หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    แต่พระมเหศวรพิมพ์ใหญ่ เนื้อชินเงินองค์นี้ ผมนำมาให้ท่านพิจารณาเอาเองนะครับ เพราะมีสภาพขัดตาขัดใจเซียนเหลือเกิน และแน่นอนจะต้องขัดตาขัดใจตัวท่านเองด้วยเช่นกัน.... แต่จงเก็บไว้นะครับ แล้วท่านจะรู้ว่ามีค่าหรือไม่...

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    ขออนุโมทนาในความเมตตาของพ่อแม่ครูอาจารย์และท่านชาติด้วยนะครับ

    ความจริง กระแสบุญ กระแสธรรม ของเหล่านักรบธรรม และผู้เข้ามาศึกษาและติดตามพื้นที่เวบบอร์ดธรรมแห่งนี้ ล้วนมีความผูกพันธ์และเชื่อมโยงเป็นสายใยกันมาหลายภพหลายชาติ (ขอย้ำหลายภพหลายชาติ) มิได้บังเอิญในเหล่าพุทธวงศ์ การสร้างพระสร้างถาวรวัตถุกันมาก็หลายภพ เมื่อไม่ตัดเข้าพระนิพพานด้วยเหตุผลหลายประการทั้งปรารถนาพุทธภูมิ หรือแม้สาวกภูมิแต่บารมียังไม่เต็ม ก็ต้องย้อนกลับมาเก็บ มาสร้าง มาเพิ่มเติม และมาสืบต่อพระพุทธศาสนาตามจริตเก่าเรื่อยไป...

    ผมเหนื่อยมาหลายภพแล้ว เมื่อได้เวลาอันควร ผมจะละวางสิ่งทั้งหลายไว้เพื่อเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา เป็นสมบัติของโลก ผมจะไม่กลับมาเก็บ มาสร้างอีกต่อไป...ผู้ใดเห็นด้วยก็หมั่นพิจารณาและหมั่นปฏิบัติเอาเองนะครับ ตอนนี้ทุกคนมีหน้าที่เก็บรวบรวมก็ทำหน้าที่ควบคู่กันไปกับการปฏิบัติอย่าได้ขาด ตั้งจิตที่พระนิพพานอย่างเดียวเป็นอะกาลิโก แต่เป็นแบบสายกลางนะครับ


    มีก็รู้ว่ามี เป็นก็รู้ว่าเป็น เห็นก็รู้ว่าเห็น ทั้งสภาวะโลกและสภาวะธรรม ล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อยู่เช่นนั้นแล


    ขอเจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2011
  3. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    อนุโมทนาสาธุ ด้วยทุกประการ.....
     
  4. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    กระแสบุญ กระแสธรรม ในเชื้อสายเดียวกัน ย่อมส่งถึงกัน มิสามารถปิดกั้นกันได้ อย่าได้สงสัยและลังเลในบุญบารมีของตัวเองนะครับ เหล่ากองทัพนักรบธรรมจะมีจำนวนมากมายกว่าที่พวกเราคิดกันอีก (มากกว่าสมัยยันตระที่โด่งดังมาแล้วในอดีตนะครับ) ซึ่งจะเห็นปรากฏภายในไม่กี่ปีต่อแต่นี้ไป ผู้ที่รู้ตัวและเข้ามาก่อนในช่วงเวลานี้ ก็ล้วนเป็นแม่ทัพนายกองกันทั้งนั้น ก็ต้องเร่งสร้างบารมีกันได้แล้วนะครับ เวลาเหลือน้อย งานใหญ๋กำลังรออยู่ข้างหน้า...เมื่อถึงเวลา ฟ้าก็ปิดไม่อยู่... ขออนุโมทนาและจงเจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2011
  5. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    พระชุดนี้ครบเครื่องต้มยำกุ้งหลากหลายสีแห่งมวลสารมากๆครับ :cool:
    คนทางไกลหลากหลายสีแห่งผิว,ผม...ที่ใดหนอ...จักได้อัญพระบารมีท่าน? หึหึ
     
  6. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    เรียนตามตรงว่า...กิเลสบังเกิด หุหุ...ชอบมากๆครับ :cool:
    เวลาเห็นคนห้อยเดี่ยวพระมเหศวร ดูเท่ห์ สง่า และมาดมั่นมากๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  7. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    ผู้เคยเกี่ยวข้องหรือเคยร่วมสร้าง ย่อมมีความชอบที่จะได้รับเป็นพิเศษ ด้วยมีจำนวนจำกัด เมื่อถึงเวลาท่านย่อมเสด็จไปหาครับ
     
  8. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
     
  9. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    พระสมเด็จองค์ดำของผม
    พระสมเด็จองขาวของภรรยา(หวงมากครับ ผมขอห้อยก็ไม่ได้ครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      0 bytes
      เปิดดู:
      4,930
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2011
  10. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    จริตการอัญเชิญพระพิมพ์นั้นเป็นเรื่องของจริตนิสสัยของใครมัน บางคนชอบเดี่ยว บางคนชอบพวง บางคนเพราะศรัทธาในองค์อธิษฐานจิต บางคนศรัทธาในวัตถุธาตุ บางคนยึดเหนี่ยวทางพุทธะ,ธรรมะ,สังฆะ,เทวะ ฯลฯ เป็นต้น เราทำได้แต่เพียงการให้คำชี้แนะ ตามที่ครูอาจารย์ท่านสอนสั่ง
    กล่าวคือ การแขวนเดี่ยวถือเป็นอารมณ์เดียวในการยึดเหนี่ยวดวงจิตของเราสู่องค์พระ เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินเราได้พุ่งตรงสู่ท่านเพียงองค์เดียว การแขวนหลายองค์ก็เปรียบเหมือนเราเปิด TV หลายเครื่อง,หลายช่อง บางช่องก็ข่าว บางช่องก็ละคร บางช่องก็โฆษณา ฯลฯ เราจึงควรเปิดเพียงเครื่องเดียว ช่องเดียวซะ จะได้รับข้อมูลได้เต็มที่ตามสาระนั้นๆ
    สำหรับพระพิมพ์นั้นๆ ก็ควรหนักแน่น เชื่อมั่นศรัทธาในองค์ท่าน วัดใจกันไปเลย สำหรับพระที่พวกเราอัญเชิญอยู่นี้แขวนเดี่ยวได้ทุกองค์ ครอบจักรวาลทุกๆองค์ ก็อยู่ที่การอธิษฐานจิตขอให้ท่านเมตตาสงเคราะห์ไปในทางใด

    พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านบอกว่า เหตุสามีภรรยาทะเลาะกัน ไม่จำเป็นต้องแจ้งนายกฯหรอก ผู้ใหญ่บ้านก็ช่วยได้
    เปรียบดั่งเราอยากได้ลาภ ไม่จำเป็นต้องขอพรพระพุทธเจ้าหรอก เพียงพระอรหันต์คือพระสิวลีท่านก็ช่วยได้

    ปล: สำหรับผู้ชอบแขวนพระเยอะๆ ก็พยายามอย่าเลือกพระที่กระแสพลังท่านขัดแย้งกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2011
  11. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    เพิ่มเติมท่านสมบัติ อีกนิดหนึ่ง ช่วงนี้หน้าฝน ฝนกำลังตก ไม่รู้ว่าวันที่ 12 ส.ค. 54 ฝนจะตกหรือเปล่า แต่ไม่ว่าฝนจะตกหรือไม่ ย่อมไม่เป็นอุปสรรคสำหรับนักรบธรรมอย่างพวกเรา ทางนี้ก็กำลังเตรียมสถานที่ไว้ต้อนรับนักรบธรรมทุกท่านสู่ภูดานไห สิ่งที่ต้องเตรียมก็มีดังนี้
    1. เตรียมใจให้พร้อม
    2. เต้นท์ หากต้องการนอนชมบรรยากาศภูเขา หากเป็นเต้นท์ที่กันฝนได้ยิ่งดี (ถ้าไม่มีทางวัดมีไว้เต้นท์อยู่ 2 หลัง และของผมอีก 3 หลัง รวมเป็น 5 หลังครับ)
    3. ร่มกันฝน
    4. ชุดขึ้นภูเขา เช่น รองเท้าที่สวมสบาย เสื้อผ้าที่ทะมัดทะแมงหน่อย เพราะอาจจะนำพาท่านขึ้นชมภูเขารอบวัด เช่นท่านสมบัติไปมาแล้ว และอาจจะเลยไปถึงภูผาผึ้ง ที่ที่ซึ่งพ่อแม่ครูอาจารย์เคยไปพำนักก่อนมาที่ภูดานไหน ซึ่งท่านบอกว่าที่นั่นสวยงามมาก และที่สำคัญผมยังไม่เคยไปเลยครับ (อยากไปชมพร้อมกับนักรบธรรมทั้งหลาย)
    5. ส่วนดอกไม้ ธูป เทียน ผมเตรียมไว้แล้วครับ
    เมื่อใจมีธรรมอุปสรรคมีไว้สำหรับฝ่าฝัน อุปสรรค คือส่งทดสอบบารมีของเรา หากเราสามารถอุปสรรคทั้งหลายได้ แสดงว่าเรามีบารมีมาก.....บารมีมากหรือน้อยวัดที่ผลสำเร็จของงานเป็นที่ตั้ง....
    ... 12 ส.ค. 54 เจอกันที่บ้านผม (บ้านกุดหว้า) แล้วขึ้นไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ ด้วยกันนะครับ.... บุญกุศลเราไม่สร้าง แล้วจะให้ใครที่ไหนมาช่วยเราสร้าง.... ขอบคุณครับ
     
  12. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    555 พี่ชายอุเบกขานะครับ ผมก็มี 1 องค์ครับ สวยมากๆ:mad:
     
  13. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    เบญจภาคีเนื้อชินในดวงตราไปรษณียากร
    กฤษฎา พิณศรี
    คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์


    ปัจจุบัน ความนิยมในการสะสมพระพิมพ์ดูเหมือนจะกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของคนไทยและสังคมไทย อาจกล่าวได้ว่าผู้ให้ความสนใจสะสมพระพิมพ์นั้นมีแทรกอยู่ในแทบทุกวงการ ทุกสาขาอาชีพ

    ล่าสุด กระแสความนิยมดังกล่าวยังได้แพร่เข้าไปในแวดวงนักสะสมดวงตราไปรษณียากร จากการที่บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้จัดพิมพ์ดวงตราไปรษณียากรชุดพระพิมพ์เนื้อชินนำออกจำหน่ายเมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๔๘ ที่ผ่านมา นับเป็นดวงตราไปรษณียากรพระพิมพ์ชุดที่ ๒ ที่จัดทำขึ้นหลังจากชุดพระเบญจภาคีที่จัดทำครั้งแรกได้รับความนิยมอย่างสูง

    พระพิมพ์ที่ได้รับการคัดเลือกมาจัดพิมพ์ลงบนดวงตราไปรษณียากรครั้งนี้ ประกอบด้วย พระร่วงรางปืน พระลพบุรีหูยาน พระพุทธชินราชใบเสมา พระท่ากระดาน และพระมเหศวร หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ยอดขุนพลพระเนื้อชิน"

    พระเนื้อชินคือพระเครื่องที่สร้างด้วยโลหะผสม โดยมีตะกั่วเป็นวัสดุหลัก และมีโลหะอื่น เช่น ดีบุกผสม หากมีปริมาณตะกั่วอยู่มาก พระพิมพ์ที่ได้จะมีความอ่อนตัว บิดงอได้ง่าย เรียกว่า "ชินอ่อน" หรือ "ชินตะกั่ว" ถ้ามีดีบุกผสมอยู่มาก พระพิมพ์จะมีความแข็งมากกว่า ผิวเป็นประกายคล้ายโลหะเงิน จึงมักเรียกกันว่า "ชินกรอบ" หรือ "ชินเงิน"

    ในสมัยก่อน เมื่อพูดถึงพระเนื้อชินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในทางแคล้วคลาด คงกระพัน มักจะนึกถึงพระพิมพ์สามชนิดด้วยกัน คือ พระร่วงรางปืน พระลพบุรีหูยาน และพระท่ากระดาน ซึ่งถูกจัดให้เป็นชุด "ไตรภาคีแห่งอิทธิฤทธิ์"

    ต่อมา เมื่อกระแสของพระเบญจภาคี (ประกอบด้วยพระสมเด็จ ที่สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร พระนางพญา กรุวัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก พระลีลาเม็ดขนุน (หรือพระซุ้มกอ) กรุทุ่งเศรษฐี จังหวัดกำแพงเพชร พระรอด กรุวัดมหาวัน จังหวัดลำพูน และพระผงเกสรสุพรรณหรือพระผงสุพรรณ กรุพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี) ซึ่งถูกกำหนดขึ้นเมื่อราว พ.ศ.๒๔๙๗ โดยพลตรีประจญ กิตติประวัติ นักสะสมและนักเขียนเรื่องพระพิมพ์ที่รู้จักกันในนามปากกา "ตรียัมปวาย" ได้กลายเป็นที่ยอมรับและรู้จักแพร่หลาย จึงได้มีความพยายามในการจัดชุดพระพิมพ์ประเภทต่างๆ เป็นชุด ชุดละห้าองค์ เรียกว่า พระชุดเบญจภาคี เช่น เบญจภาคีพระปิดตาเนื้อโลหะ เบญจภาคีพระปิดตาเนื้อผง เบญจภาคีเหรียญเกจิอาจารย์

    รวมทั้งเบญจภาคีพระเนื้อชินที่นำมาพิมพ์ลงบนดวงตราไปรษณียากรชุดดังกล่าว โดยได้เพิ่มพระชินราชใบเสมาและพระมเหศวรเข้ารวมเป็นชุดห้าองค์

    [​IMG] พระร่วงรางปืน เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องในอิริยาบถยืนบนแท่นภายในซุ้มเรือนแก้ว พระหัตถ์ขวายกขึ้นระดับพระอุระ พระกรซ้ายทอดลงขนานกับลำพระองค์ แบหงายฝ่าพระหัตถ์ออกด้านหน้า เป็นกิริยาประทานพร ครองจีวรห่มคลุมบางแนบพระวรกาย ปรากฏเส้นขอบจีวรบริเวณรอบพระศอ และมีชายจีวรเป็นเส้นพลิ้วบางขนานกับพระองค์ตกลงมาเบื้องล่าง รายละเอียดของพระพักตร์ชัดเจน สีพระพักตร์ค่อนข้างเคร่งขรึม สวมศิราภรณ์ ได้แก่ กระบังหน้าและมงกุฎรูปกรวย หรือที่เรียกกันว่า "หมวกชีโบ" นุ่งสบง คาดด้วยรัดประคดที่มีการตกแต่งลวดลายคล้ายที่ปรากฏในศิลปะเขมรแบบบายน

    ที่มีชื่อเรียกว่า "พระร่วงรางปืน" หรือ "พระร่วงหลังรางปืน" เนื่องจากด้านหลังขององค์พระมีลักษณะเป็นร่องลึกยาว นับเป็นพระพิมพ์ที่นิยมเล่นหากันมาเป็นเวลานาน ทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นจักรพรรดิแห่งพระเนื้อชิน

    ประวัติการแตกกรุจากคำบอกเล่าและบันทึกต่อกันมาพอสรุปได้ว่า ราว พ.ศ.๒๔๙๐ เศษ (บ้างว่า พ.ศ.๒๔๙๓ บ้างก็ว่า พ.ศ.๒๔๙๙ ข้อมูลไม่ตรงกัน) ได้มีการลักลอบขุดเจาะพระปรางค์ประธานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย และพบพระร่วงรางปืนบรรจุอยู่ภายในไหโบราณจำนวนประมาณ ๒๐๐ - ๒๔๐ องค์

    กว่าครึ่งของพระพิมพ์ที่พบอยู่ในสภาพชำรุด

    พระร่วงรางปืนจัดเป็นพระพิมพ์สกุลช่างสุโขทัยที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะเขมรสมัยบายน หรือศิลปะแบบลพบุรี อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ เป็นพระพิมพ์เนื้อชินตะกั่วสนิมแดง เดิมจึงเรียกว่า "พระสนิมแดง"

    สันนิษฐานกันว่าคำเรียกขานพระพิมพ์ที่มีพุทธลักษณะเช่นนี้ว่า "พระร่วง" มีที่มาจาก "พระร่วงโรจนฤทธิ์ศรีอินทราทิตย์ธรรมโมภาสมหาวชิราวุธปูชนียบพิตร" ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้ปฏิสังขรณ์ขึ้นจากพระพุทธรูปที่ชำรุดเหลือเพียงพระเศียร พระหัตถ์ และพระบาท ที่ทรงได้มาจากเมืองศรีสัชนาลัย และนำมาประดิษฐานไว้ที่วิหารด้านทิศเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม

    เนื่องจากนักสะสมเห็นว่ามีพุทธลักษณะคล้ายคลึงกันกับพระสนิมแดง

    [​IMG] พระลพบุรีหูยาน เป็นพระพิมพ์ที่พบในหลายพื้นที่ที่ปรากฏอิทธิพลอารยธรรมเขมรสมัยบายน แต่ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุด คงได้แก่ที่พบบริเวณจังหวัดลพบุรี โดยเฉพาะจากกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

    ตามประวัติที่เล่าขานต่อกันมา พระลพบุรีหูยานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุถูกลักลอบนำขึ้นจากกรุครั้งแรกเมื่อราว พ.ศ.๒๔๖๐ (บ้างก็ว่า พ.ศ.๒๔๕๐) และครั้งที่สอง เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๘

    พุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัยบนฐานบัว ครองจีวรเรียบแนบพระวรกายจนดูคล้ายพระองค์เปลือยเปล่า มีสังฆาฏิพาดผ่านพระอังสาซ้าย ชายสังฆาฏิยาวจรดพระนาภี ปลายตัดตรง พระพักตร์สี่เหลี่ยมอวบอูม แสดงอาการแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย พระกรรณยาวจรดพระอังสา อันเป็นที่มาของชื่อ "พระหูยาน" หรือ "พระลพบุรีหูยาน" พระเกศาถักหรือเกล้าเป็นเส้นตั้ง ที่เรียกว่า "ผมหวี" พระอุทรนูนเล็กน้อยแบบ "ท้องหมู"

    จัดเป็นศิลปะเขมรสมัยหลังบายนหรือศิลปะแบบลพบุรี กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘

    [​IMG] พระพุทธชินราชใบเสมา พบในกรุพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก ขึ้นจากกรุครั้งแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๔๓ (หรือ พ.ศ.๒๔๔๐) ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    พุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิราบบนฐานบัวคว่ำ - บัวหงายอยู่ภายในซุ้มเรือนแก้ว พิมพ์ทรงโดยรวมคล้ายใบเสมา ครองจีวรห่มเฉียง มีสังฆาฏิพาดผ่านพระอังสาซ้าย ปลายสังฆาฏิยาวจรดพระอุทร พระพักตร์รูปไข่หรือผลมะตูม ลักษณะก้มต่ำเล็กน้อย ปรากฏรายละเอียดของพระขนง พระเนตร พระนาสิก และพระโอษฐ์ชัดเจน เม็ดพระเกศาเรียงชิดกันจนดูคล้ายพระเกศาเกล้าแบบที่เรียกว่า "ผมหวี" พระเกตุมาลามีขนาดค่อนข้างใหญ่ พระรัศมีเป็นรูปคล้ายเปลวไฟ

    ที่มีชื่อเรียก "พระพุทธชินราชใบเสมา" เนื่องจากนักสะสมส่วนใหญ่เชื่อว่าจำลองแบบมาจากพระพุทธชินราชที่ประดิษฐานเป็นประธานของวัด

    อย่างไรก็ดี พระพิมพ์นี้น่าจะได้รับอิทธิพลมาจากพระพิมพ์ตระกูล "ยอดขุนพล" ในศิลปะแบบลพบุรี เนื่องจากมีพุทธลักษณะที่คล้ายคลึงกันมากกว่า โดยเฉพาะลักษณะของซุ้ม ฐานบัว ตลอดจนพิมพ์ทรง สันนิษฐานว่า พระพุทธชินราชใบเสมาคงสร้างขึ้นพร้อมหรือในเวลาไล่เลี่ยกันกับการสร้างพระปรางค์ประธานของวัด ในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ

    เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐

    [​IMG] พระมเหศวร เป็นพระพิมพ์ที่ขึ้นจากกรุจากพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๖ ร่วมกับพระผงสุพรรณและพระพิมพ์อื่นๆ

    ลักษณะของพระมเหศวรเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิราบ ครองจีวรห่มเฉียง ปรากฏสังฆาฏิยาวพาดผ่านพระอังสาซ้าย ปลายจรดพระอุทร บริเวณด้านข้างพระเศียรมีเส้นขีดในแนวนอนที่อาจใช้ในความหมายถึงกิ่งก้านโพธิ์ ศิลปะแบบอู่ทองหรืออยุธยาตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐

    พระมเหศวรมีทั้งที่เป็นพระพิมพ์เนื้อชินเงินและชินตะกั่ว เดิมเรียกว่า "พระสวน" เนื่องจากองค์พระมีสองด้าน ลักษณะหันพระเศียรขึ้น - ลงสลับข้างกัน ซึ่งคงเกิดจากการแก้ปัญหาการหักของพระศอซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบาง โดยเมื่อนำมาประกบกัน พระศอจะอยู่ในตำแหน่งพระเพลาของพระอีกด้านหนึ่ง ทำให้ไม่แตกหักง่าย

    สันนิษฐานว่า แม่พิมพ์ของพระมเหศวรมีลักษณะแบบเบ้าประกบ มีเดือยอยู่ตรงกลางระหว่างองค์พระ บางองค์จึงยังมีรอยก้านชนวนให้เห็นอยู่

    สำหรับชื่อเรียก "พระมเหศวร" กล่าวกันว่ามาจากชื่อขุนโจรชื่อดังของเมืองสุพรรณในอดีต พร้อมทั้งแต่งเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ในด้านความคงกระพันประกอบ

    คงเพื่อสร้างจุดสนใจให้แก่พระพิมพ์นี้

    [​IMG]พระท่ากระดาน เป็นพระเนื้อตะกั่วสนิมแดง เดิมเรียกว่า "พระเกศบิดตาแดง" ถูกนำขึ้นจากกรุอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อราว พ.ศ.๒๔๖๔ ที่วัดท่ากระดาน (วัดกลาง) ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี และต่อมายังได้พบขึ้นจากกรุอื่นๆ อีก โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอศรีสวัสดิ์ เช่น กรุถ้ำลั่นทม กรุวัดล่าง (กรุใต้) กรุวัดบน (กรุเหนือ)

    พระที่ได้จากแหล่งดังกล่าวนิยมเรียกกันว่าพระกรุเก่า เนื่องจากเป็นพระที่ขุดได้ในช่วงแรกๆ ส่วนพระท่ากระดานที่ขุดพบระยะหลังในเขตอำเภอเมือง อำเภอลาดหญ้า อำเภอทองผาภูมิ เช่น กรุวัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) กรุวัดเขาชนไก่ กรุเขาฤาษี เรียกว่าพระกรุใหม่

    อย่างไรก็ดี ทั้งหมดล้วนเป็นพระพิมพ์ที่สร้างขึ้นในสมัยเดียวกัน

    ลักษณะของพระท่ากระดานเป็นพระพิมพ์แบบนูนสูง หลังเรียบ ศิลปะแบบอู่ทองหรืออยุธยาตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๐ พุทธลักษณะประทับนั่งขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย ครองจีวรห่มเฉียง มีสังฆาฏิเป็นแถบค่อนข้างหนา ยาวจรดพระอุทร พระรัศมียาวเรียว แต่เนื่องจากสภาพการถูกทับถมในกรุเป็นเวลานานทำให้ปลายรัศมีชำรุดหรือคดงอ จึงทำให้มีลักษณะต่างๆ กัน สีพระพักตร์ค่อนข้างเคร่งขรึม อันเป็นเอกลักษณ์ของพระในยุคนี้ ส่วนฐานเป็นแบบที่เรียกว่าฐานสำเภา
     
  14. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ชิชะ...! พักนี้พระเนื้อชินมาแรง หุหุ

    สงสัยต้องหายใจเข้าลึกๆบ่อยๆ ตั้งสติให้มั่นหนอๆ...หุหุ
     
  15. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    งานนี้...ไปกันประมาณสิบคนนิดๆ คงพอต้อนรับกันได้นะครับ :)
    รวมเพื่อนธรรมทางภูดานไหอีก อบอุ่นดีครับ :cool:

    ทราบมาว่า...เพื่อนผมได้ร่วมเป็นเจ้าภาพใหญ่ ซื้อเครื่องเสียงถวายประจำกุฏิพ่อแม่ครูอาจารย์
    ขอโมทนาสาธุด้วยครับ ขอให้โด่งดังไปทั่วสากลจักรวาลเลยเด๊อ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2011
  16. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]


    มาแล้วครับภาพมาทาง mail ของน้องสาวกธรรม1
    สงสัยเครื่องแรงไม่ค่อยถึงองค์ดำ จึง upload ไม่ขึ้นครับ :)

    ส่งท่านมาฝากไว้ที่แม่สอดก่อนดีมั๊ยครับ?
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  17. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    เนื่องจากกระทู้เราวิ่งไปเร็วมากๆ แต่ก็ไม่อยากให้อ่านผ่านกระทู้นี้ไปนะครับ
    สาธุๆ
     
  18. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    อ่า...โมทนาสาธุครับ :cool:
    ในภพนี้มีอะไรให้พวกเราช่วยบรรเทาความเหน็ดเหนื่อย...ก็อย่าได้เกรงใจกันนะครับ
     
  19. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    โปรดติดตามตอนต่อไปคร๊าบ...:cool:
     
  20. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    โลโก้เท่ห์มากๆเลยนะครับ.....ชอบครับ ใครกันนะคัดตัวนักรบธรรมได้ขนาดส่วนสูงเท่ากันดีแท้หนอ... หึหึ ต้องสลับตำแหน่งที่ 1กะ3 ถึงจะเหมาะนะครับ(ตามอาวุโส)

    หลวงปู่แก้ว ก็แค่อยากลองขออาราธนาบารมีท่าน เพราะอ่านประวัติคร่าวๆแล้วทึ่งครับ ครบเครื่องครบครันทีเดียวเชียว ถ้าลองอย่างที่ผมว่าเกรงว่าจะได้ลาภ2 ขาพาลพาให้ตบะแตกนะซี.....หึหึ:'(
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...