ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Pleased, 30 พฤษภาคม 2009.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE width="97%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle height=20>วีธีภาวนา

    [​IMG]
    เมื่อมอบกายถวายชีวิตต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงค์แล้ว ต่อไปก็พึงน้อมอำนาจพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ มาสถิตประสิทธิประสาทในขันธสันดานของตน อำนาจวิสุทธิทิพย์เข้ามาเมื่อบุคคลน้อมเข้ามาใส่ตนเท่านั้น ดังบทสวดธรรมคุณที่ว่า “โอปนยิโก” พึงน้อมเข้ามาสู่ตนผู้ที่จะรับอำนาจนี้ได้ดี ต้องมีสมาธิขั้นต่ำขณิกสมาธิ หรืออุปจารสมาธิ ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีอุบายทำใจให้สงบ ตั้งมั่นด้วยการภาวนาปานุสสติ

    ผู้ปฏิบัติพึงเพ่งเฝ้าดูอาการของลมหายใจที่ลิ้นปี่ (ก้นปอด) ยามขยายตัวพองออก ก้รู้แจ้งว่าขยายพองออก บริกรรมกำชับความรู้ตัวว่า “พองหนอ”เมื่อมันยุบแฟบลงก้รู้แจงชัดว่ายุปแฟบลง บริกรรมกำชับความรู้ตัวว่า “หยุบหนอ” นี้ คือ อานาปานุสติฐานเดียว

    สามารถลงมือปฏิบัติได้โดยนั่งคู้บัลลังค์ เท้าขวาทับขาซ้าย หรือเท้าซ้ายทับขาขวาก็ได้ ตาถนัด เอามือขวาทับมือซ้าย หรือมือซ้ายทับมือขวา หรือประสานกันไว้วางบนหน้าตัก ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่น

    มองไปที่พุทธรูปบอกตัวเองว่า “บัดนี้ฉันได้ถวายร่างกายและชีวิตนี้ต่อพระพุทธเจ้าพระธรรมเจ้า และต่อพระสงฆ์เจ้าแล้ว ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดฉันจะปล่อยให้เป็นตามอำนาจแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เจ้า บัดนี้ ฉันจะเจริญภาวนาให้นิ่งอยู่ด้วยรู้ตัวพร้อมทั่ว ฉันจะไม่สนใจเรื่องภายนอก ฉันจะไม่ยินดียินร้ายกับ รูป เสียง กลิ่น รสสัมผัสที่อาจมากระทบ จะสนใจเพียงประการเดียว คือ ความรูสึกตัวอันบริสุทธิ์เท่านั้น ” จากนั้นค่อย ๆ หลับตาลง


    แล้วเริ่มสังเกตดูอาการของลมหายใจ เอาจิตจดจ่ออยู่ที่ลิ้นปี่ เฝ้าดูอาการของลมปราณอยู่อย่าปกติเฉย เมื่อมันพองออก ก็บริกรรมว่า “พอง” เมื่อมันยุบก็บริกรรมว่า “ยุบ” ลมจะสั้นจะยาว จะช้าจะเร็วอย่าไปบังคับมัน การเข้าไปบังคับลมหายใจ จะทำให้ขดความสมดุลในกระบวนการ อาจเกิดความอึดอัด เหนื่อยหอบ คอแห้ง เป็นต้น

    จงประคองสติรู้อยู่ จิตอันเป็นธาตุรู้ธรรมชาติ จะรู้ตัวได้โดยถ่องแท้เมื่อจิตดำรงตนอยู่ในจิตเอง แล้ว เฝ้าดูอาการของปราณที่เกิดขึ้นภายนอกจิต การฝึกอานาปานุสติที่ถูกต้องสมบูรณ์คือ เอาจิตไว้ที่จิตแล้วจ่อจดจุดที่สนใจไว้ที่ลิ้นปี่ เฝ้ารู้อาหารของลมหายใจอยู่บริกรรมย้ำความรู้ตัวว่า พอง – ยุบ และ พอง – ยุบ

    เพื่อมิให้ความรู้ตัวซ่านออกไปนอกจิตนักปฏิบัติพึงประคองตัวรู้อย่างนี้ให้ตั้งมั่น เมื่อจิตตั้งมั่นในสัมปชัญญะ อันบริบูรณ์แล้ว พองยุบก็จะหายไป ก็ปล่อยให้หายไป ทรงปิติและอุเบกขาอันเป็นเอกแล้วแลเฉยอยู่ แต่หากยามใดมีความคิดกังวลถึงเรื่องต่าง ๆ หรือความง่วงหาวนอนเข้ามารบกวน ก็เพิ่มอัตราการหายใจลึกแรงขึ้นได้ เพื่อเขย่าธาตุรู้ พอสติอยู่กับตัวแล้ว ก็ทรงความรู้ตัวไว้ในสัมปชัญญะอันบริสุทธิ์ อันเป็นอุเบกขาเป็นเอกตั้งมั่นอยู่

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2009
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    การคลายกรรม

    เป็นหลักธรรมดาของทุกสิ่งในจักรวาลนี้ ถ้าลด อุณหภูมิมิให้สงบเย็นลง องค์ประกอบภายในจะจัดเรียงตัวกันใหม่ให้เป็นระเบียบมากขึ้น ยิ่งเย็นลงเท่าไหร่องค์ประกอบภายในก็จะมีความเป็นระเบียบมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งองค์ประกอบภายในประสานกลมกลืนกันด้วยระเบียบอันดีเพียงใด ก็จะมีอานุภาพเพิ่มพูนมากยิ่งเพียงนั้น ดังเหล็กเมื่อเป็นเหล็กธรรมดา โมเลกุลของมันไม่เป็นระเบียบ ยุงเหยิง สับสน จะเป็นเหล็กที่ด้อยอานุภาพ

    แต่เมื่อลดอุณหภูมิให้เย็นลง โมเลกุลของเหล็กนั้นจะเรียงตัวกันเป็นระเบียบในขณะที่โมเลกุลจัดเรียงตัวกันใหม่นั้นโมเลกุลประเภทเดียวกันก็จะเกาะตัวเข้าหากัน โมเลกุลที่แปลกปลอมต่างพวกไปก็จะถูกเบียดออกจากกลุ่มก้อนเมื่อโมเลกุลของเหล็กทั้งหมดเรียงตัวกันเป็นระเบียบเป็นเนื้อเดียวกันดีแล้ว ก็จะมีอำนาจดึงดูด เกิดขึ้นทั้งหลายเป็นแม่เหล็ก

    ในทำนองเดียวกันกับคนก็เช่นกัน หากจิตใจเร่าร้อนมากก็จะฟุ้งซ่านตะเกียกตะกาย ทุรานทุราย หากสงบเย็นลงก็จะ นุ่มนวล มั่นคง แต่หากจิตใจเยือกเย็นเป็นปกติ แท้แล้วก็จะนิ่งสนิท มีความเบิกบาน คงทนถาวรและมีอำนาจสูง
     
  3. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    โครงสร้างของคนคือ จิตสำนึกแท้ + ตัณหา + อุปาทาน + กิเลส

    จิตสำนึกแท้เท่านั้นที่เป็นจิตบริสุทธิ์ส่วนตัณหาอุปาทาน


    และกิเลสเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เข้มาแทรกอาศัยอยู่พวกนี้จะดึง

    จิตใจไปสร้างกรรมต่าง ๆ

    โดยปกติกรรมที่ดีจะไม่ทำให้จิตใจหนัก แต่อาจหนักได้บ้างหากเกิดกุศลวิตกเพราะติดดี หากติดดีแสดงว่าไม่ดีจริง ยังไม่บริสุทธิ์ การติดดีเกิดขึ้นเพราะมันมีตัวไปติดความจริงความดี ก็เป็นสภาวธรรมสากล ที่แทรกซึมอยู่ในทุกอณูของธรรมชาติ แต่ตัวที่ไปติดเอาความดีเข้าคืออัตตา เมื่ออัตตาติดดีมากก็จะเกิดความตึงเครียด อาจเกิดความตึงเครียดมากเมื่อพบสิ่งเลว

    และหากเป็นอกุศลกรรม ที่เกิดจากการกระทำชั่ว 10 ประการ คือฆ่าสัตว์หรือเบียดเบียนสัตว์ ลัก ฉก ชิง ยักยอก หรือฉ้อโกงทรัพย์หนึ่ง พูดส่อเสียดหนึ่ง พูดคำหยาบหนึ่ง พูดเพ้อเจอหนึ่ง โลภอยากได้ของคนอื่นหนึ่ง พยาบาทจองร้ายเขาหนึ่ง และมีความเห็นผิดจากสัจธรรมอีกหนึ่งแล้วไซร้ก็จะทำให้ความรู้สึกหนักมาก ร่างกายไม่ปกติ เจ็บไข้ได้ป่วย อ่อนแออยู่บ่อย ๆ หรือเสมอ ๆ ความจำเลอะเลือน ความคิดอ่านไม่ปลอดโปร่ง การรับรู้ก็ไม่ดี ทั้งนี้ เพราะกระแสพลังกรรมชั่วอันมืดดำแทรกซึมอยู่ในร่างกายสังขาร และวิญญาณของเรานั่นเอง จึงทำให้เราทุกข์ทรมาน พิกลพิการทางกายและพิการทางใจ เป็นความเครียดเป็นภาวะกดดันที่จิตไม่ต้องการ และหากใครยังเก็บงำความเครียดไว้ในตัวย่อมมีนรกมีที่ไปเพราะวิญญาณหนักย่อมตกลงสู่ที่ต่ำ

    ความตึงเครียดเหล่านี้ที่ติดดีและติดเลว สามารถเอาออกจากขันธ์ได้โดยการลดความเล่าร้อนของจิตลงเมื่อใจสงบแล้วอุณหภูมิของกายก็จะค่อย ๆ ลดลง ความวุ่นวายของขันธ์ต่าง ๆ ก็จะสงบลง ใจก็ดี กายก็ดี จะค่อย ๆ จัดเรียงตัวกันใหม่ให้เป็นระเบียบ

    ช่วงนี้อาการเครียดอันแปลกปลอมอยู่ในร่างกายก็ดี ใจก็ดีจะเริ่มคลายออกซึ่งออกมาทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง ทางใจบ้าง

    ทางกายเช่น ชาตามมือตามเท้า เกร็งทั้งตัว สั่นแน่หน้าอก รู้สึกเสียวทั่วสรรพพางค์กาย ปวดศีรษะ ปวดเอว เมื่อยหลัง ฯลฯ ซึ่งอาการเล่านั้นเกิดจาอำนาจผลของกรรมของการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ลักทรัพย์ ฉ้อโกง ประพฤติผิดในกาม และการดื่มน้ำเมา เสพสิ่งเสพติด

    ทางวาจาเช่น ร้องไห้ ร้องเพลง ส่งเสียงเอิกอ๊าก ร้องด่าผู้อื่น โอดครวญคราง สารภาพผิด ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้ เกิดจากอำนาจผลกรรมของการพูดปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ


    ทางใจ
    เช่น รู้สึกอึดอัด มืดตื้อรู้สึกวาบหวิวเหมือตกจากที่สูง ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านั้นเกิดจากอำนาจผลกรรมทางใจที่โลภ โกรธ และหลงงมงายขาดปัญญา

    เมื่อจิตเริ่มเป็นสมาธิ อาการเหล่านั้น จะเริ่มคลายออกมา หากมีอาการใดเกิดขึ้นนักปฏิบัติไม่ต้องตกใจปล่อยให้มันเกิดขึ้นแล้วมันจะหายไปเอง เราเพียงแต่ทรงจิตดูรู้อยู่ด้วยสติอันตั้งมั่นในสัมปชัญญะอันบริบูรณ์เท่านั้น
     
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ธรรมะลง

    เมื่ออำนาจธรรมลงสู่ขันธ์ นักปฏิบัติบางท่านอาจรู้สึกซ่านจากศีรษะลงมา บางท่านอาจจะรู้สึกชานิด ๆ ไปทั้งตัว บางท่านอาจจะหลับตาอยู่แล้วเห็นแสดงพุ่งเข้าหาตัวแวบหนึ่งบางท่านที่สมาธิดีหน่อย อาจเห็นดวงธรรมลอมมาแล้วสัมผัสในจิตตน ไม่ว่าเป็นอย่างไรก็ตาม พึงน้อมรับแล้วดูปรากฏการณ์อยู่ด้วยความตื่นรู้อะไรจะเกิดขึ้นยามนั้นปล่อยให้มันเกิดขึ้น


    อย่าลืมว่าเรามอบการถวายชีวิตต่อพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนั้นไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น

    อำนาจธรรมนี้เองที่จะช่วยให้ท่านรู้เห็นกรรมของตนพบ


    เจ้ากรรมนายเวร เห็นภพภูมิต่าง ๆ ได้ เมื่อการฝึกของท่านก้าวหน้าขึ้น

     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    การตัดกรรมตัดได้ด้วยอำนาจ สามประการคือ

    สติ อโหสิ และ สารภาพผิด

    1. สติ ในขณะที่ขันธ์คลายกรรมกดดันออกนักปฏิบัติพึงดำรงสติให้มั่นคงรักษาจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในสัมปชัญญะอันเป็นเอกแล้วดูรู้อาการของขันธ์ แต่ไม่เข้าไปร่วมแสดงด้วยกับขันธ์ หากความรู้สึกตัวกระท่อนกระแท่น ก็ให้บริกรรมว่า “พอง - ยุบ” “พอง - ยุบ” อยู่เสมอ อำนาจของสตินั้นจำทำให้จิตใจถอนตัวออกจากขันธ์ และอาการของขันธ์ได้ เราพึงทรงสติ รู้ดู เฉยอยู่ ขันธ์จะกระตุกเต้นก็ปล่อยไป แต่จิตไม่เข้าไปเต้นกระตุกด้วย ให้ทรงสติรู้อยู่ ด้วยวิธีนี้จิตจะถอนตัวจากอำนาจกรรม อำนาจกรรมที่เก็บงำอยู่ไม่มีที่ยึดเกาะเกี่ยว ก็จะคลายออกไป เมื่อกรรมนั้นคลายออกไปหมด ก็เป็นอันสิ้นกรรมตัดเวรนั้น ๆ ขาดไป

    2. อโหสิ กรรมใดที่มีเจ้ากรรมนายเวรผูกบ่วงพยาบาทอยู่ และเจ้ากรรมนายเวรนั้นได้ปรากฏต่อหน้าแล้วก้พึงประกาศอโหสิกรรมแก่กัน โดยตั้งจิตอธิฐานว่า “กรรมชั่วอันใดที่ท่านได้กระทำแล้วต่อข้าพเจ้า ด้วยกายก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยวาจาก็ดี อันทำให้ท่านต้องตกระกำลำบากในกาลต่อไป ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้แก่บาปเวรนั้นของท่าน ขอท่านอย่าได้เสวยผลกรรมอันทุกข์ทรมานนั้นเลย และหากมีกรรมชั่วอันใดที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้วต่อท่าน ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ขอท่านจงงดโทษ อโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้าจักสำรวมระวังในกาลต่อไป ”

    จากนั้นก็แผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลไปยังเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งใกล้และไกล

    3. สารภาพผิด กรรมบางชนิดที่เป็นมโนกรรม เช่น การแอบไปอิจฉาริษยาผู้อื่น ซึ่งมีผลทำให้จิตใจต้องหมองเศร้า หดหู่กรรมแบบนี้ สามารถตัดให้ขาดได้ด้วยการสารภาพผิด แล้วตั้งจิตชอบต่อไป

    กรรมทั้งหลายอาจตัดขาดได้ด้วยอำนาจทั้ง 3 ประการดังกล่าว ยกเว้นกรรมประเภทหนึ่งที่ไม่อาจตัดให้ขาดด้วยอำนาจใด ๆ กรรมนั้นคืออนันตริยกรรมหมายถึงกรรมหนักอันมีผลสนองเป็นอนันต์ บุคคลใดประทำกรรมประเภทนี้แล้วห้ามขึ้นสวรรค์ห้ามเข้านิพพานมีนรกเป็นที่ไปเพียงประการเดียว อนันตริยกรรมประกอบด้วย กรรมต่อไปนี้คือ

    1. ทำให้พระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต
    2. ฆ่าพระอรหันต์
    3. ฆ่าบิดามารดา
    4. ทำสงฆ์ให้แตกกัน


    ดังนั้นผู้มีปัญญาทั้งหลายพึงหลีกเลี่ยงกรรมนี้ให้ดี อย่าไปเผลอทำเข้าเป็นอันขาด แม้พระมหาโคลลานะ ผู้มีอิทธิ์มาก ยังถูกทุบจนแหลกเหลวก่อนเข้าปรินิพาน เพราะเมื่อพันชาติก่อน ท่านเคยทุบตีมารดาของท่านไว้ ด้วยผลกรรมนั้นจึงทำให้ท่านถูกทุบตายมาทุกชาติแม้ในชาติสุดท้ายนี

     
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ชำระขันธ์เพิ่มพลังอำนาจ

    การคลายกรรมและตัดกรรมออกไปแล้ว จะทำให้ขันธ์ของทานสะอาดโปร่งเบาขึ้น

    เมื่อใจสงบองค์ประกอบภายในอันได้แก่ การเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็จะจัดเรียงตัวกันใหม่

    ให้เป็นระเบียบ ยิ่งขึ้นนำมาซึ่งความมั่นคงแข็งแรงและมีพลังอำนาจ

    - ก่อนฝึกจิต ความคิดอ่านไม่เป็นระเบียบร่างกายพิกลพิการตึงเครียด

    - ระหว่างการฝึกจิตใจเริ่มเย็นลง อาการคลายความตึงเครียดปรากฏขึ้น

    องค์ประกอบจัดเรียงตัวกันใหม่สิ่งแปลกปลอมถูกขันออกจากขันธ์

    - หลังการฝึกจิตแล้วใจสงบเย็นเป็นระเบียบเซลล์ในร่างกายสะอาดหมดจด

    ถ้าสำเร็จเป็นพระอรหันต์กระดูกจะเป็นพระธาตุ

    ความรู้สึกปลอดโปร่ง แจ่มใส ความจำดีมีปัญญาแตกฉาน จิตจะมีพลังอำนาจมาก
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    อำนาจสมถะ

    อำนาจสมถะ นอกจากจะช่วยลดความเร่าร้อนวุ่นวายทางจิต

    คลายความตึงเครียด กดดัน ขจัดกรรมชั่วร้ายและโรคภัยต่าง ๆ ออกไป

    จากขันธสันดาลได้แล้ว หากนักปฏิบัติ มุ่งความก้าวหน้าในปรากฏการณ์ทางจิต

    สามารถรักษาสติสัมปชัญญะเกื้อกูลกันตลอดสายแล้ว

    สำรวมในทวารทั้งหก คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ไม่ให้ไปหาเรื่องใหม่

    ความเครียดใหม่ มาหมักหมมในจิตใจอีก มีความชำนาญในการทำจิตให้ตั้งมั่น

    คล่องแคล่วในการเข้าออกญาณ ก็จะได้ทิพยจักขุญาณตากำลังสมาธิ

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  8. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2009
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2009
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เมื่อเช้าฝันว่า มีผู้ชายนั่งข้างๆเเล้ว ให้โปสการ์ดเปล่า

    บอกว่า ให้เอาไว้เขียนสิ่งดีๆส่งไปให้คนที่ท่านรัก


    เเล้วพูดว่า

    "สวัสดีท่านพระอรหันต์ขอให้ท่านโชคดีทั้งทางโลกเเละทางธรรม"

    เเล้วก็ตื่นนอนทันที ....... ฝันดีจริงๆเลย ^0^ เเต่มันก็เเค่ฝัน นะเอย นะเอย<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  11. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ยินดีครับ เมื่อกิจกรรมรุ่น 1/2552 แล้วเสร็จ เราจะนำเสนอและเผยแพร่ในทันที
    และขอขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้นะครับ
     
  12. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    หวัดดี คุณวิษณุ ไม่ได้เจอะเจอกันนานเลย
    ยังระลึกถึงอยู่ การบำเพ็ญเพียรของท่านเป็นไงบ้างครับ
     
  13. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ยินดีต้อนรับ คุณหยุ่น
    จอง 1 ที่


    รายนามนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 2/2552

    คนที่ 1 lilbz<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2161079", true); </SCRIPT>
    คนที่ 2, 3 คุณ Kittikawin + น้องสาว
    คนที่ 4 คุณจิน
    คนที่ 5 คุณนิดา
    คนที่ 6 คุณกายเวทนาจิตธรรม<!-- google_ad_section_end -->
    คนที่ 7, 8 คุณมังกรหยก และเพื่อน
    คนที่ 9 คุณส้ม
    คนที่ 10 คุณรุจนี
    คนที่ 11 คุณอ้อย
    คนที่ 12 คุณ sawasdeebangkok
    คนที่ 13 คุณมหาทูตดูดดาว
    คนที่ 14 คุณเอ
    คนที่ 15 คุณ sattabongkoj
    คนที่ 16 คุณพงศ์พล
    คนที่ 17 คุณหยุ่น

    แต่เพื่อความอุ่นใจ เราอยากให้รอผลลัพธ์จากรุ่นที่ 1/2552 ก่อน จะตัดสินใจ

    ยอดจำนวนล่าสุดทั้งสิ้น 17 ท่าน
    ยังคงเหลือที่นั่ง 3 ท่าน

    ยังสมัครกันได้นะครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    การปฏิบัติที่ดี คือ การปฏิบัติโดยปราศจากความสงสัย

    คนที่ต้องการปฏิบัติให้ดีที่สุด คือ การปฏิบัติ ตามดู เเละ ตามรู้ค่ะ

    ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่ตัวเรา มีความรู้สึกต้องการปฏิบัติ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากของเดิม

    ดังนั้น เรามีตัว สตาร์ทเเล้ว เเต่ไม่ต้องรีบเร่ง หรือ รีบร้อน เมื่อ ตัวเรารู้ว่า ยังไม่พร้อม

    ผู้ปฏิบัติทุกอย่าง อยู่ที่ของความพร้อม ทางกายเเละใจ

    เมื่อใดที่เราคิดว่า เราพร้อม เพียงไม่นาน ทุกอย่างจะไหลลื่นไปเอง เหมือนกับวงล้อของธรรมจักร

    เมื่อ ล้อหมุน ตัวเราย่อมขับเคลื่อน มีอะไรคุยกับพี่ได้ค่ะ เพียงเเต่การปฏิบัติพี่คงไม่สามารถเเนะนำได้

    บางคนชอบ นั่งสมาธิ บางคนชอบกสิน เเต่ สิ่งนึง ที่มีเหมือนกัน คือ ทำใหจิตสงบ

    จิตสงบ นั้นคือ ผล สรุปของ ฌาน เมื่อเรา เข้าสู่ฌาน จิตเราจะเกิดเป็นปัญญา

    ดังนั้น วิธีอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือ ปลูกต้นไม้ เมื่อใดที่ จิตเราสงบ นั้นคือ สมาธิ

    ซึ่ง จุดสูงสุดของการปฏิบัติธรรม คือ จิตสงบ หรือ ฌาน 16 ที่เรียกว่า อุเบกขา

    กิจกรรมอะไรที่เราในชีวิตประจำวันที่ทำให้เรา จิตสงบเเละสบายใจ ถือว่า เราได้สร้างพลังให้กับจิตตนเอง

    เมื่อจิตเรามีกำลัง เวลาเเผ่เมตตา จะมีกำลังมากคะ ส่วนเรื่องคุณเเม่ คุณเเม่สบายดี

    เเละ ได้รับผลบุญที่คุณทำให้เสมอ ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะ คุณเเม่ ไม่ได้เกิด ใหม่

    เเต่ คุณเเม่อยู่ในสวรรค์ ชั้น ดุสิต รับใช้ พระพุทธองค์ เเละ ศึกษาธรรมคำสั่งสอนบนสวรรค์

    ขอให้ สบายใจได้ เพราะคุณเเม่ของคุณ เป็นเทพ ปกป้อง ครอบครัวของคุณ

    ทุกวันนี้ คุณถึงได้ อยู่เย็นเป็นสุข เพราะ บุญบารมีที่คุณเเม่ของคุณได้สร้างไว้ ทำให้คุณสบาย

    ต่อไป ชีวิตของคุณจะเจอเรื่องที่ดีขึ้นมากกว่าเดิมมาก เพียงเเต่อย่า ย่อท้อกับอุปสรรค

    เเละหมั่นปฏิบัติธรรมให้เสมอต้นเสมอปลาย เมื่อใดที่คุณสวดมนต์ คุณเเม่คุณจะมานั่งใกล้ๆเป็นเพื่อน

    เมื่อใดที่คุณทุกข์ใจคุณเเม่ของคุณ จะปลอบใจคุณเสมอ คุณถึงไม่เคยร้องไห้ เเละไม่เคยทุกข์ใจเลย

    ดังนั้นไม่ว่าคุณจะทำอะไร ขออย่างเดียวว่า อย่ายอมเเพกับอุปสรรค เเละ ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

    ทุกวันนี้ ชีวิตของคุณมีความสุขดีอยู่เเล้ว เเต่อย่าประมาท ขอให้เชื่อในตนเองให้มากกว่าเดิม

    เเล้วผลผลิตเเห่งความศรัทธาของคุณจะก่อให้เกิดเป็นบารมีช่วยเหลือครอบครัวของคุณต่อไป

    อีกไม่นาน อดทนเเละรับผล เเห่งสิ่งที่เกิดให้ได้ อีกไม่นานโชคดีจะมาเยี่ยมเยือน

    เเต่อย่าลืมว่า โชคดีมาได้ เเละ ก็จากไปได้ เพราะฉะนั้น อย่าประมาทในการทำความดีค่ะ

    --- On Tue, 6/16/09, XXXXXXX wrote:
    From: XXXXXXXXXX
    Subject: ขอคำแนะนำหน่อยอ่ะคะ
    To: miajoy_t@yahoo.com
    Date: Tuesday, June 16, 2009, 12:02 PM

    [FONT=tahoma,sans-serif]คือว่าตอนแรกอยากถามเรื่องการปฏิบัติอ่ะคะ พอดีเจเพิ่งปฏิบัติ และยังไม่ค่อยรู้วิธีที่ถูกต้องว่าต้องทำยังไงอะไรบ้าง รวมถึงตัวเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง[/FONT]
    [FONT=tahoma,sans-serif]รู้ตัวค่ะว่ายังไม่นิ่ง อยากจะสงบ ไม่อยากคิดอะไร จิงๆเป็นคนคิดมาก ชอบเอาปัญหาคนอื่นมาให้ตัวเองตลอด [/FONT]
    [FONT=tahoma,sans-serif]แต่ว่าหลังจากที่ได้เปิดอ่านในกระทู้ที่คุณสันโดษเขียนแนะนำคนอื่นไว้ ก็ได้คำตอบตรงใจหลายอย่างเลยค่ะ [/FONT]
    [FONT=tahoma,sans-serif]ซึ่งถ้าตอนนี้อยากถามก็แค่ ขอคำแนะนำเพิ่มเติมมากกว่า่ค่ะ อยากได้คนที่ปรึึกษาเรื่องการปฏิบัติได้อ่ะคะ[/FONT]
    [FONT=tahoma,sans-serif]จิงๆมีน้องคนนึงที่รู้จัก จะคอยถามน้องเค้า แต่ว่าคงรบกวนน้องเค้ามากเกินไป ด้วยความที่เป็นคนอยากรู้[/FONT]
    [FONT=tahoma,sans-serif]แต่หลังๆและจากการที่ได้อ่านข้อความของคุณสันโดษยิ่งทำให้รู้ว่าไม่รู้เลยจิงๆก็ดีเหมือนกัน[/FONT]
    [FONT=tahoma,sans-serif]ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ณ ตอนนี้อยากทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองสงบ และไม่อยากหวนไปทางเดิมอีกแล้ว[/FONT]
    [FONT=tahoma,sans-serif]หนูเชื่อว่าคุณสันโดษรู้ว่าหนูทำไม่ได้ไว้เยอะ u_u หนูยอมรับผิดทุกอย่าง และไม่คิดกลับไปแก้ไข[/FONT]
    [FONT=tahoma,sans-serif]ตอนนี้แค่พยายามทำตัวใหม่ให้ดีขึ้น พยายามหันหลับมาทำเพื่อตัวเองและคนที่ควรจะทำให้มากที่สุด[/FONT]
    [FONT=tahoma,sans-serif]แล้วก็อยากถามถึงคุณแม่ค่ะ ท่านเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ยคะ หนูอยากพยายามนิ่งสมาธิให้ท่าน แต่ไม่เคยนั่งได้นานเลย[/FONT]
    [FONT=tahoma,sans-serif]แล้วเวลาสวดมนต์หนูก็ชอบคิดไปเรือยจนเกิดความกลัว หนูเลยไปสวดในห้องพ่อแทนหนูจะต้องทำยังไงให้หนูหายกลัว[/FONT]
    [FONT=tahoma,sans-serif]และยอมรับให้ได้ซะที[/FONT]

    [FONT=tahoma,sans-serif]ขอบคุณนะคะที่ยอมสละเวลามาช่วยชี้ทางธรรมให้ค่ะ ^__^[/FONT]

     
  15. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ปรารถนาพระนิพพานแล้วเจ้ากรรมนายเวรจะมารุมทวงหนี้มาก ?<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><TABLE class=alt1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    ถาม : ผู้ที่เริ่มปรารถนาพระนิพพาน กับปรารถนาพระนิพพานแล้ว วิบากจะมารุมมากเป็นพิเศษ ?

    ตอบ: ยังไง ? ถามว่าจริงหรือเปล่า ? มีส่วนจริงอยู่บ้าง

    ถาม : แต่ไม่ทุกกรณี ?

    ตอบ: ไม่ทุกกรณี คือ ถ้าเราเป็นผู้มั่นคงในทาน ศีล ภาวนา พวกวิบากกรรมต่างๆ ส่งผลได้ประมาณ ๒๕% เท่านั้น แต่ต้องแยกแยะให้ออกว่า ๒๕% ของมดกับช้างมันต่างกัน

    ถ้าเราทำเอาไว้เยอะ ๒๕% ของเราคนอื่นโดนก็อ่วมเหมือนกัน ขณะเดียวกันถ้าเราตั้งใจในลักษณะนั้นแล้ว ก็เหมือนกับว่าลูกหนี้เตรียมจะหนีหนี้ เจ้าหนี้เขาต้องขยันทวงหน่อย ในเมื่อเขาขยันทวง ถ้าเกิดบางช่วงมาพร้อมๆ กัน ก็น่วม ขอให้ดีใจเถอะว่า เขาทวงเราแสดงว่าเราใกล้ที่หมายแล้ว ถ้ามันไม่ทวงเลยนี่สิน่ากลัว ถ้าไม่ทวงแสดงว่ายังห่างมาก



    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๕(ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
     
  16. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>ข้อสังเกตุของผู้มีองค์เทพ


    </TD></TR><TR><TD>มนุษย์เมื่อรู้ว่าจำเป็นต้องรับขันธ์ เพื่อยอมอุทิศตนเป็นร่างให้กับองค์เทพแต่ละองค์นั้น ก็จำเป็นต้องทราบว่า ควรจะปฏิบัติตนอย่างไรจึงสมควรแก่ภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ดังเช่น



    [​IMG]

    1. การปฏิบัติตัว คือการทำตนเองให้เป็นนักบุญ หมั่นแสวงหาบุญกุศลเหมือนการสร้างสั่งสมบารมีให้มากที่สุด เช่น การไหว้พระสวดมนต์ ทำบุญใส่บาตร ถือศีล กินเจ สมาธิภาวนา

    2. การปรนนิบัติ คือการใช้หนี้ใช้สิน อันเกิดจากชาตินี้และชาติที่ผ่านมา รู้จักกตัญญูและกตเวที เช่น การปรนนิบัติ บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ เป็นต้น

    3. การโปรดสัตว์ คือการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ หรือสัตว์โลกทั้งหลายให้พ้นทุกข์ เท่าที่จะสามารถทำได้ รู้จักมีเมตตาธรรมนั่นเอง



    [​IMG]

    ส่วนสิ่งที่มนุษย์จะได้รับตอบแทนจากองค์เทพนั้น ขึ้นอยู่กับการอธิษฐานขอในตอนครอบขันธ์ ทั้งนี้ทั้งนั้นย่อมไม่เกินกฏแห่งกรรม



    [​IMG]

    ลักษณะของชั้นเทพ ลักษณะของจิตวิญญาณในระดับต่าง ๆ ที่ลงมาประทับทรงหรือเข้าทรงมนุษย์นั้น หากเรารู้จักสังเกตุให้ดี ก็พอจะแยกได้ว่า เป็นเทพหรือเป็นผี โดยอาศัยหลักพิจารณาโดยสังเขปดังนี้

    1. ประทับทรงจากส่วนล่าง จิตวิญญาณใดที่ประทับทรงจากปลายเท้าขึ้นมา มักจะเป็นพวกสัมภเวสี หรือ วิญญาณมนุษย์ที่ตายไปแล้ว
    2. ประทับทรงจากด้านหลัง จิตวิญญาณใดประทับทรงจากด้านหลัง มักจะเป็นวิญญาณทั่วไปที่มีฤทธิ์อำนาจ ซึ่งมักจะเรียกขานกันว่า เจ้าพ่อ เจ้าแม่ เจ้าปู่ ฯลฯ

    3. ประทับทรงจากด้านหน้า จิตวิญญาณใดที่ประทับทรงจากด้านหน้า มักจะเป็นวิญญาณของมนุษย์ที่ไปเกิดเป็น เทวดาชั้นจาตุมฯ ที่อยู่ใกล้ชิดมนุษย์

    4. ประทับทรงจากทางบ่า จิตวิญญาณใดที่ประทับทรงจากทางบ่า มักจะเป็นเทพหรือดาบสที่มีฤทธิ์ ในระดับกลาง ๆ

    5. ประทับทรงจากกลางกระหม่อม จิตวิญญาณใดที่ประทับทรงจากส่วนศรีษะหรือกระหม่อม มักจะเป็นเทพในระดับสูง



    [​IMG]

    มนุษย์ผู้ที่มีองค์เทพแฝงอยู่นั้นสังเกตได้ด้วยตนเองไม่ยาก

    1. มึนศีรษะข้างเดียวเป็นประจำ (บางทีทางการแพทย์ว่าเป็นไมเกรน)
    2. หนักต้นคอ บางครั้งหนักบ่าสองข้างเหมือนมีใครมาขี่คอ บางครั้ง นั่งรถอยู่ดีๆก็รู้สึกหนักบ่า
    3. แน่นหน้าอกเป็นบางครั้งเหมือนหายใจไม่อิ่ม บางคนเป็นบ่อยจน หมอว่าเป็นโรคหัวใจ
    4. ฝันแม่นยำ มีลางสังหรณ์แม่นยำ บางทีเรียกสัมผัสที่หก หรือซิกเซ้นส์
    5. ชอบฝันหรือตีเป็นตัวเลข เสี่ยงโชคได้ใกล้เคียง บางทีผิดแต้ม แต้มเดียว กลับบนกลับล่างกลับหน้ากลับหลัง ซื้อทีไรก็เฉี่ยวไปเฉี่ยว มาเป็นประจำ แต่ถ้าไม่ซื้อไปบอกใครเขาก็จะถูก
    6. บางครั้งหูจะได้ยินเสียงเรียกชื่อเบาๆ เหมือนเสียงกระซิบก็มี เสียงดังก้องในหูก็มี
    7. ไปตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือมีอะไรลี้ลับจะรับรู้โดยการสัมผัส ขนลุกชันเย็นว่าไปทั้งตัว
    8. บางครั้งสวดมนต์เป็นภาษาบาลีอยู่ดีๆ ก้เปลี่ยนเป็นภาษาอื่น รัวเร็วขึ้น
    9. หากนั่งสมาธิจะได้หูทิพย์ตาทิพย์เร็วกว่าคนอื่น

    ***อาการบางอย่างหาหมอก็แล้วกินยาก็แล้ว มันไม่หาย ก็ให้สวดมนต์ นั่งสมาธิตามที่ว่าแล้วแผ่เมตาบ่อยๆทุกอย่างมันจะหายไปเอง เสี่ยงโชค เสี่ยงลาภก็จะได้ เพราะบารมีที่ทำนี้แหละ..แต่บางอย่างก็อาจเกิดจาก สัมภเวสีได้เช่นกัน

    ----------------------------------------
    กรณีที่เกิดจากสัมภเวสี
    1. ปวดศีรษะเป็นประจำ บางครั้งทนไม่ไหว หมอว่าเป็น ความดันบ้างก็แล้วแต่ ควรตรวจเช็คแก้ไข เพราะอาจถูกสัมภเวสี เกาะที่ศีรษะได้
    2. ปวดไหล่เป็นประจำ หมอว่าเป็นเส้นเอ็นอักเสบ กินยาทายา ไม่หาย ตึงไปหมด ถือว่าผิดปกติ
    3 .มือเท้าชาเป็นซีก จากไหล่ หรือตะโพก หัวเข่าก็ตาม
    4. แน่นหน้าอกมากผิดปกติ
    5. ปวดบริเวณกระเบนเหน็บ บางที่การแพทย์ระบุว่า หมอนรองกระดูกทับเส้น เว้นแต่กรณีการเกิดอุบัติเหตุ ลื่น หกล้มจนกระแทกพื้นอย่างแรง นั่นก็จะต้องพิจารณาเป็นกรณีไป
    ...............................................



    [​IMG]

    เราจะรู้ได้ไงว่าไหนองค์เทพและไหนสัมภเวสีจิงๆแล้วมี รายละเอียดเยอะ...ขอกล่าวแค่นิดหน่อย

    1. ประทับจากส่วนล่าง คือ สัมภเวสี หรือวิญญาณที่ตายแล้ว
    2. ประทับจากด้านหลัง คือวิญญาณทั่วไปที่มีฤทธิ์มีอำนาจ มักเรียกขานในนามเจ้าพ่อเจ้าแม่
    3. ประทับจากด้านหน้า คือวิญญาณของมนุษย์ที่ไปเกิดเป็นเทวดา ชั้นจาตุมฯ
    4.ประทับจากทางบ่า มักเป็นเทพ หรือดาบสในระดับกลางๆ
    5. ประทับจากกลางกระหม่อม มักเป็นเทพในระดับสูง
    ขออนุโมทนาทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมหรือมาตรวจองค์เทพ



    ณ เวบองค์เทพดอทคอม...

    ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เหล่าเทพเทวา พระพรหม พระอินทร์ พระนารายณ์ พระอิศวรแลปู่ฤาษีนารอด ... ปู่ฤาษีตาไฟ ปู่ฤาษีนารายณ์ ..ปู่ฤาษีพ่อแก่ทั้งหลาย องค์พระโพธิสัตว์ เจ้าแม่ กวนอิม องค์พระพิฆเนศ ........ ให้อำนวยอวยพรให้ทุกท่านมีแต่ความสุข.. ให้ผู้ที่มีองค์เทพเจริญในองค์เทพ องค์ญาณ ให้ทุกๆท่านเจริญด้วย อายุ วรรณ สุข พละ มีกินมีใช้ มั่งมีเงินทอง แลอาชีพการงานเจริญยิ่งๆขึ้น ไป ตลอดกาลนานเทอญฯ...สาธุการ หมอยา

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>ขันธ์ ๕ การจุดธูป และองค์นำ องค์ที่เหมาะกับตัวท่าน


    </TD></TR><TR><TD>อนุโมทนาครับ ยินดีครับ ไม่เบื่อหรอกครับ ถือว่าสายเดียวกันก่อนอื่น ท่านต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับ ว่าถ้าท่านได้รับการตรวจองค์เทพแล้วว่ามีองค์เทพ และท่านได้ทำการปฏิบัติ อาทิเช่นทำการรับขันธ์ องค์เทพ มีการไหว้ครูตั้งบายศร๊บูชาองค์ท่าน
    นับว่าเป็นการยอมรับ และผูกพันธะว่า บูชาขันห้ากับท่านตลอดไปคือ
    ๑ รูป การแต่งขาวนุ่งขาว หรือชุดทรง
    ๒ เวทนา ความลำบากในการปฏิบัติ บูชา สวดมนต์ ละเว้นเนื้อ วัว-ควาย ไม่กินของเซ่นไหว้ผู้อื่นการจัดเครื่องถวายบูชา
    ๓ สังขาร ตราบที่ท่านมีแรงทำไหว
    ๔ สัญญา ด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะนับถือ และบูชาท่านตลอดไป
    ๕ วิญญา ด้วยจิต และวิญญาณ ที่อุทิศให้ครับการถือปฏิบัติ
    อาจารย์ของกระผม หลวงท่าน ท่านได้ให้คำแนะนำว่า หากเป็นศิษย์ของท่าน ได้รับการตรวจองค์เทพจาก
    ท่าน และได้มีการรับขันธ์ ตามขั้นตอนที่ถูกต้อง การจุดธูปให้ถือปฏิบัติดังนี้
    ให้จุดธูปจำนวน ๑๖ ดอกครับ หากไม่สะดวกหรือธูปไม่พอให้พนมมือไหว้เฉยๆครับ
    ๑ เมื่อท่านไหว้เทพนอกบ้าน ที่เป็นสถานที่กลางแจ้ง
    ๒ หากเป็นวัดต่างๆ ไหว้พระพุทธ จุดธูปตามที่วัดนั้นกำหนด
    ๓ หากในวัด มีเทพ มีศาลเจ้าจีน จุดตามที่ทางวัดกำหนดหรือจะจุดครั้งเดียว จำนวน ๑๖ ดอก ก็ได้ครับ หรือพนมมือไหว้เฉยๆครับ
    ๔ เป็นที่บ้านท่านเอง หากมีศาล ท้าวมหาพรหม หรือศาลพระภูมิจุดครั้งเดียว จำนวน ๑๖ ดอก
    ๕ การตั้งหิ้งพระในบ้านผู้มีฐานะอาจแยกหิ้ง แต่ในทางปฏิบัติจัดรวมโดยแบ่งตามสัดส่วนตามใจท่านชอบโดยแยกพระพุทธ กษัตริย์ต่างๆ เทพ ไทย จีน อินเดีย พ่อแก่
    แบบนี้จะเหมาะสมกว่าครับ เป็นการจัดแบบตั้งตำหนักได้อีกด้วยครับ ควรจัดตั้งกระถางธูปใบใหญ่ใบเดียว จุดธูป ๑๖ ดอก หากเป็นตำหนักกระถางยิ่งต้องใบใหญ่ เพราะจุดแล้วมีการทำพิธีต่างๆ กันเพื่อหลายคนครับ คนที่จุดธูปหลายๆ กระถางนานๆ ไปก็ขี้เกียจหรือจุดไม่ครบ บางท่านว่าชอบแบบหลายๆ กระถางก็ไม่ว่ากันครับ ถ้าอาจารย์ของท่านแนะนำให้ปฏิบัติครับ แค่ ๑๖ ดอก และสวดมนต์ให้ครบ ปฏิบัติให้ครบถ้วน ก็เป็นอานิสงน์แล้วครับท่าน จุดไม่ครบ ขาดๆ เกินๆ จะเป็นการผิดครูครับ
    ตอบ เมื่อมีการตรวจดวงชะตาแล้วว่า มีองค์เทพสำหรับดวงชะตาดวงนี้ ให้เลือกวันอาทิตย์ ตื่นแต่เช้าอาบน้ำชำระกายให้สะอาดแล้วไปจุดธูป ๓๖ ดอก ที่หน้าศาลพระภูมิหรือ ศาลท้าวมหาพรหม หรือถ้าไม่มีก็กลางแจ้ง หน้าบ้านท่านแล้วกล่าวว่า
    "ที่ผ่านมาไม่ทราบว่า ตัวเองมีองค์เทพสถิตย์อยู่ บัดนี้ได้ตรวจดวง ชะตาทราบว่ามี จึงถือโอกาสนี้วันนี้ไปทำบุญอุทิศให้ ที่ผ่านมาถ้าข้าพเจ้าทำผิดไป ทั้งที่ได้ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ขอได้โปรดยกโทษให้ และจะปฏิบัติบูชาให้เป็นการถูกต้อง และเมื่อทำถูกต้องแล้วก็ขอให้ตัวข้าพเจ้า จง.......(อธิฐานครับ)...."
    ขอให้เลือกวันทำการเป็นวันอาทิตย์ อาจเป็นการใส่บาตรตอนเช้า หรือถ้าตื่นไม่ทันก็เป็นการทำบุญที่วัด ถวายสังฆทานหรือถวายอาหารเพล แล้วให้ท่านกรวดน้ำที่โคนต้นไม้ใหญ่ ณ วันเดียวนี้ เวลาบ่ายถึงก่อนห้าโมงเย็นให้จุดธูป ใหม่ ๓๖ ดอก กล่าวว่า บัดนี้ข้าพเจ้าได้ทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลไปแล้ว ผิดถูกหรือต้องการสิ่งใด ก็ขอให้มาเข้าฝันมีนิมิตให้ ทราบจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องสืบไป..เทอญฯ
    องค์นำคืออะไร
    อนุโมทนาครับท่าน สาเหตุที่เรียกว่าองค์นำ เพราะว่าท่านสามารถสื่อหรือสัมผัสได้ชัดเจนครับ ที่เห็นในภาพเป็นร่างทรงพระพิฆเนศวร นี่เป็นตัวอย่างองค์นำที่ชัดเจนครับ
    [​IMG]
    หมอยาครับ องค์ปู่ฤาษีหมอยา , ปู่ฤาษีนารายณ์ กับพระครูท่านนี้ หมอยา ได้ขออนุญาติ ตรวจลายมือท่าน ๆมีบุญบารมีสูงส่งมากครับท่านมาร่วมเป็นประธาน ตั้งศาลบวงสรวง ท้าวมหาพรหมใหญ่ ที่วัดอุดมธานี จ. นครนายก
    [​IMG]
    ร่างทรงท่านนี้มาร่วมพิธีครับ เป็นลักษณะ องค์นำชัดเจนครับ
    [​IMG]
    ตาแว่น บ้านดาบ สหายสายเทพที่หมอยารักและเคารพในน้ำใจตลอดมา
    ท่านมีองค์นำชัดเจน และได้ผ่านการตรวจองค์เทพจากหมอยาด้วยครับ
    [​IMG]
    คุณนิตยา ร่างทรงองค์พระพิฆเนศวร ครับ อนุโมทนาครับ
    [​IMG]
    ท่านนี้มีร่างกุมารครับ เป็นอีกท่านหนึ่งที่ชัดเจนครับ
    [​IMG]
    บัญฑิต สุวัฒน์ ร่างทรงท้าวเวชสุวรรณ งานไหว้ครู ท่านจะเป็นร่างทรง
    ดูแลเหล่าองค์เทพที่มาในงานครับ ท่านประจำอยู่วัดเจดีย์หอย
    อ.บ่อเงิน ต.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานีครับ


    การจุดธูปบูชา หรือ ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถือปฏิบัติกันมายาวนานนับพันๆ ปีแล้ว ลองดูสิว่าที่ผ่านๆ มา เราใช้ธูปสักการะกันถูกต้องตามจำนวนรึเปล่า

    ธูป 1 ดอก ไหว้ศพ เจ้าที่ วิญญาณธรรมดา ที่ไม่ได้ขึ้นชั้นเทพ
    ธูป 3 ดอก ใช้บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    ธูป 5 ดอก ใช้บูชาพระรัตนตรัย บูชารัชกาลที่ 5 ธาตุทั้งห้า หรือทิศทั้งห้า พระภูมิ
    ธูป 7 ดอก ไหว้พระพรหม บูชาพระอาทิตย์ ถือคติคุ้มครองทั้ง 7 วันในสัปดาห์
    ธูป 8 ดอก บูชาเทพเจ้าของชาวฮินดู
    ธูป 9 ดอก บูชาแก้ว 9 ประการ พระพุทธคุณ ทั้งเก้า และพระเทพารักษ์
    ธูป 10 ดอก ใช้บูชาเจ้าที่ตามความเชื่อของชาวจีนบางกลุ่ม
    ธูป 12 ดอก บูชาเจ้าแม่กวนอิม บูชาพระคุณของแม่
    ธูป 16 ดอก บูชาเทพชั้นครู หรือ พิธีกลางแจ้ง ที่มีการอัญเชิญเทวดา ที่สำคัญหมายถึงสวรรค์ 16 ชั้น
    ธูป 19 ดอก บูชาเทวดาทั้ง 10 ทิศ
    ธูป 21 ดอก บูชาพระคุณของพ่อ
    ธูป 32 ดอก ใช้สวดชุมนุมเทวดาทั้ง 4 ทิศ
    ธูป 108 ดอก บูชาสิ่งสูงสุดทั่วทั้งโลกทุกชั้นฟ้า



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>ปฏิบัติอย่างไร เมื่อตรวจพบว่ามีองค์เทพ


    </TD></TR><TR><TD>[​IMG] ปฏิบัติอย่างไรเมื่อตรวจพบว่ามีองค์เทพ
    ข้อปฏิบัติในเบื้องต้น
    ๑ . งดหรือห้ามรับประทานเนื้อวัวควายตลาดชีวิต
    ๒ . ห้ามรับประทานเครื่องเซ่นบวงสรวงของคนอื่น
    ๓ . ห้ามรับประทานอาหารหรือของกินต่างๆในงานศพงานแต่งหากจำเป็นต้องไป ให้จุดธูปกลางแจ้ง ๑๖ ดอกบอกกล่าวขออนุญาติต่อองค์เทพ
    ๔ . สวดมนต์เป็นประจำ ชีวิตจะรุ่งเรือง
    ๕ . ก่อนที่จะไปทำการรับขันธ์ ต้องทำพิธีอาบน้ำมนต์ ๓ ครั้งก่อนหากดวงท่านต้องรับขันธ์หรือเดินสายเทพครับ
    ๖ . ควรมีประคำประจำกายอย่างน้อย ๑ เส้น จะเป็นแบบใดแล้วแต่องค์เทพฃองแต่ละท่านครับ
    ๗ . หากท่านตรวจพบว่ามีหรือถูกทำนายทายทักว่ามีให้ไปตรวจอีกหลายๆที่จนแน่ใจว่าชัดเจนจึงจะดีครับ เพราะการตรวจองค์ได้ อธิบายไว้ชัดเจนว่ามี ๔ ข้อ ดังนี้ครับ
    [​IMG]>
    การที่มีคนทักท่านว่ามีองค์หรือสงสัยว่า ตัวเองมีองค์กับเขาหรือไม่เป็นข้อสงสัย สำหรับหลายท่านครับสามารถขจัดข้อ สงสัยนี้ ได้โดยอาจทำดังนี้
    ๑ . โดยการผูกดวงชะตา
    ๒ . โดยการตรวจจากลายมือ
    ๓ . ทำนายจากไพ่พยากรณ์
    ๔ . การตรวจองค์เทพรับ ตรวจโดยผู้ที่ มีญาณบารมี หากท่านได้ผ่านขั้นตอนนี้ ก็แสดงว่าท่านเป็นคนมีองค์เทพกับเขาคนหนึ่งครับ อย่าหลงเชื่อโดยที่ท่านยังมิได้พิสูจน์ด้วยตัวท่านเองครับหากท่าน

    [​IMG]
    สำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ตามกฏหมาย ควรมีผู้ปกครองชี้แนะเพราะ เจ้าชะตาอายุยังน้อยอาจตัดสินใจหรือรับขันธ์ทั้งที่ยังไม่พร้อม หรือไปรับขันธ์ผิดได้ครับ
    ด้วยทั้งยังขาดวุฒิภาวะ ประสบการณ์ชีวิต วิสัยทัศน์ และหลงตนเองว่ามีฤทธิ์มีเดชไปเที่ยวลองของผู้อื่น
    [​IMG] นี่เป็นบทความที่ดีมากของท่าน tada โอม สดา ศิเวศวร อิสี มุณี ปุญญะ
    หลักแห่งการปฏิบัติที่พึงกระทำ
    1.ย่อมไม่โอ้อวดตน
    2.ย่อมไม่ละโมบ
    3.ย่อมไม่อหังการ
    4.ย่อมละทิฐิ
    5.ย่อมมีเมตตาเป็นที่ตั้ง
    6.ย่อมรู้จัก ละ ลด ปลด วาง
    7.ย่อมไม่ขวนขวายในสิ่งอันมิชอบมาเป็นของตน
    [​IMG] การประสิทธิ เศียรพ่อแก่ จะต้องมีความพร้อมในกาลทั้งสาม
    1.ถึงพร้อมในบารมีขององค์ท่าน
    2.ถึงพร้อมในกายสังขาร สำรวจตนคือมีศีลบริสุทธิ์ การบำเพ็ญที่สม่ำเสมอ
    ละแล้วซึ่งกิเลสตัณหาสวดมนต์ภาวนามิได้ขาด
    3.ถึงพร้อมในสถานวิมานแห่งตน มีศีลบริสุทธิ์ มีจิตบริสุทธิ์ มีตบะบำเพ็ญอันสมบูรณ์
    บารมีตนนั้นย่อมต้องเหนือสังขารที่มาให้ประสิทธิ หากมิเช่นนั้นแล้วย่อม
    เป็นผลลบมากกว่าผลดี
    คนมีองค์หรือเป็นเจ้าตำหนัก หากถามเข้ามาจะดูง่ายครับ.. เพราะวาสนาจะลอยเด่นครับ... และผู้มีองค์เทพถึงระดับเปิดตำหนักก็มักจะมาดีและถามเป็นการเป็นงานครับ.. เพราะรู้ว่าของทุกอย่างก็มีครูเทพเทวาทั้งสิ้น... จึงควรให้ความเคารพครับ.. และทุกท่านก็ประจักษ์แก่ใจตนเองความศักดิ์สิทธิ์มีจริง และรับรู้ได้แก่ผู้เป็นร่างทรงแล้วทั้งสิ้น.....

    [​IMG]
    กรณี ที่ตรวจองค์ท่านว่าไม่มีแล้วท่านคิดว่ามี หมอยาได้เรียนให้ท่านทราบแต่เบื้องต้นแล้วครับ ว่าคนมีจะดูง่ายเพราะดาวจะบอกอย่างชัดเจน นอกจากวัน/เดือน/ปีเกิดและเวลาตกฟากคลาด เคลื่อนครับ
    หากหมอยาทำนายว่าท่านมีองค์เทพแต่องค์เทพไม่เปิดหรือหวง ร่างเช่นนี้จะง่ายแก่ผู้ทำนายและไม่ต้องถูกท่าน สงสัยเป็นการโยนความรับ ผิดชอบไปไว้ที่ตัวเจ้าของดวงครับ
    ความเป็นไปได้อีกประการคือเมื่อได้ทำการขับดาว ของท่านถอยหลังเพื่อดูบุญบารมี..หากท่านมีบุญ บารมีสูง..อาจวิเคราะห์เป็นสาเหตุว่าการมีเทพ ของท่านเป็นกรณีพิเศษแต่มิใช่ผู้มีองค์เทพครับ ซึ่งกรณีนี้..หากผู้ทำนายเห็นลักษณะการวางดวง ก็จะทำการขับดาวหรือแจ้งให้ท่านไปทำการผูก ดวงชะตาให้เป็นเรี่องเป็นราวครับ
    กรณี ที่ว่าเปิดองค์ยากหรือหวงร่างจะมาจากการตรวจว่า ท่านมีองค์เทพแต่ไม่สามารถเข้าถึง.... ซึ่งจะเห็นว่ามีตำหนักหรือร่างทรงต่างๆรับเปิดองค์ ตามเวบต่างๆ...มากมาย สามารถไปต่อยอดได้ครบ

    [​IMG]
    ส่วนคนที่มีความสงสัยเพราะเห็นว่าการทำนายของเวบนี้...เป็นของฟรี...ก็มีมากครับ
    ๑ ท่านที่กระทู้เข้ามาส่วนมากมีการรับขันธ์หรือ ได้รับการทักทายมาจากที่ต่างๆเป็นทุนเดิมครับ
    ๒ ท่านเหล่านั้นมาหาความมั่นใจเพิ่มเติมรับ
    ๓ เท่าที่ผ่านมาเมื่อท่านเหล่านั้นได้รับคำทำนาย ก็หาได้ปักใจเชื่อไม่ว่ามีองค์เทพดัง ที่ตอบไปครับ จึงไปต่อ ยอดยังที่อื่นๆ เมื่อ ได้ประจักแก่ตนเองแล้วจึง มีเมล์ มาบอกกล่าว ขอบคุณก็มีอยู่เสมอครับ
    ๔ เนื่องจากว่าเป็นการตรวจฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย บางท่านเลยคิดต่อว่าหรือดูแคลนครับ หากคิดเงิน ท่านก็ว่าหวังอยากได้หรือหลอกลวงครับ การทำความดีบางครั้งก็ยากครับ
    ๕ มั่นใจได้เลยครับว่าตั้งใจตรวจให้ทุกท่านครับ

    [​IMG]

    ๖ กรุณาอย่าถามว่าเทพอะไรคงต้องขออภัยครับไม่ทราบว่าจะแนะนำเช่นไรครับ เพราะต้องใช้ การคำนวณในทางโหราศาสตร์ซึ่งมีขั้นตอนยุ่งยากพอสมควร และจะเป็นที่ ครหานินทาและเข้าใจผิดกันได้ครับ ขออย่าได้ถือโทษโกรธเคืองนะครับ
    ๗ หมอยาไม่ได้เปิดตำหนักหรือเป็นคนทรงแต่อย่างไรครับ จึงไม่ส่วน ได้เสียในการ บูชาเทพของท่านครับ
    ๘ บางท่านมีถามเข้ามาแบบว่าชี้นำว่าตนเองมี และหมอยาว่าไม่มีก็มีครับ
    ๙ หมอยาได้อธิฐานตนตอนรับขันธ์ต่อครูอาจารย์ว่า ขอให้ดูดวงแลตรวจองค์มีความเที่ยงตรง ขอเจริญในองค์เทพองค์ญาณครับ ไม่เป็นคนทรง หรือเปิดตำหนักครับ ขอทำโดยบริสุทธิ์ใจครับเรื่องเทพ


    บุญรักษาครับ หมอยา

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาที่ยอมรับนับถือว่ามีเทพเจ้าเป็นใหญ่ โดยมีเทพสูงสุด 3 องค์ คือ พระศิวะ พระพรหม และพระวิษณุ (พระนารายณ์) รวมทั้งเทพอื่นๆ อีกหลายองค์ ในคัมภีร์ปุราณะอันเป็นคัมภีร์หลักใหญ่ใจความสำคัญของศาสนาพราหมณ์ ได้กล่าวถึงเทพที่สำคัญๆ หรือ "มหาเทพ" ไว้ 7 องค์ด้วยกัน คือ
    1. พระศิวะ (พระอิศวร)

    2. พระพรหม

    3. พระวิษณุ (พระนารายณ์)
    4. พระอุมา (พระนางปารวตี) ชายาพระศิวะ (พระอิศวร)
    พระขันธกุมาร บุตรพระศิวะกับพระนางอุมาเทวี
    5. พระสุรัสวดี (สรัสวติ, สรสวติ) ชายพระพรหม
    6. พระลักษมี ชายาของพระวิษณุ (พระนารายณ์)
    7. พระคเณศ (พระพิฆเนศวร) พระโอรสของพระศิวะกับพระนางอุมา

    พระศิวะ
    เป็นเทพเจ้าที่คอยขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ห่างไกล และจะทำให้เกิดความดีงามเป็นมงคลขึ้น ในชีวิตและครอบครัว พระองค์จะทรงประทานพรวิเศษให้แก่คนที่ทำความดี และยึดมั่นในศีลธรรม

    พระพรหม เป็นเทพเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่งขึ้นในจักรวาล ทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต หากได้บูชาเทพองค์นี้จะนำมาซึ่งความสำเร็จ และมั่นคงในธุรกิจการงานทุกสาขาอาชีพ

    พระวิษณุ
    หรือคนไทยมักเรียกว่า พระนารายณ์ เป็นเทพคุ้มครองโลก ปราบปรามผู้ทำความชั่ว โดยได้รับพรและ พลังอันศักดิ์สิทธิ์ มากมายจากพระอิศวร เชื่อว่า ใครบูชาท่านแล้วจะได้รับความคุ้มครองและมีโชคลาภ แต่จะต้องเป็นคนมีสัจจะรักษาศีลรวมทั้งเจริญภาวนาเป็นที่ตั้ง

    พระอุมา
    เทวีแห่งพลังอำนาจและสันติสุข ในฐานะเทพนารีที่รวบรวมคุณสมบัติอันเลิศ ความเด็ดขาด และ พลังอำนาจในการปกป้องรักษาผู้ที่บูชาก็ทัดเทียมพระสุรัสวดี

    พระสุรัสวดี
    พระนารายณ์ทรงยกถวายให้เป็นชายาของพระพรหม เมื่อพระพรหมได้รับพระนางสรัสวตีมา เป็นชายาแล้ว ก็ได้ชักชวนให้พระนางสรัสวตีไปประทับอยู่ ณ พรหมโลกชั้นสูงสุด หรือพระสรัสวดี พระนางเป็นเทวีแห่งศิลปะวิทยาการ การพูด การดนตรี การขับร้องโดยเฉพาะผู้ใฝ่ใจ ในทางอักษรศาสตร์ เนื่องจากพระนางเป็นผู้ที่ให้กำเนิดอักษรเทวะนาครี ซึ่งเป็นตัวอักษร (เขียน) อักษรภาษาสันสกฤต

    พระลักษมี
    เทพนารีองค์นี้ เป็นสัญลักษณ์แห่งความงามอันเจริญาตาเจริญใจ เป็นเทพที่น้ำพระทัยดี อ่อนหวาน นิ่มนวล มีพระสุรเสียงอันไพเราะ เป็นตัวอย่างของความงามอันพร้อมสรรพเท่าที่สตรีพึงมีในโลกนี้ และถือว่าเป็นผู้นำมาซึ่งความเจริญ

    พระคเณศ หรือพระพิฆเนศวร
    เป็นเทพแห่งปราชญ์ ความรอบรู้ เป็นเทพแห่งการขจัดอุปสรรคขัดข้อง เป็นผู้บันดาลความสำเร็จทั้ง

    พระนารายณ์ทรงยกพระแม่คงคา
    ถวาย เป็นชายาของพระศิวะ

    ส่วนพระนางธรณี
    นั้นเมื่อรู้เข้าคงจะเกิดน้อยเนื้อต่ำใจ จึงได้หนีลงมา ที่แดนมนุษย์โลก เป็นโหญ่อยู่ที่แดนมนุษย์ และไม่ยอมเป็นชายาของเทพอื่นองค์ใดอีกเลย (นี่คือรักแท้ของผู้หญิงครับ) พระแม่ธรณีท่านทรงเห็นว่า พระศิวะมีพระชายา อยู่หลายพระองค์แล้ว พระองค์ทรงตัดใจที่จะทรงแยกพระองค์ออกมา จากพระเป็นเจ้า ไปบำเพ็ญเพียรอยู่เพียงลำพัง และคอยช่วยเหลือมนุษย์อยู่ต่อไป

    มหาเทพ : mahathep
     
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>เหตุที่ทำให้มีองค์เทพฯ



    </TD></TR><TR><TD>เหตุที่ทำให้มีองค์เทพฯ ปฐมเหตุของการเกิดร่างทรงองค์เทพมากมายในยุคนี้กล่าวกันว่า เมื่อครั้งพุทธกาล ก่อนที่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนชีพอยู่พระพุทธองค์ได้ตรัสกับพุทธบริษัททั้งหลายว่า พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์แต่ก่อนมีอายุ 5,000 ปี แต่ของพระองค์นั้น ต้องการจะให้พระศาสนามีอายุเพียง 2,500 ปี เท่านั้นพระอานนท์จึงทูล ถามว่า เหตุใดพระองค์จึงมิให้พระศาสนาดำรงอยู่จนครบ 5,000 ปี ดังพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆพระพุทธองค์ทรงตรัว่า แล้วผู้ใดเล่าจะเป็นผู้ดูแลพระศาสนา พระอานนท์จึงทูลว่า
    [​IMG]

    “ขอให้พระภิกษุสงฆ์ สามเณร ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้เป็นพุทธบริษัทเป็นผู้ดูแลและบำรุงรักษาพระพุทธศาสนากึ่งหนึ่งเป็นเวลา 2,500 ปี“
    พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงอนุญาตแล้ว ทรงถามต่อไปอีกว่าใครจะขออะไรบ้าง
    ปวงเทพทั้งหลายทุกเหล่าชั้น อันได้แก่ พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ เหล่าเทพเทวาทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันกราบทูล ขอให้ปวงเทพได้ดูแลและบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไปอีกครึ่งหนึ่งของ พระอานนท์คือ 1,250 ปี
    พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงอนุญาตอีก แล้วทรงถามต่อไปว่าใครจะขออะไรอีก
    เหล่าพญาครุฑ คนธรรพ์ นาคราช ท้าวกุเวร กินนร กินนรี และภูติผีปีศาจ จึงกราบทูลขอดูแลอายุพระศาสนาเท่าที่เหลือ 1,250 ปี ให้พวกเขาได้ดูแลรักษา จนกว่าพระศาสนาจะค่อย ๆ เรียวเล็กลงไป ยุคนั้นมนุษย์จะ มีร่างกายเล็กลงไปตามลำดับ ถึงกับต้องปีนบันไดสอยลูกมะเขือ หรือเก็บเม็ดพริกพระสงฆ์สาวกก็จะร่อยหรอแทบว่าจะไม่มีเหลือ จะเหลือเพียง ผ้าเหลืองผืนน้อย ๆ ห้อยอยู่ที่หู เพื่อให้เป็นที่สังเกตุว่าเป็นพระสงฆ์เท่านั้น พระศาสนาก็จะเสื่อมถอยลงไปจนหมดพอดี 5,000 ปี
    [​IMG]


    ตามพุทธฎีกาที่กำหนดไว้เมื่อถึงกึ่งพุทธกาล 2,500 ปี เป็นต้นมา จึงเป็นหน้าที่ของเทพพรหมเทวาทั้งหลายที่จะมาทำหน้าทีอุปถัมภ์ค้ำชูทนุบำรุงสืบพระศาสนาขององค์สมณโคดม ตามที่ได้ทูลขอกับพุทธองค์ไว้ จึงเป็นเหตุในเกิดมีร่างทรงองค์เทพมากมายในปัจจุบัน ดัง นั้นการที่องค์เทพจะมาเกี่ยวข้องกับมนุษย์นั้นก็ด้วยเหตุ 2 ประการ คือ
    1. ญาณจุติ หมายถึงภาระหน้าที่ในการเกิดเป็นมนุษย์ตามวาระ และเป็นส่วนหนึ่งของเทพที่ลงมาจุติ เพื่อมารับกรรมบางอย่างและเพื่อทำหน้าที่ในการเป็นผู้นำทางศาสนา เช่น พระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา ผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เป็นผู้นำทางฝ่ายสงฆ์หรือฆราวาสก็ตาม ที่เป็นผู้ใฝ่ในการปฏิบัติจนได้ญาณหรือฌาณ และมักจะลำบากในช่วงแรกแต่จะสบายในช่วงปลาย
    2. ญาณแฝง หมายถึง องค์เทพในระดับต่าง ๆ ที่ยังไม่ถึงวาระการเกิดเป็นมนุษย์ แต่มีความเลื่อมใส ปรารถนาจะช่วยส่งเสริมและมีส่วนร่วมในการสืบพระศาสนาด้วย ครั้นจะลงมาเกิดใหม่เพื่อสร้างบุญ ก็จะต้องรอเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลานั้น ญาณนี้แหละทีมักถูกเรียกกันว่า “องค์ ” มีภาระหน้าที่ตามความสัมพันธ์ในอดีต คือให้การอารักขาผู้ที่ได้มาจุติเป็นมนุษย์ เพราะเคยเกี่ยวสัมพันธ์กันมาแต่ชาติปางก่อน เมื่อร่างนี้ได้ทำบุญและแผ่เมตตาให้ ก็จะได้ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกัน ขณะเดียวกันก็จะคอยปกป้องคุ้มครอง ช่วยเหลือการทำมาหากิน ดลจิตดลใจ หรือเกิดเป็นลางสังหรณ์ในเรื่องราวต่าง ๆ จะพาสร้างบารมีทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา บางครั้งเวลาสวดมนต์นั่งกรรมฐานองค์เทพท่านจะพาสวดมนต์เป็นภาษาเบื้องบนหรือภาษาเทพไปเลยก็มี ความสัมพันธ์ดัง กล่าวได้แก่


    ภาพโดยแซนพยุหคีรี

    ร่างทรงองค์เทพ

    เมื่อได้คุยกันถึงเรื่องความเข้าใจผิดหรือความหลงผิดของมนุษย์มาแต่ครั้งพุทธกาลแล้วความ
    คิดเหล่านี้ก็ยังมีอยู่ในทุกยุคทุกสมัยจนบางครั้งดูเป็นความหลงผิดอย่างมหันต์

    เช่นความเชื่อ
    ในเรื่องไสยศาสตร์ต่าง ๆโดยขาดการพิจารณาไตร่ตรองหลงยึดติดในเรื่องอิทธิฤทธิ์
    จนเกินไปทำให้หลงเป็นเหยื่อของเหล่า 18 มงกุฎที่ชอบอวดอ้างตนเองตั้งตัวเองเป็นเกจิอาจารย์ใช้เล่ห์กลมายาและหน้าม้าขบวนการหลอกล่อกระทำเรื่องราวต่าง ๆอวดอ้างเป็นผู้วิเศษในเรื่องราวต่าง ๆจนผู้คนหลงเชื่อในที่สุดก็ต้องสูญเสียเงินทองไปกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างช่วยไม่ได้การเจ็บป่วยของมนุษย์นั้นจัดได้ว่าเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งที่พบเห็นกันอยู่ทุกวันดังได้
    กล่าวมาแล้วหากเกิดจากดินฟ้าอากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวก็อาจเจ็บป่วยเป็น
    ไข้หวัดไอหรือจามเพียงกินยาหรือหาหมอก็หายบางคนอาจมีวิตกจริตมากชอบคิดถึงเรื่อง
    ราวต่างๆอย่างมากมายจนเกิดความเครียด นำไปสู่โรคหัวใจ โรคประสาทก็เป็นไปได้

    [​IMG]

    แต่บางโรคเพียรพยายามจะรักษาอย่างไรก็ไม่หายกินยากันเป็นปีผ่าตัดกันเป็นประจำ ก็ไม่หายดังนั้นหนทางแห่งการแก้ไขก็เลยหนีจากทางวิทยาศาสตร์การแพทย์มาเป็นไสยศาสตร์หาร่างทรงองค์เทพกันไปหายก็มี ไม่หายก็มี เพราะถ้าโชคดี พบกับผู้มีภูมิความรู้จริงๆ ก็คงจะหายแต่ถ้าพบผู้แอบอ้างแฝงมาหากิน ก็คงจะเสียเงินมากกว่าจะหายสิ่งหนึ่งที่มักจะพบเห็นมักได้แก่ถูกทักทายว่ามีองค์และจะต้องครอบขันธ์ครูรับองค์เทพไปบูชามิฉะนั้นจะไม่หายป่วยบางทีอาจถึงตายคนเรามาถึงขั้นนี้มีหรือจะไม่ยอมส่วนใหญ่จะยอมรับขันธ์กันเพราะอยากหายและอยากรวยดังนั้นเมื่อถูกทักว่ามีองค์ก็อย่าเพิ่งหลงดีใจเพราะอาจจะเป็นก้าวแรกที่ท่านจะต้องเสียเงินให้
    แก่ตำหนักนี้อีกเรื่อย ๆเช่น การครอบขันธ์ งานไหว้ครู เป็นต้นปัญหาจึงอยู่ที่ว่าท่านมีองค์จริงหรือ ? … .หรือว่า ถูกหลอก!

    [​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...