จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    มาถูกทางแล้วครับ อันดับแรก กำลังใจและความตั้งมั่นต้องมีก่อน ตั้งเป้าหมายด้วยใจจริงๆ แล้วอย่างอื่นจะตามมา

    เรารักท่าน เราคิดถึงท่าน ท่าก้อจะอยู่กับเรา

    อย่าเกร็ง อย่าเครียด ทำใจเบาๆ สบายๆ ผ่อนคลาย แต่ไม่ลืมท่านนะ

    เคยทำอะไรแบบไม่เครียดป่ะ...นั่นแหละ
    รักท่าน คิดถึงท่านแบบไม่เครียดนะครับ

    มีอะไรสอบถามได้นะครับ
     
  2. star_vava

    star_vava สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +1
    อยากสอบถามค่ะว่าพอเพ่งรูปพระแล้ว ทีแรกก็เห็นภาพชัดเจน แต่เวลาผ่านไปภาพที่อยู่ข้างหน้าเหมือนจะหายไปกลายเป็นแสงสว่างสีทอง เป็นเพราะเราจ้องหรือเพ่งมากไปหรือเปล่าคะ แต่พอกลัวว่าภาพจะหายไป ก็จะเห็นภาพชัดขึ้นมาเหมือนเดิม รบกวนด้วยนะคะ เพิ่งเริ่มฝึกค่ะ
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ข่าวดี!!!​


    สำหรับผู้ใดอยากยกจิต หรืออยากเป็นอริยบุคคล
    แต่ถ้าท่านกลัวความตายกันจริงๆละก้อ เราก็ต้องกลัวการเกิดกันด้วยนะครับ

    เมื่อตัดสินใจกันดีแล้ว
    ก็ไปบินเกาะหมู่กันในชาวจิตเกาะพระกันได้เลยนะครับ
    ยินดีต้อนรับทุกๆเวงจิต

    แต่ต้องผ่านด่านอรหันต์ เจ้าแม่เพ็ญไปให้ได้กันก่อน
    ท่านนี้จะเป็นผู้พิจารณาว่าให้เข้ากลุ่มได้รึป่าว???
    (เพราะชาวจิตเกาะพระนั้น ไม่ใช่วิ่งตามกระแสโลกกันง่ายๆ)

    และขณะนี้กำลังมีผู้ทำได้สำเร็จ และยกจิตไปกันเมื่อวานนี้เอง แบบตนเองยัง งงๆกันอยู่เลย

    สำหรับผู้ทำเปิดเผย หรือไม่เปิดเผย เดี๋ยวอีกไม่นาน ถ้าจิตเกาะพระได้เองแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จกันง่ายๆนะ เพราะมันจะมีอยู่ด่านนึงที่ผ่านกันยาก บอกได้เลยว่า...เดี๋ยวท่านก็ปรากฎเอง
    (ผมผมทราบดีว่าในขณะนี้มีผู้คนจำนวนนึงที่กำลังจับตาพวกเราอยู่ หรือสรุปว่าถ้าดี ค่อยทำตามอะไรประมาณนั้น แต่ผมคิดว่าพวกนั้นท่านล้วนผู้มีปัญญาทั้งนั้น ก็ขอให้ท่านอดทนรอกันอีกนิดนึง สำหรับท่านที่ยังลัง สงสัยกัน หรือไม่เชื่อกันตอนนี้ ก็ไม่เป็นเป็นไรนะครับ ขอให้ติดตามตอนต่อไป)

    จิตเกาะพระนี้ ไม่ใช่ธรรมดาอย่างที่ท่านๆ คิดกันอย่างแน่นอน

    และได้โปรดจำคำพูดของผมวันนี้ไว้ให้ดีๆนะครับ
    (ผม ภูทยานฌาน2)
    ว่า....
    วิชาจิตเกาะพระนี้จะเป็นที่นิยมในวันหน้าอีกไม่กี่ปีข้างนี้ด้วย
    และขณะนี้จิตผู้เกาะพระติด ที่ทำกันสำเร็จมีหลายท่านแล้ว
    แต่จะยังไม่ขอเปิดเผยกันในตอนนี้ฯ

    เดี๋ยวพวกเขาจะมาแนะนำตัวกันทีละคน
    และลองไปฟังๆความรู้สึกของพวกเขากันดูนะ เป็นเช่นไร...

    ปล.เตือนด้วยจิตบริสุทธิ์ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอยู่หลายแห่งในประเทศไทย
    แต่เมื่อเวลาที่ทุกคนกำลังเฝ้ารอคอยกันอยู่นั้นมาถึง
    ถึงท่านจะรู้ว่าที่ไหน คือสถานที่ปลอดภัย
    แต่ผมขอถามกลับไปว่า ท่านจะไปอย่างไร ในเมื่อมีจำนวนผู้คนที่จะจ้องไปแบบท่านมากมายนับไม่ถ้วน แค่ฤดูการเดินทางช่วงวันสงกรานต์ก็แย่แล้ว
    ถนนหนทางก็มีอยู่จำกัด เมื่อผู้คนจำนวนมากๆเดินทางหนีตายไปพร้อมๆ
    และเวลาเดียวกันทั้งหมดกันนั้น อะไรมันจะเกิดขึ้น!!!
    ท่านลองนั่งหลับตากันดูเอาเองนะ

    สรุปแล้วเพื่อความไม่ประมาท ขอให้ท่านำพระพุทธเจ้าสิงสถิตย์อยู่ประจำภายในจิต ภายในใจของพวกท่านไม่ดีหรือ???
     
  4. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    ธรรมอันมีสาระควบคู่ไปกับจิตเกาะพระ

    วันนี้ฤกษ์ดีตอนบ่ายนกอยากจะนำเสนอสาระธรรมมาให้ทุกท่านที่สนใจและกำลังฝึกจิตเกาะพระอยู่ขณะนี้ เพื่อที่จะเป็นกำลังใจและนำไปสู่จุดหมายปลายทางแห่งพระนิพพานต่อไปค่ะ และจะพยายามจัดสรรหาธรรมะอันมีคุณค่าต่อจิตใจของทุกท่านมาให้อ่านกันบ่อยๆ นะค่ะ

    งานภาวนา

    เราสร้างบ้านหลังหนึ่ง สร้างเสร็จแล้วมันเสร็จแต่การสร้างบ้านใช่ไหม แต่เราก็ต้องอยู่ในบ้านต่อไป จะต้องทำความสะอาดบ้านตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าสร้างบ้านเสร็จแล้วเราสบายแล้ว ไม่ใช่อย่างนั้นเราต้องรักษาความสะอาดในบ้านของเราต่อไปเรื่อยๆ เหมือนกับเราทำสมาธิ ทำแล้วก็นึกว่าเราทำสมาธิแล้ว บัดนี้เราหยุดแล้ว ไม่ใช่อย่างนั้น ใช้ความรู้มีสติรู้อารมณ์ที่จะมาทำลายสมาธิของเราให้วุ่นวาย ให้เรารู้จัก การยืน เดิน นั่ง นอน ให้มีสติครอบคลุมไปอยู่เรื่อย

    เราว่าสร้างบ้านเสร็จจะนอนสบาย ไม่ใช่นะ บ้านมันไม่สะอาดจะทำยังไง ต้องเช็ด ต้องถู ต้องกวาดอะไรต่างๆ ทำสมาธิก็เหมือนกัน การกระทำสมาธินั้นไม่ยากหรอก แต่การรักษาสมาธิต่อไปมันยาก การสร้างบ้านก็ไม่ยาก สร้างบ้านหลังหนึ่งไม่กี่ปีก็เสร็จ แต่ต้องรักษาความสะอาดไปอีกหลายปีจนกว่าบ้านมันจะพัง เราอยู่ไปเท่าไร ก็ต้องรักษาความสะอาดบ้านไปเท่านั้น อันนี้เป็นธรรมดา

    (จากเทปพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อชาฯ ม้วนที่ 86)

    บุญรักษาทุกท่านค่ะ

    นก - ชมรมชาวจิตบุญและจิตเกาะพระ(kiss)
     
  5. Erdeeny

    Erdeeny Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +65
    สวัสดีค่ะ มาเล่าความคืบหน้าค่ะ วันนี้สวดมนต์แล้วก็นั่งสมาธิค่ะ วันนี้นั่งได้นานมาก ประมาณ 1 ชม. (ครั้งก่อน ครึ่งชั่วโมง ก็ไม่ไหวแล้วค่ะ) ระหว่างที่นั่ง ก็กำหนดจิตเกาะพระไปเรื่อย ๆ จากที่เคยกำหนดเห็นทั้งองค์ ซึ่งก็ไม่ค่อยชัดค่ะ ครั้งนี้ตามดูแค่เพียงเฉพาะหน้าของพระค่ะ เห็นชัด
    สักพัก จากที่กำหนดเห็นหน้าพระสีทอง เปลี่ยนเป็น เห็นหัวเข่าเป็นแนวนอน ลักษณะเหมือนปูน เป็นท่านั่งค่ะ และเห็นเฉพาะส่วนหัวเข่า ขนาดใหญ่ และเลื่อนไปเรื่อย ๆ ตลอดเวลาไม่นิ่งเลยค่ะ ก็เลยดูไปเรื่อย ๆ
    ถัดมา เห็นเป็นองค์พระโพธิสัตว์ พระแม่กวนอิมสีทองค่ะ ก็ตามดูไปค่ะ แล้วก็ออกจากสมาธิ มาแผ่เมตตา ฯลฯ

    เรียนถามคุณภูค่ะ ตอนนี้เริ่มมาถูกทางบ้างรึยังคะ หรือว่าเกิดจากอุปาทาน เพราะเห็นมากเหลือเกิน จิตไม่นิ่ง แต่ก็ไม่คิดอะไรนะคะ หนูก็ตามดูไปเรื่อย ๆ

    แล้วทีนี้ จะกำหนดพระเป็นองค์เดิมดี หรือว่าจะกำหนดเป็นรูปพระแม่กวนอิมสีทอง ที่เห็นล่าสุดดีคะ
     
  6. suwipha satraphai

    suwipha satraphai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +461
    สวัสดีค่ะ
    ขอเรียนถามคุณภูค่ะ สวดมนต์ นั่งสมาธิมาระยะหนึ่งแล้ว อ่านเจอกระทู้นี้ ก็กำหนดจิตเกาะพระ แต่พอหลับตา กลับเห็นเป็นองค์พระสีดำ ที่ด้านหลังเป็นสีขาวค่ะ ไม่เห็นรายละเอียดของพระค่ะ ต้องทำอย่างไรคะ
     
  7. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ขออนุญาติตอบแทนท่านพี่ภู

    จิตเกาะพระนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องทำคือ การรุ้ ไม่ใช่สงสัย จิตอยากจะเห็นอะไร ภาพพระแบบไหน เราตามรุ้ กำหนดรู้ อย่าไปบังคับครับ

    ภาพจะหลากหลายก้อกำหนดรุ้ จิตเราอาจจะชอบภาพนั้น ภาพนี้ ก้อปล่อยเค้าครับ

    มีสิต กำหนดรู้ รุ้แล้วก้อรู้ อย่าไปรุ้แล้วสงสัย เราจะติดสงสัย

    ผมก้อเห็นพระหลายแบบครับ

    สิ่งที่จิตเห็น เป็นพระ เป็นสิ่งศักสิทธิ์ทั้งนั้น อย่าไปบังคับครับ

    แล้วแต่ช่วงของจิต...

    ทำด้วยความผ่อนคลาย สบายๆ ไม่เพ็ง ไม่บังคับ ไม่เครียด

    ทำไปเรื่อยๆครับ แล้วท่าจะพบความเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย
    ตั้งใจทำ แต่อย่าเกร็งจนกลายเป็นความเครียดครับ

    ลองทำดูครับ

    พยายามนะครับ..ทุกคนทำได้ ถ้ามีความเพียร
     
  8. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ลองหาภาพพระที่เราชอบมาดูครับ อย่างผมเอาตั้งไว้หน้าคอม ติดที่จอคอม ..เราก้อดูท่านไปเรื่อยๆครับ

    หรือลองหาในกูเกิ้ล หาภาพพระที่เราชอบ เราจะได้เลือกใช่ไหมครับ จิตจะค่อยๆจำจากที่เราได้เลือก ผมคิดว่าคงมีหลานร้อยรูป ดูไป เลือไปนะครับ ค่อยๆดู ค่อยๆพิจารณา

    ส่วนภาพที่เห็นเป็นองค์สีดำ หรือด้านหลัง ไม่ต้องเครียดครับ พระก้อคือพระ
    ถือว่าทำได้ดีแล้ว

    เดี่ยวจิตเราติดใจพระ เค้าจะจำเองครับ ภาพก้อจะไม่เหมือนกันในแต่ละช่วงเวลา

    ตั้งมั่นนะครับ มีอะไรสอบถาม ที่แห่งนี้ มีสิ่งดีๆให้แน่ๆครับ ขอเพียงตั้งใจจริง มีความเพียร

    ขอบคุณครับ
     
  9. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    คำสอนดีมีประโยชน์ครับคุณนก เยี่ยมๆๆๆ
     
  10. Erdeeny

    Erdeeny Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +65
    ขอบพระคุณค่ะ

     
  11. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    ขอบคุณค่ะ คุณวิทย์ แต่แหมคุณวิทย์ quote ข้อความผิดไม่นิดหนึ่งค่ะ สงสัยยังตื่นเต้นไม่หาย สาธุ สาธุค่ะ
     
  12. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157

    สวัสดีค่ะทุกท่าน

    สำหรับการมีสติกำหนดรู้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับจิตหรือแม้แต่การกำหนดจิตดูภาพพระนั้น ขอเพียงใช้หลัก 3 อย่าง ง่ายๆ สั้นๆ ดังนี้ค่ะ

    1 ก่อนที่จะรู้อย่าอยากรู้ (เพราะความอยากเปรียบเสมือนกิเลสตัวหนึ่ง)
    2 ระหว่างรู้ก็สักแต่ว่ารู้ (ให้รู้อยู่เฉยๆ อย่าสงสัยในสิ่งที่จิตรับรู้)
    3 เมื่อรู้แล้วไม่ทำอะไรอีก (อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงการรับรู้อันดั้งเดิมของจิต)

    บุญรักษาทุกท่านค่ะ

    Good Night (kiss)

    นก - ชมรมชาวจิตบุญและจิตเกาะพระ
     
  13. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    สวัสดีจ๊า ชาวจิตบุญทุกท่าน แหม..หายไป แป๊บบบบเดียวชาวเรายกจิตกันเป็นว่าเล่น
    ฝากนิดหนึ่งกับท่านที่เข้ามาในกระทู้ อย่าอ่านอย่างเดียวนะคะขาดทุนแย่ มาลองนำจิตเกาะพระกัน แล้วเข้าไปทำการยกจิตกับครูเพ็ญ หรือ หากใครจะติดต่อเจ้าของกระทู้พี่ภูท่านก้อคงกรุณา โมทนาสาธุการกับทุกท่านนะจ๊ะ
     
  14. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233

    นั่นะสิครับ ตื่นเต้นๆๆๆ

    แหะๆๆ
     
  15. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ถูกต้องทั้งหมดครับ

    สาธุ คมจริงๆๆๆ
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ข้อแนะนำบางประการของ
    จิตเกาะพระ​


    สาเหตุหลักของผู้ทำจิตเกาะพระกันยังไม่ได้
    ...ลองถามใจของตนเองดูนะว่า

    ผู้ปฎิบัติมีความรักและเคารพ ศรัทธา เสื่อมใสพระพุทธเจ้ามากน้อยเพียงไร
    ผู้ปฎิบัติเพื่อไปสนองกิเลส(รัก โลภ โกรธ หลง) หรือตามกระแสโลก คือหนีความตายกันหรือไม่
    ผู้ปฎิบัติต้องยึดถือเพื่อความหลุดพ้น หรือละ ปล่อย วาง
    ผู้ปฎิบัติจะต้องปฎิบัติด้วยความเคารพต่อพระพุทธคุณ (จิตเกาะพระ)
    ผู้ปฎิบัติจะต้องปฎิบัติด้วยความรักและเคารพนับถือจากใจจริงๆ (จิตถึงจะสัมผัสพระได้)
    ผู้ปฎิบัติจะต้องรักษาศีลหยาบ(ศีล5)ในเบื้อต้นให้ได้กันเสียก่อน โดยดูยึดถือเอาตัวที่เจตนาเป็นหลัก

    สำหรับผู้มาใหม่ หรือผู้ปฎิบัติใหม่นั้น
    แต่ถ้ายังจำ/จับ/ยึด/เกาะ/ห้อย พระกันยังไม่ได้ ขอให้อดทน
    เพราะเหตุที่บอกให้เกาะพระกันน่ะ คือจิตของผู้ปฎิบัติ มิใช่ตัวของผู้ปฎิบัติไปจำแทนจิตตนเอง
    ในขณะปฎิบัติกันใหม่ๆนั้น เราจะต้องอาศัยกายหยาบ หรือตาเนื้อไปช่วยจิตของตนจำก่อน
    หรือเราต้องกำหนด ระลึกถึงพระ ช่วยจิตของตนไปพลางๆก่อน(ในขณะลืมตาดูพระ)
    ลักษณะการจ้อง การมอง การดู การเพ่งนั้น ขอให้เป็นไปตามธรรมชาติ ปล่อยวางจิตใจของตนให้เบาที่สุด
    หรือทำแบบสบายๆ ไม่ต้องเครียด หรือจริงจังมากไป สรุปก็คือ เดินสายกลาง

    และถ้าผู้ปฎิบัติคิดว่า น่าจะจำได้แล้ว ก็ลองค่อยๆหลับตาแล้วใช้จิตคิดถึง ระลึกถึงพระกันดู(มโนจิต)
    แต่ถ้าภาพยังไม่ปรากฎ(ในจิตนะ มิใช่ปรากฎที่เปลือกตาในขณะหลับตา) หรือยังไม่เห็นภายในจิต
    นั่นก็แสดงว่า จิตยังไม่ชิน จิตยังไม่จำ หรือจิตจำไม่ได้
    เพราะฉะนั้นแล้ว เราจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ก็คือ ลืมตาทำแบบครั้งแรก และลองหลับตาให้จิตระลึกถึงดูสิว่าภาพในมโนจิตของตนเองนั้นมีหรือ ชัดหรือยัง
    และให้ผู้ปฎิบัติกระทำอยู่แบบนี้เรื่อยๆ จนกว่าภาพขึ้นมาที่มโนจิตของตนเอง

    แต่ผู้ปฎิบัติทำกันใหม่ๆนั้น แต่ถ้ามีภาพปรากฎที่จิตแล้ว(ในขณะหลับตา) บางคนชัด บางคนไม่ชัด ก็ไม่เป็นเป็นไร
    ขอให้ปฎิบัติเหมือนเดิม และทำบ่อยๆ เดี๋ยวยิ่งจิตนิ่งสงบมากเท่าใด ภาพในมโนจิตนั้นก็จะยิ่งชัดกันมากเท่านั้น

    ภาพนิ่ง ภาพชัด หรือภาพที่มองไปนั้นจะค่อยเปลี่ยนตามจิต ตามความนิ่งของจิต จากภาพพระเป็นสีทอง สีใสๆเหมือนแก้ว
    ไปจนถึงสีประกายพรึก อันนี้ถือว่าดีมาก เพราะนอกจากจิตเกาะพระติด(แนบแน่น)แล้ว จิตจะเลือกพระของเขาเอง
    ใหม่ๆขอให้พวกเราเลือกกันเองตามใจชอบก่อน
    แต่ถ้าจิตเริ่มจะเกาะพระได้ จิตอาจจะเปลี่ยนจากภาพพระไปเรื่อยๆ บางคนเปลี่ยนบ่อยมาก จนตนเองงงไปก็มี
    แต่ไม่เป็นไรนะ ปล่อยจนกว่าจิตจะเลือกเสร็จ แล้วจะเหลือภาะเดียวที่จิตชอบ จิตรักของเขาเอง(เหมือนเราเลี้ยงลูกเลย)

    อย่าลัง สงสัยนะ ขณะปฎิบัติ จงเชื่อตนเองก่อน เพราะความลังเลหรือสงสัยนั้น เป็นนิวรณ์5อย่างนึง มีแต่จะทำให้ผู้ปฎิบัติเกิดความล่าช้า เท่านั้นเอง
    ท่านอย่าสงสัยไปเลย เพราะพระที่ผู้ปฎิบัตินั้นเป็นพระ พระพุทธเจ้า หรืออริยเจ้า ที่ท่านผู้ปฎิบัติเป็นคนเลือกเองกันทั้งนั้น
    ไม่ต้องไปกลัว และถือว่าเรานำจิตไปเกาะพระกัน ถือว่าการให้เกียรติ ให้ความเคารพต่อพระพุทธคุณโดยตรงด้วย
    มิใช่ปฎิบัติไปเพื่อไสยศาสตร์

    แต่ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงที่เราขณะปฎิบัติ เราก็กำหนดรู้ๆๆ วาง รู้และก็วาง เฉย ขอให้ทำกันแค่นี้เอง ก็เหมือนหลักการทำสมาธิทั่วๆไป
    คือมีแค่สติตามดู ตามรู้จิตของตนเอง ด้วยใจเป็นกลาง(เขาทำกันแค่สามอย่างเอง)
    บางที่เราก็ถามกันมาก คนตอบก็มากตามไปอีก
    คนตอบไม่เบื่อ ไม่ท้อ ไม่ถอยหรอก แต่เกรงว่าพวกเราจะไปกันใหญ่ เพราะเราชินกับการคิด ฟุ้งซ่าน หรือจิตตกไปตกอยู่บนโลกแห่งความคิด จิตก็พลอยไม่นิ่งตามไปด้วย เราก็เลยอยู่ไม่เป็นสุขกัน
    เฉกเช่นทุกวันนี้
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ประโยชน์สูงสุดที่ได้จากการทำจิตเกาะพระก็คือ...
    จิตนิ่งสงบง่ายดาย เพราะจิตเป็นสมาธิ หรือจิตทรงฌาน
    และตรงนี้นี่แหล่ะ! ที่เป็นจุดเด่นของจิตเกาะพระ
    เพราะอานิสงส์จากพระพุทธคุณ

    เมื่อจิตของเรานิ่งสงบอย่างเดียว จิตก็จะไม่ไหลไปกับกระแสโลก
    หรือไหลไปกับข่าวภัยพิบัติต่างๆ
    บางท่านจิตใจไหวไปก่อนล่วงหน้าเป็นปี เป็นเดือน เป็นวันกันมาแล้ว หลังจากที่ไปรับข่าวสารกันมา
    หรือใจไหวยิ่งกว่าแผ่นไหวกันเสียอีก(อกสั่นขวัญหาย ขวัญหนีดีฝ่อ)

    บางท่านเป็นเอามาก คือกินไม่ได้นอนก็ไม่หลับ กระสับกระส่าย กระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง
    หรือบางท่านได้ลาออกจากงานประจำ (ลาออกงานน่ะง่ายนะ แต่กลับเข้าไปใหม่นั้นน่ะแสนจะยาก เพราะบางท่านอายุเกินไปแล้ว)
    บางท่านอยู่ที่ต่างประเทศก็หนีกลับไปบ้านเกิดกันก็เยอะ(ไปง่าย กลับยากนะ ต่างประเทศน่ะ โดยเฉพาะrobin hood)

    และจุดเด่นของจิตเกาะพระมีอีกอย่างนึงก็คือ สวนกระแสโลก
    คือโลกเป็นทุกข์กัน แต่ชาวจิตเกาะพระกันนั้น เป็นสุขอย่างยิ่ง
    พวกเขาไม่เคยคิดห่วงกายหยาบ หรือมานั่งเป็นห่วงกับสิ่งที่ทุกคนเรียกกันว่า สมมุติ
    แต่เขากลับเป็นห่วงภายใน คือจิต ดวงจิต หรือห่วงโลกหน้ามากกว่าโลกนี้
    พวกเขาเบื่อการเกิด จุติใหม่ เพราะไม่มีใครเขาอยากกลับมาเกิดกันอีก

    นี่ชาวจิตเกาะเขาคิดกันอย่างนี้เลยนะ ณ.เวลานี้
    สำหรับผู้ปฎิบัติได้แล้ว อารมณ์เกาะแต่พระ เกาะแต่พระนิพพาน
    ทรงอารมณ์เกาะพระนิพพานเป็นเนื่องนิจ เพราะจิตมีกำลังใจถึง บุญและบารมีถึง
    จึงไม่กลัวความตาย จึงไม่กลัวภัยพิบัติที่(คาดกันว่า)จะเกิดขึ้น
    เพราะจิตพวกเขาเหล่าตั้งอยู่เหนือภัยพิบัติ
    ตั้งอยู่เหนือขันธ์5(ร่างกาย) อุปาทาน อัตตา มานะ ทิฎฐิของตน
    ตั้งอยู่เหนืออารมณ์ต่างๆ ที่มากระจิต
    เป็นต้น

    เพราะด้วยจิตอันทรงอยู่ได้ด้วยจิตเป็นสมาธิ ทรงฌานกัน ณ.ขณะนี้
    ึจึงทำให้เราลดความตื่นเต้น ความกลัว ความตื่นตระหนก หรือว่าตกใจไปกันได้บ้าง
    และในขณะที่จิตทรงฌานกันอยู่นั้น จิตก็จะวิปัสสนาธรรมอยู่ภายในจิตของตนนั้น อยู่อย่างต่อเนื่อง และเสมอๆ
    สติไม่ต้องไปพูดถึง กับพวกจิตเกาะพระได้แนบแน่นกันแล้ว มีมากด้วยสติสัมปชัญญะ หรือความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
    แถมรู้ ตื่น เบิกบานอยู่ภายในดวงจิตของตน

    (ว่างๆก็ลองไปชาวจิตเกาะพระ โดยเฉพาะท่านที่ทำสำเร็จแล้ว)

    ผมจะอนุญาต หรือยอมรับเฉพาะกับชาวจิตเกาะพระ ที่ทำสำเร็จแล้ว(เท่านั้น) มาช่วยผมตอบในกระทู้นี้กันได้
    นอกนั้นขอให้ถือเป็นการแชร์ประสบการณ์กัน มิได้ห้าม

    และท่านที่กล่าวมาแล้ว ได้แก่...
    natthapatpun
    dutchanee
    Kim_UoonSo
    NOKMAM
    Wittayapon

    (และจิตบำเพ็ญ หรือจิตบุญที่ผมไม่ได้เอ๋ยนาม เพราะท่านอยู่นอกวงการกระทู้ หรือไม่ชอบเข้ามาตอบ)
    เป็นต้น

    แต่สำหรับผู้มาใหม่ ผู้ปฎิบัติใหม่สำหรับจิตเกาะพระ ขอให้ออกมาแชร์ประสบการณ์กันได้ตามสะดวกกันนะครับ

    ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    ต๊ะเอ๋!!!

    ธรรมะสวัสดี
    สวัสดีวันหยุด และสวัสดีกับดวงจิตอันบริสุทธิ์ของทุกๆท่าน

    ธรรมะเบาๆ ฟังเบาๆ จิตเบาๆ

    ผมรู้สึกเมตตาและสงสารกับผู้คนเหล่านั้น ที่กำลังจะหนีหัวซุกหัวซุนกันอยู่ณ.ขณะอยู่นี้
    นอกจากยังมีสถานที่พักพิงพอจะทำให้พวกเราปลอดภัยนั้น ก็มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน แต่เพื่อความไม่ประมาทกัน ผมจึงขอแนะนำให้กับท่านทั้งหลาย ว่า...
    พวกเราอย่ามัวไปตามหาสถานที่อันศักดฺสิทธิ์กันอยู่เลย เพราะเมื่อเวลานั้นมาถึงแล้ว เราลองคิดดูนะว่าจะไปถึงได้ทันกันไหม???

    ผมถึงขอแนะนำว่าเพื่อความไม่ประมาท นอกจากมีสถานที่ที่ปลอดภัยหลายแห่งก็ตาม แต่มีหลายท่านลืมไปว่า สิ่งที่เราทำได้ง่ายที่สุดกันในเวลานี้ ยามนี้ และเดี๋ยวนี้กันก็คือ จิตเกาะพระ

    การทำจิตเกาะพระนี้กจึงเสมือนการทำให้จิตของตนสะอาด และจิตของตนศักดิ์สิทธิ์ตามไปด้วย เพราะเป็นการอัญเชิญ หรือน้อมนำเอาดวงจิตของพระพุทธเจ้า พระธรรม หรือพระอริยเจ้า เข้ามาไว้ในดวงจิตของตนในเวลาเดียวกัน

    ข้อดีก็คือ ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด หรือที่ทุกคนกำลังรอคอยกันอยู่นั้น ถ้าพวกท่านสามารถทำจิตให้เกาะพระได้แนบแน่น หรือระลึกถึงพระพุทธเจ้าให้อยู่ในดวงจิตตลอดเวลากันให้ได้ เพราะนี่ก็คือ เเป็นอีกหนทางหนึ่งที่เรายามเกิดภัยฉุกเฉิน ไปไม่ทัน หนีไม่ทัน หรือไปไม่ถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั้น จะด้วยเหตุผลอันใดก็ตามที

    แต่ถ้าเราอยู่กับที่ไม่ต้องกลัวความตาย ขอให้พวกเราแค่มีสติและคอยหมั่นทำให้จิตระลึกถึงพระพุทธเจ้ากันอยู่บ่อยๆ เพราะเมื่อเวลานั้นมาถึง จิตของตนจะได้มีที่ยึดเหนี่ยวกัน เพราะอย่างน้อยที่สุด ถ้าเราไปไม่รอด คือภัยมาพรากกายกับจิต แยกออกจากกัน ดวงจิตของเรานั้นจะได้จุติสุคติภูมิเป็นที่หมาย หรือถ้าเรารอดปลอดภัยดี คือเราไม่ตาย สภาพจิตใจของตนนั้นก็ยังเข้มแข็ง คือยอมรับสภาพการสูญเสียได้ เพราะเหมือนเราได้ฝึกจิต หรือฝึกตาย ก่อนตาย หรืออย่างน้อยที่สุดก็ลดเวทนาทางจิตกันได้ คือจากที่จะเสียใจมากๆ ก็เหลือให้เสียใจน้อยๆ

    วันนี้ผมมาให้กำลังใจช่วยกันเพียงเท่านี้
    โดยเฉพาะผู้ทำให้จิตตนเองตกอยู่บ่อยๆ
    และขอความกรุณาว่า ถ้าท่านไม่สร้างกำลังใจตนเอง ก็อย่าไป(ขยัน)ทำให้จิตของตนตกต่ำไปกว่านี้กันเลย
    เพราะนั่นหมายถึง ตัวท่านกำลังจะนำดวงจิตตนเองเข้าไปใกล้แดนอบายภูมิกันทุกที เพราะถือว่าตนเองเป็นผู้เลือกให้ดวงจิตของตนเองไปจุติฯ ณ.สถานที่ๆแห่งนั้นกัน ก็คือ อบายภูมิ นรกภูมิเป็นที่ตั้ง ที่หมายไปกันแล้ว
    โดยที่ตนเองก็ยังไม่รู้ตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 เมษายน 2012
  19. นิติทอง

    นิติทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +585
    สวัสดีครับ เพิ่งมาใหม่ในกระทู้ อ่านได้ซักพักแล้ว แต่ยังไม่มีรูปพระพุทธที่ช่วยให้เกิด ปิติ เลยพิมพ์ภาพพระพุทธชินราชไว้ลองดูก่อนครับ (แต่เคยฟังวิทยุขณะขับรถ เขาเล่าประวัติ พระสิวลี ชาติที่ถวายน้ำผึ้ง แล้วน้ำตาจะไหล ไม่ทราบสาเหตุ) ไม่ทราบว่าพอจะมีสิ่งใดแนะนำหรือเปล่าครับ
     
  20. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    หวัดดีค่ะคุณน่ิติทอง ขอเป็นตัวแทนยินดีต้อนรับเข้าสู่แดนกลุ่มจิตบุญจ๊า ในกระทู้มีหลายภาพนะคะไม่ทราบว่าเข้าไปดูทุกภาพหรือยัง เอาภาพหรือองค์พระที่เราชอบและรู้สึกประทับใจ สบายใจ สบายตาเวลามอง ภาพนั้นแหละค่ะ แหม..แค่มีใจใฝในองค์พระแล้วนี่เพิ่มความตั้งใจพร้อมเข้าไปยกระดับจิตกับครูเพ็ญ น่าจะไปได้ไกลนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
    เดี๋ยวพี่ภู ครูเพ็ญ และสมาชิก คงเข้ามาเพิ่มเติมอีกค่ะ
    ขอพระคุ้มครองคุณนิติทองค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...