กระทู้นี้...เฉพาะผู้ัไม่เชื่อว่าภัยพิบัติใหญ่จนไทยจมน้ำ เกิดภายในธ.ค. 2555 นี้

กระทู้นี้...เฉพาะผู้ัไม่เชื่อว่าภัยบัติใหญ่เกิดภายในธ.ค. 2555 ส่วนตัวเชื่อว่าโลกมันก็ดำเนินต่อไป อาจเกิดภัยจากสภาวะโลกร้อนและแผ่นดินไหวบ้าง แต่มันคงดำเนินต่อไป กระทู้จะอยู่ถึงวันปีใหม่ วันที่ 1 มกราคม 2556 แล้วดูสิว่าจะมาแถกันอย่างไร

ผมไม่เชื่อเรื่องวันฟ้าดับอะไรนั่น ใครขยันลองอ่านย้อน มันจะดับมาแต่ปี 2546 แล้วตอนนี้ปี 2555 ยังไม่ดับซะที

- ดาวเนบีตุสไรนั่นอีก นิยายวิทยาศาสตร์ชัดๆ


ใครเชื่อเชิญกระทู้อื่นะครับ เขียนด้วยภาษาไทย กระทู้ท่านผมไม่ขอไปแตะผมตั้งกระทู้แยกแล้วนะ อยากให้คนไทยอ่านหนังสือเกิน วันละ 6 บรรทัด สงสารประเทศชาติใครลากไปไหนก็ไป



ปล. สาวก ไม่ต้องมาตอบนะครับ ชื่อกระทู้ก็บอกแล้ว เรามารวมส่งใจไปถึงวันที่ 1 มกราคม 2556 กัน เชื่อครับว่าปลอดภัย ใครเป็นหนี้ก็ใช้หนี้กันต่อ อย่ามัวหวังลมๆแล้วๆ ไม่ทำงานจะเอาเงินไหนมาใช้หนี้ละ กลับมาสู้โลกสังคมจริงเถอะครับ เพลีย:boo::boo::boo: ดีกว่าเปลี่ยนชื่อกระทู้มา6 เดือนให้ตื่นตระหนกจนคนเบื่อเลิกอ่านแล้ว

 

ปล. พระพุทธเจ้าท่านทรงสอน

หลักการของพระพุทธศาสนากับหลักการของวิทยาศาสตร์มีทั้งส่วนที่สอดคล้อง และส่วนที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้ ความสอดคล้องกันของหลักการของพระพุทธศาสนากับหลักการวิทยาศาสตร์
1. ในด้านความเชื่อ (Confidence) หลักการวิทยาศาสตร์ ถือหลักว่า จะเชื่ออะไรนั้นจะต้องมีการพิสูจน์ให้เห็นจริงได้เสียก่อน วิทยาศาสตร์เชื่อในเหตุผล ไม่เชื่ออะไรลอย ๆ และต้องมีหลักฐานมายืนยัน วิทยาศาสตร์ไม่อาศัยศรัทธาแต่อาศัยเหตุผล เชื่อการทดลองว่าให้ความจริงแก่เราได้ แต่ไม่เชื่อการดลบันดาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะทุกอย่างดำเนินอย่างมีกฎเกณฑ์ มีเหตุผล และวิทยาศาสตร์อาศัยปัญญาและเหตุผลเป็นตัวตัดสินความจริง วิทยาศาสตร์มีความเชื่อว่า สรรพสิ่งในจักรวาลล้วนดำเนินไปอย่างมีเหตุผล มีความเป็นระเบียบและมีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน

หลักการทางพระพุทธศาสนา มีหลักความเชื่อเช่นเดียวกับหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ได้สอนให้มนุษย์เชื่อและศรัทธาอย่างงมงายในอิทธิปาฏิหาริย์ และอาเทศนาปาฏิหาริย์ แต่สอนให้ศรัทธาในอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ที่จะก่อให้เกิดปัญญาในการแก้ทุกข์แก้ปัญหาชีวิต ไม่สอนให้เชื่อให้ศรัทธาในสิ่งที่อยู่นอกเหนือประสาทสัมผัสเช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ สอนให้มนุษย์นำเอาหลักศรัทธาโยงไปหาการพิสูจน์ด้วยประสบการณ์ ด้วยปัญญา และด้วยการปฏิบัติ ดังหลักของความเชื่อใน “กาลามสูตร” คืออย่าเชื่อ เพียงเพราะให้ฟังตามกันมา อย่าเชื่อ เพียงเพราะได้เรียนตามกันมา อย่าเชื่อ เพียงเพราะได้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมา
อย่าเชื่อ เพียงเพราะเสียงเล่าลือ อย่าเชื่อ เพียงเพราะอ้างตำรา
อย่าเชื่อ เพียงเพราะตรรกะ หรือนึกคิดเอาเอง
อย่าเชื่อ เพียงเพราะอนุมานหรือคาดคะเนเอา
อย่าเชื่อ เพียงเพราะคิดตรองตามแนวเหตุผล
อย่าเชื่อ เพียงเพราะตรงกับทฤษฎีของตนหรือความเห็นของตน
อย่าเชื่อ เพียงเพราะรูปลักษณะน่าเชื่อ
อย่าเชื่อ เพียงเพราะท่านเป็นสมณะหรือเป็นครูอาจารย์ของเรา

ในหลักกาลามสูตรนี้ พระพุทธเจ้ายังตรัสต่อไปว่า จะต้องรู้เข้าใจด้วยว่า สิ่งเหล่านี้เป็นกุศล หรืออกุศล ถ้ารู้ว่าเป็นอกุศล มีโทษ ไม่เป็นประโยชน์ ทำให้เกิดทุกข์ พึงละเสีย ถ้ารู้ว่าเป็นกุศล มีคุณ เป็นประโยชน์ เป็นไปเพื่อความสุข ก็ให้ถือปฏิบัติ นั่นคือศรัทธาหรือความเชื่อที่ก่อให้เกิดปัญญา

 

ด้วยจิตที่เป็นกลาง
ขอเป็นฝ่ายเฝ้าติดตามชมกระทู้ครับ

 

ไม่เชื่อเช่นกัน ...

ยิ่งประเภท บริจาค สร้างโน่นนี่ อะไรใหญ่โตแล้วจะรอดตาย พกลูกแก้วติดตัวแล้วจะรอดทั้งครอบครัวอะไรทำนองนี้ ..ส่วนตัวแล้ว ไร้สาระสิ้นดี ..

แต่อย่าง ดร. สมิธ ดร.ก้องภพ น่ารับฟังมากกว่าเยอะ แบบนั่งฝัน นอนฝัน แล้วมาบอกที่โน่นจมกี่เมตร ที่นั่นอยู่ไม่ได้ ... ไร้สาระ และประสาทกินมากครับ

 

.
จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ค่าเท่ากัน

ไม่มีใครบอกได้ว่า ที่ไหนอยู่แล้วไม่ตาย

ไม่ใช่เฉพาะคนที่เชื่อ แล้วบอกว่าไม่ประมาท

คนที่ไม่เชื่อ เขาก็ไม่ได้ประมาทเหมือนกัน

ไม่อย่างนั้น คงไม่อยู่กันมาจนถึงทุกวันนี้

เพราะทุกคนรักชีวิตเหมือนกัน

อยู่อย่างมีความสุขในทุกวัน

ดีกว่า มากังวลภัยในทุกวัน

 

โดยส่วนตัว ผมเชื่อเรื่อง

- ภาวะโลกร้อน
ตั้งแต่ "มนุษย์" ได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้ มนุษย์บริโภคทรัพยากรจำนวนมาก จากโลกใบนี้ ไม่ต่างจาก "ลูกที่กัดกินแม่ของตัวเอง" ถ้าแม่จะปรับตัวเพื่ออยู่รอด ย่อมส่งกระทบถึงลูก (หมายถึงทุกชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้...)

- พายุสุริยะ
เป็นปัจจัยภายนอกที่จะมากระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนโลก ไม่ว่า จะเป็นสภาวะอากาศ หรือแผ่นดินไหว

แต่ก็ไม่ได้วางเรื่อง "พระพุทธศาสนา" เลยทีเดียว

- เชื่อว่า ผู้ที่ได้ฝึกจิต จนได้ถึงระดับสูงๆ เช่น อริยสงฆ์ นั้น สามารถล่วงรู้อนาคตได้ ปัญหาคือ คำทำนายที่แท้จริง จากปากอริยสงฆ์นั้น เราได้รับมาจากท่านตรงๆ จริงๆ หรือไม่ แต่ที่คล้ายๆ กัน คือ ในอนาคตอันใกล้ จะมีภัยพิบัติเกิดแน่นอน สาเหตุก็มาจาก "ความโลภ" ของมนุษย์นี่แหล่ะ หากมนุษย์พอเพียงตามหลักศาสนา (ไม่ว่าศาสนาใดๆ) ก็คงหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ (อันเกิดมาจาก ภาวะโลกร้อน) ได้

ส่วน
- คำทำนายของเผ่า "มายา" มีข้อมูลที่แสดงออกมาแล้วว่า ชาวมายาเชื่อว่า ดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนเป็นดวงที่ 5 และมีผู้ค้นพบปฏิทินที่ต่อจาก 21 ธค. 2012
- ดาวนิบิรุ ไม่รู้ว่า มีจริงหรือเปล่า ถ้ามีจริง ทำไมไม่มีการถ่ายภาพหลายๆ ภาพ มาแสดงให้ชัดเจน

ส่วนอันนี้

ถ้าหมายถึง กระทู้คุณ "sunny430" ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า เป็นการดีที่จะไม่ประมาทครับ

 

555555 ไม่เป็น 66666666 สักที
กาลเวลาผ่านไป ทุกสรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง

 

เบื่อมาก ๆ พวกตั้งตนเป็นผู้วิเศษ อ้างพุทธศาสนา อ้างนิมิต อ้างฟ้า อ้างฝัน ฯลฯ บ้าบอ อะไรนั่น สุดท้ายก็มีขอเรียไร รับบริจาคทุกคน ... หากินกันง่ายจริง อ้างทำบุญโน่น นี่ พวกที่อยากทำบุญ คุณไม่ต้องไปไกลหรอก ในบ้านคุณก็มี ข้างบ้าน ในละแวกบ้านคุณ ที่ทำงานของคุณ ก็เยอะแยะ คุณทำกันบ้างหรือยัง??? ทำบุญทำไมต้องไปจำกัดสถานที่ จำกัดคนที่จะทำบุญด้วยล่ะ ทำบุญหวังผล มันไม่ได้บุญหรอก

ดูก็รู้ว่าเคยมีใครทำนายถูกไหม??? 100% ไม่มีเลย แต่ก็ยังเชื่อกันเนาะ วาทะเด็ด คือ ไม่เกิดก็ดีแล้ว เขามาเตือนก็ดีแล้ว อย่าไปปรามาสนะ ตกนรกนะ ... แล้วก็ทำเนียนต่อ รับบริจาคได้อีก ไม่รู้กี่ครั้งกี่หนมาแล้ว

บอกปี 2555 สิ้นโลกแน่ ฟ้าดับแน่ ตายเกือบหมดแน่ .. ตอนนี้ก็ทำเนียนขยายเวลา เลื่อนไปปี 2556 -2561 อีกแล้ว เชื่อเหอะพอไม่มีอะไรเกิดขึ้นปลายปีนี้ ก็มีคำอ้าง แถ ออกมาได้อีกแหละ(ใครเคยติดตามดูจะรู้ มีอยู่ สองสาม สำนัก พูดกลับไปกลับมา ไม่รู้กี่รอบแล้ว พอถึงเวลาที่พูดไว้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็อ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลื่อน ทั้งที่บอกไว้เองว่า หมดเวลาแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ยอมแล้ว เออแปลก สิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาจ้องจะทำลายล้างมนุษย์หรือ เท่าที่ศึกษา ร่ำเรียน ได้รับคำบอกเล่ามา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านมีแต่ช่วยเหลือ มีเมตตาต่อมนุษย์ไม่ใช่หรือ ดูองคุลีมาลเป็นตัวอย่าง ทำชั่วทำเลวขนาดไหน พระพุทธองค์ยังทรงเมตตา สั่งสอน ถ้าท่านอยู่สมัยนี้ก็อาจจะถูกฆ่า ด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามที่ท่านกล่าวอ้างไปแล้วมั้ง ..ฮา

พอไม่เกิดอะไรตามที่บอกก็เอาเรื่องปรามาสมาขู่คนอยู่ประจำ และทำเนียนต่อไปได้อีก .. จริง ๆ เลย พวก..นี้

 

ข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ ในหลายกระทู้ น่าสนใจ และน่าติดตามครับ ส่วนสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ ที่ตั้งในเวบนี้ และเหล่าสาวก ก็อ่านผ่านๆไป แบบขำๆ ก็แล้วกัน ก็รู้ๆ กันว่ามันพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก ถือว่าเป็นสีสันของเวบนี้ อะไรที่ลึกลับ มันน่าสนใจ น่าติดตาม ถ้ามีแต่วิชาการ ไทยมุงคงไม่มากอย่างนี้หรอกครับ แม้แต่กระทู้นี้ มีค้านมีโต้บ้าง มันก็เป็นสีสันสนุกดีอีกแบบ

 

คิดตรงกัน เรื่องพึ่งพิงอิงวัตถุนั่นนี่ ให้สร้างปฏิหาริย์มาเป็นม่านบาเรียคุ้มครอง ป้องกันภัยพิบัติ มันจะเป็นไปได้แค่ไหนไม่รู้ ไม่สน แต่คิดว่า ถ้าตัวเองสร้างคุณงามความดีสารพัดต่างๆ นาๆ อยู่เรื่อยๆ บารมีบุญจะคุ้มครองเอง ไม่ต้องพกต้องสร้างวัตถุอะไร

.................................................................................

ทางด้านพระนักคิดชื่อดัง พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ท่าน ว.วชิรเมธี ได้ออกมาเตือนสติคนในสังคม ที่กำลังตื่นกลัวเรื่องโลกแตกว่า

เรื่องภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนโลกในตอนนี้ ในมุมของพุทธศาสนา ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าตื่นเต้น เพราะธรรมชาติคือธรรมะ มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นปกติ ทุกสรรพสิ่งย่อมเป็นเช่นนั้นเอง

สำหรับคนที่พูดถึงเรื่องโลกแตก มันยังมาไม่ถึง ไม่ต้องกังวล เป็นเรื่องของ "วันหน้า" แต่ที่สำคัญคือ เราจะใช้ "วันนี้" ให้ดีที่สุด ให้คุ้มค่าได้อย่างไร ?

เหมือนกับที่สตีฟ จ็อบส์ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นซีอีโอ.ของโลก เคยกล่าวไว้ว่า "จงใช้ชีวิตดังเหมือนหนึ่งว่าทุกวันคือวันสุดท้าย"

หากถือคตินี้ เราจะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า มีแก่นสาร เลิกประพฤติตัวเหลวไหล ถ้าเราทำวันนี้ให้ดีที่สุด วันนี้ที่อยู่ในมือของเรา ท้ายที่สุด ก็จะกลายเป็นอดีตที่ดี ทั้งยังเป็นรากฐานของวันพรุ่งนี้ที่มั่นคง

เพราะฉะนั้น ถึงโลกจะแตก ก็ไม่น่ากังวล เพราะสิ่งสำคัญที่สุด อยู่ที่เราจะใช้ชีวิตอย่างไร ก่อนที่โลกจะแตกต่างหาก

 

แต่ประเด็นภัยธรรมชาติจะเกิดน่ะ คิดว่ามันมีโอกาสอยู่เหมือนกัน แต่ไม่น่าจะหนักขนาดฟ้าถล่มดินทลายฉับพลันทันทีทันใด ถ้าดูจากสภาพการณ์ของสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน

อันนี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอก หาอ่าน หาดูจากข้อมูลทั่วๆ ไปนี่แหละ กับสังเกตสังกาธรรมชาติเอา ว่ามันแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปยังไง ถ้าเทียบกับสมัยก่อน

ส่วนระดับความรุนแรง คิดว่ามันคงค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละนิดละหน่อย กระจายไปทั่วทุกทวีป เช่น ภัยแล้ง ที่ทำให้ขาดน้ำ ขาดพืชพันธุ์ธัญหาร รึว่า ภัยน้ำท่วม ภัยแผ่นดินไหว ดินถล่ม ภัยสึนามิ ภัยพายุ ภัยไฟป่า ภัยหิมะฯ

นี่ดูเอาจากปัจจุบัน เห็นว่ามันกำลังเกิดทั่วโลก ก็ไม่แปลก ถ้ามันจะมีต่อเนื่องไปถึงในอนาคต

 

เว็บพลังจิตนั้น เป็นศูนย์รวมของคนปัญญาอ่อน มาชุมนุมกัน
เว็บอื่นเค้าพูดกันแบบนี้จริงๆครับ แต่เราก็ไม่ควรประมาท
ถ้ามันเกิดขึ้นมาโดยที่เราไม่เตรียมร่างกาย และจิตใจเลย
เราจะลำบากนะครับ ควรเผื่อใจไว้เชื่อ 50 ไม่เชื่อ 50 จะดีกว่าครับ

 

ตายแล้ว ใครว่าคะ นิสัยไม่ดีจริงๆเลย (อย่างนี้ดิฉันก็โดนด้วยสิ เป็นแฟนประจำมาตั้งนาน) อิๆ ไม่ serious หรอกค่ะ ใครจะว่าไง แต่ไม่ควรจะไปว่าคนอื่นเขานะคะ แค่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน รู้ได้ไงว่าที่ตัวเองรู้และเชื่ออยู่ไม่ได้เป็นความเห็นผิด น่าจะทำใจเป็นกลางๆ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทดีกว่า
ดิฉันสนใจเรื่องภัยพิบัติ ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน ตามข่าวมาตลอดมันเหมือนเป็นเรื่องใกล้ตัว ชอบคิดว่าถ้าเกิดกับเราบ้างจะทำอย่างไร จะมีทางหนีทีรอดยังไง ก็ลองคิดเล่นๆ เผื่อเกิดจริงๆก็จะได้มีสติและก็(อาจ) จะเอาตัวรอดได้ ถ้าไม่เกิดก็ไม่เห็นเป็นไร ฝึกสมอง สนุกดี เรื่องเตรียมเป้เตรียมกระเป๋าก็มีไว้บ้าง มีไฟฉาย ยาจำเป็น แต่ไม่ถึงกับกักตุนอาหารนะคะ ถึงยังไงที่บ้านก็มีข้าวเยอะแยะ ไม่อดตายแน่ค่ะ พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ไม่ให้ประมาท การมีชีวิตอยู่อย่างไม่ประมาททำให้เราเตรียมรับสถานการณ์ต่างๆได้อย่างทันท่วงที แต่ไม่ได้อยู่อย่างสติแตกประสาทหลอนนะคะ ถ้าเป็นแบบนั้นแย่แน่ ไม่ใช่ทางสายกลาง เราควรระวังตัว เตรียมตัว แต่ต้องเข้าใจกฏของไตรลักษณ์ กฏของการเปลี่ยนแปลง มีบางอย่างที่เราไม่อาจห้ามไม่ให้เกิดได้ เราทำได้แค่เลี่ยง บางทีเราก็ต้องปลงๆกับมันค่ะ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ ให้ดูสภาพความเป็นจริง ถึงเวลาก็รู้เอง

 

ผมรอดูดาวดวงใหญ่ที่จะพุ่งมาชนโลกครับ รอมาเป็นปีมันก็ดวงเท่าเดิม..เหมือนว่ามันไม่ได้เข้าใกล้มากขึ้นเลย....แล้วเมื่อไหร่มันจะเหวี่ยงโลกไปอยู่กาแลคซี่ไตรแอลกูลัมซะที.....นี่ก็อีกไม่ถึงเดือนก็จะ doomsday แล้ว..มันก็ไม่ใกล้โลกซะที..หรือมัน delay เหมือนรถไฟขบวนหวานเย็น ^_^"

 

บางเรื่องนี่ผมว่าไกลตัวไป พิสูจน์ยาก เอาแค่ เราสามารถรู้ว่า ฝนจะตกหนัก พายุมา น้ำจะท่วม หรือ แบบแอดว๊านซ์หน่อยก็ รู้ว่า แผ่นดินจะไหวเมื่อไหร่ สำหรับผม ก็พอแล้วครับ...หุหุ

 

ส่วนผมกับหมา ก็เฝ้าระวังต่อไป คนเค้าหาว่าผมบ้าหอบฟางอุปกรเตรียมพร้อมเต็มไปหมด

 

สัตว์เลี้ยงใกล้ตัวนี่สำคัญ เอาไว้สังเกตกิริยามัน ว่าผิดปกติไหม เห็นหลายกรณีแล้ว มีรายงานเรื่องพวกนี้

 

ดีกว่า คนที่ไม่คิดระแวดระวังอะไรเลยครับ โดยเฉพาะเมืองไทยเรา ภัยธรรมชาติใหญ่ หรือไม่คุ้นเคยใกล้เข้ามาทุกที...

คิดว่า เป็นความสมดุลย์ของธรรมชาติ ให้ "สติปัญญา" แก่มนุษย์ แต่ให้ "สัญชาตญาณ" แก่สัตว์ ครับ

 

ก็จริง ภัยธรรมชาติบางอย่างมันไม่เคยมีที่นี่ มีแต่ที่อื่น แต่ไม่กี่ปีมานี้ มันมี เอาเป็นว่า โลกมันก็เหมือนสังขารร่างกายคนเราแหละ คือ ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน มันเปลี่ยนแปลงได้ จะไปยึดตำราทฤษฎีตลอดไป ไม่ได้

 

ไม่เชื่อก็ติดตามตลอด ทำงานใช้หนี้เค้าไปเรื่อยๆครับ :'(