กระทู้สำหรับการให้คำแนะนำสำหรับคนฝึกมโนมยิทธิใหม่

ฝึกอีกซักเดือนสิครับ จะเห็นความต่างอย่างชัดเจน

โมทนาครับ

 

ก่อนอื่น ต้องขออนุโมทนากับคุณ Supernova ที่อุตส่าห์เปิดกระทู้นี้ขึ้นมาสำหรับผู้ฝึกมโนมยิทธิ และก็พบว่า มีสมาชิกจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาเพื่อศึกษา และสนทนาธรรม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านนี้ ทำให้คนที่เป็น "ครูฝึกมโนมยิทธิ" ก็อดไม่ได้ที่อยากจะร่วมแจมด้วย เพื่อช่วยแก้ไขข้อติดขัดของทุกท่านค่ะ

พี่ไม่ได้มาคนเดียวนะคะ จะชวนครูท่านอื่นมาช่วยตอบด้วย เพราะเรามีเวลาว่างไม่แน่นอน อาจทำให้การตอบคำถามช้าไป ไม่ทันใจท่านทั้งหลาย

พี่เป็นครูฝึกมโนมยิทธิ ตั้งแต่รุ่นแรก ของวัดท่าซุงค่ะ และถ้าใครอยากสอบถามแบบส่วนตัว ก็เชิญส่งคำถามไปที่ pan9942@yahoo.com
อาจจะได้คำตอบเร็วกว่าบนเว็บบอร์ดนี้ แต่อย่างไรก็ตาม จะพยายามเข้ามาดูที่กระทู้นี้นะคะ

ครูปาน

 

คุณยอดฯ แนะนำให้นิดนึง ก่อนนั่งสมาธิให้เหยีดขาไปกับพื้นแล้วบิดตัวมาทางซ้ายและทางขวาให้สุดสัก 2-3 เที่ยว เพื่อเป็นการคลายเส้นให้หย่อนก่อน เสร็จแล้วนอนคว่ำหน้ากับพื้น ใช้แขนสองข้างยันตัวขึ้นมาให้สุดเงยหน้ามองเพดานให้นานที่สุด โดยนับ 1-10 ส่วนหลังให้โค้งมากที่สุด เพื่อเป็นการดัดกระดูกสันหลัง และกระตุ้นกล้ามเนื้อที่ติดกับไขสันหลังให้ยืดหยุ่น เวลานั่งจะนั่งได้นานขึ้น พอรู้สึกว่านั่งไปสักพักอึดอัด ลองนั่งในท่าเดิม แต่ใช้มือทั้งสองข้างยันตัวขยับให้เข้าที่แล้วภาวนาต่อได้เลย อ้อ.เกือบลืมในขณะที่เราบริหารเสร็จใหม่เราจะหายใจลึกขึ้น ยาวขึ้น จับอารมณ์ตรงนั้นก็ได้ ภาวนาไปเรื่อยๆ 5 นาที 10 นาที ทุกวัน จิตจะพัฒนาได้เองครับ (เคยทดลองอีกอย่างหนึ่งก็คือ ก่อนภาวนาให้นึกถึงคำกลอนบทนี้ "อันความกรุณาปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุลาลัยสู่แดนดิน" ท่องช้าๆ ๆ แล้วแผ่เมตา บารมี และบุญกุศลของเราที่ทำมาค่อยๆ ออกไปไกลแสนไกล จะทำให้จิตนิ่งเร็วมากกว่าปกติครับ ผมลองทำในเวลาที่เครียดจากงาน จากการขับรถติดนานๆ พอจิตว่าง หายเหนื่อยครับ ทำให้เราชุ่มชื่นเบิกบาน จากบุญกุศลและเมตตาที่เราแผ่ให้ผู้อื่นเป็ฯสุขไปนั่นเอง

 

ขอเพิ่มเติมนิดนึง เคยทดลองให้ลูกสาว 5 ขวบ นั่งสมาธิ โดยเริ่มจากการกำหนดสิ่งที่เห็นทุกวันและจำง่าย โดยให้ลูกสาวลองกำหนดนึกถึงลูกชิ้นปิ้ง แล้วผมก็นับ 1 ไปเรื่อยๆ หัดทุกวัน จนลูกสาวนั่งได้นานขึ้น และเห็นภาพนิมิตรได้ สำหรับแฟนที่เป็นคริสต์ ภาพของพระพุทธอาจจะประดักประเดิดไปบ้างเพราะไม่คุ้นเคยมาก่อน ควรกำหนดเริ่มต้นจากการนึกถึงสีของดอกบัวหรือดอกไม้ต่างๆ (กสิณสี) ก็น่าจะไปได้ครับ เมื่อจิตทรงกำลังตั้งมั่นแล้ว ค่อยฝึกอย่างอื่นยังไม่สายครับ
ต้องขออนุญาตตอบตามที่ทดลองฝึกมา ซึ่งอาจจะต่างกับของคุณครูท่านอื่นที่ชำนาญการสอนมโนยิทธิของหลวงพ่อที่ได้กรุณาเป็นครูอาจารย์ถ่ายทอดการฝึกมา ณที่นี้ด้วยครับ ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยจิตจริงๆ ครับ แต่ทางสำเร็จมีหลายทาง ยากบ้าง ง่ายบ้าง แล้วแต่วาสนาบารมีและความมีอิทธิบาท 4 ของแต่ละบุคคล อย่าท้อครับ คุณพ่อขาวแม่ขาวบ้านนอก อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ไม่รู้ว่าพุทโธ คืออะไร ครู อาจารย์สั่งให้ท่องทุกลมหายใจเข้าออก ทุกวันๆ ท่องทั้งที่ไม่รู้ว่าท่องทำไม ท่องแล้วได้อะไร วันนึงเมื่อจิตรวมกับพลิกจิตให้รู้เห็น ได้อภิญญาต่างๆ นานาก็เยอะ ลองถามคุณแม่ชีณัฐทิพย์ในเวบนี้ ก็ได้ ท่านเป็นคนอยุธยา แต่ก่อนบู๊จะตายไป เดี๋ยวนี้สบายมาก คุยทางโทรศัพท์ฟันเราเป็นท่อนๆ เลย

 

ยังไม่เคยฝึก อยากไปแต่ไม่มีเพื่อนไปเลย แฟนก็ไม่ไห้ไปไม่รู้ชวนไปด้วยจะไปไหมแค่ไห้นั่งสมาธิด้วยกันยังยากเย็นยอมนั่งแค่ครั้งเดียวจนเราขี้เกียจชวนแล้ว
อยากฝึกครับ ทุกวันนี้ก็ฝึกแต่นั่งสมาธิเดี๋ยวนี้นั่งได้40นาทีแล้ว
อยากฝึกครับ ถ้าไปไม่ได้ สอนตรงนี้ได้ไหมครับเริ่มต้นเลยไม่ก็เปิดกระทู้ไห้ไหม่เลยก็จะดีมากครับคิดว่ามีอีกหลายคนที่อยากฝึกแต่ไม่มีโอกาสไป
ผมไม่อยากรบกวนหลอกครับ แต่ติดตามเรื่องมโนมยิทธิมามานละอยากไปแต่ไม่ได้ไปฝึกสักที อยากเริ่มก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร
ก็ขอความกรุณาท่านทั้งหลายช่วยแนะนำด้วยเถิดครับ ตั้งแต่เริ่มต้นเลยทำอย่างไรครับ คิดว่ายังมีอีกหลายคนที่เป็นเหมือนผม
ขอบคุณมากครับ

 

คุณ Damrong คะ
จะตอบให้ในกระทู้นี้หละค่ะ แต่ตอนนี้ยุ่งมาก จะต้องเดินทางไปสอบสัมภาษณ์ ที่ ซอลท์ เลค ซิตี้ และต้องจัดทำเอกสารมากมาย ไว้กลับมาอาทิตย์หน้า จะตอบให้นะคะ คงไม่ช้าเกินไปนะคะ และจะฝากให้ครูท่านอื่น่เข้ามาช่วยตอบค่ะ

 

ขอตอบคุณ Damrong
1 ยังไม่เคยฝึก อยากไปแต่ไม่มีเพื่อนไปเลย แฟนก็ไม่ไห้ไปไม่รู้ชวนไปด้วยจะไปไหมแค่ไห้นั่งสมาธิด้วยกันยังยากเย็นยอมนั่งแค่ครั้งเดียวจนเราขี้เกียจชวนแล้ว <O></O>
นี่ขอโมทนากับความดีที่ต้องการสร้างค่ะ<O></O>

2. อยากฝึกครับ ทุกวันนี้ก็ฝึกแต่นั่งสมาธิเดี๋ยวนี้นั่งได้40นาทีแล้ว<O></O>
<O> </O>
การเตรียมตัวก่อนการฝึกมโนมยิธธิ หรือขณะอยู่ที่บ้าน ด้วยตัวเอง<O></O>
1. การศีล ให้เป็นปกติ<O></O>
2. การภาวนา ว่า นะ มะ พะ ธะ ซึ่งเป็นคำภาวนาที่ใช้เฉพาะการฝึกมโนมยิทธิซึ่งหมายถึง พระนามของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ (ซึ่งการภาวนานั้น อาจทำได้โดยการอาสมาทานศีล สามทานพระกรรมฐาน และนั่งสมาธิภาวนาด้วยคำว่า นะ มะ พะ ธะ หายใจเข้าว่า นะมะ หายใจออก ว่า พะ ธะ) <O></O>
3. พอใจสบาย มีสมาธิ ให้เริ่มต้นใช้ปัญญาพิจารณาร่างกายเรา (ตามคำสอนของหลวงพ่อ ที่มีในหนังสือกรรมฐาน 40 ) <O></O>
4. ทำให้เราตัดกิเลสไปเรื่อย ๆ จนจิตใจสบายขึ้น เบา และรู้สึกจิตใจแจ่มใส<O></O>
5. เมื่อเสร็จสิ้นการปฏิบัติพระกรรมฐานแล้ว ควรอุทิศส่วนกุศลด้วย <O></O>
6. ในระหว่างวัน คือ เวลากลางวัน ถ้าทำได้ ให้ภานาไว้ตลอดเวลา หรือเท่าที่ทำได้ในวันหนึ่ง ๆ อันนี้จะช่วยให้กำลังการฝึกนั้นเข้มแข็ง <O></O>
7. การแนะนำนี้อาจดูเหมือนธรรมดา ใครก็ทำได้ ก็จริง แต่เป็นการฝึกความเข้มแข็งของสมาธิจิต ส่วนการเริ่มต้นฝึกมโนมยิธิ อยากให้ทำความเข้าใจในข้อ 3 ก่อนค่ะ<O></O>
8. การนั่งได้นานหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย นะคะ คือ การนั่งได้นานและมีสมาธิต่อเนื่องเป็นสิ่งที่ดี ควรทำ แต่ถ้าวันใดร่างกายคนเราไม่แน่นอน ไม่เหมือนกันทุกวัน ซึ่งอาจเหนื่อย อ่อนเพลีย และทำให้ไม่มีสมาธิ อันนี้ก็เป็นได้เหมือนกันและก็ต้องหาวิธีแก้ไขต่อไป เช่นถ้านั่งไม่ได้นาน ก็อาจใช้เวลาก่อนนอนภาวนาจนหลับไป อันนี้ทำได้เช่นกัน ถ้าวันใดเราเกิดอาการแบบนี้ก็อย่าโทษตัวเองว่าไม่ดี นะคะ เพราะการปฏิบัติธรรมไม่ได้เป็นการทำสถิตินะคะ แต่เป็นการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ <O></O>

3. อยากฝึกครับ ถ้าไปไม่ได้ สอนตรงนี้ได้ไหมครับเริ่มต้นเลยไม่ก็เปิดกระทู้ไห้ไหม่เลยก็จะดีมากครับคิดว่ามีอีกหลายคนที่อยากฝึกแต่ไม่มีโอกาสไป<O></O>
ก่อนอื่นอาจต้องทำความเข้าใจกับการฝึกพระกรรมฐานก่อนนะคะ เพราะการฝึกกรรมฐานมีหลายแบบด้วยกัน หากเป็นแบบสุขวิปัสโก คือ การใช้ศีล สมาธิ ปัญญา โดยไม่ต้องถอดจิตไปในที่ใด หรือรับรู้สิ่งใด การเปิดกระทู้ก็อาจจะทำได้ตามเทคโนโลยีที่ทันสมัย <O></O>
การฝึกแบบที่สองคือ เตวิชโช ส่วนการฝึกมโนมยิทธิ เป็นแบบที่ 3 คือเป็นหนึ่งในอภิญญสมาบัติ หลวงพ่อท่านบอกว่า การฝึกเฉพาะวิชามโนมยิทธิ นี้ มีมากกว่า 500 วิธี ด้วยกัน การฝึกที่วัดท่าซุง หรือ ซอยสายลม ก็เป็นวิธีหนึ่ง ที่หลวงพ่อเห็นว่าฝึกแล้วได้ผลดี ส่วนแบบที่สี่คือปฎิสัมภิทธปัตโต<O></O>
ทีนี้การได้รับการฝึกแบบนี้ จึงต้องการแนะนำ ผู้สอน หรือเราเรียกกันง่าย ๆ ว่า

 

ขอตอบคุณ Damrong แทนครูปานนะคะ
<O
ปัญหาของคุณคือ อยากไปฝึก แต่ว่าชวนเพื่อนและแฟน ก็ไม่มีใครไปด้วยนะคะ
<Oแถมแฟนยังชอบไม่ให้ไปด้วย<O

ก่อนอื่นนะคะ คุณต้องถามตัวเองก่อนว่า ที่เราตั้งใจมาฝึกพระกรรมฐานนี้เรามีความปรารถนาอย่างไร เช่นปฏิบัติเพื่อบูชาองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์หรือว่า ปฏิบัติเพื่อให้เป็นนิสัย หรือปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพานอันนี้ต้องถามตัวเองก่อนค่ะ
<O
เมื่อได้คำตอบแล้ว ก็รู้ต่อไปว่า การปฏิบัตินี่ พระพุทธองค์ท่านทรงสอนไว้ว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ค่ะ เพราะอะไร เพราะว่า คนเรานี่ เวลาเกิดมา เราก็มาคนเดียวเวลาตาย เราก็ตายคนเดียว ไม่มีใครเค้าอยากจะมาตายกับเรา
ฉะนั้น เราเอง ก็ไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไร เวลาก็ไม่เคยคอยใคร ถ้าเรามัวคอยคนอื่นเราเองก็จะเป็นผู้เสียหายนะคะ สรุปว่า ความดีนี่เปรียบเสมือนอาหาร เราทานเองได้แต่แนะนำคนอื่นแล้ว เค้าไม่ทานก็เป็นเรื่องของเค้าพระพุทธองค์ยังไม่ทรงชักชวนใครมาปฏิบัติเลยนะคะ พระองค์เป็นแต่เพียงผู้บอกค่ะฉะนั้น จึงสำคัญที่กำลังใจของคุณเองว่า จะมีกำลังใจที่จะปฏิบัติให้ตัวเองหรือทำเพื่อตัวเองแค่ไหนนะคะ

<O</Oทีนี้ก็มาเรื่องที่ถามว่า จะสอน"มโนมยิทธิ" กันที่กระดานนี้ได้ไหม
ก็ขอตอบว่าไม่ได้หรอกค่ะ เพราะว่า "มโนมยิทธิ" นี่เป็นอภิญญา ต้องมีการสอบอารมณ์ผู้ฝึกนะคะและต้องใช้เวลาในการฝึกค่ะ คุณอาจซื้อเทป หรือซีดี ที่หลวงพ่อท่านแนะนำด้านโมนมยิทธิ ก็ได้ หรืออาจจะฝึกแบบอื่น ๆ ก็มีหนังสือหลวงพ่อ คือ "กรรมฐาน 40"ซึ่งคุณสามารถเลือกหัวข้อปฏิบัติได้ตามสะดวกค่ะ
<O
คุณขอคำแนะนำสำหรับผู้ที่จะฝึก "มโนมยิทธิ" ก็ขอแนะนำดังนี้นะคะ
คือกำหนดรู้ลมหายใจ เข้า-ออก เวลาหายใจเข้า ก็รู้อยู่ว่าหายใจเข้า เราก็นึกว่า "นะมะ"
เวลาหายใจออก ก็รู้ว่าหายใจออก ก็นึกว่า "พะทะ"
คือ หายใจเข้าว่า นะมะหายใจออก ก็ว่าพะทะ ทำแบบสบาย ๆนะคะ ทำได้ทั้งวัน และทุกอิริยาบถไม่ว่า นั่ง เดินยืน นอน หรือแม้แต่เข้าห้องน้ำนะคะเพราะว่าเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราในเวลาไหนค่ะ
<O
ถ้าหากว่าไม่ภาวนา ก็ให้ใช้การพิจารณาเข้ามาเพื่อรักษาจิตให้สะอาดโดยสามรถพิจารณาหัวข้อใด หัวข้อหนึ่งในกรรมฐานก็ได้ เช่นมรณานุสสติกรรมฐาน คือ คิดว่าสัตว์โลกเกิดมาเท่าไรก็ตายทั้งหมด หรือ กายคตาร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเราเวลามีชีวิตอยู่ ก็ไม่มีอาการทรงตัว มีความทุกข์มาก มีความเสื่อมเป็นนิจและก็ต้องพัง เสื่อมสลายไปทั้งหมด และ.........ตามแต่จะถนัดนะคะ
<O
<O</O
ทีนี้ก็เพิ่มศีล 5 ข้อ เข้าไป ศีล 5 นี้ สำคัญมากสำหรับผู้ปฏิบัตินะคะ เพราะศีลช่วยให้การปฏิบัติของเราไม่เสื่อม และสามารถปิดประตูอบายภูมิให้แก่เราด้วยอันได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน แปลว่า ถ้าเราตายพระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า เราจะไม่ไปอยู่ในดินแดนเหล่านี้เพราะว่าเราหยุดการเบียดเบียนผู้อื่น ทั้งกาย วาจา และใจ นั่นเองค่ะซึ่งมีผู้ฝึกหลายคนนะคะ คิดว่าทำยาก แต่ความจริงแล้ว คนเรานี่วัน ๆ นะคะโอกาสผิดศีลนี่มีน้อยกว่าค่ะ เพราะเราไม่ได้ทำผิดศีลอยู่ตลอดเวลา เช่นข้อสุรานี่เราก็ได้ได้ดื่มตลอดใช่ไหมคะ ฉะนั้นขอให้เราทุกคนตั้งใจรักษาศีล 5 ข้อให้บริสุทธิ์นะคะ
<O
ถ้าหากคุณยังมีอะไรสงสัย ก็ถามได้นะคะ ครูยินดีเสมอค่ะ
<O
ครูต้องขอขอบคุณผู้ที่ทำเวปไซด์นี้ และกระดานนี้ขึ้นมานะคะ ขอโมทนาในธรรมทานซึ่งพระพุทธองค์ทรงยกย่องว่าเป็นทานอันประเสริฐ กับคณะผู้จัดทำทุกท่านด้วยค่ะ

<Oครูปู<O

 

แผ่เมตตา ให้สุดกู่ แล้วดำรงสติให้มั่น แล้วจิตจาเยือกเย็นรวมลง ก็ถึงเวลาเดินทาง ผมใช้วิธีนี้ก็ทำได้เหมือนกัน แต่เหนื่อยเพราะไม่ได้กำลังจาก สมาธิ อย่างที่คนฝึกดีแล้ว ลอง ๆ ดูครับเผื่อคนที่ยัง ไม่สัมผัสจะเกิดศรัทธาบ้าง ผมเอง รู้สึกสังเวช เพราะมารู้ตัวเอง ว่าเรามีวิญญาณ นี้แหล่ะ ไม่รู้ว่าทำถูกวิธีหรือเปล่านะครับ เผื่อจาเป็นประโยชน์บ้าง

 

ต้องขอบคุณ คุณ Kanang ด้วยค่ะ
คุณ Kanang ได้มโนมยิทธิ ตั้งแต่อายุ 13 หรือ 14 ปี และเริ่มช่วยสอนตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ตอนนี้ภารกิจเธอมาก จนไม่มีเวลา

แต่เมื่อฝาก ทั้ง "ครูปู" และ คุณ Kanang ก็ปลีกเวลามาช่วยตอบให้
ขออนูโมทนาด้วยค่ะ

 

จากที่อ่านคนสนธนาธรรมที่ผ่าน ๆ มา เกี่ยวกับมโนมยิทธิ อย่าจะเรียนทำความเข้าใจในบางประเด็นนะคะ คือ
"โนมยิทธิ" เริ่มจาก อุปจารสมาธิ
หมายความว่า การเริ่มต้นของมโนมยิทธิ เริ่มจากวิชชาสาม คือ "ทิพย์จักขุญาณ" (หลวงพ่อแปลว่า มีความรู้สึกทางใจคล้ายตาทิพย์ ไม่ใช่ลูกตาเป็นทิพย์) และทิพย์จักขุญาณ นี้ ใช้แค่อุปจารสมาธิ

แต่การเคลื่อนไปของจิต หลวงพ่อท่านบอกว่า จะไปด้วยกำลังของฌาน 4 อันนี้เป็นอภิญญาสมาบัติ ฌาน 4 นั้น มี 3 ระดับ คือ อย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด แต่ละคนได้ไม่เสมอกัน

เมื่อนั่งแล้วรู้สึกเป็นเหน็บ หรือขาชา นั่นเป็นสภาพปกติของร่างกาย ร่างกายคนเราถ้าไม่ขยับ ก็จะมีสภาพเป็นทุกข์ อันนี้เราฝืนไม่ได้ ปวดเมื่อยก็ให้ขยับท่าทางนั่งได้

ส่วนการที่ไม่รับรู้อาการทางกายว่าปวดเมื่อย นั่นเป็นเพราะขณะนั้น จิตของท่านเข้าสู่ฌาน 4 อย่างละเอียด จิตจะแยกกับกายโดยเด็ดขาด จึงไม่รับรู้อาการทางกายเป็นการชั่วคราว แต่ไม่ได้หมายความว่า ร่างกายมันไม่ปวดเมื่อยนะคะ

จิตของคนเราไม่ได้มีกำลังทรงตัว ดังนั้น แม้จะอยู่ในฌาน 4 แต่ก็อาจเป็นฌาน 4 ละเอียดบ้าง ไม่ละเอียดบ้าง ก็ยังรับรู้อาการทางกายเป็นระยะ ดังนั้น ถ้าเมื่อย ก็อย่าฝืนเลยค่ะ ปรับท่าทางการนั่ง พลิกซ้าย พลิกขวา ในท่าที่เคารพต่อการเจริญพระกรรมฐาน เพื่อไม่ให้ร่างกายไปกวนสมาธิจิตของเรา เพราะคนเรา ฝืนร่างกายนั้น ฝืนไม่ได้ ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของ ๆ เรา เราจะบอกไม่ให้เมื่อยขบ ก็สั่งไม่ได้หรอกค่ะ

จงอย่าคิดว่า การนั่งแล้วไม่รู้สึกเมื่อย แปลว่าเราเก่ง หรือ รู้สึกเมื่อย แปลว่าเราไม่เก่ง ไม่เกี่ยวกันค่ะ กายก็กาย จิตก็จิต คนละส่วนกันนะคะ

 

ต้องการฝึกสมาธิ ไม่รู้ว่าควรใช้วิธีไหนจึงจะเป็นได้เร็ว

 

พรุ่งนี้มีฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลมมั้ยคะ
ไม่เข้าใจคำว่าเสาร์อาทิตย์ต้นเดือน เลยไม่แน่ใจว่าเป็นอาทิตย์ที่แล้ว
หรือว่าอาทิตย์นี้

 

พรุ่งนี้ไม่มีฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลมครับ จะมีการฝึกในวันเสาร์อาทิตย์
ที่พระจากวัดท่าซุงท่านมารับสังฆทานที่บ้านสายลมทุกสุดสัปดาห์ต้นเดือน
ลองไปดูปฏิทินที่เมนูด้านบนของเว็ปนี้นะครับ เขาจะบอกวันที่ไว้ด้วย
ว่าวันไหนที่พระท่านมาจากวัดท่าซุง

 

ขอบคุณมากค่ะ..
หาปฏิทินไม่เจอ แต่ไม่เป็นไรค่ะ..

 

ทราบมาจาก "ครูปู" ว่า เดือน พฤศจิกายน นี้ เข้าใจว่า งดการฝึกมโนมยิทธิ นะคะ เพราะน้ำท่วมวัดอยู่ค่ะ

 

คืออยากจะถามว่า ในจังหวัดขอนแก่นเนี่ยมีที่ให้ฝึกหรือป่าวคะ อยากจะฝึกแต่ถ้าไปกรุงเทพก้อไกลอ่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

ดิฉันเคยไปฝึกมาแล้วหนึ่งครั้งแต่ไม่ได้ กลับมาบ้านไม่รู้จะทำอย่างไร ถึงจะฝึกได้ จะปฏิบัติอย่างไร ลูกสาวก็ไปพร้อมกันฝึกได้ ที่บ้านมีรูปหลวงพ่อ ลูกสาวอัญเชิญท่านมาโปรดของพร ให้ท่านพาไปกราบพระพุทธเจ้า ทำอยู่แค่นี้ไม่เข้าใจว่าจะทำอย่างไรต่อ ดิฉันให้ลูกช่วยแนะนำเขาก็ทำไปเป็นเพราะเคยไปฝึกที่บ้านสายลมทีเดี๋ยว ผู้รู้ช่วยแนะนำผู้มีปัญญาน้อยเข้าใจยากด้วย ขอโมธนา

 

ผมอยากไปฝึกที่บ้านสายลม ไม่ทราบว่าเดือนธันว่าจะมีการจัดฝึกป่าว เราจะรู้ได้ไงครับโทรไปมีแต่เสียงตอบรับอัตโนมัติ