หากฝึกอภิญญาได้ คุณจะใช้ทำอะไร

คือผมก็ไม่ได้ฝึกอะไรหรอกเพียงนับถือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพียงอยากถามท่านทั้งหลายว่า หากท่านทั้งหลายได้อภิญญา มีฤทธิ์แล้วจะนำปใช้อะไร ส่วนตัวผมคงทำไม่ได้แค่นั่งสมาธิยังยาก

 

ให้รู้ว่า มีจริง เรื่องจริง ไม่ใช่เรื่อง โกหก หลอกคน ที่พวก ศาสนาอื่น ใช้ โจมตี ศาสนาพุทธ ว่าไม่มีอยู่จริง หลอกลวงคน ดังที่ผ่านๆมา

 

ใช้ดูว่าใครมีพื้นบุญบารมีถึงพอจะดึงเข้ามาทางปฏิบัติให้ได้มรรคผล จะได้แนะนำได้
หากเขาไม่เชื่อ แต่อยู่ในวิสัยที่จะเชื่อหากเห็นอภิญญา ก็จะแสดงให้เห็น

อย่างอื่น ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรอีกครับ เพราะอภิญญา ไม่อยู่เหนือกรรม
จะหลบ จะหนี ยังไง ก็หนีกรรมไม่พ้น จะเห็น หรือ ไม่เห็น ก็ต้องชดใช้กรรม

 

อนุโมทนาค่ะ ดิฉันก็จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสัพสัตว์ทั้งหลาย เท่าที่ช่วยได้ ก็ขึ้นอยู่ที่กรรมด้วยล่ะค่ะ

 

นอน หิวๆ ก็ ต้ม มาม่า

 

อนุโมทนาสาธุครับ ส่วนตัวไม่ได้ฝึกเพราะแค่สมาธิยังยากเลยครับ

 

เป็นทางผ่านครับเพื่อให้รู้ว่า อภิญญา นั้น มีจริง เเละเป็นอุปกรณ์ อันยอดเยื่ยม
  
 ในการสอนธรรมะ เเค่ ปฏิบัติเข้าถึง ฌาน ๔  ก็บรรยายไม่หมดแล้วครับ

 อีกหน่อยก็คงจะมีคน เเสดงอภิญญา ให้ชมบนเว็บละครับ

 

หากฝึกอภิญญาได้ คุณจะใช้ทำอะไร
คำตอบ (ไว้ทำใจ)

 

สมมตินะสมมติ สมมติว่า ผมมีอภิญญา ผมจะเอามา ทดสอบว่า

อภิญญา แพ้ บุญฤทธิ์ นี้มันเป็นอย่างไร

โดยทันทีที่มี อภิญญาปั๊ป ก็จะลองตั้งสัจจะ ไม่ใช่ อภิญญานี้สัก 1000ปี

เพื่ออะไร เพื่อดูสิว่า บุญฤทธิ์มันจะห้ามไม่ให้แสดงอภิญญาได้ 1000ปี หรือเปล่า

หรือ.................

สมมติว่า ใครในที่นี้ แสดงตัวเหาะเหินเดินอากาศ เพื่อเรียกศรัทธา เพื่อหลอก
ให้เขามาฟังธรรม ผมก็จะเดินเข้าไปถาม

ดูกรท่านผู้เจริญ อันมีฤทธิ์อันวิเศษ ท่าน ไม่แพ้สิ่งใดในโลก ท่านสิ้นตัณหาดีอยู่หรือ

ซึ่งแน่นอนว่า ผู้มีอภิญญาย่อมต้องมั่นใจในศีล และ การสิ้นตัณหา ก็ย่อมตอบออก
มาอย่างชัดเจนว่า ข้าสิ้นตัณหาแน่นอน ข้าจึงเหาะได้

ผมก็จะถามต่อว่า

หากท่านผู้เจริญ สิ้นตัณหาแท้จริง ก็ขอให้ท่านพิสูจน์ในอาการสิ้นตัณหานั้น ด้วยการ
ไม่ใช้อภิญญาเหาะเหินเดินอากาศสัก 1000ปี เพื่อพิสูจน์ ความสิ้นตัณหา นั้นมีจริง
หรือไม่จริง ตามที่ท่านได้ เปล่งสัจจวาจา เพียงไม่กี่คำเมื่อครู่นี้เถิด

ซึ่งแน่นอนว่า ต้องรับ!!

ถ้ารับ แล้วไม่เกิดการแสดงอภิญญาใดๆ ผมก็จะ สรุปว่า

อิทธิฤทธิ์ แพ้บุญฤทธิ์ คือ แค่ เพียงคำพูดเพียงสองสามคำ ก็ใบ้แดก!! แล้ว

จะเอาอะไรไปสอนธรรมะว๊ะเห้ย !

 

นี่ขนาดผม ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยนะ แค่ นึกๆคิดๆ เอา คำพูด เพียงไม่กี่คำ

คำพูดธรรมดาๆ ก็สามารถ สยบฤทธิ์ได้หมด แล้ว โอ้โห สมัยนี้ เด็กเกรียน มี
เยอะแยะ มันฉลาดๆ พูดทั้งนั้น ก็รับรองว่า ไม่รอด

ไม่มีทางชนะ เด็กเกรียน ได้ !! มันไม่กลัวหรอก มันฉลาดพูดจะตายพวกนี้

ยิ่งตอนนี้มี เว็บ แอนตี้วิมุตติ ขัดขวางการหลุดพ้น ตั้งขึ้นมาแล้วอีก

ขนาดพระมีเส้นผมแปรเป็นพระธาตุ มันยังจับมา สืบหาคำเท็จ จิกหัวพระ
คว่ำธรรมได้เลย

แล้วพระมีอภิญญาจะไปทำอะไร เหาะๆอยู่ โดนไสนเปอร์ซ่อง จากวงล้อม
โคโยตี้ ก็ล่วงแล้ว !!


*******

ย้ำนะครับว่า ไม่ใช่ผมไม่เชื่อ เรื่องฤทธิ์ ไม่เคารพในผู้มีฌาณ

แต่ มีคำสอนระบุไว้จริงๆว่า อิทธฤทธิ์แพ้บุญญฤทธิ์ เนี่ยะ คนที่
ศึกษาธรรมเขาต้องไม่เชื่อโดยง่าย จึงต้อง พิสูจน์

สมมตินะสมมติ สมมติว่า มีเจ้าหนี้ที่เว็บในนี้เก่งกสิณ ถ้าเจอผม
ผมก็จะอารถนาถามถึง สัจจกริยา ในการสิ้นกิเลส ว่ามีหรือไม่ !!

จะพิสูจน์ไง ซึ่งแน่นอนเลยว่า ทุกท่านต้องพร้อม!! พิสูจน์ธรรม!!

 

เอามาใช้ตัดกิเลสค่ะ ถ้าเห็น นรก,สวรรค์,พรหม ภพภูมิต่างๆได้ ก็จะรู้ว่ามีจริง คำสอนของพระพุทธเจ้าจริงทุกประการ เราก็จะศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัยมากขึ้น

เอาอภิญญาสมาบัติมาดูว่าเคยเกิดเป็นอะไรมาบ้าง เคยเกิด เป็นคน เป็นสัตว์ เกิดในสวรรค์ นรกอย่างไร พิจารณาให้เห็นทุกข์โทษของการเกิดว่า การเกิดไม่มีอะไรดี มีแต่ความทุกข์ พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง เอาฌานสมาบัติที่มีอยู่เป็นกำลังในการตัดกิเลส เพราะจะมีอภิญญาได้ก็ต้องมีสมาธิระดับฌาน ก็เอากำลังสมาธิมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ ตัดกิเลสค่ะ
ส่วนตัวจะไม่ช่วยใคร ต้องช่วยตัวเองให้เข้ามรรคผลก่อน แล้วค่อยคิดช่วยคนอื่นค่ะ

โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่ต้องถึงกับไปฝึกอภิญญาหรอกค่ะ แค่เอาให้ถึงระดับฌาน แต่ถ้าได้ฌาณสี่ก็ดีเพราะกำลังสมาธิสูงเท่าไรจิตยิ่งคมกล้าตัดกิเลสได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เราก็เอากำลังสมาธิมาพิจารณาวิปัสสนาญาณตัดกิเลส พิจารณาธรรมที่เกิดเฉพาะหน้าบ่อยๆ ให้ได้ก็พอแล้ว เพราะถ้าถึงมรรคผลเมื่อไร อภิญญาสมาบัติจะเกิดเองโดยอัตโนมัติค่ะ

แต่ถ้าใครที่อยากฝึกอภิญญาสมาบัติให้ได้ก่อนมรรคผลก็ขออนุโมทนาค่ะ

 

สมาธินั้น ความเพียรยังไม่พอ เอาใจช่วยครับ อย่าพึ่งท้อ

 

เปิดนรกให้คนบนโลกเห็นว่า มีจริงjaah

 

ก็คงช่วยเหลือสงเคราะห์ มนุษย์ สัพสัตว์ทั้งหลาย ที่ยังเวียนว่ายตายเกิด ผู้ที่ได้รับความทุกข์นานัปการต่างๆ

 

ฤทธิ์ เป็นสิ่งที่มีในสามโลก แต่ไม่ได้ทำให้หลุดพ้น ซ้ำยังจะนำพามาเกิดอีก

ผมไม่นำดอกไม้ริมทางมาใช้อะไร หากไม่เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม

เพราะจะเป็นเหตุให้ติดข้อง และ เชิญชวนผู้คนให้เข้ามาหา จนไม่มีเวลาปฎิบัติ

อย่าสนใจในดอกไม้ริมทาง ที่จะคอยฉุดดึงให้อยู่ในโลก

สาธุครับ

 

ผมจะเสกต้นไม้ให้ปกคลุมทั่วทั้งโลกเลย ^^

 

ก่อนฝึกคิดอย่างหนึ่ง แต่เมื่อฝึกสำเร็จคิดอีกอย่างหนึ่ง
เพราะว่า ก่อนที่เราจะฝึกจิตรใจเรายังไม่นิ่ง ยังมีกิเลส ยังมีตัณหา ถูกดึงดูดเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากลอง อยากเห็น และด้วยความสงสัย แต่เมื่อได้เข้ามาฝึกดู ได้อบรมจิตใจให้นิ่ง ให้ใจเย็นให้เกิดสมาธิ และยังต้องถือศีล 5 ให้เป็นปกติ ฝึกไปฝึกมาเคยชิน ได้รู้ในสิ่งที่ไม่รู้ ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เห็น ได้ปัญญา เมื่อฝึกได้สำเร็จ ปัญญาที่เกิด ได้ไปตัด กิเลส ที่คาดหวังที่จะทำก่อนฝึก ทำให้เมื่อฝึกสำเร็จเกิดการแปลเปลี่ยนในด้านของความคิด ...... สิ่งที่อยากจะทำก่อนหน้านี้กลายเป็นไม่อยากทำ ..... เหมือนกับคนที่บวชหลายๆคน ใช้ชีวิตบนสังคมโลกมานาน พอได้บวช ถึงเวลาศึก จับศึกก็ไม่ยอม จะบวชต่อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่อยากจะบวชแท้ๆ

 

ตอนนี้ผมเชื่อ 100% ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเล่าของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่องสวรรค์ นี้สนุกดี

มีอภิญญาอย่างเเรกต้องไปให้ได้ ไปดูนางฟ้าบนดาวดึงส์ก่อน
ในสังโยชน์10 ขอตัด กามระคาตัวสุดท้ายเหอนะ
55+

 

พวกที่บอกว่าไร้สาระ บอกไม่อยากได้อภิญญา พอเวลาจะได้จริงๆ รีบเอา

 

ถ้ามีฤทธิ์จะดลบันดาลให้คนทั้งโลกหายโง่งมงาย กลายเป็นดอกบัวที่เบิกบานแจ่มใส สะอาด และสวยงาม