หลวงปู่พิบูลย์ถูกถ่วงน้ำไม่ตาย

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย มากับพระครับ, 26 ตุลาคม 2009.

  1. ratsung

    ratsung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2007
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,354
    นั่งรอฟังครับ ไม่เคยรู้จักท่านเลย นับว่าวันนี้โชคดี
     
  2. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    ยังมีพระเกจิหรือพระอริยะสงฆ์เรืองอภิญญาอีกมากมายที่เราไม่รู้จัก บางองค์ท่านซ่อนอยู่รอผู้มาเปิดเผย แต่แปลกอยู่อย่างหนึ่งท่านเหล่านี้มักดังช้า แต่พระที่มีนายทุนโปรโมทดังเร็วเพราะกำลังเงินทุนมหาศาลในการประชาสัมพันธ์ คนเช่าก็เหมือนแมงเม่าวิ่งเข้าไปกันเพียบ แต่คนท้องถิ่นไม่เอา ถ้าเอาก็เอาไว้ขายทำกำไร และไม่ยอมแขวนเลย เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นมาอย่างไร
     
  3. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    ต่อครับ

    ในขณะที่จำพรรษาอยู่ที่วัดเชียงงามมีหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อเถิกเป็นคนหัวดื้อ เรียนวิชาอาคมมา (เดียรฉานวิชา)คือวิชาควายธนู เป็นคนเกะกะระรานชาวบ้าน หลวงปู่จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนนายเถิกเกิดความไม่พอใจจึงโกรธจัด ครั้งหนึ่งขณะที่หลวงปู่กำลังบำเพ็ญภาวนาอยู่นายเถิกได้ปลอยควายธนูหวังจะฆ่าหลวงปู่เพราะความโกรธแค้นควายธนูของนายเถิกได้วิ่งรอบตัวหลวงปู่แต่ทำอะไรไม่ได้หลวงปู่จึงเอากระโถนครอบควายธนูนายเถิกไว้ต่อมาวันรุ่งเช้า หลวงปู่ออกบิณฑบาตก็เห็นชาวบ้านกำลังทำโลงศพใส่นายเถิกซึ่งชาวบ้านบอกว่าไหลตายตั้งแต่ตอนตีสองเมื่อคืนนี้หลวงปู่จึงบอกว่าไม่ต้องทำโลงศพหรอก ให้นายเถิกกินน้ำมนต์หลวงปู่ก็ฟื้นแต่ต้องให้หลวงปู่ ฉันภัตตาหารก่อน ให้เอาขัน 5 ขัน 8 มาให้พอหลวงปู่ได้ขันดอกไม้และเทียนเป็นขัน 5 ขัน 8 แล้วหลวงปู่จึงทำน้ำมนต์แล้วให้ชาวบ้านเอาไปกรอกปากนายเถิกนายเถิกจึงฟื้นขึ้นมาและได้ขอบวชกับหลวงปู่และเป็นผู้ติดตามหลวงปู่
     
  4. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    ออกพรรษาแล้วหลวงปู่ก็ได้เดินทางไปยังทิศเหนือของอำเภอหนองหาน จนถึงห้วยดาน ได้พบจารย์มีเป็นคนแรก จึงถามว่าอีกไกลไหมจึงจะถึงบ้านไท และจารย์มีจะไปไหน จารย์มีตอบว่าอีกไม่ไกลหรอก ตอนนี้กำลังออกตามหาควาย เพราะควายหายไปหลายวันแล้ว หลวงปู่ก็บอกว่า บ่ต้องไปหามันดอก สีนวดเอามันก็แล่นตาม (ภาษา อีสานใจความว่า ไม่ต้องไปตามหาหรอกสีนวดเอาควายก็จะวิ่งตามาเอง ) ให้มารับเอาบริขารหลวงปู่ไปทีบ้านไท จารย์มีก็เลยพาหลวงปู่ไปที่บ้านไท ซึ่งก็เป็นที่อัศจรรย์เมื่อหลวงปู่กับจารย์มีเดินข้ามห้วยหลวงมาถึงห้วยมันปลา ก็ปรากฏว่าฝูงควายที่พ่อจารย์มีตามหาอยู่หลายวัน วิ่งตามมาจริง ๆ หลวงปู่ก็เลยบอกว่ามันตามมาแล้ว จารย์มีจึงเริ่มเห็นอภินิหารของหลวงปู่ พอไปถึงบ้านไท หลวงปู่จึงได้ถามชาวบ้านว่ามีวัดเก่าไหมแถวละแวกนี้ ชาวบ้านก็บอกว่า มีแต่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ผู้คนเข้าไปไม่ได้แม้แต่จะปัสสาวะก็ไม่กล้าหันหน้าไปทางนั้น ถ้าใครไม่เชื่อจะมีอันเป็นไปถึงตาย หลวงปู่บอกว่าไม่เป็นอะไรหรอกเพราะเจ้าของมาแล้ว จากนั้นหลวงปู่จึงได้ชักชาวบ้านเข้าไปดูในวัด ซึ่งมีสภาพเป็นป่าดอกไม้สีแดง มีซากปรักหักพัง ของโบสถ์วิหาร ภายในวิหารมีแท่นพระใหญ่ แต่ไม่มีพระพุทธรูป มีต้นแดง ต้นใหญ่อยู่ใกล้ ๆ หลวงปู่จึงตั้งชื่อว่า วัดพระแท่น ตามแท่นพระใหญ่ และชาวบ้านไทแผ้วถางได้ประมาณ 6 ไร่ และชาวบ้านได้พากันบริจาคหญ้าสำหรับมุงหลังคา เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้หลวงปู่เมื่อวันอังคาร แรม 8 ค้ำ ปีชวด พ.ศ. 2443 ( 16 ตุลาคม 2443 ) ด้วยไพหญ้าคา 34 ไพ หลังจากนั้น หลวงปู่ก็ได้พาชาวบ้านไทพัฒนาวัดพระแท่น และได้วางผังเมือง ใหม่แล้วชักชวนชาวบ้านไทให้มาอยู่ที่แห่งใหม่ โดยตั้งชื่อว่า บ้านแดง ตาม นามต้นไม้แดงใหญ่และหนองแดง หลวงปู่ได้พาชาวบ้านพัฒนาทั้งวัดและบ้านใครมีเรื่องเดือดร้อนอะไร หลวงปู่ก็จะช่วยเหลือหมด จนกระทั้งชื่อเสียงของหลวงปู่เลื่องลือไปไกล มีราษฏรจากหลายจังหวัด อพยพครอบครัวมาอยู่ กับหลวงปู่จึงได้พาชาวบ้านสร้างศาลาใหญ่ขี้น โดยเลือกเอาเฉพาะไม้แดง ไม้ตะเคียน ไม้ปะดู่ ไม้เต้ง หลวงปู่พาชาวบ้านสร้างศาลาใหญ่ทั้งวันทั้งคืนกลางวันก็ผลัดคนแก่ กลางคืนคนหนุ่มสาวช่วยไปลากไม้โดยหลวงปู่ทำเป็นเกวียนหลังใหญ่ ให้หนุ่มสาวไปลากไม้มาทีละ 4-5 ท่อน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลวงปู่พาชาวบ้านไปตัดต้นตะเคียนยักษ์ ที่ริมห้วยหลวงแต่ไม้กลับล้มลงไปในห้วยหลวง น้ำลึกประมาณ 3-4 เมตรไม่มีใครกล้าลงไปตัดหลวงปู่จึงดำน้ำลงไปตัดคนเดียว ประมาณ 2 ชั่วโมง หลวงปู่ก็เอาไม้ตะเคียนใหญ่ขนาดวัดรอบ 3 วา 2 ท่อน ยาวท่อนละ 12 ศอก โดย ที่ผ้าสบงจีวรไม่เบียกน้ำ
     
  5. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    ต่อมาสร้างวัดเสร็จแล้วหลวงปู่ก็พาชาวบ้านสร้างที่พักอาศัยให้ชาวบ้านมาขออยู่รอบวัดทางทิศตะวันออกหลังใหญ่ 1 หลัง ทำมีด ทำจอบ ทำเสียมไว้เป็นกองทุนคอยแจงจ่ายชาวบ้านที่มาขอพึ่งใบบุญ และทำธนาคารข้าวธนาคารโคกระบือไว้คอยแจกจ่ายแก่คนยากจนและได้บอกกับชาวบ้านว่าบ้านแห่งนี้จะเห็นเมืองในอนาคต จึงชักชวนชาวบ้านวางผังเมืองโดยแบ่งสถานทีราชการในอนาคตไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปอยู่ ส่วนที่อยู่บ้านก็แบ่งเป็นคุ้มๆ ให้อยู่อย่างมีระเบียบจนถึงปัจจุบัน และการห่มจีวรของพระภิกษุสามเณรให้ห่มเหมือนพระอุปัชฌาย์บวชให้ ( นิกายเดิม) จนทำให้ทางราชการบ้านเมืองคณะสงฆ์เข้าใจผิดคิดว่าหลวงปู่เป็นกบฏซ่องสุมอาวุธจึงได้จับหลวงปู่นำไปถ่วงน้ำที่เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี นานถึง 7 วัน 7 คืนคิดว่าคงมรณภาพแล้วจึงได้นำขึ้นมา แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งเพราะหลวงปู่ยังไม่มรณภาพและผ้าสบงจีวรที่หลวงปู่นุ่งก็ไม่เปียกน้ำจึงทำให้ทางราชการเกิดความศรัทธาจึงนิมนต์ให้อยู่ที่นั่นนานถึง 3 ปี จึงส่งหลวงปู่กลับวัดพระแท่น บ้านแดง
     
  6. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    ด้วยความศรัทธาของชาวบ้านเมื่อทราบข่าวว่าหลวงปู่กลับมาก็พากันดีอกดีใจ จึงขอบวชชีพราหมณ์ให้ฝ่ายพระสงฆ์บอกว่าผิดกฏหมายของสงฆ์จึงนำตัวหลวงปู่ไปอีกครั้งโดยนำไปไว้ที่วัดโพธิสมภรณ์เจ้าคณะมณฑลอุดรขณะที่อยู่วัดก็ถูกบังคับให้สึกไม่ให้บิณฑบาตแต่หลวงปู่ไม่ทำตามและยังมีราษฏรที่มีความศรัทธา นำเอาเงินทองไปถวายไม่ขายระยะขณะอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์ 15 พรรษา ได้สร้างกุฏิ 55 หลัง และฉางข้าว 2 หลังเงินที่ได้รับบริจาคยังให้ลูกศิษย์ คือหลวงโชติ (ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว อายุได้85 ปี ) ได้ซื้อโคกระบือ แจกจ่ายชาวบ้านอยู่ตลอดเวลาครั้นหนึ่ง ที่กุดแห่บ้านนานกหงส์ได้มีฝูงจระเข้เข้าอยู่อาศัยในหนองน้ำมีมากมายจนชาวบ้านไม่กล้าลงไปทำมาหากินในหนองน้ำ จึงนิมนต์หลวงปู่ไปปราบให้หลวงปู่จึงพาชาวบ้านไปถึงกุดแห่ ก็ทำพิธีกรรม เสร็จแล้วก็ถือเทียนและแส้ลงไปในน้ำหลวงปู่บอกชาวบ้านว่าอยากเห็นเรือทองคำไหมเมื่อชาวบ้านบอกว่าอยากเห็นหลวงปู่ก็ล้วงมือลงไปในน้ำแล้วจับเรือทองคำยาวปะมาณ 3 เมตรขึ้นมาเมื่อชาวบ้านเห็นเรือทองคำแล้วก็ปล่อยลงไปในน้ำเหมือนเดิมแล้วหลวงปู่ก็ดำน้ำลงไปนานประมาณ 1 ชั่วโมง ชาวบ้านเห็นน้ำขุ่นมัวไปหมดพอหลวงปู่ขึ้นมาก็เป็นที่น่าอัศจรรย์เพราะเทียนที่หลวงปู่ถือดำน้ำลงไปยังไม่ดับและสบงจีวรก็ไม่เปียก
     
  7. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    หลวงปู่บอกว่าอีก 7 วัน ก็ให้ชาวบ้านลงไปหาปลาได้ซึ่งตั้งแต่นั้นมาหนองน้ำแห่งนี้ไม่ปรากฏว่ามีจระเข้อีกในครั้งที่เกิดสงครามอินโดจีน ฝรั่งเศสมาทิ้งระเบิดที่นาเกลือหลวงปู่สามารถบอกได้ว่าวันนี้จะมีการทิ่งระเบิดที่ไหน กี่ลูก หลวงปู่ก็รู้หมดแต่หลวงปู่บอกว่าอย่าตกใจ เพราะลูกระเบิดไม่ระเบิดก็เป็นจริงดังหลวงปู่ว่าทุกประการ ต่อมาในปี พ.ศ. 2489 หลวงปู่ก็อาพาธด้วยโรคชราภาพมีลูกศิษย์ คอยดูแลรักษาปรนนิบัติ เป็นต้นว่า หลวงปู่หนู หลวงปู่โชติพร้อมญาติโยมตอนที่หลวงปู่จะมรณภาพนั้นก็บอกให้ลูกศิษย์ออกไปข้างนอกและให้ปิดประตูเวลา 5 ทุ่ม ปรากฏว่าได้มีแสงสว่างเหนือกุฏิลูกศิษย์จึงได้เปิดประตูเข้าไปและพบว่าท่านมรณภาพแล้ว หลวงปู่พิบูลย์ได้มรณภาพในท่าสหไสยาสน์ สิริรวมอายุได้ 135 ปีบรรดาลูกศิษย์เมื่อทราบข่าวจึงพากันมาขอรับศพกลับคืนวัดพระแท่นบ้านแดงแต่เกิดปัญหาก็เลยต้องขอความร่วมมือทางข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เคารพศรัทธาในตัวท่านช่วย ชาวบ้านและลูกศิษย์จึงได้นำศพคืนโดยชาวบ้านนำเกรียนมา 100 เล่ม แห่ศพหลวงปู่คืนที่วัดพระแท่นและได้บรรจุศพหลวงปู่ไว้นานหลายปีต่อมาเจ้าอธิการคำพันธ์คันธะโร ได้พาชาวบ้านสร้างเจดีย์เสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2504 จึงได้ทำพิธีเผาศพ เมื่อปี พ.ศ. 2504 และในพิธีเผาศพก็ได้เกิดเหตุมหัศจรรย์ เช่นไฟไหม้กงเกวียนที่บรรจุศพของท่านต้องใช้น้ำรดตลอด เป็นต้นแสดงว่าคำทำนายของหลวงปู่ถูกต้องหมดทุกอย่างตามที่ทำนายและวางผังไว้ทุกประการ
     
  8. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    สรุปการมรณภาพ

    มรณะเมื่อวันขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๓ พ.ศ. ๒๔๘๙ ณ วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. ๒๕๐๔ เผาศพจึงเก็บอัฐินำมาบรรจุที่เจดีย์
     
  9. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    นี่ครับรูปหลวงปู่โชติ ศิษย์หลวงพ่อพิบูลย์

    [​IMG]
     
  10. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    มหาโพธิสัตว์ ผู้มีกงจักร ในฝ่ามือฝ่าเท้านี่การันตีได้ว่าสุดยอดของเนื้อนาบุญครับ ยุคนึงก็จะมีเพียงองค์เดียวที่จะนำเอาสัญญลักษณ์สำคัญติดฝ่ามือฝ่าเท้าลงมา

    ในยุคปัจจุบันนี้ก็มีอยู่คนนึงที่ฝ่าเท้าเป็นกงจักรแต่ยังเป็นฆราวาสใช้วิบากกรรมอยู่ครับ หากท่านบวชเมื่อไหร่ก็คงจะเป็นพระเกจิสำคัญอีกรูปนึงของเมืองไทย

    ผมก็เก็บเหรียญขอหลวงพ่อพิบูลย์ ไว้หลายเหรียญเช่นกัน สายภูเขาควายนี่สายตรงของผม ครับ
     
  11. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    คนส่วนกลางไม่รู้จักท่านและแทบไม่ให้ความสนใจเลยก็ว่าได้ ดูได้จากจำนวนผู้เข้าชมประวัติท่าน ผมถึงบอกว่าคนส่วนกลางที่คิดว่าตัวเองฉลาดอยู่ใกล้ข้อมูลข่าวสารคือคนที่โง่ที่สุดเพราะบริโภคแต่ข่าวที่เขาตั้งใจปล่อยออกมาเพื่อประโยชน์ของนักลงทุน
     
  12. ซักวันจะคิดออก

    ซักวันจะคิดออก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,556
    ค่าพลัง:
    +6,328
    ถูกต้องเลยครับ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
     
  13. ratsung

    ratsung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2007
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,354
    ถ้าเป็นของจริงยังพอว่า แต่ตั้งใจมาหลอกนี่ซิ....สุดๆ
     
  14. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    แปลกศิษย์สายหลวงปู่พิบูลย์อายุยืนเกือบทุกองค์
     
  15. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    ลองมาดูความศรัทธาของคนอุดรดูครับ

    หลวงพ่อพิบูลย์ หลวงปู่ชมเป็นผู้สร้าง 2507 เหรียญรุ่นแรกหยดน้ำ เนื้อทองแดงสภาพสมบูรณ์ ราคาตั้งแต่ 20000-50000 บาท ปัจจุบันเป็นแสนแล้วครับ รุ่น 2 ทองแดง ราคา 1000-3000 บาท รมดำ ราคา 4000- 7000บาททองเหลือง 5000-8000 บาท รมดำ ราคา 9000 - 10000บาท ทองเหลืองฝาบาตร ราคา 12000-18000 บาท ราคาตามสภาพความเป็นจริง เหรียญที่นิยมเนื่องจากตำรวจที่ห้อยลงไป 3 จังหวัดภาคใต้รอดกลับบ้านทุกคนจึงมีของปลอมออกมาจำนวนมาก เหรียญหยดน้ำจะไม่มีใครนำมาให้บูชาเนื่องจากเริ่มหายาก ทองเหลืองฝาบาตรก็มีจำนวน 9 องค์เท่านั้น
     
  16. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836

    ลองมาอ่านบทความของคุณอำพล เจน เขียนไว้น่าสนใจทีเดียว

    เกี่ยวกับหลวงพ่อพิบูลย์นี้ผมไม่เคยรู้จักท่านมาก่อน เพิ่งมารู้จักท่านก็ตอนที่ได้ข่าวว่ามีการทดลองยิงเหรียญรูปเหมือนของท่าน ที่ จ.อุดรธานี

    เขาเอาเหรียญนี้ไปผูกคอวัว แล้วยิงเข้าแสกหน้าวัวด้วยปืน .357แม็กนั่ม

    วัวถึงกับทรุด

    แต่กระสุนไม่เข้าหนังวัว

    เหรียญรุ่นนี้ทราบว่าสร้างเพื่อแจกเป็นที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพหลวงพ่อพิบูลย์ ที่วัดพระแท่นบ้านแดง กิ่งอำเภอพิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรธานี เป็นเหรียญของรูปหลวงพ่อยืนถือไม้เท้าเต็มองค์ ทรงสี่เหลี่ยม (ดูภาพประกอบ)สร้างแจกเมื่อปี 2504 ไม่ทันหลวงพ่อพิบูลย์ แต่ก็แสกโดยคณาจารย์สายศิษย์หลวงพ่อพิบูลย์ทั้งหมด
    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shape id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 187.2pt; HEIGHT: 268.2pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.jpg" o:href="http://www.ampoljane.com/new/images/stories/piboon_1.1.jpg"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1026 style="WIDTH: 187.2pt; HEIGHT: 277.8pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image002.jpg" o:href="http://www.ampoljane.com/new/images/stories/piboon_1.2.jpg"></v:imagedata></v:shape><O:p(เหรียญเนื้อทองเหลือง ได้รับความนิยมมากกว่าเนื้อทองแดง)<O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2010
  17. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    องค์เสกหลักเขาว่าเป็นหลวงพ่อทอง สุวณฺณสโร วัดบ้านยาง ซึ่งคนในพื้นที่นั้นเชื่อถือว่าเหนียวชนิดสุดโต่งแห่งความเหนียวทั้งปวง

    วัวตัวนั้นยืนยันได้

    ทราบว่าหลวงพ่อทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ของหลวงปู่หล้า วัดภูจ้อก้อ มุกดาหาร ซึ่งหลวงปู่หล้าถือท่านเป็นอาจารย์องค์แรกๆก่อนจะรู้จักหลวงปู่มั่นและวัด ที่หลวงปู่หล้าอุปสมบทก็คือวัดบ้านยาง ที่หลวงพ่อทองเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้นด้วย

    หลวงพ่อทองเป็นศิษย์ตรงของหลวงพ่อพิบูลย์ มีปฏิปทาโลดแล่นอยู่ฟากอภินิหาร

    เรียกว่าเป็นปรมาจารย์สายขลังอีกองค์หนึ่ง

    ถ้าจะพูดถึงหลวงพ่อทอง วัดบ้านยาง คนทั้งหลายจะนึกถึงท่านแต่เรื่องขลัง ไม่นึกไปถึงเรื่องอื่น หรือแม้แต่เรื่องประพฤติปฏิบัติที่เคร่งครัด

    เรื่องของหลวงพ่อทองเห็นจะเว้นไว้ไม่กล่าวถึง แต่จะไปพูดกันถึงอาจารย์ของท่านคือหลวงพ่อพิบูลย์ ที่ถือว่าเป็นต้นกำเนิดสายขลังสายนี้
     
  18. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    หลวงพ่อพิบูลย์(ไม่ทราบฉายา) มีนามเดิมว่า พิบูลย์ แซ่ตัน เกิดที่บ้านพระเจ้า ตำบลมะอึ ซึ่งเดี๋ยวนี้มีชื่อใหม่ว่า ตำบลพระเจ้า อยู่ในอำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด วันเกิดและเดือนเกิดไม่ทราบ ทราบแต่ว่าเกิดปี พ.ศ. 2354 มีบิดาชื่อสา กับมารดาชื่อโสภา มีอาชีพเป็นชาวนาและประกอบการค้าไปด้วย

    พิจารณาจากนามสกุลของหลวงพ่อพิบูลย์แล้ว เข้าใจว่าท่านจะสืบเชื้อสายมาจากชาวญวน ผมมีเพื่อนชาวญวนที่มีนามสกุลเดียวกันนี้อยู่คนหนึ่ง แต่สืบสวนแล้วไม่รู้จักหรือมีอะไรพาดพิงไปถึงหลวงพ่อพิบูลย์แม้แต่น้อย คนสกุลแซ่ตันในเมืองอุบลฯก็มีอยู่มากมาย จึงทำให้คล้อยเชื่อว่าท่านควรจะเป็นชาวญวนด้วยเหมือนกัน

    ถึงอย่างไรท่านก็ถือสัญชาติไทยอย่างแน่ชัด เนื่องจากว่าท่านได้เข้ารับราชการทหารอยู่หลายปี และก็มีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาอยู่หลายปีเช่นกัน เสียแต่ไม่ทราบชื่อและฐานะของภรรยาของท่าน

    หลวงพ่อพิบูลย์สมัยครองเรือน ไม่มีบุตรธิดา แต่ขอธิดาของนายจันทีเพื่อนบ้านมาเป็นลูกบุญธรรม และเลี้ยงดูจนเติบใหญ่เป็นสาวออกเรือนแต่งงานกับชายที่มีศักดิ์และฐานะใกล้ เคียงกัน

    ความข้อนี้แสดงว่าหลวงพ่อในสมัยเป็นฆราวาสนั้นออกจะมีฐานะดีไม่น้อย

    เมื่อมีฐานะดีแล้วมาบวกกับจิตใจของคนที่ต่อไปจะได้บวชเป็นพระก็เลยออกมาเป็นคนชอบทำบุญทำทาน และบริจาคเพื่อส่วนรวมจนเป็นปกติวิสัย

    ว่างๆก็ไปวัดฟังธรรม

    ฟังจนนิสัยปัจจัยทางพระงอกเงยเต็มหัวใจ

    วันหนึ่งได้เรียกภรรยามาปรึกษาอย่างจริงจังว่าอยากจะออกบวช ชีวิตฆราวาสพอสมควรแล้ว ลูกสาวกับลูกเขยก็อยู่กันอย่างเป็นสุขแล้ว ไม่มีอะไรจะต้องห่วง ภรรยาเห็นว่าสามีจะบวชคนเดียวก็กระไรอยู่ ตนเองจะบวชมั่ง ถือศีลแปดก็เอา ลูกสาวกับลูกเขยก็ไม่ขัดข้อง ไม่คิดจะขวางทางพระนิพพานของพ่อและแม่

    ตกลงก็ออกบวชทั้งคู่ไม่ได้บวชที่เดียวกัน ต่างคนต่างบวชกันไปคนละทิศ

    เหมือนจะหวังผลในพระนิพพานจริงๆ

    เมื่อจะขาดสิ้นทางโลกแล้วก็ต้องให้ขาดสะบั้นในทางธรรม

    ทรัพย์สินทั้งหมดยกให้ลูกสาวกับลูกเขย

    เป็นอันหมดห่วงในทางโลก

    ตอนที่หลวงพ่อพิบูลย์ออกบวชนั้นมีอายุได้ 45 ปี ก็จะตกประมาณพ.ศ. 2399 ไม่ปรากฏสำนักที่บวช ไม่ทราบพระอุปัชฌาย์ พอบวชได้หนึ่งพรรษาก็ออกธุดงค์ ข้ามแม่น้ำโขงไปประเทศลาว เดินตรงไปภูอากและภูเขาควาย แล้วบำเพ็ญสมณธรรมอยู่แถวนั้นหลายพรรษา

     
  19. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    ระหว่างที่หลวงพ่อพิบูลย์พำนักอยู่ภูเขาควายท่านได้พบอาจารย์องค์สำคัญในชีวิตของท่านโดยบังเอิญและอาจารย์องค์นี้ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาอาคมและแบบแผนในการประพฤติปฏิบัติให้หลวงพ่อพิบูลย์ยึดถือต่อมาจนตลอดชีวิต

    หลวงพ่อพิบูลย์เรียกชื่ออาจารย์ของท่านว่าพระอาจารย์วิเศษผู้มีไม้เท้าหนักหมื่น

    หมี่น เป็นมาตราชั่งตวงวัดแบบเทียบเท่า 12 กิโลกรัมลาว

    รายละเอียดเกี่ยวกับพระอาจารย์วิเศษไม่มีกล่าวถึงไม่ทราบว่าท่านเป็นใครดูไปแล้วก็เป็นเช่นเดียวกับที่เคยได้ยินใครๆกล่าวถึงพระแปลกๆลึกลับบนภูเขาควายหลายรูป หลายวาระทำให้นึกเชื่อว่าภูเขาควายคงจะเป็นสถานที่แห่งหนึ่งบนโลกอันสับสนวุ่นวายนี้ที่เป็นแหล่งชุมนุมยอดวิทยายุทธ์ผู้เร้นกายอันลี้ลับในผาถ้ำกับผืนป่าดงดิบอันยิ่งใหญ่

    มิน่าเล่าใครๆพออกบวชแล้วก็มักจะเดินขึ้นภูเขาควายกันทั้งนั้น

    ขึ้นไปแล้วหายสาบสูญก็เยอะ

    กลับออกมาก็มาก

    เฉพาะที่กลับออกมาก็เห็นว่าเป็นยอดคนทั้งนั้น

    ใครอยากเห็นภูเขาควายให้ไปที่ริมแม่น้ำโขงตรงวัดอาฮงในเขตอำเภอบึงกาฬต่อกับอำเภอปากคาดภูเขาควายเริ่มต้นจากตรงนั้น

    ภูเขาควายเป็นการเรียกเทือกเขาทั้งเทือกไม่ใช่เรียกแค่ภูเขาลูกเดียว

    ดังนั้นเมื่อพูดว่าขึ้นไปภูเขาควายก็ยากจะรู้ว่าไปตรงไหนหรือส่วนไหนของภูเขาควาย

    สมัยก่อนภูเขาควายเกือบทั้งหมดมีสภาพเป็นป่าดงดิบกว้างใหญ่ไพศาล บางแห่งมองไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน คือมืดอยู่ในเงาป่าตลอดวันและคืนมีสถานที่ลึกลับแปลกประหลาดที่ยังไม่มีใครสำรวจกระทั่งตัวประหลาดแบบในเทพนิยายก็ยังมีคนเคยเห็น

    ตัวเป็นคนแต่มีขาคล้ายๆขาไก่

    ไม่รู้โม้หรือเปล่า

    คนที่เล่าเรื่องเห็นตัวประหลาดนี้เป็นอดีตนายร้อยเอกของกองทหารลาดตระเวนลาวเล่าว่าเห็นจากกล้องส่องทางไกล พอเข้าไปใกล้ก็วิ่งหนีหายไปหมดขณะที่เห็นนั้นเห็นเป็นกลุ่มอยู่ประมาณ 7 ตัว

    หรือนี่จะเป็นป่าหิมพานต์ก็ไม่รู้

    ตัวประหลาดที่เขาเล่าว่าเห็นก็ฟังดูคล้ายๆกินรีทำนองนั้น

    เมื่อพูดถึงตัวประหลาดในป่าเมืองลาวจะพบว่ามีเล่าอยู่บ่อยๆในประวัติครูบาอาจารย์ต่างๆที่เคยธุดงค์อยู่ในเมืองลาวอย่างเช่นหลวงปู่กิ วัดสนามชัย อ. พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานีซึ่งเป็นคนลาวแท้ๆ ก็เล่าว่าเคยเห็นตัวประหลาดตัวหนึ่งเรียกว่า ตะแข่มีรูปร่างเหมือนลิงใหญ่ แต่ไม่มีหัวเข่า ถ้ายืนอยู่ก็วิ่งได้ถ้าล้มลงจะลุกขึ้นไม่ได้ต้องกลิ้งตัวไปเมื่อจะลุกต้องอาศัยมือโหนต้นไม้พยุงตัวขึ้น

    ตัวตะแข่นี้หลวงปู่เครื่องวัดเทพสิงหาร จ. อุดรธานีซึ่งเคยอยู่ปฏิบัติธรรมกับสำเร็จลุนก็เล่าไว้ตรงกัน

    ตัวประหลาดที่แก่งหลี่ผีก็มี

    หัวเป็นปลาตัวเป็นคน

    ตัวเมียจะมีนมเหมือนนมผู้หญิงไม่มีผิด

    ตัวประหลาดนี้จะปรากฏตัวเป็นบางฤดูที่แก่งหลี่ผีหรือน้ำตกหลี่ผีจะมาเล่นน้ำตกโดยแหวกว่ายและกระโดดโลดเต้นแถวใต้แก่งน้ำที่มีกระแสเขี่ยวกราก

    เรื่องนี้เขาเล่าให้ฟังบ่อยๆจะจริงเท็จอย่างไรยังบอกไม่ได้

    มีบางท่านอธิบายว่าตัวประหลาดนี้ก็คือปลาโลมาน้ำจืดซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าเป็นตัวเดียวกันหรือไม่
     
  20. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    กำลังสนุกเลยครับไว้ต่อพรุ่งนี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...