พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

เช้าวันนี้ผมนำพระในตำนานพิมพ์หนึ่งมาให้ชมกัน อยู่ในบันทึกของหนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯ และพระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า เล่มสีน้ำเงินนั่นละครับ ที่ผมเคยบอกว่าจะเคยไปพบหนังสือของอ.ตรีฯที่โซนหนังสือเก่าในงานสัปดาห์หนังสือ หรือมหกรรมหนังสือ ตั้งราคาขายเอาไว้มูลค่าเล่มละ ๖-๗๐,๐๐๐ บาท แต่เมื่อเทียบกับหนังสือของปู่เล่มนี้แล้ว คุณค่าต่างกันลิบลับคุณค่า ๓๐๐,๐๐๐ บาทเป็นอย่างน้อยครับ...

ปู่บันทึกเอาไว้ว่า...

"..ส่วนพระพิมพ์อีกประเภทหนึ่ง เป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ เช่นกัน ครั้นถึงปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เกิดมหาสงครามโลกครั้งที่ ๑ ประเทศไทยส่งทหารอาสาสมัครไปช่วยฝ่ายพันธมิตร พระคณาจารย์ต่างๆจัดสร้างเสกพระพิมพ์ถวายหลายวัด เช่น วัดจันทร์สโมสร วัดประชาระบือธรรม วัดอินทรวิหาร ส่วนที่เป็นพิมพ์พระนาคปรก มีคำว่า "สุโขวิเวโก" และทางวัดเทพศิรินทราวาส นำมาเป็นแบบให้ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิตอธิษฐานจิต ก็เป็นยุคสงครามโลกครั้งที่ ๑ นั่นแหละ พระนี้เหลือจากแจกทหารอาสาสมัคร ซึ่งพระพิมพ์มีจำนวนมาก ทหารอาสาจำนวนน้อย ส่วนที่เหลือก็นำเข้าบรรจุในสุวรรณเจดีย์ คือพระเจดีย์ทององค์ใหญ่......."

เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการที่อ.จ.ปู่ท่านได้กล่าวถึง"พระนาคปรก" ๗ ชั้นที่ทางวัดเทพศิรินทราวาสนำมาเป็นแบบท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิตอธิษฐานจิต ผมก็เลยขออนุญาตตาลุงข้างบ้านนำพระนาคปรกพิมพ์นี้ที่เสี้ยนวงการกำหนดราคาเป็นพันเป็นหมื่นมาให้ชมกัน เทียบกันกับพระในตำนานของลุงไฟดูดกันว่า พระพิมพ์ที่ปู่กล่าวถึง และบันทึก "สุโขวิเวโก" ว่าจะงดงามเพียงใด ที่น้อยท่านจะทราบกัน ลองชมกันครับ หนึ่งคือ พระพิมพ์อายุเกือบร้อยปี(๒๔๖๐-๒๕๕๕) กับอีกหนึ่งที่อายุไม่ถึง ๕๐ ปี(๒๕๑๓-๒๕๕๕)...

ก่อนที่ท่านจะได้ Download ภาพชุดนี้ไปเพื่อศึกษาในครั้งนี้ พวกเราชาวพระวังหน้าใคร่ขอให้ท่านได้ตั้งจิตอุทิศผลบุญทั้งหลายของท่านให้กับเจ้ากรรมนายเวรของอ.จ.ปู่ประถมกันก่อน และให้อ.จ.ปู่มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงขึ้นทุกวันๆ....

เงื่อนไขเดิมครับ download ได้เพียง ๑๐ ครั้งเท่านั้นครับ..

 

.

เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า

ตอน พระสมเด็จ หลังลายดอกพิกุล











.

 

บ่ช่าย พิมพ์นาคปรกเจ็ดชั้นครับ ลุง อ.เพชร จริงๆคือพิมพ์ สมเด็จนาคปรค ฐานสามชั้น กฐินยะลาปี 2513นี้ครับ (ขอบคุณรูปจาก easyamulet.com เพื่อการศึกษาครับ) หุ หุ

 

.

เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า

ตอน พิมพ์หลวงปู่ยืนจงกลม




.

 

หุ..หุ.. ตอนลงข้อมูล+ภาพผมก็แหม่งๆว่า พระนาคปรก"สุโขวิเวโก" เป็นฐาน ๓ ชั้น แต่พระพิมพ์นาคปรก วัดเทพศิรินทราวาสเป็นพระนาคปรก ๗ ชั้น ใจคิดถึงพิมพ์ ๗ ชั้นนี้เท่านั้น นี่ละหนอ เข้าใจไปคนละทางเลย

สรุปว่า พระนาคปรกที่เปรียบเทียบคือ สมเด็จนาคปรก ฐาน ๓ ชั้น ของวัดเทพศิรินทราวาส ที่สร้างเนื่องในวาระกฐินยะลา ปีพ.ศ. ๒๕๑๓ หรือ...??

 

.

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
มีเรื่องด่วนมาก

ผมส่งให้ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้า และ ท่านผู้สนับสนุนชมรมพระวังหน้าทุกๆท่านได้ทราบทาง Email เรียบร้อยแล้ว

ให้ทุกๆท่านแจ้งให้ผมทราบภายในวันนี้ครับ

สำหรับท่านใดที่ไม่แจ้งผมกลับมา ผมจะแจ้งให้พี่ใหญ่ทราบเท่าที่แจ้งผมกลับมาครับ

.

</TD></TR></TBODY></TABLE>
-----------------------------------------


ในวันงานหล่อพระบูชา หลวงปู่พระอานนท์เถระเจ้า วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน 2555

พี่ใหญ่จะจัดโต๊ะจีน ผมรบกวนให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน แจ้งเรื่องการไปร่วมงานให้ผมทราบโดยด่วนด้วย วันพรุ่งนี้ผมจะแจ้งยอดผู้ไปร่วมงานให้พี่ใหญ่ทราบครับ

รายละเอียดเรื่องเวลา และ สถานที่ ผมจะแจ้งให้ทราบทาง Email อีกครั้ง

งานนี้ไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาดครับ

ตอนนี้มีตอบรับไปร่วมงาน 7 ท่านแล้วครับ

.<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

-----------------------------------------

อีกสักพัก (ประมาณ 10 โมงเช้า) ผมจะแจ้งยอดผู้ไปร่วมงานหล่อ พระบูชาองค์พระอานนท์เถระเจ้า ให้กับพี่ใหญ่แล้ว

ตอนนี้มีผู้ตอบรับไปร่วมงาน 10 ท่านแล้ว

หากไม่มีท่านใดแจ้งกลับมาภายใน 10 โมงเช้า ผมจะส่งยอดผู้ไปร่วมงานตามที่ผมได้รับแจ้งมาครับ

โมทนาสาธุครับ


.<!-- google_ad_section_end -->

 

:VO นี่นะตาลุงเพชร พระนาคปรกฐานสามชั้นที่ตาลุงน้องหนู่ ตาลุงข้างบ้าน ว่าไว้นะมีสองแบบแต่แบบสามชั้นนี้ จุจุจุจุแจกกรรมการและผู้ใหญ่ กำนัน นายอำเภอ เอ้ยว่าไปนุ้น แม่ผมรับกับมือเจ้าอาวาศ แถมมีกำชับว่าเก็บไว้ให้ดีนะ หุหุหุ แล้วยังงงอะไร นิ้วชี้ กะนิ้วกลาง ชูขึ้น กางออกนี้คงเข้าใจนะว่าอะไร แต่นิ้วหัวแม่มือ ก็แจ๋ว ต้องไม่.....ง นะนะนะ แต่ถ้าเป็นแบบนี้นะดี:love:

 

จากที่เข้าใจว่าเป็น ๗ ชั้น มาเป็น ๓ ชั้น คราวนี้มี ๓ ชั้น ๒ แบบอีกต่างหาก...หุ..ห...ไปกันใหญ่แล้ว ตาลุงข้างบ้าน ลุงอ.จ.กูรูน้องนู๋ ลุงไฟดูด

ลุงไฟดูดชูนิ้วไหนหรือ?? สงสัยว่า กลางหรือนาง...แต่ที่ลุงชูโป้ง ชี้ ก้อยนี่ แฟนพันธุ์แท้:love: หรืออะไรกันแน่ โป้งยกขึ้น(y) แสดงว่า เยี่ยม โป้งทิ่มลงดิน นี่แย่แล้วนา.....หุ...หุ...

 

:love:นี่ไงที่บอกนะ ตอนนี้ที่ผมว่าคือ ท่านเพชร ตาลุงข้างบ้าน ท้ายสุดคือตาลุงไฟสูบ น่าจะเป็นไปได้นะ ที่เหลือ ก็ของน้องหญิงนะ เห้นด้วยไหม??(good) ถ้าเดี่ยวๆๆแบบนี้ท่านเพชรชอบละซิ

 

ปิดตาใบเสมา หลังรูปเหมือนพระโลกอุดร..........

 

วันพระใหญ่วันนี้ ก็ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองทุกท่านที่ตั้งในศีล ในธรรม ให้ได้รับความเจริญรุ่งเรือง อุปสรรคไม่อาจแผ้วพาน และทำการสิ่งใดที่ไม่พ้นวิสัยแห่งกรรมก็ขอให้ได้ประสพแต่ความสำเร็จทุกประการ.....

อีกซักครู่ จะเดินทางไปร่วมงานพุทธชยันตีที่วัดสระมรกตครับ กราบนมัสการรอยพระพุทธบาทคู่ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด แล้วชมโบราณสถานทวารวดี กราบนมัสการพระทวารวดีครับ

 

นำภาพงาน"มาฆปูรมีศรีปราจีน และสัมพุทธชยันตี ๒๕๕๕" มาให้ชมกันครับ

ก่อนเวียนเทียนรอบรอยพระพุทธบาทคู่เวลา ๑ ทุ่ม ได้ไปยังสถานที่ต่างๆ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้ต่างจากต้นอื่นๆตรงที่เป็นกิ่งโพธิ์จากต้นโพธิ์เดียวกันกับที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ต้นโพธิ์อื่นเกิดจากเมล็ดโพธิ์...

กราบนมัสการพระทวารวดี ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนยังไม่มีฉากหลังรูปใบโพธิ์ พอมีฉากหลังก็เลยไม่สามรถมองเห็นความลับบางอย่างของพระทวารวดีองค์นี้ ว่ากันว่าทางกรมศิลป์จะอัญเชิญลงมาที่พิพิธภัณฑ์ที่กรุงเทพ แต่ช่วงที่ยกพระท่านผ่านประตูได้ทำให้ข้อพระหัตถ์หัก ทำนองว่า หลวงพ่อท่านอยากอยู่ที่นี่ กรมศิลป์จึงไม่ได้อัญเชิญมาที่กรุงเทพ...

สระแก้ว-สระขวัญ ๒ สระนี้อยู่ใกล้กัน สระแก้วสำหรับกษัตริย์ ส่วนสระขวัญของชาวบ้าน ขอบสระแก้วมีสลักภาพสัตว์ต่างๆเอาไว้ ๔๕ ภาพ ทั้งช้าง งู สิงโต มีเพียงมกร(มะกะระ)เท่านั้นที่มีเพียง ๒ ด้าน ทางกรมศิลป์ก็เข้าใจทำโดยทำภาพจำลองเหนือสระสีแดงให้ชม เทียบกับภาพจริงฝั่งตรงข้าม แต่ด้วยกาลเวลา และต้องอากาศ ความร้อน ความชื้น ความชัดเจนของภาพก็ลบเลื่อน และเสียหาย อีกร้อยปีพันปีอาจจะไม่สามารถชมได้อีก เพื่อนๆก็ลองสังเกตจาก ๓ ภาพสุดท้ายดูว่าเป็นภาพไหน แล้วจะเฉลยโดยจะวงเอาไว้ให้ดูครับ...

ความเป็นมาของสระแก้วโดยละเอียดตามนี้ครับ....

เมืองศรีมโหสถเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดปราจีนบุรี เดิมนั้นชื่อว่าอำเภอโคกปีบ เป็นเมืองเก่าแก่มีอายุมากกว่า 1,200 ปีหรือพุทธศตวรรษที่ 6 เป็นต้นมา ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าชายทะเลที่สำคัญ เป็นศูนย์กลางความเจริญทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และศาสนาพุทธ เมืองศรีมโหสถอดีตเคยเป็นเมืองโบราณขนาดใหญ ที่มีความสำคัญมากเมืองหนึ่ง มีการพัฒนาทางศิลปวัฒนธรรมมาโดยลำดับ ตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ 11 เนื่องจากเป็นเมืองท่าชายทะเล จึงมีการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าทั้งกับจีนและอินเดีย ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมฟูนัน โดยมีหลักฐานการขุดพบลูกปัดแบบฟูนันและแบบโรมัน ซึ่งมีอายุราว พ.ศ. 600 – 800 นอกจากนี้ยังพบภาพสลักรูปสัตว์ต่าง ๆ แบบอมราวดี พุทธศตวรรษที่ 7 – 9 ที่บริเวณสระแก้ว สระขวัญอีกด้วย
เมืองมโหสถ เป็นชื่อบ้านเมือง โบราณตั้งแต่ราวหลัง พ.ศ.1000 ได้ชื่อจากนิทานชาดกเรื่องพระมโหสถปัจจุบันบ้านเมืองโบราณอยู่ในเขตอำเภอศรี มโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี มีร่องรอยวัฒนธรรมกว้างขวางถึงอำเภอพนมสารคาม บริเวณที่ลุ่มตอนชายทะเลโคลนตมของอำเภอศรีมหาโพธิ (อยู่ทางเหนือ) อำเภอศรีมโหสถ (อยู่ตรงกลาง) ต่อเนื่องถึงอำเภอพนมสารคาม(ฉะเชิงเทรา อยู่ทางตอนใต้) เติบโตขึ้นจากการค้าข้ามภูมิภาคเป็นบ้านเมืองใหญ่ หรือรัฐขนาดเล็ก สมมุติชื่อเรียกตามนิทานท้องถิ่นของลาวพวนว่า เมืองมโหสถ มีเมืองมโหสถเป็นศูนย์กลางเกี่ยวข้องไปถึงชุมชนบ้านเมืองและรัฐขนาดเล็กทางที่ ลุ่มๆดอนๆ ภายในจนถึงทะเลสาบในกัมพูชารวมถึงบริเวณลุ่มน้ำชี-มูล ในอีสาน และรัฐอู่ทอง (สุพรรณบุรี) ฟากตะวันตกลุ่มน้ำเจ้าพระยา
รัฐมโหสถมีขอบเขตทางเหนือถึงลำน้ำปราจีนบุรี ที่อำเภอศรีมหาโพธิ และอำเภอประจันตคาม (ปราจีนบุรี) ทางใต้ถึงลำน้ำท่าลาดที่อำเภอพนมสารคามและอำเภอสนามชัยเขต (ฉะเชิงเทรา) มีร่องรอยแนวทำนบเบี่ยงเบนน้ำป่าเป็นคันดินยาวคล้ายถนนพุ่งตรงหากัน แต่ไม่เชื่อมติดกัน คงเว้นไว้ให้น้ำป่าไหลลงอ่าวไทยทางตะวันตกที่เริ่มเป็นโคลนตม
โบราณสถานเมืองศรีมโหสถเป็นศูนย์กลางรัฐมโหสถมีคูน้ำคันดิน มีผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมนขนาดกว้าง 700 เมตร ยาว 1,500 เมตร ปัจจุบันเรียกเมืองมโหสถ อยู่บ้านโคกวัด อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี มีร่องรอยศาสนสถานขนาดใหญ่น้อยกระจายทั้งนอกเมืองและในเมือง รวมแล้วมีจำนวนมาก มีสระน้ำหลายแห่ง ที่สำคัญคือ สระแก้ว, สระมรกต, สระบัวล้า สันนิษฐานว่าเป็นเมืองในสมัยทวารวดี หลักฐานส่วนใหญ่ที่พบมักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์และฮินดู อาทิเช่นเทวาลัย เทวรูป และ ศิวลึงค์ เป็นต้น โบราณสถานที่สำคัญในเมืองศรีมโหสถประกอบไปด้วย กลุ่มโบราณสถานกลางเมืองอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 เป็นหมู่เทวาลัยฐานก่อด้วยศิลาแลง ด้านบนก่อด้วยอิฐภูเขาทองเป็นพระเจดีย์รูปกลม ลักษณะเหมือนโถคว่ำสมัยทวารวดี เทวาลัยรูปสีเหลี่ยมพื้นผ้าก่อด้วยศิลาแลงราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 และสระแก้วซึ่งเป็นสระน้ำโบราณ ซึ่งขอบสระแกะสลักเป็นลวดลายรูปสัตว์ต่าง ๆ จำนวนถึง 45 ภาพ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 6-11
ข้อมูลจาก:สยามฟรีสไตส์

 

ภายในงานจัดแบบตลาดย้อนยุค แม่หญิง ๒ นางทำหน้าที่ให้แลกเบี้ยสำหรับซื้ออาหารทานภายในงาน มีการละเล่นของเด็กๆสมัยนั้น อาหารหลากหลายเลือกเอาแต่ร้านที่อร่อยๆทั้งนั้น...

บรรยายกาศเวียนเทียนรอบรอยพระบาทคู๋สวยงามมากๆ ด้วยสัมภาระ และจำนวนคนจำนวนมาก การเก็บภาพมุมสูงทำได้ยาก เลยเก็บเพียงบางส่วนมาเท่านี้ และภาพรอยพระบาทคู่ที่เก่าแก่ที่สุด...

 

ที่นครนายก ผ่านหน้าวัดพราหมณี(หลวงพ่อปากแดง) ร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง..ก๋วยเตี๋ยวธรรมศาสตร์ เมนูนี้ หมี่กรอบต้มยำ ดูหน้าตากันก่อนครับ ๔๐ บาท เส้นเล็กหมูต้มยำ ๓๕ บาท อีกมากครับ ทั้งเย็นตาโฟ เส้นปลาต้มยำ รสชาดน้ำซุปลงตัวไม่ต้องปรุงแต่อย่างใด

วันนี้ วันพรุ่งนี้ผมยังอยู่ที่ปราจีนบุรี ขากลับจะแวะกราบนมัสการหลวงพ่อปากแดง นำโชคลาภมาฝากทุกท่านครับ..

 

ก่อนเดินทางมาที่โบราณสถานสระมรกต พระพุทธบาทคู่นี้ ผมได้เคยเดินทางมาก่อนเมื่อหลายปีก่อน ปีนั้นเดินทางมาถึง ๓ ครั้งด้วยกัน และรู้สึกเสมอว่า เป็นดินแดนที่มีเสน่ห์มากๆ หากจะกราบพระทวารวดี ชมโบราณสถานทวารวดีต้องมาที่นี่ ก็สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง ทั้งอ้อม และไม่อ้อม และอยู่ใกล้กับกรุงเทพมากๆ เมื่อคืนก็ได้พักในอ้อมกอดของดินแดนทวารวดีอันศักดิ์สิทธิ์ ที่พักก็สวยมาก และอัตราค่าที่พักก็ย่อมเยาเอามากๆ ชื่อ "โรงแรม แกรนด์ การ์เด้น" เป็นเจ้าของเดียวกับร้านตำนานป่า จ.ระยอง และเรือนตำนาน ซีฟู๊ด จ.ปราจีนบุรี เจ้าของอัธยาศัยดี และใจดีมากๆ..

 

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาผมได้พูดถึงเรื่องลูกปัดทวารวดีกับลุงไฟดูด ของชิ้นหนึ่งที่กำลังตามหาคือ สุริยะเทพ เมื่อวานบ่าย ๔ โมงเย็นมาก็เดินทางมาถึงโบราณสถานสระมรกต ได้จอดรถที่หน้าร้านค้าร้านหนึ่งที่ขายลูกปัดทวารวดีภายในบริเวณโบราณสถาน ได้พบ"สุริยเทพ"ที่กำลังตามหา ได้จากคนขุดของเก่า ชิ้นนี้ได้จากคลองท่อม กระบี่ ถูกใจเพียงชิ้นเดียวครับ สนนราคาค่าเก็บรักษาปีละ ๓๕ สตางค์ สอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านลูกปัดทวารวดีหลายท่านในงานเมื่อวานนี้ ซึ่งทั้งงานมีอยู่เพียงชิ้นเดียว และทุกร้านบอกตรงกัน "ชั้นค้าขายลูกปัดทวารวดีมาไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปี เห็นจนเคยตาไปหมดแล้ว แต่..ชิ้นนี้นานปีมาก ๒,๐๐๐ ปี ไปได้จากที่ไหนมา... "

เป็นยังไงบ้างครับ ลุงอ.จ.กูรูน้องนู๋ ลุงไฟดูดดีปล่าวครับ...หุ....หุ...

เรื่องราวของลูกปัดทวารวดีเกี่ยวกับสุริยเทพ จันทรเทพ ตามนี้ครับ...

คุยเฟื่องเรื่องพระ เปิดตำนานลูกปัด สุริยเทพ สวัสดีครับแฟนๆ คุยเฟื่องเรื่องพระ ทุกท่าน มีท่านสมาชิกผู้อ่านหลายท่าน มีข้อสงสัยว่าลูกปัดทราวดี สุริยเทพมีที่มา และมีตำนานเป็นอย่างไร อยากจะให้ทีมงานคุยเฟื่องเรื่องพระ หาเรื่องราวเกี่ยวกับประเภทนี้ วันนี้จะเปิดตำนาน ลูกปัดสุริยเทพ ว่ามีความเป็นมาอย่างไรพอสังเขป

ต้องย้อนไปถึงพุทธศตวรรษที่6-7และอาณาจักรทวารวดี ศรีวิชัย ลูกปัดที่ทำด้วยแก้วเป็นหลักฐานสำคัญที่พบในแห่งโบราณคดีของไทย ทุกภูมิภาคมีการสร้างตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แหล่งที่พบลูกปัดทางภาคเหนือบ้านวังไฮ จ.ลำพูน ภาคอีสานได้แก่ บ้านเชียง จ.อุดรธานี บ้านธารประสาท เนินอุโลก จ.นครราชสีมา ภาคกลางเมืองซับจำปา บ้านโป่งมะนาว บ้านท่าแค จ.ลพบุรี ดอนตาเพชร จ.กาญจนบุรี เมืองอู่ทอง จ.สุพรรรบุรี เมืองจันเสน จ.นครสวรรค์ เมืองตงละคร จ.นครนายก เมืองศรีมหาโพธิ์ เมืองศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี คลองท่อม จ.กระบี่ บ้านทุ่งตึก จ.พังงา ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เป็นลูกปัดที่นำเข้าจากประเทศอินเดีย อาณาจักรโรมัน ตั้งแต่ 3,000 ปี แสดงให้เห็นว่าในอดีตพื้นที่มีลูกปัดบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ เป็นศูนย์รวมการค้า เป็นท่าเรือที่มั่งคั่ง วัตถุที่สำคัญนำมาลูกปัดเช่น ศิลา สำริด ปูนปั้น ทำเป็นสัญลักษณ์ลูกปัด กำไล ต่างหู ขวด กระปุก ตลับ ภาชนะต่างๆ

ลูกปัดที่หายาก และทำขึ้นน้อย เพื่อมอบให้กับผู้นำ หรือบุคคลที่มีความสำคัญในยุคนั้นสมัยนั้น เป็นรูปสุริยเทพ จันทรเทพ ซึ่งมีความเชื่อกันว่าสรรพสิ่งสรรพสัตว์ในจักรวาลนี้ถ้าขาดเทพทั้งสององค์นี้ จักรวาลก็ต้องดับสูญหาย โบราณจึงได้ปั้นสร้างรูปลักษณ์ของเทพเจ้าขึ้นมา เพื่อบูชาขอพรให้ขจัดปัดเป่าภูตผีปีศาจ และให้เป็นผู้ที่ปราศจากโรคภัย ให้อายุยืน ให้ค้าขายเจริญรุ่งเรือง

รูปหน้าสุริยเทพ-จันทรเทพ จึงมีลักษณะแตกต่างกันไป ตามจินตนาการของช่างโบราณ ในยุคนั้นๆ บางหน้าก็มีแกะอักขระจารึกเป็นภาษา "พราหมี" หรือภาษาสันสกฤตซึ่งอ่านว่า "อขิทโร" แปลว่า "แข็งแรง ไม่อ่อนแอ"

ปัจจุบันหาชมได้ยากผู้ที่รอบรู้ศึกษาจากตำรับตำราค้นคว้ามาเป้นเวลาหลายปีคือ หลวงศักดิ์ วัดพรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งในปัจจุบันเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญ รอบรู้เกี่ยวกับเรื่องของลูกปัด เพราะท่านได้ศึกษาจากลายแทงตำรา จากผู้รู้ จากประสบการณ์และปาฏิหาริย์ ยินดีให้ความรู้ความเข้าใจเป็นวิทยาทานกับบุคคลทั่วไปที่อยากจะรู้ โทร.085-8880211

อีกท่านหนึ่งคือ ผู้ใหญ่เยิ้ม เรืองดิษฐ์ เป็นผู้ที่เก็บสะสมมาเป็นเวลาสิบปี ปัจจุบันถือว่าลูกปัดอยู่ในความครอบครองมากที่สุด จึงได้จัดสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาเพื่อให้ลูกปัดและของโปราณที่พบในประเทศไทย ไม่สูญหายออกไปนอกประเทศ ลูกหลาน เยาวชนรุ่นหลังจะได้ศึกษารู้ประวัติความเป็นมาของลูกปัดแต่ละอย่างแต่ละชนิด ยินดีให้ความรู้ ความเข้าใจ เป็นวิทยาทานเช่นกัน โทร. 081-7192691

ในสมัยก่อนนั้น ลูกปัด หิน แก้ว ยางไม้ อันเป็นของมหามงคล เป็นภูมิปัญญาคนโบราณ บ่งบอกถึงความตั้งใจ มีความอดทนมีสติปัญญา ทำสิ่งของที่เป็นมงคล บ่งบอกถึงความเชื่อ สื่อความหมายมาจนถึงปัจจุบัน ลูกปัดเป็นเครื่องประดับ เป็นเครื่องมงคล คนโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์นิยมนำมาสวมใส่เพื่อความสวยงามสวมใส่แล้วเกิดความสบายอกสบายใจ จะคิดทำอะไรก็ประสบความสำเร็จและถือว่าเป็นเครื่องรางนำโชค ป้องกันภูตผีปีศาจ ป้องกันของมีคม พิษของสัตว์ต่างๆมีความเชื่อกันว่าลูกปัดทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นหิน หรือแก้วหล่อ หรือยางไม้ ที่เรียกกันว่า "อำพัน" มาในปัจจุบันกลับกลายมาเป็นหิน เพราะอายุเวลาเป็นพันๆปี การปลุกเสก หรือบรรจุพระคาถาลงไปในลูกปัดนั้น มีความเชื่อกันว่าไม่น่าจะมี แต่มีความเชื่อว่าได้รับพลังจากจักรวาล คือ พระอาทิตย์และพระจันทร์ ซึ่งเป็นเทพเจ้าของสิ่งมีชีวิตในจักรวาล

ลูกปัดมีลักษณะ และสีแตกต่างกันไปแล้วแต่ความเชื่อของคนทำในสมัยโบราณ สื่อมาจนถึงปัจจุบันเท่าที่พบเห็นประมาณ 20 กว่าสี และมีความเชื่อกันว่าถ้าผู้ใดได้ครอบครองไม่ว่าสีอะไรก็แล้วแต่ หรือลักษณะใดใดก็ตาม ผู้นั้นจะเป็นคนไม่ตกทุกข์ได้ยากและแคล้วคลาดจากภัยพิบัติอันตรายทั้งปวง เช่นเกิดจาก ไฟ ลม ฟ้า อสรพิษ คนพาล โจร ขโมย ภูตผีปีศาจ และสัตว์เดรัจฉาน สิ่งที่ไม่เป็นมงคลทั้งปวง ป้องกันอันตราย เขี้ยว งา มีความเชื่อกันว่าทำให้ส่งเสริมบารมี อำนาจ ยศฐาบรรดาศักดิ์คงทน แก่กล้า พรั่งพร้อมไปด้วย ทรัพย์สินเงินทอง ของมีค่าจะหลั่งไหลมาโดยไม่คาดคิด แต่ผู้มีความรอบรู้ได้บอกกล่าวเล่ากันมาเป็นตำนานถึงปัจจุบันว่า ลูกปัดทุกแบบ ทุกลักษณะทุกเนื้อ มีเทวดาอารักษ์ปกป้อง รักษาอยู่ในลูกปัด ดังนั้น ผู้ที่สวมใส่นั้นควรที่จะทำบุญอุทิศผลบุญไปถึงทวยเทพ เทวดาอารักษ์ที่รักษา และอธิษฐานให้สมความปรารถนาในสิ่งที่คิด ในสิ่งที่ปรารถนา ผู้ที่ครอบครองลูกปัด ก็จะไม่ตกทุกข์ได้ยาก ไร้ทรัพย์ อับปัญญา

ขอบคุณข้อมูลจาก:พิพิธภัณฑ์หาดทรายแก้ว(ขออนุญาตแก้ไขตัวอักษรบางคำ เนื่องจากตัวพิมพ์ไม่ถูกต้อง)

 

(good)นี่นะตาลุงเพชร ใครเห็นก็ไม่รู้ว่าจริงหรือปลอม เพราะลูกนี้ปราบคนที่ไม่รู้จริงให้มองข้ามไป ในขณะเดียวกันที่มองว่าจริงก็ไม่ได้เห็น ถ้าเห็นก่อนท่านเพชรก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ ชิมิ ชิมิ แต่ถ้ามาเข้าชุดที่ลุงไฟสูบแกห้อยวันนั้นนะ กระผ้มว่าสวยนะ

 

555555 ลุงไฟดูดทำเป็นลืมไปได้ อย่าลืมสร้อยทวารวดีของผมนะ หุ...หุ...เอามาเข้าชุดกัน ตั้งใจมาดูของในงาน แต่รอของพี่ไฟดูด sure กว่ากันเยอะเลย เอาของต่างยุคไว้ด้วยกัน มันแหม่งๆกันครับ...

ผู้ไม่รู้มีอาการเป็นอย่างลุงไฟดูดบอกไว้จริงๆ บ้างบอกว่ารู้ได้ยังไงว่าเป็นของเก่า ของแบบนี้มีวิธีเช็คครับ เป็นความลับ!! สนใจต้องใฝ่รู้ ค้นหาไปก็จะทราบเองครับ จะให้มาบอกทุกอย่าง ทำไมไม่บอกให้เราซื้อให้ ทำสร้อยให้ แล้วเลี่ยมให้ขึ้นคอซะเลยฟ่ะ โอ้โห!! เคี้ยวเอื้องให้ไปเลยดีไม๊!! เหมือนพวกพระหน้าวัง ต้องให้พาไปเจอแหล่ง มันถึงจะเชื่อ ขนาดบอกว่า ให้ไปดูที่วัดภูค่าว มันก็ยังตะแบง หุ..หุ..ต้องถามมันว่า ใครเขาจ้างให้พวกมันเชื่อฟ่ะ อยากโง่ก็ปล่อยให้โง่กันไป บอกไม่ต่ำกว่า ๓ ครั้งแล้ว ลุงอ.จ.กูรูน้องนู๋ปาดเหงื่อบอกเพียง ๒ ครั้งก็เหนื่อยแล้ว บอกว่า ช่างมัน อยากโง่ก็ปล่อยมัน...

 

สวย จริงๆครับ ลุง อ.เพชร ว่าไปแล้วต้องผู้เชี่ยวชาญจริงๆถึงเข้าใจครับ สุริยเทพ นี่มี2แบบครับ แบบเขียนสีแล้ว เผาไฟอ่อนๆให้ ละลายแบบนี้ หรืออีกแบบคือนำแก้วสีมาวางลายแล้ว เผาครับ คนไม่ทราบอีกเยอะครับ ว่าแต่ ลุงเพชร นี่ชอบ แบบมีเจ้าของเดิมทั้งน้านนนาครับ หุ หุ

 

งั้นมา โชว์ ลุง อ.เพชร กับ ลุงไฟสูบครับ คาร์นิเลี่ยนเก่า จาก สุราษฎธานี อายุน้อยครับ ไม่กี่พันปีเองครับ ดีปล่าวแรง ปล่าวครับ หุ หุ