เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ปัญญาเกิดตอนไหนครับ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pearl8, 15 เมษายน 2011.

แท็ก: เพิ่มแท็ก

หน้า 1 ของ 2

pearl8 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

11 พฤศจิกายน 2010

โพสต์:

335

ค่าพลัง:

+154
อยากรู้เหมือนกันค่ะ......
pearl8, 15 เมษายน 2011

#1

ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

23 มีนาคม 2010

โพสต์:

1,080

ค่าพลัง:

+968

ภาวนาให้ชำนาญ ภาวนาให้แตกฉาน ภาวนาให้เข้าใจ เอาใจออกห่างจากกิเลส(ความสกปรก) ต่างๆ มีความตั้งใจมั่นตั้งไว้ชอบ เป็นสัมมาทิฐฐิ เลือกเฟ้นธรรม และไม่ประมาท!

-

ฟางว่าน, 15 เมษายน 2011

#2
สามเณรผู้เดียว สมาชิก

วันที่สมัครสมาชิก:

30 พฤษภาคม 2008

โพสต์:

52

ค่าพลัง:

+16

ปัญญาเกิด เกิดจากธาตุรู้ที่บริสุทธิ์ เกิดตอนที่ธาตุรู้กระจายตัวออกมารับรู้สิ่งต่างๆตามความเป็นจริง จักบังเกิดเพียงชั่วสายฟ้าแลบ
อย่างที่คุณฟางหว่านว่า ภาวนาไปเหอะจะรู้เอง

แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2011

"ขอสรรพสัตว์ทั้งหลาย จงมีอิสรภาพด้วยเทอญ"

สามเณรผู้เดียว, 15 เมษายน 2011

#3
เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

30 พฤษภาคม 2008

โพสต์:

397

ค่าพลัง:

+314


[FONT=&quot]โย พาโล มญฺญติ พาลฺยํ ปณฺฑิโต วาปิเตนโส[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

[FONT=&quot]คนโง่ เมื่อรู้ตนว่าโง่ จะเป็นผู้ฉลาดเพราะเหตุนั้น[/FONT]

sangtian9 said: ↑

ปัญญาเกิด เกิดอย่างไร? ตอบ ในบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้เข้ามาปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนา ปัญญาจะเกิดเมื่อ จิตเกิดการอิ่มตัวเมื่อรู้คำตอบในเรื่องเฉพาะเรื่อง ที่มีในชีวิติของตน เกิดตอนไหนครับ? ตอบ..เกิดตอนที่มีสามัญสำนึกพื้นฐานในเรื่องนั้นๆ หลังจากที่ตนเรียนจบในประสพการชีวิติตนที่มี แบบเฉพาะเรื่อง เป็นเรื่องๆ ไป เช่น เดือดร้อนจากการผิดศีลกาเม จนจิตทุกข์ระทม จนเกิดความรู้สึกว่า ไม่เอาอีกแล้ว เข็ดแล้ว ประมาณนี้ สาธุ..
Click to expand...

ตอบ...ส่วนปัญญาของผู้เข้าสู่เส้นทางธรรมตามแบบ ทาน ศีล ภาวนา แล้วได้ปัญญาเป็นผลตอบแทน ได้อธิบายไปแล้วในกรทู้เดียวของ"จริงนะ"จ้า...

เงาเทวดา, 15 เมษายน 2011

#4
nuaiswat เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กันยายน 2007

โพสต์:

234

ค่าพลัง:

+248

ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ตามลำดับ ปัญญาเกิดจากการพิจารณาใครครวญไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว สาธุ

nuaiswat, 15 เมษายน 2011

#5
bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

11 กันยายน 2010

โพสต์:

2,471

ค่าพลัง:

+4,288

ปัญญานี่เกิดจากศีล เกิดจากการที่เรามีความปกติ มีจิตที่ปราโมทย์ยิ่งอยู่
อารมณ์ทุกข์ๆ นี่ไม่เกิดปัญญาหรอกครับ

Look at the birds in the air. They neither sow, nor do they reap, nor gather into barns, and yet they are fed.

bluebaby2, 15 เมษายน 2011

#6
Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

5 เมษายน 2011

โพสต์:

450

ค่าพลัง:

+333

ปัญญาเกิดจากการที่เรารู้ครับ

http://www.facebook.com/groups/Darkever/

Darkever, 15 เมษายน 2011

#7
บัวบูชา เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

25 เมษายน 2005

โพสต์:

118

ค่าพลัง:

+313

เกิดตอนมีปัญหาค่ะ...เอ.. ถูกหรือเปล่านะ

บัวบูชา, 15 เมษายน 2011

#8
เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

19 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

267

ค่าพลัง:

+1,431

ให้เรางามด้วยศีลด้วยธรรม ด้วยความประพฤติปฏิบัติ จากนั้นศีลเป็นพื้นสีลปริภาวิโตสมาธิมหปฺผโลโหติมหานิสํโสศีลอบรมกายวาจาใจของตนให้มีความสงบร่มเย็นจนกลายเป็นสมาธิ ใจเป็นสมาธิขึ้นมาได้ เพราะใจไม่วอกแวกคลอนแคลนว่าได้ไปทำผิดศีลข้อไหนๆ ใจก็ไม่เป็นกังวล มาบำเพ็ญจิตตภาวนาก็มีความสงบร่มเย็นขึ้นมา เป็นสมาธิขึ้นมาได้ สีลปริภาวิโต ศีลเป็นเครื่องอบรมจิตให้มีสมาธิ ความสงบใจแน่นหนามั่นคงของใจขึ้นมาได้ สมาธิปริภาวิตาปญฺญามหปฺผลาโหติมหานิสํสา สมาธิเป็นเครื่องหนุน เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงปัญญาให้มีกำลังแก่กล้า พิจารณาในสภาวธรรมทั้งหลายตั้งแต่กายของตนออกไปทั่วแดนโลกธาตุขาดกระจัดกระจายไปจากความยึดมั่นถือมั่นขึ้นไปโดยลำดับลำดา มันหนุนกันเป็นอย่างนี้ไปนะ ศีลหนุนจิตให้เป็นสมาธิ สมาธิหนุนปัญญาให้มีความเฉลียวฉลาดแก่กล้าสามารถ ปญฺญาปริภาวิตํจิตฺตํสมฺมเทวอาสเวหิวิมุจฺจติ ปัญญาเป็นเครื่องซักฟอกจิตใจให้มีความผ่องใสจนกระทั่งถึงหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงโดยชอบคือปัญญา นี่ให้นำมาใช้

อ้างอิง : หลวงตามหาบัว<o></o>
Click to expand...

จะเป็นปัญญาได้ ก็ต้องมีสมาธิก่อน
ถ้าไม่มีสมาธิเป็นฐาน ก็เป็นปัญญาไม่ได้
เป็นได้ก็แต่เพียงสัญญา
สัญญาก็เหมือนเราอ่านหนังสือที่ร่ำเรียนนี่แหละ
หรือจะเรียกสัญญาว่าปัญญาทางโลกก็ได้

ส่วนปัญญาในพระพุทธศาสนา
เป็นปัญญาที่ซึ้งถึงใจ ที่ทำให้ใจถอดถอนอุปทานต่าง ๆ ได้ตามลำดับ

เคยสังเกตมั้ย เวลาที่ครูอาจารย์ที่เชี่ยวชาญท่านสอน
ท่านจะสอนไปถึงจุดหนึ่ง แล้วท่านหยุด
แล้วข้ามไปสอนในขั้นตอนถัดไปเลย

ทั้งนี้เพราะหากพูดให้ฟังในขั้นนั้น
เมื่อปฏิบัติจริงผู้ฟังจะเกิดสัญญาอารมณ์ในขณะปฏิบัิติ
จนคิดว่าตนบรรลุในขั้นนั้นจริง ๆ
ทั้งที่ตนยังไม่ได้รู้ได้เห็นในขั้นนั้นเลย

เห็นมั้ยเคยเห็นหลวงตามหาบัวพูดถึงขั้น
โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค มั้ย
ท่านไม่เคยพูดเลยนะ
เพราะเมื่อปฏิบัติตามขั้นตอนที่ท่านบอก
ก็จะรู้เองเห็นเอง

หากท่านบอกเอาไว้
จะมีผู้ฟังแล้วจำมา
แล้วสำคัญตนว่่าตนได้ขั้นนี้เยอะนะ
ท่านจึงไม่พูดท่านข้ามไปเลย

เตชพโล, 15 เมษายน 2011

#9
passakorner เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

27 พฤษภาคม 2010

โพสต์:

284

ค่าพลัง:

+1,034

ปัญญาเกิดได้ตลอดน่ะครับ

เกิดเพราะรู้เท่าทัน
เกิดเพราะประสบการณ์
เกิดเพราะทำประจำ
เกิดเพราะสมาธิอันปราณีต
เกิดเพราะวิปัสสนา
เกิดเพราะพ้นจากกิเลสทั้งปวง (ปัญญาบริสุทธิ์)

ปัญญาเป็นสภาพ ความโล่ง สบาย ในการพิจารณา ความคิดมุทะลุ มองเห็นถึงเหตุและปัจจัย ไม่ใช่ ตัน แต่ มัน จะ สว่าง สไสว และ ไม่ติดขัดใดๆๆครับ

passakorner, 15 เมษายน 2011

#10
cfour1234 Active Member

วันที่สมัครสมาชิก:

27 พฤศจิกายน 2010

โพสต์:

121

ค่าพลัง:

+93

ปัญญาจะเกิด เมื่อ มีปัญหา
มีปัญหา จึงมี ปัญญา ไว้แก้

cfour1234, 16 เมษายน 2011

#11
ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

3 ตุลาคม 2006

โพสต์:

7,917

ค่าพลัง:

+9,181

ปัญญา เกิดตอนที่ เห็นตามความจริง

เราเห็นอะไรตามความจริง เห็นว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ นี่ก็เห็นตามความจริง
เห็นว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ดีหรือไม่ดี โดยดูจากผล หรือ ต้นเหตุ นี่ก็เห็นตามความจริง

แล้วเมื่อมีสติ สมาธิ ดีพอ ก็จะเห็น จริงยิ่งกว่าจริงมากขึ้นไปจน เห็นแต่ จริงแท้ทุกอย่าง นั่นแหละ

ทีนี้ ปัญญานี้จะเกิดได้อย่างไร ทำอย่างไร จึงจะเป็นคนที่เห็นตามความจริง ได้รอบคอบ กว้างขวาง ก็ต้อง ฝึกใช้สติ มองตามความจริงอย่างง่ายๆ เรียกว่า การฝึก มหาสติปัฎฐาน
ต้อง ฝึกสมาธิ เพื่อให้จิตมีกำลัง มีความสงบตัว เห็นความจริงได้ชัดเจน

เมื่อมองตามความจริง กินข้าวอิ่ม ก็รู้ตัวเอง เดินเอง นั่งเอง นอนเอง รู้ตัวเอง
คิดเอง รู้เอง รัก โลภ โกรธ หลงเอง รู้ตัวเอง
สับสน รู้ตัวเอง
ทุกข์ สุขเอง รู้ตัวเอง
ปรุงแต่งเอง รู้ตัวเอง

จะเห็นเรื่องราวของสิ่งที่เรา ทำขึ้นมาเอง ปรุงขึ้นมาเอง ทั้งหมด
แล้วเราจะแยกแยะได้ทั้งหมด เพราะรู้จักตัวเอง รู้จักจิต รู้จักกระบวนการของจิต
แล้วจะเห็นธรรม

http://www.siangdham.com/
ช่วยดูแลวิทยุเสียงธรรม

ขันธ์, 16 เมษายน 2011

#12
Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

2 สิงหาคม 2010

โพสต์:

625

ค่าพลัง:

+572

ปัญญา คือ ความรู้แจ้ง หมายถึง รู้ถึงความเป็นปกติของธรรมชาติ

Ongsathit, 16 เมษายน 2011

#13
ด้อยค่า เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

27 พฤศจิกายน 2009

โพสต์:

81

ค่าพลัง:

+143

ปัญญาเกิดอย่างไร
ปัญญาเกิดจาก การคิดนึก การพิจารณาไตร่ตรองโดยรอบคอบเป็นเหตุเป็นผล
เรียกว่า โยนิโสมนสิการ

ปัญญาเกิดตอนไหน เกิดเมื่อใด
ปัญญาเกิด เมื่อเกิดความเข้าใจหายสงสัย รู้แจ้งเห็นจริง ตามความเป็นจริง
ของสิ่งที่พินิจพิจารณาอยู่นั้น

เจริญธรรม

ด้อยค่า, 17 เมษายน 2011

#14
สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

2 เมษายน 2010

โพสต์:

0

ค่าพลัง:

+3,984

ขันธ์ said: ↑

ปัญญา เกิดตอนที่ เห็นตามความจริง

เราเห็นอะไรตามความจริง เห็นว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ นี่ก็เห็นตามความจริง
เห็นว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ดีหรือไม่ดี โดยดูจากผล หรือ ต้นเหตุ นี่ก็เห็นตามความจริง

แล้วเมื่อมีสติ สมาธิ ดีพอ ก็จะเห็น จริงยิ่งกว่าจริงมากขึ้นไปจน เห็นแต่ จริงแท้ทุกอย่าง นั่นแหละ

ทีนี้ ปัญญานี้จะเกิดได้อย่างไร ทำอย่างไร จึงจะเป็นคนที่เห็นตามความจริง ได้รอบคอบ กว้างขวาง ก็ต้อง ฝึกใช้สติ มองตามความจริงอย่างง่ายๆ เรียกว่า การฝึก มหาสติปัฎฐาน
ต้อง ฝึกสมาธิ เพื่อให้จิตมีกำลัง มีความสงบตัว เห็นความจริงได้ชัดเจน

เมื่อมองตามความจริง กินข้าวอิ่ม ก็รู้ตัวเอง เดินเอง นั่งเอง นอนเอง รู้ตัวเอง
คิดเอง รู้เอง รัก โลภ โกรธ หลงเอง รู้ตัวเอง
สับสน รู้ตัวเอง
ทุกข์ สุขเอง รู้ตัวเอง
ปรุงแต่งเอง รู้ตัวเอง

จะเห็นเรื่องราวของสิ่งที่เรา ทำขึ้นมาเอง ปรุงขึ้นมาเอง ทั้งหมด
แล้วเราจะแยกแยะได้ทั้งหมด เพราะรู้จักตัวเอง รู้จักจิต รู้จักกระบวนการของจิต
แล้วจะเห็นธรรม
Click to expand...

สาธุครับ ท่านขันธ์..ชัดเจน!

✿ สิ่งที่สอนกันไม่ได้ก็คือ.. 'สามัญสำนึก'

สับสน!, 17 เมษายน 2011

#15
สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

2 เมษายน 2010

โพสต์:

0

ค่าพลัง:

+3,984

เตชพโล said: ↑

จะเป็นปัญญาได้ ก็ต้องมีสมาธิก่อน
ถ้าไม่มีสมาธิเป็นฐาน ก็เป็นปัญญาไม่ได้
เป็นได้ก็แต่เพียงสัญญา
สัญญาก็เหมือนเราอ่านหนังสือที่ร่ำเรียนนี่แหละ
หรือจะเรียกสัญญาว่าปัญญาทางโลกก็ได้

ส่วนปัญญาในพระพุทธศาสนา
เป็นปัญญาที่ซึ้งถึงใจ ที่ทำให้ใจถอดถอนอุปทานต่าง ๆ ได้ตามลำดับ

เคยสังเกตมั้ย เวลาที่ครูอาจารย์ที่เชี่ยวชาญท่านสอน
ท่านจะสอนไปถึงจุดหนึ่ง แล้วท่านหยุด
แล้วข้ามไปสอนในขั้นตอนถัดไปเลย

ทั้งนี้เพราะหากพูดให้ฟังในขั้นนั้น
เมื่อปฏิบัติจริงผู้ฟังจะเกิดสัญญาอารมณ์ในขณะปฏิบัิติ
จนคิดว่าตนบรรลุในขั้นนั้นจริง ๆ
ทั้งที่ตนยังไม่ได้รู้ได้เห็นในขั้นนั้นเลย

เห็นมั้ยเคยเห็นหลวงตามหาบัวพูดถึงขั้น
โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค มั้ย
ท่านไม่เคยพูดเลยนะ
เพราะเมื่อปฏิบัติตามขั้นตอนที่ท่านบอก
ก็จะรู้เองเห็นเอง

หากท่านบอกเอาไว้
จะมีผู้ฟังแล้วจำมา
แล้วสำคัญตนว่่าตนได้ขั้นนี้เยอะนะ
ท่านจึงไม่พูดท่านข้ามไปเลย
Click to expand...

พี่เตช..สุดยอดวันนี้ไม่ธรรมดา หลักยังมั่นคงดี

✿ สิ่งที่สอนกันไม่ได้ก็คือ.. 'สามัญสำนึก'

สับสน!, 17 เมษายน 2011

#16
ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

5 มกราคม 2008

โพสต์:

6,197

กระทู้เรื่องเด่น:

1

ค่าพลัง:

+4,075

ในชีวิตประจำวันธรรมะปรากฎอยู่ตลอดเวลา ทางตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ
เรามีสติรู้เท่าทันความจริงที่ปรากฎ ได้ชื่อว่า อกาลิโก พิสูจน์ธรรมได้ทุกเมื่อ
การดูมาก เห็นมาก ไม่หลงอารมณ์ ไม่หลงโลก ปัญญาจะแหลมคม
ไม่เผลอปล่อยใจใหลตาม ตัณหา รู้เหตุเกิด รู้เหตุดับในปัจจุบัน

ทีนี้การมีสติรู้ รู้ คิด รู้ปรุง รู้กระทบ รู้สมมุติ ยังไม่ทำให้เกิดปัญญา
เป็นเพียงสติรู้ธรรมที่ปรากฎ
การเห็นมาก พิจารณามาก จนเข้าใจสภาวะ เหตุเกิดดับ ปัจจัยต่างๆ
ปัญญาสัมมาทิฐิ และสัมมาสังกัปปะจะเกิด เป็นเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง
ตามสภาพความไม่ใช่ตัวใช่ตน สัตว์ บุคคลใด
เป็นเพียงสภาวะหนึ่งๆเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นปัจจัยไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง

ดังนั้นปัญญาจะค่อยๆถอนความเห็นผิด จากอกุศลเป็นกุศลอยู่ทุกขณะ
พอมาถึงมรรคมีองค์แปด พระท่านย่อเหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา
แปลความเป็นผลได้ตามโอวาทสามที่ว่า
ละชั่ว ทำดี หยั่งกุศลให้ถึงพร้อม

ในแต่ละวันคนเราเจออยู่ 5 อย่าง
ทุกข์กาย ทุกข์ใจ สุขกาย สขกาย สุขใจ เฉย

มี สัมผัสได้ 6 อย่าง
รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมมารมณ์

มีใจอยู่ 2 อย่าง
คือ กุศล อกุศล

มี 3 กาล
อดีต ปัจจุบัน อนาคต
เหตุที่ดับไปแล้ว เหตุที่กำลังจะดับ และเหตุที่ยังไม่เกิด

ก็เลือกเอาครับ จะเพาะเชื้ออะไร

แม้นชาติไหนเกิดไปพบพาน จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตา

ฐาณัฏฐ์, 17 เมษายน 2011

#17
ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

5 มกราคม 2008

โพสต์:

6,197

กระทู้เรื่องเด่น:

1

ค่าพลัง:

+4,075
ปัญญารู้ปรมัตถ์ หรือ ปัญญาเจตสิก

[๓๑] ปัญญินทรีย์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน ?
ปัญญา กิริยาที่รู้ชัด ความวิจัย ความเลือกสรร ความวิจัยธรรม
ความกำหนดหมาย ความเข้าไปกำหนด ความเข้าไปกำหนดเฉพาะ ภาวะที่รู้
ภาวะที่ฉลาด ภาวะที่รู้ละเอียด ความรู้แจ่มแจ้ง ความค้นคิด ความใคร่ครวญ
ปัญญาเหมือนแผ่นดิน ปัญญาเครื่องทำลายกิเลส ปัญญาเครื่องนำทาง ความ
เห็นแจ้ง ความรู้ชัด ปัญญาเหมือนปฏัก ปัญญา อินทรีย์คือปัญญา ปัญญาพละ
ปัญญาเหมือนศัสตรา ปัญญาเหมือนปราสาท ความสว่าง คือ ปัญญา แสงสว่าง
คือปัญญา ปัญญาเหมือนดวงแก้ว ความไม่หลง ความวิจัยธรรม สัมมาทิฏฐิ
ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า ปัญญินทรีย์มีในสมัยนั้น.
แม้นชาติไหนเกิดไปพบพาน จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตา

ฐาณัฏฐ์, 17 เมษายน 2011

#18
ธรรมโฆษฯ สมาชิกใหม่

วันที่สมัครสมาชิก:

16 มีนาคม 2011

โพสต์:

21

ค่าพลัง:

+1

ด้อยค่า said: ↑

ปัญญาเกิดอย่างไร
ปัญญาเกิดจาก การคิดนึก การพิจารณาไตร่ตรองโดยรอบคอบเป็นเหตุเป็นผล
เรียกว่า โยนิโสมนสิการ

ปัญญาเกิดตอนไหน เกิดเมื่อใด
ปัญญาเกิด เมื่อเกิดความเข้าใจหายสงสัย รู้แจ้งเห็นจริง ตามความเป็นจริง
ของสิ่งที่พินิจพิจารณาอยู่นั้น

เจริญธรรม
Click to expand...

สาธุ ขอโมทนา
เจริญพร

ธรรมโฆษฯ, 17 เมษายน 2011

#19
ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

6 มีนาคม 2009

โพสต์:

2,940

ค่าพลัง:

+8,515

ปัญญา

เกิดขึ้น มาหลังสติ

จึ่งเรียกว่า
สติปัญญา

สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา

สติปัฎฐาน ๔ จึงเป็นทางสายเอก แห่งการหลุดพ้น

แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2011

ความเจริญยศเป็นความเจริญเล็กน้อย แต่ความเจริญปัญญาเป็นความเจริญยิ่งใหญ่

ราคุเรียวซาย, 17 เมษายน 2011

#20

(คุณต้องเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน เพื่อที่จะโพสต์)

หน้า 1 ของ 2

แชร์หน้านี้

Loading...