::: วรวุฒิคุณอนุสรณ์ ประวัติและวัตถุมงคลหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ครูบาฟ้าหลั่ง :::

ส่งเป็นเมล์ให้ผมได้ไหมครับ
ขอภาพใหญ่ๆชัดๆ เมล์ทีละภาพก็ได้ จะได้ส่งต่อให้คุณไก่ธีระยุทธ ได้ด้วย
คุณไก่จะได้ลงภาพหลวงปู่ชม ในหนังสือครูบาอินด้วย เผยแผ่บารมีครูอาจารย์ได้ทั้งสององค์เลยครับ

ทางวัดโป่ง ยังเก็บร่างท่านอยู่ใช่ไหมครับ แล้วพิพิธภัณฑ์ท่านเป็นอย่างไรบ้างครับ

ปล.คุณไก่ ทำหนังสือเมื่อไร บอกบุญผมด้วยนะครับ

 

ไม่ใช่อย่างนั้นครับเพียงแต่ผมสงสัยว่าครูบาสิงห์โตนั้นท่านอยู่ไกลเกินไปหรือปล่าวที่จะบอกคนทั่วไป

 

อย่าเพิ่งหงุดหงิดกับผมเลยนะ ไม่เก่งคอมพ์จริงๆน้องเค้าสอนให้โพสต์เวปก็ทำได้เท่าที่เค้าสอน เวลาลดไฟล์หรืออีเมล์อะไรก็ขอให้เขาทำให้ ต่อไปคงต้องหัดเรียนรู้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้นซะแล้ว หงุดหงิดเหมือนกัน ทำไม่ได้ดังใจ เดี๋ยวผมจะลองให้เขาทำดูนะครับ ลองลงภาพใหญ่ๆเท่าที่สแกนมา ๓๐๐ dpiในนี้เลย ภาพเมื่อก่อนเป็นกล้องฟิลม์ อัดมาขนาดโปสการ์ด ถ้ายังใช้ไม่ได้ส่งภาพไปทางไปรษณีย์ก็ได้ครับ ผมเห็นคุณ wannabexciteทำใหญ่ๆได้แต่ทางผมทำไม่เป็น

 

ขอบพระคุณสำหรับรูปนะครับ
ไม่ได้หงุดหงิดนะครับ เพียงแต่เกรงใจ ที่จะขอให้ทำนู่น ปรับนี่อ่ะครับ
ขนาด 300 dpi ที่โพสมานี้ ก็ใช้ได้แล้วครับ
อันที่จริงรูปของคุณ มากับพระ ก็ขนาดใหญ่แล้วนะครับ
อย่างสองรูปหลังนี่ก็ความกว้าง ตั้งพันกว่า point แล้ว
ถือว่าขนาดใหญ่กว่ารูปของผมเสียอีก
เพียงแต่พออัพโหลดภาพโดยตรงที่เวปนี้
มันจะถูกย่อเป็นรูปเล็กโดยอัตโนมัติครับ
หลังๆ ผมเลยใช้วิธีการฝากรูปไว้ที่เวปอื่น แล้วลิงค์รูปมาอีกที
มันจะแสดงผลเป็นรูปขนาดจริง ซึ่งจะเห็นได้ชัดกว่าครับ
ต้องขอขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับรูปนะครับ
และเลยขออนุญาตนำไปใช้ ตอนพิมพ์หนังสือประวัติหลวงปู่ครูบาอิน
คงต้องอีกสักพักนะครับ เพราะยังต้องรวบรวมข้อมูล และหาทุนการพิมพ์ด้วยครับ

เรียนคุณหนุ่มทิพย์...
เรื่องการสร้างพิพิธภัณธ์ รวมทั้งหนังสือประวัติครูบาอิน
ตอนนี้ได้ข้อสรุปคร่าวๆ แล้วว่า จะสร้างบริเวณทิศเหนือของกุฏิพระอาจารย์อินทร
โดยจะต่อเติมออกไป แต่ใช้ผนังด้านทิสเหนือร่วมกัน
ทั้งนี้เพื่อให้สะดวกต่อการดูแล...
เพราะถ้าสร้างอาคารขึ้นมาใหม่ ก็จะไม่สะดวก เปิด/ปิด
อีกอย่าง ถ้าทำเป็นห้องเชื่อมถึงกัน เมื่อชมพิพิธภัณธ์
กราบรูปเหมือนหลวงปู่เสร็จ ก็สามารถมาทำบุญ รับพร รับน้ำมนต์จากระอาจารย์อินทรได้.
เรื่องรูปแบบ และการตกแต่ง ยังไม่ได้ข้อสรุปเลย
กะว่าจะลองหาภาพตามที่ต่างๆ มาดู เป็นตัวอย่าง
และลองขอให้ช่างออกแบบเพิ่มเติมให้...
ยังมีอะไรให้ต้องทำอีกเยอะเลยครับ
คุณหนุ่มทิพยืได้ร่วมบุญด้วยแน่นอนครับ

แต่ที่แน่ๆ รีบๆ ขึ้นมาเอารูปหล่อได้แล้วครับ


ธีระยุทธ

 

เริ่มตั้งแต่วันนี้จะเอารูป+ประวัติโดยย่อของครูบาอาจารย์เก่าๆที่ผมไปพบท่านมาทยอยลงที่กระทู้หลวงปู่สิงห์โตอริยสงฆ์ลงดอย รวมถึงภาพองค์ใหม่ๆที่เพิ่งไปค้นพบมายังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน บางองค์เป็นศิษย์ครูบาเจ้าศรีวิชัยเช่นเดียวกับหลวงปู่สิงห์โตอยู่องค์เดียวกับกะเหรี่ยง บางองค์ก็อยู่ป่าองค์เดียวมากว่า๕๐พรรษา

 

เอ คุณธีระยุทธ พิพิธภัณฑ์พระหลวงปู่ครูบาอินไม่ได้อยู่ที่บ้านคุณธีระยุทธหรือครับ

 

ขอบพระคุณมากครับพี่ไก่ ผมอยากเห็นท่านมานานแล้ว เนืองจากพระอาจารย์พรสิทธิ์ท่านมักจะเอ่ยถึงบ่อยๆ เหรียญรุ่นแรก พวกชนรถไฟ ไม่เป็นไร เดินสบายใจ อักขระเลขยันต์ที่ถือว่าข่ามคงสุด ก็หมูหลังหัก (ถ้าผมจำไม่ผิด) ผมเห็นพี่บอยลูกศิษย์พระอาจารย์ได้ไป ท่านนี้เก่งจริงๆครับ

 

ข้างหลังเหรียญนี่เป็น หัวใจจน หรือเปล่าครับ "กัน หะ เน หะ"

ถ้าพี่ไก่ว่างๆผมรบกวนเล่าเรื่อง ตำนาน "ตั๋น ปั๋น มี มา" หน่อยครับ อยากรู้แบบละเอียดแบบเต็มๆเลยครับ

 

น่าจะใช่ครับ เป็นหัวใจโจร

 

เขาออกเสียงว่า โจร หรือครับ ผมก็ดันได้ยินเป็น จน เหมือนเวลาเรา จนตรอก อะไรทำนองนี้อะครับ เหอๆๆ

 

ขอบคุณมากครับสำหรับคำตอบ ขอถามคุณมากับพระครับเพิ่มครับ

ถ้าพระองค์ไหนชำนาญธาตุลม จะมีรัศมีสีเขียว แล้วนอกจากหลวงปู่ครูบาอิน แล้วยังมีองค์ไหนที่ชำนาญธาตุลมบ้างครับ

ถ้าพระองค์ไหนชำนาญธาตุไฟ จะมีรัศมีสีแดง นอกจากหลวงปู่ชม แล้วยังมีองค์ไหนที่ชำนาญธาตุไฟบ้างครับ

แล้วถ้าชำนาญธาตุดินและธาตุน้ำ จะมีรัศมีสีอะไรครับ แล้วองค์ไหนท่านชำนาญธาตุน้ำ ชำนาญธาตุดินบ้างครับ

แล้วการชำนาญธาตุที่แตกต่างกันจะเกี่ยวกับการเสกพระไหมครับ เช่นชำนาญธาตุไฟจะเสกของไปทางคงกระพัน(เดาเอา)
ผมรบกวนขอความรู้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

 

ถามยาวๆแบบนี้คนแก่ตอบยากครับท่านที่ชำนาญธาตุลม(รังสีสีเขียว)ก็มีหลวงพ่อปึก วัดรางบัว ธาตุน้ำ(สีขาว)มีท่านพ่อคร่ำ ธาตุดิน(สีเหลือง)ท่านพ่อสีนวล ธาตูไฟ(สีแดง)หลวงพ่อพุฒ วัดเขาไม้แดงฯลฯ
ธาตุดินคงกระพัน หนังเหนียว
ธาตุไฟป้องกันผีคุณไสย หนังเหนียว
ธาตุน้ำเมตตามหาอุฒม์
ธาตุลมแคล้วคลาด
แต่มิได้หมายความว่าการเสกจะต้องใช้รังสีธาตุเสมอไป บางสายก็ใช้กสิณได้เก่งเช่น สายหลวงพ่อกบ เขาสาริกา สายนี้เก่งจริงๆต้องยอมเลยควรเรียนและฝึกเอาไว้ หลวงพ่อเปิ่นที่ดังทะลุฟ้า ทะลุแผ่นดินก็ใช้วิชาหลวงพ่อโอภาสีเสกครับหลวงพ่อท่านบอกเอง...
หรืออย่างหลวงพ่อชื้น วัดญาณเสน ท่านก็ใช้รัตนรังสี รังสีจากแก้วสามดวงซึ่งทางเหนือก็ใช้เรียกว่าสามแก้ว บางท่านก็สำเร็จของจากแรงครูด้วยการเชิญครูเสก บางท่านเชิญเทพได้ก็สำเร็จด้วยเทพ แต่บางท่านที่น่ากลัว...สำเร็จด้วยการโคตรสนาอย่างเดียว...

 

ขอบคุณคุณมากับพระมากครับ โอกาสหน้าผมขอสอบถามขอความรู้เพิ่มด้วยนะครับ แล้วองค์ไหนสำเร็จด้วยการโฆษณาพอกระซิบบอกได้ไหมครับ 555+

 

ประวัติหลวงปู่ชม วัดโป่ง

 

เอ... ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ว่าเป็น โจร หรือ จน
แต่ถ้าอย่างภราดรว่า จน... แบบ จนตรอก หรือ จนต่อสถานการณ์
เพื่อให้แคล้วคลาด ก็น่าจะมีเหตุผลนะ
เหมือนเหรียญครูบาคำ ก็จะเด่นไปทางแคล้วคลาด
ประสบการณ์ที่ได้ยินมาส่วนใหญ่ก็ไปทางนั้น
อีกอย่าง ถ้าเป็นหัวใจ "โจร" มันดูไม่ดี ยังไงมิรู้เน๊อะ
เคยแต่ "ได้ยิน" มาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขียนยังไง

ท่านใดทราบช่วยไขข้อข้องใจด้วยครับ

ธีระยุทธ

 

ขอบคุณคุณ "มากับพระครับ" มากครับ
จำทางไปวัดโป่งไม่ได้แล้วครับ ใช่เส้นเดียวกับวัดหลวงปู่แร่ ไหมครับ ตอนนี้ยังเหลือปลัดกับรูปหล่อหรือเปล่า

ผมได้ชานหมากของท่าน ลูกเล็กๆเลี่ยมพลาสติกและมีรูปท่านอยู่ในนั้นด้วย เป็นรุ่นที่ท่านสร้างไว้เมื่อไหร่ครับ

 

สวัสดีครับ

ผมมีพระสมเด็จของหลวงปู่ครูบาอิน มาแนะนำครับ
มีชื่อว่า "พระสมเด็จ มหาชินปัญชรปริต เนื้อพิเศษ"
จัดสร้างโดยคุณเนาว์ นรญาณ และ คุณวีรพงษ์ แซ่เตี้ย จากโพธิจิต

พระสมเด็จรุ่นนี้ ส่วนใหญ่ผู้สร้างได้ออกให้เช่าบูชา
เพื่อ "นำรายได้สุทธิสมทบโครงการสร้างพระไตรปิฎก, ถาวรวัตถุ เครื่องพุทธบูชา
ถวายวัดในถิ่นธุรกันดาร เพื่อสืบทอดบวรพระพุทธศาสนา และพระพุทธธรรมอันบริสุทธิ์
แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้คงอยู่ตลอดไปตราบชั่วกาลนาน"

และส่วนหนึ่งได้มอบถวายไว้ที่วัดฟ้าหลั่ง ให้ศิษยานุศิษย์ได้เช่าบูชา
เพื่อนำรายได้สบทบทุนสร้างและบูรณะเสนาสนะของวัดฟ้าหลั่งต่อไป

ตอนนี้ ที่วัดฟ้าหลั่ง มีพระสมเด็จรุ่นนี้เหลือตกค้างอยู่จำนวนหนึ่ง
ผมเห็นว่ามวลสารดี และได้รับการการปลุกเสกอธิษฐานจิตจากครูบาอาจารย์
หลายรูป ในยุคนั้น ก็เลยนำมาแนะนำครับ

สนใจก็บูชาได้ที่วัดฟ้าหลั่ง องค์ละ 199.- บาท
หรือติดต่อขอบูชากับพระอาจารย์อินทร ที่วัดใหม่หนองหอยได้ครับ

ผมนำบทความที่คุณเนาว์ เขียนลงศักด์สิทธิ์ ฉบับที่ ๓๙๗ วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพระสมเด็จรุ่นนี้ครับ...

=====================




พระสมเด็จ มหาชินปัญชรปริต เนื้อพิเศษ

พระสมเด็จ มหาชินปัญชรปริต ชุดนี้ ได้รับการสถาปนาขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษสุด ด้วยความมุ่งหมายที่จะผนวกเอาปรมัตถสัจจะ แห่งความเป็น “พระสมเด็จ” โดยเนื้อแท้ พร้อมด้วย “พระชินบัญชรคาถา” เต็มบท ความยาวมากกว่า ๕๐๐ อักขระ อย่างเป็นระเบียบ สมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง อีกทั้งยังลงตัวอย่างถึงที่สุดด้วย “เนื้อหา มวลสาร” และ “พิธีการ” ที่เกี่ยวข้อง รวมเข้าไว้เป็นหนึ่งเดียว อย่างเบ็ดเตล็ดบริบูรณ์สิ้นเชิง เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา สืบต่ออายุบวรพระพุทธศาสนาไปในภายภาคหน้า ตามคติโบราณนิยม และเพื่อเผยแพร่พระชินบัญชรคาถา ซึ่งเป็นพระพุทธปริตอันประเสริฐ ให้ไพศาลและอำนวยความเป็นสิริสวัสดิ์แก่สรรพชีวิตด้วยลักษณาการอันยิ่งตลอดไป ตราบสิ้นกาลนานฯ

สังเขปประวัติพระชินบัญชรคาถา

ผลจากการศึกษาแห่งบรรดานักวิชาการ และท่านผู้รู้ทั้งภายใน และภายนอกประเทศหลายท่าน โดยมี ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร และท่านเจ้าคุณพระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี เป็นที่สุด สรุปความได้ว่า

โดยแท้แล้ว พระชินบัญชรคาถานี้ ได้รจนาขึ้นครั้งแรกเมื่อคราวสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ (ตติยสังคายนา) ที่ประเทศอินเดีย เพื่อให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เสด็จเข้าประดิษฐานในองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) โดยปาฏิหาริย์วิถี เมื่อวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒ พ.ศ. ๒๒๕ หรือเมื่อ ๒,๓๒๕ ปีที่แล้วมาเป็นปฐม จากนั้นพระคาถาชินบัญชรนี้ก็ได้ “ตามเสด็จ” พระแก้วมรกต และพระไตรปิฎก ไปในนานาประเทศเรื่อยมากว่า ๒๐ ศตวรรษ กระทั่งได้แพร่หลายเป็น ๓ ตำรับใหญ่ คือ ตำรับลังกา, พม่า และรามัญ (มอญ) ในที่สุด โดยพระคาถานี้ เข้าสู่ประเทศไทยครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ ๔๐๐ กว่าปีก่อน (ตำรับพม่า, รามัญ) และได้เป็นที่นิยมสูงสุดทั่วไปในอีก ๓๐๐ กว่าปีต่อมา ด้วยมหาบารมีของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ในพระชินบัญชรคาถาตำรับ “วัดระฆัง” หรือตำรับ “รัตนโกสินทร์” อันได้เรียบเรียงมาจากต้นฉบับตำรับ “ลังกา” ให้ไพเราะ สละสลวยยิ่งขึ้น ดังเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดียิ่งในปัจจุบันนั่นเอง...

มวลสารมงคลสำคัญ

๑. ผงชันเพชรโบราณจากองค์บุษบกทองคำ ที่ประทับพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร (องค์ปฐมกำเนิดตำนานแห่งความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพระชินบัญชรคาถา)
๒. น้ำพระสุคนธสาคร ทรงสรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ในพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงประจำฤดู หลายวาระ อันได้นำขึ้นถวายท่านเจ้าคุณพระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร) สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง จังหวัดเชียงใหม่ พระอริยสงฆ์ผู้มีบูรพวาสนากับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และพระชินบัญชรคาถา อธิษฐานจิตซ้ำเป็นกรณีพิเศษอีกครั้ง
๓. น้ำพระพุทธมนต์ พิธีมหาพุทธาภิเษก, มหาพิธีเจริญพระพุทธปริตสืบชะตาแผ่นดิน ครั้งสำคัญ เฉพาะพระพักตร์ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) หลายวาระ
๔. ผงอิฐ, ปูน, โมเสก, กระเบื้อง, กระจกเกรียบธูป, พระอุโบสถ และปูชนียสถาน ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร
๕. ผงดินจากสังเวชนียสถาน ที่พระพุทธองค์ทรงประสูติ, ตรัสรู้, แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน ๔ ตำบล จากประเทศอินเดีย (แผ่นดินต้นกำเนิด พระคาถาชินบัญชร)
๖. ผงข้าวเย็นพระเจ้า (ข้าวก้นบาตรพระพุทธเจ้า) น้ำพระพุทธมนต์วัดพระพุทธบาทสี่รอย จังหวัดเชียงใหม่ (แผ่นดินยุคต้นแห่งการแพร่หลายของพระชินบัญชรคาถา ในประเทศไทย)
๗. ผงพระสมเด็จวัดระฆัง, บางขุนพรหม ของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่สุดแห่งพระอริยเจ้าผู้เผยแผ่พระชินบัญชรคาถาให้เลื่องลือไกลที่สุดแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
๘. น้ำพระพุทธมนต์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดอินทรวิหาร กรุงเทพมหานคร
๙. หัวน้ำมันจันทน์ชินบัญชร พ.ศ. ๒๕๑๓ ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) วัดเทพศิรินทร์ฯ กรุงเทพมหานคร
๑๐. น้ำมันเสกออกศึก ๓ แผ่นดิน (อยุธยา, ธนบุรี, รัตนโกสินทร์)
หมายเหตุ: น้ำมันเสกชุดนี้ เป็นของโบราณเก่าแก่กว่า ๒๕๐ ปี ตั้งแต่สมัยที่กรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานี สำหรับให้ยอดขุนพลนักรบกล้าสมัยก่อน ใช้ชโลมร่างกายให้อยู่ยงกระพันชาตรีต่อสรรพศาสตราวุธทุกชนิด ยามออกสมรภูมิสู้รบ ด้วยประการทั้งปวง ซึ่งต่อมาได้ตกทอดมาถึงสมัยกรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ในที่สุด โดยได้ผ่านพิธีกรรมในเชิงมหิทธิฤทธิ์ และบุญฤทธิ์ จากพระอัจฉริยวราจารย์สำคัญแห่งยุคสมัย นับแต่แรกสร้างกรุงมานับครั้ง นับองค์ไม่ถ้วน {เจ้าหน้าที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามท่านหนึ่ง (ขอสงวนนาม) กรุณามอบให้} ซึ่งนับได้ว่าน้ำมันเสกชุดนี้ ถือเป็นหนึ่งใน “ที่สุด” แห่งสุดยอดมวลสารที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ที่น้อยคนนักในแผ่นดินนี้ จักมีโอกาสวาสนามีไว้ในครอบครองอย่างแท้จริงได้
๑๑. ผงปูนกะเทาะจากองค์พระมหาธาตุเจดีย์สำคัญ อันประกอบด้วย พระปฐมเจดีย์, พระธาตุพนม, พระธาตุหริภุญชัย, พระธาตุจอมกิตติ, พระบรมธาตุไชยา, พระธาตุนครศรีธรรมราช เป็นต้น
๑๒. ผงพระจิตรลดา กรุงเทพมหานคร
๑๓. ผงพุทธคุณสำคัญ ๘ ประการ อันประกอบด้วย ผงปถมัง, ผงมหาราช, ผงอิทธิเจ, ผงตรีนิสิงเห, ผงนะปัดตลอด, ผงสุกิตติมา, ผง ๑๒ นักษัตร และผงมหาจักรพรรดิ ซึ่งได้จากพระอนุตราจารย์ที่สำคัญหลายองค์ อาทิเช่น หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช, หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ, หลวงปู่ดู่ วัดสะแก, หลวงปู่เริ่ม วัดจุกกะเชอ, หลวงปู่จ่าง วัดเขื่อนเพชร เป็นต้น ฯลฯ
๑๔. ผงยาจินดามณี หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว, หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว, หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา, หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
๑๕. ผงอธิษฐานพระคณาจารย์ ๑๐๘
๑๖. ผงว่านมงคล ๑๐๘
๑๗. ผงกาฝากไม้มงคลหลายชนิด
๑๘. ผงเก้าธนบัตร ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท
๑๙. ผงวัตถุกายสิทธิ์, ทนสิทธิ์ จำนวนมาก อาทิ ผงขี้เหล็กไหล กาญจนบุรี, ผงแร่บางไผ่ นนทบุรี, ผงแร่เกาะบ้าน ชลบุรี, ผงแร่เขาเชียว ราชบุรี, ผงแร่เหล็กน้ำพี้ อุตรดิตถ์, ผงแร่เจ้าน้ำเงิน กาญจนบุรี, ผงพลอยทับทิม จันทบุรี, ผงแก้วจุยเจีย เชียงใหม่, ผงแก้วโป่งข่าม ลำปาง, ผงศีลาธิคุณ (ฤาษีผสม) ลพบุรี, ผงข้าวสารดำ มหาสารคาม, ผงข้าวสุกหิน แพร่, ผงข้าวพันก้อน มุกดาหาร, ผงพระธาตุข้าว ลำพูน, ผงขมิ้นหิน แพร่, ผงไม้ไผ่ตัน แม่ฮ่องสอน, ผงกะลาไม่มีตา สงขลา, ผงพระธาตุสิวลี อุทัยธานี ฯลฯ

พิธีประจุพุทธานุภาพ

พระสมเด็จ มหาชินปัญชรปริตร เนื้อพิเศษ ชุดนี้ ได้อัญเชิญเข้ามหาพิธีพุทธชัยมังคลาภิเษก, พิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวด้วยพระมหาชินบัญชรคาถา ครบถ้วนทั้ง ๓ ตำรับหลัก และพระพุทธปริตรสำคัญโดยพระอนุตราจารย์เจ้า ผู้ทรงอัจฉริยคุณอันประเสริฐย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ดังนี้คือ

๑. พระชินบัญชรคาถา ตำรับลังกา (รัตนโกสินทร์, วัดระฆัง) โดย หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท วัดฟ้าหลั่ง จังหวัดเชียงใหม่ (วันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ และ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ ด้วยระยะเวลาอันยาวนานเป็นประวัติการณ์ยิ่งกว่าที่เคยพบมาไม่ว่าจะเป็นครั้งใด อย่างน่าอนุโมทนาสาธุเป็นย่างยิ่ง)

๒. พระชินบัญชรคาถา ตำรับพม่า (ล้านนาไทย) ในมหาพิธีพุทธาภิเษก, บวชพระเจ้า พระยอดฉัตรทองคำประดับเพชร พร้อมฉัตรนวหรคุณบรมพุทธวงศ์ วัดพระพุทธบาทสี่รอย จังหวัดเชียงใหม่ (หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง จังหวัดเชียงใหม่ และหลวงปู่ครูบาเจ้าชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน เมตตารับอาราธนา “ถอดจิต เดินญาณ” ร่วมพิธีโดยตรง ในตอนกลางคืนของวันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นกรณีพิเศษด้วย)
หมายเหตุ: จากการตรวจสอบโดยผู้ทรงสมาธิจิต พบว่า ใน “มิติละเอียด” นั้น ปรากฏมี “พระ” เบื้องบนองค์สำคัญแผ่ญาณมาร่วมมหาพิธีในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก อาทิ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี), หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด, หลวงพ่อพระครูเทพโลกอุดร, ครูบาเจ้าศรีวิไชย นักบุญแห่งล้านนาไทย (หลวงพ่ออุตตมะเคยได้ยินท่านครูบาเจ้าสวดชินบัญชรคาถาเมื่อเมื่อครั้งยังดำรงขันธ์อยู่ด้วยองค์เอง), หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ฯลฯ และที่พิเศษอย่างยิ่งก็คือ แม้หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร พระอริยเจ้า ผู้เผยแพร่พระพุทธบาทสี่รอย ให้ลือชาปรากฏอย่างกว้างไกลที่สุด ก็ได้เดินญาณมาร่วมด้วยเช่นกัน โดยมาเคียงคู่กับกระแสจิตของหลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง สหธรรมิกรุ่นพี่ที่เคารพสักการะอย่างน่าปีติ และประทับใจ เป็นที่สุดอีกด้วยฯ

๓. พระชินบัญชรคาถา ตำรับรามัญ (มอญ) โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี พระมหาวัชชิระหน่อพุทธางกูร จากลุ่มแม่น้ำอิระวดี (วันที่ ๒๓–๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒)

๔. อธิษฐานจิตเดี่ยวด้วย “เตโชกสิน” โดยหลวงพ่อครูบาดาบส สุมโน พระบริสุทธิสงฆ์ผู้งามหมดจนสิ้นเชิง แห่งอาศรมไผ่มรกต จังหวัดเชียงราย (วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒)

๕. อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวโดย หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จังหวัดอุตรดิตถ์, อายุ ๑๐๒ ปี ผู้สร้างพระสมเด็จรุ่น “แผ่นดินไหว” อันลือลั่น ผู้ได้รับการยกย่องว่ามีอำนาจจิตอันกล้าแกร่ง และทรงอานุภาพอย่างสูงยิ่งใกล้เคียงกับพระสมเด็จวัดระฆังเลยทีเดียว ที่แม้แต่หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก และหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ยังได้ถวายความศรัทธาเลื่อมใสตลอดมา (วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒)

จำนวนสร้าง ๙๙๙ องค์


<O</O

 

พี่ไก่ครับ สมเด็จเนื้อสวยมากๆเลยครับพี่

 

สวยจังครับ ที่บ้านเรามีป่าว?หว่า

 

งดงามเป็นที่สุด....งามทั้งเนื้อ.....งามทั้งพิมพ์....และอุดมไปด้วยพลังอันเข้มขลังของครูบาอาจารย์ผู้เสก(||)