ได้นอน มองดวงธรรมเห็นได้ตลอด เหมือนเวลานอนนั้นสั้นมากๆไม่มีฝัน ตื่นนอนขึ้นมาก็ยังเห็นดวงธรรม มีความสุขยิ่งนัก ไม่มีอาการง่วงแต่อย่างใด มีแต่ความเบิกบาน เป็นความสุขจริงๆอยากจะอยู่เช่นนี้ไปตลอด ไม่อยากสึกออกไปเลย เป็นเช่นนี้ได้ 3 วัน ดวงธรรมที่เคยเห็นก็หายไป เพราะหลังจากนั้นทางวัดมีงานรับบุญมาก การนั่งสมาธิมีน้อย การประคองสิ่งนี้ไปตลอดจึงยาก แม้ภายหลังได้ลาสิขาออกมา ก็ไม่สามารถเห็นดวงธรรมได้อีกเลย (มาถามหลวงพี่ในภายหลัง จึงรู้ว่า ช่วงที่บวช การถือศีลเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ การนั่งธรรมะจึงให้ผลดี ) หลังจากนั้น มุมมองต่างๆการศึกษา เริ่มเปลี่ยนไป จากเดิม การได้อยู่แวดล้อมกับคนวัด มีส่วนทำให้เราเปลี่ยนไปอย่างมาก แนวคิด อะไรหลายๆอย่างก็เปลี่ยนไป แต่ผมเป็นคนคิดกลั่นกรองว่าอะไรจริงๆไม่จริง มีหลายเรื่องมากๆที่ เราเข้าใจอีกแบบหนึ่ง และมาเปลี่ยนอีกแบบหนึ่ง
    - เช่นเรื่อง แนวทางที่มีการถกเถียงกัน ก่อนหน้าผมศึกษาแนวท่านพุทธทาส หลวงพ่อชา ฯลฯ เป็นสิ่งที่เราต้องค้นพบทางดับทุกข์ให้ได้ จนในที่สุดก็เข้าใจว่า ทำไมคนที่วัดถึงต้องเน้นการสร้างบารมี เน้นการมาเกิดอีกหลายๆชาติ เป็นสิ่งที่ผู้ที่หวังหลุดพ้นโดยพลัน ไม่ขนสัตว์รื้อสัตว์ไปด้วย จะเข้าใจยาก หากเป็นแนวพระโพธิสัตว์จะคุยเรื่องนี้ได้ง่าย โดยสรุปก็คือ ที่วัดเน้นสร้างบุญ เรื่องราวสวรรค์ เน้นรวย ถามว่าเป็นแนวทางหลุดพ้นหรือไม่ ตอบเลยว่าไม่ใช่ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเสบียง เพื่อมุ่งไปสู่การรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปพร้อมๆกับต้น
    - ก่อนหน้าเข้าวัด ผมไม่สนับสนุนการสร้างรูปหล่อทองคำหลวงพ่อสด แต่หลังจากนั้น แนวคิดได้เปลี่ยนไป เพราะมองการสร้างนั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่งเหนือสิ่งอื่นใด มีความสำคัญมากต่อตัวเราเองและผู้อื่นในภายหลัง ต่อตัวเราเองคือได้แสดงความกตัญญูและเคารพที่พึ่งจะกระทำได้ดีที่สุดต่อท่านที่สอนผมให้ค้นพบความสุข ต่อผู้อื่นคือ ได้สะกิดใจผู้นั้นว่า เขาคือใครสำคัญเช่นไร ถึงได้สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้น
    - ก่อนเข้าวัดผมเคยมีความคิดจะหลุดพ้น พ้นจากกองทุกข์นี้ไปให้ได้แบบตัวคนเดียว การเกิดนี้เป็นทุกข์ยิ่งนัก ไม่ใช่แค่พูดแบบสวยหรู แต่มันรู้ได้สัมผัสได้ ว่าการเกิดตายๆวนเวียนแบบไม่รู้จบเช่นนี้เป็นทุกข์ยิ่งนัก แต่ถ้าจะพ้นทุกข์ทั้งทีก็ขอให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ตามเราไปด้วย ในภายหลังอยู่กับคนวัดมากๆความคิดพระโพธิสัตว์จึงเกิดขึ้น แต่ผมไม่ได้หวังจะไปที่สุดแห่งธรรมแบบหลวงพ่อหรือลูกๆหลวงพ่อครับ สิ่งนั้นนานเกินไปและยังไม่มีผู้ใดไปถึง การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประโยชน์ต่อสัตว์โลกยิ่งนัก ผมจึงขอเลือกแนวทางนี้
    - กระพี้หรือแก่นแท้ แบบ จขกท ว่าไว้นั้น ผมค่อนข้างเห็นด้วย แต่ผู้ที่ปฎิบัติสร้างได้จริงๆ หลังพุทธกาล 500 ปี ผมยังไม่เห็นผู้ใด มันไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรหรอกในยุคสมัยนี้ที่อายุขัยขาลง เหลือ 75 ปี ถ้าตามพระคัมภีร์ ก็คือยุคสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ลงมาอุบัติตรัสรู้สอนเหล่าสรรพสัตว์แน่นอน เพราะกิเลสมาก ยากที่จะเข้าใจธรรมะ หลายศาสนาที่มีจำนวนประชากรนับถือเยอะกว่าพุทธศาสนา ก็มีแต่กระพี้เป็นสิ่งสำคัญ ถึงบางศาสนาบังคับให้นับถือ,ทำสงครามกันเลย พอพูดแบบนี้ได้โปรดอย่า มองว่าเห็นกระพี้ดีกว่าแก่นแท้ การเผยแพร่ศาสนาตามความเห็นของเรา กระพี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เฉกเช่นศาสนาอื่นที่เขาทำมา แต่แนวทางของวัดพระธรรมกายผมยืนยันได้ว่า ไม่มีเผยแพร่โดยการเข้าไปล้างผลาญ,ทำลายกันอย่างแน่นอน แก่นแท้เป็นสิ่งที่วัดทำมาโดยตลอดแต่ไม่เคยสำเร็จ เช่น พรรษาแห่งการเข้าถึงธรรม การตรึกนึกให้ได้ไม่ขาดแม้นาทีเดียวทำตลอดแม้เวลางาน ,กิจกรรมทุกอย่างมีการนำนั่งสมาธิอยู่ตลอดตลอดเวลา อาจจะเพราะการเข้าถึงธรรมมันยากในยุคสมัยนี้ที่อายุต่ำ 100ปีกระมั้ง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดมาโดยตลอดว่าเน้นที่แก่นแท้ (คือการปฎิบัติให้เข้าถึงพระธรรมกายอย่างจริงจัง) การเน้นที่แก่นแท้แบบเพียวๆ ผู้ใดมีความสามารถ ลองทำดูได้ครับ แต่จากประสบการณ์ เรื่องความเชื่อ ความเข้าใจของมนุษย์ ยากยิ่งนัก กระพี้นั้นสร้างง่าย และคนส่วนใหญ่ชอบสิ่งเหล่านี้ ชักจูงได้ง่ายกว่า แต่สิ่งสำคัญคือแก่นแท้ ตรงนี้ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง
    - เรื่องการปฎิบัติธรรม ที่กล่าวไว้ว่า เห็นพระธรรมกาย ห่มจีวร ตรงนี้ผม ไม่รู้จริงครับ เพราะยังปฎิบัติไปไม่ถึง แต่เท่าที่รู้มา ทั้งจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็กล่าวไว้ 18 กาย ถอดกันเป็นชั้นๆ ตั้งแต่กายมนุษย์ละเอียด ถึงกายอรหัต หน้าตัก 20วาสูง20วา ไม่รู้ว่า คุณวงบุญพิเศษ ถอดได้เป็นชั้นๆแบบนี้ตามที่หลวงพ่อวัดปากน้ำกล่าวไว้หรือเปล่า? เรื่องการเดินฐานจากฐานหนึ่งไปฐานสอง จนไปถึงฐานเจ็ด ตรงนี้ผมก็ไม่รู้ว่าได้เร็วกว่าหรือดีกว่า ที่วางใจไว้ที่ฐานเจ็ดเลย แต่วางใจไว้ที่ฐานเจ็ดก็เข้าถึงดวงธรรมได้ ตรงนี้ยืนยันได้ครับ จากประสบการณ์ของตัวเอง แม้แต่เนวทางอื่นสายอื่นก็ไปถึงดวงธรรมได้ ปัญหาเรื่องการปฎิบัติ เป็นปัญหาหลายๆที่ ที่ไม่รู้ว่าจะหาวิธีไหน ทางไหน ให้คนหันมาปฎิบัติหรือนั่งสมาธิกันอย่างจริงจัง ก็คงต้องย้อนกลับไปที่ว่า ยุคนี้สมัยนี้ ต่ำกว่า 100ปี ยากต่อการเข้าถึงธรรม
    - แนวทางของวัด ถึงผมจะเป็นคนเข้าวัดแห่งนี้มาเกือบ 20 ปี ยังเข้าอยู่จนถึงปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยทุกเรื่องครับ ขอพูดแบบเต็มปากเต็มคำ ^^ (พูดแบบนี้อาจจะโดนคนวัดว่าก็ได้ว่าไม่ใช่ลูกหลวงพ่อ เพราะผมไม่ได้จะตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อไปที่สุดแห่งธรรมอยู่แล้ว) แต่อย่างที่บอกว่า เป็นเรื่องที่เถียงกันไปก็ไม่มีข้อยุติ แม้แต่ยุคสมัยของหลวงพ่อวัดปากน้ำเองก็ยังเถียงกันอยู่ ทั้งเรื่องปราบมาร เรื่องธาตุธรรม ก็ไม่ได้มีอยู่ในพระไตรปิฎก ฉะนั้นไม่แปลกหรอกครับว่า เรื่องวงบุญพิเศษชั้นดุสิต จะไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก จะบอกว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญในการสอนเพื่อให้พ้นจากกิเลสก็ใช่ครับ ถ้าตีความว่า แก่นแท้ คือการเข้าถึงพระธรรมกาย หรือย่อลงไปไม่ต้องลึกมาก คือค้นพบความสุขภายในที่สุขกว่า ปราณีตกว่า สุขทางกามอารมณ์ น่าจะง่ายกว่า มุ่งสู่นิพพานหรือให้เข้าถึงพระธรรมกาย
    - หากได้ลองเข้ามาสัมผัส หรือ คลุกคลีกับคนวัด อย่างน้อย 1 ปี ด้วยใจเป็นกลางๆ คนวัดเหล่านี้มีกิเลสน้อยกว่าและอยู่ในเรื่องบุญเรื่องกุศลมากกว่าคนข้างนอกโดยทั่วไปเยอะครับ บางเรื่องบางอย่างดูว่า คลุกอยู่ในกิเลสตัณหา แต่หากเทียบกันแล้ว กิเลสตัณหาโดยรวมยังดีกว่าคนข้างนอกทั่วไปอยู่เยอะมาก ที่พูดเพื่ออยากให้เข้ามาสัมผัสด้วยใจที่เป็นกลางแล้วเทียบกับตัวท่านดูครับ
     
  8. หวังปู้เลี่ยว

    หวังปู้เลี่ยว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2009
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +87
    เคยได้มีโอกาสไปคลุกคลีที่วัดธรรมกายช่วงหนึ่ง....

    อาจจะไม่นาน 2 - 3 ครั้ง .. ครั้งละ 2 - 4 เดือน

    ..........................................................

    ในส่วนของเจ้าอาวาส หรือ พระที่นั่น จะยังไม่พูดถึง

    เอาแต่ ฆารวาส ที่เราได้สัมผัสก็แล้วกัน

    ความรู้สึก เหมือนกับเวลา (โดนหลอก) ไปนั่งฟังอบรมขายตรง....

    ที่มีระดับเพชร ระดับมงกุฏ ระดับโคตรเพชร ฯลฯ

    ดูเหมือนคนที่ไปปฏิบัติที่นั่น (พวกอายุมาก ๆ )

    จะเน้น level เหมือนจะมีเข็มกลัดหรือสัญลักษณ์ ติดอยู่ที่แต่ละคน

    แล้วเท่าที่รู้มา (เพราะเวลาไป เราไปแบบ งง ๆ ... งงป่ะ) อาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ

    ระดับแต่ละระดับที่ได้

    "มัก" จะขึ้นอยู่กับการหาคนมาร่วมงาน , หาเงินมาบริจาค อะไรทำนองนี้

    ...................................................

    ส่วนตัวช่วงหลังเลยไม่ค่อยได้คบเพื่อนที่ธรรมกายสักเท่าไร

    บวกกับโครงการที่วัดมีแต่ละอย่าง

    บอกตรง ๆ ... "ขัดใจ" จริง ๆ ...

    ไม่ค่อยจะเหมือนศาสนาเลย (ไม่ต้องพูดว่าเป็นพุทธหรือไม่พุทธนะ)

    ..........................................................

    หลานเราเรียนในโรงเรียนที่ ผอ เป็นธรรมกาย

    มีการเกณฑ์เด็กในโรงเรียนไปร่วมกิจกรรม (ในวันหยุด บางครั้งก็วันธรรมดา ที่เรียนนั่นแหละ)

    ในบางครั้งที่ไปหลานก็อยากไป (เพราะบอกจะได้ไปเล่นเกมส์ด้วย แต่เราไม่ได้ถามรายละเอียด)

    แต่หลายครั้งที่กลับมา ก็จะบอกว่า ตากแดดร้อน ... อะไรทำนองนี้

    แล้วจะมีคะแนนพิเศษให้ ..........

    ไม่รู้จะว่ายังไง .........

    ................................................................

    สรุป ใครอยากนับถือก็นับถือไปเถอะ ไม่ได้ว่าอะไร....

    เพียงแต่สงสารประเทศเท่านั้น ...

    ประเทศประกอบด้วย "ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"

    สามส่วนนี้ เห็นแต่ พระมหากษัตริย์ เท่านั้น ที่ยังเป็นที่ยึดเหนี่ยวใจได้

    ส่วนชาติ ก็เป็นของนักการเมือง และพรรคการเมืองเลว ๆ

    ที่หวังพึ่งอะไรไม่ได้ .... (ซึ่งก็ต้องพึ่งตัวเอง)

    ส่วน ศาสนา ก็ยังมี ลัทธิ แบบธรรมกายอีก ....

    บอกตรง ๆ ประเทศไทย ถ้าเป็นคน ก็ใกล้ตรีฑูตแล้ว .... เอวัง
     
  9. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
  10. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    จาก "กรมกินศาสนา"
    สู่ "สำนักงานทำลายพระพุทธศาสนาแห่งชาติ"




    นายกนก แสนประเสริฐ (ถือไมค์) รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไปร่วมในงานแถลงข่าวเดินธุดงค์ธรรมชัย ปีที่ 2 กับวัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา และต่อมาก็มีการตีข่าวว่า "มหาเถรสมาคมเห็นชอบให้จัดโครงการธุดงค์ธรรมชัยต่อไป" โดยที่ไม่มีมติมหาเถรสมาคมรองรับ นั่นก็เท่ากับแสดงว่า "สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถือสิทธิในการไปร่วมงานกับวัดพระธรรมกายว่าเท่ากับมหาเถรสมาคมเห็นชอบแล้ว"


    นี่ไงคือบทบาทและหน้าที่ของ "สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ" ในยุคนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ เป็นผู้อำนวยการ มีการทำงานทั้งในรูปแบบและนอกรูปแบบ แบบว่าบางวันก็สวมชุดเลขาธิการมหาเถรสมาคม บางวันก็สวมชุดข้าราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บางวันก็ทำตัวเป็นองค์กรอิสระ นึกอยากจะไปร่วมงานกับใครก็ไป ไปคนเดียวแล้วแอบอ้างว่ามหาเถรสมาคมใช้ให้ไปก็ทำและทำจนเป็นอาจิณกรรม
     
  11. kittimacon

    kittimacon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +344
    มันเป็นสิทธิ์ของบุคคล ที่จะนับถือใครๆ ก็ได้ คนมีปัญญา ต้องศึกษาก่อนที่จะเสียเงิน ให้ วัดไหน ทำบุญล้านครั้งกับพระศีลไม่ครบ ยังได้บุญไม่เท่ากับทำกับพระมีศึลครบเพียงครั้งเดียว คิดดูแล้วกันนะ ล้านครั้งต่อหนึ่งครั้ง อันนี้ไม่ต้องเปรียบเทียบกันเลยกับพระอริยเจ้านะ
    ดิฉันเป็นคนมีอคติกับธรรมกาย ยอมรับในความชั่วของตัวเองคะ แต่ก้ไม่ได้โง่ พอที่จะทำบุญแบบ หลับหูหลับตาทำนะคะ ตะบี้ตะบันทำ หลักฐานเขาก็มี! ไม่รู้จักอ่านจักฟัง ดูดีๆ ว่ามันเป็นความจริงเหมือนที่เขาพูดไหมวัดนี้นะ ? ถ้าเป็นสายทางหลวงพ่อสด ดิฉันก็ไหว้ โมทนากับผู้ที่ไปทำบุญคะ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2013
  12. Rasbora

    Rasbora เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    359
    ค่าพลัง:
    +779
    ใครก็ได้ช่วยอธิบายหน่อยครับ รูปภาพไม่ได้ตัดต่อแน่นอน ใครลอกใคร หรือว่าใครหลอกใคร







    ที่มา..
    http://www.naewna.com/politic/columnist/5144
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01(151).jpg
      01(151).jpg
      ขนาดไฟล์:
      89 KB
      เปิดดู:
      396
    • 02(164).jpg
      02(164).jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.1 KB
      เปิดดู:
      550
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มกราคม 2013
  13. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873
    http://download.watnapahpong.org/data/books/buddhawaj01.pdf

    ลายแทงขุมทรัพย์ วิธีค้นหาสังเกตุเพื่อเราจะได้พบเนื้อนาบุญของโลกแท้ๆ พิจารณาดูด้วยปัญญาใคร่ครวญก็จะเห็นครับ มีประโยชน์มาก
     
  14. Vincentre

    Vincentre สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +5
    ที่สุดแห่งความรู้ ของที่สุดแห่งปัญญา มันอยู่ไหนกันครับ
     
  15. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    เดี๋ยวนี้เค้ามีบัตร KTB วัดพระธรรมกาย กันแล้วนะ

    ตั้งแต่โลกนี้มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว สงสัยก็คงมีแต่วัดพระธรรมกายมั้งที่ทำเอาวิชชาธรรมกายของหลวงพ่อสดเพี้ยนมากขนาดนี้จนคนรุมเกลียดวิชชาของหลวงพ่อสด ทั้งๆที่วิชชาธรรมกายไม่ได้มาจากวัดพระธรรมกาย แต่มาจากวัดปากน้ำภาษีเจริญซึ่งมีหลายคนที่เข้าใจผิดในตรงนี้กัน

    ผมว่าวัดนี้ไม่ใช่วัดในพุทธศาสนาแล้ว แต่เป็นบริษัท Marketing ยักษ์ใหญ่ระดับโลกเลยทีเดียวละที่มีมวลชนไว้ต่อรองกลุ่มผู้มีอำนาจ ไว้แสวงหาประโยชน์ได้เยอะโดยเอาบุญ บารมีมาบังหน้า ยอดเงินบริจาคที่เป็นรายรับ รายจ่ายเข้าวัดไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่เงินภาษีประเทศ รัฐสภายังสามารถชี้แจงได้เป็นบาท เป็นสตางค์อย่างโปร่งใสชัดเจน แต่วัดพระธรรมกายทำไม่ได้

    ข้อมูลลต่อไปนี้ผมได้ Copy รายละเอียดบัตรเครดิต KTB กรุงไทยมาจาก Facebook ของพระสนิทวงศ์ PR ของวัดพระธรรมกาย

    อ้าว รวดเร็ว รวยแรง รวยรวด รวยอัศจรรย์ สะบั้นหั้นแหลก

    ##############################################################

    Facebook ของพระสนิทวงศ์ PR ของวัดพระธรรมกาย

    Phra Sanitwong
    เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยในการสร้างบารมี ไม่ต้องถือเงินเยอะๆ ....^^

    Q&A

    Q: บัตร เคทีบี 072 คืออะไร
    A: บัตร เคทีบี 072 เป็นบัตร Visa Debit ของธนาคารกรุงไทยโดยธนาคารขออนุญาตทางวัดเพื่อนำภาพมาใช้เป็นพิเศษเพื่อวัดพระธรรมกาย สำหรับสาธุชนที่มีการบริจาคเงิน / ทำบุญสม่ำเสมอ

    Q: บัตร เคทีบี 072 ใช้ทำอะไรได้บ้าง
    A: บัตร เคทีบี 072 มีคุณสมบัติ ดังนี้
    - กดเงินสดตามตู้ ATM
    - ใช้ชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ตามร้านค้าที่มีเครื่องหมาย visa ทั่วโลก
    - ความคุ้มครองอุบัติเหตุ อบ 1 วงเงิน 100,000 บาท
    - ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีปีแรก (ปีต่อไป ปีละ 250 บาท หรือตามประกาศของธนาคาร)
    - สะสมแต้มจากการใช้จ่ายผ่านบัตร เคทีบี 072 โดยเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร เคทีบี 072ตามร้านค้าที่มีเครื่องหมาย VISA ทุก 25 บาท จะได้รับ 1 แต้มสะสม และแต้มสะสมครบทุก 10 แต้ม จะได้เท่ากับ 1 บาท เมื่อแต้มสะสมครบทุก 3,000 แต้ม ทางธนาคารจะบริจาคเงินดังกล่าวให้วัดพระธรรมกายโดยอัตโนมัติ (จะตรวจสอบแต้มสะสมทุก ๆ เดือน หรือตามความเหมาะสม) และวัดพระธรรมกายจะเป็นผู้ออกใบอนุโมทนาบัตรให้
    - เมื่อบริจาคให้วัดพระธรรมกายผ่านเครื่อง KTB EDC รวมถึงช่องทางอื่นๆ ในอนาคตอีก โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมในการบริจาค

    Q: ทำไมต้องมีบัตร เคทีบี 072
    A: บัตร เคทีบี 072 เป็นบัตรที่ใช้ในการบริจาคเงิน / ทำบุญ สำหรับสาธุชนวัดพระธรรมกาย โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ ในการทำรายการบริจาค

    Q: บัตร เคทีบี 072 ดีอย่างไร
    A: บัตร เคทีบี 072 เป็นบัตร VDB ที่ออกโดยธนาคารกรุงไทย พิเศษเพื่อบริจาคเงินที่วัดผ่านเครื่อง KTB EDC และช่องทางอื่นๆ ในอนาคต โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ ซึ่งวัดพระธรรมกายสามารถได้รับเงินบริจาคเต็มจำนวน ในขณะที่การใช้บัตรอื่นๆ เช่นบัตรเครดิต หรือบัตรของธนาคารอื่นๆวัดพระธรรมกายจะโดนหักค่าธรรมเนียมในการบริจาคเป็นเปอร์เซนต์ตามยอดเงินบริจาค

    Q: ถ้าอยากได้บัตร เคทีบี 072 ต้องทำยังไง
    A: เปิดบัญชีพร้อมสมัครบัตร เคทีบี 072 ได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสมัครได้ที่ วัดพระธรรมกาย (มีเจ้าหน้าที่ธนาคารมาอำนวยความสะดวกให้ทุกวันอาทิตย์ ณ สภาธรรมกายสากล ถึง 22 เมษายน 2555) โดยใช้เอกสารประกอบการสมัคร ดังนี้
    - บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง พร้อมสำเนาและลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง

    Q: ถ้ามีบัตร ATM/VDB เก่าของธนาคากรุงไทยอยู่แล้วต้องทำยังไง
    A: สำหรับผู้ที่มีบัตรของธนาคารกรุงไทยแล้วต้องการเปลี่ยนบัตรเดิมเป็นบัตร เคทีบี 072 หรือเพิ่มบัตร เคทีบี 072 อีก 1 ใบ สามารถกรอกเอกสารการเปลื่ยนบัตร/เพิ่มบัตรได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ (ไม่จำเป็นต้องเป็นสาขาเจ้าของบัญชี) โดยใช้เอกสารประกอบการสมัคร ดังนี้
    - บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงพร้อมสำเนา และลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
    - สมุดคู่ฝากของบัญชีที่จะใช้คู่บัตร (สำหรับตรวจสอบลายเซ็น) พร้อมสำเนา

    Q: หลังจากสมัครแล้วได้รับบัตร เคทีบี 072 เลยหรือไม่
    A: บัตร เคทีบี 072 จะได้หลังจากยื่นเอกสารครบเรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นประมาณ 7-10 วัน ณ.สาขาที่เปิดบัญชี (รับบัตรได้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2555 เป็นต้นไป)

    Q: ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
    A: ฟรี ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปีปีแรก (ปีต่อไป 250 บาทต่อปี หรือตามประกาศธนาคาร)

    Q: KTB EDC คืออะไร
    A: KTB EDC เป็นเครื่องรับชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งทางธนาคารกรุงไทยนำมาใช้เป็นเครื่องรับบริจาคเงินไห้กับวัดพระธรรมกาย ซึ่งสามารถรับบัตรธนาคารกรุงไทยทุกประเภท บัตร ATM/ VISA Debit รวมถึงบัตร เคทีบี 072 บัตรเครดิต และบัตรเดบิตทุกธนาคาร หากท่านบริจาคผ่านบัตร ATM /VISA Debit ธนาคารกรุงไทยจะไม่มีค่าธรรมเนียมในการรับบริจาคแต่อย่างใด

    Q: ทำไมต้องบริจาคผ่านเครือง KTB EDC
    A: ท่านสามารถลดความเสี่ยงด้านเงินสดในการพกเงินสด หรือถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ประหยัดเวลาในการเข้าคิวบริจาคและได้รับใบอนุโมทนาบัตรอย่างรวดเร็ว

    Q: เครือง KTB EDC ตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง
    A: จุดบริจาค ณ สภาธรรมกายสากล 40 เครื่อง หอฉันท์ 1 เครื่อง ห้องการเงิน ณ ช้างเอราวัณ 2 เครื่อง

    เป็นไงหละ วัดนี้มันเอาทุกทางเลยนะ :boo:
     
  16. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
  17. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .

    ขอเล่นด้วยคนดิ๊
    ยำวัดจานบินกันดีกว่า


    เอามาจากกระทู้ "ข้าคือ...นักรบแสง ฯ"
    หน้า 19 #370



    "บ่ายอาทิตย์ ชำระจิต พิชิตมาร"


    ....กูว่ากู เดาได้ ไม่ผิดหรอก
    วัดจานบิน ชอบหลอก แล้วนั่งหัว
    หลอกวิชา อาจารย์ มาใส่ตัว
    แล้วนั่งหัว เราะร่า คิดว่าเจ๋ง

    ....ไอ้เลยเอ้ย ดัมมี ผีไชโย
    นรกโผล่ เมื่อไร คงได้เห็น
    ทั้งอาจารย์ ทั้งศิษย์ คอกระเด็น
    กูคงเห็น ทันใจ ในเร็ววัน

    ....มึงต้มคน ไทยทั่ว ทั้งประเทศ
    ไอ้ผีเปรต หลอกไทย ไอ้ชิบหาย
    มีต่างชาติ ชักใย อยู่หลังงาน
    วางระบบ ครบครัน มารตัวจริง

    ....เอาธรรมะ หลอกขาย ให้ไทยซื้อ
    ชาวบ้านซื่อ หลอกง่าย ไอ้พระชั่ว
    หลอกให้ทำ บุญกัน จนหมดตัว
    วัดจานบิน สุดชั่ว แสนจังไร

    ....หลอกคนไทย ให้ใช้ พลังจิต
    หลอกจนมิด จมหัว ชั่วชิบหาย
    หลอกลูกศิษย์ คิดร้าย พระธรรมไทย
    หลอกพระสงฆ์ หลงไหว้ จังไรจริง

    ....กูชักอยาก ยิงหัว ไอ้ชั่วหลาย
    พระจังไร ลากพุทธ จนทรุดหมอง
    เอาธรรมะ หากิน จนปลิ้นท้อง
    สงฆ์ไทยกอง กับพื้น ขมขื่นใจ

    ....ไอ้ธัมมะ ธัมโม ไชโยชั่ว
    แม่งไม่กลัว นรก ตกใส่หมอง
    สะสมเงิน ทองไว้ จนเป็นกอง
    กูรับรอง ไม่ได้ใช้ ตายเร็ววัน

    ....กูขอสาบ แช่งมึง ถึงล้านชาติ
    เสือกบังอาจ คิดชั่ว พุทธมัวหมอง
    หลอกขูดทรัพย์ พุทธไทย ไว้เป็นกอง
    จิตใจหมอง ทองไม่ช่วย ให้สวยเลย

    ....หลอกวิชา ของกู ใส่หูหัว
    ไอ้ศิษย์ชั่ว มั่วฝึก คึกชิบหาย
    อาจารย์สด นั่งแช่ง ให้บรรลัย
    จงชิบหาย ไอ้ศิษย์ชั่ว มัวหมองธรรม


    ....มึงหลอกคน หลอกได้ ไอ้พระชั่ว
    แต่เทพหัว เราะร่า บ้าชิบหาย
    อยากมีเงิน จนตัวต่ำ ทรามใจกาย
    หนักแผ่นดิน กว่าใคร ทั้งไทยเลย


    ....อาคมมึง ถึงกู รู้เพียงผิว
    ปัดก็ปลิว ลิ่วไป ไม่อยากสน
    แค่รำคาญ กายบ้าง ห่างกังวล
    ขี้เกียจสน คนใจเหม็น เป็นพระปลอม

    ....ถึงมึงล้อม กูไว้ ให้ลำบาก
    พระขี้กลาก ลากใจ กูให้หมอง
    เทพเป่าเพี้ยง ใส่หัว จนตัวพอง
    หายมัวหมอง กลับใส ใจทองคำ

    แสงสว่างตราค้างคาว

    .
     
  18. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ไม่มีใครฟังใครหรอกครับ กระทู้นี้ตั้งไว้ด่าเอามันเฉยๆ
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    เข้ามาอ่านนานแล้วค่ะ แต่ละท่านล้วนมีเหตุมีผลด้วยกันทั้งนั้น
    เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุดนะคะ
     
  20. กรุงเก่า

    กรุงเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +335
    ต่างคนต่างมีเหตุผลครับ ได้รับข้อมูลหลายด้านดี ขอเสริมครับอาจจะนอกแถวไปหน่อย
    คนที่มีจิตสัมผัสได้ลองเอาพระวัดปากน้ำรุ่น 4 เพราะทำหลังจากหลวงพ่อละสังขารไปแล้ว
    มาสัมผัสดูพุทธบารมี แล้วทดลองสัมผัสวัตถุที่เรียกว่าเป็นมงคลของวัดพระธรรมกายดู

    ผลที่ได้จากการปฏิบัติของศิษย์หลวงพ่อทั้งสองที่ต่างกันหรือไม่อย่างไร ทำไมจึงได้สัมผัส
    นั้นๆที่เหมือนหรือแตกต่างกันสิ้นเชิง ผู้ปฏิบัติได้สัมผัสได้ย่อมรู้ด้วยตัวเองผมจะไม่กล่าว
    ถึงในที่นี้ จากนั้นไปลองให้ผู้ปฏิบัติแบบอื่นที่สัมผัสได้สัมผัสดูหลายๆท่าน

    จะไม่สงสัยเรื่องที่พูดถึงข้างบนทั้งหมดเลย ไม่ต้องพูดถึงพระบารมีของพระพุทธเจ้าหรอก
    เอาแค่ได้บารมีของหลวงพ่อสดในวัตถุมงคลไหมก็พอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...