สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

<TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=644 border=0><TBODY><TR><TD width=644 colSpan=2><HR color=#ebebeb noShade SIZE=1></TD></TR><TR><TD width=560>
ตโย มคฺคา นิยเมนฺติ" แปลว่า มรรคเบื้องบน ๓ กำหนดแน่นอน. บาง พวกกล่าว "ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา นิยเมติ" แปลว่า วิปัสสนาแห่งมรรคทั้ง ๓ กำหนดแน่นอน. บรรดาวาทะแห่งพระเถระเหล่านั้น วาทะว่า "ปุพฺพเหตุ "นิยเมติ"ย่อมหมายความว่า อุปนิสัยแห่งปฐมมรรค ย่อมเป็นคุณชาตอันบุพเหตุกระทำแล้ว มรรคเบื้องบน ๓ ปราศจากอุปนิสัยเกิดขึ้น ในวาทะว่า "ป€มมคฺโคนิยเมติ" หมายความว่ามรรค ๓ เป็นธรรมชาติไร้ประโยชน์. ในวาทะว่า"อุปริ ตโย มคฺคา นิยเมนฺติ" หมายความว่า เมื่อปฐมมรรคยังไม่เกิดขึ้นนั่นแหละ มรรคเบื้องบน ๓ เกิดขึ้นแล้ว. ก็วาทะว่า "ติณฺณํ มคฺคานํวิปสฺสนา นิยเมติ" ซึ่งแปลว่า วิปัสสนาแห่งมรรคทั้ง ๓ กำหนดแน่นอนย่อมถูกต้อง. ก็ถ้าวิปัสสนาแห่งมรรคทั้ง ๓ มีกำลัง พระโสดาบัน ก็ชื่อว่าเอกพีชี.ถ้าอ่อนกว่าวิปัสสนาของเอกพีชี ก็ชื่อว่า โกลังโกละ ถ้าอ่อนกว่าวิปัสสนาของโกลังโกละนั้น ก็ชื่อว่า สัตตักขัตตุปรมะ ด้วยประการฉะนี้. อนึ่ง พระโสดาบันบางองค์ มีอัชฌาสัยในวัฏฏะ เป็นผู้ยินดีในวัฏฏะย่อมท่องเที่ยวไปในวัฏฏะบ่อย ๆ นั่นเทียว ปรากฏอยู่. ก็ชนเหล่านั้น มีประมาณเท่านี้ คือ ๑. อนาถบิณฑิกเศรษฐี ๒. วิสาขา อุบาสิกา ๓. จูลรถเทวบุตร ๔. มหารถเทวบุตร ๕. อเนกวรรณเทวบุตร ๖. ท้าวสักกเทวราช ๗. นาคทัตตเทวบุตร</PRE></TD></TR></TBODY></TABLE></P>

 

ถ้าท่านศรียังยืนยันว่าฐานะ เอกพีชี อยู่อีก ข้าพเจ้าขอให้ท่านแสดงธรรม เรื่อง "มรรคเบื้องบน 3" เพื่อประโยชน์แก่มวลสัตว์เถิด ^-^

 

หมอและยา ย่อมมีค่าสำหรับผู้เจ็บป่วยใกล้จะตาย

ในทางกลับกันจะไร้ค่าสำหรับผู้ไม่เจ็บป่วยไข้

ก็ย่อมไม่ต้องการหมอ และยา เก็บไว้รักษาตัวเองและครอบครัวดีกว่านะ

การบริหารจิต ก็เหมือนการออกกำลังกาย ร่างการแข็งแรง สุขภาพจิตก็ดี

 

ยอมรับในตัวเองให้ได้นะ ว่าไม่ใช่ศาสดา และไม่ใช่ทั้งผู้จะเป็นศาสดาในอนาคต รู้จักประมาณตัวซะบ้าง อะไรที่มันเกินกำลังก็อย่าไปฝืน

แล้วก็ฝากเตือนรวมไปถึงพวกที่หลง พวกที่อยากได้ อยากเป็น ไอ้เรื่องพุทธภูมิทั้งหลาย ไม่รู้ไปเอา ไปอ่านมาจากไหนนักหน่า

เป็นสาวกทำตามที่ศาสนาชี้ทาง เดินบนทางที่เหล่าอริยะเดิน ดีแล้วท่าน ^-^

 

แค่เดินให้ตรงทาง ก็ยากแล้ว ชิมิ ชิมิ

 

เอาอันนี้ไปอ่านเล่นท่านวิมุตติ http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/pk_kasem/pk-kasem_08_07.htm ^-^

 

ที่โสดาปัตติมรรคเห็นแล้ว
แล้วยังเห็นนิพพานที่เคยเห็นมาแล้วเท่านั้น มรรคที่เหลือทั้ง ๓ ยังไม่เห็น
จึงต้องต้องเจริญมรรคไปตามลำดับ เพื่อชำระกิเลส

สกิทาคามิมรรค
อนาคามีมรรค
อรหันตมรรค

เมื่อได้อรหันตผลก็คือได้นิพพานเป็น ๆ

 

ท่านคิดว่าผมว่างงานมากหรือครับ

ยาวขนาดนั้น จะอ่านไหวไหมเนี่ย หุๆๆๆๆ

อย่างไรก็ แทงกิว จะเก็บไว้ก่อนแล้วกัน...

 

แล้วอย่างนี้จะเรียกเอกพีชีได้อย่างไร

คำถามสุดท้าย ที่ว่าเคยเห็นนิพพานแล้ว ก่อนที่จะเห็นนิพพานพิจารณาอะไร ^-^

 

รู้แล้วได้อะไร ไม่รู้แล้วได้อะไร

 

หากคุณเห็นการเกิดเป็นทุกข์ จะได้รู้ว่าจะต้องเกิดอีกเท่าไร ในภพภูมิไหน

จริงอยู่จะว่าประเภทไหน มันก็ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องยึดติด หรือสำคัญ

แต่การเกิดอีก ถือเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับบางคน ^-^

 

ไม่ผิดถ้าอยากรู้อย่างนั้น แต่ถ้าอยากรู้เพื่อพิสูจน์ ว่าเขาเป็นหรือไม่เป็น มันไม่สมควร ใช่หรือไม่ คงไม่มีใครชอบหรอก ที่จะต้องเป็นตัวทดสอบ ของใคร

แต่ถ้าคิดว่าถามอย่างที่คิดไว้ข้างบน เชิญ เพราะก็จะรออ่านเหมือนกัน

 

อานาปานสติเป็นกรรมฐานที่เหมาะสมกับคนทุกคน
และผมกำหนดควบคู่กับเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานนั้น เมื่อเสวยสุขเวทนา ก็รู้ชัดว่า เวทนาไม่ใช่ของผม ผมก็ละเวทนาในจิต นี่อาการก่อนจิตจะตกกระแสนิพพาน

การเจริญสติพึงหวังอย่างเร็ว ๗ วันแต่ต้องถูกวิธี

 

ก็ถ้ามันเป็นความจริง เป็นเช่นนั้นจริง ใครจะมาป่าวประกาศ ชี้ว่าคนโน้นได้ไอ้โน้น คนนี้ได้ไอ้นี่ มันเรื่องส่วนตัว

แต่ในทางกลับกันที่ถาม เพราะถามให้รู้ตัว ให้ฉุกคิด ว่ายังเป็นผู้ต้องศึกษาอยู่

ถ้าจะกล่าวเช่นนี้ ผมก็จะขอบคุณที่ตักเตือน แล้วจะระมัดระวังมากขึ้นแล้วกัน^-^

คงไม่กล่าวต่อแล้ว ตามสบายครับ คิดว่าได้อะไรก็แล้วแต่

ถ้าเป็นประโยชน์แก่ตน ประโยชน์แก่โลก ก็อนุโมทนาแล้วกัน ^-^

 

พี่สี แสดงธรรมของพี่มาละกัน

ผู้มีปัญญาทั้งหลาย จะได้พิจารณาธรรมของพี่ มาถกธรรมกันดีกว่า

ส่วนแว๊ด จะเลือกอ่าน อิอิ

 

<O

เอ้าคุณศรีฯ คุณมาแอบสอน อาจานนิวรณ์ อยู่ที่นี่เอง
ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไม๊ทำไมถึงอยากเป็นอริยะตราตั้งกันจังเลย

ผมรู้อยู่ครับว่า ทุกคนที่หันมาสนใจพระพุทธศาสนานั้น
ล้วนมีเป้าหมายที่จะเข้าถึงทางอันเอกนี้ทั่วทุกตัวคน
ซึ่งพระบรมครูมีวางหลักเกณท์ไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว

ผมขอเตือนด้วยความหวังดีครับว่า ที่คุณคุยๆมานี้คุณพึงสังวรด้วยครับว่า
ถ้าเป็นสิ่งไม่มีในตัวตนแล้ว เข้าข่ายอวดอุตตริมนุษย์ธรรม
ซึ่งจะปิดกั้นมรรคผลนิพพานของคุณเองเอาง่ายๆครับ

;aa24

 

เพี้ยนไปแล้วเหรอ
เรียกคนนั้นคนนี้เป็น"อาจาน"
ประเทศไหนบนโลกเค้าใช้คำนี้บ้าง

มันเป็นอกุศลกรรมรู้หรือเปล่า
มีสติยับยั้งใจหน่อยสิ