ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

คุณชยุตเข้าใจประโยคนี้ว่าอย่างไรคะ
หนูค่อนข้างจะสับสนว่า ความไม่แตกต่างนี้หมายถึงอะไร
มันทำให้รู้สึกติดค้างในใจมาหลายวัน

รบกวนด้วยนะคะ (deejai)

 

ขอบคุณคุณ mead มากนะคะสำหรับข่าวดี :d(y)

 

UFOs around Space Shuttle Endeavour Launch NASA - HD​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=f6_qXwo7iis&feature=related"]‪UFOs around Space Shuttle Endeavour Launch NASA - HD‬‏ - YouTube[/ame]
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=3WB5VSinuNU&feature=player_embedded"]‪NASA new space craft at Endeavour launch may 16 2011 .MOV‬‏ - YouTube[/ame]​

นี้เป็นวิดีโอสั้นๆ ในความพยายามดูการเคลื่อนไหวช้าๆ
ของเที่ยวบินสุดท้ายของกระสวยอวกาศ Endeavour
เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับเพื่อนกาแลคซีของเรา
ที่จะเผยตัวให้เห็นในวินาทีสั้นๆเพียงเล็กน้อย​

แต่ก็นานพอที่จะมองเห็นได้ในกล้องเมื่อทำภาพสโลว์ให้ช้าลง
ในช่วงปลายของวิดีโอ พวกเขาจะบินสวนออกไปในทิศตรงกันข้าม
และบินข้ามไป เป็นวัตถุบนท้องฟ้าที่มีความเร็วอันน่าทึ่งมาก...​

 

จะไปร่วมพิธีด้วยแน่นอนค่ะ(f)

 

จากข้อความของแมทธิว และ ท่านเมตาตรอน และน่าจะรวมถึงของครายออนด้วย
ก็จะบอกทำนองว่า การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในทุกๆระดับ มันกำลังเกิดขึ้นอยู่แล้ว
แบบค่อยเป็นค่อยไป..มันจะไม่มีหรอกนะประเภทที่ว่า..
พอถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2012 แล้ว หรือถึงปลายปี 2012 แล้ว
จะเกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่างขึ้นครั้งใหญ่ และปุปปับ
จนทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างยุคพลังงานเก่า กับ ยุคพลังงานใหม่อย่างชัดเจนแบบนั้น
เช่น เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ระดับโลกขึ้น หรือเกิดการหยุดหมุนของโลกชั่วคราวขึ้น
หรือการกลับหัวของโลกชั่วคราวขึ้น หรือเกิด "Three days of Darkness" ขึ้น
จนทำให้อยู่ในความมืดมิดนาน 3 วัน อะไรแบบนั้น

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันจะเป็นไปแบบราบรื่น และ เรียบร้อยดี
และผู้คนส่วนใหญ่ของโลก ที่เลือกที่จะร่วมอยุ่ในกระบวนการยกระดับขึ้นนี้
ก็จะผ่านพ้นขั้นตอนนี้ไปได้ด้วยดี และจะต้องใช้เวลาต่อไปอีกระยะหนึ่ง ราวๆ 30 ปี
จนกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์

แต่ก็มีหลายครั้งที่พวกเขาเอง ก็กล่าวไว้เป็นนัยๆ ไม่พูดกระจ่างมากนัก ว่า
ผู้ที่ไม่ได้เลือกที่จะเลื่อนระดับขึ้นไปกับโลก ในครั้งนี้ด้วย ก็จะมีที่อื่นให้ไปอยู่
ซึ่งเป็นที่ๆเหมาะสมกับระดับความสั่นสะเทือนของพวกเขา หรือบางข้อความก็บอกว่า
ร่างกายเนื้อของพวกเขาก็จะต้องตายไป เพราะทนอยู่ในระดับความสั่นสะเทือนสูงๆแบบนั้นไม่ได้

แต่ก็มีอีกหละ..ที่ข้อความจากต่างมิติเหมือนกัน แต่สื่อสารมาตรงข้ามกันก็มี เช่น
จากจิตจักรวาลของอาจารย์ปริญญา ก็จะบอกว่า มันจะมีเหตุการณ์ 7-7-49 ด้วย
คือมืด 7 วันรวด สลับกับสว่าง 7 วันรวด รวม 7 ครั้ง หรือ 49 วัน ก่อนจะเข้าสู่ยุคใหม่

อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือจากหนังสือเรื่อง The Message to Mankind ก็บอกว่า
มันจะมีเหตุการณ์ "3 วันแห่งความมืดมิดด้วย" ...

...และพอดีกับมีข้อความจากต่างมิติ ที่นาง Blossom Goodchild
รับการสื่อสารอยู่ ข้อความล่าสุด ที่นาง Blossom ถามไปว่า

"จริงหรือเปล่า ที่จะมีเหตุการณ์ 3 วันแห่งความมืดมิด
เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2012 อย่างที่ชาวมายาพยากรณ์เอาไว้"

คำตอบที่น่าตกใจก็คือว่า "ใช่ มันจะมีเหตุการณ์นั้นขึ้นจริงๆ"

เพราะฉะนั้น ข้อความนี้ก็เป็นอีกข้อความหนึ่งที่น่าสนใจ ถ้าทีมแปลท่านใดพอจะว่างอยู่
ก็ช่วยแปล และโพสต์ให้หน่อยนะครับ เผื่อท่านอื่นๆจะได้อ่านด้วย

Blossom Goodchild - July 18, 2011

ส่วนหนังสือเล่มที่ชื่อว่า The Message to Mankind ที่ผมกล่าวถึงไปนั้น ผมแนบไฟล์เอาไว้ให้แล้วนะครับ
ซึ่งช่วงกลางๆเล่ม ผมก็มีแทรกคำแปลภาษาไทยเอาไว้ให้แล้วด้วยครับ

 

ความผิดปกติ

เวลานี้ช่างเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกอึดอัดมากจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องข้อมูลข่าวสารต่างๆที่ผ่านเข้ามาซึ่งมีทั้งจริงบ้างลวงบ้าง และเหตุการณ์ต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกของเรา รวมทั้งสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามากระทบทางจิตวิญญาณไม่ว่าจะเป็นในรูปของพลังงาน สัมผัสทางจิต ความฝัน หรือความรู้สึกต่างๆที่ดูไม่ปกติเอาเสียเลย ทำให้อารมณ์ ความคิด และการแสดงออกทางกายภาพมันรวนๆ ยังไงไม่รู้ ตอนนี้ก็เลยต้องพยายามใช้สติอย่างมากในการคิด ทำ พูด ในสิ่งต่างๆ เพราะกลัวว่าจะพลั้งเผลอ…หรือว่านี้คือผลของการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น

ใครมีความรู้สึกแบบนี้รบกวนช่วยมาเล่าสูกันฟังบ้างนะครับ เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นอยู่คนเดียวรึเปล่า

 

ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกนะครับ ผมก็เป็น เป็นมาพักหนึ่งแล้วครับ
คือแบบว่า มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บางอย่างมันก็เล่าไม่ได้

แต่ประมาณว่า...

ชีวิตเหมือนกำลังเล่<wbr>นกระดานโต้คลื่นอยู่
บางทีก็ถูกคลื่นซัดตกกระดาน ไหลไปไกลบ้าง
จมน้ำบ้าง สำลักน้ำบ้าง บางครั้งคว้ากระดานคืนมาได้
ก็ยืนโต้ได้อยู่พักหนึ่ง แต่แล้วก็ถูกพัดตกลงไปอีก
ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า สลับกันไปมาอยู่แบบนั้นตลอด

เหนื่อยก็เหนื่อย แต่พักไม่ได้หนะครับ..
ก็เลยต้องตั้งสติให้ดี และเดินหน้าสู้กันต่อไป

...........................................

 

<iframe src="http://www.youtube.com/embed/45kWrXlSWBI" allowfullscreen="" frameborder="0" height="390" width="480"></iframe>
(rose).........................;aa10......................(rose)

http://audio.palungjit.org/<wbr>attachment.php?attachmentid=<wbr>47342

http://audio.palungjit.org/<wbr>attachment.php?attachmentid=<wbr>47476

http://audio.palungjit.org/<wbr>attachment.php?attachmentid=<wbr>47482

http://audio.palungjit.org/<wbr>attachment.php?attachmentid=<wbr>47359
​

 

ดูเหมือนว่าอะไรๆ จะเร่งรีบขึ้นทุกขณะจิตนะครับ
เวลานั้นคงใกล้เข้ามาแล้วจริงๆ ถ้าทุกอย่างลงตัวตามโปรแกรมที่วางไว้
คงจะรู้ว่าจะเกิดจริงวันไหนและพวกเราจะอยู่อย่างไร
ขอร่วมฉลองด้วยคนนะครับ
แต่สถานที่ผมยังไม่รู้เลย

 

นั่นสิครับคุณชยุต
มีแต่คนถามว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง กับการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้
ข้อความต่างมิติฯ เค้าจะไม่ค่อยบอกตรงๆกับเรื่องการย่อยสลายของมิติที่ 3 เท่าไหร่
อาจไม่ต้องการให้ตื่นตระหนกก็ได้นะครับ

ทราบแต่ว่า เค้าจะช่วยเหลือหากมีความจำเป็น
และมันจะเป็นไปตามกลไกของกรรมและการวิวัฒนาการ

เรื่องฟ้ามีดมิด 7:7:49 มันก็มีแนวโน้มอยู่ สิ่งศักสิทธิ์หลายท่านก็บอกไว้
แน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลง ก็คือสิ่งที่เราต้องยอมรับมันให้ได้ หากถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆ


"ดาวซิริอุส B" ที่เขาพูดถึงการเปลี่ยนแปลงสู่มิติที่ 5 ไว้ด้วยน่ะครับ
โลกของพวกเขามีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งพวกเขาก็ไม่สามารถหยุดมันได้..
เค้าบอกว่า โลกเรามันจะมีแรงหดขยายยิ่งกว่าเขา
เนื่องจากกระโดดจากมิติที่ 3 ไปมิติที่ 5 (ของเค้าจากมิติที่ 4 ไป 5 เอง)

เค้าบอกว่า เค้าเคยดำรงอยู่โลกของมิติ 1 ถึง 4 ถูกผสมในโลกเดียวกัน
(ซึ่งอดีตจริงๆนั้นเค้าอยู่ในมิติที่ 4 แต่ประสบกับคลื่นสั่นสะเทือนที่ลดต่ำลง)
เค้าบอกว่าในที่สุดแล้ว เมื่อจิตสำนึกที่รวบรวมได้จากการรับรู้ของมิติที่ห้า
ถึง 51% แล้ว ที่เมทริกซ์ 3 มิติ จะเริ่มย่อยสลายตัวไป

เมื่อใดที่สนามแม่เหล็กของมิติที่สี่ ที่ห้า ที่ถูกปล่อยออกมา
มันจะผลักดันมิติที่ต่ำกว่าทั้งหมด
มันจะเกิดจะเกิดความสับสน สูญเสีย ของสถานที่และสิ่งมีชีวิต (ในมุมมองจากมิติที่ต่ำกว่า)
และจะกลายเป็นการแทนที่ด้วยสิ่งมหัศจรรย์มากมายของมิติที่สูงขึ้น

เราจะตระหนักรู้ว่าไม่เหลือเพื่อนพ้องและไม่เหลือแม้แต่ศัตรู
บางก็สูญเสียความเชื่อของพวกเขาทั้งหมด
การต่อสู้แข่งขันและการตัดสินใจใดๆกลายเป็นที่ไม่จำเป็น
เพราะในความเป็นจริงไม่มีใครที่แตกต่างกันเลย

สำหรับผู้ที่ยังคงดื้อด้านอยู่ในกรอบรั้วหรือต่อต้านการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วนี้
จะได้รับผลกระทบจากการบีบอัดและยุบตัวของเวลาที่มันจะเกิดขึ้นค่อนข้างแรง
อะไรที่อยู่นอกไปจากแหล่งที่มาของการสั่นสะเทือน (ความรัก) จะปะทุออกมา..

ทางออกที่ดีที่สุด คือ โอนอ่อนผ่อนตาม ไม่ดื้อดึง
และทำใจให้โปร่งเบาว่างไปจากมิติที่ 3 ทำตัวให้สอดคล้องกับมิติที่ 5
ไม่ตอบสนองต่อความกลัวที่เพิ่มขึ้นรอบตัวเรา
แต่ต้องตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นเพียงอาการเลื่อนระดับขึ้นเท่านั้น
เพื่อให้ง่ายต่อการแยกแยะสถานการณ์รอบๆตัวด้วย
เรื่องนี้เค้าเล่าไว้สองตอน ยาวเลยครับ

The Arcturians: The Process of Ascension - through Dr. Suzan Caroll, July 2011


Fun Factory Blog

 

เล่าย่อๆไว้อีกหน่อย จากที่อ่านมาน่ะครับ (อาจไม่ละเอียดนัก)
------------------------------------

บรรยากาศก่อนที่จะมีการเลื่อนระดับขึ้นของ "ดาวซิริอุส B"
โลกของเขาเป็นโลกของ "ของเหลว" คล้ายๆ water world
อาศัยอยู่ในของเหลวหนืดๆ บรรยากาศคล้ายก้นมหาสมุทร
เป็นโลกที่มีปลาวาฬ ปลาโลมา และสัตว์ที่ไม่ใช้แขนขาตัวโตๆ มีหุบเขาและถ้ำ
ที่นั่นมีแสงน้อย สิ่งมีชีวิตจึงเรืองแสงสร้างแสงในตัวเองได้

การปกครอง
มี"สภาแห่งแสงสว่าง"ลอยอยู่บนผื้นผิวบรรยากาศ ใกล้เกณฑ์ระหว่างมิติที่สามสี่และห้า
มี"สภาแห่งความมืด" ซึ่งอยู่ในถ้ำใกล้หุบเขา
ผู้หญิง-ผู้ชาย มีความเท่าเทียมกัน สามารถเปลี่ยนสลับได้ทั้งสองแบบในภพชาติเดียวกัน
ทุกคนในชุมชนมีเอกภาพและอยู่บนความสามัคคีอย่างต่อเนื่อง
เค้าจะออกเป็นแนวนักบุกเบิก ผจญภัยในอณานิคมกับดวงดาวอื่นๆ
แต่ไม่เคยต่อสู่กันเองเหมือนมนุษย์
ทั้งสองสภานี้ เค้าจัดประชุมใหญ่กัน ปีละสองครั้ง

การสื่อสาร
เป็นรูปแบบการสั่นสะเทือนใช้การติดต่อทางจิต
สามารถติดตามจิตสำนึกกลับเข้ามาในความแตกต่างกันได้หากต้องการ
แต่ส่วนใหญ่ของเขา ให้ประสบการณ์ที่เป็นเพียงหน่วยความจำ

เรื่องการตายและการจุติ
เขามีทางเลือกที่จะกลับไปสู่ความถี่หรือรูปแบบที่เราได้บรรลุในชาติก่อนหน้าของเราได้
หลังจากที่แต่ละรุ่นมีมากเกินไป เราสามารถคัดแยกจำนวนประชากรออกเป็นสองกลุ่มได้
ผู้ที่จะไม่เปลี่ยนแปลงก็ให้ยังคงอยู่ในความมืด
ส่วนผู้ที่ย้ายเข้ามาอยู่แสงสว่างและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ก็ให้ย้ายเข้าสู่มิติถัดไป

ผู้ที่อาศัยอยู่ที่ด้านล่างของชั้นบรรยากาศ เคารพบูชา ความมืด
แต่ลึกๆ เขาก็รู้ว่า แสงสว่างคือประกายที่สร้างสรรค์
ผู้นำของความมืด ยังคงยึดมั่นในสิ่งที่คุ้นเคย คือการควบคุมความกลัว
และกองกำลังของความมืดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงหลัง

ส่วนกลุ่มที่อาศัยอยู่ที่ด้านบนของชั้นบรรยากาศก็เคารพบูชาแสงสว่าง
จนเมื่อพวกเขาได้ก้าวสูงขึ้นถึงชั้นบรรยากาศที่สูงสุดแล้ว และกลายเป็นสภาสูง
พวกเขาก็หยุดค้นหาภายใน เพราะพวกเขาไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงมัน พวกเขาต้องการเพียงการรักษากฎ
ผู้นำของสภาแสง ก็พอใจที่จะดำรงอยู่นานนาน เพื่อสะสมสถานะของตนต่อไป
ทำให้พวกเขามีการเปลี่ยนแปลงน้อยลง

เค้าเชื่อว่าการแยกนี้มันก็เป็นความเหลื่อมล้ำและเป็นปมด้อย
ที่อยู่ต่ำกว่าก็พัฒนาน้อยกว่า จากมุมมองที่ต่างกัน
จนกระทั่ง ความกลัวกลายเป็นทางเลือกของการรับรู้-ที่เป็นเรื่องยาก
และความรักเป็นทางเลือกของการรับรู้-ที่ยากจะเลือก


และเค้ารู้เรื่องคำพยากรณ์ และแผนพระเจ้าของการเลื่อนระดับ
ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกับดาวเคราะห์ของเขาเกิดขึ้นในช่วงที่เขากำลังเป็นหนุ่ม-สาว
ถึงการเปลี่ยนแปลงกับดาวของเขา
แต่เขาก็ปิดบังความจริงนี้ต่อประชาชน เพื่อผดุงรักษาอำนาจ
ผู้นำทั้งสองฝ่ายเริ่มมีการเจรจา โดยใช้วิธีการตรงข้ามอย่างใดอย่างหนึ่งของการแสวงหาการเปลี่ยนแปลงนี้
พวกเขาได้เห็นถึง"สาเหตุของการเกิดใหม่"ของพวกเขา
และพวกเขารู้ว่าตัวเองหลายมิติของพวกเขาเป็นอย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัว
และหาจุดกึ่งกลางในระหว่างขั้วทั้งสอง พวกเขาไม่มีความจำเป็นที่จะตัดสินกลุ่มใดๆ
ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างกันสำหรับพวกเขา ในการเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด
ด้วยการเปิดเผยการตัดสินใจ ในสิ่งที่พวกเขาได้รับความเมตตาสำหรับชีวิตทั้งหมด
รู้ว่า"เวลา"ไม่ใช่ความจริงในพวกเขา

ตระหนักว่าเส้นทางในพิธีกรรมความเชื่อและกฎของวินัยจะสูญพันธุ์
รู้ว่าจะถูกเลื่อนขึ้นเป็นครั้งแรกของสภาของแสงสว่างและสภาแห่งความมืด
เพือให้เข้าร่วมเป็นพระเจ้าในตนเองโดยสมบูรณ์

เขาค้นพบในภายหลังว่าพระเจ้าที่สมบูรณ์อื่นๆก็มีอยู่
มีขั้วหนึ่งอยู่ในแสงสว่าง และขั้วหนึ่งในความมืดด้วย
เขาเริ่มที่จะพบกับข้อมูลอื่นๆ และผสานเข้ากับความเป็นจริงได้เช่นกัน
มันก็ถูกเปิดเผยในที่สุดว่า มันมีมานานแล้วสำหรับแผนการจักรวาลของพระเจ้า
เพื่อจุติลงมาในขั้วที่แตกต่างกันของ"แสงสว่าง"และ"ความมืด"

เข้าร่วมเป็นหนึ่ง เป็นสองก็กลายเป็นหนึ่งอีกครั้ง
เสียงสะท้อนของพวกเขา ทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้น
ซึ่งสนับสนุนการเพิ่มเสียงสะท้อนของดาวเคราะห์ทั้งของเขา
จนค่อยๆกลายเป็นมากขึ้นและมากขึ้น ในมิติที่ห้า

นอกจากนี้เขายังรู้ว่าเมทริกซ์เดิมถูกย่อยสลายไป และโลกของเราเปลี่ยนแปลงไป
เขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ตามที่เรามักจะต้องทำอยู่ในโลก
ทุกปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้เขาสามารถขึ้นไปได้เร็วกว่าโลกของเรา

เนื่องจากการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในโลกของเรา มีความ"กลัว"เป็นที่ตั้ง
การ"กลัวการเปลี่ยนแปลง" ตามด้วยที่กลัวมากที่สุดคือ"ความกลัวสิ่งที่ไม่รู้จัก"
มันจึงจะต้องมีการเชื่อมต่อด้วยตนเองที่สูงขึ้นของตัวเอง เพื่อที่จะแก้ไขใหม่ให้ถูกต้อง
(เขาบอกว่าตัวตนรวมของมนุษย์โลก อยู่ในมิติที่ 7)

ขณะนี้ พวกเขายังเป็นผู้สังเกตการณ์ในจักรวาล ได้ช่วยเหลือเรื่องการสื่อสาร
เมื่อพวกเขากลับบ้าน เขาจะ"รู้สึก"ถึงความรักในจิตสำนึกของพวกเขาได้เสมอ
รวมทั้งการมีประสบการณ์ความสามัคคีกับทุกชีวิตได้อย่างไร้เงื่อนไข
เช่น ที่พวกเขาได้ตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อคนอื่นเหมือนที่พวกเขาทำให้ตัวเองเป็นอย่างดี

 

รู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างมากครับ รับแสงสว่างและเติมเต็มแล้วครับ ^^

 

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward

โดย Suzanne Ward
เมื่อ 11 กรกฎาคม 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/english/matthew11-07-11.html




ตอนที่ 1



ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต




ขอทักทายด้วยความรักความปรารถนาดีจากทุกวิญญาณในสถานีนี้
นี่คือ แมตทิว ผู้มาร่วมแสดงความปลื้มปีติยินดีต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกของคุณ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐอเมริกามีการเฉลิมฉลองวันประกาศอิสรภาพ
ซึ่งดอกไม้ไฟก็เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลอง เช่นเดียวกับโอกาสพิเศษอื่นๆของประเทศนี้และในช่วงเวลาที่มีความหมายของประเทศต่างๆ

สิ่งที่พวกเรากำลังเห็นอยู่นั้น สามารถเทียบได้กับความตื่นเต้นตระการตาเป็นที่สุดของดอกไม้ไฟ
ที่กำลังยิงแสงไฟออกไปเป็นประกายระยิบระยับนับไม่ถ้วนโดยไม่หยุดหย่อนจากดาวโลกเข้าไปสู่สรวงสวรรค์ต่างๆ
ประกายระยิบระยับสุกใสนี้เป็นภาพที่ให้ความสุขใจและความเบิกบานใจเป็นที่สุดเมื่อจับตามอง



ไม่มีความหลับใหลไร้การรับรู้อีกต่อไปแล้ว วิญญาณจำนวนมากมายมหาศาลกำลังตอบรับต่อแสงสว่าง
ที่กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆตามการเลื่อนระดับของดาวโลก ซึ่งนำไปสู่ความสั่นสะเทือนที่สูงกว่ามากขึ้นทุกที
และนำไปสู่การจัดเรียงตัวกับร่างวัตถุอื่นๆบนฟากฟ้าขึ้นใหม่

ตอนนี้ “ผู้สร้างประกายแสง(sparklers)” ที่เกิดขึ้นใหม่ทั้งหลาย
กำลังแผ่แสงสว่างของพวกเขาไปสู่ทุกคนรอบตัว ร่วมไปกับ lightworkers ทุกคน
ทั้งที่รู้ตัวว่าเป็น lightworker กับอีกหลายล้านคนที่ยังไม่รู้ตัวว่าพวกเขาเป็น



ก่อนที่พวกเราจะบอกถึงเรื่องผู้สร้างประกายแสง
ขอให้เราได้พูดถึงสหรัฐอเมริกากับความสำคัญของประเทศนี้ตามที่ได้ตั้งเป้าเอาไว้ในระดับโลกให้มากสักหน่อยว่า

บรรดาผู้วางโครงสร้างรากฐานซึ่งประกาศว่า
ดินแดนนี้คือประเทศชาติอันเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ทางการเมืองแบบอังกฤษนั้น
พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังกระทำการไปตามแรงดลใจที่ส่งมาจากพระเจ้า(God)
และไม่ใช่แค่แรงดลใจในเรื่องความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าเกี่ยวกับความชอบธรรมในการกระทำของพวกเขาเท่านั้นนะ

วัตถุประสงค์ที่สูงกว่าของแรงดลใจนั้น
ก็เพื่อรวบรวมกลุ่มชนต่างๆสร้างเป็นประเทศชาติที่ยินดีต้อนรับ
และให้โอกาสอันไม่จำกัดแก่ผู้คนจากทุกประเทศที่เป็นประเทศซึ่งต่างออกไปทั้งในแง่ของความเอาใจใส่
และในแง่ของการให้ความสำคัญต่อประโยชน์ส่วนรวม

สหรัฐอเมริกาจะเป็นประเทศที่เป็นแหล่งรวมทักษะต่างๆ, พรสวรรค์ต่างๆ,
วิธีการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพและไอเดียสร้างสรรค์ของทุกสิ่งทุกอย่าง
ซึ่งผู้พำนักอาศัยในประเทศจะพิสูจน์เรื่องนี้ต่อผู้คนในส่วนอื่นที่เหลือของโลกภายใต้การปกครองที่เป็นธรรมและชาญฉลาด
อันหมายถึงการที่อิสรชนอาศัยอยู่กันอย่างปรองดองและเจริญรุ่งเรืองนั่นเอง



ถึงกระนั้น ในประวัติศาสตร์ มันก็เป็นเพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว
ที่ประชากรทั้งหลายของประเทศที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่นี้ได้อิสรภาพ
เป้าหมายของอิลลูมิเนติผู้สร้างจักรวรรดิอังกฤษก็คือการเพิ่มฐานอำนาจของพวกเขา ไม่ใช่ลดมันลง
และเพิ่มความอยุติธรรมเพื่อก่อให้เกิดสงครามความขัดแย้งที่โดยปกติจะเกิดขึ้นลับๆอย่างผิดกฎหมายขึ้นมา

นับจากช่วงเวลาที่กลุ่มชนมากมายหลายหลากซึ่งแตกต่างกันอย่างมากกลุ่มแรกมาตั้งรกรากอยู่บนแผ่นดินที่เรียกว่าโลกใหม่นั้น
พวกที่มีความคิดจิตใจและหัวใจอันดำมืดซึ่งต่อมาถูกเรียกขานว่าอิลลูมิเนติ
ก็ต้องการที่จะควบคุมผืนทวีปฟากฝั่งตะวันตกทั้งหลายไว้
ดังนั้นพวกเขาจึงขยับขยายเส้นทางที่สามารถนำไปสู่การมีอำนาจเหนือโลกได้อย่างรวดเร็วขึ้นมา

และเนื่องด้วยพระเจ้า(God)ต้องเคารพต่อกฎแห่งเจตจำนงอิสระของพระผู้สร้าง(Creator)
เจตจำนงอิสระของเหล่าผู้ที่มืดมนจึงมีอำนาจเหนือกว่า
และสหรัฐอเมริกาซึ่งได้รับการตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นดวงประทีปที่ส่องสว่างแก่ส่วนอื่นของโลกนั้นไม่เคย “ปรากฏแสงสว่างออกมา” เลย



..............

 

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward
โดย Suzanne Ward
เมื่อ 11 กรกฎาคม 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/english/matthew11-07-11.html




ตอนที่ 2


ผ่านมาแล้วกว่าสองศตวรรษกับหนึ่งไตรมาสหลังการลงนามประกาศอิสรภาพ
ก็เห็นจะมีแต่ตอนนี้เท่านั้นที่อิสรภาพจะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นทุกประเทศได้อย่างแท้จริง

และเป็นเพราะแสงสว่างได้เผยให้เห็นถึงความมืดมนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากอิลลูมิเนติ
แสงสว่างจึงทำให้ผู้คนซึ่งถูกกดขี่ข่มเหงมาเนิ่นนานโดยบรรดาผู้กุมบังเหียน
ที่เป็นชนชั้นสูงและมีอำนาจเบ็ดเสร็จ(dynastic and despotic rulers)นั้น หันเข้าหาและรับเอาแสงสว่างอีกด้วย

และเมื่อดาวโลกมาถึงประตูทางเข้าสู่ยุคทองของเธอเองตอนสิ้นปีปฏิทินหน้าของคุณ
ทุกวิญญาณบนดาวโลกก็จะเป็นอิสระ แล้ว lightworkers ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆก็จะเดินหน้านำทางไป





ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต



พวกเราขอบอกคุณด้วยความยินดีว่า ในกลุ่ม “ผู้สร้างประกายแสง(sparklers)” ที่เกิดขึ้นใหม่นั้น
ก็คือผู้ที่ละทิ้งจากกลุ่มอิลลูมิเนติซึ่ง “มองเห็นแสงสว่าง” และกระตือรือร้นที่จะโอบรับแสงสว่างไว้

และถึงแม้ว่าจะมีคนที่ทำเพื่อตัวเองโดยละทิ้งอิลลูมิเนติมา เพราะเห็นว่าอิลลูมิเนติอยู่ในภาวะสิ้นสลาย
และพวกเขาต้องการจะเป็นผู้ซึ่งใครๆเห็นว่าไม่เคยเกี่ยวข้องกับกลุ่มอิลลูมิเนติก็ตาม
ทว่าผลลัพธ์ก็ยังเป็นบวกอยู่ดี นั่นคือ
พวกเขาไม่ได้โดนสกัดกั้นไว้ในคอกเหมือนที่เป็นมาหรือถูกขัดขวางการกลับใจอีกต่อไปแล้ว
และพวกเขาก็อาจจะพร้อมรับแสงสว่าง



กลุ่มสมาชิกชั้นสูงสุดของอิลลูมิเนติ ซึ่งยังไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่า
อำนาจของพวกเขาลดน้อยถอยลงจนไม่สามารถเรียกคืนมาได้แล้วนั้น
ยังคงใช้อำนาจอิทธิพอต่อแสงสว่าง แต่ก็ทำได้แค่พอจะชะลอไว้เท่านั้น
และไม่สามารถหยุดยั้งการเพิ่มขึ้นของแรงกำลังของแสงสว่างได้

หลายๆวิญญาณที่ดียังมีสภาพความคิดจิตใจซึ่งติดอยู่กับความหนาแน่นระดับที่สาม(third density) นั่นก็คือ
ลืมความเป็นจริงไปว่าพวกเขาได้เลือกเข้ามามีส่วนร่วมในยุคสมัยนี้
อันเป็นอุบัติการณ์ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนเลยในจักรวาล



มันเป็นที่วาดหวังไว้อย่างแรงกล้าว่า ทุกวิญญาณจะยินดีรับแสงสว่างไว้ในขณะที่ระบบเก่าเปิดทางไปสู่ระบบใหม่
และในขณะที่ครอบครัวจากห้วงอวกาศของพวกเรา
ช่วยคุณในการฟื้นคืนดาวโลกกลับสู่สภาพสมบูรณ์แข็งแรงเหมือนที่เป็นมาแต่เดิมและสวยงามเหมือนยุคแรกเริ่ม

ถึงกระนั้น ทุกๆคนก็มีเจตจำนงอิสระในการรับแสงสว่างตามที่พวกเขาได้เลือกไว้ในพันธสัญญาทางวิญญาณ(soul contracts)
หรือมีเจตจำนงอิสระในการสร้างประสบการณ์ของชาติภพแบบนี้ซ้ำอีกในโลกที่มีความหนาแน่นระดับที่สามอื่นๆ(other third density world)



ไม่ว่าจะมีผู้ประจักษ์แจ้งว่าตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาเอง(their true selves)
เป็นสิ่งซึ่งไม่สามารถแยกออกจากพระเจ้า(God)หรือแยกออกจากวิญญาณอื่นๆทั้งหมดได้อยู่จำนวนเท่าใดก็ตาม
ยุคที่ยาวนานของทวิภาวะในอารยธรรมของคุณก็จวนจะจบสิ้นลงแล้ว
พลังงานที่เป็นลักษณะของชาย(masculine energies)อันทรงอิทธิพลซึ่งถาโถมเข้ามานับพันปี
แล้วนำมาซึ่งภาวะสงคราม, ความเหี้ยมโหดและความโหดร้ายทารุณนั้น
กำลังได้รับการปรับสมดุลโดยการไหลท่วมเข้ามาของพลังงานที่เป็นลักษณะของหญิง(feminine energies)
และก่อเกิดดุลยภาพที่มีแต่แสงสว่างได้เท่านั้น




.................

 

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward
โดย Suzanne Ward
เมื่อ 11 กรกฎาคม 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/english/matthew11-07-11.html




ตอนที่ 3


และตอนนี้ มันเป็นน่าพอใจสำหรับพวกเรามากที่บรรดา lightworkers
ซึ่งแต่ก่อนได้รับความเจ็บช้ำจากความล่าช้าในการยอมรับอย่างเป็นทางการถึงครอบครัวชาวจักรวาลของเรา
ไม่ได้ต้องการให้การยอมรับอย่างเป็นทางการนั้นเป็นข้อพิสูจน์ว่า
การเลื่อนระดับของดาวโลกเป็นไปอย่างมั่นคงและรวดเร็วอีกต่อไปแล้ว

เวลาที่เหมาะสมที่สุดแก่การประกาศต่อสาธารณชนเกี่ยวกับอารยธรรมอื่นๆนั้นยังมาไม่ถึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกาศต่อสาธารณชนถึงอารยธรรมบางพวกที่อยู่ท่ามกลางหมู่พวกคุณมานานนับหลายปีดีดักแล้ว
หรือแม้การประกาศต่อสาธารณชนเกี่ยวกับการมาถึงของบรรดาลูกเรือในยานซึ่งกำลังรายรอบดาวเคราะห์โลกอยู่ก็ตาม

ในช่วงรอยต่อนี้ สิ่งแรกที่ต้องนำมาพิจารณาก็คือ
ผู้คนจำนวนมากที่ไม่ได้รับประสบการณ์อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน
ตามกรรมของความหนาแน่นระดับที่สาม(third density karma)ที่พวกเขาได้เลือกไว้
ซึ่งการได้ทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกับบรรดาพี่น้องชาวต่างดาวนั้น
ความลุ้นความตื่นเต้นมันอยู่ที่พวกเขาต้องหันเหทิศทางของเส้นทางแห่งกรรม
และเว้นโอกาสที่จะวิวัฒน์เข้าสู่ความหนาแน่นระดับที่สี่ไป



พวกเราไม่รู้ว่าคุณและบรรดาพี่น้องผู้ใจบุญของคุณจะได้พบปะทักทายซึ่งกันและกันเมื่อใด
แต่เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน ก็ทำให้ช่วงเวลาอันพิเศษสุดนั้นใกล้เข้ามาทุกที
และในระหว่างนั้นคุณจะรู้สึกยินดีกับเรื่องสำคัญอื่นๆที่รุดหน้าไปมากขึ้น




ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต



แม้ว่ามนุษย์จะเป็นคนสร้างพายุฝุ่นขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ในรัฐแอริโซนา
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีการสร้างสภาพภูมิอากาศ
ก็ได้รับการทำให้ระดับความรุนแรงและพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบนั้นลดน้อยลงอย่างเอาจริงเอาจัง

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีการพยายามสร้างความรุนแรงในทำนองนั้นเกิดขึ้นอีก
หรือไม่มีผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาภายหน้าเลยนะ
เพียงแต่จะไม่มีเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายรุนแรงอย่างที่สุดเหมือนที่ผ่านมาเกิดขึ้นซ้ำในลักษณะเดิมอีก

ดาวแม่โลกนั้นจะปลดปล่อยภาวะความเป็นลบ(negativity)ที่มีอยู่
ด้วยวิธีที่ทำให้จบลงได้โดยไม่มีผลเสียหายทางอ้อมอย่างรุนแรงตามมาเหมือนอย่างที่มนุษย์สร้างขึ้น





ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต



และท้องฟ้าของพื้นที่ส่วนใหญ่ซึ่งก่อนหน้านั้นได้รับการแพร่กระจายของสายเคมี(chemtrails)
ตอนนี้ก็ได้รับการทำให้สะอาดหมดจดแล้ว

และเมื่อพวกนักบิน,ช่างเครื่องและคนที่เกี่ยวข้องในการบิน
เพื่อสร้างสายเคมีบางส่วนได้เรียนรู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงของมัน
โดยเรียนรู้ว่าการใส่สารที่เป็นพิษเข้าไปไม่ได้ช่วยอุดรูรั่วในชั้นโอโซนเลย
แต่กลับทำให้ผู้คนเจ็บป่วย ทำให้เกิดมลพิษในอากาศ,น้ำและดินขึ้นมาแทน

พวกเขาจึงปฏิเสธที่จะทำงานเช่นนั้นต่อ
แต่คนอื่นที่ไม่รู้ความจริงในข้อนี้ก็เต็มใจรับค่าตอบแทนอย่างงามเพื่อทำมัน
และเมื่องบประมาณหดหาย พวกเขาก็เลิกจ้าง

อย่างไรก็ตาม การตัดปัญหาทุกอย่างในสถานการณ์เช่นนี้ที่ดีที่สุดก็คือ
การที่บุคคลซึ่งเป็นผู้บงการหรือให้เงินสนับสนุนบางคนกลายเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่โอบรับแสงสว่าง
และความคิดความตั้งใจในการสร้างสายเคมีบนท้องฟ้าของพวกเขาเหล่านั้นจะหายไป



..............

 

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward
โดย Suzanne Ward
เมื่อ 11 กรกฎาคม 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/english/matthew11-07-11.html




ตอนที่ 4


สถานการณ์คุมเชิงกันระหว่างแสงสว่างกับความมืดอาจปรากฏให้เห็นอยู่ในหลายๆเรื่อง
ซึ่งเป็นเรื่องที่การเปลี่ยนแปลงอันน่าประหลาดใจจำเป็นจะต้องเกิดขึ้น
เช่นเรื่องกลุ่มบุคคลในรัฐบาล, เรื่องเศรษฐกิจระดับชาติ, เรื่องการทำลายสภาพแวดล้อม,
เรื่องภาวะมลพิษ, เรื่องภาวะความแตกต่างกันของความร่ำรวยกับความยากจน,
และเรื่องชัยชนะของนักรณรงค์ต่อสู้อิสระในประเทศต่างๆที่ประชาชนถูกกดขี่มาอย่างยาวนาน

ซึ่งหากพูดให้สัมพันธ์แบบเปรียบเทียบกันก็คือ
คนเพียงหยิบมือเดียวก็สามารถนำมาซึ่งการสิ้นสุดการสร้างสายเคมีได้
และสามารถทำให้การใช้เทคโนโลยีอย่างชั่วร้ายลดน้อยลงได้
แต่การไปให้ถึงเป้าหมายสำคัญในระดับสากลทั่วโลกนั้นจำเป็นต้องอาศัยมหาชนจำนวนมาก

และเมื่อขณะที่การพัฒนาเปลี่ยนแปลงอันมีนัยสำคัญอย่างมากเกิดขึ้น
ส่วนใหญ่มันจะเกิดอยู่เบื้องหลังอย่างเป็นที่รู้และยอมรับโดยทั่วกันเงียบๆ
ผลสำเร็จที่เกิดไปทั่วโลกจะค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
แต่ช้ากว่าสถานการณ์ต่างๆที่สามารถหยุดยั้งได้โดยเร็วหรือทำให้เห็นว่ามันมีน้อยลงได้นะ

และเนื่องจากการเดินทางของดาวโลก
นำพวกคุณเข้าสู่ความสั่นสะเทือนที่สูงกว่าไปเรื่อยๆในหลายเดือนข้างหน้า
คุณจึงควรมองเห็นหลักฐานซึ่งแสดงว่าทุกสิ่งทุกอย่างอันมีรากฐานมาจากเจตนาที่มืดมิดกำลังพบจุดจบแล้วมากขึ้นเรื่อยๆ




ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต



ความพัฒนาก้าวหน้าของแสงสว่างบางส่วน
ก็อาจเป็นที่รู้ได้ชัดในบรรดาบุคคลซึ่งได้รับผลกระทบที่กำลังเปิดช่องทางการติดต่อทางจิตไว้หลายช่องทางเท่านั้น

พวกเราขอเตือนเอาไว้ว่า สภาวะการดำรงอยู่ทั้งที่เป็นแสงสว่างและความมืด(light and dark entities)
ต่างก็โหยหาที่จะเข้าถึงคุณกันทั้งนั้น
จงปกป้องตนเองด้วยแสงสว่างแห่งเมตตาธรรม(Christed light)
และตั้งมั่นรับแต่สิ่งซึ่งมาจากแหล่งต้นกำเนิดแห่งแสงสว่างทั้งหลายที่อาจติดต่อกับคุณเท่านั้น

[คุณสามารถใช้การค้นหาและดัชนีในหน้าข้อความของแมตทิวที่ www.matthewbooks.com เพื่อหาคำชี้แนะเกี่ยวกับการสื่อสารทางจิต]



แม้ว่าการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากเหตุการณ์ที่มีนัยสำคัญ
ยังคงเพิ่มจำนวนมากขึ้นอยู่ตามสื่ออันเป็นที่นิยมและฉากต่างๆในสื่อที่ให้ความบันเทิงก็ตาม
แต่ความคิดจิตใจที่ส่องสว่างแล้ว จะสามารถมองเห็นความผิดปกติ
ของบรรดารูปแบบการควบคุมความคิดจิตใจคนหมู่มากได้

การบิดเบือนข้อมูลในอินเทอร์เน็ตถูกส่งต่อผ่านไปเรื่อยๆโดยผู้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่
ดังนั้นจงแยกแยะวินิจฉัยให้มากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆว่าข้อมูลไหนจริงและข้อมูลไหนไม่จริง
และเหนืออื่นใดทั้งหมด จงอย่ารู้สึกกลัวไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไรก็ตาม





ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต


เหมือนตัวอย่างเช่น
วัตถุบนฟากฟ้าซึ่งบรรดานักวิทยาศาสตร์ของคุณให้ชื่อว่า Elenin นั้น
มันไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายต่อดาวเคราะห์โลกของคุณเลยสักนิด

นี่เป็นอีกความพยายามหนึ่งในการสร้างให้เกิดความกลัวไปทั่ว
โดยการเผยแพร่ “ข้อมูลทางราชการที่เปิดเผยในทางลับ” ในฐานะที่เป็น “ข้อมูลซึ่งถูกซ่อนเร้นไว้โดยรัฐบาล”

แม้ว่านั่นจะบอกเป็นนัยว่าคุณไม่สามารถไว้เนื้อเชื่อใจบรรดาผู้นำทั้งหลายในการแจ้งให้คุณรู้ถึงอันตรายที่ใกล้จะเกิดขึ้นได้
แต่เจตนาลับซึ่งแฝงไว้อย่างร้ายกาจก็คือ จงเต็มไปด้วยความรู้สึกกลัวเสียเถอะ!



................

 

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward
โดย Suzanne Ward
เมื่อ 11 กรกฎาคม 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/english/matthew11-07-11.html




ตอนที่ 5




ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต




แม่ครับ ได้โปรดนำข้อเขียนเกี่ยวกับผลกระทบอย่างเต็มที่ซึ่งเกิดขึ้นจากความกลัว
และวิธีที่มันกักขังผู้คนไว้มาแทรกตรงนี้ด้วยครับ สำหรับผู้อ่านที่อาจจะยังไม่เข้าใจถึงมัน



พลังงานของความกลัวสร้างเครื่องกั้นขวาง
ระหว่างสถานการณ์หรือวัตถุที่ทำให้รู้สึกกลัวกับพลังงานของแสงสว่างขึ้นมา

ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าแสงสว่างในวิญญาณของบุคคลที่ถูกเติมความรู้สึกกลัวเข้าไปเอง
หรือแสงสว่างที่ส่งมาให้พวกเขาจากแหล่งต้นกำเนิดแห่งแสงสว่างแหล่งอื่นไม่ว่าแหล่งใด
จึงไม่สามารถเข้าถึงภาวะจิตสำนึก(consciousness)ของพวกเขา
เพื่อสลายพลังที่ความกลัวใช้กับชีวิตของพวกเขาให้หมดไปได้

เครื่องกั้นขวางทำหน้าที่เป็นกำแพงห้องขัง
ซึ่งกำลังสกัดกั้นบุคคลให้แยกออกมาอยู่แต่ภายในความกลัวของพวกเขาและกั้นไม่ให้มีทางออก
ยิ่งไปกว่านั้น ความกลัวยังเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่ขยายตัวมากขึ้นได้
จนกระทั่งมันทำให้พลังงานองค์ประกอบของเครื่องกั้นขวางแข็งแกร่งมากขึ้น
และเพิ่มพละกำลังให้กับอะไรก็ตามที่ถูกทำให้ดูน่ากลัว



และ บุคคลซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกกลัวจะสร้างสรรค์สภาพการณ์ที่เติมความรู้สึกกลัวให้มากขึ้นขึ้นมาให้ตัวเองได้เจอะเจอ
ด้วยกฎสากลจักรวาลแห่งการดึงดูด หรือ “สิ่งที่เหมือนกันดึงดูดสิ่งที่เหมือนกัน(like attracts like)”
กระแสไหลทั้งหลายอันเป็นกระแสที่นำพาพลังงานที่พวกเขาส่งออกไป
จึงดึงดูดกระแสไหลที่ “เหมือนกัน(like)”เข้ามาหา
แล้วนำส่งพลังงานเหล่านั้นกลับไปให้แหล่งต้นกำเนิดที่อุบัติจัดสรรความกลัว



ไม่เพียงความกลัวจะสามารถระบาดติดต่อกันไปอย่างกว้างขวางได้เท่านั้น
แต่เป็นเพราะมันมีพลังในการขยายตัว
กระแสไหลแห่งความกลัวทั้งหลายจึงมีสัมผัสรับรู้คอยดักจับอันเฉียบคมประสิทธิภาพสูง
ที่ดึงดูดปฏิสัมพันธ์อันมีกำลังงานให้สร้างผลขึ้น
โดยปฏิสัมพันธ์นั้นเป็นชนิดที่มันตัดทอนสามัญสำนึก ตัดทอนความคิดที่รู้จักเหตุผล
ตัดทอนความพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและการตัดสินใจอย่างมีสติปัญญาให้ลดลง

ความกลัวนั้นมีเล่ห์ลวงร้ายกาจที่สามารถโน้มน้าวใจบุคคลให้เชื่อว่าหนทางเดียวที่จะหนีได้
ก็คือการผ่านเข้าสู่เส้นทางซึ่งชักนำไปสู่ความกลัวที่ลึกลงไปเรื่อยๆหรือบางครั้งก็ชักนำเข้าไปสู่ความมืดมน

ความกลัวคือบ่อเกิดแห่งอคติ, การปกครองแบบกดขี่, ความโลภ,
การชอบทะเลาะวิวาท, การต้มตุ๋นหลอกลวง, การทำให้เสื่อมเสียเกียรติและศักดิ์ศรี,
ความเคียดแค้นชิงชัง และการทรมานสัตว์ที่ไร้ทางสู้

ซึ่งนิสัยใจคอและพฤติกรรมต่างๆที่ว่ามานั้น
เกิดขึ้นจากจิตใจที่ถูกทำให้บิดเบี้ยวผิดทำนองคลองธรรมและเป็นทุกข์ทุรนทุรายโดยความกลัว



รูปแบบทางกายภาพทุกแบบคือการแกว่งไปมาทางพลังงาน ณ ความถี่หนึ่งหรือในอีกความถี่หนึ่ง
และแต่ละแบบก็ดำรงรักษาความเป็นตัวมันเองอยู่ได้โดยการดึงพลังงานที่ “เหมือนกัน(like)” เข้าไป

ซึ่งรูปแบบหนึ่งที่อุบัติขึ้นมาจากฝ่ายมืดที่มีหัวใจและความคิดจิตใจอันมืดมนนั่นก็คือ ความกลัว

ดังนั้นกฎแห่งการดึงดูดจึงดึงพลังงานที่ปล่อยออกมาโดยบุคคลที่เต็มไปด้วยความรู้สึกกลัวไปให้พวกฝ่ายมืด
โดยบุคคลเหล่านั้นไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองได้เติมเชื้อพลังงานให้กับฝ่ายมืด
ซึ่งฝ่ายมืดจำเป็นต้องใช้ในการดำรงคงสภาพอยู่



ความกลัวยังเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของฝ่ายมืดในการต่อต้านแสงสว่างอีกด้วย
และเหตุปัจจัยที่ทำให้รู้สึกกลัวก็เป็นสถานการณ์ที่มีแต่ได้กับได้สำหรับฝ่ายมืด

พลังงานที่มีลักษณะเหมือนกับความกลัวอย่างมาก
อันทำให้เหล่าบุคคลที่ขี้กลัวอ่อนกำลังลงและกักขังพวกเขาไว้นั้น
ไม่เพียงจะเป็นการเติมพลังงานให้ฝ่ายมืดเท่านั้น
แต่ผู้คนที่ขี้กลัวยังง่ายต่อการควบคุม ง่ายต่อการถูกหลอก
และง่ายต่อการรู้สึกเกรงที่จะท้าทายต่อบรรดาบุคคลผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จซึ่งมีเจตนาและการกระทำอันมีรากฐานอยู่ในความมืดอีกด้วย



ดังนั้น ความกลัวจึงมีพลังอำนาจสูงจริงๆ
แต่แสงสว่างคือพละกำลังอันทรงอำนาจสูงที่สุดในเอกภพ(cosmos)
และผู้คนซึ่งชีวิตอยู่ในแสงสว่างจึงไม่เคยจำเป็นต้องไปกลัวสิ่งใดเลย

แล้วคนที่เกรงกลัวความตายล่ะ จะเป็นอย่างไรบ้าง?
สิ่งที่คุณเรียกว่าความตาย คือการเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบของวิญญาณ
จากกายหยาบเข้าสู่ Nirvana อันเป็นโลกทางจิตวิญญาณของดาวโลกซึ่งพวกคุณหลายคนเรียกว่าสุขาวดี(heaven)

และในแสงสว่างของปริมณฑลอันแสนวิเศษนี้
ผู้คนซึ่งชาติภพที่ผ่านมานั้นมีรอยแต้มเกี่ยวกับความกลัวเอาไว้ให้รู้ จะเตรียมความพร้อม
ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นและได้รับการโจมตีให้อ่อนแอลงได้ยากขึ้นในชาติภพทางกายหยาบครั้งต่อไปของพวกเขา
อันเป็นก้าวแห่งวิวัฒนาการก้าวต่อไปในชีวิตอันเป็นนิรันดรของวิญญาณของพวกเขาเอง



ขอบคุณครับแม่



................

 

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward
โดย Suzanne Ward
เมื่อ 11 กรกฎาคม 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/english/matthew11-07-11.html




ตอนที่ 6 : จบ


การนับถอยหลังถึงช่วงเวลาที่ดาวโลกจะเข้าสู่ยุคทองนั้นกำลังจะมาถึง
ซึ่งจะมาถึงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามแนวคิดแบบเส้นตรงของเวลาของคุณ
ที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องผ่านไปเร็วขึ้นและเร็วขึ้น

จงใช้เวลาที่ยังมีอยู่อย่างระมัดระวัง
จงยอมรับความเป็นเทพเจ้าในตัวเอง
และจงไว้ใจกับเอาใจใส่ในสัญชาตญาณของตนเอง อันเป็นข้อความทางวิญญาณที่ส่งมาให้ภาวะจิตสำนึก

จงปล่อยความคิดที่ไม่สลักสำคัญ, สิ่งที่ดูน่าสนใจและกิจกรรมต่างๆ
ซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกพิศวงอัศจรรย์ใจ อันไม่ปรากฏอยู่ในชีวิตแห่งความหนาแน่นระดับที่สี่ทิ้งไป


ตราบใดที่ยังมีความต้องการอันจำเป็น
คุณก็จะได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวของพวกเราซึ่งมีอยู่ทั่วไปในจักรวาล
ซึ่งก็คือ แสงสว่างในปริมาณที่ล้นเหลือจากแหล่งต้นกำเนิดอันทรงพลังจากกาแล็กซีนี้และกาแล็กซีอื่นๆ
กับการช่วยเหลือทางเทคโนโลยีจากบรรดาลูกเรือในยานที่ล่องอยู่บนท้องฟ้าของคุณ
และจากบรรดาผู้ซึ่งอีกไม่นานนี้จะขึ้นมาบนผิวดิน
รวมทั้งอำนาจอิทธิพลที่กำลังมีมากขึ้นเรื่อยๆของบรรดาพี่น้องผู้ใจบุญของพวกเราที่อาศัยอยู่ท่ามกลางหมู่พวกคุณ



ในขณะที่คุณเตรียมพร้อมเพื่อเป็นสิ่งมีชีวิตแบบหลากมิติ(multidimensional beings)
อย่างเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งทั้งปวงตามสิทธิอันชอบธรรมของคุณนั้น

จงวางใจเถิดว่าข้อมูลความจริงและพลังอำนาจทั้งหมด
ที่คุณจะจำเป็นต้องได้รับมาตลอดนั้นอยู่ภายในวิญญาณของคุณเอง

คุณจะไม่ร้องหาคำตอบจากแหล่งภายนอกอย่างเช่นพวกเราหรือผู้ส่งสารแห่งแสงสว่างตนอื่นอีกต่อไป
เพราะว่าปัญญารู้แห่งกฎสากลจักรวาลทั้งหลายที่มีอยู่ตามธรรมชาติของคุณ
กับความสามารถที่แฝงเร้นไว้ภายในจะช่วยเหลือคุณเป็นอย่างดี

บางทีคุณอาจจะยิ้มขึ้นมาก็ได้เมื่อคุณระลึกรู้ว่า
การรู้แจ้งเห็นจริง(enlightenment)และการชี้แนะ(guidance)
ที่พวกเราป้อนให้คุณมานานหลายปีนั้นคือความรู้ของตัวคุณเองมาโดยตลอด
และทั้งหมดที่พวกเราบอกไปก็เพื่อกระทุ้งเบาๆเข้าไปในแหล่งความทรงจำของคุณ



ถึงวิญญาณจำนวนหลายล้านผู้ต้องการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่ง
ในช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้นที่สุดของจักรวาลทุกจักรวาล
พวกคุณได้รับเกียรติให้เป็นผู้หนึ่งในกลุ่มผู้ที่ได้รับเลือก

จงยินดีในเอกสิทธิ์นี้ และจงยินดีในความรับผิดชอบ
ที่จะต้องทำการรู้จักถึงความรักอันปราศจากเงื่อนไข,เป็นนิรันดรและไร้ขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตแบบแสงสว่างในจักรวาลนี้
อันเป็นผู้ซึ่งอยู่เคียงข้างในทุกย่างก้าวบนเส้นทางของคุณ



LOVE and PEACE

Suzanne Ward

 

เดี๋ยวถ้าช่วงไหนว่าง ผมจะเอาเนื้อหานี้
และเรื่อง Parallel Realities
มาแปลและโพสต์ให้อ่านกันนะครับ
เพราะเห็นว่าน่าสนใจดีครับ

แต่ต้องรอไปซักพักก่อนนะครับ
เพราะตอนนี้มีคิวแปลและโพสต์อยู่อีกเพียบครับ

................................................................................

 

หรือจะเป็นลักษณะมิติซ้อนมิติ ที่ละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ แต่สามารถติดต่อกันได้สำหรับมิติที่สูงขึ้นไปอีก แต่ยังไง โลกต้องปรับเปลี่ยนไปเหมือนเติม ผู้ที่เข้าถึง มิติที่ 5 คงต้องสละกายเนื้อไปสู่กายละเอียดแทน หรือเปล่ารับ