แจ้งปิดกระทู้ พระอาจารย์พรสิทธิ์ วัดสว่างอารมณ์

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย arjarhnnop, 2 พฤศจิกายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. donjudo077

    donjudo077 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,719
    ค่าพลัง:
    +14,438
    น้ำปรุงผมไม่รู้ว่ากลิ่นเป็นอย่างไรครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะต่างกันมากนะครับ ไม่น่าจะมีปัญหาครับ
     
  2. donjudo077

    donjudo077 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,719
    ค่าพลัง:
    +14,438
    รับทราบครับ
     
  3. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
    เล่นซะยาว ...........น้ำมันยาโว มีแล้ว แต่น้อย รออิ่นแกะ

    ไม้ครูกับเต่า เกือบจะเสร็จ ผ้ายันต์ม้าเสพนางต้องรอถามพระอาจารย์ครับ
     
  4. tum02

    tum02 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +899
    อาจารย์นพครับ
    ได้รับหุ่นพยนต์กับขุนแผนแล้วนะครับ
     
  5. maxkyman

    maxkyman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,473
    ค่าพลัง:
    +6,406
    ตอนนี้สำหรับผมแล้ว เวลาเห็นวัตถุมงคลของพระอาจารย์พรสิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นอะไร

    ผมรู้สึกว่าตัวผมจะเป็นไข้
    .
    .
    .
    .
    .
    ไข้ดั้ยขนาด ไข้อยากดั้ยกู้อย่าง อิอิ
     
  6. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
    ใช้แล้ว ลองมาแจ้งผลด้วยนะครับ

    อิอิ เผื่อมีขุนแผนเพิ่มอีกคน........
     
  7. Surfers

    Surfers เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    10,498
    ค่าพลัง:
    +26,963
    งานนี้ต้องรอกันต่อไปครับ
    ผมไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อยๆจะทันรึเปล่ายังไม่รู้เลย ตกขบวนมาเยอะแล้วครับผม:':)'(
     
  8. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428

    3 อ. ท่องไว้ จะไม่ตกขบวน............
     
  9. Surfers

    Surfers เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    10,498
    ค่าพลัง:
    +26,963
    รับทราบครับ อาจารย์นพ
     
  10. t1148

    t1148 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +3,676
    ได้รับขุนแผนแล้วครับ ขอบคุณครับอ.นพ
     
  11. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
    อย่าลืมวันจันทร์ นะครับ

    การประมูล ชิ้นที่ 3 ตะกรุดเทวา

    เป็นตะกรุดทองแดง ขนาด 5 นิ้ว ที่ลงยันต์ในขณะท่านเข้าสมาธิ ก่อนนำ
    ออกมาให้ประมูล ท่านลองถอดมาคลี่ดูว่าเป็นยันต์อะไร เป็นลายมือท่าน
    แต่ท่านก็จำไม่ได้ และเรียกไม่ถูกเสียด้วย
    ลูกศิษย์ท่านได้ไปหลายปี จำไม่ได้อีกนั่นแหละ ว่าได้ไปยังไง โอกาสไหน
    เพียงแต่ท่านพระอาจารย์บอกว่า แรงดีครับ
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    </FIELDSET> ชิ้นที่ 3 ตะกรุดเทวา ราคา 1,500 บาท คุณ สักกะ
    ปิดรายการวันจันทร์ ที่ 7 ธ.ค. 52 เวลา 16.00 น<!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end -->
     
  12. noteyub

    noteyub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +547

    ขอบคุณครับ^^
     
  13. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
    ไม่ทราบชอบดัดแปลงหรือเปล่า สมาชิกเราทำออกมาไม่เลวทีเดียว


    <TABLE id=post2697715 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->buakaew2007<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2697715", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Dec 2008
    ข้อความ: 211
    พลังการให้คะแนน: 49 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2697715 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ได้รับพระขุนแผนแล้วครับ ขอบคุณมากครับ

    หลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมงก็เป็นแบบนี้ครับ<!-- google_ad_section_end -->

    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]

    </FIELDSET>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. t1148

    t1148 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +3,676
    เป็นไอเดียที่ไม่เลวครับ สวยมากๆ:cool::cool::cool:
     
  15. อาคันตูกะ

    อาคันตูกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    3,556
    ค่าพลัง:
    +15,292
    ในเมื่่อมีพระปิดตาเพิ่มเป็นของขวัญปีใหม่แล้ว
    ผมเลยหาข้อมูลประวัติพระปิดตา
    มาฝากเพื่อนสมาชิกครับ

    "พระปิดตา"อายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย...ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยใด บางท่านเคยพบว่า พระปิดตางบน้ำอ้อยขนาดใหญ่เนื้อดินเผา อยู่ในกรุเมืองกำแพงเพชร แต่ว่ามีน้อยองค์และหายาก
    บางท่านว่าพระปิดตาพิชัย กรุคลองตะเคียน...กรุวัดประดู่ทรงธรรม...จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างด้วยเนื้อดินผสมผงใบลานเผา น่าจะมีอายุเก่าที่สุดเพราะสืบได้ว่าสร้างใน สมัยกรุงศรีอยุธยายุคปลาย และมีให้เล่นหากันพอสมควร
    หรือบางท่านว่าอาจจะเป็น พระปิดตาท้ายย่าน จากกรุวัดท้ายย่าน จังหวัดชัยนาท เป็นพระปิดตาที่สร้างมาจากเนื้อแร่ดินพลวงผสมชิน ผู้รู้ว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน

    ส่วนพระมหากัจจายนะ หรือ พระสังกัจจายน์ นิยมสร้างไว้เคารพบูชาในยุคหลังๆ และเปลี่ยนมาเป็นพระปิดตา...พระมหาอุตม์

    พระปิดตาหินอ่อน

    มีพระปิดตาของพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งอยู่ที่จังหวัดนครปฐม สร้างไว้แปลกกว่าพระเกจิอาจารย์องค์อื่นๆคือสร้างด้วยหินอ่อน หรือชาวบ้านเรียกกว่าหินสบู่ มีหลายขนาดและหลายพิมพ์ทรงนั่นก็คือ
    พระปิดตาหลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือ หลวงปู่จ้อยท่านอายุยืนยาวถึง 80ปี (พ.ศ.2360-2440) ท่านได้สร้างวัตถุมงคลที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดบางช้างเหนือ ไว้มากมาย โดยเฉพาะวัตถุมงคลที่ทำจาก ไม้ไผ่ ไม้รวก รากไม้ไผ่ รากไม้รวก หรือพระปิดตาที่แกะจากหินสบู่ หินอ่อน ท่านจะให้ศิษยืแกะเป็นองค์พระปิดตารูปลักษณะต่างๆ ทรงชะลูดบ้าง ต้อบ้าง หน้าเดียวบ้าง 2หน้าบ้าง มีมือ 2คู่ 3คู่ก็มี ขนาดพอดีแขวนคอ และพกติดตัว จากนั้นท่านก็นำมาจารยันต์มหาอุด แล้วจึงนำไปใส่ไว้ในบาตรรวมกัน ฤกษ์งามยามดี ท่านจะปลุกเสกให้มีอาการ 32 กระโดดออกจากบาตรมาเป็นใช้ได้

    พระปิดตาเป็นพระเครื่องอีกรูปแบบหนึ่ง ที่คนนิยมกันมากในระยะหลัง เนื่องด้วยรูปแบบและกรรมวิธีการสร้าง พระปิดตา ในสมัยก่อนแรกๆจะไม่ค่อยมีคนสนใจเนื่องจาก มีความเชื่อกันมาก่อน เช่น มีพระปิดตาในบ้านแล้วคลอดลูกยากบ้าง มี พระปิดตา แล้วค้าขายของยาก ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด

    พระเครื่องประเภทหนึ่งที่นิยมกันมาก ด้วยพุทธลักษณะขององค์พระที่แตกต่างทั้งกรรมวิธีการสร้าง รวมทั้งมีพุทธศิลปะ เป็นเอกลักษณ์แตกต่าง จากพระเครื่อง ประเภทอื่นๆ จนกลายเป็น ความโดดเด่น และได้รับความนิยม อย่างสูงยิ่ง ในหมู่พุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะ วงการพระเครื่อง ซึ่งรู้จักกัน ในนาม "พระปิดตา"

    พุทธลักษณะของพระปิดตา เป็นรูปองค์พระ ที่ค่อนข้างอวบอ้วน ยกพระหัตถ์ ขึ้นปิดพระพักตร์ บางสำนัก ก็จะทำเป็นรูปมือ เพิ่มอีก ๒ ข้าง เอื้อมไปปิดทวารด้านล่าง (วงการเรียก "โยงก้น") อีกด้วย
    ประวัติการสร้างพระปิดตาในประเทศไทยนั้น เริ่มต้นในยุคอยุธยาตอนปลาย จากหลักฐานที่พบพระปิดตายุคแรกเป็นเนื้อโลหะ ได้แก่ พระปิดตากรุวัดท้ายย่าน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท

    ต่อมาจึงมีการสร้างพระปิดตาเนื้อผงคลุกรักและพระปิดตาอื่นๆ เช่น พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี

    การสร้างพระปิดตา เริ่มได้รับความนิยมแพร่หลายตั้งแต่ตอนต้นยุครัตนโกสินทร์เรื่อยมา มีพระเกจิอาจารย์หลายสำนักพากันจัดสร้างพระปิดตาขึ้นและได้รับความนิยมไปทั่ว เช่น พระปิดตาวัดพลับ (วัดราชสิทธาราม) พระปิดตาวัดหนัง พระปิดตาวัดทอง พระปิดตาหลวงปู่ศุข พระปิดตาแร่บางไผ่ และ พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม เป็นต้น

    จากข้อมูลดังกล่าวอาจได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า พระปิดตาทั้งหมดเป็นพระปิดตาคณาจารย์ ซึ่งหมายถึงพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณเป็นผู้จัดสร้าง ไม่ใช่เป็นพระกรุที่สร้างโดยเจ้าพระยามหากษัตริย์ แม้แต่กรณีพระปิดตาท้ายย่านก็น่าจะจัดอยู่ในลักษณะเดียวกัน และไม่มีการสร้างก่อนสมัยอยุธยาตอนปลาย
    ลักษณะเด่นของพระปิดตานั้นนับเป็นพระเครื่องที่แสดงถึง "นัย" หรือ "ปริศนาธรรม" แห่งงานพุทธศิลปะอย่างโดดเด่น ยากจะหาพระเครื่องประเภทใดเทียบเทียมได้

    ความหมายเบื้องต้นแห่งการปิดตาก็คือ การปิด "ทวาร" หรือทางเข้าทางออกแห่งอาสวะกิเลสทั้งหลาย

    ซึ่งเราชื่อกันว่าร่างกายของมนุษย์ (หรือสัตว์) มี "ทวาร" หมายถึง ประตูแห่งการเข้าออก ๙ ทาง ได้แก่ ตา ๒ จมูก ๒ หู ๒ ปาก ๑ รวมทั้ง ช่องทางขับถ่ายด้านหน้าและ ด้านหลังอีก ๒ รวมเป็น ทวารทั้ง ๙

    การปิดกั้นทวารทั้ง ๙ เป็นปริศนาธรรมที่กั้นกิเลสจากภายนอกไม่ให้เข้ามาสู่ภายใน เพื่อจุดหมายแห่งการปฏิบัติกรรมฐาน ซึ่งโบราณาจารย์ที่สร้างพระปิดตา (หรือปิดทวาร) ในอดีตจะเป็นพระภิกษุที่ขึ้นชื่อลือเลื่องทางวิปัสสนาธุระทั้งสิ้น
    แต่การสร้างรูปจำลองในลักษณะนี้ ค่อนข้างยากต่อการออกแบบ ส่วนใหญ่จึงพบการแสดงความหมายให้เห็นเพียงการปิดพระพักตร์ ซึ่งรวมถึงการปิดปากเท่านั้น

    หากมองในแง่ความสำคัญทางการเมืองการปกครองจะพบว่า อำนาจของภิกษุสงฆ์ไม่ได้จำกัดอยู่ใน "พุทธจักร" อย่างเดียว หากแต่ยังก้าวไปถึง "อาณาจักร" อีกด้วย ตัวอย่างของบทบาทดังกล่าวจะเห็นได้ชัดในกรณี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง ธนบุรี ที่สามารถเดินเข้าไปถาม เจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ถึงข่าวลือเรื่องการยึดอำนาจกลับจาก ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ และขอคำยืนยันว่าจะไม่เกิดเหตุดังกล่าว

    หรือแม้แต่การที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จุดไต้ตอนกลางวันเข้าไปเตือนพระสติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ "พุทธจักร" ที่มีต่อ "อาณาจักร" อย่างเด่นชัด

    เป็นที่น่าสังเกตว่า พระเกจิอาจารย์ที่สร้างพระปิดตาในระยะแรกๆ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชสำนักไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อาทิ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) หลวงปู่ศุข หลวงปู่เอี่ยม หลวงปู่ทับ เป็นต้น

    ดังนั้น "พระปิดตา" อาจถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการประกาศตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับ "อาณาจักร" เพื่อมิให้เกิดการถูกนำไปอ้างอิงหรือใช้เป็นเครื่อง "ชี้นำ" ในชะตาของบ้านเมือง

    ในระยะเวลาต่อมา คติการสร้างพระปิดตาหรือปิดทวารเกี่ยวเนื่องกันเรื่อยมา มีการจำลองเป็นพระอ้วนพุงพลุ้ย ซึ่งได้ต้นเค้าจากเรื่องราวของ พระสังกัจจายนะ หรือ พระภควัมบดี อัครสาวกองค์สำคัญของพระพุทธองค์
    พระภควัมบดี หรือ พระมหาสังกัจจายน์ นั้น ไม่ใช่รูปสมมติแทนองค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้า

    คำว่า "ภควัมบดี" หรือ "ภควัมปติ" แปลว่า "ผู้มีความงามละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า" อันเป็นอีกนามหนึ่งของพระมหาสังกัจจายนะ หนึ่งในพระสาวกผู้ทรงเอกทัคคะ (เป็นเลิศ) ๘๐ รูป ของพระพุทธองค์

    พระมหาสังกัจจายนะ เกิดในวรรณะพราหมณ์ ณ กรุงอุชเชนี มีผิวกายประหนึ่งทองคำมาตั้งแต่กำเนิด จึงได้นามว่า "กาญจน" และได้อุปสมบทโดยเป็นเอหิ
    ภิกขุอุปสัมปทา (พระพุทธเจ้าทำการบวชให้)

    พระมหาสังกัจจายนะท่านมีความเป็นเลิศทางการย่อพระธรรมคัมภีร์ให้สั้นลง และอธิบายความหมายให้ผู้ฟังเข้าใจได้อย่างละเอียดแจ่มแจ้ง

    นอกจากนี้ท่านยังมีรูปร่างและผิวกายงดงามมาก จนได้ชื่อว่า "พระภควัมปติ" อันมีความหมายว่า "ผู้มีความงามละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า"

    ความงดงามแห่งรูปกายนี้เองก่อให้เกิดความหลงใหลคลั่งไคล้จากฝูงชนทั้งชายหญิงจนเกิดเรื่องพิพาทกันไม่รู้จักหมดจักสิ้น ทำให้พระมหาสังกัจจายนะเกิดสลดสังเวชในใจพิเคราะห์ดูว่าการมีรูปกายงดงาม ก่อให้เกิดทุกข์มากมาย ท่านจึงตั้งสมาธิอธิษฐานเปลี่ยนสรีระรูปร่างกลายเป็นร่างต่ำเตี้ย พระอุทรพลุ้ย ศีรษะใหญ่ ขาสั้น อันเป็นลักษณะของ "พระสังกัจจายน์" ที่เห็นในปัจจุบัน

    แม้จะอธิษฐานเปลี่ยนสรีระแล้ว ผลแห่งกุศลในอดีตชาติยังส่งให้พระสังกัจจายน์เป็นที่รักใคร่นิยมยินดี มีแต่ผู้ให้ลาภสักการะสรรเสริญตลอดมามิมีขาด

    ด้วยความนิยมในพุทธสาวกองค์นี้ โบราณาจารย์จึงได้จำลองลักษณะแห่งพระภควัมบดีในรูปพระเครื่องศักดิ์สิทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น โดยแสดงความหมายที่สำคัญของพระภควัมปติ อันเป็นผู้มีความละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้าในหลายลักษณะ อาทิ
    - พระสังกัจจายน์ อันเป็นที่รักใคร่นิยมยินดีเปี่ยมไปด้วยลาภสักการะสรรเสริญ
    - พระปิดตาทวารทั้ง ๙ อัน เป็นการปิดกั้นอาสวะกิเลสแห่งทวารเข้าออกทั้ง ๙ ของร่างกาย
    - พระปิดตามหาอุด อันเป็นการป้องกันสรรพภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง

    ในกระบวนพระปิดตาของคณาจารย์แต่โบราณนั้น มีที่ขึ้นชื่อลือเลื่องหลายสำนักด้วยกัน วัสดุมวลสารที่นำมาประกอบเป็นองค์พระมีทั้งเนื้อชินตะกั่ว เนื้อผงคลุกรัก เนื้อผงใบลาน เนื้อผงมวลสาร เนื้อสัมฤทธิ์ เนื้อเมฆพัด เนื้อเมฆสิทธิ์ เป็นต้น
    - พระปิดตามหาอุดหรือพระปิดทวารทั้ง 9 กันดูบ้าง ความเป็นจริงพระปิดตา ที่มีมือคู่เดียวยกขึ้นมาปิดที่ใบหน้า และพระปิดทวารทั้ง 9 นั้นก็หมายถึงพระภควัมปติหรือพระภควัมบดี เช่นเดียวกัน และพระมหาสังกัจจายน์ ก็คือพระอรหันต์องค์เดียวกันนั่นเองครับ

    ตามประวัติว่ากันว่าพระมหาสังกัจจายน์นั้นมีรูปร่างงดงาม และได้รับคำชมจากพระบรมศาสดาว่า พระมหาสังกัจจายน์นั้นเป็นเอตทัคคะ และฉลาดล้ำเลิศในการอธิบายความแห่งคำที่ย่อได้อย่างพิสดาร ด้วยความฉลาดล้ำเลิศของพระมหาสังกัจจายน์นั่นเอง

    พระมหาสังกัจจายน์ ท่านเป็นผู้ที่มีผิวพรรณวรรณะงดงาม ตามพระบาลีว่า สุวณฺโณจวณฺณํ คือมีผิวเหลืองดังทองคำ เป็นที่เสน่ห์นิยม มิว่าท่านจะไปในสถานที่แห่งใด เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายต่างก็พากันสรรเสริญว่า ท่านคือ พระบรมศาสดาเสด็จมาแล้ว

    เพราะเหตุที่ท่านมีรูปโฉมละม้ายเหมือนพระศาสดานั่นเอง ท่านจึงได้รับสมญานามอีกชื่อหนึ่งว่า “พระภควัมปติ” ซึ่งมีความหมายทำนองว่า ผู้มีความงามละม้ายเหมือน พระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเอง

    เมื่อเหตุการณ์เป็นไปดังนี้ ท่านจึงมาคิดว่า การที่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายพากันสรรเสริญท่านดังนี้ เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง สุดท้ายท่านจึงกระทำด้วยอิทธิฤทธิ์ เนรมิตกายให้เตี้ยลงจึงดูท้องพลุ้ย ไม่เป็นที่น่าดู เทพยดาและมนุษย์จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดอีกต่อไป

    ส่วนที่มีการทำ รูปเคารพเป็นรูปปิดทวารทั้ง 9 นั้น ก็คือมือคู่หนึ่งปิดหน้า คือปิดตา 2 ข้างปิดจมูก 2ปิดปาก 1 และมีมืออีกคู่หนึ่งมาปิดที่หู 2 ข้าง ส่วนอีกมือคู่หนึ่งนั้นปิดที่ทวารทั้ง 2 รวมเป็นปิดทวารทั้งเก้า คือเป็นอุปเท่ห์หมายถึง ตอนที่พระภควัมปติท่านกำลังเข้านิโรธสมบัติ ทวารทั้งเก้าก็จะปิดสนิท ไม่ยินดียินร้ายกับกิเลสทั้งหลาย หมายถึงดับสนิท อาสวะกิเลสต่างๆ ไม่อาจที่จะเข้ามาแผ้วพานได้เลย

    จากมูลเหตุนี้เอง คณาจารย์ต่างๆ ท่านจึงสร้างรูปเคารพ เป็นรูปพระปิดตา (คือมีมือคู่เดียวมาปิดที่หน้า) บ้างเป็นรูปพระปิดทวารทั้งเก้าบ้าง และโดยส่วนใหญ่ถ้าเป็นพระปิดตาก็จะปลุกเสกให้เด่นไปทางเมตตามหานิยม โชคลาภโภคทรัพย์
    แต่ถ้าเป็นพระปิดทวารทั้ง 9 ก็จะปลุกเสกให้เด่นไปทางอยู่ยงคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาด พระปิดทวารทั้งเก้านั้นในสมัยโบราณ ถ้าบ้านไหนมีคนจะคลอดลูก ถึงกับต้องนำพระปิดทวารทั้งเก้าออกไปนอกบ้านเสียก่อน เชื่อกันว่าจะไม่สามารถคลอดลูกได้ก็มี ซึ่งเป็นความเชื่อกันในสมัยโบราณ
    พระปิดทวารทั้งเก้านั้นมีคติการสร้างมาตั้งแต่ครั้งไหน ยังไม่มีการสืบค้นไปถึงได้ มีพระปิดทวารทั้งเก้าเก่าๆ ที่ยังไม่มีใครทราบว่าเป็นของพระอาจารย์ท่านใดสร้าง แต่มีเนื้อหาความเก่าและได้รับตกทอดกันมานานแล้ว ก็มักจะเรียกกันว่าพระปิดทวารฯ เขมร ส่วนมากที่พบมักจะเป็นเนื้อโลหะ ประเภทสัมฤทธิ์ หรือโลหะผสม ออกจะเป็นทองเหลืองบ้าง เนื้อกลับดำบ้าง
    จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถสืบค้นถึงที่มาได้ แม้แต่ในประเทศกัมพูชาเองก็ยังไม่แน่ว่าจะมีหรือสืบค้นเรื่องราวได้หรือ เปล่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าศึกษาค้นคว้าดู พระปิดทวารฯ เขมรตามที่เขาเรียกกันนั้นของแท้ๆ จะมีเนื้อหาความเก่าแก่อย่างชัดเจน ทั้งศิลปะก็เป็นแบบเก่า เท่าที่พบจะเป็นพระลักษณะปั้นหุ่นเทียนเป็นองค์ๆ จะไม่มีองค์ใดซ้ำกันเลย

    "พระปิดตาเนื้อโลหะ"ที่เก่าที่สุดและพอที่จะมี หลักฐานสืบค้นได้ก็คือพระปิดตาของกรุวัดท้ายย่าน ชัยนาท อายุราวสมัยกรุงศรีอยุธยา และพระปิดตาเนื้อดิน คือพระปิดตาพิชัย สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายทางใต้ก็มีพระปิดตานครศรีธรรมราชเป็นต้น ส่วนพระปิดทวารฯ เนื้อโลหะเท่าที่สืบค้นได้ว่าเป็นของพระอาจารย์ท่านใด
     
  16. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
    อนุโมทนา ที่หามาให้รับทราบ ข้อมูล
     
  17. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
  18. w.สุรพล

    w.สุรพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,216
    ค่าพลัง:
    +4,544
    เช่นกันครับ สุขสันต์วันพ่อครับทุกท่าน
     
  19. crazy

    crazy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +1,238
    กราบพระอาจารย์พรสิทธิ์ และสวัสดีพี่ๆทุกคนค่ะ
    ขอบคุณความรู้เรื่องการตั้งขันธ์มากๆเลยนะค่ะ
    เห็นพี่ๆช่วยกันตอบคำถามดีจัง
    รู้สึกอบอุ่น อิอิ

    วันนี้ก็ได้รับตะกรุดสามสหาย และพระขุนแผนแล้วนะค่ะ
    รอช่างเลี่ยมตะกรุด(fantastic 4) เพิ่มแมงวันคำด้วยค่ะแหะๆ กับพระขุนแผน
    ถ้าจะนำมาอาราธนาติดตัวเลยได้ไหมค่ะ
    หรือควรจะตั้งขันธ์ก่อนดีค่ะ
    ขอบคุณทุกๆความเห็นค่ะ
     
  20. donjudo077

    donjudo077 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,719
    ค่าพลัง:
    +14,438
    ถ้าอยากให้พี่แนะนำตั้งขันธ์ดูจะครบเครื่องมากกว่าครับ เป็นการปรับให้เหมาะกับบุคคลและสื่อถึงครูบาอาจารย์ให้ท่านรับรู้ครับ แต่ถ้าน้องคิดว่าน้องสามารถสื่อถึงได้ไวก็ไม่จำเป็นก็ได้ครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...