จิตบังคับบัญชาได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้...จะอบรมจิตได้อย่างไร???

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 27 มกราคม 2009.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    1.จิต มี มีรู้สึก แต่ใจ ไม่ถือ ไม่ยึด ใจรู้แล้วละวางออกได้เอง ด้วยสัมมาสติบริบูรณ์ = มีใจ

    2.จิต ไม่มี ไม่รู้สึก เพราะวางใจ(ทิ้งไปแล้ว) พอไม่มีใจ ก็ไม่มีถือ ไม่มียึด = ไม่มีใจ

    ทั้ง 2 กรณี ไม่เหมือนกัน เนาะ
     
  2. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    เห็นตามความเป็นจริงได้ก่อนเมื่อเห็นความจริงทุกๆวัน ทุกเวลา ทุกขณะ เห็นว่าที่เห็นนั้นเป็นทุกข์ ใจก็วางเอง แต่ถ้ายังเห็นว่าเป็นความสุขใจจะวางได้อย่างไร เราต้องรู้ก่อนว่าเห็นความจริงหรือยังถ้ายังไม่เห็นความจริงก็ให้รู้ว่ายังไม่เห็นรู้แค่นี้ก่อน
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เจ็บท้อง..
     
  4. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    เมื่ออ่านเสร็จแล้วกลับมาคิดก็ให้รู้ว่าคิด ความคิดมีทั้งดีและไม่ดีก็ให้รู้ทัน เมื่อวางใจเป็นกลางได้อย่างที่ท่านบอกแม้แต่ความคิดก็ทำร้ายเราไม่ได้[​IMG]
     
  5. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ไปทำงานก่อนนะบุ๋ยๆ
     
  6. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    "อย่าหลงผูกจิตติดกับความปภัสสร"

    แต่ให้มีสติรู้เท่าทันเพราะในจิตปภัสสรก็ยังแปรปวนเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นนิจ

    แล้วจะพบ พุทธะอยู่ที่นั่นพุทธะ
    ไม่ใช่ตนไม่ตัวของเรา

    [​IMG]

     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เราเข้าใจแบบนี้นะ
    ของเรานะ ตามรู้ไป ดูจิตมันมีอาการตอบสนองอย่างไร

    ลิ้นสัมผัส รู้รส
    จิตรู้รส รู้ว่าหวาน
    จิตรู้หวาน รู้ว่าจิตชอบ ไม่ชอบ
    จิตรู้ชอบไม่ชอบ มีคิดอะไรต่อ ให้รู้ว่าคิด

    ของเรา รู้ไม่ได้นานหรอก บางทีก็ไม่ได้ขนาดนี้ รู้สัมผัส แล้วหลงไปเลยก็มี
    คิด รู้ว่าคิด แป๊บนึง ก็หลงไปอีกแระ

    แต่ผลงานนั้นมี จากการรู้ตัว เจริญสตินี่แหละ
    การรู้ตัว รู้สึกตัว จิตจะเกิดประกอบกับอาการจิต(เจตสิก) ทุกขณะจิต
    ตอนที่ เรารู้ตัว จะเกิด เจตสิกสติ เกิดประกอบด้วยจิต เป็นกุศลจิต เรียกว่ามีสติ
    ตอนที่ เราหลง ไม่รู้ตัว เผลอ ลืมตัว จะเกิดเจตสิกอื่นๆที่ไม่ใช่สติ เป็นอกุศลจิต
    ทีนี้ ถ้าเรารู้ตัวบ่อยๆ เนืองๆ เท่ากับเรามี เจตสิกสติ กุศลจิต เกิดบ่อยๆ
    พอเกิดเป็นนิสัย เกิดมากๆ จะเกิดเป็นพลังปัญญา ตอนนี้คิดว่าเป็นแบบนี้ นะ

    พอสติเกิดมากๆ จนมีปัญญารู้ลงเป็นไตรลักษณ์ จิตจะเข้าใจความจริงเอง
    หวานก็ไม่มีผลอะไรต่อจิต การรู้ ก็จะไม่เหมือนเดิม เพราะจิตมีปัญญา
    ที่พูดนี้ยังทำไม่ได้นะ เพราะปัญญายังไม่เกิด ได้แค่ รู้
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สาธุ ตรงประเด็น กลางแสกหน้าเลย
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นอกจาก รู้ตัว มีสติ แล้ว นอกนั้นไม่มีอะไรที่ควรรู้
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เอา คำหลวงปู่เทส สนับสนุนวิธีการตน
    เอา คำหลวงตามหาบัว สนับสนุนวิธีการตน
    เอาคำหลวงปู่ดูลย์สนับสนุน วิธีการตน
    เอา คำพระพุทธองค์สนับสนุนวิธีการตน

    เขาเรียกว่าขโมยธรรม
    ธรรม มันต้องเกิดจากตน แล้ว ใช้วาทะตนในการแสดงธรรม
    หลวงตามหาบัว ใช้วาทะตนแสดงธรรม ไม่ได้ใช้วาทะหลวงปู่มั่น
    หลวงปู่เทสก์ใช้วาทะตนแสดงธรรม ไม่ได้ใช้ วาทะหลวงปู่มั่น
    นายขันธ์ ใช้วาทะตนแสดงธรรม ไม่ได้ใช้วาทะหลวงตามหาบัว
    หลวงปู่ดูลย์ใช้วาทะตนแสดงธรรมไม่ได้ใช้ วาทะหลวงปู่มั่น

    ทีนี้ การที่จดจำมา มันก็ใช้วาทะคนอื่นแสดงธรรม แล้วก็เที่ยวหยิบวาทะคนนั้นคนนี้มารับรอง สัญญาของตน
    แบบนี้ไม่ถูกต้อง

    มันผิดไปหมด ที่คุยกันนั่น มันเพี้ยนไปหมด มันเอาหลักการคนอื่น มาจับรวมกับหลักการของตน อันเป็นการ เอาธรรมโลกธาตุมาอธิบาย ธรรมในกะลา เอามาเปรียบว่าเหมือนกัน
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
  12. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ทุกอย่างอยู่ที่ใจ เเต่ที่ไม่กล้า เพราะยังคงคิดมาก

    กลัวโดนคนอื่นวิจารณ์ กลัวโดนกล่าวว่า

    เเต่สรุปสุดท้าย เราก็ไม่มีอะไรให้ต้องนำมาคิดให้อับอาย

    อยากพูดก็พูด อยากคิดก็คิด คนที่สอน ไม่ใช่ผู้อื่น เเต่เป็น จิตตนเองผู้เดียว
     
  13. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    เมื่อกินน้ำตาลแล้วหวานแล้วรู้ว่าเราชอบความหวานของน้ำตาลความชอบก็ดับตั้งแต่ที่เราเข้าไปรู้แล้วเพราะเรารู้ทันเค้า แล้วเมื่อรู้ทันว่าไม่ชอบก็ให้เอาความรู้สึกหวานนั้นหละเป็นอารมณ์ เมื่อรู้ว่ารสหวานจริงๆเป็นเช่นไรเมื่อจิตจำได้แล้วว่ารสหวานก็ไม่เที่ยงจิตเค้าจะค่อยๆละวางเองโดยเราไม่ต้องทำอะไรเลย (ถ้าขาดสติสิ่งที่พูดมาก็ทำไม่ได้เช่นกัน)
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สาธุ
     
  15. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    อยากจะทำอะไรก็ทำไป ไม่เห็นต้องเป็น ใคร

    ไม่เห็นต้อง สำคัญ ไม่เห็นต้องยิ่งใหญ่

    เราไม่ได้ มีอะไร คิดสำเหนียกตนว่า ต่ำ เพราะ จิตนั้นดูถูกตนเอง

    เเต่จิตเเท้จริง บริสุทธิ์เเท้ เเม้ ชีวิตตนก็ไม่มีค่าที่จะครอบครอง

    เมื่อไรยังคงตาม อาจารย์ ก็ยังคงเป็น ลูกศิษย์ ยังคงมีปัญญาเดียวกับครูบาอาจารย์

    เเต่หาใช่ จิตอิสระที่ไร้พันธนาการอย่างสิ้นเชิง

    เรียนเป็นเพื่อน เดินทางร่วมกัน เเต่เมื่อรู้จง เดินไปเอง

    อย่า ทำตัวเป็น ของก๊อป เกรดเอ

    เพราะ ของก๊อป ย่อมมีตำหนิ ให้คนหาข้อด้อย อยู่ร่ำไป
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ความคิด ความเห็น ห้ามกันไม่ได้
    คิดอย่างไรก็แสดงอย่างนั้น
    รู้เพียง ชอบ หรือไม่ชอบ
    ธรรมใดๆ ล้วนเป็นของกลาง มีแต่เรา ปรุงมันเข้าสู่ตัว แล้วยึดว่าเป็นของเราของเขา
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เห็นสิ่งใด ดีมีประโยชน์ ก็น้อมมาศึกษา น้อมมารู้
    ถ้าน้อมมายึด ก็กลายเป็น รู้มาก
    ถ้าน้อมมารู้แล้วปรับปรุงตัวเอง ก็ได้เป็นสติปัญญา
     
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    คนบางคน ทำอะไร เพื่อสร้างกระเเสให้ตนเอง เพราะกลัวไม่ดังเท่าคนอื่น

    เเต่คนบางคนอยากทำอะไร เพียงแค่รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำ

    นั้นคือ ธรรมชาติของจิต เมื่อไม่ถูกเปรียบทียบ

    เมื่อไม่โดนดูถูก จากเจ้าของ จิตย่อมทำในสิ่งที่ตนเองมีความสุข

    รักลูกให้ถูก รักจิตต้องดู

    ดูเเลจิตดี เเล้วปัญญาย่อมเกิดเอง

    มองคนอื่นให้น้อย มองตัวเองนานๆ

    รักนะ จุ๊บๆ ดูเเล้วอย่าคิด คิดเมื่อไร นั้น จิต มิใช่ตนเอง
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โลภ ในธรรม
    โลภ ในกิเลสตัณหา ความสุขชั่วคราว
    โลภ ในโลกธรรม

    ขอเพียงเพียงรู้ตัว ว่าโลภ ก็มีสติปัญญาพาตัวพ้นจากโลภได้
    ในวันข้างหน้าที่มีปัญญาช่วยตัวเองได้ ถ้าวันนี้ไม่รู้ วันหน้าไม่รู้ ปัญญาก็ไม่มีต่อไป
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181

    การแสดงออกนั้นแหละ ถูกแล้ว แต่ เมื่อกล้าแสดงออกก็ต้องกล้ารับ ความผิดพลาดของตนด้วย
    และจะต้องกล้าที่จะ ทบทวนด้วยว่า สิ่งที่คนอื่นเขาแสดงความเห็นมาถูกไหม ถ้าเรายึดมั่นในความเห็นตนแบบไม่สนใจในธรรมของคนอื่น ก็กลายเป็นสุดโต่ง แต่ถ้าเชื่อคนอื่นไปเสียหมด ก็สุดโต่ง

    ทีนี้ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ การไม่กล้าแสดงออกหรือกล้าแสดงออก มันอยู่ที่ว่า กล้าแสดงออกนั้นถูกต้องหรือเปล่า คำว่าถูกต้องนี้ก็คือ ถูกต้องตามความจริงของธรรม ถูกต้องตามความจริงที่จะทำให้เกิดประโยชน์จริงๆ ไม่เช่นนั้นมันไม่ต่างอะไรกับ ขจร ที่นำเสนอวิธีการของตนโดยปราศจากการพิสูจน์
    แนวทาง นั่งรู้ดูเฉยนี้ แย่ยิ่งกว่าขจร ตรงที่ว่า อ้างคำพระท่านนั้น ท่านนี้ เพื่อสนับสนุนหนทางของตน
    ถ้า ตนเอง ปฏิบัติ ได้ดีแล้ว ก็เอาคำตนเอง มาอธิบาย มาโต้แย้งเลย
    ทำตามพระพุทธองค์สิ ท่านท้าให้มาพิสูจน์ ให้ใครก็ได้มาพิสูจน์ ผมท้าให้คนมาพิสูจน์เช่นกัน และไม่เคย อ้างคำพระอาจารย์ มาเป็นพยานให้แนวทางของตนเองถูกต้อง

    ในเมื่อ มีคำอธิบายอื่น ที่ทำให้ธรรมของตนเอง ตกไป แก้ต่างไม่ได้แล้ว เราก็ควรต้องยอมรับว่า ธรรมนั้นไม่ครอบ ยังมีข้อที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ใช่เอา ศรัทธามาบังหน้าไม่ลืมหูลืมตา อ้างแต่ พระท่านอย่างนั้น พระท่านอย่างนี้

    โมโห
     

แชร์หน้านี้

Loading...