มหาสติที่เกิดในฌาน กับมหาสติที่เกิดนอกฌาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย 2ชาติตรัสรู้, 6 สิงหาคม 2009.

  1. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ถ้าเป็นแล้วมันมีวิธีแก้ไหมครับ อุเบกขา วิปัสสนูกิเลสนี่ครับ
     
  2. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    จะไปแก้ทำไม..
    ถึงเป็นอุเบกขาก็ตกอยู่ใต้กฏไตรลักษณ์ เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
    ไม่ต้องไปทุกข์ร้อน..มันจะเกิดก็เกิด มันจะดับก็ดับ
    มันเป็นสภาวะธรรมอันหนึ่งเท่านั้น..

    ถ้าไม่เป็นวิปัสสนูกิเลส มันเข้าถึงของจริงที่เป็นผล...ยถาภูญาณทัสนะ..
     
  3. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ขอถามท่านวิสุทโธ...

    ที่กล่าวถึงอัปปนาสมาธิหมายถึงสมาบัติ8 ถ้าเราทำสมาธิถึงปฐมฌาณ จิตจะดำเนินไปถึงจตุตฌาณตามลำดับโดยอัตโนมัติหรือไม่?
    แล้วถ้าจิตถึงปฐมฌาณ สถาวะนั้นจะค้างอยู่ได้ไหม? หรือว่าต้องไปทางใดทางหนึ่ง คือ ฌาณลึกขึ้น หรือ ถอยออกมาที่อุปจาระ?

    ที่ว่าคล้ายมุดอุโมงค์ไปโผล่อีกที่หนึ่ง ตามประสบการณ์อันเล็กน้อย กลับไม่พบว่าจิตไปโผล่อีกที่ แต่กลับเป็นจิตเข้าพวังค์ดับวูบลงไป เป็นความว่างที่ไร้ขอบเขต คล้ายล่องลอยอยู่ในจักรวาล แต่ตัวเราที่ล่องลอยก็ไม่มี มีแต่ตัวรู้เท่านั้น ความว่างนี้อาจหมายถึงอีกโลกหนึ่งที่ท่านว่าก็ได้นะ...
     
  4. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ผมก็เคยเป็นนะแค่ครั้งเดียว ตอนนั้นนั่งลงหลับตาแป๊บเดียวเอง ไม่มีการผ่านสมาธิขั้นต่างๆเลย
    อยู่ๆเสียงรถเสียงอะไรต่ออะไร ดับหมด เหมือนหูดับเลย ไม่มีแม้แต่เสียง วิ้งๆ ที่เวลาคนเราออกมาจากที่เสีบงดังแล้วอยู่ในที่เงียบๆก็จะได้ยินวิ้งๆๆ ไม่มีเลย
    ดับสนิท แล้วจิตก็เห็นเหมือนอยู่ในที่ๆว่างปล่าว แต่ไม่สว่างนะ มันมืดๆเหมือนอยู่ในอวกาศ อยู่ในจักรวาลอย่างที่คุณวิมุตติว่านี่หละ . . .

    แต่ผมต๊กกะใจตั้งสติไม่ทันเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีแบบนี้ เลยลืมตาแทบจะทันทีทันใดเลยเหมือนกัน . . นึกๆ ก็เสียดายอยู่นิดๆ - -

    ต้งแต่นั้นมาก็ยังไม่เคยได้เจอแบบนั้นอีกเลย . . .
     
  5. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ผมขอฝากคำถามเอาไว้1คำถามไห้ช่วยกันตอบไห้หน่อยนะครับ

    คำว่ามหาสติ คือสติอัตโนมัตินี้ ตลอดเวลาแบบพระอรหัน เกิดจากอะไร . . .

    เกิดจากการฝึกสติ ดูจิต หรือสมาธิ ถึงจุดๆหนึ่งแล้วจึงเกิด . .

    หรือเกิดจากอะไร

    ช่วยแสดงความเห็นหน่อยนะครับ^^ ขี้เกียจตั้งกระทูถามไหม่
     
  6. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    จิตรวมเราก็รู้แล้ว จิตหลงรู้จักหรือยัง เห็นและเข้าใจกระบวนการหลงของจิตจริง ๆ แล้วหรือยัง หรือไปรู้เอาตอนหลงไปแล้ว ดูให้ออกนะ จะหลงหลอกตัวเองหรือไม่หลงหลอกตัวเองก็อยู่ที่เรา หลงก็บอกว่าหลง ยังไม่ทันก็บอกยังไม่ทัน อย่าไปปิดกั้นตัวเอง ตรงนี้สำคัญมาก ถ้าปิดนิดเดียวก็คือมันไม่เดินต่อ มันก็ไปตามทิฏฐินั้นหมด ไม่ได้มาดูตรงที่ว่านี้เลย ทันหรือไม่ทันจริง มันก็อยู่ตรงนี้ การมีสติมากน้อยแ่ค่ไหน เขาไม่ได้วัดกันแค่ตอนที่ตั้งใจหรอก มันวัดกันยาก บางทีสมถะมันไปข่มกิเลสไว้หมดแล้ว จะให้แน่ชัด เขาให้วัดกันตอนเผลอนี่เอง รู้ทันไวแค่ไหน เห็นและเข้าใจชัดแค่ไหน นั่นแหละวิชชา ปัญญาตัวจริงจะเกิดขึ้นมาได้ก็ตอนรู้เท่าทันเผลอนั่นเอง เผลอแล้วรู้ รู้ชัด ๆ มันเป็นอย่างนี้เอง...
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ยังไม่รู้จริง แต่อาศัยฟังธรรมที่พระอาจารย์สอนมา
    ก็เลยได้อุบายทางเดินตามพระอาจารย์

    ประมาณว่า รู้กายรู้ใจ ตามจริงลงเป็นปัจจุบัน จนรู้แจ้งขันธ์ ละวางขันธ์5ลงได้
    รู้การทำงานของขันธ์5 ตามจริง ให้เห็นจริงๆ เห็นของจริง

    ให้ยอมรับด้วยจิตด้วยใจให้ได้ว่าขันธ์5 ไม่เที่ยง เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในขันธ์5 เพราะขันธ์5(บ้างก็ว่าอุปทานของขันธ์5)เป็นเหตุแห่งทุกข์
    พิจารณาความไม่เที่ยงของสรรพสิ่งต่างๆ ให้เป็นอารมณ์เนืองๆ จนเกิดธรรมสังเวช
    เป็นแนวทางให้รู้สึกมาทางนี้เนืองๆ ทำเป็นอุบายให้เกิดการระลึกรู้สึกตัวบ่อยๆ
    จะพิจารณาเรื่องอะไร ก็ให้ลงท้ายให้มันเห็นความไม่เที่ยง ไม่ยึดไว้ในตน

    ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเกิด ญาณสัมปยุต เหมือนรู้จนแจ้งแก่ใจ
    จิตมันตัดสินการเห็นเอง บอกไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร
    คงเหมือนคนนั่งสมาธิ ก็หวังจะได้ฌาณ แต่ไม่รู้จะเกิดเมื่อไร ถ้าทำถูกมันก็ได้เอง

    เป้าหมายตั้งไว้ว่าจะทำแบบนี้ 100% แต่ความเป็นจริงมันทำได้แค่ 0.001%
    แต่บางทีก็ กลายเป็น 0.00% ก็มี เพราะ คิดได้แต่มันทำไม่ได้ก็มี ลงมือทำ
    บ่อยๆ มันก็มีประสบการณ์เพิ่มเอง รู้ว่าผิดเป็นอย่างไร พอผิดไปเยอะๆ มันก็จะมี
    เริ่มเข้าทางถูกบ้าง พอถูกขึ้นมาก็จะรู้เองว่าถูก

    (ยกไว้ไม่พูดเรื่อง ศีล และ ธรรมะสนับสนุนอื่นๆ ที่ต้องมีประกอบด้วย อย่าง มรรคมีองค์8 เป็นต้น)
     
  8. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    อนุโมทนากับท่านเกสท์ ท่านขันธ์ และท่าน visutto ครับ

    ในภาคปฏิบัติแล้วสภาวะธรรม ปัสสิทธิ กับอุเบกขา
    ในวิปัสสนูกิเลส กับสัมโพชฌงค์ มีองค์ธรรมต่างกันอย่างไรครับ
     
  9. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ขอบคุณที่ช่วยยืนยันสภาวะนั้น

    เรื่องตกกะใจผมก็เคยอยู่สองสามครั้ง
    มีตอนเห็นผี กับตอนมุดอุโมงค์ มันสังหรณ์ว่าจะไปโผล่ในนรก เลยเสียวๆ ถอยออกจากสมาธิเสียก่อน
    ถ้าเจออีกคงลุยต่อ แต่ตั้งแต่เน้นพิจารณารูปนาม โดยเฉพาะความเป็นอสุภะของกาย นิมิตต่างๆ ก็หายไป...
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ถ้ายังมีอาการตกใจได้ หรือเห็นอะไรได้ น้อมไปเห็นอะไรได้ ยังไม่ใช่หรอก

    ยังเป็นอุปจารสมาธิอยู่ เป็นจุดที่น้อมไปเข้าไปเกาะจิต แล้วเอาจิต หรือผู้รู้ใน
    แบบสมถะยานิกไปรู้เห็นอะไรอย่างอื่น ซึ่งจะมีทั้งมืด และสว่าง ขันธ์5ยังทำงาน
    ครบนั่นเอง

    หากชอบทำสมาธิแบบนี้ ให้จดจำสภาวะที่คล้ายยางเหนียว หรือ สภาวะที่
    คว้ายกายมันเจ็บๆ มันจะแตก มันจะแยก มันจะเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่ออก
    ไปเล่นแบบมีขันธ์5 แต่บอกเลยนะว่า หากออกไปแล้วมืดๆ หรือตอนออก
    นี่เจ็บมาก เหนียวมาก แล้วฝืนออก แบบนั้นอย่าไปทำ กลับมาจะกลายเป็น
    โมหะสมาธิทั้งหมด สิ่งทีเห็นในนิมิตจะถูกหลอกโดยกิเลศทั้งดุ้น สังขารขันธ์
    จะเป็นตัวชูโรง ออกมาแล้วจะสงบเหมือนกัน แต่จะมึนๆซึมๆเซื่องๆ

    สำหรับคนที่ทำสมาธิเมตตากรรมฐาน การออกไปตรงนี้จะไปสว่างโพลง
    อาจมีประกาย พร้อมเสียงดัง แล้วก็คาตรงความสว่าง หากน้อมมาที่กาย
    กายก็จะใสๆ โปร่งๆ แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น คาอยู่แค่นั้น ไม่ได้อะไร
    ขึ้นมานอกจากตอนออกก็จะสงบเย็นดี ไม่ซึม แต่อาจจะเซื่องๆ

    ที่สำคัญ ไม่เกิดมรรคผลอะไร ไม่เกิดปัญญาอินทีรย์ด้วย ไม่มีสาระแก่นสารอะไร
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    หากจำสภาวะนั้นได้ดีแล้ว ให้ลองมาสังเกตเวลาใช้ชีวิตตามปรกติ แล้ว
    บางจังหวะเราแบ่งเวลาไปทำสมถะ จะค่อยๆเห็นสภาวะนั้นปรากฏ ก็จะ
    น้อมเอามาฝึกสติสัมปชัญญะได้ แล้วสภาวะยางเหนียว หรือเจ็บๆนั้น
    หากปรากฏขณะที่เรากำลังตอบโต้กับโลก ก็ให้รู้เลยว่า กิเลสมันครอบ
    งำอยู่ ฝึกแบบนี้ก็ได้ จะเห็นกิเลสมันทำงาน มันครอบงำเราอีกแบบ

    เห็นกายเห็นใจ ที่ถูกบีบถูกเค้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร ขยับอย่างไร
    คิดอ่านการณ์ใด

    หากจดจำสภาวะได้แม่นๆ ลำพังแค่จงใจจะหายใจ ก็จะเห็นทันทีเลย
    ว่ากายและใจโดนเสียดแทงแล้ว

    ฝึกแบบนี้ ยังพอจะเป็นการเจริญสติได้บ้าง พอจะหาแก่นหาสาระ
    ทีจะเอื้อให้เกิดมหาสติได้บ้าง ไม่ใช่เอะอะเอา เอกัคคตา มาแปล
    ความหมายเป็น สัมมาสมาธิ เป็น โพชฌงค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2009
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CJITTAK%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:16.0pt; font-family:"Angsana New"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman";} @page Section1 {size:595.3pt 841.9pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:35.4pt; mso-footer-margin:35.4pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> เรื่องวิปัสสนูกิเลส นี่จะพูดให้ฟังว่า ใครที่ได้วิปัสสนูกิเลสแล้ว แก้ได้ บางคนเมื่อประสบทุกข์อีกครั้งก็จะเห็นเอง แต่บางคนไม่เห็น ติดอยู่ถึง 8 ปี เช่น พระอาจารย์เทส เช่นหลวงตามหาบัว ตอนติดในสมาธิ การติดในสมาธิครั้งนั้นไม่ใช่ติดในสมถะอย่างเดียว เพราะว่า ติดในสมถะธรรมดา นั้นไม่มีภูมิปัญญา เราก็จะไม่อวดเก่ง แต่ว่าถ้าติดสมาธิในภูมิปัญญาแล้ว เก่งไปหมด รู้แทบทุกอย่างว่า อะไรสมมติ อะไรวิมุตติ ตัวติดวิปัสสนูกิเลส จึงมักจะเกิดหลังจากได้วิปัสสนา บางท่านอาจจะได้โคตรภูแล้วเกิด บางท่านอาจจะได้วิปัสสนาญาณแล้วเกิด เมื่อเกิดแล้วก็จะมีทิฎฐิปักแน่นว่า นี่แหละคือทาง การเพิกสมมติออกนี่แหละทาง การไม่ต้องไปเพิ่มเติมอะไรนี่แหละทาง แม้ตัวกระผมเองยังเคยกระหยิ่มยิ้มย่องว่า หลวงตามหาบัวท่านทำไมจึงสอนให้คนเพิ่มสมมติ หารู้ไม่ว่า เรานั่นเองแหละ โง่ที่สุดที่เอาตรรกะตนไปวิพากษ์ ครูบาอาจารย์ระดับท่าน

    ทีนี้ จะแก้อย่างไร ตอบว่า ถ้าทิฎฐิมานะมาก ก็ปล่อยให้เจอทุกข์ด้วยตัวเอง แต่ถ้ายังทิฎฐิอยู่ ก็ชักสะพานเสีย
    แต่หากจะแก้ด้วยตนเอง รู้ว่า สิ่งนี้ๆ คือวิปัสสนูกิเลส แต่ฝืนไม่ได้ ก้ไม่ได้เรียกว่า วิปัสสนูกิเลส แต่เรียกว่า ยังห้ามอนุสัยไม่ได้

    ข้อต่อมาเรื่องของ ฌาณ และ อรูปฌาณ การปรากฎไปอีกที่หนึ่งคือ การเปลี่ยนภพ ซึ่ง ต้องเข้าใจก่อนว่า คำว่าโคตรภู คือ ญาณหรือ ตัวรุ้ เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องของ ฌาณ หรือ อรูปฌาณ ที่นี้ ญาณหรือตัวรุ้หรือปัญญานี้จะเกิดตรงไหน ตอบว่า เกิดที่ไหนก็ได้ จะเกิดขณะนั่งขณะนอนก็ได้ ดังเช่น พระอานนท์ บรรลุพระอรหันต์ ตอนที่กำลังจะเอนตัวนอน หรือ พระอริยะท่านอื่นๆ ได้ฟังธรรมขณะนั้นแล้ว มีจักษุเห็นธรรม นี่แหละ เรียกว่า ทัสนะเกิด ในลักษณะเดียวกัน คือ ไม่ขึ้นอยู่กับว่าจะต้องอยู่ใน สภาวะฌาณ หรือ อรูปฌาณ หรือ ปกติ ทีนี้ ความปกติของผุ้กำลังพิจารณานั้นอาจจะมี กำลังสมาธิสูง จนถือว่าเป็น อุปจาระสมาธิ นั้นแหละ ให้ใช้ กำลังสมาธิตรงนั้น
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]-->
     
  13. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ลุงขันช่วยอธิบายอาการเพิกสมมุติหน่อยครับ
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณต้องการให้มันมีความหมายอะไร มากกว่าที่มันเป็นอยู่หละ
     
  15. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    - - เช่นหนีสมมุติ หรือไม่ยอมรับสมมุติหรือป่าว

    หรือเพิกสมมุติ คือการมองทุกอย่างเป็นสมมุติได้
    แล้วมีความพอใจกับการมองทุกอย่างเป็นสมมุติ
    แล้วก็ไม่อยากอยู่กับสมมุติหรือยังไง

    แต่ช่างมันเถอะ ไม่อยากรู้แล้วหละ 5 5
     
  16. adisak007

    adisak007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    859
    ค่าพลัง:
    +699
    สาธุ สาธุ สาธุ......ได้ไอเดียได้มุมมองหลายๆ อย่าง .....ได้รู้ได้สติ ถึงจะแป๊บๆ ให้ได้รู้นี่ก็ดี จะรู้และเท่าทันมันนานๆ นี่ก็ดี แต่ถ้ารู้ตัวเองตลอดว่าทำอะไร กายทำอะไร จิตทำอะไร นี่ก็ดี เป็นแบบนานๆๆ เป็นมหา แปลว่าเยอะ แต่ถ้าทำไม่ดี เดียวดีเดี๋ยวไม่ดี เดี๋ยวรู้ตัว เดี๋ยวไม่รู้ตัว อันนี้ต้องฝึกเยอะ เพราะถ้าสติไม่อยู่กับตัวเผลอทำไม่ดี แทนที่จะเป็นมหา เดี๋ยวเขาจะว่าเป็นหมาเอา........... สติ....+ มหา........VS สติ... +......หมา อันนี้ต้องลองกระแซะๆ ไปถามหลวงพ่อจรัญดู ถ้าหาใจดีหน่อยก็ยกไปถามหลวงพี่เล็กเอา ถ้าจะเบาลงอีกนิด อธิษฐานขอให้ได้ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้าขอให้ได้ พอถึงเวลาที่ได้แล้วมันก็จะบางอ้อเอง............ ส่วนตอนนี้ กระผมนี้ฝึก สติ+ หมา อยู่ เพราะยังขึ้นไม่ถึงสติ เมื่อมีสติ ดีๆ แล้วจะขอไปศึกษามหาสติดูบ้าง แต่ทำยังไงมันก็ยังฟุ้งนี่อะจิ แย่จัง
     
  17. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    เฮ้ย อย่าไปฝึกสติ+หมามานะครับ เพราะถ้ามันรวมกันได้เมื่อไร มันก็เป็น
    สติหมา

    เมื่อสติเป็นหมาแล้ว จะทำอะไร มันก็จะเป็นหมาไปหมด ไม่ว่าการกระทำ คำพูด

    อูยยย นึกแล้วสยิววว:cool:
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ 2 ชาติ การเพิกสมมติ คือ การบอกว่าไม่อยากรู้แล้วนั่นแหละ
     
  19. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    ขอพูดถึงเฉพาะอัปณาสมาธิเท่านั้น
    ถ้าคุณทำสมาธิถึงปฐมฌาณ...
    จิตจะดำเนินไปถึงจตุตฌาณตามลำดับหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิและกำลังสติที่ละเอียดขึ้นตามลำดับ สถาวะตรงนั้นจะไม่ค้างอยู่ เป็นไปตามกฎพระไตรลักษณ์ ถ้ากำลังสติและสมาธิอ่อนก็จะถอยออกมาที่อุปจาระ ถ้าจิตดิ่งสงบลงสู่ฐานของจิตแนบแน่นก็จะสงบเป็นฌานละเอียดลึกขึ้นตามลำดับ

    ที่ว่า... จิตเข้าภวังค์ดับวูบลงไป เป็นความว่างที่ไร้ขอบเขต คล้ายล่องลอยอยู่ในจักรวาล แต่ตัวเราที่ล่องลอยก็ไม่มี มีแต่ตัวรู้เท่านั้น ความว่างนี้อาจหมายถึงอีกโลกหนึ่งที่ท่านว่าก็ได้นะ...ความหมายเดียวกันไม่ต้องสงสัย ต้องสังเกตุถึงความสว่างของจิต เพราะความสว่างของจิตนั้นเปรียบเป็นปัญญาส่องธรรมให้จิตปราศจากนิวรณ์ธรรม ดังคำพระศาสดาที่ว่า แสงสว่างเหนือปัญญาเป็นไม่มี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2009
  20. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    ตอบคุณ 2 ชาติ...
    ที่ว่า..นั่งลงหลับตาแป๊บเดียวเอง ไม่มีการผ่านสมาธิขั้นต่างๆเลย
    อยู่ๆเสียงรถเสียงอะไรต่ออะไร ดับหมด เหมือนหูดับเลย ไม่มีแม้แต่เสียง วิ้งๆ ที่เวลาคนเราออกมาจากที่เสีบงดังแล้วอยู่ในที่เงียบๆก็จะได้ยินวิ้งๆๆ ไม่มีเลย
    ดับสนิท แล้วจิตก็เห็นเหมือนอยู่ในที่ๆว่างปล่าว แต่ไม่สว่างนะ มันมืดๆเหมือนอยู่ในอวกาศ
    ตรงนี้จิตกำลังจะดิ่งรวมเข้าสู่ฐานของจิต ถ้าตั้งสติไม่ทันตกใจ มันจะถอนออกจากสมาธิ
    แต่ถ้าตั้งสติให้ดีไม่ตกใจจะพบ สภาวะจิตรวม ไม่ต้องเสียดายเสียใจ ค่อยๆทำไปเดี่ยวมันก็เจอทางเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...