จิตบังคับบัญชาได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้...จะอบรมจิตได้อย่างไร???

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 27 มกราคม 2009.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    ทุกข์เป็นผล เพราะละเหตุแห่งทุกข์ เมื่อละเหตุได้ทุกข์จึงดับ <O:p</O:p
    ที่ถูกต้องควรเป็นแบบนี้นะครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ที่คุณพูดว่าดับหนะ หมายถึงไม่เกิดอีกแล้วใช่มั้ยครับ???

    ;aa24<O:p</O:p
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    ถึงว่าสิครับคุณวิฯ ละกับดับต่างกันโดยสิ้นเชิงนะครับ
    เทียนที่ติดขึ้นมาได้นั้น เหตุเพราะเราไปจุดด้วยประกายไฟมันใช่มั้ยครับ???
    ถ้าเราละเหตุได้ เทียนก็ไม่ติดไฟใช่มั้ย???

    ส่วนที่คุณพูดหนะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
    คุณไม่รู้หรือครับว่า เปลวเทียนและความร้อนเป็นอัญญะมัญญะปัจัจยซึ่งกันและกัน
    เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วหากรรมวิธีที่ถูกต้องในการดับครับ...ไม่เกี่ยวกับการละเลยนะครับ....

    ;aa24
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    ทุกข์เป็นผล เพราะละเหตุแห่งทุกข์ เมื่อละเหตุได้ทุกข์จึงดับ <O:p</O:p
    ที่ถูกต้องควรเป็นแบบนี้นะครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ที่คุณพูดว่าดับหนะ หมายถึงไม่เกิดอีกแล้วใช่มั้ยครับ???<O:p</O:p

    ;aa24
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เรากำลังคุยเรื่องในโลก หรือเรื่องนอกโลกเหนือโลก???
    คุณว่านิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง มีในพุทธพจน์
    ผมถามว่า
     
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    เป็นไปได้หรือครับว่า เพียงแค่มีคนบอกว่าวิธีนี้เป็นการรู้ถูก เราเข้าใจเองว่าอย่างนั้น
    โดยไม่เคยสมาทานนำมาลงมือปฏิบัติก่อนเลย แล้วเพ้อฝันว่าที่รู้มานั้นถูกแล้ว
    ต่อเมื่อลงปฏิบัติจริงๆจังๆก่อนสิครับ สิ่งที่รู้มาอาจผิดก็ได้นะครับ

    ในมหาจัตตารีสักกสูตร พระองค์จึงได้ยกเอา
    สัมมาสมาธิเป็นประธาน โดยแวดล้อมด้วยมรรคอีก๗องค์
    และใน๗องค์นั้นทรงให้สัมมาทิฐิเป็นใหญ่เป็นประธานนะครับ

    ลงมือปฏิบัติสัมมาสมาธิให้รู้เห็นตามความเป็นจริงก่อนสิครับ
    คุณจึงจะรู้ว่าที่รู้มานั้นมันถูกต้องตามความเป็นจริงหรือมันผิดจากความเป็นจริง

    ยังไม่เคยปฏิบัติจริงๆจังๆ อย่าเดาสวดไปเลยนะครับ เป็นบาปโดยไม่ได้ตั้งใจครับ

    ;aa24
     
  6. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    คุณวิฯครับ คุณนี่ดื้อเอาเรื่องเลยนะครับ
    จิตทารกกับจิตผู้ใหญ่มันต่างกันตรงไหนครับ
    จิตคือธาตุรู้ จิตทารกก็รู้แบบทารก จิตผู้ใหญ่ก็รู้แบบผู้ใหญ่
    แบบที่คุณพูดมานี้ เค้าไม่เรียกว่าบังคับหรอกครับ
    ชาวบ้านเค้าเรียกกันว่า กลับกลาย ครับ ซึ่งมีแต่ในเทพนิยายเท่านั้น

    แสดงว่าคุณไม่เคยรู้เห็นตามความเป็นจริง(อริยสัจ ๔)เลยนะครับ
    ถึงได้มีคำถามที่ไม่น่าจะถามออกมาจากปากคนอย่างคุณได้
    ที่ถามผมว่า
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    คุณทำความดีโดยไม่ไปยึดถือมัน ก็ไม่เป็นการสะสมครับ
    ต่อเมื่อคุณยึดว่านั่นเป็นความดีของเรา แน่นอนครับ คุณเริ่มสะสมมันแล้วครับ
    เป็นการติดดีในดีครับ
    แต่ความดีที่ไม่ยึดถือนั้น ก็ไม่ได้สูญหายไปไหนครับ
    ยังถูกบันทึกไว้เพื่อส่งผลให้เราในภายภาคหน้าครับ


    ;aa24
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    คุณวิฯครับ
    คุณแยกไม่ออกจริงๆ หรือแกล้งเพื่อเอาชนะเท่านั้นครับ

    ความเป็นคนดี กับ ความที่มีจิตใจสงบตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ต่างกันนะครับ
    คนที่ชอบทำความดีจนเป็นนิสัย อาจจะมีจิตใจว้าวุ่นทั้งวันก็ได้ครับ
    ส่วนคนที่ได้ฝึกอบรมปฏิบัติ จนเป็นผู้มีจิตใจสงบตั้งมั่นแล้ว
    อาจเป็นคนเฉยๆในสายตาคนอื่นก็ได้นะครับ

    แน่นอนครับ คุณไม่เคยลงมือฝึกฝนปฏิบัติให้จิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหวได้อย่างรวดเร็ว
    เมื่อมีเหตุใกล้เกิดขึ้นมา คุณจะมีความเห็นชอบได้อย่างไรครับ???
    ที่คุณพูดกันมาๆหนะ เป็นการคิดเองครับ

    ;aa24
     
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เหนื่อยมั๊ย...[​IMG]
     
  10. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ถ้าสัมมาสติไม่เลือกฐาน??? ทำไมจึงมีพุทธพจน์กล่าวไว้ในมหาสติปัฏฐาน๔ว่า
    ส้มมาสติคือระลึกชอบ ระลึกในที่๔สถาน(กาย เวทนา จิต ธรรม)
    ฐานสัมมาสติ อยู่ที่จิต ตรงไหนชี้ด้วยครับ???
    ในเมื่อคุณมีความคิดเห็นว่าจิตเกิดดับ???

    ระลึกชอบ ผมเข้าใจว่า ระลึกเพื่อน้อมไปยังมรรคผลนิพพาน
    ผมเข้าใจสติ มี 3อย่าง
    1. สติที่ประกอบด้วยกุศล
    2. สติที่ประกอบด้วย อกุศล
    3. สติที่ประกอบด้วยปัญญา
    สติ ที่ 1 และ 2 โดยความเข้าใจ เมื่อยังไม่มีพระพุทธเจ้ามาสอน
    สติ ที่3 เข้าใจเมื่อมีพระพุทธเจ้ามาสอน
    สติ ที่ประกอบด้วยปัญญา จึงเป็นสติที่น้อมไปเพื่อมรรคผลนิพพาน

    ระลึกในที่๔สถาน(กาย เวทนา จิต ธรรม)..
    ก็ระลึกในที่ 4 สถาน
    ..กายในกาย ก็เป็นเครื่องทำให้เกิด สติ โดยจิต รับรู้
    ..เวทนาในเวทนา ก็เป็นเครื่องทำให้เกิด สติ โดยจิต รับรู้
    ..จิตในจิต ก็เป็นเครื่องทำให้เกิด โดย จิตรับรู้
    ..ธรรมในธรรม ก็เป็นเครื่องทำให้เกิด โดยจิตรับรู้
    สัมมาสติเกิด ไม่ได้เจาะจงว่าจะเกิดฐานนั้นฐานนี้ นอกจากเริ่มฝึกฝนใหม่ๆ ...
    ในที 4 ฐานนี้ ผมจึงได้เข้าใจว่าเป็นเครื่องทำให้เกิด ทุกฐาน จิตเป็นผู้รับรู้ รู้ก็รู้ที่จิต ผมจึงเข้าใจว่าฐานอยู่ในจิต

    ในเมื่อคุณมีความคิดเห็นว่าจิตเกิดดับ???...
    ..หากอารมณ์ในจิต เรียกเป็นจิตอย่างหนึ่ง ทำให้ผมเข้าใจว่ามันเกิดดับ
     
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    กรรมฐาน ฐานที่ตั้งแห่งการงานทางจิต ใช่ครับทำให้จิตสงบตั้งหมั่น <O:p</O:p
    แต่ไม่ใช่เพียงได้กินข้าวนะครับ จะได้กินข้าวเป็น ไม่หลงไปกับรสชาตินะครับ.....ครับ ใช่ครับ หากหลงก็รู้หลง
     
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    คุณคิดเองใช่มั้ยครับ ไม่ใช่ผมไม่เข้าใจนะครับ
    เพราะสัมมาสติหรือสติระลึกชอบ จะเกิดขึ้นเองไม่ได้หรอกครับ??? เข้าใจเสียใหม่นะครับ การระลึกทุกครั้งต้องมีเจตนาจึงเกิดการระลึกขึ้นนะครับ
    ถ้าขาดซึ่งเจตนาแล้วคุณจะไประลึกเพื่ออะไร???

    ครับ แรกๆของการฝึก จะเจือด้วยเจตนา ต่อไปจะเป็นไปเอง แบบไม่เจือเจตนา
    ...เหมือนเรา หัด เขียนหนังสือ แรกๆ ใช้คำว่าหัดเขียน พอเขียนได้ คำว่าหัดเขียนจึงไม่มี
     
  14. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ขออนุญาตปาดดดด...
    จิตปุถุชน คุ้นเคยกับการยึดถืออารมณ์ (...สัญญาฝ่ายยึด...)
    ก็เลยต้องฝึกปฏิบัติตามเสด็จ
    มีเจตนาในการปล่อยวางอารมณ์ (...สัญญาฝ่ายปล่อย...)

    สัญญา ๑๐
    (smile)
     
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    คุณเคยสมาทานแล้วหรือครับ??? ถึงได้กล้าฟันธงว่าเป็นเพียงสมถะ
    ... (หากการจดจ่อที่เจือด้วยเจตนาบังคับไว้ผมก็ว่าเป็นสมถะ)
    แม้จอมศาสดายังกล่าวว่าเป็นสัมมาสมาธิ
    ....(ก็สัมมาสมาธิ ก็คือการจดจ่อของสัมมาสติที่เป็นเองโดยไม่เจือด้วยเจตนาบังคับไว้)
    อย่าลืมนะครับว่า สมถะและวิปัสสนาเป็นของคู่กันขาดอันใดอันหนึ่งไม่ได้นะครับ
    สมาธิ ผมก็เข้าใจว่ามี 3อย่าง
    1.สมาธิที่ประกอบด้วยกุศล(สมถะ)
    2.สมาธิที่ประกอบด้วยอกุศล
    3.สมาธิที่ประกอบด้วยปัญญา (สัมมาสติที่ตั้งมั่น)
    ...อาศัยศีลเป็นเกราะป้องกัน
    ...อาศัยสมาธิที่ประกอบด้วยกุศลเป็นเสบียง(สมถะ)
    ...อาศัยสัมมาสติเป็นทหาร
    ...อาศัยสัมมาสมาธิเป็นกองทัพ
    แสดงว่าที่คุณรู้มาเก่งยิ่งกว่าจอมศาสดาอีกนะครับ
    เพราะอยู่ๆสัมมาสติก็เกิดขึ้นเอง
    ... ผมก็พยายามชี้ด้วยว่า ต้องอาศัยการฝึกฝนก่อน ไม่ได้ว่าอยู่ๆเกิดขึ้นเอง ผมมิบังอาจ เก่งเหนือจอมศาสดาหรอกครับ หากท่านธรรมภูมิคิดเช่นนั้น ผมก็กราบขอขมาครับ
    พอเกิดขึ้นเองแล้ว ก็กลายเป็นวิปัสสนาปัญญาไปเลย
    อะไรมันจะง่ายปานนั้นครับ
    ...ใช่แล้วครับ วิปัสนาเกิดขึ้นด้วยไม่เจือเจตนา
    สมมุติว่า ผมนั่งดูละคร แล้วตอนนั้น ละครมันเศร้าอยู่ จิตใจผมก้เกิดอารมณ์เศร้าไปด้วย ในขณะนั้น ผมระลึกรู้ว่าผมเศร้าในขนะจิตนั้นทันที ก็แสดงว่า สัมมาสติเกิดแล้ว จึงเรียกได้ว่า
    วิปัสนาเกิดขึ้นแล้ว การปฎิบัติ จบลงแล้วไป 1ขณะจิต
    จึงต้องอาศัย การอบรม ความเพียร ให้เกิด สัมมาสติบ่อยๆ
    เมื่อเกิดสัมมาสติบ่อยขึ้น ถี่ขึ้น แบบเกิดขึ้นเองโดยไม่เจือเจตนาบังคับ สัมมาสติก็จะตั้งมั่น เพราะเกิดถี่ขึ้น
    กลายเป็นสัมมาสมาธิ...
    ถ้าเป็นอย่างคุณว่าคงมีพระอริยเจ้าไปครึ่งโลกแล้วครับ???
    ...เพราะ ส่วนใหญ่เข้าใจคำว่า ปฏิบัติ ผิดไป
     
  16. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    มีเจตนาในการปล่อยวางอารมณ์.....[​IMG]
    ...ยังเป็นการตั่งท่าหรือเปล่าครับ
     
  17. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ผมคิดแทนคุณไม่ได้หรอกครับ แต่คุณเล่นคิดเองเออเองแบบนี้
    สัมมาสติในองค์มรรคของจอมศาสดาก็เสียหายหมดสิครับ
    มีที่ไหนครับ??? เมื่อเรามีสัมมาสติแล้ว
    ยังจะปล่อยจิตปล่อยใจให้แว๊บออกไป(ก็มันออกไป.ก็รู้ออก)ประทับใจในสิ่งที่รู้ (ก็รู้ยินดี)
    แสดงว่าที่คุณพูดว่าสัมมาสติหนะยังไม่ใช่นะครับ
    เป็นเพียงแค่สติธรรมดาทั่วๆไปที่ใครๆเค้าก็รู้และทำอยู่ครับ

    ผมก็ยังปุถุชน ไม่มีสัมมาสติ ตลอดเวลานี่ครับ
    หรือว่าท่านธรรมภูติมีสัมมาสติตลอดเวลาครับ...
     
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    รู้กับชำเลืองต่างกันนะครับ
    คุณเพียงคิดว่าเข้าใจอย่างนั้น
    แต่สภาวะธรรมที่เกิดขึ้นรู้โดยไม่ต้องคิดนะครับ
    ใช่ครับ เขียนต่างกันแต่ผมพยายามสื่อให้เข้าใจถึง รู้ น่ะครับ ว่าจะอธิบายอบ่างไรจึงได้อธิบายไป
     
  19. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    เจตนา ก็คือ สังขารขันธ์.....[​IMG]
     
  20. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ต่างกันนะครับ ของขวัญเราจงใจนำเข้าไปไว้ในหีบห่อนะครับ
    เราจะให้ของใคร ไม่จำเป็นต้องมีหีบห่อก็ได้ใช่มั้ยครับ???
    ใช่แล้วครับ...ที่ผมยกมาเพื่อต้องการอุปมาน่ะครับ ว่าจะสลัดจิต ก็ต้องรู้ นิสัยจิตก่อน ..
    คนจะแต่งงานอยู่ด้วยกันต้องทำความรู้จักนิสัยกันก่อน...

    ส่วนจิตนั้น มันต่างออกไปครับ เพราะถูกอวิชชาครอบงำ
    จึงชอบที่จะออกไปรับเอากิเลสเข้ามาห่อหุ้มตัวเองอยู่ตลอดเวลาครับ...ใช่แล้วครับ
    จนกระทั่งมองไม่เห็นความประภัสสรแต่เดิมที่มีอยู่ครับ

    ความประภัสสรแต่เดิมนี่เป็นอย่างไรเหรอครับ..

    กริยาการแกะกับกริยาการสลัดแตกต่างกันนะครับ
    ...ผมเพียง อุปมาน่ะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...