พวกดื้อรั้นจะให้จิตเป็นวิญญาณขันธ์ให้ได้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 28 มกราคม 2010.

  1. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    :cool: ผ่าน ผ่าน ผ่าน
     
  2. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    งั้นถามต่อ....
    พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พิจารณาขันธ์๕ ให้เป็นอนัตตา เพื่ออะไร
    เพื่อ ให้เข้าใจว่า ขันธ์๕ ไม่มี
    เพื่อ ให้เกิดความเบื่อหน่ายใน ขันธ์๕
    เพื่อ ให้รู้เท่าทันอุปทานขันธ์๕
    เพื่อ ให้ไม่ยึดมั่นในขันธ์๕
    เพื่อ ให้มีความเห็นว่าขันธ์๕ ไม่มีทั้งอดีต อนาคต ปัจจุบัน
     
  3. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    :cool: เป็นเช่นนั้น
    เพื่อ ให้เข้าใจว่า ขันธ์๕ ไม่มี
    เพื่อ ให้เกิดความเบื่อหน่ายใน ขันธ์๕
    เพื่อ ให้รู้เท่าทันอุปทานขันธ์๕
    เพื่อ ให้ไม่ยึดมั่นในขันธ์๕

    เพื่อ ให้มีความเห็นว่าขันธ์๕ ไม่มีทั้งอดีต อนาคต ปัจจุบัน
    ข้อนี้ชี้ให้สติอยู่กับปัจจุบัน เพราะธรรมเกิดอยู่เฉพาะหน้า
     
  4. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    สติ คือ อนัตตา ใช่หรือไม่ ?
     
  5. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    พิจารณา
    เพื่อ ให้เข้าใจว่า ขันธ์๕ ไม่มี แล้วทำไมจะต้องไปเบื่อหน่ายอีกเมื่อไม่มีขันธ์๕แล้ว
    เพื่อ ให้เกิดความเบื่อหน่ายใน ขันธ์๕
    เพื่อ ให้รู้เท่าทันอุปทานขันธ์๕
    เพื่อ ให้ไม่ยึดมั่นในขันธ์๕
     
  6. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    ไม่กล่าวเช่นนั้น ช่วงนี้มีคนกะซิบมาว่า เราสุดโต่ง

    เอาเป็น สัมมาสติ ประชุม มรรคที่เหลือ ส่งเข้า อนัตตา
     
  7. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    งั้น ก็อย่าไปยึดมั่นใน อนัตตา นะแค่ให้กำหนดรู้
    อัตตา ในความเป็น อัตตา
    อนัตตา ในความเป็น อนัตตา
    อย่าเข้าไปสำคัญหมายใน อัตตาและอนัตตา
     
  8. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    เบื่อหน่าย เป็น นิพิทา
    คลายเบื่อหน่าย เป็นทางออกจากทุกข์
    ผลคือไม่ยึดมั่นในอัตตา ขันธ์ห้าจึงไม่มีในทางธรรม
     
  9. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    ไม่ยึดหรอก มีแต่ทิ้ง

    ธรรมปรากฎเฉพาะหน้า ก็ทิ้งเฉพาะหน้า

    ถามสปาต้า

    อัตตา ในความเป็น อัตตา
    อนัตตา ในความเป็น อนัตตา เป็นอย่างไร
     
  10. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>โชแปง, สปาต้า </TD></TR></TBODY></TABLE>

    วันนี้จะคุยแต่อนัตตาหรือ

    ไม่เอา จิตเที่ยง ซะหน่อยหรือท่าน

    หรือ นิพพานคือจิตไหมอะไรทำนองนี้
     
  11. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    พิจารณาขันธ์๕ เพื่อละอัตตาได้ เพื่อให้เบื่อหน่าย
    เพื่อให้คลายกำหนัด เพื่อให้ไม่ยึดมั่นถือมั่นในอุปทานขันธ์
    มิได้ให้มี ทิฏฐิ ยึดมั่นถือมั่นว่า ขันธ์๕ ไม่มี
     
  12. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63

    ทำไมถึงคิดว่าเรามีทิฏฐิเช่นนั้นหนอ
     
  13. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    เพราะ โชแปง พูดเอง๑
    เพราะ โชแปง พิจารณาลงอนัตตาแล้วไม่ไปต่อ๑
    เพราะ อนิจจัง ทุกข์ อนัตตา เป็น มรรค ไม่ใช่ ผล ยังไงละ
    เพราะ โชแปง ยังยึดมั่นติดอยู่กับ มรรค ยังไงละ
    เพราะ โชแปง ยังไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ที่แท้จริงยังไงละ
     
  14. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    พรุ่งนี้มาคุย เราให้ โชแปงเลือกก่อนว่า
    โชแปง จะเอาแบบไหน จะเที่ยงไม่เที่ยง
    หรือพระนิพพานมีหรือไม่มี เลือกได้เลย
    แล้วจะมา ปุจฉา-วิสัชชนา
    โดยเฉพาะ โชแปง ถนัดธรรมไหนเอาธรรมนั้น
     
  15. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63

    อะจ้า สปาป้าสุดยอด

    นายโชแปงยกนิ้วให้ :cool:

    สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ
     
  16. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    834
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ถามโชแปง

    -ที่พระอริยะกล่าวว่า นิพพานไม่ใช่อะไรๆ ที่พระอรหันต์หลายองค์ เช่นหลวงตามหาบัว พูดถึงคำสภาวะของท่านว่า จ้า อยู่ตลอดเวลา หลังจากบรรลุธรรมแล้ว นี่คือสิ่งใด สิ่งนี้จะดับไปไหมเมื่อปรินิพพาน
    หรือจ้า อยู่เช่นนั้นตลอดอนันตกาล

    -เมื่อบรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์แล้ว เราควรกล่าวว่า จิตท่านหลุดพ้น หรือว่า จิตท่านดับไม่เหลือกันแน่ ถ้าพูดถึงจิตดับ ก็ไม่ต้องพูดอะไรต่อ แต่ถ้าพูดว่า จิตหลุดพ้น ก็อาจกล่าวต่อว่า จิตนั้นเป็นจิตบริสุทธิ์ ปราศจากกิเลศ เป็นสภวะเดิมของจิตก่อนมาก่อเกิดอัตตา อย่างไหนจึงจะถูกต้องต่อสภาวะธรรมแห่งพระนิพพาน...ด้วยความเคารพครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2011
  17. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    bamrung ถาม โชแปง

    -ที่พระอริยะกล่าวว่า นิพพานไม่ใช่อะไรๆ ที่พระอรหันต์หลายองค์ เช่นหลวงตามหาบัว พูดถึงคำสภาวะของท่านว่า จ้า อยู่ตลอดเวลา หลังจากบรรลุธรรมแล้ว นี่คือสิ่งใด สิ่งนี้จะดับไปไหมเมื่อปรินิพพาน
    หรือจ้า อยู่เช่นนั้นตลอดอนันตกาล


    ความเห็นส่วนตัว
    เป็นแค่เครื่องหมาย ของกิเลสขาด เกิดหลังมรรค
    บางท่าน เหมือนไฟช๊อกแป๊บเดียว
    บางท่าน เหมือนถอนเหล็กแหลมออกจากศรีษะ หรืออก เจ็บแป๊บเดียว
    อัตตาขาดสะบั้น เช่น ตัวกู รถกู เมียกู มันขาดกัน
    ถ้าภูมิล่างๆลงมา เป็นเรื่องธาตุส่ง แล้วแต่ว่าธาตุใดเด่น
    เสตสิกฝ่ายอกุศลดับไป

    พิสูจน์ได้ ด้วยอารมณ์วิมุตติ ห้านาที สิบนาที สามวัน หรือเป็นปี
    คือ ว่างจากนิวรณ์ เป็นปิติ ไม่หลับ ไม่หิว กลวงว่าง สงบเฉย

    แต่ที่กล่าวมาไม่ต้องไปสนใจ
    สำคัญ คือ ให้ทดสอบกระแสโลก ว่ากิเลสมันเบาบางไหม
    ปัญญาแทงตลอด เป็นสัมมาทิฏฐิ อยู่ที่สภาวะธรรมปัจจุบันหรือไม่

    เคยสนทนากับพระอริยะเจ้า ท่านว่าจิตท่านไม่เกิดไม่ดับ
    ไม่หลับไม่นอน ไม่หิว ไม่หายใจไม่ตาย ไม่ยินดียินร้าย
    ผลจากดับนิวรณ์ และอัตตาดับสนิท อันนี้ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง



    -เมื่อบรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์แล้ว เราควรกล่าวว่า จิตท่านหลุดพ้น หรือว่า จิตท่านดับไม่เหลือกันแน่ ถ้าพูดถึงจิตดับ ก็ไม่ต้องพูดอะไรต่อ แต่ถ้าพูดว่า จิตหลุดพ้น ก็อาจกล่าวต่อว่า จิตนั้นเป็นจิตบริสุทธิ์ ปราศจากกิเลศ เป็นสภวะเดิมของจิตก่อนมาก่อเกิดอัตตา อย่างไหนจึงจะถูกต้องต่อสภาวะธรรมแห่งพระนิพพาน...ด้วยความเคารพครับ


    ถ้าเป็นสภาวะจิตเดิมแท้อย่างที่คุณพยายามเข้าใจ

    ผมให้เหตุผลดังนี้
    อาตมัน พรหมมัน เป็นเรื่องทำจิตเข้าสู่ความบริสุทธิ์ จนไปหลอมลวมกับจักรวาลหรือพระเจ้า แปลว่าบรมอัตตา เห็นอัตตาเที่ยง มันมีมาก่อนพุทธศาสนาแล้ว เป็นพันปี
    ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้

    ในนิกายบางนิกายในพุทธศาสนา เห็นว่าจิตคือพุทธะ จิตเดิมแท้
    เหมือนเด็กแรกเกิด แล้วเด็กแรกเกิดมีกิเลสได้ยังไง
    ผมถามกลับว่า พระอรหันต์ถ้าเชื่ออย่างนั้น พระอรหันต์ก็กลับมามีกิเลสได้นะ่สิ

    มีนิกายหนึ่งในพุทธ เชื่อว่า จิตเที่ยง ก็มี
    ในพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงโต้วิวาทะกับพราห์นอกลักธิ ก้เรื่องนี้นั่นแหละ ในยุคนั้นเชื่อวิญญาณเที่ยง พรหมเทพเป็นอมตะ

    ส่วนในพระธรรม ธรรมที่แทนพระองค์นั้น
    ตำราที่เป็นที่ยอมรับ เป็นมติตรงกันว่าพระไตรปิฏกฉบับเถรวาทตรงที่สุด เก่าแก่ที่สุด
    นิกายอื่นเพี้ยนไปเพราะถูกแต่งเติมดัดแปลให้เข้าใจตามยุค มีบทพูดเป็นเรื่องเป็นราว แต่เติมตามปกรณ์รุ่นหลัง
    ถามว่าท่านจะเชื่อตำราไหน


    ความเห็นส่วนตัวเรื่องนิพพาน
    กิเลสนิโรธ หรือ กิเลสดับไม่มีเชื้อ จิตไม่เกิดไม่ดับ
    จนกว่าจะปรินิพาน นั้นแล หมดเหตุเกิดสมบูรณ์แบบ
    แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจิตไม่ดับไปด้วย
    ตอบว่า จิต หรือ วิญญาณ หรือ รู้ เป็นไวพจณ์กัน

    เวลาพระอรหัตร์เข้านิโรธสมาบัติ
    ผลสมาบัติ
    ผล แปลว่า ใจผลสี่ประการ
    สมะ แปลว่า สงบเย็น
    อาปัตติ แปลว่า บรรลุถึง

    แปลว่า เข้าถึงใจผลสี่ประการ
    ดับลมหายใจ
    ดับวิญญาณ
    ดับเจตสิกและสัมผัสต่างๆ
    ดับจิตสังขาร การนึกปรุงแต่ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...