ฝรั่งทึ่งพิสูจน์ชาวพุทธสุขสงบจริง

ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทมะกันพบหลักฐาน พุทธศาสนิกชนมีความสุข สงบ สว่างอย่างแท้จริง ทั้งนี้ รอยเตอร์รายงานจากกรุงลอนดอน เมื่อ 21 พ.ค. ถึงผลของการใช้ เทคนิคสแกนสมองแบบใหม่ พบว่าในบริเวณสมองของชาวพุทธ จะปรากฏจุดสว่างขึ้น ไม่เฉพาะเมื่อพวกเขาเพ่งอยู่ในสมาธิ แสดงให้เห็นถึงความมีอารมณ์ดีและการมองโลกในแง่ดี

​

นายโอเวน ฟลานากาน ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยดุ๊ก (Duke) ในนอร์ท-แคโรไลนา ระบุว่า เวลานี้เราสามารถตั้งข้อสมมติฐานด้วยความเชื่อมั่นว่า จิตวิญญาณของชาวพุทธที่สงบ มีความสุข เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในหลายพื้นที่ อาทิ ธรรมศาลา อินเดีย ซึ่งธรรมศาลาเป็นที่อยู่ขององค์ดาไล ลามะ ผู้นำพลัดถิ่นของทิเบต

ขณะเดียวกัน จากการวิจัยผลสแกนสมอง ของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ที่เมืองเมดิสัน ก็แสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวในกลีบสมองด้านหน้าซ้าย ของผู้ปฏิบัติธรรมชาวพุทธ ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นส่วนแสดงถึงอารมณ์ในทางบวก การควบคุมตนเอง และภาวะของจิตใจ

ส่วนการวิจัยของพอล เอ็กแมน แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก เมดิคัล เซ็นเตอร์ แนะว่า การทำสมาธิและมีสมาธิสามารถควบคุมต่อม amygdala ในบริเวณสมองที่เป็นศูนย์รวมความทรงจำด้านความกังวลหรือหวาดกลัวได้ เอ็กแมนยังค้นพบว่า ชาวพุทธผู้ปฏิบัติจนมีประสบการณ์ หาได้น้อยที่จะรู้สึกตกใจ ตื่นเต้น ประหลาดใจ หรือมีความโกรธเหมือนกับคนอื่น ขณะที่ฟลานากานเชื่อว่า หากการค้นพบเกี่ยวกับการวิจัยนี้ได้รับการยืนยัน จะถือเป็นการค้นพบที่สำคัญยิ่ง.




http://www.telegraph.co.uk/sciencea...ncenews/3308547/Why-Buddhists-are-calmer.html

=============
Why Buddhists are calmer

By Robert Uhlig
Last Updated: 4:41PM BST 22 May 2003

That transcendental smile on many a Buddhist's face could hide a deeper truth: their religion appears to be the secret of long-term happiness.

Researchers in America have found that a spot in the brain called the left prefrontal lobe which is associated with positive emotions and good moods, is unusually active among practising Buddhists.

Richard Davison, a researcher at the Laboratory for Affective Neuroscience at the University of Wisconsin, made the discovery after scanning the brains of committed Buddhists.
Owen Flanagan, professor of philosophy at Duke University in North Carolina, writing in New Scientist, said the results were "tantalising".

He said: "We can now hypothesise with some confidence that those apparently happy, calm Buddhist souls really are happy.

"Behind those calm exteriors lie persistently frisky left prefrontal lobes. If these findings are widely confirmed, they will be of great importance."

He said the prefrontal lobes had long been known to play a major role in foresight, planning and self control. They were now also known to be crucially involved in emotion, mood and temperament. Prof Flanagan said he did not think it reasonable to suppose that Tibetan Buddhists were born with a "happiness gene" that activated their left prefrontal lobes.

A more likely explanation was there was something about Buddhist practice that produced happiness, he said.
Prof Flanagan said that other research suggested Buddhists might be able to control a second part of the brain's emotion system which is normally automatic.

The amygdala - twin almond-shaped structures in the forebrain - act as a quick trigger that deals with fear, anxiety and surprise, and also probably helps to make us angry. It is hard to override the amygdala's 'feelings' simply by thinking rationally.

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ....

 

ทำสมาธิแล้วสงบจริงๆนะ

 

ลูกพี่tro countdownหนอ countdownหนอ

หากมีผู้ปฎิบัติมีสติระงับทุกข์ ไม่โกรธ ไม่อยากได้ ระงับทั้งสิ้นไว้ด้วยพิจารณาถึงต้นเหตุ
จนถึงผลสิ้นสุดแห่งการเกิดผลตามต้นเหตุนั้น
เป็นการพิจารณาตามจริงแล้วผู้ปฎิบัตินั้นๆไม่มีผลของความเศร้าหมอง
มีแต่ความเบิกบาน ผ่องใส
เรียกสภาวะจิตนี้ว่าประการใด ขอรับ

 

เห็นจริงในข้อนี้ตรง ระงับทุกข์ไว้ได้ แต่ตัวตนยังมีอยู่

แต่เวลาเจอขอทานก็ยังนึกลังเลที่จะบริจาคแต่ก็ให้
ผมพยายามเบียดเบียนผู้อื่นน้อยลง ถ้าจะได้มาซึ่งเงินก็ต้องสุจริต ผู้ให้เต็มใจ
ผมยังต้องเลี้ยงดูตอบแทนพ่อแม่ งานต้องทำ ตัวตนนั้นยังมีอยู่จริง

เหตุแห่งการดับทุกข์นี้เห็นจะมีเพียงสะสมเงินไว้ให้มาก
เพียงพอที่จะตอบแทนพวกท่านไปจนตายจากกัน

 

ตู๊ม

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 11 คน ( เป็นสมาชิก 9 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิษณุ12, Bull_psi, วิมุตติ, louis_bun, maijan, tro, TVJ, กัลย์, คนส่องพระ ใจส่องใจ </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ชิมิ

 

อะไรเอ่ย .

 

ที่เราบอกว่า เป็นการเปิดใจกว้าง และรักให้เป็นนั่น ก็เพราะเราไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรแล้วงัยหล่ะ เป็นการเปิดใจยอมรับทุกอย่าง เหมือนเข็ม อันเดียว ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ แต่คนส่วนมาก มักจะงมหาเข็มกัน แต่ที่แท้ ตัวเองรู้หรือไม่ ว่า เข็มในมหาสมุทร์ก็คือใจของเราเอง นี่ แท่น แท้น พอดีงานยุ่งอ่ะ 555

 

อิอิ พระโพธิสัตย์อ่ะนะ ท่านจะมีความเมตตา หรือเรียกทางโลกียะ ว่า " ความรัก " นั่นแหล่ะ แต่ความรักของท่านไม่ได้หวังผลตอบแทนนะ เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่มากกว่า นี่แหล่ะ คือกุศลจิต ของพระโพธิสัตย์รู้ป่าวตัวเอง อิอิ

;aa26

 

ดีใจที่ได้เกิดเป็นคนไทยและพระศาสนา

 

ไปติดมาจากแม่ชีป่าวเนี่ย พระโพธิสัตย์ อิอิ

 

บร้า ใครตัวสีชมพูนั่นแหล่ะ ความในใจกำลังออกมาหย่ะ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 15 คน ( เป็นสมาชิก 10 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>สันโดษ, วิมุตติ, sakkamol, Seiiki, to2504, tro, TVJ, VikingsX, กุญแจไขปริศนา </TD></TR></TBODY></TABLE>


มาดูนี้ ได้อะไรกลับไปบ้างยัง?

ถ้ายังเเสดงว่า ว่าง นะเอย นะเอย

 

To Bull_PSI

http://www.wimutti.net/pramote/

 

สาธุพี่นิวรณ์ครับ

ด้วยความเคารพ ขอเรียนถามเพิ่มเติม
แล้วทำไมต้องแนะนำสั่งสอนผมด้วย
ผมเกิดอวิชชาก็เป็นวิบากกรรมของผม
ทำไมท่านจึงไม่อุเบกขาเฉยเสียหล่ะครับ

แล้วกรณีไหนจึงเมตตา กรณีไหนจึงกรุณา กรณีไหนจึงอุเบกขา

 

กรณีที่ใกล้ลงปากเหว เพราะอาจจะคบสหายธรรมผิด

จึงออกมาทักบ้าง

การอยู่ในพรหมวิหาร หัวข้ออุเบกขานั้น ไม่ได้แปลว่า นิ่งเฉยๆไม่สนใจ

แต่เราจะให้ความสนใจในเวลาที่เห็นควรเท่านั้น


อ้างอิง : นารทชาดก : บำเพ็ญอุเบกขาบารมี

 

สาธุ สาธุ เป็นอย่างนี้เอง
เวบพี่ดีจัง อ่านจบไปเล่มแล้วครับ