วิเคราะห์เรื่องเด็กชายปลาบู่และภัยพิบัติ พ.ศ. 2555 - 2556

น่ากลัวจังนะคะ
ทำบุญสร้างกุศลเอาไว้ดีกว่า
ถ้าภัยพิบัติมาถึงจะเป็นตายยังไงคงขึ้นอยู่กับบุญแล้วล่ะ ^^

 

ทางฝ้ายที่เขาทำเขาก็ออกมายอมรับอยู่ไม่ใช้เหรอครับ >>>ถามเอาความรู้นะครับ

 

คนที่ไม่เชื่อแต่เป็นคน ทำบุญ ทาน ศีล ภาวนาก็มีครับ แต่ไม่ได้งมงายเชื่อ 1000 เปอร์เซนต์ขนาดคุณ ^^ .. ไม่ได้อยากอ้างเรื่องการแบ่งภาคมาเกิดนะครับ แต่ปลาบู่เคยเป็น รัชกาลที่ 5 นี้ .. ซุย 100 เปอร์เซนครับ

 

...หากเคยดูสารคดีที่นักเขียนมีชื่อชาวอเมริกันวิเคราะห์และทำเป็นภาพยนตร์
...เป็นเรื่องที่แหกตาชาวโลก จริงๆโดย ประธานาธิบดีบุช (ลูกชาย) และ บุช(ตัวพ่อ)
...นักเขียนคนนี้สงสัยในหลายๆประเด็น เป็นเรื่องคนรวยมีอำนาจสมคบคิดกันแหกตาชาวโลกและชาวอเมริกันเอง
...ครอบครัวบินลาเดน ทำการค้าน้ำมันกับ บุช(ผู้พ่อ)มายาวนานแล้วสนิทกันเหมือนครอบครัวก็ว่าได้
...สรุปสร้างความเข้าใจผิดให้บุคคลแล้วยึดแหล่งน้ำมันดิบเป็นของพวกตนเอง
...ภาพยนตร์เรื่องนี้วิเคราะห์ได้ชัดเจนมากและก็น่าเป็นไปได้ด้วย
...มีการไปสัมภาษณ์ทหารหนุ่มที่ไปรบในอีรัค ทหารบางคนทนไม่ได้ว่าทำไมต้องฆ่าพลเมืองอีรัคเหล่านั้นโดยไร้เหตุผล
...ภาพยนตร์เรื่องนี้ trues ช่อง 42 เคยนำมาฉายเมื่อเดือนที่แล้วเป็นหนังที่ให้โลกมองอีกมุมมองหนึ่งโดยนักวิเคราะห์ชาวอเมริกันเองลงทุนสร้างเป็นภาพยนตร์กึ่งสารคดี

 

...เป็นพุทธแท้ อย่ากลัวครับกับภัยพวกนี้...

...พุทธทำนาย 16 ประการ...

พระพุทธเจ้าของเราก็ได้ทำนายไว้ เหมือนกันครับ

...คนมีศีลธรรม คนดี อยู่ได้ไม่ต้องกลัวครับ...โดยเฉพาะชาวพลังจิตทุกคน...ปลอดภัยครับ...

 

เรื่องราว ตำนานแต่ละท้องถิ่นมีมากจริง ๆ ท่านลองไปอาศัยสอบถามแต่ละภูิมิภาคของประเทศนี้จะได้เรื่อง 100 แปดพัน 9 จริง ๆ

 

หากอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราไม่สามารถไปยับยั้งมันได้หรอกค่ะ
สิ่งที่ควรทำคือ ทำดี อย่าทำชั่ว ปฏิบัติตนให้อยุ่ในศิล ในธรรม
อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปทำเรื่องเลวร้ายให้สังคนวุ้นวายไปกว่าจนถึง
วินาทีสุดท้ายของโลก เกิดมาเป็นคนทั้งที จงสร้างความดีสืบไว้
ทุกอย่างเมื่อมีเกิดก็ต้อง มีดับ เป็นของธรรมดา ปลง เสีย เถิด
สาธุ

 

มีข่าวครับพี่น้อง ตอนนี่เกิดเเผ่นดินใหวที่พม่าเเล้วนะครับ ไปดูในเวปกรมอุตุนิยมวิทยานใด้นะครับมันกำลังใกล้เข้ามาเเล้วนะครับ

 

อยากให้ทุกคนช่วยสวดมนต์พระคาถาชินบัญชร และสวดคำแปลของพระคาถากรณียเมตตปริตรอย่างน้อยวันละ 1 จบ ก็ยังดีครับ

 

- กุลบุตรผู้ฉลาด พึงกระทำกิจที่พระอริยเจ้าผู้บรรลุแล้วซึ่ง
พระนิพพานอันเป็นที่สงบระงับได้กระทำแล้ว,

- กุลบุตรนั้งพึงเป็นผู้องอาจ ซื่อตรงและประพฤติตรงดี เป็นผู้ที่ว่าง่ายสอนง่าย อ่อนโยน ไม่มีมานะอันยิ่ง,

- เป็นผู้สันโดษยินดีในสิ่งที่ตนมีอยู่ เป็นผู้เลี้ยงง่าย เป็นผู้มีกิจธุระน้อย เป็นผู้ประพฤติทำให้กายและจิตเบา,

- มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อันสงบนิ่ง มีปัญญาฆ่ากิเลส เป็นผู้ไม่คะนอง กาย วาจา ใจ และไม่พัวพันในสกุลทั้งหลาย,

-ไม่พึงกระทำกรรมที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายติเตียน
ผู้อื่นว่าทำแล้วไม่ดี,

- พึงแผ่เมตตาจิตว่า ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นผู้มีสุข
มีจิตเกาะพระนิพพานแดนอันพ้นจากภัยทั้งหลาย
และจงเป็นผู้ทำตนให้ถึงความสุขทุกเมื่อเถิด,

-ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงทั้งหมดโดยไม่มีเหลือ ทั้งที่มีตัณหาเครื่องทำใจให้สะดุ้งอยู่ และผู้มั่นคงคือไม่มีตัณหาแล้ว ทั้งที่มีกาย
ยาว ใหญ่ปานกลาง หรือกายสั้น หรือผอม อ้วน เป็นผู้ที่เราเห็นแล้วก็ดี ไม่ได้เห็นก็ดี อยู่ในที่ไกลหรือในที่ไม่ไกล ทั้งที่เกิดมาในโลกนี้แล้ว
และที่ยังกำลังแสวงหาภพเป็นที่เกิดอยู่ดี จงเป็นเป็นผู้ทำตนให้ถึงความสุขเถิด,

- สัตว์อื่นอย่าพึงรังแกข่มเหงสัตว์อื่น อย่าพึงดูหมิ่นใครในที่ใด ๆ เลย,

- ไม่ควรปรารถนาให้กันและกันมีความทุกข์ เพราะความกริ้วโกรธ และเพราะความเคียดแค้นกันเลย,

- มารดาย่อมตามรักษาบุตรคนเดียวผู้เกิดในตน ด้วยชีวิต ฉันใด,

- กุลบุตรพึงเจริญเมตตาจิตในใจไม่มีประมาณ ในสัตว์ทั้งปวงทั้งหลายแม้ฉันนั้น,

- บุคคลพึงเจริญเมตตาให้มีในใจไม่มีประมาณ ไปในโลกทั้งสิ้น,

- ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องขวาง การเจริญเมตตาจิตนี้เป็นธรรมอันไม่แคบ ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู,

- ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น จะยืนอยู่ก็ดี เดินไปก็ดี นั่งอยู่ก็ดี นอนอยู่ก็ดี เป็นผู้ปราศจากความง่วงเพียงใด,

- ก็สามารถตั้งสติไว้ได้เพียงนั้น บัณฑิตทั้งหลายกล่าวถึงกิริยาอย่างนี้ว่า เป็นการเจริญพรหมวิหารในศาสนานี้,

- บุคคลผู้ที่มีเมตตา ไม่เข้าถึงความเห็นผิด เป็นผู้มีศีล ถึงพร้อมแล้วด้วยความเห็นคือปัญญา,

- นำความหมกมุ่นในกามทั้งหลายออกได้แล้ว ย่อมไม่เข้าถึงความเข้าไปนอนในครรภ์เพื่อเกิดอีกโดยแท้แล ฯ

พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ
พุทธัง อนันตัง ธัมมัง จักกะวาลัง สังฆัง นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ

( สวด คาถาข้างล่างด้วยครับ )

 

ส่วนตัวแล้ว ไม่ค่อยเชื่อ เรื่องเด็กชาย ปลาบู่ สักเท่าไหร่ และคิดว่าคงไม่เกิด เพราะมีการเตือนแล้ว ถ้าไม่เตือนจะเกิด เพราะธรรมชาติ ย่อมไม่ยอมให้ใครรู้ล่วงหน้า เมื่อใดที่มีการประมาท ภัยพิบัติ ย่อมเกิดที่นั่น เหมือนๆ กับคำทำนายหลายๆครั้งที่ออกมาเตือนยิ่งมีการระบุ เวลา สถานที่ ยิ่งไม่เกิด แต่จะเกิดก็ต่อเมื่อเราลืมเหตุเตือนนั้นไปแล้ว จนเกิดความประมาท
เหมือนกับที่หลายๆท่านทำนายว่า ปีสองปีก่อน จะมีหิมะตก น้ำจะท่วมกรุง แต่ก็ไม่เกิดในปีตามที่ทำนาย แต่เมื่อเราลืมหรือปรามาสคำทำนายนั้น ว่าลมๆแล้งๆ เมื่อใด มีโอกาสเกิดแน่ครับ ธรรมชาติ ย่อมไม่ยอมให้ใครรู้ตัวหรอกครับ เผลอเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้นครับ

 

จริงๆก็เชื่ออยู่แล้วเรื่องภัยพิบัติ

แต่อาจจะคิดสวนกระแสชาวบ้านเขานิดนึง
คืออยากเป็นคนในกลุ่มที่ไม่รอด
เพราะรู้สึกเหนื่อยกับการรบกับโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่

เคยลองนึกภาพว่าถ้าตัวเองรอดก็จริง
แต่ไม่แน่ใจว่า..
นั่นจะทำให้มีความสุขกายสบายใจจริงๆเหรอ
อันนี้ - หมายถึงเฉพาะกับตัวเองคนเดียวเท่านั้น(ไม่เกี่ยวกับใคร)

เพราะสำหรับคนที่ร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรง..ไม่ค่อย OKเนี่ย
การจะอยู่หรือไป น่าจะมีนัยยะไม่ต่างกันสักเท่าไหร่

แต่ถ้าเลือกได้...ขอไป...ดีกว่าขอรอดจากภัยพิบัติ

ก็ตั้งแต่เริ่มคิดแบบนี้...ก็ไม่มีความเครียดเรื่องภัยพิบัติแล้ว
(เมื่อก่อนก็เครียดกับเรื่องนี้เหมือนคนอื่นๆ)
ประมาณอย่างที่เขาบอกไว้นั่นแหละ
ที่บอกว่าให้(ฝึก)เตรียมตัวตายก่อนตายจริง
มาจนเดี๋ยวนี้...ปล่อยแล้ววาง(ความเครียดเรื่องภัยพิบัติ)
ออกไปได้เยอะเลย รู้สึกโล่งอกและโล่งใจอย่างมากๆๆๆ

ไม่มีอะไรให้ยึดติดอีกต่อไป
เพราะขนาดร่างกายตัวเอง
ยังไม่อาจจะไว้ใจได้เล๊ย
เดี๋ยวเจ็บเดี๋ยวป่วยบ่อยๆก็เลยปลงกับชีวิตได้ไว

เลยอาจจะมองสวนกระแสเรื่องภัยพิบัติเขาอยู่บ้าง
ตรงที่ไม่คิดอยากจะรอดจากภัยพิบัติแฮะ

 

เหลือเวลาอีก 16 วันครับ

 

หากเขื่อนภูมิพลแตก
ถ้าจะวิเคราะห์ดูจากข้อมูลตามlink http://www.oknation.net/blog/print.php?id=498680
เขื่อนนี้อยู่ จ. ตาก ตอนบน
1. ระยะเวลาที่น้ำจากเขื่อนนี้จะลงมาถึงกรุงเทพ
น่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วันนะ ดูจากแผนภูมิ กว่าน้ำจะมาถึงนครสวรรค์ที่เป็นตอนเหนือของภาคกลางตอนบนยังต้องใช้เวลาตั้ง 4 วัน หรือ 100 ชม ยังไงกรุงเทพก็อพยพหนีทันแน่นอนครับไม่ใช่ว่าเขื่อนแตกแล้วน้ำทั้งหมดจะมาท่วมกรุงเทพในบัดดล
2. ความสูงของน้ำที่จะมาถึง
จะเห็นว่า เมื่อน้ำท่วมไปถึงนครสวรรค์ ความสูงของน้ำมีแค่ 2 เมตรเอง ซึ่งเป็นภาคกลางตอนบนกว่าจะมาถึงกรุงเทพที่เป็นภาคกลางตอนใต้สุด ยังไงน้ำก็ท่วมได้ไม่ถึงพอที่จะทำอะไรกรุงเทพได้เลย อาจจะเหลือระดับน้ำอย่างมากแค่เข่าเองมั๊ง ถึงมาจริงก็ยังหนีทันน่าจะ 7 วันขึ้นไปนะกว่าจะถึง
ดังนั้นหากบอกว่า กรุงเทพจมน้ำเพราะเขื่อนภูมิพลแตกจึงไม่ใช่ น้ำหนักอ่อนไป แล้วกรุงเทพมีประตูน้ำ คันกั้นน้ำ มีการผันน้ำไปจังหวัดอื่นทำเป็นจังหวัดแก้มลิงของกรุงเทพอีก

แต่ถ้าบอกว่ากรุงเทพจมดินจมน้ำเพราะเหตอื่นๆ อันนั้นไม่รู้ เพราะเห็นเขาพูดถึงแต่เขื่อนนี้เป็นหลัก

 

ผมวิเคราะห์ว่าเราจะไดเจอกับภัยน้ำเค็มท่วมมากกว่า

 

(เขียนวันที่ 17 ธค. 54)

ที่จะพูดนี้ ไม่ได้หมายถึงคำทำนายของเด็กชายปลาบู่ ปลาหลด ปลาไหล หรือของใครอะไรทั้งนั้น และคนพูดก็ไม่ได้มียาน (ญาณ) มีหย่อนอะไร

แต่จะพูดกว้างๆ ว่า การจะดูแนวโน้มของอนาคต ส่วนหนึ่ง ก็อาศัยการติดตามข่าวสาร สถานการณ์บ้านเมืองจากสื่อต่างๆ แล้วมาต่อยอด คิด วิเคราะห์เอาก็ได้ แบบคิดวิทย์ ไม่คิดไสย์ จะพบว่า อะไรๆ มันร้อยต่อกันเป็นลูกโซ่

เช่น ตั้งแต่ปี 2553 เริ่มมีภัยธรรมชาติต่างๆ นาๆ เกิดขึ้นทั่วไป กับหลายประเทศมาเรื่อย จนมาถึง ปี 2554 ไทยแลนด์น้ำท่วมใหญ่ แม้กระทั่งในกรุงอย่างที่ไม่เคยเจอะเจอ มาหลายสิบปี

ต่อจากน้ำท่วมขังนานๆ ก็ ค่อนข้างแน่นอน ภัยดิน เพราะอะไร ก็เพราะมวล หรือเนื่อดิน พอมันแช่น้ำนานๆ มันก็เปื่อยยุ่ย การเกาะตัวก็แย่ลง ดินเลยเลื่อน ไหล ตลิ่งทรุด ตลิ่งยุบ

ซึ่งก็จริง ตอนนี้ถ้าติดตามข่าว ทางภาคกลาง แถวอยุธยา อ่างทอง ดินยุบ ตลิ่งพัง

ส่วนเรื่องแผ่นดินไหว ก็ดูเอา ตอนนี้มีการไหวเล็กๆ บ้าง กลางๆ (แต่ลึกลงไปในดินเยอะ หลักสิบกิโล) เกิดขึ้นหลายที่ทั่วโลก

ยิ่งแถวพม่า ยิ่งไหวถี่ ก็มีแนวโน้มเชื่อมต่อมาถึงทางเหนือของไทย ซึ่งมีรอยเลื่อนแผ่นดินไหวเยอะแยะอยู่แล้วตรงนั้น

เรื่องแผ่นดินไหว หลายที่ทั่วโลก มันก็โยงมาถึงเรื่องคลื่นยักษ์อีก เพราะแผ่นดินโลกบางจุด ของบางประเทศ มันมีลักษณะ มุด ซ้อน และเกยกันอยู่ ถ้าผืนดินเขย่า มันก็กระทบถึงใต้ท้องทะเล แล้วทำให้เกิดคลื่นยักษ์ใต้ทะเล ซัดเข้าหาฝั่งได้

ทางเรื่องภูเขาไฟระเบิดบ้าง ก็คือพอแผ่นดินไหว ข้างล่างเขย่าเรื่อยๆ เข้า มันก็ส่งผลถึงระบบการเดินเครื่องใต้ชั้นดินลึกๆ ของแมกม่า แล้วก็พวยพุ่งทะลุปล่องออกมาเป็นลาวาไหลเนืองนอง

เรื่องฝนตกหนัก พายุก่อตัวมากกว่าเก่า ก็มาจากน้ำแข็งขนาดหมึมา ตั้งหน้าตั้งตาละลายมาตั้งแต่ต้นศตวรรษ จากของแข็ง พอเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว คือจากน้ำแข็งเป็นน้ำ มันก็ต้องเข้าสู่วงจรธรรมดาของธรรมชาติ นั่นคือ ระเหยกลายเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นสู่อากาศ แล้วตกลงมาเป็นฝน

แต่ถ้า อากาศร้อนปะทะอากาศเย็น ก็เกิดเป็นพายุ ซึ่งมาแพ็คคู่ ทั้งลมทั้งฝน อันนี้ก็เป็นผลพวง จากน้ำแข็งละลาย แปรสภาพกลายเป็นฝน แล้วตกลงมาเป็นน้ำใส่แผ่นดินอีก

ทั้งหมดทั้งมวล มันก็เป็นฉะนี้<!-- google_ad_section_end -->



เรื่องเขื่อนจะแตกรึไม่แตก ก็อย่างที่บอกว่า ช่วงที่ผ่านมา จนถึงช่วงนี้ (ธค. 54) แผ่นดินไหวบ่อย เช่น แถวพม่า ซึ่งมีแนวร่องเชื่อมต่อกับภาคเหนือ และภาคตะวันตกของไทย

บังเอิญว่า ทั้ง 2 ภาค มีรอยเลื่อนแผ่นดินไหว ที่ยังขับเคลื่อนอยู่ รึเรียกกันว่า เป็นรอยเลื่อนมีพลัง อยู่หลายรอย

กับที่บังเอิญเข้าไปอีก คือ มีเขื่อนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทั้ง 2 ภาค และบางเขื่อน สร้างทับอยู่บนรอยเลื่อนแผ่นดินไหว

โอกาสที่เขื่อนจะชำรุด อาจเป็นได้ ถ้ามีแผ่นดินไหวแรงกว่า 7 ริกเตอร์ เขย่านานๆ เป็นนาทีขึ้นไปแถวนั้น

และโอกาสที่แผ่นดินจะไหวขนาดนั้น ตรงนั้น ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ ก็ตอบเลยว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ยกเว้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย

การใช้คำพูดว่า รับรอง ยืนยัน ฟันธง การันตี ไม่มีทางเด็ดขาด รึ เอาอยู่

ถือว่า ประมาท

ส่วนช่วงเวลาที่เขื่อนจะแตก การบอกกันโต้งๆ ชี้กันชัดๆ ว่าวันนั้นวันนี้ เวลานั้น วินาทีนี้ ทำไม่ได้

เพราะอาจจะเป็นสิ้นปี 2012 ต่อเนื่องต้นปี 2013 รึอีก 200 ปีข้างหน้าก็ได้

มันเป็นเรื่องการคลิกกันอย่างสอดคล้อง ของปัจจัยหลายอย่าง ที่บังเอิญมาสอดรับกันอย่างลงตัว พอดิบพอดี<!-- google_ad_section_end -->


<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

แล้วท่านทราบไหมว่า ก่อนมาเป็นเด็กชายปลาบู่ เขาเป็นใครมาก่อน มีใครทราบบ้างครับผม​

 

คุณลุงทองใบคำสี แกบอกว่า....

ปลาบู่ เกิดวันพฤหัส ตอน 02.00 น. วันที่ 23 ตค. 2511



ผมเอาไปตรวจสอบ ปรากฏว่า

เกิดวันอังคาร ตอน 02.00 น. วันที่ 23 ตค. 2511


อ้างอิง
http://www.payakorn.com/astroresult.php


ข้อมูลของลุกแก....ไม่ถูกต้องหลายเรื่อง เช่น

-อ้างว่า เด็กชายปลาบู่ เป็นพระศรีอาริย์
คนส่วนใหญ่ เชื่อศรัทธาพระศรีอาริย์ เป็นองค์เดียวกันกับหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่
ไม่น่าจะใช่ เด็กชายปลาบู่ ที่เกิดร่วมสมัยกับหลวงปู่ดู่ อย่างที่ลุงแกเอามาอ้าง

-อ้างว่า เด็กชายปลาบู่ เป็นรัชกาลที่1 รัชกาลที่5
ข้อมูลไม่ตรงกันกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และครูบาอาจารย์หลายท่าน ผมเชื่อพระเกจิฯอาจารย์ มากกว่าเชื่อลุงแกนะครับ


สาเหตุ เพราะลุงแก พูดจาเหมือนคนเมาเหล้า พูดจาเพ้อเจ้อ พร่ำเพรื่อ ท่าทางไม่สำรวม พูดจาไม่เหมือนคนถือศีลภาวนาอยู่วัดฯ

สรุป ข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ