พระเครื่องในคอผู้เฒ่าประจำบ้าน.. น.๔๘๙ สุดยอดแห่งแดนใต้..

ตอนนี้ได้ข่าวใน กทม เริ่มซื้ออาหารตุนกันแล้วครับตามห้างดังๆของเกลิ้ยงเลยครับท่า กทมท่วมเละแน่ผมจะเอารถไปจอดไหนหนอคิดแล้วเครียดมิคิดดีกว่าเป็นกำลังใจให้พี่ๆเพือนๆน้องๆทุกๆท่านนะครับ

 

ดูข่าวน้ำท่วมแล้วเครียดเลยเอาพระมาถามแก้เครียด3องค์ครับ เหรียญพระพุทธบาท วัดอนงค์ ของพุฒาจารณ์นวม ใช่ไหมครับ

 

อ่านแล้วแค้นมากๆครับ ถ้าเป็นจริง ใจมันหมา มากๆ เห็นความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นทางหารายได้ของมัน เลวจริงๆ เมื่อไหร่มันจะโดนกวาดลงน้ำให้ตายๆไปให้หมดไอ้คนพวกนี้

อีสองอาทิตย์ เหตุการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายแล้วครับ อดทนกันหน่อยสำหรับผู้ที่ประสบภัย(แม่ผมด้วย) ถ้าผ่านสองอาทิตย์ที่จะถึงไปได้ ก็จะคลายตัวลง

ส่วนภาคใต้นั้น เดือนพฤศจิกายน ธันวาคม อาจจะโดนพายุลูกใหญ่อย่างน้อยหนึ่งลูก อาจจะทำให้น้ำท่วมได้

พยากรณ์อากาศโดย นัน สวนพลู ครับ

พี่ตี๋โดนแก้วบาดที่เท้า ตอนลุยน้ำไปเอากาต้มน้ำไฟฟ้า เสียเลือดมากจนเป็นลม เพราะต้องเดินจากพื้นที่ ที่โดนแก้วบาด ออกมาตรงที่น้ำแห้งเป็นกิโล รุนแรงจริงๆครับ เป็นกำลังใจให้ครับพี่ อย่างเพิ่งท้อ อย่าให้แผลที่เย็บโดนน้ำ เดี๋ยวจะติดเชื้อครับ และที่ทำงานของพี่ตี๋ก็อาจจะโดนน้ำท่วมไปแล้วละมั้งครับ

เหตุการณ์ปีนี้ ผมให้ชื่อว่า ซึนามิน้ำจืด เพราะไม่ว่าจะเป็นอะไรที่มากันน้ำ พังหมด กั้นยังไงก็ไม่อยู่ บางทีก็ต้องปล่อยให้ท่วมกรุงเทพบ้าง เพื่อให้น้ำในอยุธยาลดระดับลง ไม่งั้นก็จะเป็นอยู่อย่างนี้นานมากๆ น้ำอาจล้นกำแพงกันน้ำในกรุงเทพมาท่วมบ้านเรือนก็เป็นได้ครับ

 

วันนี้นัดอาจารย์ที่สอนผมดูพระ(แกเป็นกรรมการประกวดพระเก่า)ไปเดินสนามพระพญาไม้ เพื่อให้ผมได้ทดลองเรื่องพระวัดประสาท เดินส่องพระกับแก คนรู้จักในสนามพระแกเยอะจริงๆ และก็ไปพบรักกับหลวงพ่อจง วัดประสาท ปี 06 ไม่ค่อยสวย แต่ด้วยที่อยากได้องค์ครู และอาจารย์แนะนำ มีหลวงปู่ทวด วัดประสาทพิมพ์ต้อ ปี 06 กับหลวงพ่อจง ผมก็กัดฟันเช่าหลวงพ่อจง มาเป็นครูหนึ่งองค์ เนื้อกระเทาะหน่อย แต่ก็เห็นส่วนผสมของเนื้อ แล้วก็สอนวิธีดูวัดปราสาทด้วยของจริง แตกต่างกับของปลอมอย่างสิ้นเชิง ได้ความรู้มาเต็มๆ พัฒนาชีวิตตัวเองขึ้นไปอีกหน่อย แต่ก็เสียค่าครูด้วยการเช่าหลวงพ่อจง วัดปราสาทมาเป็นต้นแบบ ส่วนปี 05 หาทั้งสนามก็ไม่เจอ มัวแต่อ่านหนังสือ ก็จะได้แค่ในหนังสือ ไม่ได้เจอของจริง การดูบางอย่าง หนังสือบอกเราได้ แต่นึกภาพไม่ออก เดี๋ยวจะถ่ายรูปมาให้ชมกัน และมีคำอธิบายแบ่งปันความรู้ครับ

 

เห็นข่าวน้ำท่วมแล้วหดหู่ใจจริง น่าเห็นใจนายกฯหญิงนะ เวลาพูดออกโทรทัศน์ตาก็เหล่ไปข้าง เนื่องจากต้องดูโพยที่พวกให้ดู จัดฉากอย่างไรก็ยังเห็นได้อยู่ดี พูดไม่เก่ง ก็ขอให้ทำงานเก่ง ก็ยังดีครับ ชีวิตของคนไทยทุกคนไม่ใช่เรื่องที่ทำกันเล่น ๆ ครับ อย่างไรก็คิดโครงการป้องกันน้ำท่วม แบบถาวร ดีกว่า มานั่งถลุงงบในแต่ละปี ๆ รวยกันอยู่พวกเดียว คือพวกนักการเมือง และผู้บริหารในระดับสูง ในระดับอำเภอ และจังหวัด คิดแล้วปล่อยให้น้ำท่วมดีกว่า รวยกว่ากันเยอะเลย ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็จะขาดเหตุผลถลุงเงินงบประมาณ ไปอีกหนึ่ง สงสารพี่น้องคนไทยทุกท่านครับ

 

ล่าสุด นายประภัตร โพธสุธน ส.ส.สุพรรณบุรี (บรรหารบุรี) ออกมาขอความเห็นใจคนนครปฐม เพื่อจะระบายน้ำที่ท่วมจากสุพรรณบุรี ลงแม่น้ำท่าจีนมาที่นครปฐม ผมอยากจะบอกว่าคนนครปฐม ให้ระบายน้ำมาได้อยู่แล้วครับ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องคนไทยด้วยกัน แต่ได้ข่าวมาว่า คนอยุธยา ชัยนาท และจังหวัดใกล้เคียง อย่างอ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี ใคร ๆ ก็รู้อยู่ว่า เมืองบรรหารบุรี ไม่ยอมให้น้ำผ่านไปที่จังหวัดของตัวเอง กลัวจะท่วมบึงฉวาก ของหลงจู๊บรรหาร ทำให้น้ำยังท่วมจังหวัดใกล้เคียง ไม่ยอมลดลงซักที ถ้าลองมันปล่อยให้น้ำเข้าบึงฉวากได้ น้ำจากจังหวัดใกล้เคียงจะยุบลงทันที เบื่อจริง ๆ ไอ้พวกนักการเมืองตอแหลพวกนี้ พูดเอาดีเข้าตัวทั้งนั้น ไม่เชื่อลองดู TV ช่อง Thai PBS ก็จะรู้ความจริง

 

ขอบคุณมากครับคุณนัน รอชมด้วยคนครับ

 

น้ำจ่ออยู่หน้าประตูบ้าน ขนของเตรียมพร้อม เล่นเอาเหนื่อย เตรียมตัวไว้แล้วครับอย่างไรก็คงมาในเร็วๆนี้ "สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา"ขอให้มีสติพร้อมแก้ปัญหาน้ำท่วมครับพี่น้อง

มาดูของสวยๆงามๆอีกชิ้น ยังไม่พ้นเรื่องเรื่อง งา กันครับ "สิงห์งาแกะกรอบกระจก"หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ แท้ของตรู อีกชิ้นครับ

<O

 

เนื้อฉ่ำเก่าสวยเชียวนะ รอยแตกแยกเป็นธรรมชาติจัง

 

เขาฉวยวิกฤตให้เป็นโอกาสนานๆมีที เวรกรรมมีจริงครับเขาต้องชดใช้แน่

แล้วคุณตี๋เย็บไปกี่เข็มครับ ที่สำคัญแผลที่เท้าจะหายยากเพราะต้องใช้เดินใช้กำลังบริเวณนั้นตลอดเวลา

 

THE Killer And Devil

ถ้าคิดจริง ทำจริงอย่างที่ว่า เพื่อจะได้กินงบ(อาจม) เห็นความทุกข์ของพี่น้องเป็นช่องทางงาบจริงแล้วก็ พวกนี้ก็ไม่ต่างจาก......ไม่รู้จะเอาอะไรมาเทียบได้ ถ้าไม่จริงก็แล้วไปขอให้จำเริญๆ แล้วกัน พวกที่ที่เราเลือกเข้าไป แล้วหลงเรียกตัวเองว่าผู้ทรงเกียรติในสภา ทั้งที่การกระทำบางครั้งไร้ซึ่งเกียรติด้วยซ้ำ ชาวนาที่นั่งอยู่ในห้างนายังมีเกียรติสูงส่งกว่าย่งนัก ปลูกข้าวให้พวก..กินทุกวัน ท่านอดุลย์และทุกๆท่านปลอดภัยถ้วนหน้าน๊ะครับ น้ำท่วมว่าลึก แต่ไม่ลึกเท่าใจหมานุษย์ ที่รอคอยเสวยสุข บนความทุกข์ของพี่น้องประชาชน เฮ่อ...และขอบคุณทุกท่านที่ได้ให้ความรู้เรื่องหลวงพ่อต่างๆครับ

 

เมื่อวานไปแจกอาหารผู้ประสบภัยน้ำท่วมและโฆษณาขอรับบริจาคเงินเพื่อนำไปเลี้ยงอาหารผู้ประสบภัย คนไทยไม่เคยทิ้งกันครับ บ้านผมท่วมบ้านเขาท่วม ทุกข์เหมือนกันแต่เราหยิบความสุขให้เขา บางเวลาพูดออกไมค์ไปมันตื้นตันใจที่เห็นเขานำเงินมาช่วยเราเพื่อเราไปช่วยเขาอีกต่อหนึ่งครับ

 

โอ้โฮ..ถ้าเป็นจริงตามที่ว่า บัดซบสิ้นดี(ขออภัยที่หยาบคาย) แค่นี้ก็เดือดร้อนกันหนักหนาอยู่แล้ว ยังจะมาซ้ำเติมกันอีก เพียงเพื่อหวังได้หน้า และหาเศษหาเลย...

 

อยากมีแท้ของตรูแบบนี้บ้างจังเลย555

 

เยี่ยมครับพี่ คนไทยไม่เคยทิ้งกันอยู่แล้วครับ

 

รอชมอยู่จร้าๆๆ คุณนันท์....

 

สวัสดีตอนเช้าครับพี่ๆน้องๆที่เคารพทุกท่าน....

แม่น้ำปิงยังเยอะอยู่จริงดังที่พี่หน่องว่าครับ...โทรสอบถามน้องสาวที่อยู่กำแพงแล้ว ก็ได้คำตอบเดียวกันครับ....
น้ำในเขื่อนที่ตากยังเยอะอยู่ครับ...กำลังทะยอยปล่อยลงมาเรื่อยๆ...ตาก เองก็ท่วมครับ...ปีนี้น้ำเยอะจริงๆ...เิิกิดมา ๔๔ ปี...โตมากับแม่น้ำ...ยืนยันไปได้เลยครับว่า...เยอะมากกกกกกก....

สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ผมเคยพบสมัยเด็กๆ....
ผมโตที่บ้านบางแก้ว เขตติดต่อ บ้านแสนตอ ของกำแพง.....
น้ำปิงท่วมตลิ่งทั่วตลาดบางแก้ว...แต่ก็เพียงทำให้ปากน้ำโพท่วมแค่เข่า....
ปีนี้...บางแก้วบ้านผมก็ท่วมแค่ปิ่มๆตลาด...แต่บรรพตของพี่หน่องปาเข้าไปครึ่งเอว...ปากน้ำโพเสริมคันดินสูงเกือบชั้นที่หนึ่งของตึกแถว...เอาแถบไม่อยู่...ยังมีน้ำทะลักเข้าปากน้ำโพจนได้....

แม่น้ำปิงสูงขึ้น...หรือปากน้ำโพทรุดตัวลง...ไม่รู้ข้อเท็จจริง....

สมัยก่อน...ไม่มีถนนสูง ไม่มีตึกรามบ้านช่องสมัยใหม่ดังทุกวันนี้...
ฤดูน้ำหลาก...น้ำจะหลากทั่งทุ่งและท่า...คือมาเต็มพื้นที่...
บ้านใต้ถุนสูง...น้ำรอดผ่านสบายๆ...นาข้าวจมนี้ก่อนฤดูเกี่ยว...
ชาวบ้านกินปลากันเพื่อยังชีพ...(สมัยนี้กินมาม่า ฮ่าๆๆๆๆ)...
หน้าน้ำหลากในสมัยผมเด็กๆ...เมื่อเทียบกับวันนี้...มันช่างต่างกันจริงๆ....

หรือแม้กระทั้งสมัยผมอยู่บ้านปากเกร็ด...ปี ๒๕๒๑-ปี ๒๕๓๑ ...ฤดูน้ำหลาก กันยาและตุลา ในทุกๆปี...ก็ไม่เคยเห็นภาพเหมือนทุกวันนี้....

ผมมีเรือพายเล็กๆ ๑ ลำ...คันเบ็ดหนึ่งคัน...ตั๊กแตนหาตามกอผักบุ้งริมน้ำ...
พายเรือเข้าไปบริเวณกอหญ้าคา หญ้าขน ที่จมน้ำ..."ตกปลาหมอ" ...
สนุกทุกปีที่น้ำท่วม....

วิถีชีวิตคนไทยเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ...
พี่ๆน้องๆที่เคารพทุกคน...คงเคยสังเกตุความเปลี่ยนแปลงนี้รอบๆตัวเหมือนผมนะครับ....


ปีนี้...เยอะกว่าปีที่แล้ว...แล้วปีหน้าล่ะ...?????
เมื่อก่อน...น้ำท่วมสูง...๕-๖ ปีจะเจอสักครั้ง....
แต่ ๒ ปีที่ผ่านมา (รวมปีนี้ด้วย)...ผมชักลังเลใจแล้วครับ...

จริงๆแล้ว...ปีหน้าอาจจะไม่เจอพายุเยอะแบบสองปีที่ผ่านมาก็ได้...เพราะธรรมชาติมันไม่แน่นอน...
แต่ใครที่เจอน้ำท่วม ๒ ปีซ้อน...คงต้องคิดหนักครับ...
โดยเฉพาะท่านที่อยู่ริมน้ำหรือใกล้ริมน้ำ...รวมถึงท่านที่อยู่ในตัวเมืองที่เป็นแอ่งกระทะของหุบเขาที่เป็นแนวน้ำธรรมชาิติด้วย...

น้ำหลากสองฝั่งปากน้ำโพ ที่สูงเกินปกติ...เหตุเพราะน้ำถูกทำให้ไหลมารวมกันที่เดียว ซึ่งจากเดิม มันจะหลากรวมทั้งทุ่งและท่า...
ตอนนี้...ทุ่งสบาย...แต่ท่าจะเยอะขึ้นครับ...
ดังนั้น...ผู้ที่อยู่ริมน้ำตอนบนจะเสี่ยงสูงขึ้น...
และเช่นเดียวกัน...ผู้ที่อยู่กลางทุ่งแถบลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุม นนท์...จะจมน้ำอยู่นานพักหนึ่ง...ก่อนน้ำจะถูกดันลงทะเลหมดครับ....

ฝนน้อย ก็ไม่ดี...ฝนมาก ก็ไม่ดีอีก...
หวังว่าเมืองไทยคงค้นพบวิธีป้องกันที่ทำให้คนไทยได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติลดลงครับ....

สาธุ สาธุ สาธุ...

 

ดูจากภาพน่าสนุก...แต่คงไม่สนุกใช่มั๊ยครับพี่หน่อง....
บรรพตคงจมไม่เกิน ๒ สัปดาห์ครับ...แต่อยุธยา คงอ่วมครับ...

น้ำเมื่อถึงปากทาง...ไหลช้าลงครับ...
ชาวบ้านที่อยู่ริมน้ำ...เคยชินกับสภาพนี้ครับ...ท่านทิพย์น่าจะเห็นด้วยกับผม...
แต่หากเป็นหมู่บ้านจัดสรร ที่น้ำทะลักเข้าไปท่วมแบบป้องกันตัวเองไม่ได้...คงระกำอ่ะครับ...ข้าวข้องเครื่องใช้เสียหาย...รถยนต์ต้องหาที่สูงจอดชั่วคราว...
น่าเหนื่อยครับ...

เห็นข่าวนิคมฯโรจนะจมน้ำ...ทั้งผู้ประกอบการ ทั้งลูกจ้าง...คงตกที่นั่งลำบากพอๆกันครับ

อดทน...สู้สู้ ครับ....

 

พอดีอ่านเจอบทความนี้ เลยเก็บมาให้อ่านกัน

เขียนโดย"เปลวสีเงิน"

-------------------------------------------------------------

เอาเถอะ...ถึง "อัศวินขี่ม้าขาว" เพื่อประเทศจะสูญพันธุ์ แต่ก็ยังพอมี "อัศวินสีกากี" อย่าง "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ติดบ้าน-ติดเมืองอยู่บ้าง ประเทศชาติก็คงยังไม่ถึงกับสิ้นหวังไปทุกด้านหรอก ในยุคที่ยาเสพติดใกล้กลืนชาติ และก่อนที่ท่านจะเกษียณ ช่วยรับภาระ "ปราบยาเสพติด" ชโลมใจแล้งประชาชนสักงานไม่ได้หรือ ถึงการปราบเป็นการแก้ปลายเหตุก็เถอะ ในภาวะที่ไม่มีใครแยแสคิด "แก้ต้นเหตุ" กันเลย ท่านก็ช่วยทำหน้าที่ "ดายหญ้า" เป็นกตเวทิตาคุณแก่แผ่นดินเถิด
ระยะนี้ ยิ่งคนกลุ่มน้อยในพม่าทำศึก พวกเขาก็ยิ่งผลิต ยิ่งกระจายสินค้ายาเสพติดเข้าไทย เพื่อเอาเงินไปเป็นทุนต่อสู้ และยิ่งประเทศเราไม่มีนโยบายทำชายแดนให้เป็นชุมชนเมือง ความเป็นป่า ไร้ผู้-ไร้คน ภูมิประเทศเลยกลายเป็น "เส้นทางสะดวก" ในการลำเลียงสินค้าสู่ตลาด
ก็แก้ปลายเหตุกันไปวันๆ อย่างนี้แหละ เข้ามาล้าน จับได้ร้อย-ได้แสน ที่เหลืออีก ๘-๙ แสน กระจายเต็มบ้าน-เต็มเมืองในแต่ละวัน รวมๆ แล้ว ปีๆ หนึ่งยาเสพติดทั้งประเภท ผงขาว ยาบ้า ฝิ่น ยาอี กี่หมื่น-กี่แสนตัน เป็นสินค้าธุรกิจนอกระบบสร้างรายได้ให้ขบวนการกี่หมื่น-กี่แสนล้านก็ไม่ทราบ
โดยที่รัฐนอกจากไม่ได้อะไรเลยซักบาทแล้ว ยังต้องเสียงบประมาณ เสียกำลังคน และเสียผู้-เสียคน อันเป็นทรัพยากรบุคคลของชาติไปมากมายมหาศาล ถ้าคิดแล้วจะตกใจ สงครามโลกทิ้งระเบิดปรมาณูคนตายเป็นแสน-เป็นล้าน ยังไม่สูญเสียต่ออนาคตชาติร้ายแรงเท่า "บัดซบ ๓ สิ่ง" ที่หมักหมมคาชาติขณะนี้
๑.ยาเสพติด
๒.คอรัปชั่น และ
๓.ข้าราชการ-นักการเมืองเลว
เอาละ...ทิ้งไว้แค่นี้ก่อน ทั้ง ๓ เรื่องนี้ แค่ปราบไม่จบ ต้อง "ปฏิวัติสังคมชาติ" รื้อคน-รื้อระบบกันใหม่นั่นแหละ ถึงจบ แม้ไม่จบ แต่สามารถควบคุม "เชื้อชั่ว" ไม่ให้ขยายตัวทำลายสังคมชาติได้ แต่ถ้าไม่คิดรื้อแล้วสร้างสิ่งใหม่ เพื่อปลุกสังคมให้ตื่น เป็นแต่เพียง "ขยับไม้เรียว" แล้วเคี่ยวชาติไปวันๆ
อย่าคิดว่า "อวสานชาติ" จะไม่เป็นจริง!
ยังไม่อยากคุยอะไรมาก วันนี้ผมหาเรื่องสบายๆ มาให้ท่านอ่านคลายเครียดกันบ้าง คุณ Chanpinawan Albert ส่งอีเมล์เรื่องดังต่อไปนี้มาให้ แล้วถามว่า "เคยอ่านหรือยังคะ" ก็ยังไม่เคยอ่าน ฉะนั้น ท่านก็มาอ่านพร้อมๆ กันไปเลย ดังต่อไปนี้
พ.ศ.๒๕๕๕
ผืนน้ำกลืนกินผืนดิน
หลวงปู่สรวง (เทวดาเล่นดิน) พูดถึงภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้ พอดีผมเพิ่งได้ซื้อหนังสือรวมเล่ม ประวัติของหลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล มาเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว บอกตามตรงเมื่อก่อนผมไม่เคยรู้จัก "หลวงปู่สรวง" แต่พอดีวันนี้ไปเดินซื้อหนังสือเล่น เจอหนังสือเล่มนี้น่าสนใจดีเลยซื้อมา
และที่วันนี้มาตั้งกระทู้นี้ก็เพราะว่า ผมก็อ่านหนังสือเล่มนี้ไปตามปกติ แต่ยังอ่านไม่จบ วันนี้อ่านไปเจอตอนหนึ่งที่คิดว่าตรงกับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันมากๆ เป็นที่น่าแปลกใจ จึงนำข้อความจากหนังสือมาให้เพื่อนสมาชิกได้อ่านกันครับ เรื่องเล่าเกี่ยวกับภัยพิบัตินี้ เป็นคำบอกเล่าจากพระครูจันทธรรมานุโยค (ลมัย จันทโร) เจ้าอาวาสวัดโคกตาเขียว อ.สังขละ จ.สุรินทร์ ซึ่งท่านได้เมตตาเล่าให้ทางนิตยสารลานโพธิ์ถึงเรื่องต่างๆ แต่ผมขอยกเรื่องที่ท่านเคยได้ยิน "หลวงปู่สรวง" พูดถึงเรื่องภัยพิบัติมาดังนี้
ประมาณปี 2541 หลวงปู่สรวงท่านแวะมาที่วัดของหลวงพ่อลมัยในช่วงเข้าพรรษา และก่อนท่านจะจากไป ท่านพูดเป็นภาษาเขมรกับหลวงพ่อลมัยว่า
<!--coloro:#006400--><!--/coloro-->"พ.ศ. 2550 ถึง 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรมจะล้มตายมาก ส่วนคนดีมีศีลธรรมจะอยู่รอดปลอดภัยได้"
ต่อไปนี้ พ.ศ. 2555 คนเก่งอยู่ในเมืองไทย อยู่ที่ไหนก็ตามแต่ มุมไหนก็แล้วแต่ พ่อ-แม่-ญาติพี่น้อง ไม่ต้องสู้ จะตายหมด น้ำทะเลตีข้างล่างได้ครึ่งโลกแล้ว ไม่ใช่ครึ่งประเทศนะ ครึ่งโลกแล้ว มาบอกให้หยุดนะ ไม่ต้องอยากชนะกัน ให้ออกไป อย่ามีเวร อย่ามีกรรม
ครั้งที่สองบอกอีก เป็นภาษาเขมรว่า ให้ออกก่อน "พวกที่ทำลายศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ออกไปก่อน นางนาคเป่าน้ำ น้ำทะเลเต็มไปหมด" ให้มันไปแต่พวกนี้ ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ กลับเข้ามาก็ตีท่วมภูเขา มีทั้งดินมีทั้งโคลน
"พวกทำไม่ดีตายหมด"<!--colorc--><!--/colorc--> แกว่า...เทวดาตัดสินเอง เจ้ากรรมนายเวรตัดสินเอง หลวงพ่อไม่กลัว (หลวงปู่สรวง) แล้วก็ไม่หนีด้วย หลวงพ่อนี่ในตัวสังขละ ท่านสร้างมาหลายวัดเหมือนกัน ไปอยู่ที่นั่น เขาเอาระเบิดเข้าไป สามปีมอบตัวกันหมด ที่ถนนดินแดงหลวงพ่อก็ไป"
ถาม - ที่หลวงปู่สรวงพูดหมายความว่ายังไง?
ตอบ - แปลว่า ไม่ต้องกลัว 2555 นางนาคเป่าน้ำ ท่วมทั้งน้ำทั้งดิน ตายวอดวาย คนที่ไม่ดีตายหมด คนดีไม่ตาย "คนดีมันเป็น ไม่ตายจะรอด"
ท่านบอกให้คอยดู แต่มาเป่า นี่มันปี 2547-2550 ไม่ใช่สึนามินะ นางนาคสิเป่า ปี 55 แถวเราน้ำไม่มี เขาว่านางนาคเอาขึ้นข้างบน สามวันสามคืนก็เป็นลูกเห็บ ลูกที่หนึ่ง ลูกที่สอง ถูกใครตายระเนระนาด อย่าให้ถึงขนาดนั้น "คนดีไม่ตาย"
แกว่างั้นนะ ถ้าคนมีศีลห้าไม่ถูก ก็เราไม่ได้กบฏพระเจ้าอยู่หัว คนที่กบฏ คนที่อยากชนะ ผืนแผ่นดินนี้ตายแน่ จะยึดแผ่นดินเป็นหลักแค่นั้นแหละ ปีนี้นาคไม่ขึ้นที่หนองคาย นาคไม่ขึ้น
หลวงปู่สรวง ท่านละสังขารเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2542 (ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง) สรีระสังขารของท่านตั้งอยู่ที่ศาลาออยเตียนสรูล วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
ประวัติสังเขปหลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล
ออยเตียนสรูล เป็นภาษาเขมร แปลว่า ให้ทานความสุข ซึ่งความหมายของคำนี้คือหลวงปู่สรวงท่านเป็นผู้ให้ ให้แก่ลูกหลาน ลูกศิษย์ ทุกคนที่ผ่านมาในชีวิตท่าน ท่านให้ได้ทุกอย่าง ทรัพย์สินเงินทองที่มีผู้ถวายท่าน ท่านไม่เคยเก็บเป็นสมบัติส่วนตัว ท่านจะให้แก่คนที่ท่านเห็นว่าเขาควรจะได้ โดยที่ไม่มีกำหนดแน่นอนว่าจะเป็นใคร
และที่สำคัญท่านให้ความสุขกับผู้มีความทุกข์ แล้วมาหาท่าน หรือแม้แต่ผู้ที่แค่นึกถึงชื่อท่าน ท่านก็เผื่อแผ่พลังเมตตานั้นมาช่วยให้เขาคนนั้นคลายทุกข์ได้ ถ้าไม่เนื่องด้วยความทุกข์นั้นเกิดจากกฎแห่งกรรมแล้วท่านก็จะช่วยเสมอ นี่แหละคือที่มาของฉายาท่าน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อีกบทความหนึ่งโดยผู้เขียนท่านเดียวกัน.......

หลวงปู่เพ็ง พุทธธัมโม เป็นพระลูกชายของหลวงปู่บัว สิริปุณโณ ท่านก็เคยพูดไว้ เมื่อตอนที่อดีตนายกรัฐมนตรีมหาเศรษฐีนายทุนกำลังหาเสียงเลือกตั้ง ตอนนั้นท่านมาพักที่บ้าน ท่านเรียกเข้ามาดูทีวี แล้วชี้ไปที่นายทุนคนนั้น ท่านบอกว่า
"มึงจำคำกูไว้นะ ไอ้คนนี้ เมื่อไหร่ที่ไอ้คนนี้ขึ้นมาครองเมือง เมื่อนั้นคนจะตายเป็นเบือยังกับใบไม้ร่วง และไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย จะเป็นไปทั่วโลก เพราะว่าฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมันมาเจอกันพอดี๊พอดี"

ท่านว่าอย่างนั้น และเมื่อนายทุนรายนั้นขึ้นเป็นนายกฯ ครั้งแรก ก็ทราบว่า ที่อเมริกาก็ จอร์จ ดับเบิลยูบุช อังกฤษก็ โทนี แบลร์ ก็รู้สึกว่าบ้าอำนาจพอๆ กัน

ทีนี้หลวงปู่ท่านก็พูดอีกว่า "ไอ้คนนี้มันบ้าอำนาจ มันจะพยายามหาคนมาแทนพระสังฆราช จ้างก็ไม่มีทาง มันช่างไม่รู้เอาเสียเลย ว่าพระสังฆราชกว่าจะมาเป็นได้นั้นมาจากไหน หวังจะล้มพระเจ้าแผ่นดิน เมินเสียเถอะ กว่าจะมาได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เขาคัดเลือกมาเพื่อคู่กันกับพระสังฆราชแล้ว"

ตอนนั้นผู้เขียนก็กราบเรียนถามท่านถึงเรื่องนี้ ท่านเมตตาเล่าให้ฟังจนจบ ไม่ขอเล่าตรงนี้มันยาว และเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมาย
ต่อจากนั้นท่านก็พูดอีกว่า "น้ำจะท่วมเมืองทั่วโลก เพราะเขาเริ่มคัดคน มันเป็นทีของพวกนาคแล้ว ทีใครทีมัน เมื่อก่อนหากมีเรื่องใครตาย ใครเป็น ใครเจ็บ จะมีลมพัดมาเรียกว่า ลมส่า (ภาษาอีสานเรียกว่าส่า ภาษาไทยหมายถึง ลมกระพือข่าว) คือเทวดาเขาส่งข่าว และถ้าดีเทวดาก็จะดูแลรักษา แต่ไม่ดีก็ไม่รักษา

แต่คนปัจจุบันนี้หาดียากมากและไม่ค่อยสนเทวดา มันว่ามันเก่งกว่าเทวดา เทวดาเลยไม่สนคนเหมือนกัน เรื่องของมึงเรื่องของกู ทีนี้คนก็เป็นเหมือน "คน" จริงๆ คนกันอยู่นั่นแหละ คนเท่าไหร่ก็ไม่ทั่ว มีแต่เรื่องราวให้ตีแตกแยกแยะกัน พวกมึงเร่งทำบุญภาวนาเข้า พวกมึงจึงจะรอด"
"ต้องทำยังไงบ้างหลวงปู่"
"มันจะยากอะไรก็ให้รักษาศีล ข้อไหนที่มันขาดก็เอาใหม่ เริ่มต้นเสียแต่เดี๋ยวนี้ ข้อไหนพร่องหย่อนยานไปก็ให้ดึงให้มันตึงเข้าไว้ ในที่สุดมันก็จะเข้าใจและรักษาได้สบายๆ แล้วก็ทำบุญไป อย่าไปขัดบุญใคร บุญเราก็เร่งทำของเราไป ภาวนาไปด้วย"
"ภาวนาอย่างไรบ้างปู่ อยากได้แบบลัดๆ"
"คนสมัยนี้ความดีมันไม่ค่อยอยากทำ แต่พออยากได้ มันก็อยากได้ลัดๆ เลย"
"ก็มันไม่มีเวลาแล้ว ขอได้ไหมปู่"
"มึงพอไหว เริ่มเข้าเดี๋ยวนี้ ชำระสิ่งชั่วจากใจเดี๋ยวนี้เลยนะ รู้ไหมว่าจะมีน้ำท่วมใหญ่ เขาคัดคน เขาบอกว่าโลกจะแตกนั้น มันไม่ใช่แตกดังโป๊ะเหมือนลูกโป่งนะ มันค่อยๆ แตกทีละน้อยๆ คือเลือกคนนั่นแหละ"
"คนที่ทำบุญจะรอดไหมปู่"
"รอด คนมีศีลมีธรรมเท่านั้นจึงจะรอด พยายามกันเข้า มันจะแย่ไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่คนนั้นขึ้นครองเมือง การสู้รบตบมือมากมาย และมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ให้ดูไว้นะ ข้าวจะยากหมากจะแพง...จนถึงปี 2555 วิกฤติสุด"
ตอนนั้นผู้เขียนไม่อยากจะเชื่อ จนกระทั่งมีช่วงหนึ่งอาหารการกินขึ้นราคาแพงหมด ท่านพยากรณ์เอาไว้ก่อนท่านมรณภาพ 2 ปี หลังจากนั้นก็เป็นตามที่ท่านพูดทุกอย่าง และตอนนั้นท่านพูดถึงการบาดเจ็บของหลวงพ่อคูณด้วย และก็เป็นจริงว่าหลวงปู่จะถูกรถชน (รถชนกัน หลวงพ่อคูณอยู่ในรถตู้) ก็รถชนกันจริงๆ ซึ่งถือว่าท่านมีญาณอนาคตบอกลูกหลาน

อีกครั้งหนึ่ง เคยไปกราบหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม ท่านบอกกับผู้เขียนว่า น้ำจะท่วมใหญ่ให้รีบทำบุญ
"เมื่อน้ำท่วมจะมีกองถั่วอยู่ 4 กอง กองที่ 1 จะไหลไปกับน้ำอย่างรวดเร็ว หายไปเลย กองที่ 2 จะไหลไปกับน้ำ บางเมล็ดก็จะสามารถเกาะเกี่ยวอยู่ได้รอดจากน้ำ แต่ก็ร่อแร่เต็มที กองที่ 3 จะกระทบเพียงเล็กน้อย เพราะสงสารกองที่ 2 เลยต้องอาสา กองที่ 4 ไม่กระทบกระเทือนใดๆ เลย"
"หลวงปู่กำลังหมายถึงว่ากองถั่วนั้นคือคนใช่ไหม"
"ใช่ "
"กองที่ 1 ไปทั้งคนทั้งบ้าน ทั้งรถ ทุกอย่างจมหายไปเลย"
"กองที่ 2 ไปบ้าง ก็รอดบ้างหรือคะ"
"ใช่ กองที่ 3 คือคนที่ปฏิบัติธรรม มีศีลธรรม กระทบเพียงเพื่อส่งสาร ขอความช่วยเหลือเขา ส่งข้าวส่งน้ำเท่านั้น"
"ถ้าอย่างนั้นกองที่ 4 ก็คือพระอริยเจ้าหรือเจ้าคะ"
"ถูกต้อง ไม่กระทบเลย แม้แต่ใจก็ไม่กระทบ"
ท่านว่าอย่างนั้น และเมื่อก่อนจะเกิดสึนามิ ท่านก็ยังบอกด้วยว่าเมื่อมารวมตัวเลย ในการเคยสร้างความชั่วเอาไว้ ก็จะเกิดขึ้นด้วยการรับกรรมร่วมกันอีกต่อไป

ท่านบอกต่อไปว่า ให้ท่องคาถา "วิรูปักเข" เอาไว้มากๆ มันเป็นทีของพวกสัตว์มีเขี้ยวทั้งหลาย งู ตะขาบ แมงป่อง ฯลฯ ท่านว่าอย่างนั้น มีพระอีกหลายรูปที่ท่านพูดเอาไว้ ส่วนใหญ่เป็นพระอริยะทั้งสิ้น จึงเชื่อ เพราะเห็นมากับตาแล้วมากมาย

 

เป็นกรรมครับครู...ฮ่าๆๆๆๆ
ดีที่ท่วมแป๊บเดี๋ยวครับ...

เหตุการณ์ที่ครูเล่า...เห็นภาพชัดครับ...เหตุเพราะเงิน....
ถึงแม้จะไม่ใช้การหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองนะครับ...

แต่เป็นการนำเงินรัฐฯ มาสร้างภาพให้ตนเองอ่ะครับ....
กรรมดี...ย่อมได้ดี...
กรรมชั่ว...เหมือนจะทำให้คนบางคนได้ดี...
แต่กรรมชั่ว ย่อมได้รับผลของกรรมแน่แท้อยู่แล้วครับ คงมิต้องไปรอดูวันที่เขารับกรรม ฮ่าๆๆๆๆ...