ข่าวสารจากจิตจักรวาล

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 12 มกราคม 2007.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** พรโปรดมวลมนุษย์ จาก โลกุตตระ ****



    ถึง ผู้มีอำนาจทั้งหลายทั่วโลก


    " เราขอประกาศไว้ว่า.......
    สถานที่นี้ เอาหลักธรรมของ โลกุตตระ มานำสัตว์ให้หลุดพ้น
    เพราะฉะนั้น ผู้มีอำนาจทั้งหลาย ขอให้ตั้งอยู่ในความสงบ
    อย่าได้เอาท้องฟ้านี้ เป็นสนามรบ


    ถ้าฝ่าฝืน ประเทศใดประเทศหนึ่งฝ่าฝืนโองการของ โลกุตตระ
    .......ฟ้าจะต่ำลงมา "




    วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐
    "หนุมาน ผู้นำสาร"
    ผู้บันทึก
     
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** อย่าเอาท้องฟ้า มาเป็นสนามรบ ****



    หมายถึงว่า...เรื่องพื้นดิน นั้น.... แล้วก็แล้วไป
    ประเทศต่างๆ อเมริกา รัสเซีย จีน อินเดีย อิหร่าน เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย พม่า ลาว เขมร และ ประเทศอื่นๆ
    ที่เคยครองสิทธิ ที่ดิน นานมาแล้ว...ก็แล้วไป


    ทุกชนชาติ...ไม่ควรเอาท้องฟ้าเป็นสนามรบ
    ให้เป็นโอกาสของดวงวิญญาณ ที่เขาจะมา


    หากไม่เชื่อ...รบกันแล้ว
    จะไม่มีใครเสีย....ใครสูญ
    มันระส่ำระสาย
    ไม่มีใครเสียหาย แต่ทำให้ปั่นป่วน


    เวลานี้...แต่ละประเทศ
    ถ้ากดปุ่มอาวุธนำวิถีเมื่อไหร่....มันจะเป็นไปทั้งหมด
    มันจะเกิดความผิดพลาด...ไปหมด
    แต่นี้...แน่นอนหรือไม่ ???
    ของเหล่านี้จูนระบบ...นำร่องด้วย "แสง"
    แต่ แสงหักเหได้
    มันอาจหักเหได้...ไปตกประเทศอื่น
    จะลุกลามใหญ่
    หลายประเทศ จะเอาข้อมูลไม่เป็นเรื่องมาอ้าง


    ดังนั้น...เรื่องภัยพิบัติโลกาวินาศ
    จะเกิดขึ้น หรือ ไม่
    ขึ้นอยู่กับ...ความคิด การตัดสินใจของผู้นำแต่ละประเทศ


    หาก...มีประเทศหนึ่ง ประเทศใด
    กดปุ่มยิงขีปนาวุธขึ้น
    โลก...จะเปลี่ยนแปลง...อย่างฉับพลัน !!!!
    จึงขอฝากไว้...ถึง ผู้มีอำนาจของแต่ละประเทศ


    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** พรโปรดผู้นำ ****



    ควรเป็นธุระ เห็นใจเขาบ้าง
    มี "เมตตา กรุณา"....
    ให้ออกมาก ๆ...ไม่ใช่ออกน้อย


    อย่าลิดรอน ผู้อื่น...
    " ต้นไม้ ไม่ทันโต....ถูกคมมีดแล้ว "


    ขอร้องให้มี... "เมตตา กรุณา"....ที่อยู่ในส่วนลึกสุด
    อย่า...โกรธเขา
    อย่า....อิจฉาเขา
    อย่า...เอาเรื่องส่วนตัว ไปวิพากษ์วิจารณ์
    อย่า....ทำตัวเป็นนักข่าว
    ที่พูดนี้...ดูจากสภาพที่เป็นอยู่


    " ขึ้นต้นไม้สูงสุดแล้ว จะไปรบกับใครที่ไหนอีก "
    เมตตา กรุณา....ทำใจเห็นเขาบ้าง


    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** โลกุตตระ คือ... ****



    องค์โลกุตตระ
     
  5. bassate

    bassate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +601
    ^_^
     
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    วันก่อนไปฟังบรรยายของอาจารย์ วันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมาครับ
    อาจารย์พูดถึงเบื้องหลังภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น และได้ฟังการบรรยายธรรมะจนเต็มอิ่มทีเดียวครับ เล่าให้ฟังเฉพาะที่สำคัญๆนะครับ

    ภัยธรรมชาติที่รุนแรงล้วนเกิดมาจากความไม่สมดุลของจิตมนุษย์...จักรวาลจึงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขระบบให้คืนสู่ความสมดุลย์ดังเดิมให้จงได้

    การค้ำจุนโลกทางด้านกายภาพ ด้านพิกัดและน้ำหนักมวลที่เปลื่ยนไป
    การย้ายน้ำหนักมวลสารที่มนุษย์ทำ บางอย่างขัดกับระบบธรรมชาติที่วางไว้อย่างเหมาะสมแล้ว
    - ขาวจีนสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ กั้นขวางแม่น้ำแยงซีเกียง สะกัดกั้นทางไหลของธรรมชาติ กระแสไหลเวียนของธรรมชาติเปลี่ยนแปลง
    - สร้างทางรถไฟท่องเที่ยว สูงกว่าหมื่นเมตรผ่านเทือกเขาไปทิเบต เกิดน้ำหนักมหาศาลไปอยู่ผิดที่ผิดทาง

    การค้ำจุนโลกทางพลังงาน
    มนุษย์ส่วนมากรักไม่ได้ - ให้ไม่เป็น ทำให้พลังงานที่มนุษย์มอบให้กับโลกไม่สมดุล แรงระเบิดในใจกลางโลกไม่สม่ำเสมอ ทำให้แรงดันภายในโลก ไม่สม่ำเสมอส่งผลให้ผิวโลกโก่งตัว เพราะเกิดแรงดันในระบบโลก

    [​IMG]

    แรงระเบิดในใจกลางโลก>>>ยกแผ่นเปลือกโลก >>>เกิดรอยแตก รอยแยกขนาดใหญ่ไปทั่วผิวโลก

    ผลที่แกนโลกที่กำลังแกว่งไปมา (หรือเรียกว่าอาการชักกระตุกก็ได้)
    - ทำให้มนุษย์เจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น ภูมิคุ้มกันลดลง

    - โลกโคลงไปมาทำให้ คลื่นสูง 2-4 เมตร ยาวกว่า 200 กิโลเมตร พัดเข้าสู่ชายฝั่งบ่อยๆ ดังที่เกิดขึ้นในอ่าวไทย (นักวิชาการก็ไม่รู้สาเหตุ เพราะแผ่นดินก็ไม่ได้ไหว) เกิดจากแกนโลกที่ส่ายไปมา ก้มหัวขึ้นลงช้าๆ ทำให้น้ำในทะเลเกิดการกระเพื่อมเป็นวงคลื่นใหญ่ๆ....พัดเข้าสู่ชายฝั่ง

    [​IMG]

    และสนามแม่เหล็กโลกแปรปรวน
    บรรยากาศโลกที่เปลื่ยนไป ทำให้ท้องฟ้าไม่สวยงามเหมือนเดิม
    ไม่ค่อยแจ่มใส เพราะมีอนุภาคประจุไฟฟ้าลบมาก จากจิตมนุษย์ที่เหวี่ยงออกมา..ยังไม่นับเจ้ากรรมนายเวร ฟ้าจึงดูมือครึ้มไม่งดงาม (สงสัยดวงจันทร์ที่มีสีแดงๆเพราะเหตุนี้..)
    พายุทอนาโด พายุเฮริเคนที่รุนแรง..ก็เกิดจากพลังงานด้านลบที่ล่องลอยอยู่ในสนามพลังงานเหล่านี้ครับ เจ้ากรรมนายเวรเขารวมพลังกันโจมตีเป้าหมาย

    [​IMG]

    อาจารย์ยังบอกว่า ซึนามิรอบสองจะเกิดซ้ำที่เดิม แต่แรงขึ้นกว่าเดิม..และภัยธรรมชาติจะมีให้เห็นถี่ขึ้น เหมือนพระตีกลองเพล (ที่รัวจังหวะเร็วขึ้น) รวมถึงภัยใหญ่ 56 วัน 7 ราตรี ยังคงมีแน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง...พวกเราๆทันได้เห็นแน่นอน ใครที่ตายไปก่อนช่วงนี้ ถือว่าโชคดีกว่าคนที่อยู่นะครับ อจ.แอบบอกมา..

    [​IMG]
    และมีการจัดกลุ่มย่อยๆ มีหัวหน้ากลุ่มและเบอร์โทรไว้..เพื่อบางทีอาจมีข่าวด่วนได้กระจายข่าวให้คนในกลุ่มด้วยครับ

    มนุษย์กับโลกทั้งระบบ
    ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน

    "จิตสำนึกของมนุษย์โลก"
    ต้องเป็นหนึ่งเดียวกันกับ"จิตสำนึกของดาวเคราะห์โลก"

    แต่เมื่อวานนี้ อิ่มธรรมะครับ ท่านเตรียมมาเยอะมากๆ
    ท่านทำหน้าที่ตรงนี้มาร่วม 15 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 ยาวนานพอจะเห็นว่าอะไรเป็นอะไร ...และสิ่งศักสิทธิ์ที่สำนักอนุตรธรรม ก็ให้การรับรองครับ..พระอาจารย์จี้กง ท่านเคยบอกว่าวันนี้ "มีอคันตุกะของเรามาเยือน"( มีครั้งนึงที่ อ.ปริญญา ท่านเคยไปบรรยายที่สำนักอนุตรธรรมด้วยครับ..)<!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2007
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ถ้าเกิดซึนามิ ซ้ำขึ้นที่เดิม

    แสดงว่าเราต้องจับตามอง แผ่นดินไหวแถวสุมาตราให้ดี
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เรื่มมีแผ่นดินไหวที่ชายแดนแคนาดาแล้วขอให้จับตาดูกันไว้ด้วยครับ

    ส่วนบ้านเราที่กรุงเทพวันนี้ ดูลมและดูฟ้าแล้ว ไม่ค่อยน่าไว้วางใจ

    ถ้ามีฝนตกติดกัน วันสองวันก็ให้ระวังน้ำท่วมแบบ มาเลย์และอินโดด้วยครับ
     
  9. s_pantusom

    s_pantusom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,333
    (verygood) (verygood) (verygood)
    เห็นด้วยกับคุณ *44* อย่างยิ่งครับ

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ผม เคารพ และเทอดทูญ พระรัตนไตรเหนือเศียรเกล้า ครับ
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** ศาสนศาสตร์ ****

    ศาสนศาสตร์...มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก
    เพราะ..."หลักสัจจะธรรม" ...คือ.... หลักสูงสุด หนึ่งเดียวที่ปักนิ่ง มั่นคง ไม่กระดุกกระดิก !!!
    ศาสนาพุทธ...มีเป้าหมายสูงสุด คือ นำพาสัตว์ให้หลุดพ้น
    ศาสนาอื่น....คือ ศาสนาที่สนับสนุนศาสนาพุทธ ทำให้โลกเกิดความรักและสันติสงบสุข
    เมื่อถึงเวลา....ศาสนาอื่น จะหมดไปในที่สุด
    เหลือเพียง....ความเชื่อ และ การปฏิบัติหนึ่งเดียวในโลก...
    เพื่อหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
    เวลานั้น....ใกล้มากแล้ว
    ขอให้มนุษย์ทุกคน ทุกชนชาติ ทุกศาสนา...รักษาชีวิตและร่างกายไว้ให้ดี
    เพื่อจะได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
    คอยดูนะ...คอยดูนะ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. อนันตรา

    อนันตรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +325
    ขออนุญาตนิดนึงค่ะ บทความ"เหตุการณ์ตามลิขิตที่เจ้าเขียน" เป็นข่าวสารที่เขียนโดย DR.G G Junior จาก http://www.universal-signal.com ค่ะ ไม่ใช่อาจารย์ปริญญา เป็นเวบไซด์ที่เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับวิกฤติโลกน่าสนใจดีค่ะ
     
  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>สัญญาณจากจักรวาล <BLINK>“วิกฤติมหันตภัยล้างโลก"</BLINK><BLINK></BLINK></TD></TR><TR><TD>
    </TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="24%"> </TD><TD width="47%"> </TD><TD width="29%"> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3>โดย Dr.G.G.Junior
    http://www.universal-signal.com </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3>
    "มหันตภัยล้างโลกได้เริ่มขึ้นแล้ว ไม่เกินอีก ๑๒ ปีข้างหน้าเป็นการเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ "
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"> </TD><TD width="96%">ปัจจุบันนี้ ความเคลื่อนไหวของผิวเปลือกโลกแสดงการมีแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วมฝนแล้ง พายุหิมะ ลมพายุ พายุฝน ไฟป่า สึนามิ และภัยพิบัติอื่นๆ นี่คือสัญญาณอันตราย ที่บ่งบอกถึงความไม่สมดุลของวัตถุโลกและพลังงาน มนุษย์ยังไม่สนใจ เพราะจิตถูกใจที่ครอบด้วยอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ความรุนแรงของภัยทั้งหลายทวีความรุนแรงขึ้นในทุกขณะ และในที่สุดมหันตภัยล้างโลกก็เริ่มเกิดขึ้นแล้ว ด้วยอัตราเร่งอย่างรวดเร็ว ตามกิจกรรมมนุษย์ที่ทำลายสมดุลแห่งธรรมชาตินั่นเอง อาการที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลก ปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่เคลื่อนเข้าใกล้ของมหันตภัยนั้น เริ่มจากหลายร้อยพันล้านปี จากการที่มนุษย์สร้างพลังงานเสียต่อสภาวะแวดล้อมเพิ่มขึ้น และต่อเนื่อง ผลทำให้เกิดความไม่สมดุลขนาดหนัก เกิดขึ้นอย่างแสนสาหัสในขณะนี้ ความเลวร้ายที่มนุษย์ยัดเยียดให้กับโลก จนต้องสูญเสียสนามแม่เหล็กที่สมดุลไป การล้างโลกจึงบังเกิดขึ้นแล้วด้วยการเคลื่อนโดยที่มีอัตราเร่ง เริ่มที่ 5000 ปี (ตามพุทธกาล) ที่ พ.ศ. 2500 เริ่มปรากฏความไม่สมดุลทั้งวัตถุและจิตของมนุษย์ รวมทั้งสัตว์ทั้งหลายดุร้ายขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระหว่างปี พ.ศ. 2500-2547 มนุษย์ทำลายธรรมชาติมาก จนกระทั่งมีผลให้ใน พ.ศ. 2547 เกิดการเร่งเวลาของมหันตภัยล้างโลกให้เคลื่อนเข้ามาเหลือเพียง 48 ปี และเหลือเพียง 24 ปี เมื่อถึงปี พ.ศ. 2549 สุดท้ายวันนี้ คือ วันที่ 30 มกราคม 2550 สัญญาณจากจักรวาลบอกเราว่า เป็นการเริ่มนับเวลาจากนี้ไป ที่มนุษย์จะพบภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น จนประสบมหันตภัยล้างโลกในที่สุด ในเวลาอีก 12 ปีข้างหน้า คือ ประมาณต้นถึงกลางปี พ.ศ. 2562 มนุษย์ทั้งหลาย จงตื่นจากความโง่เขลา จงตื่นจากความเห็นแก่ตัว คิดแต่อยากได้ทรัพย์ หรือวัตถุ จนไม่รู้ว่าธรรมชาติจะเอาชีวิตไปในไม่ช้านี้แล้ว และพึงรักษาธรรมชาติให้สมดุล รักษาจิตให้บริสุทธิ์ร่วมกัน เพื่อลดความรุนแรงของมหันตภัย ให้เกิดน้อยลงมากที่สุด เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของโลกในเวลานี้ ผู้นำประเทศทั้งหลาย หรือผู้ใดที่มุ่งหวังอำนาจ และกระหายสงคราม จงจำไว้ว่าผู้นำเหล่านั้น หรือผู้นั้นเป็นผู้ทำลายโลกที่ร้ายกาจ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG] [​IMG] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>สภาพของการเกิดมหันตภัยในระยะเวลา 12 ปี สามารถแบ่งโดยความรุนแรงเป็น 3 ช่วงเวลา คือ
    1. ช่วงแรก เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2550-2551 ระยะเวลา 2 ปีแรก เกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่อง ตามรอยต่อของแผ่นทวีปทั้งหมดที่แตกร้าวไปทั่วดาวดวงนี้ สัตว์ และมนุษย์มีวิธีทำร้ายกัน แบบดุร้ายป่าเถื่อนมากยิ่งขึ้น สัตว์ขนาดเล็กเตรียมปรับตัวรับวิกฤติดังกล่าวแล้ว และเตรียมปรับตัวเพื่อทำลายล้างมวลมนุษย์อีกด้วย โดยการสะสมถ่ายทอดโรค ที่ร้ายแรงมากขึ้น นอกจากนั้นทั่วโลกยังเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงกว่าเดิม และเกิดอุบัติเหตุที่แปลกๆ โดยมนุษย์หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ เช่น ระหว่างปีใหม่ ( พ.ศ. 2550) ที่ผ่านมาเครื่องบินภายในประเทศอินโดนีเซียสูญหายระหว่างบินอยู่เมืองสุราเวสี ไม่สามารถค้นพบได้จนบัดนี้ สาเหตุที่มนุษย์คาดไม่ถึง ก็คือ เกิดจุดตัดสนามแม่เหล็กโลก เกิดขึ้นบริเวณนั้นพอดี เนื่องจากความไม่สมดุล จึงดูดเอาเครื่องบินลำนี้ ออกนอกมิติของโลก เข้าสู่มิติมืดที่ว่างเปล่า หรือเป็นปรากฏการณ์ที่มนุษย์เข้าใจแล้วว่า เสมือนสามเหลี่ยมเมอมิวดา ในแกนกลางมหาสมุทร นั่นคือหลุมมิติในน้ำ แต่ที่จริงแล้ว ยังมีหลุมมิติในอากาศ (ที่เครื่องบินหายไปในช่องหลุมมิติ) และหลุมมิติบนพื้นโลก (ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเนื่องจากมิติซ้อนกันทำให้มองไม่เห็นกัน) เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งลี้ลับ แต่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยสมองที่มีแต่ความอยาก และความต้องการในวัตถุทั้งหลาย
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>
    การกลับขั้ว (reversal) ของสนามแม่เหล็กโลก​
    </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    เส้นแรงแม่เหล็ของโลกมีผลต่อการหลุดเข้าไปหลุมมิติของเครื่องบิน​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>2. ระยะที่ 2 ตั้งแต่ พ.ศ. 2552-2556 ระยะเวลา 5 ปี โลกร้อนขึ้นด้วยอัตราเร่ง เกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นมากกว่าเดิม และต่อเนื่องจนมนุษย์ทั้งโลกหวาดกลัว กลุ่มมนุษย์ที่มีจิตต่ำจะก่อกวนมนุษย์ด้วยความรุนแรงเหมือนไม่ใช่คน เกิดหลุมมิติมากมายเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง อย่างที่มนุษย์คาดไม่ถึง มีการตายของมนุษย์เป็นกลุ่มใหญ่จำนวนมาก ด้วยอุบัติเหตุและภัยพิบัติ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย พื้นโลกบางส่วนยุบตัวลง เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด อากาศร้อนขึ้นอย่างมาก และอากาศหนาวก็มากขึ้นเช่นกันของแต่ละพื้นที่ จะเริ่มมีพื้นที่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์น้อยลง ความแห้งแล้งมากขึ้น น้ำในทะเลยกระดับสูงขึ้นจากสาเหตุการยุบตัวของโลก น้ำแข็งขั้วโลกละลาย และการนำน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้สมทบด้วยอีกแรงหนึ่ง เริ่มเกิดโรคระบาดจากเชื้อไวรัส และแบคทีเรียที่ผุดมาจากดินที่ไม่เคยมีมาก่อน เชื้อเหล่านี้ทนทานต่อการทำลาย เพราะปรับตัวจากที่ที่เย็นจัดหรือปรับตัวจากที่ที่ร้อนจัดจึงทนต่อสภาวะที่เปลี่ยนไป
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG][​IMG]
    น้ำแข็งขั้วโลกเกิดการละลายจำนวนมาก อันมีสาเหตุจากภาวะโลกร้อน (global worming) ​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>3. ระยะที่ 3 ตั้งแต่ พ.ศ. 2557-2561 ระยะเวลา 5 ปี โลกร้อนขึ้นด้วยอัตราเร่ง พอที่จะละลายน้ำแข็งเกือบทั้งหมดของขั้วโลกทั้งสอง เกิดน้ำท่วมโลก โดยที่พื้นที่อาศัยของมนุษย์จะหายไปอย่างน้อยก็ 2 ใน 3 ส่วน ได้แก่ ที่ริมทะเลปากแม่น้ำ และที่ราบลุ่มต่างๆ คงเหลือพื้นที่ราบสูงพื้นที่บนภูเขา ซึ่งส่วนมากเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะกับกับการเกษตรนัก จึงเกิดการขาดแคลนอาหาร เฉพาะพื้นที่ประเทศไทยนั้นเหลือเพียงภาคเหนือ ภาคอีสาน นอกจากนั้นที่เหลือก็มีสภาพเป็นเกาะแก่งเล็กๆ สรุปได้ดังนี้ บนพื้นดินที่อยู่ตรงกลางทวีปทั้งหลาย ก็จะแห้งแล้งด้วยความร้อนจากใต้ผิวดินประทุขึ้นมา พื้นที่ที่อยู่ริมบริเวณชายฝั่ง หรือค่อนมาทางริมขอบทวีปทั้งหลาย ก็จะถูกน้ำทะเลกลืนกิน บางที่ก็จะยุบหายไป บางที่ก็จะถูกเหวี่ยงออกไปแยกตัวเป็นอิสระ มีแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ทั่วโลก มนุษย์จะเผชิญกับสภาพความแล้งจัด จนต้องอดตาย พบโรคใหม่กับสัตว์สายพันธุ์ดุร้าย และมีพิษ คร่าเอาชีวิตมนุษย์ทั่วไป ทั้งโลกนี้เช่นกัน จากความรู้ที่ได้รับคลื่นสัญญาณจากจักรวาลพอสรุปให้ได้ดังนี้
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG] [​IMG] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เริ่มต้นขึ้นที่ขณะนี้มันเกิดอะไรขึ้น เวลานี้โลกมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ใครๆ ก็รับรู้ได้บ้างแล้วว่า ตกอยู่ในสภาวะโลกร้อน มีข่าวสารที่แสดงให้มนุษย์เห็นหลายรูปแบบ จากการเฝ้าสังเกตติดตามของมนุษย์ที่สนใจในสภาวะแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงของโลก จะเห็นว่าน้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายลงมามากแล้ว ภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะตั้งแต่หลังเกิดเหตุสึนามิเมื่อปลายปี 2547 หลังจากนั้นมา ความเปลี่ยนแปลงของโลกก็ได้ปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ มีเหตุการณ์การปรับตัวของโลก ตามจุดต่างๆ ไล่กันเรื่อยมาตลอดมา หลังเกิดสึนามิไม่นาน ก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่ปากีสถาน ใหญ่มากถึงขนาดที่ ทำให้พื้นดินสะเทือนเลื่อน เป็นคล้ายระลอกคลื่น และหลังจากนั้นเกิดต่อเนื่องกันมา หนักบ้างเบาบ้างอีกหลายๆ ครั้ง หลายๆ ครา จนในที่สุด ถ้ามนุษย์ติดตามข่าวสารจะเห็นได้ว่า เวลานี้เกิดขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในย่านภูมิภาคแถบที่เป็นรอยต่อรอยเลื่อนทวีป แผ่นดินที่เราอาศัยอยู่นี่แหละเป็นเขตที่เกิดบ่อยที่สุด แทบจะทุกๆ 12 ชั่วโมง ก็คือ อาณาเขตของประเทศอินโดนีเซีย แถบทะเลมูรุกะ ตามมาด้วยอาณาเขตของประเทศญี่ปุ่นและไต้หวัน ตามมาอย่างติดๆ นอกจากนั้น ก็เกิดขึ้นประปรายตามพื้นที่ต่างๆ ในดินแดนเหล่านี้ ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า อยู่ใกล้น้ำอยู่ริมน้ำ เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยต่อไปข้างหน้า จะเกิดภาวะล้างโลกในรูปแบบหนึ่ง มนุษย์ที่อยู่บนภาคพื้นทวีป ก็จะมองเห็นภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป อากาศทุกวันนี้ ไม่เหมือนกับช่วงที่ผ่านมา ความหนาวเย็นที่ปรากฏ เป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งของความรู้ คือ การนำความร้อนไปใช้ละลายน้ำที่ขั้วโลก มนุษย์จงนึกถึงน้ำแข็งที่อยู่ในแก้ว ตัวน้ำแข็งก็คือน้ำแข็งที่อยู่ที่ขั้วโลก เมื่อนำเอาออกมาจากเครื่องทำความเย็น อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น น้ำแข็งละลายตัวน้ำแข็งที่อยู่ในแก้ว จะดึงเอาความร้อนรอบตัว มาใช้ในการละลาย น้ำที่เราใส่ไปในแก้วนั้น จึงมีความเย็นขึ้นมาในทันที ความเย็นนั้น ลามไปถึงตัวแก้วที่บรรจุอยู่ด้วยซ้ำ มันก็เหมือนกับภาวะที่มนุษย์เจอกันอยู่ทุกวันนี้นั่นแหละ ใครบอกว่าโลกร้อน หนาวจะตาย โดยแท้จริงแล้วอุณหภูมิของโลกโดยรวมเพิ่มขึ้น แต่เรากำลังถูกดึงดูดเอาพลังงานความร้อนไปใช้ในการละลายน้ำแข็ง เหมือนเราเป็นน้ำที่อยู่ใกล้กับน้ำแข็งนั้น และสภาวะรอบน้ำแข็งนั้นไม่ใช่ช่องแข็งเสียแล้ว มันกลายเป็นอุณหภูมิธรรมดา น้ำแข็งจึงกำลังละลาย ผู้ที่สังเกตเฝ้าติดตามอยู่ นักวิทยาศาสตร์บ้าง นักภูมิศาสตร์บ้างจะถ่ายทอดข้อมูลความรู้เหล่านี้ตามข่าวสารต่าง ๆ อยู่เป็นประจำว่า ชั้นน้ำแข็งที่ขั้วโลกมีขนาดบางลง มีหน่วยวัดมาตราเป็นแบบของมนุษย์ อาณาบริเวณขั้วน้ำแข็งของโลกก็หดเข้ามาจากเดิมเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้ามนุษย์มีความรู้ ตรวจดูข่าวสารอยู่เป็นประจำ ก็จะพบได้ว่า มันไม่ใช่เรื่องที่เกินความเข้าใจของมนุษย์เลย มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วทางกายภาพ เห็นมั้ย มนุษย์ทั้งหลายมันปรากฏขึ้นแล้ว ภายหลังจากที่สัญญาณจากจักรวาลได้เตือนเจ้ามาไม่นานนี้ เมื่อความร้อนกับความเย็นกระทบกัน สิ่งที่ตามมาก็คือ ภาวะภูมิอากาศที่แปรปรวน ความหนาวเย็นที่มาจากขั้วโลกถูกหอบมาด้วยลมที่พัดเข้าสู่ศูนย์กลางเส้นศูนย์สูตร นำพาเอาลมเย็นมาจากทางเหนือ ระลอกแล้วระลอกเล่า เมื่อความเย็นกระทบกับความร้อนที่แถบบริเวณศูนย์สูตร ความรุนแรงของความร้อน และความเย็นที่ตัดกันทำให้เกิดพายุต่างๆ ลมมรสุมธรรมดาก็แปรสภาพกลายเป็นไต้ฝุ่น ลมมรสุมธรรมดาที่พัดเข้าหาฝั่ง ก็กลายสภาพเป็นคลื่นลมที่รุนแรง เกือบจะถึงขั้นสึนามิอยู่บ่อยๆ อย่างที่ประจักษ์แก่มนุษย์แล้ว แค่เพียงลมมรสุมที่เข้ามาธรรมดา ก็ทำลายชายฝั่งขอบหินถนนที่มนุษย์สร้างขั้น เอารถขนาดใหญ่รถบรรทุกสิบล้อวิ่งผ่านยังคงทนอยู่ได้ เจ้าพายุเหล่านี้ มีความสามารถพัดสิ่งที่เจ้าคิดว่าแข็งแรงคงทนแข็งแรงนี้ ให้พังทลายได้ ความรุนแรงของธรรมชาติที่โอบล้อมตัวเราเหล่านี้มาจากอะไร ถ้าเรามองด้วยสายตาของมนุษย์ เห็นได้ชัดทีเดียวว่า มนุษย์นั้นหละตัวทำลาย มนุษย์เป็นผู้ทำให้โลกร้อน นี่พูดแบบอย่างมนุษย์พูดกัน มองเห็นได้ พิสูจน์ได้ จับต้องได้ก็พูดอย่างนี้ อธิบายให้มนุษย์ผู้เขลาฟังอย่างนี้ เป็นเรื่องที่ไม่มหัศจรรย์เกินไป ให้มนุษย์เตรียมตัวเตรียมอย่างไร มนุษย์จะต้องรู้ว่า เมื่อเหตุมาอย่างนี้แล้ว ผลจะเป็นอย่างไร
    ต่อไปแผ่นทวีปที่เคลื่อนตัวก็ยังเคลื่อนตัวอย่างไม่หยุดยั้ง ความร้อนภายใต้เปลือกโลก ยังดันขึ้นมาอยู่เสมอ หรือที่สุดของแรงบีบเค้นของเปลือกโลก มันอย่างนี้นะ ข้าไม่ได้สรรหาภาษาขึ้นมาเอง ข้าดึงเอาภาษาของมนุษย์มาใช้ มนุษย์เรียกมันว่า แรงเค้นของเปลือกโลก หมายถึง การชนกันและบีบอัดโดยน้ำหนักที่ทิ้งตัวและถ่วงลงไป เมื่อแรงเค้นบีบอัดจนเต็มที่แล้ว เกิดภาวะทำลาย จากแผ่นใหญ่เบียดอัดแผ่นเล็ก แตกออก หักออก การเหวี่ยงหมุนของโลกผิดปกติเนื่องจากแผ่นทวีปแต่ละแผ่นมิใช่ผืนเล็ก เป็นผืนใหญ่ทีเดียว การเคลื่อนน้ำหนักย้ายมวลจากองศาหนึ่งไปอีกองศาหนึ่ง ทำให้โลกมีแรงเหวี่ยงหมุนที่ผิดปกติไป แม้เพียงเล็กน้อย ก็ทำให้สัณฐานโลกผิดรูปไปจากเดิม การหมุน คือ การทำให้ตัวเองคงสภาพ อยู่ในรูปทรงกลมแป้น การหมุนจึงจัดตัวเอง จัดน้ำหนัก จัดส่วนที่เป็นของเหลว กับส่วนที่เป็นของแข็ง เหมือนกับการที่เราเขย่าอะไรให้เข้าที่โดยการหมุน จะทำให้เกิดความสมดุลขึ้น พื้นโลกบางส่วนที่บอบบางก็จะยุบลงไป พื้นโลกบางส่วนที่แข็งและเบียดกัน ก็จะดันขึ้นมากลายเป็นภูเขา น้ำก็จะท่วม ส่วนของพื้นดินที่ถูกดันเข้าไปสูง ผู้คนรอดตายจากการทำลายของน้ำ แต่ภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงความร้อนใต้พื้นผิวโลกปะทุขึ้นมา ความแห้งแล้งจึงเกิดขึ้น คนรอดตายอยู่บนที่สูงก็จะตายด้วยความอดยาก พืชพรรณธัญญาหารที่ถูกทำลายลง จะเพาะปลูกขึ้นมาอีกได้ยากหนักหนาด้วยความแห้งแล้งของผิวโลก คนที่อยู่ตามชายฝั่งก็จะตายด้วยน้ำที่โถมทับไม่ทันตั้งตัว บางส่วนอยู่บนพื้นแผ่นดินที่ยังทรุดลงไป ก็จะถูกกลืนกินด้วยธรณี มนุษย์ที่เหลืออยู่ ก็คือมนุษย์ที่มีแรงบุญกุศลที่นำพาให้ตัวเอง มีชีวิตอยู่ได้ในโลกยุคใหม่ โลกที่มีแผ่นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากทีเดียว ประเทศต่าง ๆ จะต้องวาดแผ่นที่กันใหม่ วัดอาณาเขตกันใหม่ เริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ มนุษย์เหล่านั้น อาจจะยังเหลือส่วนที่มีกรรมหนัก มีความหนักของจิตตกค้างอยู่ ยังไม่พอ การล้างโลกยังดำเนินการต่อไป ด้วยความผิดปกติของสารเคมีต่างๆ และสนามแม่เหล็กที่เปลี่ยนไป ทำให้สัตว์ต่างๆ รวมทั้งมนุษย์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไป ตามแรงของสนามแม่เหล็กโลก พฤติกรรมของสัตว์ต่างๆ เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม สัตว์บางอย่างไม่เคยกินเนื้อ กินเลือด หันมากินเนื้อกินเลือด สัตว์บางชนิดได้รับสารเคมีที่ผิดปกติไป ทำให้เกิดพิษขึ้นในตัว สิ่งที่เห็นร้ายแรงที่มนุษย์จะต้องดำรงชีวิตอยู่กับพวกมันให้อยู่รอดได้ ก็คือ แมลงตัวเล็กๆ ที่เปลี่ยนแปลงเป็นดุร้ายขึ้น ยุงก็จะนำพาเอาเชื้อโรคชนิดหนึ่งมาทำลายล้างมนุษย์ เมื่อกัด จะมีอาการตัวร้อน ร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ คนที่อ่อนแอจะตายภายใน 1 วัน อาการที่ปรากฏก็คือ เป็นไข้สูง ช็อก และหัวใจวายคนที่มีความแข็งแรง จะสามารถทนอยู่ได้ประมาณไม่เกิน 3 วัน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="46%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="54%">
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>
    ยุง กินเลือดเป็นอาหาร และแพร่เชื้อโรคได้ ​
    </TD><TD>
    ตัวคุ่น หรือ black fly ​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ส่วนแมลงอีกชนิดหนึ่งที่มีพิษที่ต้องระวังมากๆ ก็คือ ตัวลิ้นทะเล ริ้นดำ หรือที่มนุษย์ทางภาคเหนือเรียกว่า ตัวคุ่น ตัวเล็กกัดแล้วจะทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นที่ผิวหนัง ต่อไปก็จะลุกลามเข้าสู่น้ำเหลือง เลือด และเข้าสู่หัวใจได้เช่นเดียวกัน ตั้งแต่ถูกกัดและมีอาการจนถึงเข้าสู่หัวใจจะใช้เวลา 7 วัน สิ่งที่ข้าเตือนสองอย่างนี้ คือ แมลงตัวนี้ กับยุง อย่าคิดว่าอีกนาน ขอให้รู้ไว้ว่า เวลานี้ ยุงได้เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองแล้ว เพียงแต่พิษยังไม่ร้ายแรงมากนักเท่านั้น แต่มันจะเปลี่ยนแปลงและสร้างตัวเองอย่างรวดเร็วทีเดียว ฉะนั้น เวลานี้ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ให้ระมัดระวังแมลง 2 ประเภทนี้ไว้ก่อน พิษเริ่มมากขึ้นกว่าปกติแล้ว อันนี้พิสูจน์ได้ เห็นได้ สิ่งที่ควรจะบอกกับมนุษย์ก็คือ ให้มนุษย์รู้ว่าการกระทำใดๆ ก็ตาม เริ่มตั้งแต่ ความคิดไปจนถึงพฤติกรรมที่แสดงออกมานั้น ส่งผลในลักษณะพลังงานที่สะท้อนเชื่อมโยงกันไปทั้งหมด มนุษย์ควรรู้เรื่องกรรมดี เป็นกรรมเบาที่ช่วยปัดเป่าวิบากที่จะเกิดกับโลก อันเนื่องมาจากผลการกระทำของมนุษย์นั้น ให้เบาบางลงได้ และก็เชิญชวนมนุษย์ให้รู้จักสนามพลังแห่งมนุษยชาติ และร่วมกันอย่าได้ช้า สร้างสนามพลังงานที่ดีเพื่อลดวิบากของโลก สามารถบอกกับมนุษย์ได้ว่า วิบากที่เราสร้างขึ้นนั้น กี่ภพ กี่ชาติ เราไม่สามารถเรียบเรียงได้หมด การร่วมกันสวดมนต์นอกจากจะช่วยโลกได้ ยังช่วยตัวเองได้เป็นประการแรกด้วยซ้ำ การสวดมนต์และแผ่เมตตาออกไป จะทำให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับผลอันนั้น แล้วอโหสิกรรมให้กับเรา ลด ละ เลิกการจองเวรกับเรา ใครยิ่งมีทุกข์มากยิ่งสวดมาก ยิ่งดีขึ้นเร็ว แล้วก็เป็นผลดีกับโลกไปด้วย อันนี้สามารถเชิญชวนได้แบบนี้ ใครอยากเห็นข้อพิสูจน์ให้เข้าไปดูข้อมูลที่ http://www.universal-signal.com หัวข้อ การสร้างสนามพลังแห่งมนุษยชาติและการแผ่เมตตา และมีข่าววิกฤติการณ์ของโลก ซึ่งจะมีข่าวสารที่นำเสนอขึ้นไปตลอดเวลา การแสดงความคิดเห็นของบุคคลผู้มีความรู้ความสามารถต่าง ๆ เราจะเอามาร่วมประชุมกันไว้ในเว็บไซต์นี้ โดยพวกเราจงช่วยกันหามาให้คนได้ขึ้นไปดู จะได้เห็นได้รู้ว่าโลกนี้ที่กว้างใหญ่เขารู้อะไรกันบ้างแล้ว มนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนไทยนั้นล้าหลังเพียงใด ตอนนี้ควรจะรับรู้และช่วยกันได้แล้ว นี่แหละวิธีการพูดของข้า..สัญญาณจากจักรวาล สอนเจ้าด้วยพลังแห่งธรรมชาติ... จงตื่นพัฒนาจิตตนและรักษาสมดุลธรรมชาติ... ก่อนที่เจ้าจะเหลือแต่จิตที่ขุ่นมัว
    </TD><TD width="2%"> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD colSpan=3> </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. อนันตรา

    อนันตรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +325
    อ่านแล้วน่ากลัวมากนะคะ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งอยากมีส่วนช่วยเหลือบ้างแม้สักนิ๊ดนึงก็ยังดี DR.G G แนะนำให้สวดมหาเมตตาลองสวดดูแล้วยาวววววมากกกกก แต่ก็รู้สึกดีมากจริงๆค่ะอย่างน้อยที่สุดหนึ่งดวงจิตของเราก็ได้พยายามแล้ว
     
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    สนามพลังแห่งมนุษยชาติสามารถถูกแบ่งออกตามสำนึกของจิตได้ดังนี้

    ๓.๑ สนามพลังจิตสำนึกแห่งมนุษยชาติ (Consciousness Human Morphic Field) มนุษย์ใช้จิตสำนึกแสดงความสามารถ โดยสมองนึกคิดไป ตามความต้องการของตนเอง ไม่คล้อยไปตามความสมดุลของสนามพลังแห่งธรรมชาติ มีการเคลื่อนย้ายปรับเปลี่ยน ดัดแปลง วัตถุที่สมดุลอยู่แล้วให้เกิดความไม่สมดุล สมองสั่งการด้วยความโลภ โกรธและหลงเป็นคลื่นส่งผลถึงความไม่สมดุลอีกเช่นกัน เมื่อทุกสิ่งมีความเกี่ยวข้องกันทุกอณูย่อมมีการสั่นสะเทือนถึงกันทั้งหมด แต่มนุษย์นั้นไม่สามารถรับการสั่นสะเทือนและการเสียสมดุลของสนามพลังแห่งธรรมชาติได้ เนื่องจากสมองมนุษย์มีข้อจำกัดนั่นเอง
    ๓.๒ สนามพลังจิตใต้สำนึกแห่งมนุษยชาติ (Subconsciousness Human Morphic Field) ลักษณะของมนุษย์ที่ใช้จิตใต้สำนึกนี้ มีความใกล้เคียงกันกับของพืชและสัตว์ เนื่องจากใช้จิตใต้สำนึกผ่านสัญชาตญาณเช่นกัน การดำรงชีวิตของมนุษย์ ก็ดำเนินไปตามหลักของความสมดุลของสนามพลังแห่งธรรมชาติของโลก จึงไม่ส่งผลเสียใดๆ และยังเป็นส่วนช่วยรักษาความสมดุลของสนามพลังเดิมที่มีอยู่ ให้เกิดความเสถียรยิ่งด้วย ​

    ๓.๓ สนามพลังจิตเหนือสำนึกแห่งมนุษยชาติ (Unconsciousness Human Morphic Field) สนามพลังแบบนี้ไม่เพียงแต่สร้างสนามพลังที่สมดุลเพียงอย่างเดียว แต่ผู้ที่สามารถสร้างสนามพลังแบบนี้ และมีเจตจำนงในการสร้างความสมดุลแห่งสนามพลัง จะเป็นผู้ที่สามารถปรับและควบคุมสนามพลังแห่งธรรมชาติได้อีกด้วย มนุษย์ที่สามารถใช้จิตเหนือสำนึกของตนได้นั้น เป็นผู้ที่ไม่ใช้สมองในการพิจารณา แต่ใช้เป็นตัวผ่านข้อมูลเพื่อการเก็บบันทึก และเพื่อใช้ในการสื่อสารเท่านั้น ข้อมูลที่ใช้สื่อสารสรุปได้จากปัญญาพิจารณาบนฐานแห่งข้อเท็จจริง จะเห็นว่าบุคคลเหล่านี้ดำรงชีวิตไปตามความสมดุลแห่งสนามพลังแห่งธรรมชาติ และด้วยมีความเข้าใจซึ้งถ่องแท้บนข้อเท็จจริงของธรรมชาติ มีการดำรงชีวิตมนุษย์อย่างเป็นสามัญของธรรมชาติ
    ก. มนุษย์มีการกระจายตัวของประชากรไปทั่วโลก ทำให้การสร้างสนามพลังแห่งมนุษยชาติ กระจายครอบคลุมพื้นที่บนโลก และปรับสนามพลังแห่งธรรมชาติ ได้เป็นอย่างสอดคล้องกันไปด้วย
    ข. มนุษย์สามารถพัฒนาอาการรู้ด้วยจิตสำนึกจากสมอง เพื่อปรับสิ่งแวดล้อมเข้าหาความต้องการของตน ทำให้เกิดสนามพลังในลักษณะที่เป็นสนามพลังของการปรับเปลี่ยนธรรมชาติ เบี่ยงเบนข้อเท็จจริง และทำลายล้างความเป็นธรรมชาติอันสมดุล ดังนั้นมนุษย์จึงเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายมากที่สุดนั่นเอง
    มนุษย์กับอ้อมกอดธรรมชาติที่ไม่สมดุล
    ในทุกวินาทีมนุษย์ก่อให้เกิดสนามพลังโดยการทำงานพร้อมกันของจิตสำนึก และจิตใต้สำนึกผ่านทางความสามารถของสมอง ในบรรดาสนามพลังแห่งมนุษยชาติ สนามพลังจิตสำนึกแห่งมนุษยชาติ (Consciousness Human Morphic Field) เป็นตัวแปรที่มีความสำคัญมากที่สุด ด้วยมนุษย์เป็นสิ่งที่มีชีวิตชนิดเดียวที่ดัดแปลงปรับสภาพของธรรมชาติเข้าหาตัวเอง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป็นตัวการที่สำคัญที่สุด ที่ก่อให้เกิดการเสียสมดุลธรรมชาติของโลกใบนี้ สาเหตุที่เป็นอย่างนั้น ก็ด้วยมนุษย์บนโลกนี้ มีวิวัฒนาการทางร่างกายและสมองมากกว่าทางด้านจิตใจ จึงสร้างและดัดแปลงวัตถุไปตามสมองของตน ไม่เป็นไปตามสมดุลของสนามพลังแห่งธรรมชาติ พร้อมทั้งการตั้งความประสงค์ของธาตุรู้ในตัวเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งของหยาบนั้นๆ เปรียบเทียบกับมนุษย์ในดาราจักรอันดรอมดาที่มีวิวัฒนาการด้านจิตมากกว่าร่างกาย การสร้างความไม่สมดุลของสนามพลังแห่งธรรมชาติ จึงมีน้อยกว่ามนุษย์บนพื้นโลกแห่งนี้มากมายนัก อย่างไรก็ตาม การร่วมมือร่วมใจและจิตของมนุษย์ทั้งหมด ที่จะพัฒนาทั้งร่างกายและจิตในแนวทางที่ถูกต้องตามธรรมชาติ โดยคำนึงถึงความสมดุลของสนามพลังแห่งธรรมชาติเป็นสำคัญ มนุษย์ก็จะเป็นหลักที่จะสามารถแก้ไขความสมดุลนี้ได้​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2007
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ดูเหมือน Dr.G.G.Junior นี่ เป็นอีกท่านหนึ่งที่ติดต่อจิตจักรวาลได้
    มีหลายคนที่ติดต่อได้แบบนี้ ที่มีหน้าที่สื่อโดยตรง อจ.ปริญญาว่ามีอยู่ 7คน
    มาช่วยกันสวดมนต์แผ่เมตตากันมากๆ ช่วยสร้างสนามพลังงานที่ดีๆเอาไว้ให้กับโลกครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2007
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** เกิดมาเป็นมนุษย์ ต้องทำอะไร ****

    เกิดเป็นมนุษย์...มีหน้าที่ คือ
    ต้องทำ...ในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ
    ต้องทำ....ในสิ่งที่ยังทำไม่ได้

    คือ การขจัดกิเลส นิสัย สันดานให้หมดสิ้นไป
    หาก...ทำไม่ได้หมด
    ก็ต้องไปเกิดอีก...เพื่อทำให้ได้...จนกว่าจะทำได้

    แล้วทุกวันนี้...ลองถามตัวเองว่า
    วันนี้...เราตั้งใจ ขจัดนิสัยไม่ดีอะไรบ้าง !!!

    ถ้าวันนี้...ไม่ได้ตั้งใจ
    ก็ขอให้เริ่มต้น ชีวิตใหม่ด้วย "สัจจะ"
    สัญญา กับใจตัวเอง...ว่า...จะทำสิ่งที่ดี วันละอย่าง วันละข้อ
    ข้อละ ๑ ชั่วโมง ...ก็ยังดี กว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ตั้งใจเลย !!!

    นี่แหละ...คนจริง ที่โลกต้องการ
    พูดจริง...ทำจริง
    ผู้ใดมี "สัจจะ"....ผู้นั้น เสมือนมีบัตรผ่านเข้า
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** โลกุตตระ คือ... ****



    องค์โลกุตตระ
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** ศาสนศาสตร์ ****

    ศาสนศาสตร์...มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก
    เพราะ..."หลักสัจจะธรรม" ...คือ.... หลักสูงสุด หนึ่งเดียวที่ปักนิ่ง มั่นคง ไม่กระดุกกระดิก !!!
    ศาสนาพุทธ...มีเป้าหมายสูงสุด คือ นำพาสัตว์ให้หลุดพ้น
    ศาสนาอื่น....คือ ศาสนาที่สนับสนุนศาสนาพุทธ ทำให้โลกเกิดความรักและสันติสงบสุข
    เมื่อถึงเวลา....ศาสนาอื่น จะหมดไปในที่สุด
    เหลือเพียง....ความเชื่อ และ การปฏิบัติหนึ่งเดียวในโลก...
    เพื่อหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
    เวลานั้น....ใกล้มากแล้ว
    ขอให้มนุษย์ทุกคน ทุกชนชาติ ทุกศาสนา...รักษาชีวิตและร่างกายไว้ให้ดี
    เพื่อจะได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
    คอยดูนะ...คอยดูนะ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** พรโปรดมวลมนุษย์ จากเบื้องบน... โลกุตตระ ****

    ถึง ผู้มีอำนาจทั้งหลายทั่วโลก

    " เราขอประกาศไว้ว่า... สถานที่นี้ เอาหลักธรรมของ โลกุตตระ มานำสัตว์ให้หลุดพ้น
    เพราะฉะนั้น ผู้มีอำนาจทั้งหลาย ขอให้ตั้งอยู่ในความสงบ
    อย่าได้เอาท้องฟ้านี้ เป็นสนามรบ
    ถ้าฝ่าฝืน ประเทศใดประเทศหนึ่งฝ่าฝืนโองการของ โลกุตตระ
    .......ฟ้าจะต่ำลงมา "

    วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐
    "หนุมาน ผู้นำสารจากเบื้องบน จากโลกุตตระ จากพระเจ้า จากจิตจักรวาล จากพระผู้สร้างโลก"
    ผู้บันทึก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2007
  20. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    จงดำรงอยู่ในความ ไม่ประมาท
     

แชร์หน้านี้

Loading...