โดนขังวิญญาณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ainteerati, 14 สิงหาคม 2010.

  1. ithai

    ithai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +154
    คุณจิโป <O:p</O:p
    คุณเคยบอกไว้ ว่า ถวายลาภ ได้ลาภ อันนี้ หมายถึงหากระปุกใส่เงินไว้ส่วนหนึ่งถึงเวลา เงินที่เก็บส่วนนี้ เอาไปทำบุญใช่หรือเปล่าค่ะ<O:p></O:p>
    เจ้าของบ้านคนเก่าเป็นนางรำ ใส่เล็บยาวๆใส่เสื้อมีเพชรเกาะเต็ม <O:p</O:p
    การที่มีเพชรเกาะเต็ม คือบารมีของเขาใช่หรือเปล่าคะ
    <O:p</O:p
    แล้วเราควรแนะนำเจ้าของบ้าน อย่างไรดี

    <O:pในรูปมองไปไม่มีความหมายอะไรสำหรับเจ้าเพราะท่านมายืนข้างขวาของเรา
    คือหน้าเราหันเข้าหิ้งอย่างในภาพท่านจะยืนอยู่ขวามือเรา เหมือนจะเป็นเสา
    ในกำแพง คล้ายว่าหันหน้าหิ้งไม่ถูกทางเพราะตัวท่านยืนตรงนี้แต่เราไปใหว้ตรงนู้น

    <O:p</O:p
    ถ้าท่านยืนอยู่ข้าง ข้าง งั้นเราขอเชิญท่านมาอยู่ตรงที่จัดให้ได้หรือเปล่าคะ เพราะ ถ้าเยื้อง ไปอีก ก็จะใกล้กับประตูห้องนอนพอดี ส่วนหิ้งนี้เวลาเปิดประตูเข้าบ้านก็จะเห็นหิ้งพระก่อน
    เราควรแนะนำเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นพี่ชายของสามี อย่างไรดี ดูแล้วเขามีทุกข์เรื่องลูกผู้ชายที่เกเร ซึ่งอยู่คนละประเทศ

    <O:p</O:p
    มหากรุณาธิคุณที่แทรกในแสงสว่างนี้เราก็ไม่ต้อง
    การ ขอบคุณท่านบุคคลเหล่านี้ย่อมอาจกล่าวได้ว่าพ้นจากกิเลสและอาสวะทั้ง
    หลายทั้งปวงแล้ว"<O:p</O:p
    อยู่ใกล้ผู้รู้ ปัญญาย่อมเกิด ขอบพระคุณ คุณจิโปมากคะ<O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2011
  2. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ithai

    ถวายข้าวพระพุทธบนหิ้งเวลาเราลาข้าวมากิน เราก็พูดว่า เสสังมังคะลังยาจามิ ใช่ใหม
    แล้วเราก็เอาข้าวมากินเป็นศิริมงคล
    ก็เราถวายเงินเป็นเครื่องบูชาเทพที่ท่านชอบเงิน เราก็ลาเงินนั้นในเวลาอันสมควร เอา
    มาใช้ให้เป็นหระโยชน์ต่อเรา เช่นถวายสังฆทาน ซื้อข้าวมากินในบ้าน ตลอดจนซื้อ
    ก๋วยเตี๋ยวมากินซักถ้วย นี่ก็เป็นศิริมงคลต่อเราเหมือนกับลาข้าวพระพุทธนั่นล่ะครับ

    เด็กเกเรเขาต้องเป็นคนดีด้วยตัวเองเราทำอะไรไม่ได้หรอก ทำได้อย่างเดียวคือเป็นตัว
    อย่างที่ดีให้เขาเห็นครับ ถ้าพ่อแม่ทำเป็นตัวอย่างไม่ได้ก็อย่าหวังกับลูกมากนักเลยครับ

    ส่วนเทพ ท่านยืนในที่ๆเหมาะสมกับจิตและตัวท่าน เราเชิญท่านไปในที่ท่านไม่ชอบไม่ได้
    นอกจากมีความดีเหนือกว่าเทพนั้นๆจึงเชิญไปตรงไหนตามใจได้
     
  3. ithai

    ithai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +154
    ขอบคุณคะ ถ้างั้นเวลาไหว้ ก็บอกให้เจ้าของบ้านเขาไหว้เอียงไปทางขวาหน่อย
     
  4. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ทีโอ อยากฟังนิทานก็ไม่บอก จริงอย่างเขาว่า เด็กๆชอบนิทานทุกคน

    นางพญางูขาวมีวีรกรรมอีกนะเป็นนิทาน

    หลังจากภพแห่งจิตและครึ่งจิตผ่านไปนานสมควร ยังมีภพแห่งพราหมณ์เกิดขึ้น
    สมัยนั้นแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ด้วยเพิ่งจะผ่านยุคแห่งครึ่งจิตมา ผู้คนจึงแบ่งแยกชนชั้น
    วรรณะอย่างชัดเจน พราหมณ์ซึ่งใกล้ชิดกับเทพมากที่สุดจึงมีชนชั้นที่สูงสุด
    นางงูขาวมาเกิดยุคนี้เอง เป็นพรามหมณ์หนุ่มน้อยหน้ามน เพิ่งเข้าสำนักในอาจารย์
    เพียงสาม (3อะไรไม่รู้จำภาษาเรียกไม่ได้เอาเป็น4ปีกว่านะ) ก็สำเร็จวิชาไตรแพทย์
    คือแพทย์สามสาขาน่ะล่ะ สมัยนั้นพวกหมอพยาบาลนี่เรียนจากพราหมณ์ทั้งนั้น

    แต่ในสำนักนี้เอง ยังมีศิษย์อาวุโสอีกคนที่เรียนมาเกือบสี่สิบปี (40ปีเฉพาะเรียน) ก็ยัง
    ได้เพียง 1 สาขาเท่านั้น จึงเกิดการแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันขึ้น หนุ่มน้อยนี้เองด้วยว่าสมัย
    นั้นเป็นพญางูขาวซึ่งเป็นสตรี จึงหลงรักพระอาจารย์ที่เป็นชายด้วยกัน แต่ไม่อาจแสดง
    ออกได้ (นี่ความรักเกิดจากจิตใต้สำนึกนะเนี่ย) ส่วนพระอาจารย์ก็รู้แต่ก็เพียงยิ้มๆเพราะ
    รู้ว่าจิตเดิมศิษย์เป็นมาอย่างไร

    ในฤดูบวงสรวงเทพนั้นเอง ได้มีคนเดินทางมาล้มลงที่หน้าสำนัก(ชื่อพูดยาก)นี้ ก็มีลูก
    ศิษย์ชั้นล่างสุดที่ทำหน้าที่ปฏิคมเจอเข้าและรับเข้ามาในสำนักอันเป็นจุดเริ่มแห่งเรื่อง
    (ตั้งนานเพิ่งเข้าเรื่อง อย่าเพิ่งเบื่อ)

    พราหมณ์หนุ่มก็จะรักษา พราหมณ์แก่ก็จะรักษษด้วย แย่งกันรักษา เลยเกิดการประลอง
    กันขึ้นว่ารักษษพร้อมกัน ใครรักษาได้ก่อนชนะ จึงวางร่างของคนป่วยนั้นลงกลางลาน
    พราหมณ์ทั้งสองต่างนั่นคนละข้าง พราหมณ์หนุ่มร่ายอาคมรักษาด้วยฤทธิ์แห่งตบะเก่า
    ที่เคยทำมาสมัยเป็นงู(ซึ่งเจ้าตัวไม่รู้) ส่วนพราหม์แก่ก็รักษาด้วยอำนาจแห่งพระโพธิ์สัตว์
    (หมอนี่อาจารย์เยอะเพราะแก่มาก เลยกราบอาจารย์ไปทั่ว)

    พราหมณ์หนุ่งนั้นร่ายอาคมแล้วจิตจับเข้าสู่กระแสแห่งอรูปฌาณ สัมผัสพลังแห่งตบะ
    บารมีจากแสงสว่างภายในกาย แล้วอธิฐานจิตรักษาด้วยกำลังฌาณ มองเห็นคนป่วย
    ด้วยทิพย์ฌาณ

    พราหมณ์แก่ร่ายอาคมแล้วนึกถึงหน้าพระโพธิ์สัตว์ จิตจับเข้าด้วนรูปฌาณ มองเห็น
    ละอองแห่งแสงสว่างเป็นเม็ดๆที่แฝงอยู่ อันออกมาจากรัศมีของพระโพธิ์สัตว์ แล้วอาศัย
    แสงนั้นส่งมาที่มือ ลืมตามองที่คนป่วยแล้วแผ่ออกมาที่คนป่วยนั้น

    ท่านทั้งหลาย ท่านคิดว่าใครเล่าจะรักษาคนป่วยได้ก่อนกัน นิทานนี้มาจากการมองย้อน
    กลับไปหลายพันปี เห็นเหตุการณ์ดังเกิดต่อหน้าบัดนี้เอง


    เพียงไม่นาน คนป่วยนั้นก็ได้สติ ยันกายลุกขึ้นมานั่งลง พราหม์แก่เห็นดังนั้นรีบยกมือ
    เข้าพยุงร่างใว้(เพราะแกลืมตาตลอด) ส่วนพราหมณ์หนุ่มก็กำลังออกจากอรูปฌาณใน
    ขณะเดียวกันนี้เอง
    ลูกศิษย์ทั้งสองฝ่าย คือพราหมณ์หนุ่มและพราหม์แก่ต่างอุทานกันอึงอล ว่าใครกันจะชนะ
    ใครกันจะรักษาได้ก่อน

    จึงถามคนป่วยว่ารู้สึกยังไงระหว่างไม่ได้สติ คนป่วยจึงตอบว่า "การป่วยที่จิตหาได้รักษา
    ด้วยภายนอกได้ไม่ และไม่อาจรักษาจากภายในได้เช่นกัน"
    พราหมณ์ทั้งสองจึงพากันงงมาก แล้วคนป่วยนั้นก็กลายร่างเป็นพระอาจารย์ของทั้งสอง
    ตอนนี้จึงรู้ว่า ที่แท้พระอาจารย์ใช้วิชานารายณ์แปลงรูปมาลองใจทั้งสอง จึงพากันก้มหน้า
    อยู่ด้วยความละอาย

    พระอาจารย์จึงกล่าวว่า ไม่อาจรักษาจากภายนอกได้คือ รูปฌาณไม่อาจรักษาได้ และ
    ไม่อาจรักษาจากภายในคือ อรูปฌาณก็รักษาไม่ได้ เพราะคนป่วยนี้มิได้ป่วย เพียงแต่
    จำแลงมาด้วยกิเลส จึงต้องรักษาด้วยการใช้ปัญญาจากภายในของคนป่วยเอง

    พราหมณ์แก่ก็น้อยใจลาออกจากสำนัก ไปแสวงหาทางเป็นพระโพธิ์สัตว์ ส่วนนางพญา
    งูขาวก็ได้เลิกให้ความสำคัญกับอรูปฌาณ หันมาศึกษาใหม่จากธรรมชาติ(นิสัยลังเลมา
    จากตรงนี้เอง กรรม) ฤทธิ์ทั้งหลายจึงเริ่มเก็บเข้ากรุจากภพนี้เอง ได้ดอกเบี้ยรึเปล่าไม่รู้นะ
    รึว่าต้องเสียค่าฝากอีกก็ไม่รู้

    ต่อไปจะอธิบายส่วนของฤทธิ์ของรูปฌาณและอรูปฌาณจากตัวอย่างของสองจอมยุทธ

    รูปฌาณของพราหมณ์แก่ เกิดจากรูปของพระโพธิ์สัตว์จิตจับที่รูปจากมโนจิต เกิดการละ
    กา่ยสังขารด้วยจับที่พระเวทย์อาคมในขณะเดียวกันเพียงเสี้ยววินาที ในขณะที่เห็นรูป
    ของพระโพธิ์สัตว์ปรากฏ จิงมีรัศมีงดงามแผ่ออกมาด้วยเป็นฌาณสี่ จึงลืมตาขึ้นด้วย
    การฝึกฝนมายาวนาน เลยเกิดการเข้าฌาณสี่ลืมตาทำให้ภาพในโลกนี้และนิมิตในมโนจิต
    ซ้อนกัน ทำให้เกิดการแทรกมิติของละอองแสงสว่างที่เกิดจากใจแผ่ออกมาเป็นแสงที่มือ
    ได้

    ส่วนพราหมณ์หนุ่มหลับตาเข้าสมาธิ ละกายสังขารด้วยพระเวทย์ แต่สัมผัสพลังแห่งพญา
    งูขาวด้วยเคยชินจากอดีต ทำให้จิตจับที่พลังที่สัมผัสได้ เกิดแสงสว่างแห่งอรูปฌาณด้วย
    พลังนั้น และมองเห็นร่างคนป่วยด้วยทิพย์ญาณในขณะนั้นเอง มโนจิตอันละเอียดแยบคาย
    พลังใจที่เข้มแข็ง ความมุ่งมั่นที่จะเข้าสู่มรรคแห่งอรูปเปี่ยมล้นจึงเกิดฤทธิ์

    นิทานเรื่องนี้ต้องเห็นเองจึงมันส์ เพราะผมเล่าไม่เก่งเอาเป็นว่า ฤทธิ์ของพญางูขาวจิตละ
    เอียดขนาดเกือบเท่าพระโพธิ์สัตว์ จะมีฤทธิเหมือนเดิมต้องทำจิตเท่าเดิม ทำได้ใหมล่ะ.
     
  5. i3lack

    i3lack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +102
    :cool: ลองจินตนาการดูแบบในจอทีวีแบบหนังจีนคงมีเอฟเฟคฟู่ฟ่าน่าดูเชียวละครับ
     
  6. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    นี่นางพญางูขาว เกิดการน้อยใจที่รักษาไม่สำเร็จ ก็เลยกลับไปทำแบบนิสัยเดิม ตรงจุดนี้เอง ที่ทำให้นางพญางูขาวลังเลน่ะเหรอ

    ถ้าอย่างนั้น นางพญางูขาว ก็คงต้องทำอรูปฌานแบบเดิม แล้วจำตรงที่เคยเข้าไปในอรูป เห็นแบบพระแม่กวนอิม แผ่รัศมีออกมาแบบนั้น งั้นสิ

    ก็ต้องทำพรหมวิหารสี่ + แสงเหมือนเดิมน่ะสิคะ เฮ้อ!
    งั้นฤทธิ์นางพญางูขาว ก็น้อยกว่าพราหมณ์แก่น่ะสิ เหรอคะ

    นี่จิตเดิมนางพญางูขาว ชัดแจ่มเลยนะคะ
     
  7. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ฤทธิ์เขาก็เอาใว้เล่นสนุกๆแก้เซ็งไปวันๆ จะมีฤทธิ์มากฤทธิ์น้อยสำคัญตรงไหนกัน
    แล้วถ้าฤทธิ์มากเป็นเจ้าแม่เดินไปไหนมีคนกราบใหว้จะปลีกตัวไปเที่ยวก็ลำบากนา
    ทำอรูปเป็นรูปง่ายกว่าทำรูปเป็นอรูปนะ คิดดูดีๆ แค่ทำแบบเอามารวมใว้ที่มือกำใว้
    แล้วกำหนดขอบเขตของสัมผัสเห็นมันเป็นก้อนแสงนี่ก็รูปแล้วล่ะ ทำเป็นลืม.
     
  8. tniak

    tniak สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอถามคุณ จิ-โปหน่อยครับ คราวนี้มานอกเรื่อง คือผมอยากทราบว่าสัตว์หรือครึ่งคนครึ่งสัตว์ในวรรณคดีต่างๆนี่มีจริงหรือเปล่าครับ เช่น กินรี กับนางเงือก หรือ ม้ามีเขาตามของพวกตะวันตก ไม่ทราบคุณ จิ-โป เคยพบบ้างหรือเปล่าครับอยากให้ช่วยแชร์ประสบการณ์ให้ฟังสักหน่อย แล้วอีกข้อหนึ่งครับพญานาคกับมังกรนี่ต่างกันหรือความจริงแล้วคือเหมือนกันแต่ต่างตรงที่ชาวจีนกับไทยเชื่อต่างกันเท่านั้นเองครับ ขอบคุณครับ
     
  9. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    อ่านนิทานแล้วนึกภาพตามได้เป็น ช๊อต ๆ เลย เสียดาย บุญบารมี ไม่พอ หรือมี แต่
    กิเลสบัง หุหุ เลยไม่ได้ไปทัวส์แบบพี่จิ-โป เลย

    ตอนนี้มานึกย้อนกลับไปว่า ตอนเด็ก ๆ เคยทำกรรมอะไรไว้บ้างที่พอจะนึกได้ก็มี

    จับกบมาหักขาตรงส่วนของข้อต่อ // ตอนนี้คาดว่าจะใช้กรรมอยู่ เพราะปวดหัวเข่าหรือข้อเข่าเสื่อม
    จับกบมาผ่าท้องตามเพื่อนที่เรียนสายวิทย์ ที่มีผ่ากบ
    ตกปลา อันนี้ก็น่าจะได้รับบ่อยเหมือนกัน เพราะ เป็นร้อนในบ่อย
    ตีงู ตีตะขาบ ตีแมลงสาบ ฆ่ามด ฆ่ายุง

    ดู ๆ แล้ว เยอะเหมือนกันนะเนี้ย
     
  10. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196

    กินนรีไม่เคยเห็น นางเงือกเคยเห็น ม้ามีเขาไม่เห็น พญานาคเห็นเหมือน
    ในวัด ส่วนมังกรก็เห็นเหมือนในหนังสือจีนครับ แต่รายละเอียดเขาไม่สีสัน
    สวยงามเท่าหนังสือ เคยเห็นพญานาคราชท่านหนึ่งจิตของผมเข้าไปดูใกล้ๆ
    เล็กประมาณเท่ารอยต่อของเกล็ดท่าน เห็นเพียงหนึ่งเกล็ดใกล้ๆสีดำสนิท
    เป็นเงารัศมีสะท้อนออกมาเป็นสีรุ้ง แค่เกล็ดเดียวของท่านก็บังจิตผมมิด
    ไม่อาจจะถอยออกมาเพื่อชมบารมีได้ทัน ท่านมาสั่งสอนให้รู้ว่าใหญ่กว่าเรา
    ยังมีอีกน๊า เราเล็กไปถนัดตาเลยครับ เรียกว่านั่งสมาธิลงไปปั๊ปก็ปรากฏตรง
    หน้าทันทีใกล้ๆประมาณหนึ่งศอก ยังไม่ทันจะตั้งตัวพอตั้งตัวได้ท่านก็เลื้อยพ้น
    ส่วนหางท่านไปแล้ว แสดงว่าจิตผมไม่เร็วพอด้วย

    ส่วนสัตว์อย่างอื่นเคยเห็นแปลกๆเช่นหน้าเป็นวัวตัวเป็นพญานาคแต่มีขาสี่ขา
    คล้ายมังกร เป็นพาหนะของใครขี่มาไม่รู้ มองผาดๆไม่ได้ถามเห็นแปลกดีเลย
    จำได้ติดตา
     
  11. panup

    panup Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +57
    เข้ามาอ่านสักสองสามวันที่ผ่านมา คิดว่าจะโพส์ดีหรือไม่ดี แต่อ่านไปเจอคุณ จิ-โป เขียนไว้ว่า
    ฤทธิ์มีไว้เล่น ๆ แก้เซ็ง เลยต้องเข้ามาแสดงความยินดีด้วย แต่ถ้าเมื่อไหร่เข้าสู่กระแสแห่งโลกธรรม ๘ มีเงิน มีเกียรติ ... มาแวะเกี่ยวข้องด้วย แสดงว่ามีโอกาสผสมโลกวิญญานกับโลกของตน โดยเอาความคิด ความต้องการ ความอยาก ... อัตตาของผู้นั้นมาปนเปกันไป

    แต่ถ้ารู้ทันก็จบ

    ไอ้แค่รอเวลา หรือถึงกาล เปรียบเสมือนซื้อตั๋วเครื่องบินไว้แล้ว แต่รอเวลาขึ้นเครื่อง ปัญหาคือ หาคนที่ซื้อตั๋วเครื่องบินด้วยกันไม่ได้ หาเพื่อนคุยแก้เซ็งไม่เจอ ใช่ไหมคุณ จิ-โป

    ผมเข้ามาอ่านนี่ได้ความรู้ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทั้งจากเจ้าของกระทู้ คนตอบต่าง ๆ ไม่น้อยขออนุโมทนาด้วย

    เหมือนกับเครื่องรับ - ส่ง วิทยุ ไอ้การเป็นเครื่องรับได้นี่ก็ว่ายากแล้ว แต่ที่ยากกว่าคือการเป็นเครื่องส่ง
    มันจูนยากจริง ๆ
    แค่นี้ก่อนครับ ว่าง ๆ จะเข้ามาคุยด้วยช่วงเช้า ๆ

    ปล. เห็นคำถามข้างบนขอช่วยเสริมให้ เรื่องสัตว์ในวรรณคดี ในส่วนผมเห็นแล้วจำได้ คือ พญาครุฑ ม้าสีขาวมีเขา แต่ถ้านอกวรรณคดีมีมากมายแล้วแต่คนครับ ถ้าเอาเฉพาะที่ผมเห็น เช่น กาขาว งูสามห้ว งูห้าหัว
    แต่ถ้าเป็นคนมีหัวเป็นควายก็เห็นเป็นประจำ
    ส่วนที่เห็นบ่อยที่สุดก็คือคนเรา ๆ นี่แหละ ดูไปดูมาภายในกลับเห็นเป็นอย่างอื่น เช่น มีตาเดียว หน้าเป็นตะปุ่มตะป่ำ มีเขา หน้าตาน่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง แต่ ๆ เชื่อใหมครับคนพวกนี้ที่ผมสัมผัสด้วย ส่วนมากเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ตำรวจ
    ผมก็เป็นพวกนี้แหละ เลยอยู่ด้วยความเซ็ง รอเวลาเมื่อไหร่จะเป็นเครื่องส่งวิทยุ แก้เซ็งได้บ้าง อันนี้เป็นคำถามคุณ จิ-โป ครับ
     
  12. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    จ๋า..จ๊ะ ไม่ได้เอาไว้ใช้แบบนั้น แบบว่าอยากมีกำลังใจอย่างน้อยเราก็ยังมีฤทธิ์กับเค้าบ้าง ไม่ใช่ฤทธิ์แบบเหาะเหินเดินอากาศได้แบบนั้นนะ เอาแค่ว่า ดูตัวเองได้โดยไม่ต้องอาศัยใครให้เค้าลำบากเสียเวลางัยจ๊ะ

    จะได้เก่ง ๆ ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งใครอีกงัย แค่นั้นเอง คือจุดประสงค์

    แต่ถ้าฤทธิ์นั้นเกิดจากการละกิเลส แล้วมาเองก็ไม่เป็นไร ก็จะตั้งใจทำต่อไปค่ะ แม้บางวันอาจจะรู้สึกท้อบ้าง สภาพคนในครอบครัวรุมเร้า ให้เราไม่สบายใจบ้างก็ตาม ก็ต้องอดทนกับมันให้ถึงที่สุด ในเมื่อเราเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าพ้นกรรมเราก็ไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจกับครอบครัวหรอกจริงมั้ยคะ

    แม้วันนี้เราจักทำดีซักแค่ไหน
    ไม่มีผู้ใดมองเห็นเป็นจริงหนอ
    ได้แต่มองรอคอยและเฝ้ารอ
    ให้เราหนอประคบประหงมทุกทีไป
    มองเห็นแล้วยิ่งอนาจในใจแท้
    ของเพียงแต่กำลังใจเกิดขึ้นได้
    ที่แผ่ให้ขอขอบคุณเกิดจากใจ
    จะจำไว้ในใจมิลืมเลือน
    เสมอเหมือนผู้มีพระคุณทุกหนไป
    จะไม่ให้ท่านต้องเสียแรงเปล่า
    ข้าพเจ้าจะตั้งใจไม่เสื่อมคลาย
    พระนิพพานในใจอยู่หนใด
    จะจำไว้จงหามาให้พบเจอ

    อนุโมทนาผู้มีพระคุณทุกท่านจากใจงูน้อย
     
  13. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    มี พี่ panup อีกหนึ่งคน ที่จะมาเล่าประสบการณ์ ให้ฟัง ขอบคุณครับ ชอบ ๆ

    ส่วนประโยคนี้ ถ้า พี่ panup พูดแบบนี้ ก็แสดงว่า แรพพิเรี่ยน มีจริงอ่ะสิครับ
    เรื่องต่าง ๆ ที่ผมเคยอ่านมาก็เริ่มมีเค้าโครง ความจริงมากขึ้น:d
     
  14. i3lack

    i3lack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +102
    :cool: เยี่ยมเลยผมรอเก็บข้อมูลอย่างเดียว ฮี่ ๆ
     
  15. panup

    panup Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +57
    ในโลกแห่งวิญญาน รูปที่ถูกปรุงแต่งขึ้นหลากหลายมาก ถึงมากที่สุด แต่คนที่เห็นจริง ๆ ก็คือคนนั้น ๆ เท่านั้น คนอื่น ๆ ที่ไม่เคยเห็นจริง ล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อสืบต่อกันมา สำหรับผมเรียกว่า "รูปมาตรฐาน"

    ถ้ายังไม่เคยเห็นด้วยตนเองอย่าพึ่งเชื่อครับ เชื่อไว้ก่อนได้ แต่อย่าสนิทใจ เพราะ เพราะถ้ายังสงสัยแม้แต่เพียงนิดเดียวภายในจิตไต้สำนึก เขาเรียกว่า หลง แต่ถ้าไม่สงสัยเลยเขาเรียกกันว่า ศรัทธา แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะครับ

    คนปกติโดยทั่ว ๆ ไปไม่มีทางเห็นได้หรอกครับ แม้แต่สัมผัสยังไม่ได้เลย แต่ถ้าอยากเห็นจริง ๆ มีความมุ่งมั่นจริง ๆ ฝึกเอาครับ หนักมากหน่อยแต่คุ้มครับ

    แต่ถ้าจะเลือกทางลัด รับวิญญานแฝง อันนี้ไม่ขอแนะนำครับ ได้ไม่คุ้มเสีย โดยส่วนตัวผมตั้งแต่รู้มานี่ยังไม่เคยเห็นใครได้แม้แต่คนเดียวครับ (ยกเว้นพวกมาตั้งแต่เกิด)

    ปล. ม้ามีปีกก็เคยเห็นครับ เคยขี่ด้วย แต่ไม่รู้ว่าใช้ประโยชน์ หรือ ทำอะไรได้บ้าง สงสัยต้องเป็นคำถามคุณ จิ-โป อีกแล้วครับ
     
  16. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    สวัสดีคะ hello4 แวะเข้ามาอ่านนิทานของ คุณทู กะ คุณจิ-โป ..สนุกดีจัง..วันหน้า กรุณาเล่าอีกนะคะ....

    ศิลามณี ก็มีเรื่องมาเล่ากับเขาด้วยคะ...แต่ไม่ใช่นิทานนะ เป็นเรื่องจริงๆคะ คือเมื่อหลายคืนก่อน....ผ่านมาได้สัก 5-6 วัน ....ตอนดึกๆ ขณะนอนหลับ ศิลามณี เห็นแสงสว่างวาบ ลักษณะเหมือนวิ่ง หรือ พุ่ง เข้ามาเป็นดวงกลม ในห้องนอน แถวๆบริเวณตู้ไม้โชว์ ที่ใส่ผลึกหินต่างๆ และ วัตถุมงคลต่างๆ พร้อมกับมีเสียงดังเหมือนของหล่น ดังแก๊ง...ศิลามณี เลยตื่น และ ลุกจากเตียงขึ้นมาดู ว่าอะไรตก ... มองดู..ก็ไม่เห็นว่ามีอะไร...เลยนอนต่อ

    ผ่านไปสักสามวัน ศิลามณี ยืนดูของในตู้... เห็นตรงจักรที่ ศิลามณี วางไว้บนพานทอง เห็นมีเม็ดอะไรไม่ทราบผุดออกมา 2 เม็ดด้านข้าง กับอีกเม็ดเล็กๆที่ด้านบน สีออกน้ำตาลแดง คล้ายโกเมน ศิลามณี ลองเอานิ้วไปแตะๆดู มีของเหลวเป็นน้ำติดนิ้วออกมาด้วยคะ...ไม่ทราบว่าเป็นอะไร เดี๋ยวช่วงบ่ายศิลามณี จะเอารูปลงให้ดูนะคะ...
     
  17. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275

    ยินดีต้อนรับนะครับ
    ...................
     
  18. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    คนปกติโดยทั่ว ๆ ไปไม่มีทางเห็นได้หรอกครับ แม้แต่สัมผัสยังไม่ได้เลย แต่ถ้าอยากเห็นจริง ๆ มีความมุ่งมั่นจริง ๆ ฝึกเอาครับ หนักมากหน่อยแต่คุ้มครับ

    แต่ถ้าจะเลือกทางลัด รับวิญญานแฝง อันนี้ไม่ขอแนะนำครับ ได้ไม่คุ้มเสีย โดยส่วนตัวผมตั้งแต่รู้มานี่ยังไม่เคยเห็นใครได้แม้แต่คนเดียวครับ (ยกเว้นพวกมาตั้งแต่เกิด)

    ปล. ม้ามีปีกก็เคยเห็นครับ เคยขี่ด้วย แต่ไม่รู้ว่าใช้ประโยชน์ หรือ ทำอะไรได้บ้าง สงสัยต้องเป็นคำถามคุณ จิ-โป อีกแล้วครับ[/QUOTE]

    ใช่ครับไม่เคยเห็นก็อย่าพึ่งเชื่อ แค่เพียงรู้ว่ามีก็พอ เพราะบางเวลาอย่าง
    พญานาคราชก็อาจแปลงเป็นอย่างอื่นมาคุยกับเรา ไม่ได้มาในรูปแบบที่เรา
    เห็นในวัด อย่างเทวดานางฟ้าก็ไม่ได้นุ่งน้อยห่มน้อยมาให้เราเห็น ท่านก็กลัว
    เราเกิดกิเลสเหมือนกัน อันจะเป็นบาปกับตัวท่านเองโดยไม่ตั้งใจด้วย
    เราต้องสังเกตุการแต่งกายเองถึงพอจะเดาได้ว่าท่านเป็นใครแปลงมาคุยกับ
    เรา บางทีก็สังเกตุจากมงกุฏที่สวม

    ส่วนสัตว์ที่เราเห็นในทิพย์ ท่านว่าเอาใว้ใช้ในโลกทิพย์ อย่างเราเข้าไปถ้า
    เราจะเหาะจะต้องใช้กำลังชวนะจิตอย่างน้อย 3 ดวงเพื่อเหาะไป แต่ถ้าเรามี
    พาหนะอย่างม้าบินหรือนก เราจะใช้ชะวะนะจิตเพียงดวงเดียวในการเหาะไป
    ทำให้เรามีกำลังมากขึ้น อยู่ได้นานขึ้นและมีสติเห็นรอบข้างได้มากกว่าปกติ

    หากแต่พระที่เก่งๆท่านใช้เพียงยันต์หรืออักขระในการบินไปที่สร้างขึ้นมาด้วย
    อาคมนั่นก็ใช้กำลังเพียง1ชะวะนะจิตเหมือนกัน ท่านก็จะนั่งท่าสมาธิแล้วข้าง
    ล่างซ้ายขวาหน้าหลังจะเป็นยันต์บินไป ก็เคยเห็นเหมือนกันแสดงว่าท่านเก่ง
    มากๆ เพราะบินได้ด้วยกำลังของตัวเองและใช้พลังงานน้อย
     
  19. tniak

    tniak สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณคุณจิ-โป คุณpanup มากครับที่ช่วยมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง โดยส่วนตัวผมชอบและอยากรู้เกี่ยวกับสัตว์ในวรรณคดีและสัตว์แปลกๆเป็นพิเศษ แต่ตัวเองยังไม่เคยถึงขั้นที่ถอดจิตออกไปดูหรือเห็นนิมิตต่างๆได้เลย ส่วนใหญ่นั่งสมาธิเวลาเห็นภาพนั้นภาพนี้ก็จะคิดว่าจิตคงฟุ้งซ่านไปซะมากกว่า เพราะผมยังแยกระหว่างภาพนิมิตกับความคิดที่อยู่ๆก็เกิดขึ้นมาเองคล้ายๆความฝันไม่ออกว่ามันต่างกันตรงไหนครับ แล้วถอดจิตออกไปนี่ความรู้สึกสัมผัสนี่เหมือนกับที่เราตื่นอยู่หรือเปล่าครับ อันนี้ขอตั้งเป็นคำถาม อยากให้คุณจิ-โป กับคุณpanup ช่วยอธิบายเพื่อเป็นแนวทางในการปฎิบัติต่อไปให้ฟังหน่อยครับ ขอบคุณมากครับ
     
  20. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1514670/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...