ลองของ ปฏิบัติกรรมฐานกับการระลึกชาติ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย hatcheryorn, 3 กุมภาพันธ์ 2010.

  1. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144

    สู้ๆ นะค่ะ เป็นกำลังใจ ให้นะค่ะ ^_^
     
  2. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    จำเป็นค่ะ ว่าอย่างน้อย ต้องเดินจงกรม 30 นาทีแล้วต่อด้วยลงนั่งสมาธิอีก 30 นาที เพราะ จะทำให้เรา สามารถดึงจิตให้นิ่ง และ ทำให้ สติ โผล่ออกมา

    พลังจากการทำกรรมฐาน ต้อง 1 ชั่วโมงขึ้นไป จึงสามารถแผ่เมตตาช่วยใครๆได้ หรือใช้กรรมเจ้ากรรมนายเวรได้

    เรื่องระลึกชาติ ถึงเวลาเราจะได้เห็นเองค่ะ อรเองก็ไม่เก่ง แบบสามารถขอให้เห็นได้

    ครั้งแรกที่ระลึกช่าติ ในสมัยอโยธยา ในสงครามนั้น อรทำกรรมฐาน ๓ ชั่วโมงค่ะ

    ส่วนเมื่อสิงหา ปีที่แล้ว ทำกรรมฐาน ๑ ชั่วโมง ๔๕ นาที ก็ระลึกชาติที่ ๒ ได้

    ซึ่งจริงแล้ว ขึ้นอยู่กับสมาธิที่มี ในการปฏิบัติกรรมฐานในช่วงนั้นน่ะค่ะ



    กรรมฐาน ต้องอาศัยความเพียร ความอดทน มากๆค่ะ เมื่อเราเพียรพยายามและอดทน ผลที่ได้คุ้มค่าแน่นอนค่ะ เป้นกำลังใจให้นะค่ะ
     
  3. kidspj

    kidspj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +25
    อนุโมทนาสาธุคะ
    เคยไปนั่งกรรมฐานที่วัดหลวงพ่อ
    คือตลอดเจ็ดวันตั้งใจกินเจ แล้วมีไรเกิดขึ้นกับตัวเอง
    มีพระอาจารย์ท่านมาเข้าร่าง
    สอนนั่งกรรมฐานตลอดสองชั่วโมง
    มหัสจรรย์มากๆคะ
     
  4. jaetechno

    jaetechno เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,888
    ค่าพลัง:
    +6,182
    อิจฉาครับอยากไปมั่ง อย่างมากก้อแค่ 3 วัน T^T คุณ kidspj เล่าละเอียดๆได้ไหมครับว่าเปงไง อยากรู้
     
  5. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    ^_^
    อยากฟังจังค่ะ คุณ kidspj เล่าให้ฟังหน่อยซิค่ะ
     
  6. สุคน

    สุคน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +898
    รบกวนถามคุณอร ว่าสวดมนต์ให้ครบนี่ต้องสวดอะไรบ้างคะ รบกวนด้วยค่ะ
     
  7. SundayJing

    SundayJing Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +70
    อยากทราบเหมือนกันค่ะว่าการสวดมนต์ให้ครบ ต้องสวดอะไรบ้าง ปกติเวลาสวดจะเริ่มต้นด้วยบูชาพระรัตนตรัย บทกราบพระรัตนตรัย สมาทานศีล 5 บทสวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก แล้วก็แผ่เมตตาแก่ตนเอง ขออโหสิกรรม แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ และก็อุทิศบุญ ไม่ทราบว่าพอได้ไหมคะ
     
  8. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    สวัสดีค่ะ คุณสุคน ^_^

    อรสวดตามหลักพระสังฆราชท่านสอนไว้น่ะค่ะ ซึ่งท่านบอกว่า หากเราสวดมนต์ครบแล้ว จะเพิ่มบทใด ๆ ก็ได้

    หากวันใดไม่มีเวลาพอ ก็ขอให้สวดบทหลักครบ บุญจะได้เกิด น่ะค่ะ

    เดี๋ยวอรโพสไว้ให้ด้านล่างนะค่ะ

    คุณพระรักษา เทวดาคุ้มครองเจ้าค่ะ
     
  9. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144

    สวัสดีค่ะ คุณ SundayJing
    เดี๋ยวอรโพสบทสวดมนต์ไว้ให้นะค่ะ สวดทุกวันไม่ขาด จะดีมากเลยค่ะ

    คุณพระรักษา เทวดาคุ้มครองนะค่ะ
     
  10. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    บทสวดมนต์ตามหลัก เจ้าค่ะ


    คำบูชาพระรัตนตรัย

    อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อภิปูชะยามิ
    อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อภิปูชะยามิ
    อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อภิปูชะยามิ

    - บทกราบพระรัตนตรัย

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
    พุทธัง ภะวะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)

    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
    ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    สังฆัง นะมามิ (กราบ)

    - บทนมัสการพระรัตนตรัย

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ


    -ไตรสรณคมน์

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


    -บทถวายพรพระ

    อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะ สัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
    อนุตตะโร ปุริสะธัมมะสาระถิ สัตถาเทวมนุสสานัง พุทโธภะคะวาติ ( พุทธคุณ)

    สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตังเวทิตัพโพ วิญญูหิติ (ธรรมคุณ)

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

    สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทังจัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

    อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ (สังฆคุณ)



    -พุทธชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ)


    ๑. พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
    ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

    ๒. มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
    ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

    ๓. นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
    เมตตัมพุเสกะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

    ๔. อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโย ชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
    อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

    ๕. กัตตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ
    สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

    ๖. สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
    ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

    ๗. นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
    อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

    ๘. ทุคคาหะ ทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
    ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

    เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถาโย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
    หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ


    -ชัยปริตร (มหากา ฯ)
    มหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา
    ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
    โหตุ เต ชะยะมังคะลังฯ

    ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง
    นันทิวัฑฒะโน เอวัง ตะวัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล

    อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะ
    พุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติฯ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง
    สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะ

    จาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง
    มโนกัมมัง ปะณิธี เต ปะทักขิณา ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัดเถ ปะทักขิเณฯ


    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
    สัพพะพุทธา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต*

    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
    สัพพะธัมมา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต*

    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
    สัพพะสังฆา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต*


    กราบ ๓ ครั้ง เสร็จแล้วสวดเฉพาะพุทธคุณ ดังต่อไปนี้


    อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชา จาระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
    อะนุตตะโร ปุริสะทัม มะสาระถิ สัตถาเทวะ มะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ

    ให้สวดพุทธคุณเกินอายุ ๑ จบ เช่น อายุ ๒๘ ปี ให้สวด ๒๙ จบ (ปีพ.ศ. ที่เกิด ลบ ปัจจุบัน)


    เมื่อสวดพุทธคุณครบตามจำนวนจบที่ต้องการแล้ว จึงตั้งจิตแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลดังนี้

    แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์

    สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
    อะเวรา จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

    อัพยาปัชฌา จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

    อนีฆา จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย

    สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

    บทแผ่ส่วนกุศล

    อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
    - ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า จงมีความสุข

    อิทัง เม ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
    - ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า จงมีความสุข

    อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
    - ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แด่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ จงมีความสุข

    อิทัง สัพพะ เทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา
    - ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข

    อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
    - ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลาย ทั้งปวง จงมีความสุข

    อิทัง สัพพะ เวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
    - ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข

    อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพสัตตา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข
    -


    -บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ

    ไม่ว่าท่านจะอยู่ภพหรือ ภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรมและอนุโมทนาบุญ แก่ข้าพเจ้า ด้วยอำนาจแห่งบุญนี้ด้วยเทอญ
    <<จบบทสวด>>
    ---------------------------------------------


    ตรง "เต" คือการที่ เราแผ่บุญให้ผู้อื่น หลวงพ่อจรัญท่านเคยสอนไว้น่ะค่ะ ว่า เราให้คนอื่น เราคนทำเราได้บถญแน่นอน ไม่ต้องแผ่เมตตาให้ตนเอง (ที่เปลี่ยนจากเต เป็น เม คือ การแผ่ให้ตนเอง)


    ปล. อรจะสวดมนต์แบบนี้ทุกวันค่ะ แต่วันพระ อรจะเพิ่ม บทเมตตาใหญ่ เข้าไป แทรกหลังจากที่ สวดอิติปิโสเท่าอายุ บวกหนึ่งเสร็จแล้วน่ะค่ะ
     
  11. uthaimai

    uthaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +1,344
    สงสัยจะใช่แน่นอนครับ เห็นโพสท์รูปมาแต่ละรูปขี่ม้าทั้งนั่นเลย นักรบหญิงพลม้า..อิอิ
    อนุโมทนาครับ...สาธุ
    ออ..สำหรับข้อความด้านบน ผมก็สวดอยู่ครับเหมือนกันเลย แต่ผมเพิ่มบทคาถาชินบัญชรและยอดพระกัณไตรปิฎกเข้าไปด้วยครับ ขออนุโมทนาและเจริญในธรรมครับ...สาธุ
    บทกรวดน้ำแผ่เมตตา หลังสวด พระคาถาชินบัญชรและยอดพระกัณฯ

    อิมินา ปุญญะกัมเมนะ ด้วยเดชะ ผลบุญแห่งข้าได้สวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกและพระคาถาชินบัญชรนี้
    ขอให้ไปค้ำชูอุดหนุดบิดามารดาผู้มีพระคุณและญาติกาครูอุปัชฌาย์อาจารย์ และเจ้ากรรมนายเวร พระมหากษัตริย์และมิตรรักสนิท เพื่อนสาราสัตว์น้อยใหญ่ พระภูมิเจ้าที่เจ้ากรุงพาลี นางพระแม่ธรณี นางพระแม่คงคา พระยายมราช
    นายนริยบาล ท้ังท้าวจตุโลกะบาล สิริพุทธอำมาตย์ชั้นจาตุมหาราชิกาเบื้องบน จนถึงที่สุดพรหม มาเบื้องต่ำตั้งแต่อเวจีขึ้นมาจนถึงมนุษย์โลก โดยรอบสุดขอบจักรวาล อนันตะจักรวาล คุณพระศรีรัตนตรัย และเทพยดาทั้งหลาย
    ตอลดทั้งอินทร์ พรหม ยม ยักษ์ คนธรรพ์ นาคา เปรต สัตว์นรก อสูรกาย สัมพเวสี วิญญาณเร่ร่อนทั้งหลาย
    ท่านใดที่ต้องทุกข์ขอให้พ้นจากทุกข์ ท่านใดที่มีสุขอยู่ขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป ด้วยเดชะผลบุญแห่งข้าได้อุทิศให้ไปนี้
    จงเป็นอุปนิสัยปัจจัยแก่พระนิพพาน ในอนาคตกาลเบื้องหน้า และกาลอันสมควรด้วย.....เทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2010
  12. pazta

    pazta Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2010
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +41
    เข้าใจความรู้สึกของคุณจ้าของกระทู้ค่ะ เพราะเราเองก็ปฏิบัติธรรมในสายกรรมฐาน นั่งกรรมฐานแล้วเกิดระลึกชาติจริงค่ะเพราะเราเองก็เป็นเหมือนกัน เมื่อจิตของเราวูบลงสู่สมาธิแล้วจะเกิดภาพนิมิตขึ้นมาว่าชาติก่อนชาติไหนไม่รู้เราเคยเป็นพญานาค เจอลูกเจอเมียในอดีตชาติ จิตในตอนนั้นห่วงหาอาลัยลูกเมียแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต คิดถึงลูก อยากเจอลูกคิดถึงเมียมาก แต่เราเกิดมาในภพชาติใหม่แล้วก็ตัดสัญญาเก่าในอดีตชาติทิ้งไปให้หมด ทุกวันนี้ก็กรวดน้ำอุทิศให้เค้าประจำ เผื่อวันหนึ่งวันใดเค้าจะได้ตัดภพนาคมาเกิดเป็นมนุษย์สะสมบุญบารมีบ้าง

    ปล.แก้ไขคำผิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2010
  13. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144

    อิอิ ยกให้เป็นพลม้าเลยหรือค่ะนี่ ไม่ถึงขนาดนั่นหรอกค่ะ และขอขอบพระคุณ บทกรวดน้ำแผ่เมตตาที่ส่งมาให้ด้วยนะค่ะ เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ มากค่ะ

    คุณพระรักษา เทวดาคุ้มครองนะค่ะ
     
  14. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    ขอบคุณมากค่ะ คุณ pazta
    เพื่อนบางคน อาจเข้าใจว่า จุดประสงค์เราทำกรรมฐานเพื่ออะไร อยากเห็นโน้นนี่ ใช่ไหม? แต่จริงๆแล้ว เราเองไม่ได้สามารถจะไปอยากรู้ อยากเห็น ก็สามารถเห็นได้

    เมื่อถึงเวลาที่ต้องรับรู้ เราก็ต้องรับรู้ เพราะ สติ ในกรรมฐานรู้ว่าเราไม่หลงในอดีต การที่เราระลึกชาติได้ บทเรียนที่เราได้มา คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

    เมื่อทำดีชาติโน้น ผลกรรมดีก็ตอบแทนชาติถัดมา พอทำเลวอีก กรรมชั่วก็ตามจองล้างจองผลาญ ในชาติต่อๆไปอีก

    ยิ่งทำให้ เราละทิ้งการกระทำชั่ว จิตใฝ่ในทางที่ดี

    ว่างๆ เชิญอ่าน การระลึกชาติครั้งที่ ๒ ของอรนะค่ะ แต่ไม่รู้ อยู่หน้าที่เท่าไหร่แล้ว แหะแหะ เขียนไหนนานแล้วค่ะ ^_^
     
  15. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    สวัสดีค่ะคุณอร พี่เพิ่งมาเห็นกระทู้น้องอร กำลังท้อๆเรื่องการปฏิบัติเลย
    ช่วงนี้ พอตามาสะดุดกระทู้ของคุณอรทำให้ ใจหึกเหิมขึ้นมาอีกเป็นกอง
    ปกติพี่ก็สวดตามที่คุณอรบอกมาตลอด เคยสวดอิติปิโสเกินอายุ ตอนหลัง
    ถามผู้รู้ เขาว่าสวดครั้งเดียวก็ได้เลยย่อมาหน่อย แล้วตามด้วย ชินบัญชร
    ยอดพระไตร เมตตาใหญ่บทย่อ (บางครั้งก็ไม่ได้สวด) ธรรมจักร จักรพรรดิ
    คาถาคุณแม่บุญเรือน คาถาเงินล้าน แล้วค่อยมานั่งสมาธิ เวลานั่งสมาธิระหว่างนั่งก็
    แผ่เมตาให้ตัวเองและเจ้ากรรมนายเวร บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูง
    ญาติ ค่ะ แต่หลังๆนี่ ความขี้เกียจมาเยือน คาถาบางบท ก็จะสลับกันสวดวันเว้นวัน
    เพราะอยากนั่งสมาธิมากกว่าค่ะ นั่งสมาธิ ประมาณ 1 ชม หลังๆนี่ เหลือครึงชม
    แบบนี้เรียกถอยหลังเข้าคลองใช่ไหมคะ แต่เมือคืนพยายามสู้กับมารนั่งได้ถึงชมแล้วค่ะ แล้วมาอ่านเรื่องคุณอรเขียน ยิ่งทำให้มีกำลังใจในการนั่งมากขึ้นค่ะ แต่เดินจงกรม ยังไม่เคยเลยค่ะ เป็นไงคะ การปฏิบัติของพี่ พอจะมีความหวังก้าวหน้า ให้ได้เศษเสี้ยวของคุณอรบ้างไหมคะ
    ปล. ปกติพี่ใส่บาตรทุกเช้าทุกวันมาเป็นเวลา 5ปีแล้วค่ะ แต่มีบ้างที่บางครั้งตื่นสายก็ไม่ได้ไปใส่ แต่น้อยมากค่ะ น่าจะไม่เกิน 5 วัน ใน 1 ปี ทึไม่ได้ใส่บาตรค่ะ

    บุญไม่มีบาปไม่มีแก่ผู้ไม่เจตนา


     
  16. OmimiO

    OmimiO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +178

    คือเรานั่งสมาธินานๆๆๆแล้วมันปวดขาแบบสุดๆๆค่ะ เหน็บมันกินอ่ะค่ะ
    มีวิธีไหนทำให้หายบ้างมั้ยค่ะ พอปวดแล้วก็ไม่มีสามธืเลยอ่ะค่ะ
     
  17. pazta

    pazta Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2010
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +41
    ใช่แล้วค่ะ บอกตรงๆว่าเราเพิ่งจะมาปฏิบัติธรรมไม่นานมาเดือนกว่าๆนี่เอง ตอนเรานั่งกรรมฐานคือนั่งภาวนาไปเรื่อยๆจนถึงจุดหนึ่งที่จิตเป็นสมาธิแล้วมันวูบไปเองเลยค่ะ ไม่ได้กำหนดจิตว่าอยากจะรู้จะเห็นอะไรทั้งนั้น ไปถามพระอาจารย์ท่านก็ตอบมาว่ามันถึงเวลาที่เราต้องรู้ ถ้าเค้าอยากให้เรารู้เราก็จะสามารถระลึกชาติได้ ตอนแรกเราเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรแบบนี้นะคะ เราเองก็อายุยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองเรื่องแบบนี้เราไม่ค่อยเชื่อหรอกค่ะ มานั่งปฏิบัติกรรมฐานก็ตามน้ามาเพราะอยากรู้อยากเห็นว่ามันเป็นยังไง แต่พอมาถึงคือเราปฏิบัติไปได้เร็วมากเพราะมันถึงเวลาที่เราต้องมาสร้างบารมีพระอาจารย์บอกเราแบบนี้ เรื่องระลึกชาติก็เหมือนกันไม่อยากให้ใครไปยึดติดเรื่องอดีตชาตินะคะ เพราะมันผ่านมาแล้วเราเป็นคนใหม่แล้ว ที่เราทำได้คือรับรู้แล้วก็ปล่อยวาง มีความแค้น มีความอาฆาตพยาบาทจองเวรใครไว้เมื่อเรารับรู้แล้วก็ขออโหสิเค้าซะ จะได้หลุดจากกงกรรมกงเกวียนนั้น ชาติต่อๆไปก็จะไม่มีความแค้น ความผูกพัน ห่วงหาอาลัยต่อกันอีก ถ้าตัดไม่ขาดเราก็หลุดพ้นได้ยาก ตอนที่นั่งสมาธิอยู่ตอนที่เราระลึกชาติอยู่เราคิดได้แบบนี้ค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างมีความหมายในตัวมันเองนะคะ อยู่ที่เราจะคิดได้รึเปล่า

    ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ปฏิบัติธรรมนะคะ ท่านมาถูกทางแล้ว ส่วนตัวเราเองก็จะปฏิบัติต่อไปเรื่อยๆค่ะ ^^

    ปล.แก้ไขคำผิดค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2010
  18. pazta

    pazta Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2010
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +41
    ของเรานั่งกรมมฐานวันแรกแค่ครึ่งวันเจอเลยค่ะ เพราะตอนนั่งสมาธิเรานั่งไปปุ๊บฌาณภายในมันปั่นแรงจนลงไปดิ้นพลาดๆเหมือนผีเข้าอย่างนั้นเลย เค้าเรียกว่าติดกรรมค่ะ ทุกข์ขัง มันแรงจนทรมานแทบตายเลยค่ะ อารมณ์ในตอนนั้นคือจะตายเอาจริงๆ ก็คิดเหมือนกันว่าเอาวะตายเป็นตายเป็นไงเป็นกัน คืนนั้นเจ้ากรรมนายเวรมาเอามาเลยค่ะรวดเร็วมาก อ้วกทั้งคืนไม่ได้นอนเลย เดี๋ยวก็อ้วกเดี๋ยวก็อ้วก ทั้งอ้วกทั้งเป็นไข้มันทรมานมาก นอนๆอยู่ก็ได้กลิ่นเหม็นเหมือนของเน่าลอยมาตามลมตลอดเวลา คิดดูนะคะ น้ำลายนี่แสบร้อนเหมือนน้ำกรดเลยมันเป็นอย่างนั้น ไม่รู้ว่าเราไปทำอะไรใครไว้ แต่เค้ามาเอาคืนกับเราแล้ว ตัวเราเองกว่าจะผ่านกรรมฐานได้ก็ปาไปสามวัน นั่งไปดิ้นไปเนื้อตัวถลอกปอกเปิกหมด พอเราหมดกรรมในส่วนนั้นแล้วก็จะไม่เกิดขึ้นอีกนะคะ เพราะฉะนั้นเวลาใครนั่งสมาธิแล้วปวดขา ปวดนั่นปวดนี่ทรมานขอให้อดทน ให้ใจติดอยู่กับคำภาวนา เมื่อใจมันจดจ่ออยู่กับคำภาวนาไม่อยากจะวอกแวกไปสนใจกับความเจ็บปวดเมื่อนั้นแหละสมาธิจะบังเกิด เมื่อเกิดแล้วความเจ็บปวดจะหายไปจริงๆค่ะ ขอบอกว่าดีแล้วที่เรานั่งสมาธิแล้วเกิดความทุกข์ เราจะได้กำหนดจิตให้อยู่ในสมาธิได้ง่ายขึ้น ขอให้อดทนต่อไปนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2010
  19. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    คุณ OmimiO นั่งนานแล้วปวดขาเหน็บกินปวดแบบสุดๆ
    เป็นเวทนาสังขาร เวลาที่เรารู้สึกปวดก็ภาวนาในใจวา
    ปวดหนอ เจ็บหนอ ภาวนาไปเรื่อยๆสักพักความปวดเมื่อยจะหาย
    ไปเอง จะไม่รู้สึกปวดเลยแล้วจะนั่งนานเท่าไรก็ได้ (ถ้าหากจะตาย
    ระหว่างนั่งก็ให้ตายไปเลย ไม่มีใครตายหรอกค่ะ) ถ้าคุณผ่าน
    ขั้นนี้ไปได้ ก็จะได้เข้ารอบต่อไปค่ะ รางวัลแด่คนทนนั่งนั่งทนรออยู่ค่ะ
    ลองดูนะคะ ไม่มีอะไรยากเกินความมานะของเราค่ะ
     
  20. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    สวัสดีค่ะ พี่นิพพาน อรเองขออนุโมทนาบุญ ในการสร้างบุญกุศลของพี่นิพพาน ด้วยคนนะค่ะ

    เราต้องช่วยกัน ฮึกเหิมกันเนอะ อิอิ ^_^
     

แชร์หน้านี้

Loading...