ถึงคุณ สับสน

อนุโมทนาสาธุครับ ที่นำเกร็ดธรรมมานำเสนอครับ เป็นประโยชน์ต่อชนหมู่มากครับ

เป็นประโยชน์โดยส่วนรวมครับ ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งครับ

สาธุครับ

 

คุณ หรือ ผม ที่เข้าใจยากน่ะครับ ผมไม่ได้เรียนพระไตรปิฎก หรือ ตำรามาครับ

ผมบอกกล่าวมาทั้งหมด จากความรู้ของผมเอง หากมีคนที่แสดงเหตุผลชัดเจน

ผมย่อมยินดีน้อมรับด้วยใจจริงครับ แต่หากมาแบบคลุมเครือ จะให้ผมเชื่อคงยากครับ

สาธุครับ

 

ไม่เห็นจะมีตรงไหนคลุมเครือนี่ครับ
ก็ชัดเจนว่าเจตสิกท่านไม่แปล
ใครพูดท่านก็ยกเจตสิกขึ้นมาเลย

ก็มีคุณคนเดียวนี่ล่ะครับที่แปล ว่า เจตสิก หมายถึงใจ

ส่วนคุณจะเีรียนมาไม่เรียนมามันก็ไ่ม่เกี่ยวครับ
เหมือนคนคุยกันเรื่องรถ เมื่อรู้จักรถทั้งสองคนก็ไม่เป็นปัญหาอะไร
เพราะเป็นที่ยอมรับกันในสังคมว่า รถ คืออะไร

แต่้ถ้ามีใครคนนึงมาจากต่างประเทศ
จะมาพูดเรื่องรถ ก็ควรสื่อสารให้ผู้อื่นรู้ว่าตนจะพูดเรื่องรถ
ไม่ใช่ตนไปพูดเรื่องรถ แต่ตนไปใช้คำว่า car
พอคนอื่นพูดว่า รถ แต่ไม่พูดว่า car
แล้วคุณไปสรุปว่าเค้าพูดผิด
มันถูกต้องเป็นธรรมเหรอครับอย่างนี้

กับอีแค่คำแปล ไม่ได้บอกหรอกครับว่าใครรู้ธรรมจริง ใครไม่รู้ธรรมจริง

 

สิ่งที่ผมพูด ผมไม่ได้คิดเองเอ่อเอง ผมได้จากการปฎิบัติและตรวจสอบกับอาจารย์มาแล้วว่าอะไร
เป็นอะไร คนแบบนี้ต่อให้เกาะชายผ้าเหลืองผู้เป็นเลิศ มันก็คิดว่าความคิดมันถูก นี้หละที่เค้าเรียกว่ามิจฉาสมาธิ เอาแต่สมาธิพอพูดเกี่ยวกับปัญญาไม่เคยรู้เรื่อง โง่ที่สุดในสามภพ
ถ้าคิดว่าสมาธิเก่งจริงไปตรวจสอบกับอาจารย์สายพระป่านักปฏิบัติได้ หรือในรูปแทนคุณก็ได้
ถ้าปัญญาถึงขั้นและกิเลสเบากว่านี้จะเข้าใจนะคุณโอติเด็ด
จบแค่นี้นะ บรุษที่สุดทั้งสามภพในทุกเรื่อง

 

คุณมองดูตรงสีแดงน่ะครับ แล้วย้อนกลับถึงเหตุที่มีการถกกันขึ้นมาครับ

ว่าใครสรุปว่าใครผิดครับ คงจำได้นะครับ แค่เพียงชี้แจงคงเข้าใจนะครับ

สาธุครับ

 

ผู้ที่มี"มิจฉาทิฎฐิ"จะแสดงกิริยาออกมาเมื่อไม่พึงพอใจ

เมื่อนิสัยที่ไม่ดีถูกเก็บงำไว้ แต่ก็ได้เพียงไม่นาน นิสัยที่เก็บงำไว้ก็จะแสดงออกมา

ผู้ที่มีจิตใจใฝ่ต่ำ จะมุ่งหาสิ่งที่นำพาให้ตกต่ำ โดยที่อาจจะรู้ตัว หรือ ไม่รู้ตัว

นี่คือ ความเคยชิน หรือ จะเรียกว่าอาสวะ เป็นสิ่งที่มีขึ้นเมื่อเกิดการกระทบบ่อยครั้ง

ไม่ว่าจะกระทบด้วยทางใด จะทางตาเห็นภาพ ทางหูได้ยินเสียง ฯลฯ

ก็จะกลายเป็นความเคยชิน เมื่อเผลอจะแสดงออก โดยไม่มีสติยั้งคิด

สาธุครับ

 

คิดเองเอ่งเองเก่งนะครับ คำพูดที่คุณกล่าว ผมเห็นแต่เป็นคำที่คนอื่นเค้าบอกกล่าว
ถึงตัวคุณทั้งนั้น ไม่เป็นไรครับจะกล่าวอย่างไรก็เชิญครับ สติที่ใช้ดูจิตยังไม่เคยสร้างไม่เคยรู้จัก พูดแต่บอกให้มี. สติแบบคิดเองเอ่อเอง อาการที่แสดงออกจะเผื่อแบบนี้หละครับ
ไปก่อนนะครับ. คุณมิจฉาสามโลก

 

สรุปว่า. เราต่างมุมมองกันคนและวิธีในการปฏิบัติ. หากจะแย้งกันต่อคงไม่จบ
เดินทางใครทางมัน ไว้ไปเจอกันปลายทางแล้วกัน. สิ่งใดกล่าวพลาดพลั้ง
ละเมิดด้วยกาย. วาจาใจก็ดี. ผมก็ขออโหสิกรรมด้วย
อนุโมทนาสาธุครับ

 

เออ..แล้วผมไปว่าคุณผิดตรงไหนครับ
เอาหลักฐานมาดูหน่อยครับ

คุณนี่เป็นเอามากนะครับ

 

http://palungjit.org/threads/ถึงคุณ-สับสน.337084/page-5

คุณเริ่มแย้งผม และ กล่าวว่าผมผิดมาตั้งแต่คุณเริ่มถามผมเรื่อง การแยก

ผ่านไปเพียงแค่วันเดียว มันเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอครับ

สาธุครับ

 

คุณน่าจะคิดแบบนี้มาตั้งแต่คุณตามจับผิดผมแล้วครับ ระยะเวลานานเป็นปีแล้วครับ

ผมไม่มีความโกรธแค้นกับคุณครับ และ ผมก็ไม่ได้โกรธแค้นคุณครับ

คนที่ไม่เคยรู้จักกัน เมื่อพูดคุยกัน ย่อมมีที่ไม่ถูกใจกัน

เพราะแม้แต่ตนเองยังไม่สามารถทำให้ตนเองถูกใจได้ทุกครั้งเลยครับ

สาธุครับ

 

คุณนี่เป็นเอามากจริง ๆ นะครับ สงสัยจะกู่ไม่กลับ
ก็เอาหลักฐานมาสิครับว่าจุดไหนในกระทู้ที่ผมว่าคุณผิด
ไม่ใช่ยกเอากระทู้มาอ้างแล้วเอามากล่าวลอย ๆ

ตรงไหนที่ผมว่าุคุณผิดก็ยกมา
ไม่ใช่หาเรื่องหาราว โดยการกล่าวลอย ๆ หาหลักฐานไม่ได้

 

..อะไรวะซั่น..คุณ อธิเดช..พูดถึงผมทำไม เมารึปล่าว หือ หือ

 

ไม่มีใครคุยกับ อธิเดชแล้ว..ไม่มึนกลับไปนอนป่วยหรอกครับ ท่านnopkhan

 

ขอชื่นชมในความมีน้ำใจของคุณ nopphakan เป็นอย่างยิ่ง..ที่ไม่ได้หวังฟาดฟันใคร จนแพ้หรือชนะ..ดิฉันเห็นด้วยว่า..เมื่อมีการปะทะกันด้วยกำลัง(กาย วาจา ใจ) เมื่อไม่เห็นคล้อยตามกัน แต่มีความเห็นแตกต่างกัน...อีกฝ่ายบอกว่า คุณโกรธ ก็เรื่องของคุณ ฉันไม่โกรธด้วย...สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วคือ..การล่วงละเมิดทำให้ใจอีกฝ่ายหม่นหมอง..(ในทางอ้อม.ทางตรงก็เหมือนเป็นเชื้อไฟ) ..ขอชื่นชมจริงๆ ค่ะ..สาวอุทัย

 

คุณแกล้ง หรือ ไม่เข้าใจจริงๆครับ

ผมจะถือว่าเป็นความคิดเห็นของคุณแล้วกันนะครับ
เพราะไม่รู้ว่าถูกหรือผิด

ส่วนท่านที่รู้ที่เห็นจริง ๆ ท่านรู้ตั้งแต่คุณตอบผมครั้งแรกแล้วครับ
ว่าถูกหรือผิด

ผมจะถือว่าเป็นความคิดเห็นของคุณเท่านั้น
ส่วนใครจะตัดสินว่าถูกหรือผิดก็ให้เป็นเรื่องของแต่ละคนไปครับ

ขอบคุณครับ<!-- google_ad_section_end -->

นี่คือการเริ่มต้น ที่คุณเริ่มต้นโต้แย้งครับ

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สับสน!
ยังไงเขาก็แยกผู้รู้ได้ เขามีผู้รู้ เขารู้จักผู้รู้แล้วนะครับ พี่เตช.!
</TD></TR></TBODY></TABLE>ผู้รู้ละเอียดกว่านี้เยอะครับ<!-- google_ad_section_end -->

และเริ่มที่แสดงออก

ความคิดของผมนะครับ จะถูกหรือผิดก็แล้วแต่ท่านใดจะคิด
แยกกาย แยกจิต นี่ มันไม่เกี่ยวความรู้สึกถึงการกระทบอะไรเลย
จิต กับ กาย แยกกันเป็นส่วนให้เห็นอย่างชัด ๆ นี่ล่ะครับ
ไม่ต้องไปเพิกเฉยกับการกระทบอะไรเลย

กายก็ส่วน จิตก็ส่วน
เห็นชัด ๆ อยู่นั่นล่ะครับ<!-- google_ad_section_end -->

คุณแสดงออกเริ่มที่จะชัดเจน ผมกู่ไม่กลับ หรือ จะกู่กลับ หากคุณไม่เข้ามายุ่งแต่แรก

ก็ไม่ต้องมีการถกเถียงด้วยเรื่องที่ไม่ควรเป็นเรื่อง ทั้งที่กระทู้นี้บอกกล่าวชัดเจน

ว่าผมเตือนคุณ สับสน ด้วยความหวังดี

สาธุครับ

 

คุณคิดว่าผมกับพี่เตชเป็นคนเดียวกันรึ..เก่งแต่ซ่อนเล่ห์ไม่กล้าแสดงออกกลัวคนอื่นมองแล้วไม่สวยงาม ไม่เท่ห์ เลยใช้เล่ห์ พิมพ์ออกมาใช่ไหม..นั่นแหละ กามทั้งสิ้นในตัวคุณ..
จิตมีเล่ห์เหลี่ยมปฏิบัติไปไม่ไกลหรอกหากไม่สำรอกออกมานะ ..อธิเดช ผู้น่าสงสาร น่าสงสารจริงๆ.:''(

 

ผมไปพูดถึงคุณเมื่อไหร่ครับ นั่นเป็นลิงค์ คุณไม่รู้จักเหรอครับ

ใครกันแน่ที่เมาครับ ดูให้ดี อ่านให้แน่ใจก่อนครับ

สาธุครับ

 

ผมว่าคุณน่าสงสารกว่าครับ ตนเองทำอะไรยังไม่รู้ตัวเลย

สาธุครับ

 

โพสนี้ บอกไม่มีใครจะคุยด้วย แต่มาคุญอยู่นี่จะเรียกอะไรดีครับ

คุณจะเป็นคนเดียวกับใคร หรือ ใช้กี่ชื่อ มันเรื่องของคุณครับ

ตนเองยังโกหกตนเองได้ ทำไมจะโกหกคนอื่นไม่ได้

สาธุครับ