โดนขังวิญญาณ

ผมเคยถามหลวงปู่ทองทิพย์เกียวกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ผมถามว่าหลวงปู่ว่าหลวงปู่ครับพระพุทธเจ้าเกิดได้เฉพาะที่อินเดียเท่านั้นเหรอครับหลวงปู่บอกว่าเิกดที่นี้ก็ได้แล้วแต่ว่าสมบัติอยู่ที่ไหน แล้วอีกคำถามผมถามว่าพระมหาโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มแล้วท่านมีที่อยู่เฉพาะไม่ใช้เหรอครับจะมาปะปนกับมนุษย์ไม่ได้ไม่ใช้เหรอครับ ทา่นตอบว่าถ้าเหตุการณ์ไม่ปกติอย่างนี้อยู่ได้[/QUOTE]


ครับพระพุทธเจ้าคงไม่ใช่แขกปาธาณเสมอไป อาจจะเกิดรอบๆชมภูทวีป
คือรอบๆอินเดีย แต่จะต้องเข้าไปบำเพ็ญ ไปตรัสรู้ที่ชมภูทวีปที่เดียวเท่านั้นครับ

ส่วนพระมหาโพธิสัตว์แบ่งจิตไปเกิดหรือไปแทรกร่างได้เช่น พระโพธิ์สัตว์ที่
ไปเกิดเป็นนกแขกเต้า เป็นช้าง เป็นพญานาคราชให้หมองูเอาไปแสดงรำงู
ก็เพื่อสร้างฐานจิต ปูทางเพื่อคนทั้งหลายจะเจริญในศาสนาของพระองค์เมื่อ
มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า ไม่งั้นบารมีเต็มนั่งลอยอยู่ในวิมาณ
ถึงเวลามาเป็นพระพุทธเจ้ามองซ้ายขวาไม่มีพระอัครสาวก มองลงมาก็ไม่มี
สาวกเลย ก็เป็นได้เพียงพระปัจเจกพุทธเจ้าเท่านั้นเอง ไม่ได้ปูฐานจิตใว้ให้
ใครก็สอนใครไม่ได้ครับ เขารับธรรมนั้นไม่ได้

 

ไล่ยากมากนักก็เรียกเข้าหุ่น ตัดหัวทิ้งเลยครับ แล้วค่อยมารักษาร่างทีหลัง.

 

อ่านไปอมยิ้มไป ตอบยังไงถึงไม่เป็นอันตรายแล้วยังไงที่เป็นอันตรายล่ะหนอ.
คนธรรมดาคือยังไง แล้วท่านที่เป็นอริยะท่านก็ไม่มาถามเพราะท่านก็รู้อยู่แล้ว
แล้วการปรามาส การตำหนิติเตือนมันก็มีในทุกระดับชั้นจะตอบยังไงไม่ให้เขา
เป็นบาปอกุศลนั้นก็เป็นไปไม่ได้เพราะใจเขาเราห้ามไม่ได้หรอก

ข้อ1นั้น ผมก็ไม่เคยสงสัยในการมาการไปของท่านว่าจะมาจากไหน ที่หลับ
ที่นอนเป็นยังไงเพราะแม้กระทั่งชื่อผมก็ไม่เคยคิดจะถามแม้ว่าแค่คิดว่าท่านชื่อ
อะไรมันก็ปรากฏในใจเรา แต่ในสภาวะที่เราถามกันมันเอาแต่เนื้อๆ น้ำๆไม่มีเลย
พระทางทิพย์ท่านนิ่งมาก บางทีถามคำถามแต่ได้คำตอบเป็นอารมณ์ ก็ต้องทำ
อารมณ์นั้นตามท่านเท่านั้นพอ ละทิ้งความสงสัยที่จะถามทั้งหลายไปซะก็บ่อย

ข้อ2 นั้นถามมาแบบนี้แสดงว่าไม่เห็นซึ้งถึงอินเดีย ไม่ได้หมายความว่าต้อง
ประสูติที่นั้นเสมอไปอาจจะรอบๆข้างแต่ไปศึกษาไปตรัสรู้เห็นสัจจะธรรมตรงนั้น
ก็ได้ เพราะตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าองค์แรก จนมาองค์ปัจจุบัน อินเดียก็ยังคง
เป็นอินเดีย มีการติดต่อเทพอย่างใกล้ชิด มีหลากหลายศาสนา ไม่มีการแก่ง
แย่งจารีตคำสอนต่างๆ ตลอดจนวิชั่นของคนธรรมดามันเหนือยุคเหนือสมัยใน
โลกอันนี้ ท่านจึงกล่าวใว้ว่าพระพุทธเจ้าจะต้องตรัสรู้ที่ชมภูทวีปเสมอๆ แล้ว
ตกลงชมภูทวีปมันไทยรึอินเดียก็ไม่รู้นะ อินเดียวันนี้ยังคงมีชีเปลือย เดินขอข้าว
กินโดยคนใส่ยืนใส่ข้าวในมือ หรือโยคีที่ต้องถือสามง่าม ก็ยังคงมีมาทุกยุคสมัย
แล้วคนทำบุญก็ทำมาเรื่อยๆ เป็นบ้านเรามาเดินแก้ผ้าเป็นอันจบกัน ไม่เข้า
โรงบาลบ้าก็เข้าคุกกันล่ะ

จึงกล้ากล่าวได้ว่าจากการประเมิน ตลอดจนในคัมภีร์ทั้งหลายท่านว่า
การที่เกิดมาแล้วจะเห็นสัจจะธรรมการหล่อหลอมรวมแก่นของศาสนา
เข้าด้วยกันในยุคที่ไม่มีศาสนานั้น ต้องเป็นอินเดียเท่านั้นที่จะมีพระพุทธ
เจ้าได้ครับ[/QUOTE]


ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ ข้าพเจ้าขอขมาต่อพระอรหันต์ทุกพระองค์ด้วยข้าพเจ้านั้นถามด้วยความสงสัยอยากรู้จริงๆมิได้มีเจตนาปรามาสลบหลู่ท่าน โปรดอภัยให้ด้วยเทอญ

 

ชื่อ จักรพงษ์ เกิดปรางค์ ชื่อเล่น โอเล่ ตึกอยู่แถวตลาดนัด ซ.บัวขาว พัทยาใต้ครับ ที่พี่เล่ามานั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นใช่ปะครับ หรือเป็นเรื่องในอดีต หรือเป็นเรื่องที่ผมคิดอยู่แล้วควรจะทำต่อ อ่านแล้วพอจะงงงงอยู่บ้าง ที่ว่าทำไมมี 2 เหตุการณ์ (2ผลิตภัณฑ์) ผมควรจะทำเองหรือครับ พี่กำลังบอกอะไรผม หรือควรจะเซ้งตึกออกไปดี แต่ที่พี่แนะนำมาก็เข้าทีนะครับ
แล้วที่พยายามทำธุรกิจต่างๆไม่เฉพาะเรื่องตึก แล้วไม่ค่อยประสบความสำเร็จครับ เป็นเพราะเหตุใดกันหนอนี่ รบกวนพี่อีกครั้งครับ

 

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1498170/[/MUSIC]

 

พี่แกเค้าสงสัยว่า มันเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคต
หรือเป็นเหตุการณ์ที่เค้าควรจะหาคนตามที่พี่จิ-โป บอกมา

พี่แกอยากจะรู้ว่าทำมัยถึงทำอะไรไม่รุ่ง แกติดอะไรหรือเปล่า แกสงสัยเรื่องนี้ค่ะ

 

พี่แก login เข้าไม่ได้ แกบอกไม่มีบุญ 55

 

เออ! ตกลงหนูกินไก่ได้หรือยังคะ ลืมถาม

แล้วตกลงพรุ่งนี้วันวิสาขบูชา ต้องทำอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า เช่น ทำสังฆทาน อะไรแบบนี้น่ะค่ะ

เออ! อีกเรื่อง จะปลูกบ้านตรงนั้นได้หรือยังคะคือหนูว่าจะกู้เงิน ธอส. ไม่รู้ว่าจะเวิร์คหรือเปล่า ตรงที่มีรอยแยกหลังบ้านนั่นน่ะค่ะ ตอนนี้แม่เค้าต่อโรงขนมไปตรงที่รื้อบ้านหลังเก่าออก หนูกะว่าจะไปนั่งสมาธิตรงนั้น ดีป่าวน้อ

 

เทวดาท่านซื่อตรงมาก ถามเรื่องตึกนี้ ท่านก็ทำเหตุการณ์ของตึกนี้ให้ดู
ว่าเขาจะมาทำแบบนี้ๆถึงร่ำรวย ก็ไม่ได้ถามว่าผมจะทำอาชีพอะไรดีนี่นา
งานที่ทำก็มีอยู่แล้ว อยากรวยมากกว่านี้มันก็ยุ่งแบบนี้ล่ะชีวิต ถ้าพอใจใน
งานที่ทำใช้หนี้สินหมดไม่ก่อเพิ่มก็มีความสุขตามอัตภาพล่ะ

ตึกนี้ทำแบบนี้รวยถ้าเราทำเองก็รวยเอง ถ้าเซ้งให้เขาต่อเขาก็ไปทำแบบนี้
เขาก็รวยครับ ใครอยากรวยไปเซ้งมาทำเลยครับ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ และที่ทำ
ธุรกิจต่างๆแล้วไม่สำเร็จก็เป็นธรรมดาครับ คนเราจะทำงานใหญ่ต้องมีที่ปรึกษา
ดี มีทุนทรัพย์ ที่สำคัญต้องมีที่พึ่งทางใจเช่นคนจีนเขาก็เอาเทพเจ้าองค์ใดองค์
หนึ่งมาตั้งและเซ่นใหว้มิได้ขาด แม้ประสบปัญหาใดๆก็มีทางออกเสมอๆ คน
ไทยเราก็ต้องมีพระองค์ใดๆเป็นสำคัญประจำร้านเป็นที่พึ่ง นี่อะไรไม่มีอะไรเลย
แล้วมีปัญหาที่หาทางออกไม่ได้จะพึ่งใครดีล่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรก็ไม่นับถือให้
เป็นการเป็นงาน มีทุกข์ทีก็ไปขอที ท่านก็ช่วยบ้างไม่ช่วยบ้างแล้วแต่กรณี

เหมือนรถเหมือนเรือต้องมีแม่ย่านาง ที่บ้านก็อย่างนึงที่ทำงานทำธุรกิจก็ต้อง
มีอย่างนึง ของท่านมองไปไม่มีพระองค์ไหน หรือเทพเทวดาอะไรมาอยู่ข้าง
กายให้ถามเรื่องราวได้เลย แสดงว่าไม่นับถืออะไรเป็นสรณะ ต้องทำจุดนี้จึง
จะเจริญรุ่งเรืองครับ

 

รอให้มันไม่ร้าวข้างล่างก่อนจึงปลูกบ้านได้ ตอนนี้ปลูกไปก็มีหวังวันดีคืนดี
บ้านขาดเป็นสองท่อนเพราะดินแยก ดีไม่ดีนั่งสมาธิอยู่ดีๆไปโผล่ใต้บาดาล
เพราะตกลงไปในรอยแยกนั้น ส่วนไก่ก็อย่าพึ่งเรากำลังหายดีให้มันดีที่สุดก่อน
ค่อยกินเดี๋ยวเข้าเล้าไก่อีก(นิมิตเห็นห้องเรียนรึเล้าไก่ดูดีๆนะ)

วันวิสาก็สวดมนต์ใหว้พระถ้าสะดวกก็เวียนเทียนบ้างก็ดีเรียกว่าตักน้ำใส่ตุ่มใน
วันนี้ใว้กินได้หลายปี การทำดีในวันนี้ให้เกิดปิติย่ิอมเหมือนเราตักน้ำใส่ตุ่มนั้นล่ะ
วันนี้พระท่านและคนทั้งหลายมีจิตเป็นกุศลย่อมมีอานิสงค์มากกว่าวันอื่นๆ จะทำ
สังคทาน ใส่บาตรธรรมดา หรือถวายเงินซักล้าน ถ้าทำวันนี้อานิสงค์เยอะกว่า
วันอื่นๆครับ.

 

สงสัยจะเป็นเล้าไก่จริง ๆ
วันวิสาขบูชา เค้ามีเวียนเทียนด้วยใช่มั้ยคะ น้าเค้าอยากไปเวียนเทียนมาก เค้าชวนหนูอยู่เหมือนกัน งั้นคงต้องไปทำบุญทำสังฆทานด้วย เวียนเทียนด้วย ให้ครบ ตั้งใจไว้อยู่แล้ว
เคยเวียนเทียนนานแล้วตอนเด็ก ๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้เค้าทำกันยังงัยแล้วน่ะค่ะ

 

สงสัยเลยถามซะหน่อยครับ
ถ้าเราไป เวียนเทียน แต่แล้วไม่ได้ อธิฐาน หรือ ไปเวียนแบบไม่มีอารมณ์ หรืออารมณ์ขุ่นมั่ว
หรืออะไรก็ตามแต่ จะอธิบายยังไงดี งง อยู่เหมือนกัน แบบนี้ จะได้บุญหรือเปล่าครับ

 

ตอบเท่าที่รู้ แต่อาจจะไม่ละเอียดเท่าพี่จิ-โป
ถ้าใจขุ่นมัว ไปเวียนเทียน ก็เท่ากับไม่สบายใจในตอนนั้น คือขณะจิตที่เราไปทำบุญนั่นเอง ท่านถึงว่าการทำบุญต้องทำจิตใจให้ผ่องใส เบิกบาน เวลาอธิษฐาน ด้วยกาย วาจา ใจ ครบ 3 ประการ จึงจะเรียกว่าครบ 3 องค์ประกอบ ผลบุญนั้นจึงจะเกิดค่ะ

 

ขอบคุณครับ ไม่ยังงั้น คงไม่บอกว่า อาบน้ำชำระร่างกาย ทำจิตใจให้สะอาด
รอส่วนเพิ่มเติมจาก พี่จิ-โปี อีกที

 

อันนี้เพิ่งโดนเมื่อวานเลยครับ
เมื่อวานนี้ขับรถมาจาก ด่านช้าง จะกลับบ้านที่ ปทุม ขับมาเพลิน ๆ คนในรถ
ก็คุยกันไปเรื่อย ๆ ผมก็ประมาณว่า เหม่อ หรือ อะไรไม่ทราบ เค้าคุยกันเรื่อง
จะให้แวะร้านอาหารชื่อ น้ำอ้อม แล้วคันผมไม่รู้จักทาง ขับก็ขับรถชิดซ้ายชะลอ
แฟนก็บอกว่า ให้ขับซ้าย อยู่ดีดี ก็โมโห ขึ้นมาแล้วบอกว่า นี่ไม่ได้ขับชิดซ้ายหรอ
แล้วก็จอดรอ น้าสะใภ้พูดขึ้นว่า แค่นี้จะโมโหทำไม มันใช่เรื่อง นั่งคิดไปคิดมา
แล้วเราจะโมโหทำไม โมโหไม่มีสาเหตุ

 

จะเล่าให้ฟังเรื่องการทำบุญ
มีอยู่ครั้งนึงทีโอไปทำบุญ ตอนนั้นจิตใจแห้งแล้ง ไปทำบุญก็ไม่อิ่ม ไม่เกิดอารมณ์บุญ เพราะจิตเรากำลังเสพอยู่ในอุเบกขาอยู่ มันก็เฉย ๆ ไม่เอาบุญ ไม่เอาบาป
แต่เรายังไม่ถึงไหน เราต้องเอาอารมณ์บุญไว้ก่อน เพื่อเอาอารมณ์นี้เข้าฌาน
ทีนี้ทีโอ ก็ว่าทำไมไปทำบุญแล้วยังแห้งแล้งอยู่อีก ก็เลยมาพิจารณาดู ปรากฎว่าจิตเราอุเบกขาตอนทำบุญไม่เอาบุญ แล้วจะได้อารมณ์บุญมาจากไหนหล่ะ ตอนหลังรู้หลักก็เลยทำจิตทำใจให้สบายก่อนไปทำบุญ เวลาจะเข้าฌานนึกถึงอารมณ์บุญนิดเดียวให้พอเข้าฌานได้ แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ

แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าฌานได้ทุกครั้งไปนะ
ไม่กี่วันมานี้ไม่มีปีติก็เข้าฌานไม่ได้เหมือนกัน

 

ผมอาศัยกระทู้นี้ อ่ะ เวลานั่งอ่าน แล้วจะเข้าสมาธิได้เร็วมาก ได้แค่ อุปจารสมาธิ พอทรงไว้ก็หายไปเพราะ เพราะเด๋วคนนั้นเรียก คนนี้โทรมา (ที่ทำงาน)

 

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1498636/[/MUSIC]

 

วิธีนี้น่าสนใจมากเลยครับ โดยเฉพาะแฟนผม....น่าจะนานกว่า4ปีครับ ว่าแต่การเรียกใส่หุ่นแล้วตัดหัวทิ้งเนี๊ย เขาสามารถหาศึกษาทำกันได้ที่ใหนครับ

 

หลายๆครั้งที่ผมมองดูแฟนผม เขาน่าสงสารมากเลย....กลายเป็นคนที่คิดไม่เป็น พอเตือนเขา...เขาก้อจะถามกลับมาคำเดียวประจำๆเลยว่า แล้วจะให้เขาทำยังงัย....