ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

พวกคุณที่ยังไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
จะรับรู้ว่าช่วงเวลานั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวโดยอัตโนมัติ เพราะไม่สามารถนึกภาพได้ว่า
จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรโดยปราศจากแสงสว่างไม่ว่าจะแสงสว่างจากอะไรก็ตาม
...เป็นระยะเวลาติดต่อกันยาวนานอย่างนั้น
แต่พวกเราก็ยังคงเน้นย้ำกับคุณว่า...มันจะมีแสงสว่างนะ
...แสงสว่างของตัวคุณเองไงล่ะ!!!
พวกคุณแต่ละคนที่ทำให้ตนเองหันกลับเข้าสู่ภายในได้ทุกคน
จะเข้ารวมตัวกับพลังงานของแสงสว่างซึ่งกำลังไหลเข้ามา “ผ่านช่องทางเข้า”


อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหายกลัว หายสังสัยเป็นปลิดทิ้ง ยิ้มออกเลยทีเดียว ซ้ำยังฝันถึงการทำให้ตัวเองมีแสงสว่างซึ่งเราได้เพิ่งโพสไว้ แต่คราวนี้จะเล่าให้ละเอียดเพื่อมีประโยชน์

ในฝันนั้น เราได้ไปอยู่ในสถานที่หนึ่ง ดูมืดๆ มั่วๆ เราสังเกตเห็นว่าสีตาของเรามันเริ่มสว่างขึ้น จากสีน้ำตาลเข้มเป็นน้ำตาลอ่อน เป็นเขียวอ่อน เปลี่ยนสีฟ้าอ่อนสว่างใส ในฝันรู้ทันทีว่าถ้าเราทำสมาธิมันจะสว่างมากขึ้น เราก็ทำสมาธิตามที่จิตรู้ แล้วมันก็สว่างเพิ่มขึ้นจริงๆ จากเฉพาะที่ตาก็ขยายมาเป็นทั้งศีรษะ แล้วค่อยๆ ขยายมาคลุมทั้งตัว ตอนที่ตัวเราเป็นสีฟ้าทั้งตัวนั้น รู้สึกว่าร่างกายเรามีสภาพกึ่งวัตถุกึ่งพลังงาน เหมือนหลอดไฟที่มีแค่แก้วใสกลมๆ บางๆ อยู่ข้างนอก ส่วนข้างในเป็นแสงไฟสว่าง ยิ่งเข้าสมาธิสูงเท่าไหร่ ยิ่งสว่าง พอลดระดับสมาธิลงมา แสงก็ลดลงมาด้วย แสงสีฟ้านั้นมันสว่างเฉพาะตัวเรา เหมือนตัวเราเรืองแสงได้ แต่ไม่มากพอที่จะเห็นอะไรรอบๆ ตัวได้ ก่อนออกจากสมาธิเราก็เจริญเมตตาเจโตวิมุติตามความเคยชิน แค่จิตนึกว่าจะเจริญอันนี้นะ ตัวเราฉายแสงออกมาเหมือนดวงอาทิตย์ สว่างมาก เห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจน พอออกจากสมาธิก็ตื่น

ป.ล.ขอขอบคุณคุณ Lady of Light ที่อุตสาห์เสียสละเวลาแปลมาให้อ่าน
ป.ล.ตัวสีฟ้าเหมือนในรูปเป๊ะแต่เป็นรูปร่างของเราเอง

 

คุณโซ่แปลได้ดี และ สละสลวยมากครับ
ขอบคุณคุณโซ่ด้วยเช่นกันครับ

.................................

 

ป้าด....พาดหัวตัวหย่ายมากกก สะดุดตา
ขอขอบคุณที่แปลมาค่ะ

 

ขอบคุณมากๆค่ะ หนูลองถามพระผู้สร้างแล้วท่านก็บอกทำนองนี้เหมือนกัน
ตอนนี้ก็รู้สึกดี และมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นเยอะแยะเลย

มีข่าวนาซ่าจะปล่อยกระสวยอวกาศลำสุดท้าย ก่อนปลดระวางโครงการ STS
เกี่ยวอะไรกับแผนการแลนดิ้งรึเปล่า รู้แต่ว่ามันใกล้เข้ามาแล้วละคะ

STS-135: The Last Shuttle Mission

 

เข้ามาแบบงงๆอ่ะค่ะ แต่จะพยายามทำความเข้าใจ เพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่... หามานานแร่ะ กำลังจะเจอคำตอบจากกระทู้นี้ (แอบอ่านอยู่บ่อยๆ วันนี้สมัครเข้ามาเป็นส่วนนึงของเพื่อนร่วมทางค่ะ)

 

รู้สึกเหมือนกันครับ
เที่ยวบินสุดท้ายของกระสวยอวกาศ"แอสแลนตีส" ปิดฉากลงแล้ว
เป็นการปิดยุคสมัยการสำรวจอวกาศในรอบ 30 ปีเลยนะครับ
ไม่แน่ว่า นาซ่า อาจรู้เรื่องนี้แล้วและกำลังเตรียมการเชื่อมโยงไปสุ๋ขั้นตอนสุดท้าย
ในการ"ลงจอด"ของพี่ๆน้องๆกาแลคซี่ของเราก็ได้

ขอต้อนรับคุณ RUNDA และผู้อ่านใหม่ทุกท่าน
ทุกประสบการณ์ที่เราพบเจอล้วนไม่บังเอิญครับ

ขอบคุณคุณโซ่สำหรับข้อความที่แปลด้วย
มีที่จะแปลอยู่หลายเรื่อง ว่างแล้วจะมาช่วยครับ

 

ข่าว UFO อีกแล้วครับ..
คราวนี้ปรากฎผ่านสื่อ สำนักข่าว Fox BBC CNN และเครือข่ายโทรทัศน์อื่นๆ
ในเหตุการณ์ระเบิดกลางเมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ เมื่อวันศุกร์ 22 กรกฎาคม 2011
มีการจับภาพวัตถุลึกลับได้ถึง 3 มุมกล้องเลยทีเดียว​

​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=JooKuu3cX0E&feature=player_embedded"]‪2cd Video of Oslo Norway UFO on News Broadcast 2011‬‏ - YouTube[/ame]​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=UUZC7M26a_s&feature=related"]‪3rd Video Oslo Norway Explosion UFO caught on Film 2011.mp4‬‏ - YouTube[/ame]​

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=HZoe37UCzyQ​

 

ลดขนาดพาดหัวลงแล้วค่ะ พี่แม่นายมล


pig_ballet

 

มีคนฝันคล้ายๆกันหลายคนแล้วนะนี่ เรื่องที่ว่า ปิดภาคเรียน นักเรียนทุกคนกำลังเก็บของกลับบ้าน เพราะตัวเองก็ฝันเหมือนๆกันแบบนี้ครับ

ส่วนฝันว่าทำอะไรๆช้ากว่าคนอื่น นี่ น่าจะสื่อถึงอะไรที่ทำให้เรา ร้อนใจ เร่งรีบ ไม่สงบ มันอาจจะแสดงถึงความอยาก... อะไรสักอย่างนั้นแหละ อิอิอิ (พิมพ์ไปงงไป)

คุณโซ่แปลได้สวยงามอีกแล้ว 3วันแห่งมืดมิด น่าจะเป็น 3วันแห่งระยะดักแด้ มากกว่านะ อ่านดูแล้วเหมือนว่า พวกเรากำลังเปลี่ยนรูปแปลงร่างไปสู่ชีวิตใหม่อะไรประมาณนั้นเลย

 

ชัดเจนมากเลยครับ

 

เป็นอะไรที่ อึ้ง เหมือนกันนะ เมื่อคืนนี้(24/7/54)หรืออาจเป็นช่วงตี2-3 เราฝันว่าอยู่ในกลุ่มเพื่อน 6 คนมีเราเป็นผู้หญิงกับเพื่อน 2คน ผู้ชาย 4 คน ในฝันเรารู้สึกสนิทสนมกันดีมาก กำลังนั่งทำข้อสอบกันอยู่ ในห้วข้อนั้นบอกว่า ให้เรียงลำดับความสำคัญในชีวิตทั้งหมดมีด้วยกัน 11 ข้อ เราจำไม่ค่อยได้ว่ามีรายละเอียดทั้งหมดว่าไรนะ แต่จะเล่าให้ฟังว่าในฝันน่ะ เราทำข้อสอบ ตอนแรกเราเลือกข้ออะไรก็ไม่รู้ แล้วพอตอนใกล้ส่งจริง เรากลับฉุกใจคิดว่า เราน่าจะเลือกใหม่นะเพราะทีเราทำตะกี้มันไม่น่าถูก แล้ว จู่ๆเราก็ลบ แล้วก็เลือกลำดับที่ 1 เป็น be with universe เพราะว่าถ้าเราเลือกให้ข้อนี้สำคัญเป็นอันดับแรก ที่เหลือเราก็คงถูกหมด (ในความรู้สึกในฝันเป็นแบบนั้นจริงๆนะ)แต่เราก็ยังลังเลว่า เอ้ ไอ้เจ้า ยูนิเวิร์ส นี่มันสะกดยังไงวะ ก็เลยมัวแต่จะสะกดและก็ลังเลกลัวสะกด ไม่ถูกอยู่นั่นแล่ะ พอดีหมดเวลาก็เลยจะเอาไปทำต่อที่บ้าน ก็พอดีตื่นเลย ตอนตื่นก็ยังจำฝันตัวเองไม่ได้นะ เพราะตอนตื่นมันยังมืดอยู่เลยหลับต่อ แต่ได้อ่านโพสต์ของคุณ mead เรื่องการควบคุมความฝันของพี่นักเขียน โนวา อนาลัย ว่าให้เรากำหนดจิตก่อนนอน แล้วก็เมื่อตื่นก็อย่าเพิ่งขยับตัว ก็ได้ทริคนั้นมาใช้ ได้ผลนะ เพราะว่าเช้ามาเป็นช่วงเวลาแป๊บเดียว ปิ๊งเดียวจริงๆที่เราว่าเราก็ทำได้นะ (เข้าข้างตัวเองป่าวไม่รุ้) อยู่ดีๆมันก็จำความฝันขึ้นมาได้ ก็เลยรีบลุกจากเตียงแล้วมานั่งเขียนไดอารี่ไว้ เดี๋ยวไม่งั้นลืมแน่

 

ผมก็มีวิธีจดจำความฝันของผมเหมือนกันครับ
แต่จริงๆก็ไม่น่าเรียกว่าวิธีหรอกนะครับ
เพราะมันเหมือนว่ามันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมมากกว่า

คือปกติแล้ว ผมจะเป็นคนที่ฝันได้ คม-ชัด-ลึก มาตลอด
บางทีก็รู้ตัวเองอยู่ว่ากำลังฝันก็มี บางทีก็ฝันซ้อนฝันก็มี
แล้วก็จะมีสติจดจำความฝันได้ ค่อนข้างมาก มาตลอด

แต่ถ้าบางครั้งมันรู้สึกลืมๆไป พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า มานั่งสมาธิต่อ
มันจะเหมือนกับว่า พอระดับคลื่นสมองของเรา เข้าสู่ระดับเดียวกันกับ
คลื่นสมองตอนที่เราหลับและฝันไปนั้นแล้ว ความทรงจำในระดับนั้น
มันจะพรั่งพรูออกมาเองเลยครับ ไม่อยากจำได้ก้ต้องจำได้
ไม่อยากคิดอะไร เพราะกำลังจะทำใจให้นิ่ง ก็ต้องมาคิด

..อะไรแบบนั้นครับ..

..............................................

 

ผมก็เป็นเหมือนกันครับคุณชยุต...นอกจากเรื่องราวเกี่ยวกับความฝันแล้ว บางครั้งก็เป็นเรื่องที่เราคิดว่าจะทำแล้วยังไม่ได้ทำผุดขึ้นมา บางครั้งก็เป็นเรื่องปัญหาคาใจต่างๆที่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกแต่พอทำสมาธิกลับมีความคิดและคำตอบดีๆผุดขึ้นมาเฉยเลย ตอนแรกๆก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันแต่ก็วางเฉย พอบ่อยๆเข้าก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับตัวเองไปแล้วครับ...นับว่าเป็นผลดีของการทำสมาธิอย่างหนึ่งเหมือนกันนะครับ

 

เมื่อก่อนนี้ ผมเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ "ความฝัน" เท่าไหร่เลยครับ
จนได้รู้จักพี่นักเขียนโนวา อนาลัย นันแหละครับ ที่ทำให้รู้สึกสนุกกับเงื่อนงำต่างๆในความฝันขึ้นอีกเยอะ
พี่เค้าบอกว่าถ้าเราเอาสติติดตามเข้าไปด้วย มันก็คล้ายกับการเข้าไปอ่านพิมพ์เขียวของจิตวิญญาณนั่นเองครับ
เข้าไปรับรู้ มองเห็นสภาวะจิตในขณะนั้น ว่าเราอยู่ตรงส่วนไหนของบทละครที่เขียนไว้

จริงๆในคำพูดที่ว่า "โลกนี้คือละคร" หรือเป็นนวนิยายนี่ มันก็มีส่วนอยู่นะครับ
มันสะท้อนให้เห็นถึงโลกที่เป็นมายาการ ใบนี้ได้ชัดเจนเอามากๆ

หากเราจะลองเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ดูสักหน่อย
โดยสมมุติว่าเราเป็นนักแสดงคนนึงนะครับ

ที่เราจะต้องสวมชุดตามบุคลิกเฉพาะตัวซะก่อน พร้อมกับมีสคริปต์ที่ถูกเขียนขึ้นมาด้วย
ในการรับอิทธิพลจากสิ่งรอบๆตัวตามบทบาทนั้นๆอย่างสมจริง
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวละครนั้นจึงไม่ใช่เหตุบังเอิญเลย
เพราะมันเป็นบทละครที่เขียนไว้ล่วงหน้ามาเรียบร้อยแล้ว
แถมยังมีผู้กำกับ ผู้ที่จะต้องคอยดูแลจัดการ เพื่อทำให้การแสดงราบรื่นและสมบูรณ์ที่สุด

แต่ในการแสดงจริง บางครั้งนักแสดงเอง ก็อาจเล่นพลาดหรือสะดุดล้มบนเวที
หรือมีอุบัติเหตุได้อยู่เหมือนกัน ...นี่หมายความว่าการเล่นอาจจะหยุดลงชั่วขณะ
และก็ต้องมีนักแสดงมาแทนที่ในสคริปต์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วย
เหมือน "กระบี่ไร้เทียมทาน" ครับที่ "ฉีเส้าเฉียน" กำลังฝึกวิชาไหมฟ้าอยู่ดีๆ
แต่พอสำเร็จวิชาไหมฟ้าแล้ว กลับต้องเปลี่ยนตัวแสดงไปเป็น ฮุ้นปวยเอี้ยง อีกคนนึง!

แต่พอวันนึง ผ้าม่านนั้นถูกดึงลงมา เราก็จะเห็นเบื้องหลัง และการเปิดเผยความจริง
ว่า อ้าว! ที่แท้..มันมีเหตุผลซ่อนอยู่ และเป็นแบบนี้นี่เอง...
โลกของความฝัน มันกลับมีความจริงยิ่งกว่าที่เราคิดซะอีกนะครับ

บทละครเหล่านี้ ก็มีอิทธิพลต่ออดีตและอนาคตของเราด้วย โดยที่เวลาก็เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
ประสบการณ์ต่างๆถูกนำเข้าสู่ชีวิต และมันก็มีอิทธิพล ส่งผลต่อของสถ​​านการณ์ที่สิ้นสุด
ในการเพิ่มแรงสั่นสะเทือนทางพลังงาน ซึ่งจะสั่นสะเทือนสูงหรือต่ำ เราเป็นคนเลือกเองครับ

 

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจาก :
The Galactic Federation Of Light​

วันที่ : May 12, 2011
ผู้รับการสื่อสาร : Blossom Goodchild
ที่มา : Fun Factory Blog​

ตอนที่ 1​

"คุณคือผู้สร้างโลกใหม่ของคุณเอง"​

ความตระหนักรู้ของคุณทั้งหมดกำลังทำในสิ่งที่คุณคิด
ผ่านความจริงแห่งความรู้สึก..ที่คุณสร้างมันขึ้นมา​

คุณไม่สามารถเดินเข้าไปในโลกใหม่แห่งความรักได้ ...
หากคุณไม่บริสุทธิ์อย่างหมดจดในความรัก​

คุณจะทำอย่างไร ที่จะดำรงอยู่ในความรักอันบริสุทธิ์ของคุณได้ล่ะ
หากคุณไม่อนุญาตตัวคุณเอง กลายเป็น "ความรัก"​

12 พฤษภาคม 2011

Good Morning! กับวันใหม่ๆในแต่ละวัน
ฉันรู้สึกได้ว่าพลังงานของแสงสว่าง กำลังถูกกรองผ่านลงมาในระดับที่ลึกมาก ฉันรู้สึกถึงความสุขนั้น!
ฉันรู้ว่ามีหลายคนที่รู้สึกเหมือนกัน และก็มีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้สึกถึงมัน
และเช่นเคย เรายินดีต้อนรับสู่ภูมิปัญญาและความจริงของคุณ เพื่อช่วยคุณเกี่ยวกับการเดินทางของเรา
แน่นอน ด้วยพระพรมากมาย สำหรับพวกเราทั้งหมดในครั้งนี้
มันขึ้นอยู่กับสถานภาพของคุณ ที่จะสามารถต้นพบตัวเองได้ในโลกของคุณ
แต่ละคนมีหลายอย่างที่ตัวเองมีอยู่ในจุดที่คนอื่นไม่มีเช่นกัน

จิตวิญญาณเหล่านี้ อาจต้องตกอยู่ในสถานที่ ที่ดูเหมือน"ไม่ถูกที่-ถูกเวลา"ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันมากมาย
ซึ่งมันขึ้นอยู่กับการ วิวัฒน์ทางจิตวิญญาณของพวกเขา และ วิธีรับมือกับประสบการณ์บางอย่าง...
ที่อาจช่วยในการเดินทางของพวกเขาในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต
มันอาจจะยากสำหรับหลายคนที่จะเข้าใจถึงเหตุที่ต้องมีผู้อาศัยอยู่ในความสกปรกหรือผู้ที่อยู่ในโซนสงครามต่างๆ

แท้จริงแล้ว เขาเหล่านั้นนั่นล่ะ ที่ได้วางตัวเองเอาไว้...
หากเราสังเกตจากมุมมองทางโลก เราอาจไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่แน่นอนว่า ทำแบบนั้นเพื่ออะไร?

แต่จากมุมมอง"เหนือธรรมชาติ"กลับเป็นสถานการณ์ที่ถูกต้องภายในตำแหน่งเหล่านั้น
ที่อนุญาตให้ สำหรับวิญญาณทั้งหลายที่จะเอาชนะอุปสรรค หรือเพื่อการแลกตัวเองจากที่เคยถูกขัดขวางเอาไว้ในครั้งที่ผ่านมาในอดีต ...
และเพื่อให้พวกเขาสามารถที่จะไปต่อได้ ...มันจำเป็นอย่างมากในการให้ความช่วยเหลือเขาให้ไปสู่เส้นทางนั้น ในช่วงเวลาเช่นนี้
เพื่อที่ว่า เขาอาจจะเลือกเส้นทางที่เป็น "แสงสว่าง" ที่ส่องเจิดจ้าอยู่ในสถานที่ดังกล่าวก็ได้

วิญญาณดังกล่าวนับเป็นจิตวิญญาณที่น่านับถือมาก
เขาเองก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูง ในการเสียสละทั้งหมดนี้เพื่อให้การช่วยเหลือเช่นกัน

อีกครั้งที่เราจะพูด ...ที่เราได้กล่าวถึงบ่อยครั้ง
สิ่งที่อาจจะไม่เป็นที่ชัดเจนนัก สำหรับคุณ เนื่องจากข้อจำกัดของความรู้ จากมุมมองของมนุษย์ (ณ.จุดนี้) ...
เมื่อมองจากสถานที่ที่เป็นแสงสว่าง ...ที่สามารถทำให้เกิดความเข้าใจดังกล่าวขึ้น

เมื่อเปิดสวิทซ์แสงสว่าง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว! ดังนั้น ...
เราจึงอาจแนะนำคุณได้ ในขณะที่คุณกำลังอยู่ในตำแหน่ง"ปัจจุบัน"
เพื่อที่จะยอมรับถึงสิ่งที่ความหมายมากขึ้น ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดซึ่งคุณอาจจะไม่ชอบมัน

หรืออาจทำให้คุณรู้สึกว่า "อะไรคือประเด็นที่แท้จริง ที่ทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยความโหดร้ายดังกล่าว?

โลกนี้คือ "มายาการ"

เรารู้ว่านี้เป็นเรื่องยากสำหรับคุณที่จะเข้าใจ
ที่จะไว้วางใจในการหลบซ่อนอยู่นี้
แต่ก็คุณเองนั่นแหละ! ที่หลบซ๋อนอยู่ในภาพลวงตา กับสิ่งที่คุณเลือกให้กับชีวิตของคุณ!

ดาวเคราะห์โลกนี้ เป็นภาพลวงตา!

ด้วยความเคารพ นับว่าดีมากสำหรับคุณที่จะพูด!
เมื่อคุณพบว่าในความเป็นจริงแล้ว ในชีวิตประจำวัน คุณกำลังอาศัยอยู่ในภาพลวงตา ...
กับสิ่งที่คุณต้องพิจารณามันใหม่ทั้งหมด กับสิ่งที่เหมาะสำหรับคุณในตอนนี้

แล้วมันค่อนข้างแน่ ที่จะรู้สึกสับสนเกี่ยวกับสถานะต่างๆของคุณเอง
ที่จะบอกว่า โลกนี้เป็นภาพลวงตา และ เรากำลังมีชีวิตอยู่กับมัน ....
หมายความว่า "ตัวเราเอง "ก็เป็นภาพลวงตา กระนั้นหรือ?

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=Ot4jgEID7oU&feature=player_embedded"]‪Be warned of Digital Deception ‬‏ - YouTube[/ame]​

 

ขอบคุณทีมแปลทุกๆท่านครับ



เรื่องความฝัน ทุกวันนี้ก็ยังมีประโยชน์มากๆเลยครับ ความรู้หลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง ที่ไม่เคยทราบ ไม่เคยรู้ ก็ได้ทราบจากโลกความจริงหลากมิติในความฝัน

วันก่อน ฝันเรื่องจิตชั้นนอก จิตชั้นใน และบานประตู

เรื่องราวในฝัน เป็นตัวเราที่เปิดประตูออกจากบ้าน ทั้ง 6 บาน ออกไปสัมผัสกับโลกภายนอก เหมือนเข้าไปอยู่ในโลกของภาพยนตร์หลากมิติ อินกับภาพยนตร์นั้นมากๆ จนคิดว่า นี่คือ ความจริงของเรา

พอรู้สึกเหนื่อย ก็เลยกลับเข้าบ้าน ปิดบานประตูทั้ง 6 นั่งอยู่เฉยๆ

จนรู้สึกเงียบสงบ ปรากฎว่า มีบานประตูอีกบานนึง เปิดออกมา

ก็เลยเดินเข้าไปดู เห็นตัวเรานั่งอยู่ในห้องนี้

ห้องนี้ไม่มีกระแสเสียงใดๆปรากฎขึ้นมาเลย ไม่ว่าจะทำสิ่งใดในห้องนี้ มันมีแต่ความชัดเจน เข็มตกเล่มเดียวยังได้ยิน เป็นความเงียบสงบสันติ

ก่อนตื่น ทบทวนความหมายของความฝัน พบว่า

บานประตู เปรียบเสมือน เครื่องกั้นจิต เครื่องป้องกัน หากไม่มีประตูนี้ จิตชั้นใน จะได้รับผลกระทบ จากภาพยนตร์เสมือนด้านนอก เปรียบเสมือนเทพผู้พิทักษ์ ที่คอยปกป้อง ป้องกัน

จิตชั้นใน คือ ผู้มอบพลังงานทุกสิ่งทุกอย่างให้ ในการให้จิตชั้นนอกดำรงอยู่ จะทราบหรือไม่ ไม่สำคัญ

จิตชั้นนอก คือ ผู้แสดง ในโลกภาพยนตร์ เมื่อเรามีความเงียบสงบ รู้สึกตัวทั่วพร้อม บานประตูจะเปิดออก ให้เข้าไปในจิตชั้นใน

จริงๆแล้ว จิตชั้นใน ซึ่งก็คือ ตัวเรา จึงไม่เคยสัมผัสอะไรจริงๆในโลกใบนี้เลยแม้แต่อย่างเดียว เป็นแต่ผู้ให้พลังงาน กับ ความรู้ ให้จิตชั้นนอก

ซึ่งหากจิตชั้นนอก ยังจะอยู่ในบทบาทของนักแสดง ที่ไม่เข้าใจว่าตนเป็นนักแสดง

จิตชั้นใน ก็จะยอมรับ และอยู่ด้วยเสมอ ไม่ไปไหนเช่นกัน ไปไหนไปกัน

จนกว่านักแสดงจะทราบ และปิดฉากละครด้วยตนเอง และวิวัฒน์ตนเป็นผู้กำกับบ้าง ไม่ใช่กำกับชีวิตใคร แต่กำกับชีวิตตน ให้สมกับเจตนารมณ์ของตนในครั้งแรก

 

เล่าซะเห็นภาพเลยครับคุณเซลล์
"เข็มตกเล่มเดียวยังได้ยิน" เป็นคำคมประจำวันเลยนะครับเนี่ย นับถือ (อิอิ)
จิตขั้นในของเราชัดเจนจริงๆครับ

 

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจาก :
The Galactic Federation Of Light​

วันที่ : May 12, 2011
ผู้รับการสื่อสาร : Blossom Goodchild
ที่มา : Fun Factory Blog​

ตอนที่ 2​

​

"ตัวเราเอง "เป็นภาพลวงตา กระนั้นหรือ? ​

ไม่หรอกนะ เราไม่ได้เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
จริงๆแล้วมันหมายความว่า คุณได้เลือกที่จะสัมผัสโลกอย่างเป็นเอกลักษณ์บนภาพลวงตานั้นต่างหาก
ส่วนที่เป็นจริงของคุณ คือการมีส่วนร่วมในการทดสอบนั้น ...
ขณะที่เราพูดถึงการติดต่อสื่อสารครั้งแรกของเรากับคุณ
ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่เป็นจริง ในขณะที่จิตวิญญาณของคุณกำลังร่วมอยู่ในการทดลองนี้ ​

สำหรับส่วนอื่นๆ ซึ่งเป็นจำนวนมากที่คุณได้รับนั้น ... มันเป็นการสร้างโดยตัวคุณเอง

เราจะพยายามอธิบายให้มันง่ายขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อความเข้าใจ
เช่นทุกวันนี้ ..เป็นที่ทราบกันอย่างดีว่า การใช้เทคโนโลยีสร้างภาพต่างๆ มันเกิดจากระบบคอมพิวเตอร์ของคุณ
ตอนนี้คุณสามารถแทนที่"ฉากหลัง"ของสถานที่ต่างๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยโรงพิมพ์ดิจิตอล
ซึ่งในความเป็นจริง กลับไม่มีบุคคลไหนเลย ที่อยู่ใกล้บริเวณใกล้เคียงกับที่พวกเขาได้นำเสนอ ...
คนนั้นไปปรากฏขึ้นบนสถานที่นั้นได้อย่างไร ! เขาสามารถนำตัวเองไปปรากฎบนเวทีนั้นได้อย่างเหมือนจริง
และด้วยการกดปุ่มแบบเดียวกันนี้เอง ที่จิตวิญญาณสามารถไปปรากฏที่ใดๆก็ได้ บนฉากหลังที่ทำให้พวกเขาออกมาเป็นเช่นนั้น​

คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจน จาก Link ที่ส่งให้ดูเกี่ยวกับเรื่องนี้ (ในโพสแรก)
เรานำเสนอ VDO นี้ เพื่อช่วยเสริมความเข้าใจ
เพื่อจะกล่าวต่อไป... คุณจะเห็นว่าสิ่งที่จะถูกนำเสนอให้คุณดูนั้น ไม่ได้ใช่เรื่องจริงเลย ​

ขออภัยขัดจังหวะอีกครั้ง ... แต่คำกล่าวนี้มันจะไปลึกมากหรือเปล่า?
เราไม่ได้เลือกที่จะใช้คำพูดที่ฟุ่มเฟีอยเกินไป ... ​

การสร้างผ่านจากจิตใจของคุณเอง
คุณสามารถที่จะ "ทำมันขึ้น หรือ ยุติมัน" เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ​

เพราะแท้จริงแล้ว คุณนั้นอยู่ในสถานที่ "แห่งหนึ่ง"คุณกำลังสร้างอยู่ในที่ "แห่งหนึ่ง" ...
ที่เป็นจิตสำนึก อันเป็นผลผลิตของการร่วมมือกัน ...
เนื่องจากเวลาที่ผ่านมายาวนาน มันช่วยทำให้คุณ รู้สึกว่ามันคือความจริง ...
และ เมื่อมันเป็นความจริง ...เราอาจกล่าวว่ามันก็คือ "การซ้อนทับของจิตสำนึก" ​

ในขณเดียวกัน คุณก็อาจเคยได้ยินว่า
มีจิตวิญญาณบางดวงที่มีพัฒนาการสูงๆสามารถนำพาตัวเองไปปรากฎในที่อื่นๆ หรือมิติอื่นใดก็ได้
เพียงแค่คิด ในการเปลี่ยนแปลง "ฉากหลัง" ของเขาเท่านั้นเอง​

อืมม !... คุณอาจจะบอกว่าทุกๆแห่งก็ล้วนเป็นภาพลวงตาล่ะสิ ?
แต่มีอยู่แห่งเดียวที่ไม่ได้เป็น ... มันอยู่ภายในฝั่งจิตวิญญาณของคุณเอง
สำหรับทุกๆแห่งที่ได้ถูกสร้างขึ้น คุณควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งที่มันจะคงอยู่ (อย่างเช่น การทดสอบต่างๆ)
แน่นอนว่า จิตสำนึกมวลรวมสามารถลบดาวเคราะห์โลกออกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อแผนของการดำรงอยู่ ​

​

ดังนั้น โลกยุคทอง (Golden Age) ที่เรากำลังจะเลื่อนระดับขึ้นไป
จะยังเป็นภาพลวงตาอยู่รึเปล่า? ​

แน่นอนมันเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อคุณได้รับทราบข้อมูลจริงที่ว่า..
"ความตระหนักรู้ของคุณทั้งหมด กำลังทำในสิ่งที่คุณคิด
ผ่านความจริงแห่งความรู้สึก..ที่คุณจะสร้างมันขึ้น..."​

นี่คือเหตุผลที่เรามาพูดคุยกันนี้ และพยายามช่วยให้คุณเข้าใจว่า ...
"คุณกำลังจะสร้างโลกใหม่ของคุณเอง"​

อย่างไรก็ตาม อีกไม่นานแล้วที่" โลกใบใหม่ "กำลังรอพวกคุณอยู่
มันเป็น ... สิ่งที่อยู่ในความคิดของคุณอยู่แล้ว

ทุกคนย่อมรู้ถึง "ยุคทอง" ในความคิดของคุณเอง ... ​

สำหรับความคิดในการสร้างนั้น
มันจะแสดงให้คุณเห็นถึงวิธีการกลับไปสู่ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณของคุณเองอีกด้วย
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องของการบรรลุผล ... นี้คือโลกใหม่ ...
มันเป็นเพียงเรื่องของบรรดาผู้ที่เลือกเส้นทางต่างๆที่จะจำได้ ...
เพื่อนำมันมาสู่ความเป็นจริงของภาพลวงตานั้นๆ
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นี้จะเป็นการทำให้พวกคุณตระหนักถึงได้?​

ใช่ มันเป็น บางแห่ง-บางส่วนของฉัน ที่รู้เรื่องนี้
นี้จึงเป็นเหตุผลที่เรายังคงพูดกับคุณในเรื่องของความรัก มันเป็นไปด้วยความรักเพียงอย่างเดียว
เรื่องดังกล่าวเหมือนเป็นสถานที่แห่งเดียว ที่เราสามารถนำเสนอตัวเองเพื่อคุณได้​

คุณไม่สามารถเดินเข้าไปในโลกใหม่แห่งความรัก ...
หากคุณไม่บริสุทธิ์อย่างหมดจดในความรัก
คุณจะทำอย่างไร ที่จะดำรงอยู่ในความรักอันบริสุทธิ์ของคุณได้ล่ะ
หากคุณไม่อนุญาตตัวคุณเอง กลายเป็น "ความรัก
แต่ละท่านล้วนมีทางเลือกอิสระ ที่ซึ่งคุณสามารถเลือกที่จะคิด
เพื่อให้มันกลายเป็นวิถีชีวิตของคุณเอง จริงหรือไม่ล่ะ?​

 

เพิ่งทราบว่าคุณชยุตเคยแปลไว้แล้ว ใจตรงกันเลยครับ
ตามไปอ่านต่อกันได้ที่นี่ครับ

http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.292054/

 

ขอบคุณมากน่ะครับเติมเต็มแสงสว่างแล้วครับ ^^