ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ทักษิณวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์คนเสื้อแดงเชียงใหม่ ​

​

เชียงใหม่ 22 มี.ค.-การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่จังหวัดเชียงใหม่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โจมตีรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้

กลุ่มคนเสื้อแดงจากจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง ร่วมรับฟังเวทีสัญจรรายการความจริงวันนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี มีบรรดา ส.ส. และอดีต สส. ขึ้นเวทีปราศรัยหลายคน แต่ไฮไลท์ของงานอยู่ที่การกล่าวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยพ.ต.ท.ทักษิณทั กทายกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นภาษาเหนือ และโจมตีรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่เป็น ทำให้ประชาชนเดือดร้อน

พร้อมทั้งแสดงความเสียใจกับการเสียชีวิตของ นางเยาวลักษณ์ ชินวัตร พี่สาวคนโต รวมทั้งผิดหวังที่ไม่ได้เดินทางกลับไปกราบศพ ส่วนบริเวณโดยรอบมีกำลังตำรวจคอยดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากเกรงว่าจะมีมือที่สามเข้าไปสร้างสถานการณ์ .-สำนักข่าวไทย

2009-03-22 22:09:40

อาคารพาณิชย์ถล่มที่สมุทรปราการ ตาย 1 เจ็บ 20 ​

​

สมุทรปราการ 22 มี.ค.-เกิดเหตุคานบริเวณชั้น 3 ของอาคารพาณิชย์ที่จังหวัดสมุทรปราการถล่มลงมาทับคนงาน และประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงบาดเจ็บ 20 คน และมีคนงานชายอายุ 51 ปี เสียชีวิต 1 คน

โดยคานบริเวณชั้น 3 ของบริษัทตัน แอนด์ ซัน จำกัด ตั้งอยู่ในซอยศรีบุญเรือง 1 ตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งช่างได้ทำการหล่อไว้ แต่ยังไม่แห้ง ได้หัก และพังลงมาทับคนงานก่อสร้างที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ รวมทั้งบุตรหลานของคนงานที่วิ่งเล่นอยู่บริเวณใกล้เคียง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 20 คน ส่วนใหญ่เป็นแผลถลอก ฉีกขาดตามร่างกาย และมีเด็กหญิงคนหนึ่งที่อาการสาหัส หมดสติ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยล่าสุดพบว่า กระดูกขาซ้ายผิดรูป ส่วนขาขวาหัก และจากการค้นหาใต้ซากอาคาร ก่อนที่ปูนซีเมนต์จะแข็งตัว เจ้าหน้าที่ก็พบศพของคนงานชายอายุ 51 ปี ทราบชื่อภายหลังว่านายวันนา พาที

สำหรับชิ้นส่วนของอาคารบางส่วนยังได้หล่นไปทับบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงเสียหาย ด้านเจ้าหน้าที่ สน.สำโรงเหนือ สันนิษฐานว่าสาเหตุอาจเกิดจากเสาที่รองรับอาคาร จำนวน 6 ต้น รับน้ำหนักไม่ไหว เนื่องจากปูนซีเมนต์ยังไม่แห้ง และมีการหล่อคานซ้ำ จึงทำให้คานพังลงมาทับคนบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

ขณะนี้เจ้าหน้าที่จากกรมโยธาธิการผังเมือง จังหวัดสมุทรปราการ และเทศบาลบางเมือง ได้นำแผงเหล็กมากั้น ประกาศเป็นเขตอันตรายโดยรอบอังคารดังกล่าว และพรุ่งนี้จะเข้าทำการรื้อเสาที่ชั้น 3 ออกทั้งหมด ขณะที่นายนำชัย เอกพัฒนาพานิช ผู้จัดการบริษัท ตัน แอนด์ ซัน จำกัด รับดูแล จ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

2009-03-22 19:07:09

วัตถุมงคลปู่ทิมราคาพุ่ง คนแห่จองแน่นวัด ​

​

พระนครศรีอยุธยา 22 มี.ค.- ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระขาว หมู่ 3 ตำบลพระขาว อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า หลังจากประชาชนทราบข่าวการมรณภาพของหลวงปู่ทิม อตตสนโต เจ้าอาวาสวัดพระขาว เกจิชื่อดังวัย 96 ปี

ปรากฏว่าภายในวัดเต็มไปด้วยรถยนต์และรถบัสจำนวนมาก จอดอยู่ทั่วบริเวณวัด เพราะมีประชาชนนับพันคนเดินทางมาเช่าวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิม ซึ่งส่วนใหญ่เช่าบูชาเหรียญทองแดงครบ 8 รอบ ราคาบูชาองค์ละ 100 บาท นอกจากนี้ ตามร้านเช่าพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ที่อยู่ภายในวัดจำนวน 5 ร้าน มีประชาชนไปเช่าบูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมจำนวนมาก ตลอดทั้งวัน

ขณะที่ นายสุธี ศรีวิไล เจ้าของร้านให้เช่าจองวัตถุมงคลที่อยู่หน้ามณฑป เปิดเผยว่า เชื่อว่าหลังจากหลวงปู่ทิมมรณภาพแล้ว วัตถุมงคลจะมีราคาสูงขึ้น เช่น รุ่นชนะจน เหรียญทอง ที่สร้างครบ อายุ 84 ปี มีเพียง 84 เหรียญ จากราคา 16,000 บาท เป็น 200,000 บาท แม้กระทั่งชานหมากที่หลวงปู่ทิมมักจะแจกให้กับลูกศิษย์และประชาชน เกลี้ยงวัดไปแล้ว เพราะลูกศิษย์มีความเชื่อว่า ชานหมากมีสรรพคุณมากมาย โดยเฉพาะการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ.-สำนักข่าวไทย

2009-03-22 18:12:30

ไฟไหม้ป่าอุทยานฯ ดอยสุเทพเสียหายแล้วกว่า 270 ไร่​

​

เชียงใหม่ 22 มี.ค.- ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ ว่า วันนี้ (22 มี.ค.) เกิดไฟไหม้ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เชียงใหม่ พร้อมกันถึง 3 จุด จนเกิดกลุ่มควันเป็นบริเวณกว้าง

จุดแรกบริเวณอ่างเก็บน้ำแม่จอก ด้านหลังสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จุดที่ 2 ด้านหลังสนามยิงปืนหนองฮ่อ ย่านถนนคลองชลประทานมีกลุ่มควันเป็นบริเวณกว้าง และจุดที่ 3 บ้านแม่เหียะในบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังหน่วยเสือไฟถึง 90 นาย เดินเท้าเข้าไปดับไฟ เนื่องจากบางจุดรถยนต์ไม่สามารถเข้าถึง ใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง จึงควบคุมพื้นที่ไว้ได้ แต่พื้นที่ป่าเต็งรังถูกไฟไหม้เสียหายทั้ง 3 จุด รวมถึง 7 ไร่

อย่างไรก็ตาม นายภุชงค์ อินสมพันธุ์ ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทุกแห่งเพิ่มความเข้มในการลาดตระเวนตามพื้นที่ป่า หากพบให้จับกุมดำเนินคดีทุกราย ส่วนสาเหตุไฟไหม้ป่ายังเป็นชาวบ้านลักลอบจุดไฟเผาเพื่อหาของป่า สำหรับในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเกิดขึ้น 57 ครั้ง พื้นที่ป่าเต็งรังเสียหายไปถึง 273 ไร่ ขณะที่ทั้งจังหวัดตั้งแต่ต้นปีเกิดไฟป่าในทุกอำเภอมากกว่า 1,000 ครั้ง พื้นที่ป่าเสียหายไปแล้วเกือบ 7,000 ไร่.-สำนักข่าวไทย

2009-03-22 17:13:58

ชาวนาพิจิตรกว่า 200 คน รวมตัวประท้วงไม่มีน้ำทำนาปรัง​

​

พิจิตร 22 มี.ค.- กลุ่มเกษตรกรในตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตรกว่า 200 คน รวมตัวชุมนุมไม่มีน้ำทำนาปรัง เรียกร้องกรมชลประทานขุดลอกคลองให้ลึกเพื่อรับน้ำได้มากขึ้น ขณะที่ ผู้บริหารกรมชลประทานลงพื้นที่เจรจา รับปากจะนำข้อเรียกร้องไปพิจารณา

เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (22 มี.ค.) กลุ่มเกษตรกรในตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตรกว่า 200 คน ได้รวมตัวชุมนุมประท้วงที่บริเวณฝายกั้นน้ำบ้านสระยายชี ตำบลเนินปอ ว่า โดยระบุว่า ได้รับ ความเดือดร้อนไม่มีน้ำทำนาปรัง เนื่องจากอยู่ตอนปลายของลำคลองโครงการผันน้ำจากแม่น้ำปิง จังหวัดกำแพงเพชรไหลลงสู่แม่น้ำยม ที่จังหวัดพิจิตร ส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ ตอนปลายของลำคลองกว่า 10,000 ไร่ ขาดน้ำยืนต้นตาย แม้ที่ผ่านมาจะเกิดปัญหาดังกล่าวมาแล้วหลายครั้งและมีตั้งกรรมการขึ้นมากำกับดูแล เพื่อให้มีการเปิดปิดน้ำให้เสมอและเท่าเทียมกัน แต่ก็ยังไม่เป็นผล เนื่องจากยังมีลักลอบปิดเปิดน้ำกันมาตลอด

ต่อมา นายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน และคณะ ได้เดินทางมาเจรจากับกลุ่มเกษตรกร ซึ่งกลุ่มเกษตรกรได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมชลประทาน ผ่าน นายวีระ ให้เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าวโดยเร็ว พร้อมกับเร่งหางบประมาณมาขุดลอกคลองที่รับน้ำจากโครงการผันน้ำให้มีความลึก ทำให้น้ำไหลสะดวก เนื่องจากปัจจุบันลำคลองดังกล่าวมีสภาพตื้นเขิน เมื่อชาวนาบ้านแย่งกันสูบน้ำจะทำให้น้ำไหลไม่ถึงตอนปลายของคลอง ซึ่งรองอธิบดีกรมชลประทานได้รับ เรื่องไว้และจะนำกลับไปพิจารณา สร้างความพอใจให้กับกลุ่มเกษตรกรจึงยอมสลายการชุมนุมไป โดยไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น.- สำนักข่าวไทย

2009-03-22 16:21:47

ประชาชนแห่เที่ยวพักผ่อนลานดนตรีฯ ริมหาดสมิหลา​

​

สงขลา 22 มี.ค.-ประชาชนพากันมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจบริเวณลานดนตรีและวัฒนธรรมริมหาดสมิหลา กันอย่างคึกคักในช่วงสุดสัปดาห์

หาดสมิหลาในช่วงค่ำคืนนี้คึกคักมาก โดยเฉพาะที่บริเวณลานดนตรีและวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นศูนย์รวมของหลากหลายครอบครัว ที่ใช้เป็นที่นั่งพักรับประทานอาหาร พร้อมชมการแสดงบนเวที โดยลานดนตรีและวัฒนธรรมได้เปิดขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ กิจกรรมบนเวทีจะเน้นให้เยาวชนได้แสดงออกผ่านทางศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น
นายอุทิศ ชูช่วย นายกเทศมนตรีนครสงขลา เชื่อว่า ลานดนตรีและวัฒนธรรมจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้เข้าพื้นที่ได้อย่างมากในแต่ละสัปดาห์ โดยลานดนตรีและวัฒนธรรม จะเปิดขึ้นทุกสุดสัปดาห์ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนสิ้นกันยายนนี้.-สำนักข่าวไทย

2009-03-22 02:14:18

ที่มา http://news.mcot.net/local/

 

ลูกเห็บยักษ์ และ อาวุธแสง!​

​

<LARGFONT>

 

ไม่ได้มาดูบอร์ด 2 วัน มีกระทู้ให้อ่านเยอะเลย ดีครับ บอร์ดจะได้ไม่เหงา.....ขออนุโมทนา สำหรับขอมูลดีที่ท่านทั้งหลายนำมาเผยแพร่นะครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>การทำห้วงอวกาศให้เป็นสนามรบ</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย แจ็ค สมิธ</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>19 มีนาคม 2550 00:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

โครงการสตาร์วอร์ของสหรัฐอเมริกาศึกษาการใช้ดาวเทียมเพื่อยิงขีปนาวุธของศัตรูให้ร่วงจากอากาศ สิ่งดังกล่าวสามารถทำได้ด้วยลำแสงเลเซอร์ที่มีกำลังสูงหรือ อาวุธลำแสงอนุภาค อาวุธลำแสงอนุภาคยิงกระแสของอะตอมด้วยอัตราความเร็วที่สูงลำแสงเหล่านี้อาจมาจากตัวดาวเทียมเองหรือสะท้อนจากโลก

ห้วงอวกาศคือบริเวณที่บรรยากาศของโลกสิ้นสุดลง คือสูงจากพื้นดินขึ้นไปราว 100 กิโลเมตร สหรัฐต้องทำให้ห้วงอวกาศเป็นสนามรบ เพื่อที่จะครองความเป็นเจ้าโลกเอาไว้ให้อยู่มือ ตอนนี้กระทรวงกลาโหมสหรัฐก็สอดส่องโลกมาจากอวกาศได้แล้ว และกำลังพยายามจะจัดส่งการทหารขึ้นไปบนนั้น เพื่อว่าตนจะได้เปิดฉากโจมตีได้ทั่วทุกมุมโลก ในเวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมง

วัตถุประสงค์ในนโยบายประสานการโจมตีโลกของกระทรวงฯ คือ

 

*** พรโปรดมวลมนุษย์ จาก โลกุตตระ ****

ถึง ผู้มีอำนาจทั้งหลายทั่วโลก

" เราขอประกาศไว้ว่า.......
สถานที่นี้ เอาหลักธรรมของ โลกุตตระ มานำสัตว์โลกให้หลุดพ้นทุกข์
เพราะฉะนั้น ผู้มีอำนาจทั้งหลาย ขอให้ตั้งอยู่ในความสงบ
อย่าได้เอาท้องฟ้านี้ เป็นสนามรบ

ถ้าฝ่าฝืน ประเทศใดประเทศหนึ่งฝ่าฝืนโองการของ โลกุตตระ
.......ฟ้าจะต่ำลงมา "

วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐
"หนุมาน ผู้นำสาร"
ผู้บันทึก

 

^
^
^
คล้ายๆ ในเกม RA 3 เลย ไม่มนึกว่าจะมีจริงด้วย

 

ผบช.น. ไม่ขวางเสื้อแดงชุมนุมใหญ่​

​

กทม. 23 มี.ค.

 

กรรมติดจรวดมาถึงแล้วจริงๆครับ
โดยคุณ mead<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_577609", true); </SCRIPT> สมาชิกยอดนิยม​

​

mead<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_577609", true); </SCRIPT> สมาชิกยอดนิยม

กรรมติดจรวดมาถึงแล้วจริงๆครับ ภัยธรรมชาติปีนี้เห็นภาพชัดมากๆ เหตุแผ่นดินไหว รวมถึงคลื่นทะเลปั่นป่วนทั่วโลก มีคลื่นสูง 4 -12 เมตร เหตุการณ์บ้านเมืองก็ยากจะกลับสู่ความสงบ

เนื่องจากอดีตผู้นำท่านหนึ่งยังไม่บรรลุเป้าหมายตาม "รหัสกรรม" ของเขาทำให้ผู้รักษาบ้านเมืองในช่วงนี้ ไม่อาจทำอะไรไม่ได้มากนัก อย่างที่เห็น (เพราะไม่ใช่วาระ ฝืนลำบาก) ทราบมาว่าอำนาจเก่าจะกลับมาทวงคืนอำนาจ แต่มาในรูปแอบแฝงจนกว่าประเทศไทยจะ.......***

ไม่อยากคิดเลยครับ (ทีแรกว่าจะไม่พูดเรื่องนี้..แต่เอามาเล่าให้ฟังดีกว่า) ยิ่งช่วงนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ดูแลบ้านเมืองต่างพากันถอนกำลังออกจนหมด ปล่อยมนุษย์ลอยแพตามวาระกรรมแล้ว.. ทางที่ดีทำจิตเราให้โปร่งใส บริสุทธิ์ เบาสบาย ถอดรหัสกรรมออกให้ได้มากที่สุด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้ว ยั้บยั้งไม่ได้จริงๆ ต้องทำใจปล่อยวางให้ได้ครับ

20-05-2007, 06:05 AM

kananun<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_579999", true); </SCRIPT> หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

วันนี้ได้ไปกราบพระอาจารย์ประจักษ์ ท่านได้เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ภัยพิบัติกำลังร่นใกล้เข้ามา และ ท่านได้บอกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองรักษาช่วยดึงเอาไว้ ท่านได้ถอนกำลังออกไปแล้ว ซึ่งตรงกับที่พระท่านมาบอกอย่างน่าแปลกใจครับ

ภัยอีกสิ่งหนึ่งที่กำลังจ่อเข้ามา ใกล้เป็นภัยจากมนุษย์ครับ มีข่าววงใน บอกว่า "ไฮโซหลายคนเริ่มเตรียมถอนเงินสดติดบ้าน ไปซื้อข้าวสารอาหารแห้งมาเตรียมเอาไว้ บางคนหลบไปอยู่เมืองนอกก่อน ดูว่าเหตุการสงบค่อยกลับมากัน"

เราทำแบบเขาไม่ได้ ก็เตรียมตัว เตรียมใจกันไว้ อย่าไปยุ่งกับกรรมของเขา อยากช่วยก็ปฏิบัติธรรม ทำความดีกันประสาพวกเรากันไปอย่างมั่นคง บอกแบบนี้คงพอจะทราบกันว่าเรื่องอะไร ให้วางกำลังใจไว้เป็นกลางๆครับ ไม่ รัก ไม่เกลียด ฝ่ายใดข้างใด เราเป็นฝ่ายธรรม ฝ่ายที่มองประโยชน์สุขของส่วนรวมประเทศชาติเป็นหลักกันดีกว่าครับ ทุกข์ในโลกก็หนักหนาสาหัสกันอยู่แล้ว

22-05-2007, 03:10 PM

Nirvana<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_577537", true); </SCRIPT> สมาชิก

เหตุบ้านการเมืองในประเทศไทย จะเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ให้คอยเตรียมตัวรับมือ

ส่วนภัยพิบัติของโลก ได้สนทนากันหลายสายในช่วงนี้ ทุกท่านเห็นตรงกันว่า ภัยพิบัติจะมาเร็วขึ้นกว่าที่เคยคาดคะเนไว้ก่อน เนื่องจากจิตใจมนุษย์ที่อาฆาต จองเวรกัน ยังส่งผลรุ่นแรงมากขึ้นกว่าเดิม

การตระเตรียมอาวุธทำลายล้างสูงก็เร่งมือกันเต็มที่ เข้าห้ำหั่นกัน เป็นตัวเร่งวิบากกรรมในโลกนี้ ความวิบัติก็จะมาเร็วและแรงยิ่งขึ้น ท่านผู้เจริญก็ไปพิจารณากันเองนะครับ
<!-- / message -->

20-05-2007, 02:44 AM

mead<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_577018", true); </SCRIPT> สมาชิก ยอดนิยม

bassate says:

กทม. จะจมน้ำ ซึนามิจะเกิดอ่าวไทย แผ่นดินดันตัวขึ้น ทางอันดามันเริ่มนานแล้ว ที่มาเลเซียจะโดนหนักมากๆครับ หนักกว่าไทยหลายเท่า การไหลเอ่อของน้ำทะเลจำนวนมหาศาล เข้าท่วมพื้นแผ่นดินทั่วโลก

การเสียชีวิตของคนจำนวนมหาศาล ท่านจะเลือกและเรียกคนเหล่านั้นกลับขึ้นไปอยู่ในที่ๆปลอดภัย ภัยพิบัติครั้งสุดท้ายที่จะรุนแรงที่สุดทั่วโลก แต่พี่ไม่ต้องกลัวครับ ผมเชื่อว่าพี่เป็นหนึ่งในภาระกิจที่เกิดมาโดยเฉพาะเรื่องนี้

Falkman:

พี่ห่วงพ่อห่วงแม่

bassate says:

พี่อย่าคิดอย่างนี้ซิครับ พี่ต้องเคารพภาระกิจของโลก แต่เราต้องทำให้ท่านปลอดภัย ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

ชะตากรรมของเรากำลังซ้ำรอยอดีต เหมือนดาวอังคารครับ ชะตากรรมคราวนี้ ออกมาชัดเจนแล้วครับ ถือเป็นการสิ้นสุดยุคนี้จริงๆ เพราะมนุษย์ไม่สนใจสิ่งที่กำลังจะเกิดเลยแม้แต่น้อย

ละครบทนี้จะเริ่มที่อเมริกาก่อนครับ ตามด้วยแถบชายฝั่งแอตแลนติก กระทบโดยตรงมาที่อันดามันและก็ถึงตาเอเซียครับ

โลกยังปราณีเอเซียนะครับ ที่เกิดทีหลังพอจะขยับตัวทัน นับต่อแต่นี้ไปจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน อะไรที่ไม่เคยเกิดก็เกิด จะแรงขึ้นเรื่อยๆจนกว่าโลกจะเข้าที่และปรับตัวเองเสร็จครับ และลดจำนวนมนุษย์ลงเสีย 1 ใน 3 ของทั้งหมดเสียก่อน ทุกอย่างจึงจะสำเร็จครับ

ตอนแรกผมก็กลัวเหมือนพี่เลยครับ แต่ผมมีเหตุผลครับมันยาว เพราะผมเองก็เคยสงสัยว่าตัวผมก็ธรรมะธรรมโมเหมือนกัน แต่ทำไมไม่เข้าทางพุทธแต่รับได้เฉพาะทางคริสต์? เพราะที่มาของจิตของผม มีความผูกพันธ์เป็นพิเศษกับพลังงานทางคริสต์ ผมไม่ได้หมายถึงทางศาสนานะครับ ไม่ว่าจะเป็นอดีตชาติ การมาของจิตก่อนมาเกิดที่โลกด้วยครับ

อาจารย์ไทย (ดร.เทพพนม) พี่ได้อ่านการสนทนากับมนุษย์ดาวศุกร์กับดาวอังคารหรือยังครับ ยังมีอยู่นะคับ รู้สึกเว็บสโนว์เอามาไลท์อัพ เป็นหัวข้อเด่นด้วย มนุษย์ดาวอังคารกับศุกร์ เค้าอธิบายตัวตนของท่านไว้ดีมากครับ และที่เค้าพูดทุกอย่างเป็นจริงทั้งหมดครับ

มีข่าวจาก อ.ปริญญา ตันสกุล อีกเรื่องครับ

เมื่อวานเพื่อนสนิทคนหนึ่งไปนั่งคุยกับอาจารย์ที่บ้าน อาจารย์บอกว่า เรื่อง "โลกร้อน" ยังไม่เท่าเรื่อง "โลกร้าว" เปลวไฟที่พุ่งจากบึงน้ำ ที่บุรีรัมย์ ก็เกิดจากเปลือกโลกร้าว เปลือกโลกเมื่อขยับตัวแล้ว จะต่อเนื่องไปเหมือนโดมิโน่ เสียงจะดังสนั่นจากรอยแตกของแผ่นดิน ยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่า จะเกิดรอยแยกปริ และแตกออก น้ำจะเข้าไปแทนที่ในรอยร้าวนั้น แม่น้ำสายใหม่จะเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที

อาจารย์บอกให้ระวังปี คศ. 2009 (2+9 = รหัส11) ถ้ามีบ้านที่คิดว่าปลอดภัย ให้อยู่เตรียมพร้อมกับครอบครัวในบ้านดีที่สุด เป็นเรื่องของกรรมใคร กรรมมัน ต่อให้หนีไปอยู่ที่อื่นก็ไม่รอดเหมือนกัน เถ้าถ่านลาวา จากภูเขาไฟที่คละคลุ้ง นอกบ้านออกไปไม่ได้เด็ดขาด (หายใจไม่สะดวก) เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมความพร้อมให้ดีที่สุด

20-05-2007, 06:05 AM

__________________________________________________

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?p=579211
<!-- / message --><!-- sig -->
<!-- / message --><!-- sig -->
<!-- / message --><!-- sig -->

 

*** ไร้สัจจะทำ ****

ถ้า...ชาวไทย ฆ่ากันเอง
กรรมประเทศไทย ก็ปรากฏรุนแรง

ถ้า....เอาท้องฟ้าเป็นสนามรบ
กรรมมนุษย์โลก ก็ปรากฏ...ฟ้าจะต่ำลงมา ระส่ำระสายไปทั่วโลก

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** เรื่องราวของประเทศไทย ****

ประเทศไทย...โชคดีที่สุดในโลก
ที่ องค์โลกุตตระธรรม....ปรากฏบนผืนแผ่นดินไทย ในรอบหนึ่งหมื่นปี

ประเทศไทย....โชคร้ายสุด
ที่ ไม่มีผู้ให้การต้อนรับ...สิ่งศักดิ์สิทธิ์

จึงกลายเป็นลิขิตขึ้นมา.......
- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ถ้อยคำ ที่จำได้ดี ****

โลกุตตระ มีเวลาให้จำกัด

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6689 ข่าวสดรายวัน


ป้องกันลูกหาย ช่วงปิดเทอมใหญ่



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>เข้าสู่ช่วงปิดเทอมใหญ่ พ่อแม่อาจกังวลเรื่องการดูแลลูกในช่วงปิดเทอม เพราะต้องทำงานกันทั้งคู่ จึงไม่มีคนดูแลลูก บ้างก็อาจจะจ้างเลี้ยง หรือฝากกับปู่ ย่า ตา ยาย หรือญาติ ซึ่งการเอาใจใส่ดูแลก็อาจจะน้อยกว่าพ่อแม่เลี้ยงเอง

และที่น่ากลัวกว่านั้น คือการที่พ่อแม่ปล่อยให้ลูกอยู่ลำพังเองที่บ้าน จึงเสี่ยงต่อการที่เด็กจะถูกล่อลวง หรือลักพาตัว จากคนแปลกหน้าได้ง่าย

จากสถิติจากศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงาที่ว่าปีที่ผ่านมา ได้รับแจ้งคนหายจำนวน 1,004 ราย และเด็กกลุ่มเสี่ยงที่อาจถูกคนร้ายลักพาตัวคือเด็ก ตั้งแต่แรกเกิด-11 ปี เป็นกลุ่มที่ยังปกป้องตนเองไม่ได้

นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก วิเคราะห์ถึงปัญหาดังกล่าว และให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองในการดูแลบุตรหลานมิให้ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการลักพาเด็ก

"การที่เด็กถูกลักพาตัว มักจะเกิดจากปัจจัยหลักประการเดียวคือจากการปล่อยปละละเลยทอดทิ้งไม่ดูแลเอาใจใส่ตามที่ควรจะเป็น และไม่ได้จัดพื้นที่ที่ปลอดภัยให้เด็ก ปัจจัยเหล่านี้ทำให้การลักพาตัวเด็กกระทำได้สะดวกง่ายดาย แต่ถ้าหากผู้ปกครองปฏิบัติหน้าที่อย่างที่ควรจะทำ เช่นการจัดพื้นที่ที่ปลอดภัยให้เด็กสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 9 ขวบ ก็มีอยู่ 3 ช่วงวัย

1. แรกเกิด-3 ปี ต้องอยู่ในระยะที่ผู้ดูแลเอื้อมมือถึงตลอดเวลา

2. อายุ 3 ปี -ไม่เกิน 6 ปี ต้องอยู่ในสายตาผู้ดูแลตลอดเวลา

3.อายุ 6 ปี -ไม่เกิน 9 ปี ต้องอยู่ในที่ที่ผู้ปกครองกำหนดให้อยู่และต้องติดตามดูแลสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยเป็นระยะๆ

ทำอย่างไรเมื่อเด็กถูกลักพาตัว

จุดแรกที่สำคัญและต้องทำทันทีคือ ทันทีที่ทราบว่าเด็กหลุดจากการดูแลของตัวเอง ต้องรีบตรวจสอบให้เกิดความกระจ่างว่าจริงๆแล้วเด็กหายตัวไปหรือไม่ บางทีผู้ปกครองก็คิดว่าเด็กกำลังไปเล่นอยู่ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง แทน ที่จะไปรีบติดตามดูว่าเด็กหายไปไหน บางคนปล่อยให้เด็กอยู่นอกเขตความดูแลเป็นวัน จนกระทั่งถึงเวลากินข้าวไม่เห็นเด็กกลับมาจึงค่อยเริ่มติดตามตัวเด็ก ตรงนี้จะทำให้ได้ตัวเด็กคืนยากมาก <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

คำแนะนำในขั้นต้นถ้าเด็กหลุดจากความดูแลของตัวเองไป ให้ไปรีบตรวจสอบทันที วิธีการนี้ไม่ได้เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาเด็กถูกลักพาอย่างเดียว แต่ยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ อีกเช่น เด็กไปติดขังอยู่ในรถเก๋งที่จอดตากแดดอยู่ โดยปลดล็อกประตูออกมาด้วยตนเองไม่ได้ หรือตกน้ำตกท่าไปต้องตรวจสอบทันที อย่าคิดนิ่งนอนใจเอาเองว่าเด็กคงกำลังเล่นเพลินอยู่ที่ใดสักแห่ง เพราะหากเกิดอันตรายต่างๆ ต่อเด็ก อาจช่วยไม่ทัน

เมื่อตรวจสอบพบแล้วว่าเด็กหายไป ต้องไปติด ตามข้อเท็จจริงว่าใครเป็นผู้พบตัวเด็กเป็นคนสุดท้ายและรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับจุดที่พบเด็กครั้งสุดท้าย รายละเอียดเกี่ยวกับเด็กและบุคคลที่คาดว่าน่าจะพาตัวเด็กไปมากที่สุด ยื่นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้อสำคัญคือภาพถ่าย เสื้อผ้า ลักษณะของใช้ รวมทั้งลักษณะเฉพาะของเด็ก ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตา แต่อาจจะมีจุดบางจุด เช่นเป็นเด็กที่สวมเครื่องแต่งตัวแบบไหน สวมรองเท้าแบบไหน ทรงผมเป็นอย่างไร ถ้ามีภาพถ่ายด้วยจะดีมาก

ถ้าได้ภาพเด็ก จุดสำคัญที่สุดคือต้องเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนทันที โดยเฉพาะโทรทัศน์ ซึ่งบางช่องยินดีให้ความช่วยเหลือโดยไม่คิดเงิน สถานีวิทยุจะมีส่วนช่วยเหลือได้มากโดยเฉพาะคลื่นจราจร เช่น ส.ว.พ. (91 MHz) คลื่นร่วมด้วยช่วยกัน 96 MHz จ.ส.ร้อย (100 MHz) หรือชมรมวิทยุอาสาสมัครต่างๆ ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกตัญญู โดยเฉพาะชมรมวิทยุแท็กซี่ จะมีโอกาสรับส่งผู้โดยสารที่เป็นคนร้าย ต้องเผยแพร่โดยเร็วที่สุด

หรืออาจขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานเฉพาะซึ่งมีอยู่หลายหน่วยงาน เช่นกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก เป็นต้น

ระวังภัยคนใกล้ตัวลักพาเด็ก

1.ผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตใจ บางคนไม่สามารถมีลูกได้ ก็ใช้วิธีลักพาเอาลูกของคนอื่นไป

2.พวกที่ต้องการใช้เด็กต่อรองกับผู้ปกครอง อาจจะไม่ถึงกับเรียกค่าไถ่ แต่ไม่พอใจผู้ปกครองเด็ก แล้วก็ลักพาเด็กไปเพื่อกลั่นแกล้งข่มขู่ผู้ปกครอง บางรายถึงขั้นลักพาเด็กไปฆาตกรรมเลยก็มี

3.พวกที่ต้องการแสวงหาประโยชน์จากเด็ก อาจจะนำเด็กไปขายต่อ หรือใช้เด็กให้เด็กช่วยทำงานหรือไปกระทำเรื่องผิดกฎหมาย เช่น เดินยาเสพติด ใช้ไปเป็นลูกมือในการกระทำความผิดทางอาญา ใช้ให้เด็กไปขอทาน บางครั้งก็กระ ทำการล่วงเกินทางเพศต่อเด็กอย่างต่อเนื่องยาวนานด้วย

ในการสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามตัวเด็กคืน ถ้าเราเผยแพร่หรือกระจายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายละเอียดของเด็กและผู้ต้องสงสัยไปให้กว้างขวางที่สุด จะช่วยให้ติดตามตัวเด็กได้ง่ายและสะดวก

มีอีกประเด็นหนึ่งว่า เราจะได้ข้อเท็จจริงอะไรที่จะยืนยันได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้ต้องสงสัย พ่อแม่ผู้ปกครองน่าจะรู้จักและเข้าใจคนที่มาเกี่ยวข้องกับตนเองและบุตรหลานว่ามีลักษณะใดใน 3 กลุ่มนั้นบ้าง คนบางคนแสดงท่าว่ารักเด็กเหลือเกิน มีข้าวของมาให้เด็กเสมอ ต้องพิจารณาดูว่าทำไมเขาถึงพิศวาสลูกเรา มากเป็นพิเศษ

ดังนั้นผู้ปกครองต้องประเมินอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะคนที่มีความขัดแย้งกับตน ว่าเขาพุ่งเป้าไปที่ตัวเด็กบ้างหรือเปล่า หลายกรณีเป็นคู่รักคนใหม่ของพ่อหรือแม่ ต่อมาขัดแย้งกัน ก็เลยเล่นงานด้วยการลักพาตัวเด็กไป เพราะฉะนั้นผู้ปกครองต้องประเมินและไม่ควรให้คนนอกครอบครัวมาคลุกคลีกับเด็กอย่างใกล้ชิดเกินไป

กฎ 5 ข้อ ป้องกันเด็กพลัดหลง

1. จัดพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับลูกแต่ละวัย ถ้าเด็กออกนอกโซนที่กำหนดไว้ ต้องติดตามกลับมา เพราะถ้าหากตรวจสอบได้เร็วส่วนใหญ่จะได้เด็กคืนหรือช่วยให้พ้นอันตรายได้ทันท่วงที

2. ถ้าไม่จำเป็น อย่าพาเด็กไปในที่ชุมชนหนาแน่น เช่น ศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ ที่มีคนเดินพลุกพล่านหนาแน่น เพราะว่าถ้าเด็กพลัดหลงแล้วจะติดตามลำบาก หรือถ้าเกิดจำเป็นต้องไป ก็ต้องเตรียมตัวด้วยการเขียนชื่อที่อยู่หมายเลขโทรศัพท์ของเราไว้กับตัวเด็กเพื่อให้ผู้พบตัวพาเด็กมาส่งคืน

3. ต้องทำความเข้าใจกับเด็กว่า ถ้าหลงทางอย่าเคลื่อนที่ไปที่ไหน ถ้ามีคนมาช่วยก็ให้คนๆนั้นพาไปที่พนักงานประชาสัมพันธ์ และไม่ควรไปกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่ถ้าเป็นพนักงานขาย สามารถไปได้เพราะพนักงานขายมีหน้าที่ขาย จะไม่สามารถพาตัวเด็กไปไว้ในที่ลับตาคน หรือออกจากจุดที่เขาทำงานอยู่เป็นระยะเวลานาน เพราะฉะนั้นจะเป็นหลักประกันว่าเด็กจะไม่ถูกคนๆนี้ทำอะไร

4.ถ้าเด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบ ต้องจูงมือไว้เพื่อไม่ให้หลุดหลงกัน เพราะกรณีเด็กหายตามศูนย์การค้า สาเหตุส่วนใหญ่มาจากพ่อแม่ไม่จูง ทำให้เด็กหลุดหลงไป

5. อย่าปล่อยเด็กอยู่ตามลำพังเป็นอันขาด เคยมีกรณีแม่พาเด็กอายุ 4 ขวบไปตลาดสดที่อยู่คนละฝั่งของถนน พอซื้อเสร็จข้ามสะพานลอยกลับมา นึกได้ว่าลืมของไว้ที่ตลาด ก็บอกให้ลูกรออยู่ตรงนี้ ลูกจะได้ไม่ต้องลำบากเดินข้ามสะพานลอยไปมา ปรากฏว่าพอกลับมาลูกหายไปแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังหาไม่พบ

ปัญหาการลักพาตัวเด็กเป็นปัญหาที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะคนส่วนใหญ่มักจะรู้สึกว่า เด็กไม่ใช่ข้าวของเงินทอง ไม่ใช่ของมีค่า แต่อยากแนะนำว่าเด็กมีค่ายิ่งกว่าเงินทอง สำหรับเงินทองเรายังไม่เคยปล่อยให้อยู่ห่างตัวเลย เงินเราก็ใส่ไว้ในกระเป๋า สร้อยคอเราก็สวมติดตัวตลอดเวลา แต่ทำไมกับเด็ก เราจึงปล่อยปละละเลย

สนใจข้อมูลการเลี้ยงดูเด็กโดยไม่ใช้ความรุนแรงและปรึกษาปัญหาพฤติกรรมเด็ก ติดต่อได้ที่ โครงการรณรงค์ Start to Stop หยุดความรุนแรงต่อเด็กในทุกรูปแบบ มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก โทร.0-2412-0738, 0-2412-9834 www.thaichildrights.org

[FONT=Tahoma,]หน้า 25[/FONT]
รง.โคราชส่อปิดตัว15แห่ง-ตกงานอีก8พัน ตะลึง!คนหัวหินนับหมื่นแห่ดูวันนัดพบแรงงาน



นครราชสีมา - ที่ห้างสรรพสินค้าคลังพลาซ่า สาขา อ.เมืองนครราชสีมา สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมา จัดงานวันนัดพบแรงงาน สำหรับผู้ว่างงานและนิสิต นักศึกษาที่จบใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ว่างงานในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ได้มีโอกาสสมัครงานกับสถานประกอบการกว่า 60 แห่งที่เข้าร่วมงาน รวมทั้งยังมีอัตราตำแหน่งงานว่างกว่า 3,700 อัตราให้ประชาชน นิสิต นักศึกษา ได้สมัครตามความสามารถและความถนัดของตนเอง ซึ่งงานวันนัดพบแรงงาน สำหรับผู้ว่างงานและนิสิต นักศึกษาที่จบใหม่ ในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 มี.ค.-22 มี.ค.2552 ที่ห้างสรรพสินค้าคลังพลาซ่า สาขาจองสุรางค์ โดยได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน

นายปรีชา อินทรชาธร ผู้ช่วยจัดหางานจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมามีผู้ที่ว่างงานทั้งรายเก่าและรายใหม่ที่มาขึ้นทะเบียนเป็นผู้ว่างงานจำนวน 28,000 ราย ส่วนสถานการณ์การเลิกจ้างแรงงานล่าสุดมีสถานประกอบการปิดกิจการทั้งสิ้น 7 แห่ง พนักงานถูกเลิกจ้างกว่า 4 พันคน แต่ได้รับการชดเชยจากทางสถานประกอบการอย่างถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน ยังมีสถานประกอบการที่ต้องเฝ้าจับตามอง 15 แห่ง มีพนักงานที่เสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้างประมาณ 8,700 คน

ส่วนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ สำนักงานจัดหางานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดงานวันนัดพบแรงงานขึ้นที่บริเวณชั้นสามห้างหัวหินมาเก็ตวิลเลจ อ.หัวหิน ซึ่งมีสถานบริการโรงแรม ร้านค้า และบริษัทต่างๆ เข้าร่วมกว่า 40 แห่ง มีตำแหน่งงานว่างกว่า 2,000 ตำแหน่ง แต่พบว่ามีผู้ว่างงานจำนวนมากร่วมหมื่นคนพากันไปสมัครงานจนมีสภาพเนืองแน่นไปหมดอย่างที่เห็นในภาพ

หน้า 30
กาฬสินธุ์เตือนภัย โรคระบาดฤดูแล้ง



กาฬสินธุ์ - นายนิคม ปัญจวัฒน์ นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือที่เรียกกันว่า อสม.ถือเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาสุขภาพของประชาชน และยังเป็นผู้ที่เสียสละทั้งกำลังกาย และกำลังใจ ตลอดจนกำลังทรัพย์ โดยการตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ภายใต้อุดมการณ์ อสม.เสียสละ พัฒนาสามัคคี ซึ่งที่ผ่านมา อสม.มีผลงานที่โดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ และเป็นรูปธรมที่ชัดเจน ในเรื่องการดูแลสุขภาพเพื่อนบ้าน การรณรงค์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อที่สำคัญ โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออก โรคเลปโตสไปโรซิส โรคไข้หวัดนก วัณโรค ตลอดจนโรคความดันโลหิต เบาหวาน ฯลฯ จนทำให้โครงการและนโยบายด้านสุขภาพของรัฐบาลประสบผลสำเร็จหลายโครงการ ดังนั้นจังหวัดกาฬสินธุ์จึงจัดงานวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติขึ้นเนื่องจากวันที่ 20 มีนาคมของทุกปีเป็นวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ เพื่อเชิดชูเกียรติ สร้างขวัญกำลังใจแก่ อสม.ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ย่อท้อ โดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ นอกจากนี้รัฐบาลได้กำหนดให้ทุกพื้นที่จัดกิจกรรมรณรงค์ด้านสุขภาพกวาดล้างวัณโรค และนำความรู้และประสบการณ์กลับไปแนะนำในการรักษาสุขภาพตลอดจนโรคระบาดในช่วงหน้าแล้ง โดยเฉพาะโรคท้องร่วง อหิวาฯ และโรคพิษสุนัขบ้า ที่มักเกิดการระบาดหน้าแล้ง

หน้า 30
<TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>ประชาชนร่วมสรงน้ำศพหลวงปู่ทิมล้นวัด

เปิดตลอด 24 ชม.จนถึงพรุ่งนี้ 16.00 น.

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อเวลา 12.39 น. วันที่ 23 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศิษยานุศิษย์ได้เคลื่อนศพของพระครูสังวรสมณกิจ หรือหลวงปู่ทิม อตฺตสนฺโต อายุ 96 ปี เจ้าอาวาสวัดพระขาว ได้เดินทางมาถึงวัดพระขาว ต.พระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีประชาชนจำนวนกว่า 10,000 คน เบียดเสียดเข้าเพื่อรอรับสังขารพระเกจิชื่อดังเมืองกรุงเก่าต่างพากันยกมือกราบไหว้ เมื่อขบวนศพผ่านประชาชนจำนวนมากพยามจะเข้าไปสัมผัสกับศพของหลวงปู่ทิม บางคนน้ำตาไหลบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า พ.ต.ท.พิพัฒน์ ชุ่มณีกุล สวญ. สภ.พระขาว อ.บางบาล ต้องนำกำลังตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร หน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ เจ้าหน้าที่ อปพร. กว่า 300 คน เข้าดูแลความเรียบร้อย จากนั้นนำศพขึ้นไปวางบนแท่นทอง ที่ตั้งอยู่กลางศาลาการเปรียญ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์และประชาชนได้สรงน้ำศพ
จากนั้นพระพิพิธพัฒนาธร เจ้าอาวาสวัดปริวาสราชสงคราม กรุงเทพ นำพระภิกษุสงฆ์จำนวนกว่า 100 รูปสรงน้ำศพ ต่อมานายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา นายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอบางบาล พร้อมด้วยประชาชนและศิษยานุศิษย์จำนวนมากได้ทยอยกันขึ้นศาลาการเปรียญเพื่อสรงน้ำศพจนาจนล้นศาลา แถวยาวไปจนถึงหน้าวัด ประชาชนที่สรงน้ำจะได้รับแจกรูปหลวงปู่ทิม ขณะที่มีอายุ 92 ปี ทุกคนทันทีที่ได้รับรูปต่างยกมือท่วมหัว ทุกคนที่ได้รับต่างพากันพูดว่าจะนำไปบูชา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะกรรมการวัดพระขาว ได้ประกาศงดพวงหรีดในการเคารพศพหลวงปู่ทิม แต่ขอให้คนที่มาร่วมงานแสดงความเคารพด้วยการบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนในการสร้างอาคารมณฑปลายรดน้ำมูลค่า 22 ล้าน ที่ดำเนินการก่อสร้างเป็นศาสนสถานสิ่งสุดท้ายของหลวงปู่ทิมที่ดำเนินการก่อสร้างมาเกือบใกล้เสร็จแล้ว
ส่วนบรรยากาศในวัดพบว่าประชาชนต่างแย่งกันที่จะเช้าบูชาวัตถุมงคลรุ่น 8 รอบของหลวงปู่ทิม ที่ปลุกเสกเมื่อ 8 มีนาคม 52 ที่หลวงปู่ทิมปลุกเสกเป็นรุ่นสุดท้ายก่อนมรณภาพ และพบว่าวัตถุมงคลรุ่นนี้หมดลงแล้วเช่นกัน อีกทั้งยังพบว่ามีพ่อค้าแม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาลได้เดินทางมามาจากทั่วสารทิศกว่า 100 แผงมาตั้งขายกันรอบวัดโดยนำเลขท้ายที่เป็นเลข 96 เป็นอายุหลวงปู่ทิมมาขายประชาชนแห่ซื้อกันแน่น ในราคาใบละ120 บาท และยังมีเลข 55 ตรงกับเวลาที่หลวงปู่มรณภาพ รวมทั้งเลข 22 ซึ่งเป็นวันที่หลวงปู่ทิมมรณภาพ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านในตำบลพระขาวจะร่วมกันไว้ทุกข์ด้วยการใส่ชุดดำตลอด100 วัน
ด้านพระครูสมุห์สุนทร สุนทโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระขาว กล่าวว่า ขณะนี้ได้ปรึกษากับคณะสงฆ์และกรรมการวัดได้แต่งตั้งให้พระครูชินธรรมาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดสีกุก และเจ้าคณะอำเภอบางบาลเป็นประธานจัดงานโดย จะเปิดให้ประชาชนรดน้ำศพตลอด 24 ชม. จนถึงวันที่ 24 มีนาคม เวลา 16.00 น. และกำหนดจัดพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพหลวงปู่ทิมในเวลา 17.00 น.วันเดียวกัน จากนั้นจะเปลี่ยนบรรจุลงโลงแก้วที่หลวงปูทิมได้ให้เตรียมไว้บรรจุศพตัวเองก่อนที่จะมรณภาพ แล้วนำศพที่อยู่ในโลงแก้วขึ้นตั้งบนมณฑปลายรดน้ำ เพื่อให้ประชาชนกราบไหว้โดยจะมีการทำบุญทุก 7 วัน
กทม.เร่งลอกท่อขยายคูคลองรับฤดูฝน เน้นพื้นที่ท่วมซ้ำซากย่านรามคำแหง-ลาดพร้าว-บางกะปิ



นายชาญชัย วิทูรปัญญากิจ ผอ.สำนักการระบายน้ำ (สนน.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ปัญหาน้ำท่วมในปี 2552 ว่า ปีนี้ สนน.ดำเนินการเพื่อเตรียมรับมือในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง โดยจัดเจ้าหน้าที่ทั้งของ สนน.และเจ้าหน้าที่เขตลงพื้นที่ลอกท่อระบายน้ำในถนนทุกสาย เพื่อให้สามารถรองรับการระบายน้ำได้ดีขึ้น นอกจากนี้เปิดทางน้ำไหลจำนวน 66 คลอง แบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกระหว่างเดือนต.ค.-ธ.ค.51 จำนวน 18 คลอง ระยะทาง 62 ก.ม. ส่วนช่วงที่ 2 ตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค.-ก.ย.นี้ อีก 48 คลอง ความยาวรวม 154 ก.ม. รวมทั้งการขุดลอก คู คลอง และบึงน้ำรับจำนวน 15 แห่ง และขยายคลองเพื่อให้มีพื้นที่รับน้ำเพิ่มขึ้นใน 2 คลอง ได้แก่คลองเคล็ดและคลองจั่น ซึ่งจะทำให้การระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้เร็วขึ้น

นายชาญชัยกล่าวต่อว่า ในช่วงเดือนพ.ค.ซึ่งเป็นช่วงที่เข้าฤดูฝนเต็มที่ กทม.จะเปิดใช้งานอุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบ และคลองลาดพร้าว ยาวประมาณ 5.16 ก.ม.อย่างเต็มที่ จากเดิมที่มีอุโมงค์ระบายน้ำอยู่แล้ว 6 โครงการ โดยในช่วงนี้อุโมงค์ระบายน้ำดังกล่าวอยู่ระหว่างเปิดทดลองเดินเครื่อง และดำเนินการต่อไฟจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพื่อเดินเครื่องเพราะต้องใช้กำลังไฟมากเป็นพิเศษ ซึ่งจะทำให้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่บางกะปิ ลาดพร้าว รามคำแหง ศรีนครินทร์ ประเวศ และคลองพระโขนงลดลง โดยจะไม่มีปัญหาน้ำท่วมขังข้ามคืนอย่างที่เคยประสบมาตลอด รวมทั้งจะทำให้การระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาทำได้รวดเร็วมากขึ้น

ผอ.สำนักการระบายน้ำ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมทั้งในช่วงน้ำฝน คือเดือนมี.ค.-เม.ย. และจะมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในช่วงน้ำหนุนเดือนก.ค.-ก.ย.เพื่อรองรับการสูบน้ำออกจากพื้นที่ ส่วนสถานการณ์ฝนที่จะตกในปีนี้ กทม.ต้องรอผลการพยากรณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดต่อไป

หน้า 30
ชี้"อนุสาวรีย์-รัชดาฯ"มลพิษเกินมาตรฐาน



นางเดซี่ หมอกน้อย นักวิจัยด้านอากาศ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เสนอผลงานวิจัยเรื่อง "ปริมาณการแพร่กระจายของสารประกอบคาร์บอนิลในอากาศในเขต กทม.ระหว่างปี 2549-2551" ในงานสัมมนาวิชาการทิศทางการวิจัยกับการแก้ไขวิกฤตสิ่งแวดล้อมว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์จากปัญหาน้ำมันราคาแพงนั้น น้ำมันประเภทนี้จะมีสารพิษกลุ่มคาร์บอนิลซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งและอยู่ในกลุ่มสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ (VOCs) พบว่าหลายประเทศที่ส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ อาทิ บราซิล ที่ใช้สัดส่วนเอทานอลถึง 100% มีสารก่อมะเร็งในกลุ่มคาร์บอนิลสูงตามมา และของไทยขณะนี้เตรียมจะเพิ่มสัดส่วนปริมาณเอทานอลมากขึ้นจากเดิมที่กำหนด 15% เป็น 85%

จากการสำรวจและเก็บตัวอย่างในเขต กทม.พบว่า สารมลพิษกลุ่มคาร์บอนิล จำนวน 10 ชนิด อาทิ ฟอร์มัลดีไฮด์ อะเซทัลดีไฮด์ อะซีโตน อะโครรีน มีความเข้มข้นแตกต่างกันไป แต่ที่น่าเป็นห่วงมี 2 ชนิด คือฟอร์มัลดีไฮด์ และอะเซทัลดีไฮด์ พบว่ามีระดับความเข้มข้นเกินมาตรฐานเฝ้าระวังของหน่วยงานประเมินด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของสหรัฐ ซึ่งประเมินความเสี่ยงของคนที่รับสารชนิดนี้เพียง 1.23 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) อย่างต่อเนื่อง จำนวน 40 ต่อ 1 ล้านคนมีโอกาสเป็นมะเร็ง แต่บริเวณริมถนนของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนพระราม 5 รัชดาภิเษก สุขุมวิท และดอนเมือง มีค่าความเข้มข้นของสารฟอร์มัลดีไฮด์ 10.6 มคก./ลบ.ม. สูงเกินระดับความเสี่ยงของสหรัฐ 5 เท่า และถือว่าสูงกว่าในเมืองโอซากา ของญี่ปุ่น และเมืองออนทาริโอ ของแคนาดา 3-5 เท่า

ส่วนสารอะเซทัลดีไฮด์อยู่ในช่วง 3.31 มคก./ลบ.ม. จากมาตรฐานของอเมริกา 2.2 มคก./ลบ.ม. ถือว่ามีค่าความเข้มมากกว่าเช่นกัน ส่วนสาเหตุที่แก๊สโซฮอล์มีสารมลพิษมาจากกระบวนการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ เมื่อมีรถยนต์ปล่อยสารมลพิษออกมาแล้วเจอกับแสงในบรรยากาศยังจะส่งผลให้สารมลพิษตัวอื่นๆ มีค่าเพิ่มมากขึ้น จึงเสนอให้กรมควบคุมมลพิษกำหนดมาตรฐานสารทั้ง 2 ชนิดเพิ่มเติมในบัญชีรายการสารอินทรีย์ระเหยง่ายก่อมะเร็งที่มีการกำหนดมาตรฐานไว้แล้ว 9 รายการ

หน้า 30
พลังงานเร่งแจงพิษจากแก๊สโซฮอล์



เมื่อวันที่ 22 มี.ค. หลังจากที่นักวิจัยด้านอากาศ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ออกมาเปิดเผยผลสำรวจคุณภาพอากาศในกรุงเทพมหานคร พบกลุ่มสารคอร์บอนิล อันเกิดจากการใช้แก๊สโซฮอล์เข้มข้น และอาจจะทำให้ประชาชนเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งนั้น นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน จะแถลงข่าวชี้แจงคุณภาพน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ในวันจันทร์ที่ 23 มี.ค. เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 กรมธุรกิจพลังงาน ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับคุณภาพน้ำมันแก๊สโซฮอล์

ด้านนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก และด่วนสรุปว่าการใช้แก๊สโซฮอล์ทำให้เสี่ยงเกิดมะเร็ง เพราะที่ประเทศไทยยกเลิกใช้สารเติมแต่งในเบนซินเอ็มบีทีเอ และหันมาใช้แก๊สโซฮอล์นั้น ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ลดลงไปถึงร้อยละ 20-30 เพื่อลดภาวะเรือนกระจก แต่มีอะเซทัลดีไฮด์เพิ่มขึ้น ซึ่งในต่างประเทศ เช่น บราซิล ก็ใช้แก๊สโซฮอล์ถึงร้อยละ 85 ซึ่งทำให้มลพิษทางอากาศดีขึ้น เพราะลดก๊าซเรือนกระจกไปมาก นอกจากนี้ในงานวิจัยก็ระบุระดับค่าความเข้มข้นของฟอร์มัลดีไฮด์ และอะเซทัลดีไฮด์ เป็นเพียงค่าความเสี่ยง ยังไม่ใช่ค่ามาตรฐานว่าถึงระดับใดจะเป็นอันตราย ซึ่งในต่างประเทศก็ยังไม่กำหนดค่ามาตรฐานของสาร 2 ชนิดดังกล่าว

"เชื่อว่าจะมีความเข้าใจมากขึ้นหลังจากที่กรมธุรกิจพลังงาน จะชี้แจงถึงคุณภาพน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ในวันที่ 23 มี.ค. เพราะประชาชนอาจจะตื่นตระหนกหลังจากได้ฟังงานวิจัย" นายอนุสรณ์กล่าว

หน้า 16



</TD><TD vAlign=top align=left>




<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

คุณเป็นเหมือผมรึเปล่า ?

ถามคนที่มีครอบครัวครับ คนที่บ้าน(โดยเฉพาะ เมีย )ใครเป็นเหมือนผมมั่ง ปกติเรื่องภัยพิบัติต่างๆ เรื่องที่คนส่วนใหญ่ที่ไม่เชื่อว่าจะเกิด เวลาผมเล่าให้ภรรยาที่บ้านฟัง ก็จะมีคำพูดคำนหนึ่งตามมา คือ หยุด...! เพราะว่าผมพูดถึงเรื่องนี้บ่อยมาก เธอเองทนไม่ไหวไม่อยากฟัง เหมือนกับตอนที่เราพูดกับเพื่อนร่วมงานบางคน ท่าทางดูได้ชัดว่าไม่เชื่อ ผมก็เลยมาถามเพื่อนๆ พี่ๆ ในเว็ปนี้ว่ามีใครเป็นเหมือผมบ้าง ก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับ คงเป็นเพราะกรรมของเราเองยังเยอะอยู่..หรือว่ากรรมของเขามีมาก เราเตือนไปเขาถึงไม่เชื่อ ถ้าเชื่อ คงคิดดว่ายังเหลืออีกหลายปีกว่าจะเกิดกระมัง

rabbit_scary
​

 

;34;34

เป็นเหมือนกันค่ะ เรื่องภัยพิบัตินี่เคยเล่าให้พ่อเเม่ฟัง มาได้ปีกว่าเเละ
เล่าเเละก็บอกกับเขา ว่าอาจจะเกิดจริงหรือไม่เกิดจริง ยอมรับ ว่าตอนเเรกเขาก็ไม่เชื่อเเละว่าเรา เพ้อเจ้อ(อาจจะจริง) เเต่พอหลังๆ ถึงเเม้ว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น เเต่ผลที่ได้คือ ทำให้พวกเขาปลง...

เเต่ตอนนี้ก็หยุดเล่าไปเเล้ว นอกจากว่า จะมีประกาศเตือน หรืออะไรที่สำคัญจริง เพราะคนที่เขาทำงานมา บางทีมาได้ยินทีเราเล่าก็ไม่ค่อยสนุกเหมือนกันนะ งานนี้เลยต้องพิจารณาตั้งตัวเอง เเละคนที่เล่าให้ฟังด้วยว่าเขารับตรงนั้นได้หรือปล่าว..

ขนาดตัวหนูเอง ยอมรับว่า ตอนเเรกที่อ่านกะทู้นี้นี่โคตรกลัวเลย
อ่านไปขนลุกไปทุกหน เเต่นี่สองปีกว่าผ่านมา ตอนนี้เฉยๆซะเเล้วค่ะ

อะไรจะเกิดก็เกิด เราตั้งมั่นในความดี เเละเชื่อในตัวเราไว้เป็นพอ ของศักดิ์สิทธ์อะไร หนูจะไม่ไปหามาด้วย ให้รู้ไปว่า ถ้าไม่มีเเล้วจะตาย เเต่ถึงตายก็ไม่เป็นไรเป็นกรรมของเรา ไม่โทษอะไรทั้งนั้น...

rabbit_scaryrabbit_scaryrabbit_scary

 

*** เชื่อ ไม่เชื่อ ****

เป็นกัน...ทั่วบ้านทั่วเมือง
อยู่ที่ใครมีปัญญา ....จะคิดได้เอง
มองเห็นเหตุ... เห็นผลได้เอง
เราไปมอง ไปเห็น ....แทนผู้อื่นเขาไม่ได้
เสมือนเรื่องดอกบัว...ใต้ตม ใต้น้ำ ปริ่มน้ำ โผล่พ้นน้ำ

เพราะ ...ไม่มีใครศึกษา ความหมายของหลักสัจจะธรรม
เพราะ....ไม่มีผู้นำ นำความหมายของหลักสัจจะธรรม มาเปิดเผย
เพราะ...ไม่มีผู้นำ พาผู้ตามไปศึกษาค้นคว้า หลักสัจจะธรรม

คนที่เชื่อยาก...จึงยังไม่พบเหตุ
เขาจึงมองผล....ไม่ออก
จึงไม่เห็น...อนาคตที่กำลังใกล้ตัว

เป็นเรื่อง...ของหลักสัจจะธรรม
ตัวกระทำมันเกิดขึ้นมาแล้ว ...ตัวกระทำไม่ตาย
ผลตัวกระทำจากกิเลสนิสัยของมวลมนุษย์....กำลังย้อนกลับมาถึงตัว

ใครมีปัญญา....ก็ให้ไปหาเอง ไปรับสัจจะมาทำ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สัจจะทำ ความจริง ****

ผู้ทำได้ ...อยู่ที่ไหนก็รอดพ้นภัย
ให้ถือสัจจะ....ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
เหมือนพระพุทธเจ้า...ไม่เข้าข้างใคร ทั้งชั่ว ทั้งดี ทั้งถูก ทั้งผิด

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

คำทำนายภัยพิบัติโลกจาก นายฮูเซลีนโย่​

​

นายฮูเซลีนโย่ ชาวบราซิล เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2503 เป็นผู้ทำนายเหตุการณ์ในอนาคตมามากมาย ซึ่งหลายเหตุการณ์สำคัญที่ผ่านมา แล้วเกิดขึ้นจริงตามที่เขาทำนายเสียด้วย ไม่ว่าจะเป็น การสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่าจากอุบัติเหตุทางรถยนต์, เหตุการณ์ 9/11 และ การเกิดคลื่นยักษ์สึนามิในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อ พ.ศ. 2549

ทั้งนี้ ฮูเซลีนโย่ เล่าว่า เขาเห็นอนาคตในฝันของเขา ซึ่งสามารถทำนายได้ 3-9 คำทำนายต่อวัน โดยเมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็จะรีบบันทึก และส่งเตือนผู้คนที่เกี่ยวข้องทันที ถ้าหากเหตุการณ์นั้นๆ เกิดขึ้นกับคนใดคนหนึ่ง เขาก็จะเขียนจดหมายไปเตือนคนผู้นั้น หรือ หากเกิดขึ้นกับคนมีชื่อเสียง เช่น คนดัง นักการเมือง หรือเป็นเรื่องของอนาคตที่เกี่ยวข้องกับสาธารณชน เขาก็จะส่งจดหมายเตือนไปยังเอเย่นต์ที่เกี่ยวข้อง รัฐบาล และตามสื่อต่างๆ โดยฮูเซลีนโย่ พยายามกระตุ้นให้มีการเผยแพร่คำทำนายของเขาออกไป แต่ก็มักได้รับการปฏิเสธด้วยเกรงว่าจะทำให้ผู้คนเกิดความตระหนก

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์หรืออนาคตที่ "ฮูเซลีนโย่" ได้ทำนายไว้มีดังนี้:

- จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้เกิดคลื่นสึนามิสูง 30 เมตร

- จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดประมาณ 9.1 ริกเตอร์ที่ประเทศจีน ในขณะเดียวกันก็เกิดคลื่นสึนามิสูง 30 เมตร มีคนตายจากเหตุการณ์นี้มากกว่า 1 ล้านคน

- จะเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในอเมริกา

- บางประเทศในทวีปแอฟริกา จะมีอุณหภูมิสูงถึง 58 องศาเซลเซียส และจะเกิดภาวะขาดแคลนน้ำ

- ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คจะร่วง ทำให้เกิดวิกฤติทางด้านการเงินระหว่างประเทศ (คำทำนายนี้ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว)

- การวิจัยในเรื่องการรักษาโรคมะเร็งบางชนิดจะประสบความสำเร็จ แต่จะเกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่จะคร่าชีวิตมนุษย์ทันทีหลังจากติดเชื้อเพียงแค่ 4 ชั่วโมง

- การวิจัยในเรื่องการรักษาโรคมะเร็งจะประสบความสำเร็จ ยกเว้น การรักษาเนื้องอกในสมอง

- จะเกิดแผ่นดินไหวจากภูเขาไฟระเบิดที่เกาะบาฮามาส ในหมู่เกาะคานารี เกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูง 150 เมตร บริเวณแผ่นดินใหญ่ของอเมริกาและบราซิล จะได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิ ที่กระหน่ำชายฝั่งไกลถึง 15-20 กิโลเมตร ก่อนเกิดคลื่นยักษ์ ระดับน้ำทะเลต่อมหาสมุทรจะลดลงไปประมาณ 6 เมตร และนกฝูงใหญ่จะเริ่มอพยพ

- ดาวเคราะห์ขนาดเล็กที่ได้เคลื่อนที่เข้าใกล้โลกเรื่อยๆ นั้น จะชนกับโลกในที่สุด ซึ่งการชนกันครั้งนี้ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ทั้งปวง

- ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน โลกจะมีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยสูงถึง 59 องศาเซลเซียส หลายคนจะตายจากสภาวะอากาศที่ร้อนเกินไป และความยุ่งเหยิง หรือ ความหวาดกลัวต่างๆ ที่ตามมา

- พายุไต้ฝุ่นขนาดยักษ์จะบุกรุกประเทศจีน ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง

- จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในซานฟรานซิสโก ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "The Big One" ส่งผลให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ต่อพื้นที่รอบข้าง ภูเขาไฟหลายลูกจะระเบิดขึ้นอีกครั้ง และ เกิดคลื่นสึนามีสูงกว่า 150 เมตร

จากการทำนายเหตุการณ์ต่างๆ ในอนาคตครั้งนี้ นายฮูเซลีนโย่ หวังเพียงให้ผู้คนสนใจคำเตือนของเขา เพื่อที่ว่า อาจช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงหายนะเหล่านั้นได้ เขาหวังให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเรื่องความคิด ความเชื่อ และทัศนคติของมนุษย์ในช่วง พ.ศ. 2551-2552 นี้ ซึ่งปัจจัยที่ถือว่ามีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เรื่องของภาวะโลกร้อน หรือ Global Warming

ที่มา http://auns555.com/webboard/index.php?topic=83.0

 

อ้างอิงคำทำนายของ "ฮูเซลีนโย่"

- ดาวเคราะห์ขนาดเล็ก ที่ได้เคลื่อนที่เข้าใกล้โลกเรื่อยๆ นั้น จะชนกับโลกในที่สุด ซึ่งการชนกันครั้งนี้ ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ทั้งปวง

หวั่นดาวหางมืด ชนโลก


​

หนังสือพิมพ์ข่าวสด - ดาวหางอาจดูสวยงามชวนฝัน แต่ถ้าเมื่อใดที่โลกเราไปขวางทางมันชนเข้า สิ่งสวยงามนี้ก็จะกลายเป็นมัจจุราชที่ทำลายเผ่าพันธุ์เราได้เหมือนกัน

ด้วยเหตุที่เรื่องดาวหางชน โลกเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบันจึงมีโครงการระดับนานาชาติหลายโครงการที่ค้นหาและติดตามวัตถุจำพวกดาวหางหรือดาวเคราะห์น้อยที่มีโอกาสเข้าชนโลก หรือเรียกว่า "วัตถุใกล้โลก" (NEO-Near-Earth Object) ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ค้นพบวัตถุใกล้โลกแล้วราว 6,000 ดวง ในจำนวนนี้ ส่วนใหญ่เป็นดาวเคราะห์น้อย

บิล เนเปียร์ จากศูนย์ชีวดาราศาสตร์คาร์ดิฟฟ์ในเวลส์ และ เดวิด อาเชอร์ จากหอดูดาวอาร์มากในไอร์แลนด์เหนือ ออกมากล่าวว่า จำนวนดาวหางที่มีอยู่จริงๆ อาจมากกว่าที่เรารู้จักอยู่ตั้งแต่ 10 ถึง 100 เท่า

สมาคมดาราศาสตร์ไทย เปิดเผยว่า นักดาราศาสตร์เรียกดาวหางที่ยังมองไม่เห็นอยู่นี้ว่า "ดาวหางมืด" ดาวหางพวกนี้มีน้ำแข็งซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ดาวหางสะท้อนแสงสว่างไสวอยู่ลึกลงไปใต้ชั้นฝุ่นที่อับแสงในหัวดาวหาง ยิ่งกว่านั้น ดาวหางมืดมีวงโคจรที่คาดการณ์ไม่ได้ จึงถือว่าเป็นภัยคุกคามโลกได้มากกว่าดาวเคราะห์น้อยที่มองเห็นได้ง่ายกว่า

รอบ แม็กนอต นักดาราศาสตร์จากหอดูดาวไซดิงสปริง และเป็นนักล่า ดาวหางชื่อดัง ก็มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ยังมีดาวหางมืดอยู่เป็นจำนวนมากที่โครงการนีโอยังตรวจไม่พบ

ส่วน พอล ฟรานซิส จากมหา วิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียในแคน เบอร์รายังคงคลางแคลงใจในทฤษฎีนี้อยู่ เขากล่าวว่า หากแม้เรื่องดาวหางมืดจะเป็นเรื่องจริง โอกาสที่ดาวหางจะชนโลกก็ยังมีน้อยอยู่มาก ฟรานซิสกล่าว "โอกาสที่ดาวหางจะมาชนและก่อความเสีย หายแบบเหตุการณ์ทังกัสกาคือหนึ่งครั้งในสิบล้านปี ส่วนโอกาสที่จะพุ่งชนและเสียหายระดับทวีป อยู่ที่ประมาณหนึ่งครั้งในรอบ 60 ล้านปี"

ที่มา http://www.aksorn.com/library/library_detail.php?content_id=2250&Type_id=21

 

ภูเขาไฟในอะแลสกาปะทุรุนแรง 5 ครั้งในคืนเดียว​

​

สหรัฐ 24 มี.ค. - ภูเขาไฟรีเดาท์ในรัฐอะแลสกาของสหรัฐ ปะทุรุนแรงถึง 5 ครั้ง ในช่วงเวลาคืนเดียว ส่งกลุ่มควันและเถ้าถ่านสู่ท้องฟ้าสูงถึง 15 กม.

ภูเขาไฟรีเดาท์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองแองเคอเรจ เมืองเอกของรัฐอะแลสกา ราว 166 กม. เริ่มปะทุครั้งแรกตั้งแต่ช่วงหัวค่ำวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนจะปะทุรุนแรงต่อเนื่องอีก 4 ครั้ง ไปจนถึงรุ่งสางของเช้าวานนี้ ส่งกลุ่มควันและเถ้าถ่านสู่ท้องฟ้าสูงถึง 15 กม. นับเป็นการปะทุของภูเขาไฟครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี ทั้งนี้ เถ้าถ่านส่วนใหญ่ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในเมืองแองเคอเรจแต่อย่างใด แม้มีเถ้าภูเขาไฟบางส่วนตกลงในชุมชนทางตอนเหนือของเมืองบ้างก็ตาม

อย่างไรก็ดี ศูนย์สังเกตการณ์และเตือนภัยภูเขาไฟรัฐอะแลสกา ได้ยกระดับการเตือนภัยเป็นสีแดง หมายถึง การปะทุรุนแรงที่มีเถ้าถ่านและกลุ่มควันจำนวนมากอาจเกิดขึ้นอีกในเร็ว ๆ นี้. - สำนักข่าวไทย

2009-03-24 04:15:52

กรีนพีซเชิญจีนร่วมประชุมสภาพอากาศโลก​

​

จีน 24 มี.ค. - องค์กรสิ่งแวดล้อมกรีนพีซ เรียกร้องไปยังประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน ให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ประเทศเดนมาร์ก ช่วงปลายปีนี้

นายหลี่ หยาน โฆษกของกรีนพีซ สำนักงานประเทศจีน เป็นตัวแทนของกรีนพีซ หลังนำเสนอภาพเหตุการณ์ผลกระทบเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน ผ่านเครื่องฉายไปยังจอโปรเจกเตอร์ ก่อนจะเดินเครื่องนาฬิกาดิจิตอล นับถอยหลังก่อนถึงการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ระหว่างวันที่ 7-18 ธ.ค.นี้

นายหลี่ ระบุว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะหาทางช่วยกันรับมือภัยพิบัติจากภาวะโลกร้อน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมด้วยตัวเอง เนื่องจากจีนถือเป็นชาติที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐ. - สำนักข่าวไทย

2009-03-24 04:27:20

เผยคนเมืองปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าที่คิด​

​

ลอนดอน 23 มี.ค. - หน่วยงานวิชาการในอังกฤษ ระบุว่า คนเมืองปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นรายหัวน้อยกว่าที่ถูกตำหนิ ดังนั้น ต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจึงไม่ใช่คนเมือง แต่เป็นพฤติกรรมการบริโภคมากเกินไปของคนในกลุ่มประเทศร่ำรวย

สถาบันระหว่างประเทศเพื่อสภาพแวดล้อมและการพัฒนา ที่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน นำผลการศึกษาหลายชิ้นตลอด 13 ปีที่ผ่านมา มาวิเคราะห์อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเมืองใหญ่ในยุโรป เอเชีย อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ พบว่า กรุงลอนดอนของอังกฤษ ปล่อย 44.3 ล้านตัน เมื่อปี 2549 คิดเป็นร้อยละ 8 ของการปล่อยทั้งประเทศ หากหารด้วยจำนวนประชากร 7 ล้านคน เท่ากับปล่อยเพียงคนละ 6.18 ตัน นครนิวยอร์กของสหรัฐ ปล่อย 58.3 ล้านตัน เมื่อปี 2548 เฉลี่ยคนละ 7.1 ตัน ขณะที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ปล่อยคนละ 19.7 ตัน เป็นเพราะมีประชากรน้อยกว่าถึง 10 เท่า แต่เป็นที่ตั้งของอาคารที่ทำการรัฐบาลจำนวนมาก

รายงานฉบับนี้วิเคราะห์เฉพาะการปล่อยก๊าซโดยตรงจากการบริโภค ไม่ได้รวมถึงการปล่อยก๊าซอันเกิดจากการผลิตสินค้าให้ชาวเมืองบริโภค ขณะนี้เมืองใหญ่ในยุโรปและอเมริกาเหนือไม่มีการผลิตที่ก่อมลภาวะอีกแล้ว เพราะโรงงานพากันย้ายไปยังเมืองค่าแรงถูก และไม่เข้มงวดระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เมืองที่เน้นการผลิต เช่น กรุงปักกิ่ง และนครเซี่ยงไฮ้ของจีน มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นรายหัวสูงกว่าอัตราการปล่อยระดับประเทศ.- สำนักข่าวไทย

2009-03-23 18:50:35

ผู้เชี่ยวชาญเตือนปักกิ่งเผชิญวิกฤติขาดน้ำ ​

​

ปักกิ่ง 22 มี.ค.- มณฑลเหอเป่ย์อันเป็นแหล่งน้ำสำคัญของกรุงปักกิ่งกำลังขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง อาจส่งผลกระทบหนักทำให้เศรษฐกิจกรุงปักกิ่งพังทลาย

สำนักข่าวซินหัวอ้างถึง นายหลี่ ชิงหลิน ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์น้ำมณฑลเหอเป่ย์ รายงานว่า ภาวะขาดแคลนน้ำกำลังเป็นปัญหาใหญ่ต่อการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจในเหอเป่ย์ โดยที่ผ่านมาพบว่า ระดับน้ำลดลงเกือบร้อยละ 50 ขณะที่แหล่งน้ำผิวดินก็ไม่เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำซึ่งอยู่ที่ราวปีละ 21,000 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงจำเป็นที่ทางการจะต้องหามาตรการลดการบริโภคน้ำ เพื่อให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

มณฑลเหอเป่ย์เป็นหนึ่งในแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงกรุงปักกิ่งและเมืองเทียนจิน ซึ่งต่างก็กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยมีองค์กรวิจัยด้านการพัฒนาเตือนว่า กรุงปักกิ่งอาจเผชิญกับภาวะขาดน้ำอันเป็นผลจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในอีก 5-10 ปี และอาจส่งผลสืบเนื่องทำให้เกิดเศรษฐกิจพังทลายและต้องโยกย้ายถิ่นฐานประชากร ทั้งนี้ จีนกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการผันน้ำเหนือ-ใต้ เพื่อดึงน้ำจากแม่น้ำแยงซีไปหล่อเลี้ยงพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยคาดว่าในปีหน้าเมื่อโครงการใกล้แล้วเสร็จจะสามารถผันน้ำจากแม่น้ำแยงซีสู่กรุงปักกิ่งได้ถึงปีละ 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร.-สำนักข่าวไทย

2009-03-22 14:25:32

เผยเครื่องบินที่ตกในสุสานรัฐมอนแทนามีผู้โดยสารเกินกำหนด​

​

บุตต์, มอนแทนา 24 มี.ค.- เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐเผยว่า เครื่องบินเล็กที่ตกในสุสานรัฐมอนแทนา ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิตหมดทั้งลำเมื่อวานนี้ มีจำนวนผู้โดยสารมากกว่าที่นั่งบนเครื่องบิน

นายมาร์ค โรเซนเกอร์ รักษาการประธานคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติเผยว่า คณะทำงานของเขากำลังสอบสวนว่าเครื่องบินหนึ่งเครื่องยนต์ขนาด 10 ที่นั่งลำนี้บรรทุกผู้โดยสารมากเกินกำหนดหรือไม่ และเหตุใดจึงโหม่งโลกทั้งที่อยู่ห่างจากทางวิ่งไม่มาก อย่างไรก็ดี การสอบสวนอาจใช้เวลาหลายเดือนเนื่องจากเครื่องบินลำนี้ไม่มีกล่องดำบันทึกข้อมูลการบิน นายโรเซนเกอร์ เผยด้วยว่า นักบินวัย 65 ปี ซึ่งมีประสบการณ์การบินหลายปี ได้ขอเปลี่ยนจุดหมายจากเมืองโบซแมนไปลงที่เมืองบุตต์ถึง 2 ครั้งโดยไม่ให้เหตุผล และเจ้าหน้าที่หอควบคุมการบินก็อนุญาตทั้งสองครั้ง

โศกนาฏกรรมดังกล่าวทำให้มีเด็ก 7 คนและผู้ใหญ่ 7 คน เสียชีวิตหมดทั้งลำ เด็กทั้งหมดอายุไม่ถึง 10 ขวบ ในจำนวนนี้อายุ 1 ขวบ 1 คน และสามารถนั่งตักผู้ใหญ่ได้ตามระเบียบการบิน เท่ากับว่าที่นั่งบนเครื่องบิน 10 ที่นั่ง รองรับผู้โดยสาร 13 คน.-สำนักข่าวไทย

2009-03-24 09:16:08

เครื่องบินเฟดเอ็กซ์ตกขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานญี่ปุ่น​

​

โตเกียว 23 มี.ค. - เครื่องบินขนส่งสินค้าของ บ.เฟดเดอรัล เอ็กซ์เพรส คอร์ปอเรชั่น (เฟดเอ็กซ์) ประสบอุบัติเหตุตกกระแทกรันเวย์จนไฟลุก ขณะร่อนลงจอดที่ท่าอากาศยานนาริตะ ในกรุงโตเกียว ทำให้ต้องปิดใช้รันเวย์ 1 ช่องทาง ล่าสุดมีรายงานยืนยันว่านักบินเสียชีวิต 2 คน

บรรษัทกระจายเสียงญี่ปุ่น (เอ็นเอชเค) แพร่ภาพเครื่องบินเฟดเอ็กซ์ตกกระแทกกับรันเวย์อย่างแรง ขณะร่อนลงจอด เมื่อเวลา 06.50 น. วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 04.50 น. ในไทย สภาพอากาศขณะนั้นมีกระแสลมแรง ทำให้ส่วนปลายของปีกเครื่องบินด้านซ้ายระเบิดไฟลุก จากนั้นตัวเครื่องพลิกคว่ำและไถลอยู่ด้านข้างรันเวย์ โดยมีทีมนักผจญเพลิงรุดเข้าไปฉีดโฟมดับไฟที่ตัวเครื่อง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลในญี่ปุ่น รายงานยืนยันว่า นักบินเสียชีวิต 2 คน คาดว่านักบินทั้งสองเป็นชาวอเมริกัน เครื่องบินเดินทางจากนครกว่างโจว มณฑลกวางตุ้งของจีน

สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น รายงานว่า เครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินขนส่งสินค้า MD-11 ที่ผลิตโดยบริษัท แมคดอนเนลล์ ดักลาส ในเครือบริษัทโบอิ้ง

ด้านโฆษกท่าอากาศยานนาริตะ ระบุว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ต้องปิดใช้รันเวย์ไป 1 ช่องทาง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินโดยสารหรือไม่. - สำนักข่าวไทย

2009-03-23 07:18:54

เผยอุตุฯ เตือนเรื่องวินด์เชียร์ก่อนเครื่องบินเฟดเอ็กซ์ตก​

​

โตเกียว23มี.ค.-สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเผยว่าได้แจ้งเตือนว่าจะเกิดปรากฏการณ์วินด์เชียร์หรือกระแสลมที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ก่อนที่เครื่องบินขนสินค้าเฟดเอ็กซ์จากจีนจะประสบอุบัติเหตุขณะร่อนลงจอดที่ท่าอากาศยานนาริตะในกรุงโตเกียว ทำให้นักบินสองคนเสียชีวิต

สำนักอุตุนิยมวิทยาฯ ระบุว่า เมื่อวานนี้ได้แจ้งเตือนสายการบินต่าง ๆ ว่าอาจเกิดวินด์เชียร์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่กระแสลมเปลี่ยนแปลงความเร็ว และทิศทางอย่างกะทันหัน เป็นอันตรายต่อเครื่องบินที่กำลังร่อนลงจอด โดยขณะเกิดเหตุบริเวณท่าอากาศยานฯ มีความเร็วลม 72 กม./ชม. ส่งผลให้ล้อหลังของเครื่องบินกระแทกพื้น จากนั้นส่วนหัวเครื่องก็กระแทกกับรันเวย์แล้วกระเด้งจนปีกซ้ายเครื่องบินกระแทกพื้นและเกิดระเบิดไฟลุกไหม้

เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนาริตะ เรด ครอส ยืนยันว่า นักบินทั้งสองคนบนเครื่องเสียชีวิตแล้ว ทั้งคู่เป็นชาวอเมริกัน อายุ 54 ปี และ 49 ปี อุบัติเหตุครั้งนี้นับเป็นอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่สุดที่ท่าอากาศยานนาริตะ ท่าอากาศยานหลักของญี่ปุ่น และหนึ่งในท่าอากาศยานที่คับคั่งที่สุดในโลก ส่งผลให้ต้องปิดใช้รันเวย์เอ เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานฯ ระบุว่า อุบัติเหตุอาจทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบิน หรือทำให้เที่ยวบินต้องล่าช้าจำนวนมาก และต้องให้เครื่องบินเปลี่ยนไปใช้ท่าอากาศยานอื่นแทน เช่น ท่าอากาศยานฮาเนดะ ที่อยู่ใกล้กรุงโตเกียว ขณะที่กระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นได้ส่งทีมสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้แล้ว. - สำนักข่าวไทย

2009-03-23 11:17:30

เกาหลีเหนือนำนักข่าวอเมริกันไปสอบปากคำในเมืองหลวง​

​

โซล 24 มี.ค.- หนังสือพิมพ์ในเกาหลีใต้รายงานว่า ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน 2 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือจับกุมบริเวณชายแดนติดกับจีนเมื่อสัปดาห์ก่อนถูกนำตัวไปสอบปากคำที่กรุงเปียงยางแล้ว

หนังสือพิมพ์จูงอังอ้างแหล่งข่าวด้านข่าวกรองว่า ผู้สื่อข่าวสตรี 2 คน ที่ถูกจับกุมที่แม่น้ำตูเมนขณะนี้ถูกย้ายไปยังบ้านหลังหนึ่งชานกรุงเปียงยาง มีเจ้าหน้าที่กองกำลังความมั่นคงซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองของเกาหลีเหนือควบคุมตัวและสอบปากคำอยู่ สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า ผู้สื่อข่าวทั้งสองชื่อ ยูนา ลี และลอรา หลิง ทำงานให้แก่บริษัทข่าวออนไลน์เคอร์เรนท์ทีวีของสหรัฐ ถูกจับช่วงรุ่งสางเมื่อวันที่ 17 มีนาคม สันนิษฐานว่าอาจข้ามแม่น้ำตูเมนบริเวณชายแดนฝั่งตะวันออกของจีนเข้าไปในฝั่งเกาหลีเหนือ ส่วนแหล่งข่าวการทูตเผยว่า ทั้งคู่เดินอยู่บนแม่น้ำที่แข็งเป็นน้ำแข็งในช่วงที่ถูกเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือจับกุม

ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐเผยว่า รัฐบาลได้ติดต่อกับทางการเกาหลีเหนือและขอให้ปล่อยตัวผู้สื่อข่าวทั้งสองโดยเร็ว รัฐบาลสหรัฐเคยใช้เวลานานถึง 3 เดือนเมื่อปี 2539 กว่าจะได้ตัวชายชาวอเมริกันคนหนึ่งกลับคืนหลังจากเขาถูกเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือจับกุมขณะข้ามแม่น้ำยาลูที่กั้นระหว่างจีนและเกาหลีเหนือ.-สำนักข่าวไทย

2009-03-24 09:30:18

พลเรือนศรีลังกาอพยพหนีภัยสงครามอีกกว่า 1,100 คน​

​

ศรีลังกา 23 มี.ค. - รัฐบาลศรีลังกาเผยมีพลเรือนอพยพออกจากพื้นที่ปะทะระหว่างกองทัพกับกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เพิ่มอีกกว่า 1,100 คน

แถลงการณ์ของกองทัพศรีลังกา ระบุว่า จากจำนวนพลเรือน 1,150 คน ที่หนีออกจากพื้นที่สงครามระหว่างกองทัพกับกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้อพยพออกมาทางเรือ 108 คน ส่วนที่เหลือเดินเท้าผ่านป่าทึบมาอาศัยยังศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพชั่วคราวที่ทางรัฐบาลจัดเตรียมไว้ให้ ขณะที่หน่วยงานกาชาดสากล ระบุว่า ได้นำตัวคนไข้และผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากพื้นที่ปะทะเกือบ 500 คน

สำหรับการปะทะระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงดำเนินต่อไป โดยล่าสุดกองทัพสามารถสังหารนักรบพยัคฆ์ทมิฬได้ 2 คน แต่ทางกบฏพยัคฆ์ทมิฬยังไม่ออกมายืนยันข่าวดังกล่าว. - สำนักข่าวไทย

2009-03-23 04:15:15

ที่มา http://news.mcot.net

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“เทพไท” ชี้ “แม้ว” เร่งเกมมวลชนก่อจลาจลจุดชนวนปฏิวัติซ้ำ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 มีนาคม 2552 11:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

“โฆษกมาร์ค” ระบุ “แผนตากสิน” สอดคล้องกับพฤติการณ์การเคลื่อนไหวเป็นขบวนการในขณะนี้ ชี้ “แม้ว” เปิดเกมรุกปลุกระดมคนเสื้อแดงหวังก่อจลาจลนำไปสู่การปฏิวัติรอบสอง

วันนี้ (24 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการสภาท่าพระอาทิตย์ถึงยุทธศาสตร์ตากสินว่า ทราบข้อมูลตามที่ปรากฏในสื่อหนังสือพิมพ์ ในเบื้องต้นยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะเป็นจริง จนกระทั่งเห็นขบวนการการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ส.ส.เพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันนี้กลายเป็นหัวหน้าม็อบเต็มตัวแล้ว จึงเชื่อว่าแผนตากสินน่าจะไปได้จริงๆ ทั้งนี้ จากพฤติกรรมเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการหวนคืนสู่ตำแหน่งแน่นอน โดยมุ่งหวังทำลายความเชื่อมั่นดิสเครดิตรัฐบาล ทั้งเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภา

นายเทพไทระบุว่า แผนแรก คือ การใช้ ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย พยามยามตีรวนและเปิดศึกอภิปรายไม่วางใจเพื่อให้เกิดการยุบสภา เพราะเชื่อว่าหากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่พรรคเพื่อไทยจะกลับมาชนะการเลือกตั้งในระบอบสภา แต่จากความแตกแยกเกิดกลุ่มงูเห่าขึ้นในพรรคเพื่อไทยตามที่ปรากฏเป็นข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชักลังเลใจ จึงเร่งมือด้วยการเปิดเกมรุกทั้งโฟนอินและวิดีโอลิงก์ทุกพื้นที่ที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อปลุกระดมมวลชนเพื่อก่อให้เกิดการจลาจล จนนำไปสู่การปฏิวัติซ้ำ

โฆษกส่วนตัวนายกฯ กล่าวว่า หลังการอภิปรายคงไม่มีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรี เนื่องจากผลงานและการตอบญัตติอภิปรายชัดเจนดีอยู่แล้ว แต่ที่ต้องเตรียมความพร้อมต่อไปก็คือ การที่พรรคฝ่ายค้านได้ขอให้ กกต.ตรวจสอบเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์จำนวน 258 ล้านบาท คงต้องเตรียมทีมงานเพื่อไปชี้แจงต่อ กกต.อีกครั้ง และต้องรอลุ้นกับคำสั่งยุบพรรค

ที่มา http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000033253