สอนกรรมฐานให้ศิษย์ เป็นอัตตาใหม่ ไม่ได้นิพพานนะลูก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 16 พฤศจิกายน 2010.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ตัวครู ตัวผู้สอน คือ อัตตา
    เมื่อบุคคลใกล้บรรลุธรรม
    จะคิดว่าตนได้บรรลุธรรม
    แล้ว จึงได้สอนกรรมฐาน
    แก่ผู้อื่น ตั้งตนเป็นครู


    เหตุฉะนี้ จึงมีอัตตาใหม่
    คือ ตัวครู ตัวผู้สอน ทำให้
    ไม่นิพพาน
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ผู้บรรลุอรหันต์ที่แท้จริง ย่อมสิ้นแม้ตัวครู


    ตัวครู คือ อัตตาใหม่ ที่ก่อขึ้นขณะใกล้จะบรรลุธรรม
    โดย "พญาวัสวัสตีมาร" จะมาดลจิตดลใจว่าเราได้มี
    ธรรม บรรลุธรรมแล้ว ให้เราออกโปรดสัตว์ สอนคน
    โดยพญามารฯ จะนำพาผู้คนเข้ามาแห่ห้อมล้อมนับถือ
    แล้วตั้งเราเป็นนั่นเป็นนี่ มียศฐ่าบรรดาศักดิ์มากมาย


    แบบนี้ยังไม่บรรลุธรรมนะลูก ยังไม่พ้นบ่วงมาร
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    กรรมฐานที่เราให้แก่ผู้อื่น กระทบธรรมชาติเดิมแท้ของเขาหรือเปล่า?


    จิตเดิมแท้ ธรรมชาติเดิมแท้ เป็นเช่นนั้นเอง แตกต่างกันไปตามวิบากกรรม
    ไม่เหมือนกันในสมมุติ แต่เหมือนกันในวิมุติ คือ ความไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน
    เพราะจิตมีอุปทานว่า "กรรมฐานของเรา ถูกต้องดีแล้ว" ด้วยอุปทานนี้เอง
    นำพาให้ไปสอนผู้อื่น โดยไม่เข้าใจธรรมชาติแห่งจิตของผู้อื่น ต้องให้ทุกคน
    ที่มายังอาณาจักรของตน (ซึ่งตนถือครองเป็นครูหรือเจ้าอยู่) ได้ฝึกเช่นตน
    ให้เหมือนที่ตนสอน โดยมิได้พิจารณาความแตกต่างของจิตมนุษย์ ซึ่งอาจ
    รับได้และไม่ได้ในธรรมชาติที่แตกต่างกัน แต่ก็สอนไปเหมือนกัน


    กรรมใหม่ก็เกิด การปรุงแต่งจิตให้ผู้อื่นก็เกิด ตัวครูก็เกิด อย่างนี้ยังไม่อรหันต์นะ
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ทำอย่างไรไม่ให้กรรมฐานกลายเป็นฐานกรรมใหม่


    เขามีธรรมชาติเดิมแท้มาอย่างไร ไม่ต้องไปเปลี่ยนแปลง
    หรือสั่งให้เขาเปลี่ยนแปลง คุยเฉยๆ เราสักแต่ว่าพูดเท่านั้น
    ถ้าเขาได้ปัญญา ก็ด้วยตัวของเขาเอง ไม่ใช่เพราะเราทำให้
    เราก็พูดไปตามวิบาก เพราะเขาถามบ้าง เพราะมีกิจเหลือค้าง
    บ้าง พูดกลางๆ เฉยๆ เขาจะทำหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับเรา เป็นแค่
    วิบากกรรมของเขาเอง ไม่ไปบงการ กงการอะไรให้เขา แค่พูด
    บอกแล้ว แล้วกัน ที่เหลือแล้วแต่เขา


    ไม่ต้องสอนกรรมฐานอะไรใหม่ให้ใคร ปล่อยเขาตามธรรมชาติ
    ของเขา แล้วใช้ปัญญา กระเทาะเบาๆ สิ่งที่เขาติดขัด เขยื้อน
    เขาจะพยายามจนเอาตัวเองหลุดพ้นได้เอง สะกิดเบาๆ ก็พอ
    ไม่มีกรรมใหม่มากพอสืบชาติภพ เป็นแค่ "เศษกรรม" นะลูก
    สะกิดคือ "ให้สติ" ที่เหลือ "ปัญญาของเขา จะเกิดด้วยตนเอง"
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การเป็นครูสอนกรรมฐานไม่ผิด เป็นแค่การเสวยวิบากเท่านั้น


    ลูกที่ยังเป็นครูสอนกรรมฐานอยู่ ไม่ผิดนะ แต่ก็ยังไม่ใช่ทางนิพพาน
    เป็นแค่ "วิบากกรรม" เท่านั้น เมื่อลูกเสวยวิบากกรรมนี้สิ้นแล้ว กิจจบ
    แล้ว ลูกจะรู้ว่า "มันว่างเปล่า" ทำไปก็ไร้ประโยชน์ หาสาระอะไรไม่ได้
    ไม่ใช่กิจ ไม่ใช่ตัวตนของตน ครูก็ไม่ใช่ ศิษย์ก็ไม่มี เมื่อนั้นใกล้แล้วนะ
    ลูกใกล้หมดกรรมที่ต้องชดใช้ในรูป "ครูกรรมฐาน" แล้วนะ สติสักนิด
    ปัญญาจะสว่างจ้าได้เลยนะลูก เอ๊ะใจขึ้นนิด เอ๊ะเราทำอะไรนี่ มันได้
    อะไรนี่ มันหลุดพ้นกันจริงหรือเปล่าละนี่ เราทำไปทำมันกันละนี่?


    ว่างเปล่าไป หาสาระไม่ได้นะลูก ไร้ตัว ไร้ตน ไม่มีครู ไม่มีกรรมฐาน
    มายาภาพเท่านั้นนะลูก เกิดดับ เกิดดับ หลอกหลอนเราไป ให้เราสนุก
    อยู่กับการเป็นครู ให้เพลินอยู่กับการถ่ายทอดกรรมฐาน วนอยู่นะลูก
    เหวี่ยงหลุดเลย ไม่ใช่สาระนะลูก ว่างเปล่าไปเลย ฉันพลันเลยนะลูก


    ...
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    กรรมฐานที่เขาฝึกมา ไม่มีใครผิด แต่ยังไม่นิพพานเท่านั้น


    ลูกเจอใคร ฝึกกรรมฐาน หรือฝึกพลังจิตแบบไหนมา ไม่มีผิดนะลูก
    เป็นแค่วิบากกรรมเก่าของเขา ที่เขาต้องเสวยไปเท่านั้น แต่ไม่ได้
    นิพพานนะลูก ปัญญาเข้าถึง ไม่มีปัญญา ไม่หลุดนะลูก สมาธิแค่ฐาน
    ฐานไม่ต้องสูง เราไม่ใช่ฤษี ไม่ต้องไปทำแข่งขันนะ ตบะไม่ต้องแข่ง
    วสีไม่ต้องแข่ง เอาแค่เป็นฐาน "พอให้ใจพอรับความจริงได้" เท่านั้น
    พอใจชื้น พร้อมรับความจริงได้แล้ว ลัดตัดตรงเลยนะลูก ให้แจ้งโลก
    แจ้งในทุกข์ของโลก แจ้งในอนิจจังแห่งโลก แจ้งในความไร้ตัวตนใน
    โลก ใดๆ ล้วนมายาเท่านั้น หลอกหลอนเราเล่น เพลินไป วนไปในวัฏฏะ
    เท่านั้นเองลูก หาสาระอะไรไม่ได้เลย


    ตรงนิพพานก่อนนะลูก ตรงความดับสูญแห่งสมมุติทุกสมุมุตินะลูก ตรง
    ไม่เลี้ยว ไม่อ้อม ไม่เพลินไปลองนั่นลองนี่ ตรงนิพพานเลย ตรงจุดดับนั่น
    ทำให้แจ้งจ้า สว่างไสวไปเลย ฉับพลันเลย ฉับพลัน นะลูกนะ...
     
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    กรรมฐานเป็นแค่วิบากกรรม ไม่ใช่มรรคสู่นิพพานนะลูก


    กรรมฐานเป็นแค่กรรมอันเป็นฐาน ให้เราเสวยวิบากเพื่อชดใช้นะลูก
    พระพุทธเจ้าไปเสวยวิบากกรรมนั่งกรรมฐาน เพราะมันเป็นกรรมเก่า
    อันเป็นฐานที่ต้องไปทำ ไปเสวย ไปชดใช้ ไปชำระ แค่นั้นเองนะลูก
    ไม่ต้องส่งเสริมกรรมฐานให้มีตัวมีตน ไม่ต้องสร้างตัวครูกรรมฐาน
    กรรมฐาน แค่วิบากกรรมอันเป็นฐานให้เราชำระเท่านั้น สตินะลูกสติ
    ตื่นออกจากการฝึกนะลูก จิตเดิมแท้ประภัสสรอยู่แล้วนะลูก ไม่ต้อง
    ไปทำให้ธรรมชาติใสๆ ของจิตเป็นไปอื่น มันเป็นเช่นนั้นเองอยู่แล้ว
    นะลูกนะ ตื่นเต็มสตินะลูกนะ ฉับพลันเลย ปัญญาแจ้งจ้าไปเลยนะลูก
     
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    อนิจจังแน่นอนอยู่แล้ว ปล่อยไป ไม่ต้องสร้างสิ่งใหม่นะลูก


    อนิจจังทุกอย่างอยู่แล้ว มีหรืออะไรที่เที่ยงแท้ แม้แต่โลกนี้ยังกลัวว่าจะแตก
    กันอยู่ทุกวันแล้วนะลูก อะไรก็ไม่เที่ยงอยู่แล้ว ไม่ต้องไปสร้างตัวใหม่ขึ้นมานะ
    ตัวครู ตัวผู้สอนกรรมฐาน ตัวผู้ค้ำศาสนา อะไร ตัวตนของตน ตัวใหม่ๆ ทั้งนั้น
    อัตตาใหม่ทั้งนั้นนะลูกนะ อัตตาเก่าก็มากโขอยู่แล้วนะลูกนะ สร้างตัวใหม่มาอีก
    ไม่หมดนะลูก ไม่สิ้นนะลูก ตัว "พุทโธ" ก็ไม่ต้องสร้างไว้ให้ลูกหลานแบกภาระ
    ตัว "สัมมาอรหัง" ก็ไม่ต้อง, ตัว "ยุบหนอ พองหนอ" ก็ไม่ต้อง, "ตัวรู้", "ตัวสติ"
    อะไรก็ไม่ต้อง ไม่ตั้ง นะลูกนะ ปล่อยไป ธรรมชาติเกิดเองดับเอง ลูกไม่ต้องไป
    สร้างตัวใหม่แล้ว ตัวเก่าก็มากแล้ว เสวยวิบากตัวเก่าให้หมดนะลูก ของใหม่ไม่
    ต้อง ไม่ตั้ง พอแล้ว จบแล้ว หยุดคือตัวสำเร็จ อยู่แล้ว เป็นเช่นนี้เอง ไม่เป็นอื่น


    นะลูกนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 พฤศจิกายน 2010
  9. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    อริยสัจสี่ นิโรธแล้วจึงเป็นมรรค ไม่ใช่เดินมรรคไปนิโรธ


    ไม่ว่าท่านกระทำอันใดก็ตาม หากเริ่มต้นจากทุกข์ แล้วเห็นแจ้ง
    ด้วยปัญญาว่า "เหตุแห่งทุกข์มาจากการกระทำแห่งตน มิใช่เพราะ
    เหตุอื่นใด" อันทำให้ท่านทำลายสักกายทิฐิ ความถือตนลงเสียได้
    นั่นคือธรรมข้อ "สมุทัย" ได้ปรากฏขึ้นแล้ว ย่อมเข้าสู่โสดาปฏิผล


    จากนั้น ท่านได้เพียรพยายามใดๆ ก็ตาม มิอาจหลุดพ้น ทว่า กลับ
    "ดับสนิท ดับสูญ" ไปเสียอย่างนั้น ท่านแว่บคิดถึงคำว่านิพพานที่
    แปลว่าดับสูญขึ้นมา จึงตรงสู่สภาวธรรมนั้นๆ ท่านไม่อาลัยอาวรณ์
    ในกรรมฐาน หรือสิ่งที่ท่านได้เจริญมานานแสนนาน ท่านปล่อยสิ่งนั้น
    ไป ปล่อยให้ดับสูญหมดไป อย่างไม่เสียดาย นี่เรียกว่า "นิโรธ" แล


    จากนั้น ท่านได้เข้าถึงด้วยปัญญาแจ้งสว่างไสว หลุดพ้นอย่างแท้จริง
    มรรคย่อมเกิดเองแก่ท่าน อย่างเป็นปกติ เป็นธรรมดา ธรรมชาติ คือ
    ไม่ใช่มรรคใดๆ แต่เป็นไปโดยวิบากเท่านั้น ท่านทำไปด้วยเพราะถูก
    วิบากกรรมซัดเท่านั้น (เช่น พระพุทธเจ้านั่งสมาธิทรมานพระองค์ไป
    ด้วยผลแห่งวิบากเท่านั้น ท่านมีปัญญาแจ้งได้เช่นนี้ ว่ากรรมฐานก็มิใช่
    ที่พึ่ง ที่อาศัย ที่ยึดถือ ท่านปล่อยวางแม้กรรมฐานที่เจริญอยู่)


    นี่เรียกว่า "มรรค"<!-- google_ad_section_end -->
     
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ที่สุดแล้วโลกกับธรรมเป็นหนึ่ง ไม่ใช่ของคู่นะลูก


    ลูกหลายคน แยกโลกแยกธรรม เอาโลกไว้ทาง เอาธรรมไว้ทาง
    เข้าวัดเป็นอีกคนหนึ่ง เรียกว่าทางธรรม พอเข้าบ้าน เข้าที่ทำงาน
    เป็นอีกคนหนึ่ง เรียกว่าทางโลก แล้วก็เกิดกระทบกระทั่งของๆ คู่
    คือ โลกกระทบธรรม ธรรมกระทบโลก เช่น ไปวัดโดนคนว่าละทิ้ง
    หน้าที่, ไปที่ทำงานก็มีกรรมเพราะเอาเรื่องธรรมไปเผยแพร่ผิดที่


    ไม่ต้อง ไม่ตั้ง นะลูกนะ ปล่อยไป ธรรมะ ธรรมชาติ เกิดเอง ดับเอง
    ไม่ต้องแยกโลก แยกธรรมนะ ไม่ต้องสร้างทางธรรมแยกจากทางโลก
    นะ ธรรมชาติอยู่แล้ว เป็นเช่นนั้นเองอยู่แล้ว ไม่เป็นอื่นอยู่แล้วนะลูกนะ


    พ้นของคู่ พ้นโลก พ้นธรรม "นิพพานหนึ่งเดียว" ไม่มีสองนะลูก...
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    แต่ดั้งเดิมแท้แล้วธรรมชาติ ไม่มีตัวตนของตน ไม่ต้องสร้างตัวใหม่นะลูก


    จิตตรงสู่ความหลุดพ่น นิพพานเท่านั้น นิพพานหนึ่งเดียว ไม่มีสอง ไม่เป็นอื่น
    ไม่ต้อง ไม่ตั้ง ไม่สร้างอะไรใหม่นะลูก ไม่ต้องไปสร้างวิธีทำสมาธิ, เจริญสติ
    เจริญกรรมฐานอะไร สิ่งที่ถูกสร้างนี้ มันควบคุมไม่ได้นะลูกนะ คิดง่ายๆ คนมา
    ฝึกกับลูก ลูกควบคุมเขาได้ไหมว่าเขาจะไม่เอาสิ่งที่ลูกบอกหรือสอน ไปทำต่อ
    พอทำต่อแล้วไม่เหมือนเดิมขึ้นมา ไม่นิพพานขึ้นมา กรรมนะลูก ดีหรือเลวก็ช่าง
    กรรมนี้สืบชาติภพได้นะลูก โดนทื้งหมดนะลูก ทั้งครูต้นตอวิชชาก็ไม่นิพพาน
    ลูกศิษย์คนที่เอาไปเผยแพร่ต่อก็ไม่นิพพานนะลูก โดนทั้งยวง ทั้งห่วงโซ่ พัวพัน
    ลากกันลงมาเกิดอีกนะลูก เพราะอะไร ใครทำ ใครสร้างอะไรไว้ ต้องรับผิดชอบ
    ต้องเก็บของตนเองทำตกหล่นไว้ ต้องเก็บคืน เพราะสร้างไว้เลยต้องมาเก็บคืน
    วนกันอยู่อย่างนี้ ไม่แล้วนะลูก ไม่ต้องสร้างตัวใหม่ เทวรูป สิ่งศักดิสิทธิ์ใดใหม่ๆ
    ก็ไม่ต้อง จบเลยลูก ลัดตัดตรงเลยลูก เหวี่ยงพ้นไปเลยลูก หลุดพ้นเลย ฉับพลัน!
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เราได้บุญ ได้คาถาอะไร เสวยวิบากเฉพาะตน ไม่ต้องบอกต่อนะลูก


    คาถาหรือบทสวดมนต์ที่เราได้มา มาเพราะวิบากเท่านั้นเองนะลูก ใช้ให้หมด
    เสวยวิบากกรรมให้หมดๆ ไป ไม่ต้อง ไม่ตั้ง ไม่ไปสาระอะไรสำคัญใหม่ ให้
    เกิดสังขารใหม่ขึ้นมานะลูก จิตมันชอบสร้าง มันชินกับการสร้าง สร้างสังขาร
    สร้างเรือนกายให้เราอาศัยใหม่ๆ อยู่เรื่อย ก็ปล่อยไป เดี๋ยวสติมา ปัญญาเกิด
    เกิดแล้วเบื่อหน่ายเอง สงบเอง ปล่อยวางเอง ไม่ได้เพราะเราทำ แต่เป็นไปเอง
    เป็นไปตามธรรมชาติเองนะลูก ไม่ได้ตั้งเจตนาจะให้เป็น ไม่ต้อง ไม่ตั้งนะลูก


    คาถาอะไรที่ลูกได้มาด้วยผลบุญ ถ้าไปบอกต่อ เป็นกุศลก็มีกรรมต่อชาติภพ
    ไม่ต้อง ไม่ตั้ง เสวยวิบากแล้วจบไป หมดไป สิ้นไป ดับไป นะ ไม่ต้อง ไม่ตั้ง
    ไม่สร้างใหม่นะ ไม่สืบไป ไม่เนื่องด้วย ไม่หนุนให้ใคร ไม่ต่อชาติสืบภพนะลูก
     
  13. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    อนุโมทนาครับ นานๆจะได้ฟังและพิจารณาข้อความแบบนี้
    ความรู้สึกเหมือนฟังธรรมะแท้ดั้งเดิม เหมือนมาจากพระฤาษี
     
  14. SNIPPERปราบมาร

    SNIPPERปราบมาร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +14
    ธรรมประเสริฐ
    ขออนุโมนาครับ
     
  15. dalink

    dalink เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +2,436
    แนวคำสอนของ ท่าน คุ้นๆ มากเลย มีคำตอบในใจอยู่ค่ะ

    ไม่ทราบว่า จะเปิดเผยนามท่านได้หรือไม่คะ ถ้าไม่สมควร

    หรือไม่อนุญาติ โปรดอภัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2010
  16. เลขโนนสูง

    เลขโนนสูง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +825
    อ่าน กระทู้ของ จขกท. มีความรู้สึกว่าเย็นๆยังไงชอบกล....ตอบผมทีผมเป็นอะไรครับ
    ผม อ่านมาทั้ง 3 กระทู้นั้นละครับเป็นหมด..งง..ผมชอบภาพที่เป็นวงกลมนั้นเป็นพิเศษครับ....เช่นนั้น
     
  17. PunnyHamp

    PunnyHamp Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +98
    ลักษณะการพูด วิธีการสอนคล้ายๆ ท่าน ดร.สนอง เลยคะ ผิดถูกอย่างไรก็ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วย
    โดนส่วนตัวก็ชอบอ่านหนังสือของท่านเหมือนกัน
     
  18. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    น่าจะออกแนว เซน ลัทธินี้เรียกตัวเองว่าฉับพลัน ผู้นําองค์สําคัญที่คนไทยรู้จัก คือ เว่ยหลาง ในไทยแนวนี้จะเป็นสวนโมกขพลาราม หลวงพ่อพุทธทาส เป็นรูปแบบมหายาน

    ภาพท่านเป็นท่านท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ หรือท่านท้าวมหาพรหมชินบัญชร ญี่ปุ่นขนานนามมหาพรหมองค์นี้เป็นศาสดาของ ลักทธิ ชินโตไน ถือเป็นศาสดาองค์หนึ่ง เป็นพระโพธิสัตย์องค์หนึ่งที่มีหน้าที่คุ้มครองพระศาสนา

    จะสอนแนวทุกอย่างว่าง ขัดกับคําสอนของฝ่ายเถรวาทอยู่บ้าง จะออกแนวมองอีกมิติ เช่น
    ยกตัวอย่าง
    เถรวาทสอนว่า
    "กายคือต้นโพธิ์ จิตคือกระจกเงาใส หมั่นเช็ดอยู่ทุกโมงยาม จึงไม่มีฝุ่นละอองลงจับ"
    นิกายนี่จะสอนว่า
    "ไร้กาย ไร้ต้นโพธิ์ ไร้จิต ไร้บานกระจกเดิมที่ไม่มีใดใด ฝุ่นจะจับลงที่ตรงไหน"

    ไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆครับ ท่านก็มาเผยแพร่แนวคิดศาสนาของท่าน
     
  19. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ...เข้าผิดกระทู้ ต้องขออภัย บังเอิญว่าไม่ใช่แนวนี้...
     
  20. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ปัญญาน่ะ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลหรอก มันอยู่รอบๆตัวเรา ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับมันหรือป่าว เราอย่าเพิ่งไปยึดติดกับมัน ลองดูว่าสิ่งไหนดีก้อนำมา สิ่งไหนไม่ดีก้อปล่อยไป
    เพราะอย่างไรแล้วปัญญาหรือตัวธรรมมันก้ออยู่รอบๆตัวเรา เราเอานู่นเอานี่มาพิจารณาด้วยธรรมย่อมได้ธรรม

    ถ้าจะให้เปรียบเทียบง่ายๆ ก้อเหมือนกับเราเอาที่ช้อนปลาไปตักกรวด มันไม่จำเป็นที่จะต้องหาที่ตักกรวดโดยเฉพาะมาตัก แต่ถ้ามันบังเอิญไปตักได้อย่างอื่นมา ก้อจงพิจารณาว่าใช่สิ่งที่เราต้องการหรือไม่ ไม่ต้องการก้อทิ้งมันไปซะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...