เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

หนุกมากมาย มาตามอ่านด้วยคนฮ้าฟฟ~

 

มารออ่านเรื่องเล่าของพี่ชยาด้วยคนค่ะ ทั้งสนุกทั้งได้ความรู้

 

สวัสดีครับ

รออ่านด้วยคน เห็นคุณชยาออนไลน์ สงสัยจะได้อ่านต่อแล้ว

 

ปูเสื่อ พร้อมขนมกรุบกรอบรอค้าพี่ชยา
:z1

 

พลังมีเรียกกันหลายชื่อ แต่ก็อันเดียวกัน

หลังจากนั้น ผมก็เป็นแขกที่ อ. อาชวินไม่ได้เชื้อเชิญ
แต่ก็ไปเป็นประจำ วันไหนว่าง ก็ไป ก็ไปถามเอาความ
รู้แปลก ๆ ที่เราไม่เคยรู้ เกี่ยวกับพลังนี่ล่ะครับ
จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็น พลังจักรวาล พลังยูเรอัส
พลังชี่กง พลังฝ่าหลุนกง พลังลมปราณ
หรือพลังอะไรต่าง ๆ แล้วแต่จะเรียกกันไป
มันก็อันเดียวกันครับ แล้วแต่ว่า ประเทศไหน
จะเรียกชื่อว่าอะไร แต่ไทยเราเรียกว่า
วิชาเดินธาตุลมปราณ


อยากรู้อะไรก็ถามเอา อ. ก็ตอบ ไม่ต้องเสียเงินซักบาท
วันไหน ไปได้ความรุ้อะไรมาใหม่ ก็มาเขียนเล่าในกระทู้
ที่ห้องวิทย์ คนอ่านก็ให้ความสนใจกันมากขึ้น
อ. ก็สอนให้ใช้มือสัมผัสพลังสิ่งของต่าง ๆ
ซึ่งมีพลังต่างชนิดกัน และสอนวิธี สัมผัสพลังพระเครื่อง
การสัมผัสพลังพระเครื่องนี้ แต่ล่ะคนก็มีวิธีสัมผัส
แตกต่างกันไป บางคนก็กำใส่ในมือบ้าง อะไรต่าง ๆ นา ๆ
อ. ก็ได้สอนให้ใช้มือสัมผัส แต่ผมนี่ถนัดทางดูออร่า
มากกว่า เพราะผมเห็นอยู่แล้ว ทีนี่เห็นเป็นสีอะไร
ก็มาดุว่า สีไหนให้พระพุทธคุณอย่างไร ที่ผมชอบดูออร่า
ก็เพราะว่า ผมใช้พลังจากมือสัมผัสไม่เก่ง
เพราะเพิ่งรู้จักกับพลัง แตกต่่างจาก ท่านอื่น ๆ
ที่ท่านฝึกพลังมานาน หรือฝึกมาโดยตรงเช่น
คุรุ one of jedi ท่านมีความชำนาญในการใช้มือสัมผัส
เมื่อสัมผัสแล้ว สามารถบอกได้ว่า พระแท้ไม่แท้
ถ้าแท้แล้วมีพระพุทธคุณทางด้านใด



ผมเคยปะทะพลังฝ่ามือกับท่าน ปรากฎว่า ผมแพ้ยับเยิน
ท่านมีพลัง ราว ๆ 800 เมตร แต่คนที่มีพลังมากที่สุด
ก็เห็นจะได้แก่ คุรุ บาสเรานี่เอง ราว 1500 เมตรเห็นจะได้
พลังมากขนาดนี่ น่าจะเริ่มเคลื่อนย้ายสิ่งของได้แล้วกระมัง
คนปกติ พลังปราณก็จะอยู่ที่ ราว ๆ 50-100 เมตร
การวัดพลังมีหน่วยเป็นเมตรนี่อย่าเพิ่งงงน่ะครับ คือ
เป็นการวัดว่า ส่งพลังไปได้ไกลแค่ไหนนั่นเอง



ก็เคยเดินวัดกันเล่น ๆ แถว ๆ บู๊ต นั่นล่ะครับ ก็ห่างกัน
เป็นร้อยเมตรน่ะ ก็ยังสามารถสัมผัสพลังกันได้อยู่
ผุ้ที่ อ. อาชวิน ให้การยอมรับมาเป็น คุรุ
(คือผู้ที่พอจะสอนจะแนะนำกันต่อ ๆ ไปได้
อย่าคิดว่าเป็นตำแหน่งใหญ่โต หรือ
อุปโหลกให้หลงให้ยึดติดน่ะครับ)
เพราะคนเริ่มมาที่บู๊ตกันมากขึ้น อ. ก็ สอนกันไม่ไหว
ก็ต้องมีคนที่พอมีความรู้แล้ว พอที่จะสอนต่อๆ
กันไปได้ ก็เรียกว่า คุรุ เท่านั้นครับ .
..คุรุ จะต้องมีพลัง ตั้งแต่ 300 เมตรเป็นต้นไป
ก็ต้องมีคำถามต่อไปใช่ไหมครับว่า
แล้วทำอย่างไร จะมีพลังขนาด 300 เมตรได้ล่ะ




ไม่ยากครับ ....ปกติแล้ว ร่างกายคนเรานี่ มีจักระ
อยู่ 7 จักระ หลายท่านอาจจะรู้แล้ว
แต่บางท่านอาจยังไม่รู้
ก็ขอเล่าซ้ำอีกซักหน่อยถือเป็นการทบทวนก็แล้ว
กันสำหรับท่านที่รู้แล้ว

จักระ 1

- อยู่ระหว่างอวัยวะเพศ และทวารหนัก
- เป็นรากฐานของระบบจักระ หรือระบบพลังงาน
เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต และเป็นกลไกที่ทำ
ให้สืบทอดพันธุ์เป็นมนุษย์อยู่ในโลกทุกวันนี้

จักระ 2

- อยู่ตรงปลายก้นกบ เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังทางเพศ
- ควบคุมระบบการสืบพันธุ์, การขับกากอาหารและ
ของเสียออกจากร่างกาย (ระบบการขับถ่าย)
รวมทั้งการตั้งครรภ์และการคลอด


จักระ 3

- อยู่ตรงแนวสะดือตัดกับกระดูกสันหลัง
ณ จุดนี้เป็นศูนย์กลางของร่างกาย
- ควบคุมระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย



จักระ 4

- อยู่ตรงแนวหัวใจตัดกับกระดูกสันหลัง
- ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต,
หัวใจและระดับไขมันในเส้นเลือด


จักระ 5

- อยู่ตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ตัดกับกระดูกสันหลัง
- ควบคุมระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง



จักระ 6

- อยู่ตรงกลางหน้าผาก เปรียบเสมือนนัยน์ตาของปัญญา
ใช้เป็นตาที่ 3
- ควบคุมสติปัญญา, ความนึกคิด,
และระบบประสาท


จักระ 7

- อยู่ตรงกลางกระหม่อมหรือจุดตัดของเส้นที่ลากจาก
ปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลาก
จากหูซ้ายไปหูขวา
- ควบคุม ระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย
เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ




ทั้ง 7 จักระนี้ เป็นทางผ่านเข้าและออก
ของพลังปราณในร่างกาย พลังนี่
ไม่ใช่มีแต่ในร่างกายมนุษย์น่ะครับ สิ่งมีชีวิตทุกชนิด
มีเหมือนกันหมด จะต่างกันที่มีมากน้อย
และชนิดของพลังเท่านั้น

...โดยปกติแล้ว จักระจะทำงานโดยอัตตโนมัต
เมื่อ เราทำสมาธิเข้าสุ่ระดับ ปีติ
ระดับปีตินี้ก็จะเลยขนิกสมาธิมาเพียงเล็กน้อย
ยังไม่เข้าอุปจาระสมาธิ ฉะนั้น ผุ้ที่ นั่งสมาธิบ่อย ๆ
และนาน ๆ จักระก็จะทำงานเอง
จะรับพลังจากสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวเข้ามา
ลองไปนั่งสมาธิใต้ต้นไม้ใหญ่ดูซิครับ
จะสดชื่นมากเป็นพิเศษเพราะได้ปราณจากต้นไม้ครับ


ครับ ผู้ที่ มีพลัง เกิน 300 จึงต้องเป็นผุ้ที่ผ่านการปฎิบัติธรรม
นั่งสมาธิมาพอสมควร คุรุแต่ละท่านนั้น
มีพลังปราณ ไม่ต่ำกว่า 500 ทั้งนั้นครับ
มี ผมคนเดียวที่พลังน้อยกว่าใคร
ในงานมินิครั้งแรก ผมจึงเหนื่อยกว่าใคร ๆ
เพราะว่าอะไรหรือครับ ....
เวลาผมนั่งสมาธิ นี่ ผมมักจะจับลมหายใจแล้วเข้า
ไประดับฌาณเลย ผ่าน ปีติ แวบเดียว
จักระทำงานน้อยมาก มันเป็นความเคยชินตั้ง
แต่นั่งสมาธิครั้งแรกแล้วครับ ครั้งแรกได้อุปจาระ
แล้วต่อไปก็เข้าฌาณไปแล้ว
นี่ล่ะครับ พลังผม เมื่อเปรียบเทียบ
กับคุรุท่านต่าง ๆ เช่น คุรุบาส คุรุเจได
คุรุสุวิ คุรุโคมฉาย คุรุตรีพักตร์ ผมมีพลังน้อยที่สุดครับ
ผมจึงต้องมาฝึกสมาธิระดับ ปีติใหม่
เรียกว่าต้องถอยมาหน่อย อ. อาชวิน ท่านได้สอนวิชา
นาคสะบัดหางให้ เอาไว้ทำสมาธระดับปีติ
เพื่อเรียกพลัง


สำหรับท่านที่เรียนวิชาพลังจักระวาล
ก็ใช้ได้เหมือนกัน หมุนจักระเพื่อเรียกพลัง
ก็ทำได้เหมือนกัน ระดับสมาธิเท่า ๆ
กันถ้าใช้สมาธิระดับปีตินี่ จะสามารถสัมผัสพลัง
ได้แล้วครับ ถ้าอยากเห็นออร่าของคน
ก็เพิ่มสมาธิอีกนิดเป็นอุปจาระหยาบ
ถ้าอยากเห็นกายทิพย์ก็ให้สมาธิแนบแน่นอีกนิดเป็น
อุปจาระละเอียด ก็เห็นได้แน่นอน
แต่ทั้งนี้ จิตต้องสะอาดน่ะครับ
ไม่มีกังวล ทรงพรหมวิหารธรรมไว้
ทำได้กันทุกคนแน่นอนครับ
​

 

คุณ วรรณนันท์ เดือนนี้อีกหนึ่งพันบาทเรียบร้อยแล้วครับ

 

เข้ามาร่ำลาค่ะ หวังว่าอีกไม่นานจะได้เจอกันนะคะ
สู้จิ้งจอกเก้าหางไม่ไหว ฌานตกเรื่อยๆ ดับเครื่องชนมันเลยค่ะ
จึงเข้ามา ยกกรณีศึกษา ให้ทุกท่านทราบ เพื่อประดับความรู้ค่ะ

พระสูตร-ว่าด้วยพระโคธิกะปรินิพพาน

ท้ายสุด ขอให้ทุกท่าน เจริญในธรรมยิ่ง ยิ่ง ขึ้นไปค่ะ สาธุ
มัมมี่ บูกาอี

 

ยินดีในบุญด้วยค่ะ Veget_1 (ไม่ใส่คำว่าคุณแล้วมันฟังดูไซไฟดี)

02/12/2010 07:28 X1 1,000 บาท

 

พระโคธิกะปรินิพพาน

จิตท่านแนบอยู่กับพระนิพาน เมื่อจิตออกจากร่าง ย่อมไปสู่นิพพาน
มารจึงหาไม่เจอ

แต่ผู้ที่ยุ่งเกี่ยวและยินดี ใน อสูรกาย เป็นนิจ
เมื่อดับจิต จะไปไหนได้
เพื่อนกัน ย่อมอยู่ด้วยกัน

 

คิดถึงคุณ ชยา นะ
แอบอุดหนุนให้บูทอยู่ได้ แต่ไม่ยักกะมาค้ำชู ด้วยหนมนมเนยบ้าง

เล่าเรื่องความหลังแล้ว เราพบกันเมื่อไหร่หว่า เลือนๆไปแล้ว

 

ขอไม่พูดแล้วกันครับ ฮา อย่างเดียว 5-5-5-5

 

อ.สุวิ ช่าง กรุณา เสียจริง ครับ
ถึงขั้นนี้แล้ว ส่องทางให้ จะมองเห็นรึป่าวเลย

งั้นไว้ ผมไปถามที่ บูท แล้วกัน ครับ ^^

 

ขอจอง 1 องค์ครับอาจารย์

 

ชุมนุมจอมยุทธครั้งแรก

มาฟังเรื่องเล่ากันต่อครับ หลังจากที่ผมพบ
อ. อาชวินครั้งแรกแล้ว ก็ได้เอาเรื่องที่ไปพบมาเล่าใน
กระูทู้ของ อ. เองนั่นล่ะครับ ก็ประกฎว่า
มีหลายท่านส่งข้อความส่วนตัวมาถามว่า
จะไปอีกวันไหน จะได้ไปด้วยกัน จะได้รู้จักกัน
จะได้มีเพื่อนคุยในตอนที่ อ. มีลูกค้า จะได้ไม่เหงา
ผมก็เลยตอบไปทางกระู้ทู้ ว่า
ผมจะไปอีกในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้
และก็ชักชวนผู้ที่มีความสนใจไปด้วยกัน
ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับว่าจะมีใครมาบ้าง
ปกติแล้ว วันอาทิตย์ อ. จะมีลูกค้ามากอยู่แล้ว




....เมื่อถึงวันอาทิตย์ ผมก็อาบน้ำทานข้าวขับรถมุ่งไป
จตุจักร ราว ๆ เที่ยง ผมไม่ได้ไปคนเดียว
ผมได้ชวนเจ้าแหวน นักแต่งเพลงแห่งแกรมมี่ไปด้วย
ซึ่งเจ้าแหวนเอง ก็เป็นนักปฎบัติธรรมคนหนึ่ง
จึงสนใจที่จะไปด้วย

....เมื่อไปถึงบู๊ต 053 ก็ตกใจ เพราะเห็นมีคนมากมาย
ราว ๆ 20 คน นั่งแบ่งเป็น2ฟาก ฟากแรก ราว 10 กว่าคน
เป็นลูกค้า และฟากหลังนั่งสนธนากันเป็นกลุ่มใหญ่
ราว 7-8 คน เมื่อ อ. เห็นผม ก็ กวักมือเรียก บอก ..
..มาเลย ๆ และก็แนะนำตัวผมต่อกลุ่มคนที่กำลัง
นั่งคุยกันอยุ่ว่า ...ขอแนะนำให้รุ้จักสมาชิกอีกคนน่ะ
นี่คือ คุณ ชยา ...และผมก็กล่าวแนะนำตัว
กับทุกท่านที่นั่งสนธนากันอยู่ก่อนแล้ว
...เท่าที่จำได้ในวันนั้นมีดังนี้
มี ท่านพี่เม้าตาอิน มี อ. สุวิ อ.โคมฉาย
อ. พี่ เจได คุณมีเดียสและสุภาพสตรีอีก 2 ท่าน
และน้อง ดาลิ๊ง อีกคนหนึ่ง..



..เมื่อได้ทักทายแนะนำตัวกันเป็นที่เรียบร้อย
ก็ได้คุยกันสัพเพเหระ ความเป็นมา มาพบ
อ. ได้อย่างไร อยู่ในเว็ปใช้ชื่อว่าอะไร
เรียนวิชาอะไรมาบ้าง คุยกันอย่างสนิทใจ
ราวกับว่าเคยรู้จักกันมาก่อนเลยทีเดียวครับ



...จากการสนทนา ผมรู้ได้เลยทันทีว่า
ทุกท่านนั้นยกเวัน ผม น้องลิ๊ง และเจ้าแหวน
เคยฝึกและรู้เรื่องพลังเป็นอย่างดี
และผ่านการปฎิบัตธรรมมาอย่างโชกโชนทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะคุยกันเรื่องธรรมะ ทุกท่านก็รู้เรื่องทั้งปริยัต ปฎิบัติ
แล้วรู้จริง ผมเทียบเคียงกับสิ่งที่ผมรู้มาก่อน
ก็ตรงทุกอย่าง แต่ในสิ่งที่ผมไม่รุ้
ผมก็ฟังอย่างเดียวครับ แต่ล่ะท่านก็เก่ง ๆ ทั้งสิ้น
ผมนี่ล่ะครับ น้องใหม่(ร้ายบริสุืทธิ์) ตัวจริงเลย
ยิ่งในเรื่องพลังด้วยแล้ว
ผมด้อยกว่าท่านทั้งหลายมาก



.....ผมก็นั่งฟังบรรดาท่าน อ. ท่านคุยกัน
และท่านก็เอาพระเครื่องสวย ๆ งาม มาอวดกัน
และผลัดกันดูพลังพระ และได้ชักชวนให้ผมมาดูบ้าง
( อ้า ...งานเข้าแล้ว รู้สึกว่าจะโดนทดสอบ ...555)
..โดยให้เอามือสัมผัส ..การใช้มือสัมผัสนี้
ผมไม่ค่อยถนัด ผมเลยต้องแอบใช้ตาดูออร่าช่วยครับ
มีโกงนิด ๆ แต่ก็ได้ผล อ. หลาย ๆ ท่านบอกว่า
โอเคใช้ได้ .... ผมก็มั่วของผมไปเรื่อย ๆ
ล่ะครับตามประสาเด็กใหม่เพิ่งเข้าสู่ยุทธจักรแห่งพลัง ....555


.....แต่ในขณะที่ท่านเหล่านั้นคุยกัน ผมก็ได้แอบดูออร่า
ดูกายในของบรรดา อ. ทุกท่านโดยไม่รู้ตัว
ก็ได้ทราบว่า ทุกท่านเป็นผู้ปฎบัติได้ีดี และจิตดีทั้งสิ้น.
..แต่ละท่าน ก็มีดีในแต่ล่ะอย่าง
ซึ่งผมอยากจะเล่ามานานแล้ว
แต่ก็ติดตรงที่ว่าจะเป็นการสรรเสริญเยินยอกันเอง
มากไปรึเปล่า ..แต่คิดไปคิดมา มันก็ต้องเขียนล่ะครับ
เพราะว่าในขณะนี้ ทุกท่่านก็ได้พิสุจน์ตัวเอง
ได้ทั้งหมดแล้วว่า เป็นของจริง เป็นผู้ปฎิบัติดีจริง
จนได้รับการยอมรับในหมู่ของ
นักปฎิบัติธรรมของสายคารวาส....เดี๋ยวเล่าต่อน่ะครับ


​

 

ปะทะพลัง กับ อ. one of jedi

...จริง ๆ แล้ว บรรดา อ. ทุกท่านที่พบในวันนั้น
ทุกท่านรู้จัก อ. อาชวิน กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
และก็ได้ไปมาหาสุ่กันเป็นประจำอยู่แล้ว
ผมนี่ล่ะครับ เพิ่งจะมารู้จัก หลังคนอื่นเค้า
และในวันนั้นได้มีโอกาศดี
ที่ได้ปะทะพลังกับจอมยุทธทุกท่านแบบ ตัวต่อตัว
จะเล่าให้ฟังตามมาเลยครับ........คนแรก



..คนแรก อ. one of jedi ..
.ท่านได้เรีกยผมเข้าไปหาเป็นคนแรก
และได้ควักเอาพระเครื่องออกมาให้ผมสัมผัส
ผมก็ได้บอกท่านไปตามความเป็นจริงว่า
ผมเป็นผู้ใหม่ในเรื่องฝึกพลัง .
..ท่านก็หัวเราะและบอกว่า .
. เอ็งไม่ใหม่หรอก..แล้วท่านก็หัวเราะอารมณ์ดี
..และท่านก็สอนให้สัมผัสครับ
ท่านมีวัตถุมงคลเยอะ ทำให้ผมได้มีโอกาศสัมผัส
พลังแปลก ๆ และผมได้ปะทะพลังผ่ามือกับ
ท่าน อ. เจได ด้วย ประกฎว่า
ท่านพลังสูงกว่าผมหลายเท่าทีเดียวครับ
แรงจนรู้สึกว่าพลังทะลุมือมากระทบที่ตัวเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ท่านให้ผมถอยห่างจากท่านราว 15 เมตร
ให้ผมยกมือรับพลัง แต่ท่านไม่ส่งพลังออกจากมือ
แต่ส่งพลังออกมาจากจักระ 6 คือตรงน้าผากแทน
ท่านมองมาที่มือผม ผมก็สามารถสัมผัสพลังที่ส่ง
ออกมาจากหน้าผากได้ ...ผมก็เดินถอยหลัง
ไปเรื่อย ๆ ราว20 เมตร 25 ....30. จนกระทั้ง
ชนผาผนังห้องน้ำแล้ว ก็ยังรับสัมผัสได้
พลังจากตาที่สามของ อ. เจไดนี่แรงจริง ๆ ครับ



.....ออร่าของท่าน อ. เจได เป็นสีม่วงอ่อน ๆ
และสีฟ้า และสีทอง ผสมกัน นั่นหมายถึงว่า
ท่านเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูง เป็นผุ้สอน
เป็นผู้ให้ และเป็นผู้มาต่อบารมีให้เต็ม
​

 

ปะทะพลัง กับ อ. สุวินันท์

ท่านที่ 2 .. เป็นหนุ่มใหญ่ใจดี มีเอกลักษณ์พิเศษ
คือท่านมีผมสีดอกเลา เหมือนจะเป็นผู้สูงอายุ
แต่หน้าตาอ่อนกว่าอายุจริง เป็น 10 กว่าปี
(เข้าใจว่าท่านสำเร็จวิชากุณฑาลิณีมานานแล้ว)
ท่านคือ อ. สุวินันท์ ท่านได้เรียกเข้าไปคุยด้วย
ในตอนแรก ก็ไม่ได้มีการปะทะพลัง
ท่านเรียกไปคุยธรรมะ ผมชอบธรรมะของ
อ. สุวิเป็นพิเศษ เข้าใจง่ายได้สาระ



ท่าน อ. สุวิ ท่านเชี่ยวชาญ เรื่องลมปราณเป็นพิเศษ
ผมเข้าใจว่า ท่านคงฝึกได้ถึงระดับสูงแล้ว
เพราะท่านสามารถควบคุม พลัง
ให้ออกเป็นทีล่ะนิ้วได้ ต้องการให้ออกที่นิ้วชี
ปิดนิ้วอื่นก็ได้ ให้ออกนิ้วชี เข้าทางนิ้วหัวแม่มือก็ได้
ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผมเป็นอย่างมาก
ทุกวันนี้ ผมยังทำแบบท่าน อ. สุวิ ไ่ม่ได้เลยครับ



นอกจากจะเก่งด้านลมปราณแล้ว
ท่านยังเป็นหมอยาด้วย ยาสมุนไพรไทย
ท่านเชี่ยวชาญมาก ใครที่ติดตามอ่าน กระทู้
ที่่ท่านตั้งใจเขียนเป็นวิทยาทาน
ก็จะรุ้ว่า อ. สุวิ ท่านนี้ สุดยอด
(ตามอ่านได้ที่กระทู้

​

โรคภัยไข้เจ็บ อันเกิดจากการนั่งสมาธิ.


./ การฝึกจิต / การฝึกพลัง) .

นอกจากนี้ ท่านยังเก่งทางด้านจับเส้น
นวดแผนไทย ซึ่งผมเอง ก็รบกวนท่าน อ. บ่อย ๆ
เพราะผมชอบปวดหลัง คงเป็นเพราะนั่งมาก
นั่งทำงาน นั่งประชุม นั่งขับรถ และไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
เมื่อเจอท่านจึงได้รบกวนให้ท่านนวดให้
หลัง ๆ มา เจอหน้ากันนี่ ไม่ต้องบอกท่าน
ท่านจะเรียกเข้าไป และจับเส้นให้เลย
ท่านเมตตาสูงจริง ๆ




ออร่าของท่าน อ. สุวิ มี สี ม่วงอ่อน สีทอง
และ สีเขียว อ่อน......หมายถึงผุ้ที่ลงมาต่อ
บารมี เป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูง
และมีพลังในการรักษาโรคครับ

​

 

มาปูเสื่อรออ่านเรื่องสนุก ได้ความรู้ จากคุรุทั้งหลายครับ

 

มารอฟังเหมือนกันครับ คุณพี่ชยา

ตั้งตารอ ตั้งตารอ

 

เม้าตาอิน นักสแกนกรรม อันดับ 1

จอมยุทธท่านต่อไป ที่ได้สัมผัสพลังในวันนั้น
ก็คือ ท่านพี่เม้าตาอิน คงทราบกันดีอยู่แล้วน่ะครับตอนนี้
ว่า ท่านพี่เม้าท์ของเราตอนนี้ ได้กลายเป็นนักสแกนกรรม
ที่มีความแม่นยำมาก ๆ ผมเองยอมรับโดยดุษฎี
ว่าแม่นจริง โดยมีประสพการณ์ตรง ๆ
กับทำทำนาย ของพี่เม้าท์ถึง 2 ครั้ง


...........ครั้งแรก ให้ท่านพี่เม้าท์ทำนายว่า
ผมจะได้รางวัลพระพิฆเนต หรือไม่
และถ้าได้ผมจะได้กี่รางวัล ผมส่งเพลงเข้าประกวด 3 ประเำภท
พี่เม้าท์ก็มีำคำทำนายว่า จะได้แค่ 2 ประเภท
แต่ในใจลึก ๆ ผมมั่นใจว่า จะได้ทั้ง 3 เลยครับ
แต่พี่เม้าท์ก็ยังยืนยันหนักแน่นว่าจะได้แค่ 2
ผลก็ออกมาตามนั้นครับ ได้แค่ 2 รางวัล


........และคำทำนายของพี่เม้าท์ตอนนั้นแฟนผม
ท้องได้ 2 เดือน วันนั้นผมได้ไปทำกิจกรรม
กรรมกับกลุ่มเขากะลา นั่งรถคันเดียวกันกับพี่เม้าท์
ก็เลยให้ท่านพี่สแกนใ้ห้ก่อนใครเลยครับว่า
เป็นหญิงหรือชาย คำตอบออกมาว่า
เป็นหญิง และบอกว่า ต้องเกิดวันอาืทิตย์้ด้วย
ต่อมาผมได้ไปทำอัลตาซาวด์ หมอก็บอกว่า
เป็นหญิงก็ตรงครับ แต่วันเกิด หมอเค้ากำหนดว่า
จะเกิดวันที่ 5 ตุลา 53 ซึ่งเป็นวันอังคาร
ผมก็มาเล่าให้พี่เม้าท์ฟัง บอกว่า
สงสัยคราวนี้จะไม่แม่นซะแล้ว แต่ท่านพี่เม้าท์ก็ยังยืนยัน
อย่างหนักแน่นว่า ต้องวันอาืทิตย์ อย่างแน่นอน
และก็จริงอย่างที่พี่เม้าท์ว่าครับ
น้ำปิงคลอดก่อนกำหนด และคลอดวันอาทิตย์อย่าง
ที่พี่เม้าท์บอกทุกประการ แม่นไหมล่ะครับ



........ในวันที่พบกับท่านพี่เม้าท์ครั้งแรกนั้น
ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร แต่ได้นั่งอยู่ใกล้ ๆ ท่านพี่
ได้รับรู้ถึงพลังทางด้านเมตตาของท่านพี่อย่างชัดเจน
ไม่ว่าคนในบู๊ตจะเข้าออกอย่างไร ผมก็พยายามจะ
นั่งใกล้ ๆ ท่านพี่เม้าท์อยู่เรื่อย ๆ
ก็เป็นอย่างไรไม่รู้ ถ้าได้นั่งใกล้ ๆ แล้ว
ผมรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด รู้สึกถึงความเย็นอกเย็นใจ
อย่างประหลาด ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่รู้สึกอย่างนี้
น้อง ๆ ที่ไปด้วย และได้รุ้จักพี่เม้าท์ก็รู้สึก
อย่างนั้นเหมือนกัน ท่าน ที่ได้รู้จักพี่เม้าท์ ก้ึคงรู้สึกได้


พี่เม้าท์เองก็มีความรู้เรื่องพลังมาก
และมีพลังมากทีเดียว เนื่องว่าวันนั้น
ผมปะทะพลังกับหลายท่านไปแล้ว
เลยไม่ได้ขอปะทะพลังกับพี่เม้าท์ จริง ๆ
ก็รู้อยู่แล้วล่ะครับว่า ผมเองพลังน้อย และด้วยว่า
เพิ่งรู้จักพลังใหม่ ๆ ก็อยากจะทดลองโน่น นี่
ปะทะกะคนโน้น คนนี้ เอาแค่เป็นความรู้ไม่ได้จะอวด
พลังกะใครเพราะไม่มีจะอวดครับ อยากได้ความรู้มากกว่า
และต่อมา พี่เม้าท์ เอง ก็ เป็นที่พึ่งของผมเสมอมา
ยามขัดข้องใจเรื่องอะไร ก็ต้องโทรหาเป็นอันดับแรก ตลอด
ขอให้ได้คุยก็สบายใจ และอีกอย่างที่ทำให้ผมบอกได้ว่า
ท่านพี่เม้าท์มีเมตตาสูงจริง ๆ คือ

การสแกนกรรมในแต่ล่ะครั้งนั้น
ไม่เคยคิดเงินคิดทองใครเลย ฟรีครับฟรี
ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจบริสุทธิ์จริง ๆ ครับ
ผมก็ขอโมทนาด้วยในกุศลที่ท่านพี่ได้กระทำด้วยน่ะครับ


....ออร่าของท่านพี่เม้าท์ มีสี ม่วงเข้ม คราม และทอง
หมายความว่า เป็นผู้มีสัมผัสพิเศษ
สื่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ เป็นผุ้มีคุณธรรมสูง
ลงมาเพื่อต่อบารมีครับ
​

 

อ. โคมฉาย จอมพลัง

ถ้าพูดเรื่องพลังแล้ว ไมุ่พูดถึง อ. โคมฉาย
เห็นจะไม่เป็นงานครับท่านผู้อ่าน เพราะเนื่องจากว่า
ท่านเป็นผู้ที่เปีียมพลังจริง ๆ พลังท่านเก็บไว้ที่พุงเยอะครับ
(อันนี้ขออภัยแซว ท่าน อ. เล่น ๆ ครับ )
วันนั้นพอ ว่าง ท่านก็เรียกเข้าไปหาเลย
และบอกว่า อยู่ เฉย ๆ น่ะ แล้วท่านก็ส่งพลัง เย็น ๆ
มาให้สัมผัส ท่านถามว่า รู้สึกอย่างไร
ก็ตอบไปว่า
รู้สึกเย็นสบาย ท่านก็บอกว่า เอาใหม่
ก็ก็ส่งพลังมาอีกครั้ง ท่านผุ้อ่านครับ
คราวนี้ร้อนครับ เออแปลกดีครับ ส่งร้อนก็ได้ส่งเย็นก็ได้



ในสายพลังนี่ มีอะไรแปลกเยอะครับ กับท่าน อ. โคมฉาย
นี่ เจอกันบ่อย ๆ ท่านก็มักจะสอนโน่นสอนนี่ให้ผมบ่อย ๆ
ผมเองก็ไม่ขัดอยู่แล้วเพราะกันฟังเป็นการรับ
ความรุ้ที่ดีที่สุดครับ ท่านมักมีโน่นนี่
มาให้ทดลองดูเสมอ

มีวันหนึ่ง ที่บู๊ต อ. อาชวิน มีลูกค้าคนหนึ่ง
มาที่บู๊ต ปรากฎว่า ไปรับขันธ์มาจากสำนักทรงที่หนึ่ง
ปรากฎว่ามีผีตามมาด้วย และรู้สึกว่า จะโดนพิษ
​

ฤทธิ์บ่วงนาค 7 ชั้น อ. อาชวินเห็นดังนั้น

ก็เลยโยนให้ อ. โคมฉายขับไล่ผี และพิฺ์ษ


ซึ่งกว่าจะขับออกได้ ก็ใช่เวลานานเหมือนกัน


หลังจากขับผีและพิษออกได้ ชายคนนั้นก็ได้สติ


ก็มาเล่าให้ฟ้งว่า ตั้งแต่ไปรับขันท์มา

ก็ไม่ค่อยได้สติ ลูกเีมียก็พลอยป่วย


ไปหาหมอก็หาสาเหตุไม่เจอ โชคดีมีคนแนะนำมา


หา อ. อาชวิน และมาเจอ อ. โคมฉาย

ท่าน อ. โคมฉาย ท่านเก่งเรื่องขับผี
และพวกพลังแฝงครับ ถ้าเดินทางไปไหนกับ
อ. โคมฉาย ก็ให้อุ่นใจเรื่องผี เรื่องสางได้เลยครับ
ผมเคยแอบดูกายทิพย์ของ อ. กายในสว่างมาก
และมีพญานาค 7 เศียรอยู่ข้างหลัง ผมสัณนิฐานว่า
อ. โคมฉาย น่าจะเป็น จอมบาดาล องค์ใดองค์หนึ่ง
มาต่อบารมีครับ
เห็นแค่นั้นผมก็ไม่กล้าดูต่อแล้วครับ



............ออร่าของ อ. โคมฉาย มีสี ม่วงเข้ม
สีทอง และสีแดง เป็นผุ้มาต่อบารมี
มีคุณธรรม และ มีฤทธิ์ครับ
​