จิตบังคับบัญชาได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้...จะอบรมจิตได้อย่างไร???

*ขยายความหน่อยครับ มันกำกวมครับ

;aa24

 

*ถ้ามันออกไปก็ไม่ใช่สัมมาสติครับ ถ้าเป็นสัมมาสติต้องรู้ได้ก่อนที่มันจะออกไปครับ
................
<O

*ก็ไม่ใช่สัมมาสตินิครับ
.............................

*ท่านที่มีสัมมาสติตลอดเวลา จนกระทั่งเป็นสันตติ(ชาคโร) <O</O
มีเพียงพระอรหันต์ท่านั้นครับ

<O</O;aa24

</O

 

*ที่คุณพยายามสื่อเค้าเรียกว่านึกว่ารู้ ไม่ใช่ระลึกรู้ชอบครับ

;aa24<O</O
<O</O

 

*ครับควรที่จะต้องพยายามสลัดนิสัยที่ไม่ดีออกไปให้ได้ก่อนใช่มั้ยครับ???
ถ้าสลัดไม่ได้เราก็รู้ใช่มั้ยครับ???
ถ้าเค้าทนต่อนิสัย(ในส่วนที่เรายังสลัดออกไปไม่หมด)ได้ ก็ไม่เป็นปัญหานิครับ???
อนาคตเราอาจสลัดมันออกได้ ถ้าเรายังคอยระลึกรู้อยู่นะครับ

;aa24

 

*จนกระทั่งมองไม่เห็นความประภัสสรแต่เดิมที่มีอยู่ครับ

*จิตเดิมนั้นประภัสสรผ่องใส ที่เศร้าหม่องไปเพราะมีอุปกิเลสเป็นแขกจร

;aa24

 

*หรือครับผมเห็นว่าไม่ใกล้เคียงและขาดเหตุผล ผมก็แย้งไปตามเรื่องครับ<O</O

;aa24

 

*ช่วยขยายความหน่อยครับ ใครครับที่อยู่โดยธรรม???

;aa24

 

*เหตุเพราะจิตออกไปหาหรือกิเลสกวักให้ออกไปหาครับ??? <O</O

;aa24

 

*คำว่าดับหมายถึง สิ่งที่มีอยู่แล้วดับไปใช่มั้ยครับ???<O</O
คำว่าเกิดหมายถึง สิ่งที่ไม่มีอยู่เกิดขึ้นมาใช่มั้ยครับ???

;aa24<O</O

 

<TABLE class=tborder id=post1840290 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_1840290 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">ถึงว่าสิครับคุณวิฯ ละกับดับต่างกันโดยสิ้นเชิงนะครับ
เทียนที่ติดขึ้นมาได้นั้น เหตุเพราะเราไปจุดด้วยประกายไฟมันใช่มั้ยครับ???
ถ้าเราละเหตุได้ เทียนก็ไม่ติดไฟใช่มั้ย??? ใช่ครับเพราะมีเรานี่ล่ะครับ ....แต่เทียนที่จุดมาแล้ว ผมยกมาเพื่อนอุปมาให้ท่านธรรมภูติ เพื่อเข้าใจสิ่งที่ผมอธิบายน่ะครับ ว่าวิธีดับความร้อนหรือแสดงสว่าง จะดับไปได้อย่างไร เลยต้องดับที่เชื้อ คือ ใส้เทียน ซึ่งเป็นเหตุ ให้ไฟลุกอยู่ ผมถึงพยายามชี้ตรงนี้น่ะครับ

ครับเพราะมีเราเป็นเหตุไปจุดเทียนขึ้นมาใช่มั้ย???
ถ้าเราไม่ไปจุดเทียนขึ้นมาเทียนจะติดขึ้นมาเองได้มั้ยครับ???
คุณกำลังพูดสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว(มีเหตุสร้างผลแล้ว)
เมื่อเทียนติดไฟแล้ว คุณดับโดยเอามือไปดับที่ไส้เทียนนิ้วมือร้อนมั้ยครับ???

เรื่องบ้างที่เป็นเรื่องร้อนโดยที่มีเชื้อไฟยังอยู่บางครั้งต้องรอเวลาครับ
แต่ในกรณีนี้ที่ต้องการให้ดับโดยเร็วที่สุด ก็ควรที่เอาเทียนไปไว้ในที่อับอากาศเทียนก็จะค่อยๆมอดไปเองครับ

ไส้เทียนเป็นเหตุให้ไฟยังลุกต่อไปได้
ส่วนที่เทียนติดเพราะเหตุเราไปจุดมันใช่มั้ยครับ???(ละเหตุแห่งทุกข์)



ส่วนที่คุณพูดหนะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
คุณไม่รู้หรือครับว่า เปลวเทียนและความร้อนเป็นอัญญะมัญญะปัจัจยซึ่งกันและกัน ..ถูกต้องแล้วครับ ต่างกันโดยสิ้นเชิง
เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วหากรรมวิธีที่ถูกต้องในการดับครับ...ไม่เกี่ยวกับการละเลยนะครับ....ครับ ถือว่าผมเข้าใจ คำว่าละ ผิดไปเองครับตรงนี้ ต้องขออภัย...

ที่เหลือค่อยตอบวันรุ่งขึ้นนะครับ เพราะเพิ่งเห็นกระทู้ตกค้างครับ
ใกล้หมดเวลาแล้วครับ

ไปละ


;aa24

<!-- / message -->
</TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"></TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ที่ผมอยู่ที่ลมหายใจ เพราะใช้ทำความสงบของจิตเพื่อให้จิตได้พัก บางครั้งก็รู้ที่ลมหายใจบ้างนะครับ

 

*คุณวิฯครับ คุณเคยหัดท่องสูตรคูณมั้ยครับ??? เคยครับ
ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่เคยผ่านการฝึกหัดท่องมาแล้ว
เมื่อผ่านขั้นตอนการฝึกหัดมาแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการใช้
คุณจะใช้ก็ต่อเมื่อมีเหตุให้ใช้(เจตนา) ตอนนี้ไม่ใช้แล้วครับ ใช้เครื่องคิดเลขแทนครับ..
คุณคงไม่ท่องขึ้นโดยไม่มีเหตุอันควรใช่มั้ยครับ???
ใช่แล้วครับก็ต้องมีเหตุ

 

สมถะใช่ แต่วิปัสนาช่วงแรกๆการฝึก

 

*อ้าวก็เห็นคุณพูดว่าอะไรๆก็เกิดขึ้นเองได้เองโดยไม่ต้องเจตนานิครับ???....ผมพูดเหรอครับผมบอกเพียงแต่สัมมาสติ สัมมาสมาธิ หรือ วิปัสนา เป็นเองโดยไม่เจือเตนาบังคับ แต่ช่วงแรกๆฝึกจะต้องเจือด้วยเจตนา
ดีครับกราบขอขมาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์...อยู่เนืองๆ
เหมือนที่ผมทำวันละหลายครั้ง
เพราะท่านเหล่านั้นยังคงอยู่กับเราจนทุกวันนี้ครับ..
..ใช่แล้วครับ

 

*คุณวิฯครับ คุณกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่หรือเปล่าครับ
งั้นพวกโจรผู้ร้ายหรือมือปืนรับจ้างก็เป็นเช่นเดียวกับคุณน่ะสิ
เพราะในบางครั้งเมื่อสำนึกที่เคยถูกพ่อ-แม่หรือผู้หลักผู้ใหญ่
อบรมสั่งสอนไว้แต่เก่าก่อนผุดขึ้นมาโดยไม่มีเจตนาว่าการทำความชั่วไม่ดี.....ยังไงแน่ครับ การทำความชั่วไม่ดีก็ดีแล้วนี่ครับ
แสดงว่า พวกเค้าก็มีวิปัสสนาเกิดขึ้นโดยไม่เจือเจตนาบังคับสิ
....อย่างนี้ไม่เรียก วิปัสนานะครับ

ถามนะครับว่าทำไมพวกคนเหล่านั้นเมื่อมีวิปัสสนา(ปัญญา)เกิดขึ้น
ทำไมยังไม่เลิกทำชั่วอีกหละครับ???
....ก่อนจะฝึกวิปัสนาต้องผ่านการเรียนรู้ และประพฤติตาม มรรค 1-6 ให้เข้าใจก่อน ถึงจะเริ่มผึก วิปัสนาได้ครับ
ทุกครั้งที่ทำผิดกฎหมายแล้วโดนจับได้ก็จะพูดว่าไม่อยากทำเลยครับพี่น้อง...เพราะขาดการเรียนรู้ที่ถูกต้องนะครับ

 

คำว่า ปฎิบัติ ผมเข้าใจหมายถึง การทำให้รู้เฉพาะหน้า หรือขณะ นั้น อารมณ์นั้น

 

วิษณู12<O</O
(ก็มันออกไป.ก็รู้ออก)
*ถ้ามันออกไปก็ไม่ใช่สัมมาสติครับ ถ้าเป็นสัมมาสติต้องรู้ได้ก่อนที่มันจะออกไปครับ
................
<Oวิษณู12<O</O
(ก็มันออกไป.ก็รู้ออก) เห็น รู้ ก่อน พิมออกไหมครับ ผมพิมไว้

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ธรรมภูต<O</O
ประทับใจในสิ่งที่รู้ <O</O
วิษณู12<O</O
(ก็รู้ยินดี) </TD></TR></TBODY></TABLE>
*ก็ไม่ใช่สัมมาสตินิครับ
.............................(ก็รู้ยินดี) เห็นคำว่ารู้ ไหมครับ แล้วรู้ไหมครับ ว่าขณะนั้นเรายินดี เมื่อรู้ว่ายินดี แสดงว่ารู้ทันใช่ไหมครับ

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ธรรมภูต<O</O
แสดงว่าที่คุณพูดว่าสัมมาสติหนะยังไม่ใช่นะครับ
เป็นเพียงแค่สติธรรมดาทั่วๆไปที่ใครๆเค้าก็รู้และทำอยู่ครับ
วิษณู12<O</O
ผมก็ยังปุถุชน ไม่มีสัมมาสติ ตลอดเวลานี่ครับ
หรือว่าท่านธรรมภูติมีสัมมาสติตลอดเวลาครับ... </TD></TR></TBODY></TABLE>


*ท่านที่มีสัมมาสติตลอดเวลา จนกระทั่งเป็นสันตติ(ชาคโร) <O</O
มีเพียงพระอรหันต์ท่านั้นครับ..
....ถูกต้องแล้วครับ แต่ผมยังมีสัมมาสติเล็กน้อย อยู่เลยครับ
ยังมิมีสัมมาสติได้ตลอดเวลาครับ