หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ขอขอบคุณมากกกกกก ครับ คืออยากศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพระพิมพ์ของวังหน้าน่ะครับ ถามคนโน้นบ้างคนนี้บ้าง หาอ่านตามกระทู้ต่างๆบ้าง บางที่ก็หาซื้อหนังสือมาอ่าน
เมื่อก่อนก็สะแปะสะปะเหมือนผู้ชายไทยที่ชอบพระเครื่อง ลองผิดลองถูกไปเรื่อย สุดท้ายพอมาเจอองค์พระพิมพ์ของวังหน้า ก็หยุดทุกอย่างครับ องค์พระพิมพ์ที่ผมทำบุญแล้วได้รับมา ผมไม่เคยขายแม้แต่องค์เดียวมีแต่ให้ครับ แต่แปลกนะครับผมยิ่งให้ยิ่งได้กลับมา
ทุกวันนี้ผมแขวนพระพิมพ์ของวังหน้าทุกวัน เพราะเลื่อมใส-ศรัทธา-เชื่อมั่นในอิทธิคุณขององค์พระ (หลายคนบอกว่า พระของผมผิดพิมพ์บ้าง บอกว่าอายุพระไม่ถึงบ้าง)และก็จะแขวนตลอดชีวิตล่ะครับ

 

อภินิหารและประสบการณ์ของพระพิมพ์วังหน้า เป็นอะไรที่แรง เร็วมาก เจอกันทุกๆคนครับ

ผมเองสนิทกับน้องท่านหนึ่งที่เก่งค้าขายพระ เผอิญผมห้อยกริ่งปวเรศก้นทองคำ 2411 ออกนอกเสื้อ เห็นปุ๊บ เล่นทักซะแรงเลยว่า ของใหม่พี่

เพื่อนอีกคน เก่งพระกริ่ง พอโชว์ภาพพระกริ่งก้นทองคำ 2394 ให้ดู ทักทันทีเช่นกันว่า ล้อกริ่งปวเรศครับ

ผู้ไม่ศรัทธา ไม่รู้ ไม่ศึกษา ไม่เปิดโลกทัศน์ ไม่สร้างบุญกุศลทางนี้ มีอัตตาสูง จึงไม่มีประสบการณ์ทางนี้ ยากที่จะเข้าใจ
คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามวิถีทางของผู้เดินตามรอยเซียนตำรา หรือค่านิยมเก่าๆ

พระพิมพ์วังหน้าเป็นยาวิเศษ ที่ทำให้เราหยุดไขว่คว้าหาวัตถุมงคลตามกระแสเซียนนิยมได้ชะงัด
ทำให้เรารู้จักคำว่าพอ,ให้,เผื่อแผ่,อภัย,วางเฉย,เย็น,สุข,บุญ,กุศล,อิทธิคุณ,อภินิหาร,กายทิพย์,กัลยาณมิตร,วาสนา,บารมี ฯลฯ ชัดเจนยิ่งขึ้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นมงคลทั้งนั้นแลฯ

 

ผมคุยกับคุณสาวกธรรมแล้ว คงค้างคืนที่ภูดานไหวันที่ 15 (1 คืน) วันที่ 16 เดินทางกลับและแวะกราบนมัสการพระอาจารย์บุญสวนที่บรบือ ก็คงจะร่วมในพิธีอัญเชิญแก้วเสด็จก่อนกลับ หากท่านสมบัติและท่านสมาชิกธรรมจะร่วมเดินทางมาด้วยก็ได้ วันเข้าพรรษาพระอาจารย์บุญสวนท่านคงอยู่วัดครับ ท่านสมบัติมานอนที่บ้านผมแล้วค่อยเดินทางกลับตาก รถโดยสารที่โคราชก็น่าจะมีนะครับ

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>IT Man, wiwek </TD></TR></TBODY></TABLE>

สบายดีนะครับคุณ wiwek

 

เช่นนั้นก็ได้ครับ ยังไงคุณสมาชิกธรรมลองเผื่อเวลาดูนะครับ

ตอนนี้มีค่าเท่ากันแล้ว เพราะผมลาพักร้อนวันจันทร์เรียบร้อย

 

เห็นท่าน dr. เปิด web ใหม่...เพื่อแสดงพระของอีกตระกูล ชมที่นี่ครับ
ลองแวะไปเยี่ยมดู ถ่ายภาพได้สวยมาก...

 

สบายดีครับ เข้ามาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพระสมเด็จวังหน้าเพิ่มเติม รวมทั้งความรู้ใหม่ ๆ ที่ท่านสมบัติได้ถ่ายทอดให้ได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง และคอยอนุึโมทนาบุญกับทุำก ๆ ท่านด้วยครับ

 

ขอบคุณครับ ความรู้ในเรื่องพระวังหน้าจบไม่ค่อยลงนะครับ เพราะมีมาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ในพลังจิตจะเป็น web วังหน้าฯที่ถ่ายทอดออกมามากหน่อย ซึ่งก็มีบ้างที่อาจจะแทรกเท็จไว้ แต่บอกกันหลังไมค์เฉพาะสมาชิก ทั้งนี้ก็เพื่อดัดหลังพ่อค้า แม่ค้าพระ หรือคนอื่นๆที่เข้ามา copy ข้อมูลไปขาย หรือ copy พระไปทำใหม่ ก็อาจเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งในการป้องกันตัวเอง ทั้งนี้ข้อมูลหลักๆจะมาจากอาจารย์ปู่ประถม กับท่านพี่ท่านหนึ่ง ซึ่งท่านทั้งสองไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว

สำหรับผม นำข้อมูลมาเผยแพร่ส่วนใหญ่ก็รู้มาทั้งฝ่ายรูป ฝ่ายนาม อิทธิคุณ พลังในแต่ละพิมพ์ แต่ละองค์ หรือ...พิมพ์ใช่ เนื้อใช่ แต่ไม่ใช่ เป็นต้น หลายคนรู้อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ครบองค์ประกอบแล้วนำมาเปิดเผยก็เกิดมิจฉาทิฐิ ดันไปทั้งๆที่ไม่รู้ครบฯนั่นแหละ

ก็จะค่อยๆทยอยถ่ายทอดออกมาเรื่อยๆ แต่ข้อมูลสำคัญๆหลายอย่างก็รู้มานานแล้ว
แต่ใครว่ามาอย่างไรก็ว่าตามไปก่อน ค่อยหาจังหวะเปิดเผย เพราะเปิดเผยช่วงที่เชื่อกันอย่างเข้มข้น ก็เหมือนไปขัดแย้งแนวร่วมเดียวกัน (เพื่อเชิดชูพระพิมพ์ฯให้ปรากฏ) ทำให้ผู้ไม่รู้ไขว้เขว ปรามาส ไม่เชื่อถือ และเป็นกรรมกับทุกๆฝ่าย

ดีแล้วครับ ขอให้โมทนาสาธุบุญกุศลต่างๆ ตลอดทั้งธรรมะที่คนเข้ามา post ไว้
แต่โปรดอย่าโมทนาสาธุในข้อมูลของพระพิมพ์วังหน้า-พระกริ่งที่ผมลงไว้นะครับ
อุเบกขาก็พอ...
ปล:
วังหน้าที่เกี่ยวข้องกับพระพิมพ์วังหน้า ที่เราพูดถึงมีดังนี้
1. หลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จฯโต
2. หลวงปู่ปวเรศฯ
3. สมเด็จพระปิ่นเกล้า (ยุค ร.4)
4. หลวงปู่ กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ (ยุค ร.5)

 

เรื่องของหลวงปู่แหวนจากเว็บพลังใจดอทคอม ลองเปิดเข้าไปอ่านดูตามลิงค์นี้ครับ ฮาบ่มีอดีต ฮามีแต่ปัจจุบันและอนาคต ชีวิตของฮาถวายให้กับพุทธศาสนาแล้ว

"หลวงปู่จะเจอเนื้อคู่ในทางทิศนั้นๆ หญิงสาวมีรูปร่างสันทัด ผิวเนื้อขาวเหลือง ใบหน้ารูปโพธิ์ " หลังจากที่ครุ่นคิดถึงคำทายทักของหมอดู ก็พิจารณาว่าท่าทางจะเป็นจริงตามคำทำนาย "เธอคนนั้น" ที่ริมน้ำคงจะเป็นเนื้อคู่แน่แท้ สาเหตุที่หลวงปู่แหวนคิดเช่นนั้น เพราะเพียงสบตาครั้งเดียวก็สามารถทำให้จิตใจเริ่มสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน


แม้จะอยู่ในกุฎิคนเดียว แต่จิตใจไปไกลกว่าในกุฎิ เฝ้าครุ่นคิดถึง "แม่หญิงเนื้อคู่" ว่าจะอยู่รอแม่หญิงให้มาทำบุญที่นี้ตอนเช้า เพื่อสานสัมพันธ์ สลับกับสัจจะที่ให้ไว้กับโยมมารดาว่า "จะตายคาผ้าเหลือง" ระหว่างที่คิดกลับไปกลับมานี้ หลวงปู่ก็นึกถึง "หลวงปู่มั่น" ผู้เป็นครู รวมถึงถ้อยคำสั่งสอนของหลวงปู่มั่นที่วนเวียนในจิตใจ ทันทีทันใด หลวงปู่แหวนตกลงใจแก้ไขสถานการณ์นี้ว่า

"เราต้องรีบกลับเมืองไทย"

เช้าวันรุ่งขึ้น....เป็นจริงตามที่หลวงปู่แหวนคาดคิด หญิงสาวมาทำบุญพร้อมกับแม่ หลังจากฉันอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อย หลวงปู่แหวนเก็บข้าวของออกเดินทางข้ามโขงกลับฝั่งไทมยทันที


กลับฝั่งไทย เจอหลวงปู่มั่น

หลวงปู่แหวนข้ามโขงกลับฝั่งไทยมาพักจำวัดที่พระบาทเนินกุ่ม หินหมากเป้ง ที่นี้เองได้พบเจอหลวงปู่มั่นอีกครั้ง ทำให้ขวัญกำลงใจของหลวงปู่แหวนตั้งมั่น แม้จิตใจคลายความกังวลแต่กลับไม่สามารถลบภาพของ "แม่หญิงลาว" ได้ ภาพของเธอยังคงอยู่ในใจของหลวงปู่แหวนเป็นระยะ

เมื่ออยู่ฝั่งไทย หลวงปู่แหวนได้เร่งภาวนา หวังจะให้ภาพของแม่หญิงลาวเนื้อคู่หายไปจากใจ ช่วงแรกๆ ดูเหมือนจะได้ผล แต่ยิ่งบำเพ็ญภาวนาสะกดกลั้นเท่าไรก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้นเท่านั้น หลวงปู่อธิบายให้ฟังว่า

"คือแทนที่จิตจะดำเนินไปตามที่เราต้องการ กลับพลิกกลับไปหานางงามที่บ้านนาสอง ฝั่งแม่น้ำงม ทีแรกเราได้พยายามปราบด้วยอุบายต่างๆ แต่ไม่สำเร็จ ยิ่งเร่งความเพียร ดูเหมือนเอาเชื้อไฟใส่ ยิ่งกำเริบหนักเข้าไปอีก เผลอไม่ได้ ต้องไปหาหญิงนั้นทันที บางครั้งมันหนีออกไปซึ่งๆหน้า คือ ขณะคิดอุบายการพิจารณาอยู่นั่นเอง มันก็วิ่งออกไปหาหญิงนั้นเอาซึ่งหน้ากันทีเดียว"

เมื่อใช้อุบายธรรมเข้าปราบไม่ได้ผล หลวงปู่แหวนจึงใช้วิธีทรมานกายด้วยการไม่นอนเป็นเวลาหลายคืน แต่ก็ยังไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนอิริยาบถ ให้เหลือแต่"เดินกับยืน" เท่านั้น แม้จะทรมานกายและจิต อย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้จิตเชื่องลงในธรรมได้

สุดท้ายจึงคิดอุบายธรรมใหม่ งดฉันอาหารเพื่อให้กายไม่มีอาหารหล่อเลี้ยง กระตุ้นฮอร์โมนทางเพศ ส่วนทางใจใช้อุบายตาม "กายคตาสติ"

"การพิจารณาธรรมเพื่อถ่ายถอนจิตที่ติดในรูป โดยใช้รูปนั้นเข้าพิจารณา ซึ่งได้แก่ "ภาพของแม่หญิงลาว" มาพิจารณาว่า จิตที่คิดชอบพอรูปหญิงงามนี้เกิดจากที่ไหน โดยแยกพิจารณาตามอาการ ๓๒ ประการ เทียบเข้ามาหากายของตน

พิจารณาให้เห็นถึงความเป็นจริงว่า อวัยวะอย่างนั้น ๆ ของตนก็มี ทำไมจะต้องไปรัก ไปหลง ไปคิดถึง เพ่งพิจารณาทีละส่วน พิจารณาอยู่อย่างนั้น ทั้งกลางวัน กลางคืน ทุกอิริยาบถ

ตอนหนึ่ง การพิจารณามาถึงหนัง ได้ความว่า คนเราหลงรักกันอยู่ที่หนัง หนังเป็นเครื่องปกปิดสิ่งที่ไม่น่าดูไว้ ถ้าถลกหนังออก อวัยวะทุกส่วนก็หาส่วนที่น่าดูไม่ได้เลย เพ่งพินิจดู จนเห็นถึงความเน่าเปื่อย ผุพัง สลายไป ไม่มีส่วนไหนที่จะถือได้ว่าเป็นของมั่นคง

เมื่อพิจารณามาถึงมูตร (ปัสสาวะ) และกรีสะ (อุจจาระหรือคูถ) ของหญิงนั้น ตั้งคำถามขึ้นว่าหญิงนั้นงามน่ารัก มูตรและกรีสะของหญิงนี้กินได้ไหม จิตตอบว่ากินไม่ได้ จึงยกถามอีกว่า เมื่อกินไม่ได้ อันไหนที่ว่างาม อันไหนที่ว่าดี เมื่อพิจารณามาถึงอาการทั้งสอง ยกเป็นอุบายถามจิต จิตเมื่อถูกปัญญาซักฟอกหนักเข้า ก็จนด้วยเหตุผลของปัญญา ยอมอ่อนตัวลง เพราะจนด้วยความจริงและอุบายของปัญญา"


เมื่อหลวงปู่แหวนเห็นจิตของตนยอมอ่อนลงให้กับปัญญาตามความจริงที่เกิดจากการพิจารณา "กายคตาสติ" เพื่อทดสอบตนเอง ว่ายังหลงรักแม่หญิงงามคนนั้นอยู่หรือไม่ หลวงปู่แหวนปล่อยให้ใจคิดถึงภาพของเธอ หลายครั้งหลยหน แต่มาคราวนี้ จิตก็เพียงแค่รับรู้การระลึกถึง "ภาพ" โดยไม่ส่งจิตออกไป หลวงปู่แหวนกล่าวถึงข้อธรรมที่ได้คราวนี้ว่า
"มีความมั่นใจต่อธรรม และความมั่นใจที่จะบวชตลอดชีวิต มีความมั่นคงไม่โยกเยกคลอนแคลนอีกต่อไป"

 

พระพิมพ์ฝีพระหัตถ์ ปี2408 บุทองหรือปิดทอง มีกริ่ง พิมพ์นี้เท่าที่ผมทราบอย่างไม่เป็นทางการก็มีอยู่ประมาณ 43-45 พิมพ์ครับ ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนคงต้องศึกษาเพิ่มเติมเรื่อยๆครับ ที่ผมมีอยู่ก็ถวายพระอริยะสงฆ์ไปบ้าง แบ่งให้เพื่อนธรรมบ้าง คนใกล้ชิดที่รักใคร่ชอบพอไว้คุ้มครองตัวเองบ้าง ที่ผ่านตาก็ประมาณ 30 กว่าองค์ครับ ถ้าหากพบเจอก็อัญเชิญท่านขึ้นมาเถอะครับ สาธุ

พระพิมพ์ในภาพนี้ได้มอบให้ท่านดร.นนต์ และท่านสมบัติไปแล้วครับ

 

ถูกต้องตามนั้นเลยครับ.....โดนใจข้อความตอนท้ายๆน่ะครับ

 

ให้เข้าไปศึกษาใน พิพิธภัณฑ์พระเครื่องศิษย์สมเด็จฯดอทคอม นะครับ

 

ขอขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้เรื่องพระพิมพ์ฝีพระหัตถ์ ปี2408
ไม่คิดว่าพิมพ์นี้จะมีตั้ง 43-45 พิมพ์ ตามความคิดของผม พระพิมพ์ปี
2408 เป็นพิมพ์ที่มีเอกลักษณ์มากที่สุด พิมพ์นึงครับ สงสัยอยู่อย่าง ทุกพิมพ์
ต้องมีระบุปี พ.ศ.2408 ทุกพิมพ์หรือไม่ครับ
ขอให้ บุญรักษา-เทวดาคุ้มครอง ทุกท่านที่เดินทางไปร่วมงานบุญถวาย
กุฏิพ่อแม่ครูอาจารย์ ทุกท่านครับ

 

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ (A นิยม) เนื้อผงผสมปูนแตกลาย สภาพธรรมชาติสวยงามมากอีกองค์หนึ่งของเมืองไทย อัญเชิญมาเพื่อเป็นองค์ครูให้กับผู้มีบุญได้ศึกษา เป็นพระนอกทำเนียบของเซียนครับ

 

ขอบคุณท่านสมาชิกธรรมมากๆครับสำหรับข้อมูลจำนวนพิมพ์
ผมโชคที่ดีที่ท่านพี่ท่านหนึ่งได้เมตตาเล่ารายละเอียดให้ฟังคร่าวๆดังนี้

พระพิมพ์ฝีพระหัตถ์ของวังหน้าแบ่งเป็น 2 ปี พ.ศ.
1. พ.ศ. 2408 โดยสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ มีทั้งสิ้น 44 พิมพ์
2. พ.ศ. 2411 โดยหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีทั้งสิ้น 43 พิมพ์
โดยจำแนกออกมาเป็นปลีกย่อยๆดังนี้
1. พิมพ์สองหน้ามีกริ่ง หน้า-หลัง ไม่เหมือนกัน
2. พิมพ์สองหน้ามีกริ่ง หน้า-หลัง เหมือนกัน
3. พิมพ์สองหน้ามีกริ่ง หน้า-หลังสลับกันกับที่กล่าวมา
4. พิมพ์หน้าเดียว แต่หลายพิมพ์
5. ทุกพิมพ์ที่กล่าวมา...จำแนกเป็นเนื้อ
- ปัญจสิริ มีทั้งธรรมดา,โรยผงพระธาตุและลูกปัดทวารวดี
- สีขาว มีทั้งธรรมดา,โรยผงพระธาตุและลูกปัดทวารวดี
ฯลฯ จำมาได้เท่านี้ :'(
ไว้รอให้พี่ท่านถ่ายรูปมา แล้วผมจะนำมาให้ชมกันนะครับ
การจัดเรียงองค์พระหากหยิบขึ้นมาดู ต้องวางให้ถูกด้าน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็น 86 หรือ 88 พิมพ์เลยทีเดียว อัศจรรย์เปล่าครับท่าน??

 

เห็นตามท่านดร.นนต์ครับ...ค้างคืนที่ภูดานไห(15ก.ค.)เช้า16ก.ค.หลังเสร็จภาระกิจก็เดินทางมานมัสการพระอาจารย์บุญสวน ที่บรบือหลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกทีนะครับ

กำหนดมั้ยครับ ว่าจะต้องถึงภูดานไหช่วงไหน เวลาไหน ทราบว่าจักถวายกุฎิในช่วงเช้า ผมคงไปไม่ทันแน่ก็ให้ท่านดร.นนต์และท่านสมบัติดำเนินการได้เลยตามสะดวกครับ ไม่ต้องกังวลใดๆทั้งสิ้นนะครับ

 

ขอบคุณครับ...เป็นข้อมูลที่ชัดเจนมากที่จริงผมมีเกือบครบ43 พิมพ์ แต่หลังจากมอบให้ท่านทั้งหลายไปเรื่อยๆรวมทั้งพระอาจาร์ยที่เราเคารพ ก็น้อยลงมากโอกาสที่จักหาให้ได้ครบทั้ง43 พิมพ์...คงยาก...และก็งงๆอยู่เหมือนกันเวลาจัดวาง หรือเช็คพิมพ์ มันเบลอครับ ครือๆกันไปหมด.....ตาเริ่มลายครับ

 

สวยงามมากๆครับ
ผมนึกถึงผืนนาเวลาหน้าแล้งที่อิสานบ้านเฮาเลย

 

โมทนาสาธุ...แบ่งๆกันไปชื่นชมครับ หุหุ

เมื่อสักครู่เบลอๆครือกัน ปี 2408 มี 44 พิมพ์
ไม่รู้หน้าตาพิมพ์ที่ 44 เป็นอย่างไรหนอ?

 

ท่าน Dr.นนต์ก็มาไม่ทัน มาทันแต่ผมกับญาติๆพระอาจารย์ทางหนองคาย
แต่กำหนดการไว้แล้วว่าเป็นช่วงหลังฉันเช้าประมาณ 9-10 โมงนิแหละครับ