จิตบังคับบัญชาได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้...จะอบรมจิตได้อย่างไร???

**การจะดูจิตในจิตไม่ใช่อาศํยมรรคองค์ที่๑-๖ ต้องอาศํยมรรคองค์ที่๖ ๗ ๘ก่อนนะครับ<O</O
ในมหาจัตตารีสกสูตรกล่าวไว้ครับ

;aa24

 

**แล้วทำอย่างไรละครับ ถึงจะสลัดออกได้ครับ???

;aa24

 

**คุณลองทำสัมมาสมาธิดูสิครับ??? <O</O
เมื่อได้เห็นความผ่องใสของจิตแล้วก็ไม่ต้องมาถามผมว่าเป็นเช่นไร ใช่มั้ยครับ???

;aa24

 

**ธรรมมี๒ โลกียะธรรม โลกุตตระธรรม คุณบอกว่าอยู่โดยธรรม <O</O
ไม่ใช่มีอยู่โดยธรรมนะครับ

;aa24<O</O

 

**เพราะกิเลสไม่เป็นทุกข์ใช่มั้ยครับ???

;aa24<O

 

**ก็ถูกแล้วนิครับ อารมณ์เท่านั้นที่เกิดขึ้น อารมณ์เท่านั้นที่ดับไป ไม่ใช่จิตเกิด-ดับ

;aa24

 

ครับเพราะมีเราเป็นเหตุไปจุดเทียนขึ้นมาใช่มั้ย??? <O</O
ครับใช่ครับ

ถ้าเราไม่ไปจุดเทียนขึ้นมาเทียนจะติดขึ้นมาเองได้มั้ยครับ???<O</O
ครับใช่ครับ

คุณกำลังพูดสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว(มีเหตุสร้างผลแล้ว) <O</O
ผมพยายามชี้อธิบายยกมาเปรียบเทียบเฉยๆครับ<O</O
อันนี้เป็นการเปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนะครับ


<O></O>เมื่อเทียนติดไฟแล้ว คุณดับโดยเอามือไปดับที่ไส้เทียนนิ้วมือร้อนมั้ยครับ??? .....
ร้อนครับ แต่ผมคงไม่โง่ใช้ นิ้วไปดับใส้เทียนหรอกครับ<O</O
ทราบครับว่าคุณคงไม่คิดทำเช่นนั้น

เรื่องบ้างที่เป็นเรื่องร้อนโดยที่มีเชื้อไฟยังอยู่บางครั้งต้องรอเวลาครับ
ใช่ครับบางเรื่องรอเวลา
แต่ในกรณีนี้ที่ต้องการให้ดับโดยเร็วที่สุด ก็ควรที่เอาเทียนไปไว้ในที่อับอากาศเทียนก็จะค่อยๆมอดไปเองครับ

ไส้เทียนเป็นเหตุให้ไฟยังลุกต่อไปได้
ส่วนที่เทียนติดเพราะเหตุเราไปจุดมันใช่มั้ยครับ???(ละเหตุแห่งทุกข์)
ใช่แล้วครับ แล้วเราทำไมต้องไปจุดเทียนล่ะครับ...<O</O

เพราะ เรายังไม่กำหนดรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นของร้อน(ทุกข์)
ดังพุทธพจน์ในอาทิตตปริยายสูตร<O</O
ที่ทรงสั่งสอนอบรมชฎิล๓พี่น้อง เรื่องสิ่งที่เป็นของร้อน(ทุกข์)
เมื่อฝึกฝนอบรมจนกระทั่งจิตกำหนดรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นทุกข์(ของร้อน)
เราย่อมมีหนทางในการละเหตุแห่งทุกข์ครับ

เมื่อกำหนดรู้ว่าทุกข์แล้ว(ขันธ์๕)
ต้องกำหนดละให้ได้


เมื่อละได้แล้ว ทุกข์ย่อมไม่เกิด(ดับทุกข์)
วิธีปฏิบัติเพื่อให้ถึงซึ่งหนทางในการดับทุกข์(ไม่ให้ทุกข์เกิด)


ไปละ หมดเวลาครับ(เนทก็ช้า ขาก็สั้น พิมพ์ไม่ค่อยจะทัน หลุดอีกหละ)

;aa24

 

ขอบคุณนะครับ... ท่านธรรมภูต

 

มาร ๕

มาร คือ สิ่งที่ฆ่าบุคคลให้ตายจากคุณความดีหรือจากผลที่หมายอันประเสริฐ
สิ่งที่ล้างผลาญคุณความดี ตัวการที่กำจัดหรือขัดขวางบุคคล มิให้บรรลุผลสำเร็จอันดีงาม

๑. กิเลสมาร มารคือกิเลส กิเลสเป็นมารเพราะเป็นตัวกำจัดและขัดขวางความดี
ทำให้สัตว์ประสบความพินาศทั้งในปัจจุบันและอนาคต

๒. ขันธมาร มารคือเบญจขันธ์ ขันธ์ ๕ เป็นมาร เพราะเป็นสภาพอันปัจจัยปรุงแต่ง
มีความขัดแย้งกันเองอยู่ภายใน ไม่มั่นคงทนนาน เป็นภาระในการบริหาร
ทั้งแปรปรวนเสื่อมโทรมไปเพราะชราพยาธิเป็นต้น
ล้วนรอนโอกาสมิให้บุคคลทำกิจหน้าที่ หรือบำเพ็ญคุณความดีได้เต็มปรารถนา
อย่างแรงอาจถึงกับพรากโอกาสนั้นโดยสิ้นเชิง

๓. อภิสังขารมาร มารคืออภิสังขาร อภิสังขารเป็นมาร เพราะเป็นตัวปรุงแต่งกรรม
นำให้เกิดชาติ ชรา เป็นต้น ขัดขวางมิให้หลุดพ้นไปจากสังสารทุกข์

๔. เทวปุตตมาร มารคือเทพบุตร เทพยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดแห่งชั้นกามาวจร
ตนหนึ่งชื่อว่ามาร เพราะเป็นนิมิตแห่งความขัดข้อง คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งบุคคลไว้
มิให้ล่วงพ้นจากแดนอำนาจครอบงำของตน โดยชักให้ห่วงพะวงในกามสุข
ไม่หาญเสียสละออกไปบำเพ็ญคุณความดีที่ยิ่งใหญ่ได้

๕. มัจจุมาร มารคือความตาย ความตายเป็นมาร
เพราะเป็นตัวการตัดโอกาสที่จะก้าวหน้าต่อไปในคุณความดีทั้งหลาย

จาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
โดย พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต)

(smile)...อ่านเต็มๆที่ มาร ๕

 

สรุป มาร กับ กิเลส ตัวเดียวกันใช่ไหมครับ??

 

ความคิดเห็น ...ท่านครับ ท่านสามารถควักหัวใจท่านออกมาให้ดูได้ไหมครับ

 

ท่านธรรมภูติครับ ผู้ทีได้สมาบัติ8 นี่ จิตสงบตั้งมั่นหรือเปล่าครับ??
ผู้ที่ ได้อุปจาระสมาธิ อัปนาสมาธิ นี่ จิตสงบไหมครับ ตั่งมั่นไหมครับ??

 

เสนามาร คือ อวิชชา<O</O
อวิชชา เป็นมูลเหตุแห่งกิเลสทั้งปวง....

ลองอ่านดูเป็นธรรมทัศน์ค่ะ

ปฏิจจสมุปบาทธรรม...เปมงฺกโรภิกฺขุ

(smile)

 

อวิชชา เป็นมูลเหตุแห่งกิเลสทั้งปวง....
ตัวแดงๆนี่ตัวเดียวกันไหมครับ??

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ 00000
กราบเรียนท่านเหล่ามหาปราชญ์ มหาบัณฑิต ทุกท่าน
กรุณาให้ความกระจ่างแก่ข้าพเจ้าผู้น้อยด้วย..คือว่า ตัวจิตที่กำลังพูดถึงกันนี้ มีลักษณะเป็นเช่นไร และที่บอกว่า จิตเห็นจิต มันเป็นประการใด เห็นจิต จริง ๆ กันหรือยัง..ถ้าเห็นกันแล้วเอามาให้ดูหน่อย ว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร
กราบนมัสการขอบคุณล่วงหน้า..

</TD></TR></TBODY></TABLE>

คำตอบเรื่องจิต ที่ท่านศูนย์ ถามมา พระอาจารย์ปราโมทย์ ได้อธิบายโดยละเอียด แล้ว
แก่นธรรมคำหลวงปู่ดูลย์(ดูจิต)
http://00.w-file.net/pramote/books/kantanpudun.pdf

เป็นการธิบาย ธรรมด้านล่าง ทุกคำ ที่เกี่ยวข้อง หวังว่าจะให้ความกระจ่างต่อท่านได้

~* อริยสัจจ์แห่งจิต *~

"จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ”

“อนึ่ง ตามสภาพที่แท้จริงของจิต ย่อมส่งออกนอกเพื่อรับอารมณ์นั้นๆ โดยธรรมชาติของมันเอง ก็แต่ว่า ถ้าจิตส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว จิตเกิดหวั่นไหวหรือเกิดกระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้น เป็นสมุทัย ผลอันเกิดจากจิตหวั่นไหวหรือกระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้นๆ เป็นทุกข์ ถ้าจิตที่ส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว แต่ไม่หวั่นไหว หรือไม่กระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้นๆ มีสติอยู่อย่างสมบูรณ์ เป็นมรรค ผลอันเกิดจากจิตไม่หวั่นไหว หรือไม่กระเพื่อม เพราะมีสติอยู่อย่างสมบูรณ์ เป็นนิโรธ พระอริยเจ้าทั้งหลายมีจิตไม่ส่งออกนอก จิตไม่หวั่นไหว จิตไม่กระเพื่อม เป็นวิหารธรรม จบอริยสัจจ์ ๔” <!-- / message --><!-- sig -->

 

ทำได้ค่ะ ตามดูตามรู้ นานเข้าก็จะอบรมได้ เป็นระยะเวลาสั้นๆ ทำต่อไปก็จะอยู่ได้นาน ขึ้น ตามลำดับค่ะ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ 00000
กราบเรียนท่านเหล่ามหาปราชญ์ มหาบัณฑิต ทุกท่าน
กรุณาให้ความกระจ่างแก่ข้าพเจ้าผู้น้อยด้วย..คือว่า ตัวจิตที่กำลังพูดถึงกันนี้ มีลักษณะเป็นเช่นไร และที่บอกว่า จิตเห็นจิต มันเป็นประการใด เห็นจิต จริง ๆ กันหรือยัง..ถ้าเห็นกันแล้วเอามาให้ดูหน่อย ว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร
กราบนมัสการขอบคุณล่วงหน้า..</TD></TR></TBODY></TABLE>

ตอนที่ท่านอ่านกระทู้นี้ ก่อนท่านจะตอบ สังเกตุเห็น ใจตัวเองไหมครับ ....ตอนนั้นละครับขณะจิตนั้น หากรู้ทันเรียกว่า เริ่มจะเห็นแล้วครับ สิ่งที่ท่านถาม....

 

ชิ่งนี่หว่า...

 

ตกลงว่าจิตเห็น เวทนา สัญญา หรือ จิตเห็นจิต ตกลงว่า จะเห็นอะไรกันแน่ แล้วที่ บอกว่า จิตเดิมแท้ มันเป็น ประการใด อธิบายใหแก่ผู้น้อยได้ทราบด้วย....
ระยะการฝึกฝน จะยังไม่สามารถเห็นจิตได้แต่จะเริ่มเห็นอารมณ์นิสัยได้....
ตกลงว่าจิตเห็น เวทนา สัญญา หรือ จิตเห็นจิต....
ผมไม่ได้เป็นท่านนี่ครับจะได้รู้แทนท่านว่าเห็นเวทนา สัญญา หรือ จิตเห็นจิต ท่านเองที่รู้ตัวเอง หากยังไม่รู้ตัวเองก็ให้ศึกษาปริยัตก่อน...
จิตเดิมแท้ ....ตรงนี้ไปดูหน้าเก่าๆมาซิครับ ผมยังถามท่านธรรมภูตเลย...

แต่ในกรณีของผม เวลาอ่านกระทู้ บางกระทู้ อ่านแล้ว รู้ ยินดีที่เกิดขึ้น ยินดีนี้ก่อให้เกิดสุขใจ หรือ เรียกว่า รู้เวทนา
บางกระทู้ อ่านแล้ว หมั่นไส้ ก็ รู้ หมั่นไส้ ซึ่งเป็นอาการอิจฉา
ผมก็ฝึกไปแบบนี้ เรื่อยๆ พยายาม สังเกตุ ใจไปเรื่อยๆ
การฝึก ตามดู ตามรู้นี้ ท่านก็ฝึกง่ายๆแบบนี้ก่อนล่ะครับ
แต่หากถามเพราะหมั่นไส้ หรือ อย่างไร หากเกิดอาการอย่างไร ก็ ตามรู้ไปนะครับ อิจฉา รู้อิจฉา หมั่นไส้รู้หมั่นไส้ ฝึกไปเรื่อยๆ สังเกตุใจไปเรื่อยๆเวลาอ่านกระทู้

 

แหม พอมีดบิ่นแล้ว ไม่ให้ยืมเลยนะ...