งานของกลุ่ม "พลังจิต พิชิตภัยพิบัติ"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 25 ธันวาคม 2006.

  1. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    ผมว่าก็น่าจะดีนะครับ ลองทำดูจะดีไหม
     
  2. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    คุณคนานันท์
    ลุงกับหลานชาย( ลุงเริ่มต้นจากการฝึกกสินน้ำ หลานชายลุงเริ่มต้นจากกสินดิน)
    ได้สื่อสารอย่างต่อเนื่องกับจิตวิญญาน ที่อยู่และผุกพันธ์กับน้ำและดิน
    พบ ความเปลี่ยนแปลงมากมาย
    มีการเคลื่อนของคลื่นสีดำเป็นกลุ่มๆ ที่ผ่านเข้ามาในมิติของจิตวิญญาน
    ที่ลุงไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน ซึ่งจะพบว่าการเคลื่อนจะหยุดทุกครั้งที่เรากำหนดจิตแทรกลงไป
    เหมือนวงน้ำมันที่หยดลงบนน้ำ แต่ทุกครั้งที่เข้าไปใกล้มากจะเหนื่อยมาก
    เหมือนยืนอยู่บนคลื่นที่หยุ่นเหนียว
    ใครที่ระดับจิตสูงกว่าลุง ขอเมตตาถอดกายลงไปสัมผัสกับสิ่งที่ลุงพบ
    อาจจะช่วยกันยับยั้งสิ่งที่เกิดขึ้นได้
    หรืออย่างน้อยก็ลดลงมาก
    ( จุดพื้นที่ที่เป็นจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่ผ่านมา ลุงไม่สามารถเข้าฝ่าเข้าไปถึงได้
    กระแสการเคลื่อนแรงมาก คงสามารถอธิบายได้มากกว่าลุง ที่ด้วยระดับจิตของลุงเองไม่สามารถอธิบายได้ว่าสิ่งที่ลุงสัมผัสได้ คืออะไร และเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนของพื้นดิน
    จนเกิดแผ่นดินไหวหรือไม่อย่างไร )

    *****************
    เมตาธรรมค้ำจุนโลก
    *****************
     
  3. sanya

    sanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +2,687
    ผมรับเป็นผู้ช่วยเหลือให้คำแนะนำทางด้านการปฐมพยาบาล
    พอมีความรู้และประสบการณ์ครับ
    ถ้าจะจัดเมื่อไหร่ ก็PM มาด้วยนะครับ
    ล่วงหน้าจะดีมาก เพราะตารางการทำงานผมจัดเป็นเดือน ๆไปครับ
    แต่ในเว็บเท่าที่ทราบจะมีหลายคนที่มีความสามารถทางด้านนี้
    น่าจะมีการคุยกันนะครับ เพราะถ้าจะให้เขาไปอ่าน มันจะเยอะมาก
    และถ้าไม่ค่อยได้ใช้จะลืม ถ้าเป็นแบบลุกทุ่งและมีเป็นแบบทดสอบให้คิดให้ลองทำ น่าจะได้ผลกว่า ก็ฝากพิจารณาด้วยครับบบบบ
     
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • earthquake.JPG
      earthquake.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.8 KB
      เปิดดู:
      547
  5. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ข้อมูลคุณ Falkman สุดยอดจริงๆ มีรูปด้วย

    ส่วนสารบัญของผมใกล้เสร็จแล้วครับ ผมแบ่งข้อมูลออกเป็น 3 เล่ม คือ

    1. ก่อนเกิดภัยพิบัติ (ข้อมูลเบื้องต้น ข่าวเตือนภัย) >>>> ดูออนไลน์กันในเว็บละกัน
    2. ระหว่างเกิดภัยพิบัติ (การเตรียมตัวรับมือ และเอาตัวรอดเฉพาะหน้า เช่น ปฐมพยาบาลเบื้องต้น, การไปจุดนัดพบ เป็นต้น) >>>> อันนี้ข้อมูลไม่เยอะมาก เหมาะทำสำหรับแจกจ่ายบุคคลทั่วไป
    3. หลังเกิดภัยพิบัติ (ใครรอดจากภัยพิบัติก็ตามมาดูเล่มนี้ละกันครับ เหมือนคู่มือสร้างโลกใหม่ จะเอาไปเก็บไว้ในจุดนัดพบที่ปลอดภัย คนที่มีชีวิตรอดจะได้สู้ต่อไปได้ครับ โดยจะรวบรวมข้อมูลที่จำเป็น เช่น การปลูกข้าว, การทำน้ำสะอาดดื่ม, การรับมือกับโรคติดต่อ ฯลฯ) >>>> อันนี้ข้อมูลจะเยอะมาก ใครอยากได้ให้พิมพ์เอาเอง แต่จะกระจายส่วนหนึ่งไปเก็บไว้ตามจุดนัดพบที่ปลอดภัยครับ

    ไว้ขอเวลาอีกนิดนะครับ ช่วงนี้งานรัดตัวจริงๆ แต่กำหนดการทำงานคร่าวๆนะครับ

    1. ภายในวันเสาร์นี้ จะโพสต์สารบัญทั้ง 3 เล่มให้วิจารณ์และขอความเห็นเพิ่มเติม เพื่อให้เนื้อหาครอบคลุมและกระชับที่สุด จากนั้นจะสรุปสมบูรณ์ในวันอังคารที่ 16 ม.ค.50 จากนั้นผมจะเปิดกระทู้แยกตามหัวข้อต่างๆ แล้วเราก็ช่วยกันไปกระหน่ำโพสต์ครับ (เอาเฉพาะข้อมูลนะครับ ความเห็นไม่เอา)

    2. ระยะเวลาการให้ข้อมูลของเพื่อนๆสำหรับเล่ม 1 นั้น กำหนดเส้นตายภายในวันที่ 31 ม.ค.50 ครับ (ยกเว้นข่าวเตือนภัยให้ดพสต์ไปเรื่อยๆ) จากนั้นผมจะเริ่มเขียนคู่มือเล่ม 1 ครับ กำหนดแล้วเสร็จน่าจะภายใน 14 ก.พ.50 หรืออย่างช้าก็สิ้นเดือน ก.พ.50 ครับ แล้วจะโพสต์ให้วิจารณ์เนื้อหา จากนั้นภายใน 10 มี.ค.50 คู่มือเล่มแรกจะออกมาครับ

    3. ส่วนคู่มือเล่มที่ 2 ก็จะเริ่มเขียนต่อทันทีครับ (ถึงตอนนั้นคงมีคนโพสต์ข้อมูลมาเพียบครับ) ส่วนวันผมคงจะกำหนดไม่ได้ครับ แต่อย่างช้าน่าจะเสร็จก่อนสงกรานต์ครับ (ถ้าเป็นไปได้อยากให้เล่ม 2 เสร็จภายใน20 มี.ค.50 ครับ เพราะเห็นมีโหรทำนายว่าปลาย มี.ค.50 จะเกิดเรื่องร้ายแรง 1 ใน 3 อย่าง คือ จราจล, ภัยธรรมชาติ , บุคคลสำคัญของไทยเสียชีวิต)

    ปล. เมื่อสารบัญเสร็จแล้ว ผมคงต้องรับสมัครผู้ช่วยฯมือเซียนในการเลือกข้อมูลที่มีคุณภาพมาให้ผมเขียนแล้วครับ ไว้จะประกาศอีกครั้งครับ
     
  6. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    อนุโมทนาด้วยนะครับ
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    (verygood) ถ้าเป็นไปได้ ประชุมกันครั้งต่อไปน่าจะเอาเอกสารนี้ไปด้วย แล้วค่อยๆ ดูกันว่า จะเพิ่มเติมกันตรงไหน
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** บัญชีผู้รอดชีวิต **** หลังเกิด "สรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาล"...การตรวจสอบ "สถานะภาพและรายละเอียดของผู้รอดชีวิต" มีความสำคัญมาก...ว่า ผู้รอดชีวิตเป็นใครมาจากไหน ประเทศใด มีความรู้ความสามารถด้านใด ...เพราะ ทุกคนจะต้องมารายงานตัวตามสถานที่ต่างๆ...จึงต้องจัดสร้างโปรแกรมฐานข้อมูล สามารถบันทึกข้อมูลของผู้ที่รอดชีวิตทั้งหมด โดยคอมพิวเตอร์และโปรแกรมเหล่านี้ จะเริ่มทำงานเมื่อถึงเวลาเหมาะสมหลังภัยพิบัติ (ขณะเกิดภัยควรเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัยก่อน สายฟ้าฟาดที่มีกระแสพลังงานสูงจะทำให้อุปกรณ์เสียหายได้) และต้อง "ติดตั้งไว้ทุกๆ แหล่งช่วยเหลือ"...เมื่ออุปกรณ์สามารถเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายได้ ก็จะสามารถส่งข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลซึ่งกันและกันได้ทั้งหมด....และ "ศูนย์บัญชาการใหญ่ "(ในอนาคต ณ ภูมิประเทศที่ปลอดภัยสูง และอยู่บนยอดเขาสูง สามารถติดต่อวิทยุได้ระยะไกลที่สุด และอยู่ใกล้สนามบิน)....ทั้งนี้ ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติ เราจะต้องทำสำเร็จและตรวจสอบประสิทธิภาพ แก้ไขปรับปรุงก่อน เพื่อพร้อมเผชิญสถานการณ์ต่อไป โดยมีผู้เชี่ยวชาญและรับผิดชอบงานและอุปกรณ์แต่ละด้านให้พร้อม จัดทำสมุดคู่มือ และผู้ทำหน้าที่สำรองหลายๆคน...เผื่อสุดท้ายคนที่สร้างระบบเสียชีวิต เสด็จขึ้นสวรรค์ไปก่อน.......เพื่อ ศาสนาคงอยู่ครบ ๕,๐๐๐ ปี ...ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน และสำเร็จตามความตั้งใจ - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ยอดเยี่ยมครับสำหรับการทำงานของทุกๆท่าน นี่ล่ะครับพลังแห่งความสามัคคี

    ยังไงพบกันครั้งหน้า ช่วยนำไปให้เพิ่มเติมแก้ไขกันด้วยครับ

    ส่วนท่านที่ผมขออนุญาตจองตัวมาช่วยบรรยาย การเตรียมตัวและการช่วยเหลือ กู้ภัยต่างๆมีดังนี้ครับ
    -คุณSanya เรื่องการปฐมพยาบาล
    -คุณไข่เจียวเรื่อง การกู้ภัย
    -คุณMarine_24 เรื่องการดำรงชีวิตและการปรับตัว การทำหลุมหลบภัยครับ

    ที่แจ้งเป็นหัวข้อหลักครับ ส่วนแต่ละท่านจะมีเนื้อหาหรือหัวข้ออื่นๆมาเสริมอีกก็ยินดีครับ ยังไงก็รบกวนเรียบเรียงเนื้อหากันไว้ล่วงหน้าได้เลยครับ ถ้าเป็นการสาธิตและปฏิบัติจริงได้ยิ่งดีครับ

    การนัดหมายของพวกเราจะมีการนัดหลักที่อาทิตย์ที่สามของเดือนครับ ใครพร้อมสำหรับเดือนนี้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าด้วยครับ จะได้จัดเป็น ตารางการประชุมครับ

    ขอขอบคุณทุกท่านครับ
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณลุงคนเชียงใหม่ครับ จากที่ตอบใน Pm

    ขอสวัสดีปีใหม่ก่อนเลยครับ

    สิ่งที่คุณลุงเห็น นั้น เป็นเพราะประตูมิติเริ่มมีการเปิดออก มีหลายๆสิ่งที่ผ่านเข้ามาและ จะมีส่วนในการเกิดภัยพิบัติในหลายๆด้าน

    ขออนุญาตให้คำแนะนำว่า ขอให้คุณลุงและหลานชาย อาราธนาบารมี พระพุทธเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เป็นสัมมาทิษฐิให้ท่านมาช่วยคลุมกายทิพย์ เพื่อเป้นการป้องกัน และ ให้ท่านช่วยคุ้มครอง กาย วาจา ใจ ของเราให้ตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิษฐิให้มั่นคงแน่นหนายิ่งขึ้นครับ

    สำหรับสิ่งที่คุณลุงไปเห็น เราอย่าได้ไปชนกับมันครับ อันตรายมาก ประคองจิตให้บริสุทธิ์ รักษาตัวไว้เพื่อช่วยงานในพระพุทธศาสนาก่อนดีกว่าครับ

    ถ้ามีโอกาสขึ้นไป ที่เชียงใหม่ เราคงได้พบกันครับ

    ที่จริงมีเพื่อนสมาชิกในเวบหลายๆท่านที่กรุงเทพ อยากพบคุณลุงกันมาก ถ้า งานกิจกรรมครั้งหน้า คุณลุงสะดวกมา ผมขอกราบเรียนเชิญคุณลุงและหลานไว้ล่วงหน้าด้วยครับผม

    (verygood)
     
  11. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    ผมคิดว่าถ้าเรามีความสามารถพร้อมกับความสามัคคียังนี้ เราทุกคนก็สามารถพิชิตภัยพิบัติได้จริงๆ
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เมื่อเรามีเป้าหมาย คือ นิพพาน **** "สัจจะ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด" ก็ต้องทำให้ได้ - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    มีผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งที่ผมรู้จักคุ้นเคยมานานพอสมควร
    และเป็นสมาชิกเวปพลังจิตแห่งนี้มานานแล้วด้วย ได้ให้คำแนะนำดีๆ
    กับผมมาอย่างหนึ่ง ซึ่งผมเห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับสมาชิกในกลุ่ม
    พลังจิตพิชิตภัยพิบัติของเรานี้มาก ก็เลยขอนำมาบอกต่อนะครับ..


    ..เมื่อภัยพิบัติมาถึง..การสื่อสารจะเป็นปัญหาใหญ่อันดับต้นๆอีกเรื่องหนึ่ง..

    ดังนั้น..พวกเราในกลุ่ม ควรจะเริ่มฝึกใช้โทรจิตกันไว้บ้างนะครับ..


    ท่านผู้นั้นแนะนำว่า..ให้เราจับคู่กันเป็นคู่ๆ เอาที่ระดับภูมิธรรมใกล้เคียงกัน
    แล้วค่อยฝึกร่วมกัน จนกว่าการสื่อสารระหว่างกันและกันนี้จะชัดเจนแจ่มชัด
    (แล้วค่อยขยายออกไปสู่คู่อื่นๆกระมัง).


    ฟังดูอาจจะยากสำหรับคนที่ยังไม่ได้อะไรเลย...แต่ผมเชื่อว่าเป็นไปได้แน่ๆครับ


    ท่านผู้นั้นยังเล่าให้ฟังอีกว่า..ผลการฝึกของท่านกับเพื่อนของท่าน
    ก็ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจระดับหนึ่ง ของเพื่อนท่านนั้นจะแจ่มชัดกว่าท่าน
    แต่ของท่านก็พอจะจับใจความได้..ว่างั้นนะครับ..


    น่าลองนะครับ..

    ผมอยากจะขอให้ท่านอื่นๆที่มีความรู้ความชำนาญในด้านนี้อยู่มาก
    พอสมควรแล้ว มาช่วยโพสต์สอนหรือแนะนำสมาชิกท่านอื่นๆด้วยครับ


    สำหรับผมเอง..เคยอ่านวิธีการฝึกมาจากหนังสือของหลวงวิจิตบ้าง
    เหมือนกันครับ..เดี๋ยวถ้าไม่มีใครมาโพสต์..ผมจะเอามาโพสต์วิธีให้
    ลองเอาไปใช้ฝึกกันครับ..แต่โปรดอย่าถามอะไรผมนะครับ..
    เพราะผมก็ไม่รู้ไม่เป็นอะไรทั้งนั้นเช่นเดียวกันครับ..แหะๆๆ
    ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2007
  14. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159
    เรื่อง write CD ผมพอช่วยได้คับ
     
  15. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    สาธุ...(รูปไม่ใช่ตัวตน)
     
  16. sanya

    sanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +2,687
    เดือนนี้ไม่ว่างครับ ติดงานครับ
    แต่ก็ดีครับ จะได้ไปเตรียมตัว เพราะเกิดไม่ได้เรื่อง
    คุณboko0121 หรือคนอื่นที่เขารู้จริง จะหัวเราะเอาได้
     
  17. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    ผมไม่ขนาดนั้นหรอกครับ
     
  18. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ถามตอบระบบเศรษฐกิจพอเพียง​

    ธุลีกองฟอน "ระบบเศรษฐกิจพอเพียงไม่ทำให้คนยากจนดอกหรือท่าน"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "ไม่หรอก เราต้องพิจารณาจากทรัพยากรธรรมชาติที่เรามีทั้งโลก (Total global resource) แบบตรงไปตรงมา แล้วเปรียบเทียบกับผลผลิตที่เราทำได้ ซึ่งเราพบว่าเมื่อเราทำงานหนักด้วยแรงขับดับทางด้านทุนนิยม ทำให้เราได้ผลผลิตล้นเกินพอดี เสื้อผ้าเรามีมากมาย สองสามตู้ไม่ได้หยิบมาใช้ ยังไม่ทันเก่า และไม่ขาดวิ่น บ้านเราหลังใหญ่พอที่จะจัดงานบวชลูกชายได้ แต่เราใช้นอนจริงๆ ไม่เท่าไร รถยนต์เรามีหลายคัน วิ่งเปลืองน้ำมันหมดเงิน สิ้นรอบไปมาเพราะการวางผังเมืองที่ไม่ดี แต่นั่นก็ไม่เพียงพอแต่การสนองตอบต่อความเบื่อของเราได้ อาหารเรากินเต็มโต๊ะแต่ว่ามีเศษอาหารเหลือมากมายในแต่ละจาน จริงๆ แล้วผลิตผลมวลรวม (GDP) ของเราสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งโลกด้วยซ้ำไป นี่เกิดจากการผลิตแบบปกตินะ ชาวไร่ชาวนายังไม่ได้ทำงานเต็มที่ (Full-employment) ด้วยซ้ำ นั่นแปลว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้มีปัญหาด้านความขาดแคลนหรือปริมาณในผลิตผลที่ทำได้ แต่เรามีปัญหาด้านประเภทผลิตภัณฑ์ (Product variety and quality) และการกระจายผลิตภัณฑ์ (Total distribution) มากกว่า จุดนี้เอง ทำให้ผลผลิตมวลรวมที่ได้ปริมาณมากเกินพอดีแล้ว (Over productivity) เป็นไปในด้านที่ขาดคุณภาพ (Low quality) บางอย่างสร้างขึ้นมาสนองกิเลสตัญหา และช่วยก่ออาชญากรรม ทั้งนี้ความเหลื่อมล้ำทางการกระจายรายได้ (Unbalance of product distribution) ยังกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมสูงขึ้นอีก ทำให้รัฐบาลมีต้นทุนค่าดูแลสังคมเพิ่มขึ้น (High social capital)"

    ธุลีกองฟอน "แล้วปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่เราเจอทุกวันนี้ที่แท้จริงมันอยู่ที่ไหนครับ"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "เราต้องมีสติ อย่าไปวิ่งตามเงา ความหมายก็คือ การที่เราวิ่งไล่กำไรซึ่งไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เพราะภายใต้ระบบทุนนิยมนี้ เราเป็นปลาเล็ก ไม่อาจต้านทานกระแสเศรษฐกิจโลก เราต้องไหลตามน้ำเขาอย่างเดียว นี่คือ ลักษณะปกติของทุนนิยม ใครมีทุนมากก็ได้เปรียบ แต่เราเพิ่งรู้สึกตัวเมื่อกระแสมันไหลต่อไปไม่ได้แล้ว พอเราวิ่งต่อไปไม่ได้ เงาที่ไล่หลังเรามา (ดอกเบี้ยเงินกู้) ก็แสดงฤทธิ์ เจ้าหนี้เริ่มฟ้องล้มละลาย ผู้บริหารเริ่มสร้างภาพลักษณ์ออกโฆษณาสร้างความน่าเชื่อถือ มีแต่ภาพลักษณ์และอนาคต แต่ไม่มีผลงานทั้งในด้านทางการตลาดซึ่งวัดง่ายๆ ด้วยยอดขาย (Sale volume), ความภักดีต่อตราสินค้า (Brand loyalty) และในการอัตราการทำกำไร (Profit margin) หรือแม้นแต่ปริมาณการผลิตที่คุ้มทุน (Economic of scale uncontrollable) เราก็ควบคุมไม่ได้ เพราะผลิตยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน คู่แข่งขันก็ออกสินค้าตัวใหม่ ลูกค้าเห่อก็ไปซื้อตัวใหม่ กรณีนี้เห็นบ่อยในอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิก ซึ่งกำลังจะล้มละลายอีกมาก มีทางเดียวคือหาตลาดใหม่เมื่อตลาดคลายตัวลง (Decline) นี่คือปัญหาที่แท้จริงของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งก็คือ ตัวระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมนั่นแหละที่เป็นตัวปัญหา ไม่ใช่ปริมาณทรัพยากรที่มี (Resource quantity) หรือด้านแรงงาน (Labor force) ใดๆ เลย"

    ธุลีกองฟอน "ที่กล่าวว่าปัญหาน้ำมันแพง, ต้นทุนแรงงานสูง, ตลาดหดตัว ไม่ใช่ปัญหารึ"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "ไม่ใช่ นั่นเป็นธรรมชาติของการล่มสลายของระบบทุนนิยมต่างหาก เป็นธรรมชาติในช่วงถดถอยของระบบ (Decline stage) เป็นปกติของมัน ทีนี้ทางแก้ของระบบทุนนิยมของเขาก็คือ การวิ่งหาตลาดใหม่ (New market explanation) เพื่อจะได้ต้นทุนที่ต่ำลง (Lower cost) และได้ฐานตลาดที่กว้างขึ้น (High target market) มันไม่ใช่ปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง มันเป็นปัญหาของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมต่างหาก เหมือนเราไถนา แล้วเครื่องไถนามันเสีย จะไปโทษที่นาฟ้าดินไม่ได้"

    ธุลีกองฟอน "แล้วปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริงคืออะไรครับ"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "ปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง ข้อที่หนึ่งคือ เราไม่สามารถควบคุมทิศทางการผลิตสินค้าที่ควรผลิตเพื่อพัฒนาประเทศชาติได้ (Uncontrolled production) เพราะระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เป็นระบบปล่อยปละเลยเลยให้เอกชนแข่งขันกันเอง (Non-direction in competition) แล้วให้ประชาชนตัดสินใจ โดยไร้ทิศทางการนำไปสู่การพัฒนาชาติ (Non-direction in social development) เช่น การผลิตเหล้าสนองความต้องการคนจนที่เครียด ยิ่งจนยิ่งเครียด เลยยิ่งกินเหล้า เราเห็นในโฆษณาไหม นั่งขำแย่ นั่นแหละประเทศเราเอง มันย่ำแย่อยู่ให้เราเห็นแล้วนั่งขำ แต่ช่วยอะไรกันไม่ได้ แบบนี้ ลูกค้าเป็นคนตัดสิน ซึ่งเราไม่มีใครนำทางว่าควรนำเงินไปซื้ออะไร แต่เขามีความเครียดจากการแข่งขันในระบบทุนนิยม แน่นอนว่าเขาต้องเลือกระบายความเครียดกับสิ่งที่ให้ผลเร็ว (High speed response but high bad side effect) ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันให้ผลเสียที่รุนแรงตามมาต่อสุขภาพกายและใจ และต่อสังคมโดยรวม เขาจะไม่เลือกสิ่งที่ต้องใช้เวลานานๆ ในการสร้างความสุขที่แท้จริง เขาจะไม่เลือกไปนั่งสมาธิแก้เครียด เพราะระบบทุนนิยมไม่อนุญาติให้เขาได้มีเวลาในชีวิตแบบนั้น ระบบทุนนิยมอนุญาติให้เขาเป็นหมูในคอกที่เลือกกินอะไรก็ได้ อ้วนแล้วรอขึ้นเขียงตายไปเท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่ สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคือเวลาในชีวิตของคนที่หดหายไปกับการทำงาน แต่ไม่ว่าทำงานได้เงินมาเท่าไร ทว่าซื้อกลับมาไม่ได้ ปัญหาข้อที่สองคือ ด้านการบริโภค ที่กระตุ้นลัทธิวัตถุนิยมขึ้น เป็นข้อเสียที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันของระบบทุนนิยม ไม่ว่าจะเป็นเยาวชนไม่มีเวลาได้รับความรักจากพ่อแม่ เลยไปเล่นเกมออนไลน์ เล่นไปเล่นมา มีแต่เกมยิงฆ่าทำลาย ก็เกิดความก้าวร้าว พ่อแม่สอนไม่ได้ สถาบันครอบครัวก็ล่มสลาย ทีนี้สังคมไทยก็รอถึงยุคเด็กนรก "แล๊กน่าร๊อก" ขึ้นมาเป็นนายก แถมใช้ประชานิยมอีกที สงสัยเกมฆ่ากันนอกจออาจเกิดขึ้นสนุกกันคราวนี้ ปัญหานี้มีมานาน จนแม่บางคนต้องโดดตึกตายเพราะลูกไปเล่นเกมไม่เชื่อฟังพ่อแม่เป็นข่าวมาแล้ว พอโตขึ้นความที่เกเรเลยไม่สามารถสอบแข่งขันได้ตำแหน่งดีๆ เลยไม่มีงานทำ จึงไปปล้นไปก่ออาชญากรรม แล้วก็เข้าสู่วังวนยาเสพติด บ้างก็มีพรรคพวกสนับสนุนให้ลองก่อการร้ายดู เห็นว่าทำได้ ตำรวจจับไม่ได้ เลยคึกคะนองทำบ่อยๆ ท้าทายดี เพราะมันฝึกจิตมาแบบนี้ตั้งแต่เด็ก อีกพวกหนึ่งแข่งขันสอบได้ตำแหน่งดีๆ เป็ฯชนชั้นกลางของสังคม พอโตขึ้นทำงานเครียดก็ต้องโกยเงินให้คุ้มค่าการทำงานที่เครียดนั้น แล้วขยับตัวเองขึ้นมาเป็ฯชนชั้นนายทุน ทีนี้วังวนการโกงกินก็เกิดขึ้นทุกระดับ ต่อยอดไปสู่วังวนอำนาจการเมืองต่อ ไม่มีใครหนีวังวนความเครียดไปได้ เครียดมากก็ไประบายความเครียดผ่านความใคร่และความรุนแรง จึงไม่แปลกที่ทุกสื่อของอเมริกันจะต้องมีเซ๊กและความรุนแรง เช่น ภาพผู้หญิงยั่วยวนและการระเบิดเตะต่อย อยู่ในงานสื่อนั้นเสมอ นี่คือ สิ่งที่สะท้อนให้เห็นรสนิยมที่เปลี่ยนไปอันเป็นผลร้ายจากลัทธิวัตถุนิยม ลูกน้องของระบบทุนนิยมเขานั่นเอง"

    ธุลีกองฟอน "ฟังดูแล้วมันเหมือนไม่ใช่ปัญหาเศรษฐกิจอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันเลย"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "แน่นอน เพราะพวกเขาไม่คิดว่านี่คือปัญหาเศรษฐกิจที่กระทบไปสู่ปัญหาสังคมและภาพรวมของประเทศชาติ เขาคิดแต่จะตามก้นฝรั่งมังค่า แก้ปัญหาวนเวียนตามเขาไปแบบนั้น ซึ่งตราบใดที่กระแสเศรษฐกิจไม่ดี เราไปควบคุมอะไรไม่ได้เด็ดขาด เพราะเราไม่ใช่ปลาใหญ่ ไม่ใช่เซตใหญ่ ไม่ใช่ต้นกระแส เราเดินกลยุทธตามกระแส จะแข่งขันกับเขาอย่างไรก็ไม่มีทางทันในทุกด้าน ดังนี้ การไปปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย (Interest rate), ค่าใช้จ่ายภาครัฐบาล (Government expenditure) ฯลฯ มันยิ่งทำให้เกิดการเสียความสมดุลภายในของตัวเราเอง (Internal dis-balancing) การเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงภายนอก เช่นการปรับอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรได้ เพราะปัญหาใหญ่คือ เราไหลตามกระแสโลก ตราบใดที่กระแสโลกยังไม่ดี เราจะดีขึ้นมากกว่าได้อย่างไร ในเมื่อเราเดินเกมทุนนิยมตามก้นเขาอยู่ การส่งเสริมธุรกิจขนาดย่อมก็ไม่มีทางเป็นไปได้ (Low business feasibility) อย่างที่เห็นอยู่ ว่าเราไม่มีสายป่านเงินทุนหนุนพอ (Short capital support) เราไม่มีความชำนาญในการควบคุมคุณภาพได้ตามมาตรฐานเพราะเราเป็นมือใหม่ (Low quality control skill) เราไม่มีฐานลูกค้าเก่าเพราะเราเพิ่งเข้าตลาด (Narrow target market) เราไม่มีความเข้มแข็งหลักที่แท้จริงของเราเลย (Core competitive) เรามีเพียงความแปลกใหม่ที่หลอกหลอนและเหลวแหลกสร้างฝันหล่อเลี้ยงให้เราเชื่อคำโฆษณาของรัฐบาลไปเท่านั้นเอง ในขณะที่เราต้องแข่งขันกับคู่แข่งขันคือใครเรายังไม่รู้เลย แล้วเราไม่รู้เขา เราจะเอาตัวรอดในท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดกลางสมรภูมิการตลาดโลกได้อย่างไร นโยบายที่ฝันเฟื่องไม่ลงไปดูสภาพปัญหาจริงนี้ เปรียบเสมือนแม่ทัพที่สั่งพลทหารออกไปรบโดยคิดเอาเองในมุ้ง ไม่ออกไปตรวจจุดยุทธศาสตร์และข้าศึกเลยแม้แต่น้อย จึงผิดพลาดทั้งหมด"

    ธุลีกองฟอน "ฟังดูเหมือนมืดมนไม่มีทางออกเลยนะท่านแก้อะไรไม่ได้เลยหรือ"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "มี เศรษฐกิจพอเพียงไงละ คือทางแก้ที่มีนานแล้ว แต่เสียดายไม่มีใครทำเสียที ถึงตอนนี้ก็สายไปแล้ว เพราะเรามัวหลงฝรั่งมังค่า ลืมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เราไม่เชื่อท่าน แต่เราดันไปเชื่อฝรั่งหยาบด้าน การเดินในทางที่ตนอ่อนแอและเสียเปรียบ ก็แพ้ทัพตั้งแต่แรก ดังนี้ ต่อให้เราวิ่งตามระบบทุนนิยมขนาดไหน เราก็ไม่มีทางทันเวียดนาม, จีน, อเมริกา เรายิ่งรีบวิ่งเพื่อจะไปเป็นเสือตัวที่ห้า ในที่สุดเราก็ขัดขาตัวเองล้ม เป็นต้มยำกุ้งไครซีสอย่างที่เห็นนั่นไง ถึงตอนนี้เราต้องรับกรรมร่วมกันแล้ว เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ ใครจะหนีพ้นสงครามไปได้ ระบบเศรษฐกิจล่ม ระบบการเมืองการปกครองก็ต้องพังตาม มันเป็นธรรมชาติที่พึ่งพากันแบบนี้นี่แหละ เมื่อคนอดอยาก คนก็ขาดความเชื่อถือในการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาล ฝ่ายตรงข้ามที่แย่งชิงอำนาจก็จะใช้โอกาสนี้ ใส่ความก่อม๊อบขึ้นมา เช่น การเลียนแบบการถล่มตึกเวิล์ดเทรด โดยการวางระเบิดในที่สำคัญ ใช้ระเบิดแบบโจรใต้ แต่วิธีการแบบโจรใต้เป็นวิธีเฉพาะ เลยทำเลียนแบบไม่ได้ แล้วแสร้งเขียนเครื่องหมายบ้าๆ บอๆ ให้คนคิดว่าเป็ฯผู้ก่อการร้ายไปเสียนี่ เพื่อให้ภาพลักษณ์การบริหารประเทศตกต่ำ คนขาดความมั่นใจในเศรษฐกิจ แล้วปั่นม๊อบขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล ที่นี้คนไทยก็ฆ่ากันเองเหมือนอดีต แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังก็กลับมายึดอำนาจแสดงตนเป็นวีรบุรุษไป ที่ทำไปเพราะกำลังถูกริบทรัพย์ฐานฉ้อโกง ที่เล่านี้เป็นเหตุการณ์สมมุตินะ ไม่ว่าใคร อย่าคิดมาก แต่ถ้าคิดน้อยแล้วคิดได้ก็ไม่ว่ากัน ความคิดใครความคิดมันผมห้ามไม่ได้"

    ธุลีกองฟอน "เศรษฐกิจพอเพียงแก้ปัญหาได้อย่างไร ในเมื่อให้คนยังจนอยู่จะพอได้หรือ"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "พอได้อยู่แล้ว อย่างที่ผมเรียนเบื้องต้นว่าแท้แล้วผลิตภัณฑ์ที่เราต้องการในการหล่อเลี้ยงประเทศคืออะไรละ ไม่ใช่เหล้านะ ไม่ใช่มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดนะ แค่ปัจจัยสี่เราก็รอดได้ทั้งประเทศ ที่นี้ถ้าเรากระจายสินค้าและปัจจัยสี่ทั่วถึง มันก็ลดปัญหาอาชญากรรม ต้นทุนรัฐบาลก็ลดลง ไม่เห็นว่าจะต้องใช้เงินรัฐบาลมากขึ้น มีแต่ได้กับได้ ลดต้นทุนรัฐบาล ด้วยการลดช่องว่างสังคม ไม่ต้องไปใช้เงินรัฐบาลเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ปัญหาให้คนรวย จนไปเพิ่มช่องว่างทางสังคมให้เพิ่มขึ้นเลย แต่ที่เราจะล่มจมเพราะนายทุนจะถูกเจ้าหนี้ฟ้องล้มละลาย เพราะยอดขายไม่ทำกำไร เพราะการผลิตและการแข่งขันที่ไปหดกำไรส่วนต่างลงต่างหากละ มันเป็นปัญหาของระบบทุนนิยม ระบบเงินกู้ และระบบบริโภคนิยม ที่ก่อตัวขึ้นในทันทีที่กระแสทุนนิยมหยุดไหล ทุกอย่างมันถูกจุดให้วิ่งไปหยุดไม่ได้ นี่ละ ระบบทุนนิยม มันหยุดไม่ได้จริงๆ มันไม่มีสมดุลในตัวมันเอง มันขาดเสถียรภาพที่แท้จริงในตัวมัน มันเป็นแรงผลักเปิดให้พุ่งไปเรื่อยๆ เท่านั้น ซึ่งขัดแย้งกับธรรมชาติที่มีขึ้นมีลงทุกอย่างเป็นอนิจจัง แม้นแต่การผลิตที่มากเกินไปสุดท้ายก็ทำให้ต้นทุนเพิ่ม การแข่งขันที่มากเกินไปสุดท้ายก็ทำให้อัตราส่วนกำไรลดลง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยวิ่งไปข้างหน้าตลอด มันย้อนถอยหลังไม่ได้อย่างแท้จริง เจ้าหนี้เขาจะฟ้องเอา"

    ธุลีกองฟอน "ฟังๆ ดูเศรษฐกิจพอเพียงไม่ไห้ให้คำตอบของคนอยากรวยอยู่ดี"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "คุณอาจคิดว่าระบบนี้ อยู่แบบจนๆ แล้วสมดุลในตัวเองไปวันๆ อย่างนั้นเอง แท้จริงแล้วไม่ใช่ เพราะคุณนิยามความรวยว่าอะไรละ ความรวยในหุ้นตัวเลขที่หวังให้ลูกได้รวยต่อ รวยในเงินที่ซื้อกินอ้วนจนต้องเอาเงินมากๆ ไปผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ หรือรวยจนเอาเงินไปมัวผู้หญิงจนต้องจ้างคนคุ้มครองด้วยเงินจำนวนมากเพราะถูกตามฆ่า ชีวิตทำงานวันๆ เป็นเถ้าแก่จากเมืองจีน ทำงานหนักมาก กินให้อ้วนเป็นหมู สร้างบ้านให้ใหญ่แต่นอนตายแต่นิดเดียว สุดท้ายชีวิตทั้งชีวิตจบลง อ้าวจบแล้วหรือ ไม่ได้ทำอเไรเลย นอกจากงานอย่างเดียว อิสรภาพไม่มีจริง จ้างตัวเองทำงาน จ้างทาสมาประจำคอกต่อ แล้วจ้างลูกให้เป็นเศรษฐีโง่ ที่ใช้เงินไปทำร้ายตัวเองแบบโง่ๆ อย่างที่ลูกเศรษฐีเขาตกเป็นข่าวกัน เป็นความรวยแบบนี้หรือที่คุณต้องการ หรือคุณต้องการรวยอิสระ มีเวลาที่จะค้นหาความหมายในชีวิต จาริกแสวงบุญ หรือออกไปท่องเที่ยวราวกับกามนิตหนุ่มผู้ค้นหาความหมายของชีวิตแล้วพบรักต่างแดนอันแน่นแฟ้น ซึ่งคุณอาจได้แต่งงานกัน และจดจำไปจนวันตายไม่รู้ลืม ไม่ใช่เอาเหอะวะ แก่แล้ว พร้อมแล้วทั้งคู่อย่าเลือกมากเลย ไม่มีเวลาดูใจหรอก เดี๋ยวก็ไม่มีสามีกันพอดี หน้าตาพอดูได้ ทำงานใกล้ๆ กัน เอาเหอะวะ แบบนี้มันขาดรสชาติชีวิต คนนะครับ ขาดอิสระภาพแห่งความเป็นคน เพื่อไปเป็นหมูในกรง ถึงเวลาผสมพันธุ์ก็เอากันข้างๆ คอกนี่หรือไง นี่หรือระบบทุนนิยม ทำให้ความเป็นคนตกต่ำไปหมดทุกอย่าง ในขณะที่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงนี้ คุณได้มีเวลาอยู่กับลูกตั้งแต่แรกเกิด แบบที่เศรษฐีไม่มีแม้นแต่เวลาจะให้ลูกกินนม แต่มีเงินเยอะนะ ไปจ้างเขาเลี้ยง ราคาแพงเหมือนหมาชั้นดีเลย แล้วเอามาเล่าในวงสังคมว่าชั้นส่งลูกไปเลี้ยงโรงหมาราคาแพงดี ในขณะที่ชาวนาที่ดำรงชีพแบบพอเพียงได้เห็นหน้าตากันตลอด ช่วยกันทำงานตลอด เขาจึงรักกันมาก แม้นยากจนมากก็ตาม แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้วัตถุนิยม เพราะกระแสทุนนิยมมันบีบบังคับให้เขาทิ้งไร่ทิ้งนา อันมีแต่ความสุขสงบไป"

    ธุลีกองฟอน "แล้วจุดมุ่งหมายสูงสุดของระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงคืออะไร"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "อย่างแรกเลย เราต้องพอเพียงเลี้ยงตัวรอดยืนบนลำแข้งตัวเองได้ไม่อดตาย มีปัจจัยสี่สมบูรณ์ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดสรรค์ให้ได้ไม่ต้องกลัว เรามีผลิตผลเยอะ ขอแค่มีความเมตตาและยุติธรรม ย่อมแบ่งปันแจกจ่ายทั่วถึงแน่ พอถึงจุดนี้แล้ว ต่อไปเป็ฯกำไรชีวิต ซึ่งเราจะให้กำไรที่สูงค่าที่สุดในชีวิต ซึ่งก็คือ เวลาในชีวิต และการค้นหาสิ่งสูงค่าในชีวิตของแต่ละคน นั่นก็อาจหมายถึงความสุขนิรันดร์ คือ ธรรมอันนำทางไปสู่พระนิพพาน ซึ่งคนคิดว่าเป็ฯเรื่องน่าเบื่อของคนเบื่อโลก ซึ่งผิดถนัด ตัวอย่างเพื่อนของผมก็หลุดพ้นนิพพานแล้ว ทำงานในบริษัทเอกชน เจ้านายยังต้องนับถือเกรงใจ ผลงานก็ดีใช้ปัญญาทำงานได้ดีเวลาน้อย แถมมีรอยยิ้มให้คนรอบข้างตลอดวัน มีอิสระในทุกที่ทุกเวลา ไม่เห็ฯว่าจะไม่ดีตรงไหน อย่างที่อธิบายว่าเงินมากมาย ของต่างๆ มันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น เพราะดูความต้องการทางร่างกายของเราสิ มันต้องการแค่ไหน เราไปสนองความต้องการทางใจด้วยวัตถุ ซึ่งเป็นความผิดที่โง่เขลา การสนองความต้องการทางกายที่พอเพียงแล้ว ตามหลักความต้องการห้าขั้นของมาสโลว์ คือ การสนองความต้องการทางสังคมและจิตใจ ซึ่งความต้องการทางสังคมนี้ มันเกิดเมื่อเราปรับตัวเข้าสังคมได้ดี อันเป็นลักษณะของพระอรหันต์ ส่วนความต้องการทางจิตใจ มันก็ต้องสนองด้วยจิตนิยม ใช่ไหม มันจะไปสนองจิตใจด้วยวัตถุนิยมได้อย่างไรละ ผิดชัดๆ ตรงๆ อย่างโง่งมที่สุด ของตรงไปตรงมา แต่ไปหลงทางผิด มันก็ตอบผิดอยู่วันยังค่ำ ดังนี้ มนุษย์เราไม่ได้ต้องการวัตถุมากหรอก ลองถามใจตัวเองลึกๆ ดูก็ได้ เพียงแต่เราไม่เคยสัมผัสสินค้าที่สนองคุณค่าทางใจให้เราได้มาก่อนเลยนั่นเอง เราเลยไปลองยึดนั่นยึดนี่ ซึ่งมันไม่ใช่สักที เราถึงได้เบื่อไง เพราะว่าเราทดลองแล้วว่ามันไม่ใช่ อย่าโกหกใจตัวเองเลย ในเมื่อมันไม่ใช่ ใจมันเบื่อ มันก็ไม่ใช่ยาแก้เบื่อ ไม่ให้สุขแท้ทางใจ พูดอย่างนี้อย่าคิดว่าผมบังคับให้คุณบวช หรือไปนิพพานเท่านั้นนะ เพราะความสุขทางใจนี้มีมากมายในทุกศาสนา คุณเคยเห็ฯไหม ใครหลายคนที่ผ่านโลกมามากๆ สุดท้ายก็มาหยุดตรงนี้ ที่ศาสนาทั้งนั้น แต่คนที่ยังไม่หยุด ยังหลง ยังทดลอง ลองผิดๆ แล้วผิดอีก เพราะยังเสียดายความสุขไม่แท้ ที่ยังพอมีความสุขอยู่บ้าง และฉาบฉวยรวยเร็ว สัมผัสสุขได้ทันทีทันใด ทันใจมากกว่า เปิดฝาก็สุขได้ แถมลุ้นโชคชิงเงินล้านได้อีกต่างหาก มันเลยละเลยที่จะค้นหาความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง ระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงภายใต้ระบอบการปกครองแบบพุทธะนี้ จะปลดทาสจำยอม ให้มีอิสระในชีวิต สามารถจาริกแสวงบุญ ท่องเที่ยวไปตามใจต้องการได้ หากโครงการดีก็ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาล ถามว่ารัฐบาลปล่อยให้ลางานไป ใครจะทำแทน ปริมาณแรงงานไม่ลดลงหรือ รัฐบาลเอาเงินที่ไหนมาสนับสนุน ก็ตอบได้ง่ายๆ เลยว่าประสิทธิภาพการทำงานจะเพิ่มขึ้น จึงลดปริมาณแรงงานลงได้ คนที่ทำงานทั้งวันเครียดมากประสิทธิภาพการทำงานก็ลดลงอย่างที่เห็นอยู่ งานทุกวันนี้เราใช้สมองไม่ใช่หรือครับ ทำไมมันคิดนานจัง แสงดว่าสมองเราไม่ปลอดโปร่ง หรือเราเครียดเรามีอีโก้ อัตตาสูง เถียงกันไม่จบ แบบนี้ถ้าลดอีโก้หรืออัตตา โดยวิธีการทางพุทธศาสนาก็ใช้เวลาประชุมน้อยลง ได้ข้อสรุปแบบผู้มีปัญญามากขึ้นจริงไหมครับ นอกจากนี้การสนับสนุนให้คนไปจาริกแสวงบุญและเดินทางสู่ธรรม จะทำให้ผลิตคนดีให้ประเทศมาปกครองประเทศโดยธรรมต่อไป ระบบแบบนี้จึงเป็นเสมือนเครื่องผลิตคนดี ให้คนดีมาช่วยคนอื่นเช่นนี้เรื่อยไป แต่เรามักคิดว่าคนดีเป็นคนโง่ ซึ่งผิดอย่างแรง คนเลวต่างหากที่โง่บัดซบ แต่อาศัยเล่ห์เหลี่ยมกลโกง เช่น การประจบสอพลอบ้าง, การใส่ร้ายป้ายีบ้าง, การแย่งผลงานบ้าง, การพูดดูดีพรีเซ้นตืเก่งแต่ลงงานจริงไม่เป็นบ้าง ฯลฯ ในขณะที่คนดีมักมองรอบด้านรอบคอบ จึงคิดช้ากว่า บ้างก็มองลึกซึ้งจนอธิบายยากบ้าง, บ้างก็เห็นปัญหาในอนาคตที่คนไม่มองจึงไม่กล้าเสนอออกมาบ้าง ดังนี้ เราจึงเสียบุคลากรที่ดี ทั้งที่เขาอยู่ในองค์กรของเรานี่เอง เพราะอะไรละ เพราะผู้บริหารไม่ใช่เจ้าของเงิน เขาย่อมบริหารเพื่อความพึงใจของเขา ไม่ได้เห็นประโยชน์ของคนดีที่ทำเพื่อองค์กร แต่เข้าข้างคนเลวที่เข้าได้กับตนได้ด้สนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ฯการโกงกินหรือประจบสอพลอ ดูประเทศเราก็ได้ คุณเชื่อไหมว่าคนดีมีความสามารถยังมีอยู่ในประเทศไทย ผมคิดว่าคุณมีคำตอบในใจมากกว่าหนึ่งคนนะ แต่เขาเหล่านั้นไม่ได้มาเสนอหน้าลงสมัครให้คุณเลือกเลยสักคน เพราะเขาไม่ต้องการลงไปอยู่ท่านกลางสงครามขว้างขี้ ของนักการเมืองในอดีต (ปัจจุบันดีแล้วระดับหนึ่ง) ที่ถามอะไรก็ตอบว่าไม่รู้ ยังไม่ได้รับรายงาน รู้อย่างอย่างเดียว คือ ผมมีหลักฐานทำลายฝ่ายตรงข้ามอยู่เป็นตระกร้า และจะนำมาแสดงสาดใส่กันให้ฟังเร็วๆ นี้ จบข่าว สุดท้าย ความเบื่อของประชาชน ก็หันไปดูข่าวเม้าท์ดาราแทน ดาราดังมากๆ ก็หันมาเข้าวงการการเมือง มีแต่อะไรที่น่าเบื่อน้ำเน่าวนเวียนอยู่แบบนี้ ผมคิดว่าคนไทยฉลาดกว่าคนอเมริกันด้วยซ้ำ ในการการมองคน และมุมมองการเมืองการปกครอง แต่เราอ่อนด้านการแข่งขันทางเศรษฐกิจเท่านั้นเอง สังเกตุได้ว่าการพัฒนาประชาธิปไตยของเรา แม้นเริ่มต้นที่หลังอเมริกาแต่เราไปได้เร็วกว่านะ ที่เห็นว่าอเมริการุ่งเรืองนั้น รุ่งเรืองเพราะการล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจ ให้นานประเทศอยู่ภายใต้ระบบทาสจำยอม แค่นั้นเอง แต่ในด้านการปกครองเขาตกต่ำมาก ต่างกันอย่างไร ชัดเจนครับ เศรษฐกิจไม่ใช่การปกครอง เศรษฐกิจก็แค่รวยผลิตได้มาก ได้เงินมาก แต่การปกครองหมายรวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาสังคม การสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม การลดอาชญากรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ อเมริกันสอบตกหมดทุกประตู เมื่อเศรษฐกิจเขาพัง ทุกอย่างก็ล่มสลายลง เพราะความเคยชินในการใช้เงินแก้ปัญหามันทำให้เขาไม่มีเครื่องมืออื่นในการแก้ไขปัญหาสังคมและการปกครองประเทศ"

    ธุลีกองฟอน "สรุปสุดท้ายสั้นๆ ครับ"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "ศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงให้ลึกซึ้งทุกแง่มุมก่อนตัดสินใจครับ"

    ..............
    จบการสัมภาษณ์โดยธุลีกองฟอน
     
  19. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    เมื่อชาติจะวิกฤติ พระนเรศวรจะรวบรวมไพล่พล
    ด้วยพระศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
     
  20. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอโทษทีครับ ผมลืมดูให้ดีๆ เพราะมีคุณ Mead ได้นำข้อมูลเหล่านี้มาลงไว้ให้แล้ว ตามลิงค์นี้ครับ

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=43732

    สาธุครับ
    ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...