จิตบังคับบัญชาได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้...จะอบรมจิตได้อย่างไร???

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 27 มกราคม 2009.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    คุณวิฯครับ ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น(กิเลสเท่านั้นที่เกิดขึ้น) กิเลสเป็นทุกข์มั้ยครับ??? (ถ้าว่าตามหัวข้อ...กิเลสกับทุกข์ แยกกันโดยสิ้นเชิง อริยสัจ 4 แยกออก ชัดเจนคนละข้อ ทุก สมุทัย(กิเลส) นิโรธ มรรค...ตัวกิเลสไม่เป็นทุกข์ แต่เป็นเหตุให้เป็นทุกข์ ...ถ้าแยกเป็นตัวๆ
    .....ตัวราคะมันได้รับความลำบากไหมครับ
    .....ตัวโลภะมันได้รับความลำบากไหมครับ
    .....ตัวโทษะมันได้รับความลำบากไหมครับ
    ทุกข์ เป็นอริยสัจอย่างนึง
    กิเลส(สมุทัย)เป็นอริยสัจอย่างนึง
    จึงเป็น คนละอย่าง )

    ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป(ทุกข์นั้นเป็นผล แต่ที่ดับนั้นเป็นเหตุ เมื่อเหตุดับ จึงไม่มีทุกข์ดับ) เหตุมีไว้ให้ละนะครับ ไม่ใช่มีไว้ให้ดับ เมื่อละเหตุได้ทุกข์ก็ดับครับ
    .......ละกับดับ มันต่างกันไหม เทียนที่จุดขึ้น ท่านละเทียนได้ไหม ให้มันไม่มีไฟร้อน เทียน ที่จุดมีไฟมันร้อน ท่านไปดับที่ผล คือ ความร้อนของเปลวเทียน มันก็ไม่ดับ แต่ถ้าท่านดับที่ไส้เทียน เปลวไฟจึงดับ ความร้อนจึงดับ แล้วใช้คำว่า ละเทียน แทนคำว่าดับได้ไหมครับ??

    ส่วนสุขนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อทุกข์ดับไป(สุขเกิดเมื่อเหตุแห่งทุกข์ ดับ )เมื่อละเหตุแห่งทุกข์ได้ ทุกข์จึงดับ เมื่อทุกข์ดับสิ่งที่ตามมาน่าจะเป็นสุขครับ
    ...... เมื่อดับเหตุได้ ทุกข์จึงไม่เกิด จึงเรียกว่าทุกข์ก็ดับ สุขจึงตามมา

    ถ้าเรา(จิต)ยึดสุขอย่างเดียวก็กลับกลายเป็นทุกข์ได้อีกเช่นกัน
    ฉะนั้นสุข-ทุกข์ขึ้นอยู่กับว่าจิตถูกอบรมมาให้ยึดอารมณ์เหล่านั้น(รู้ผิด) (สุขที่ท่านเข้าใจ และทุกข์นี้ ความหมายเดียวกัน เพราะเป็นทุกข์ล้วนๆ นอกจากนิพพานเรียกว่าสุขยิ่ง) ใช่ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้นทุกข์เท่านั้ที่ดับไป ทุกข์ล้วนๆมั้ยครับ???
    ..... เหตุเท่านั้นที่เกิดขึ้น เหตุเท่านั้นที่ดับไป สุขและทุกข์ ที่ผมอธิบาย จึงมีความหมายเดียวกัน นอกจากนิพพานเท่านั้น....เหตุที่ทำให้เกิด ผลคือเป็นทุกข์ล้วนๆ นอกจากนิพพาน

    หรือจิตถูกอบรมมาให้ปล่อยวางอารมณ์เหล่านั้น(รู้ถูก)นะครับ
    (จะรู้ถูก หรือรู้ผิด อยู่ที่กระบวนการอบรมน่ะครับว่าถูกต้องไหม)
    รู้ถูกคือรู้อริยสัจจ๔ตามความเป็นจริงนะครับ อันนั้นมันเป็นการเข้าใจถูกหรือเข้าใจผิดครับ(ขึ้นกับการอบรม)
    ..... การจะรู้อริยสัจ 4 ต้องเข้าใจวิธีการที่รู้ถูกก่อน หากไม่เข้าใจวิธีการที่รู้ถูกก่อน ก็จะไม่รู้อริยสัจ 4

    คุณวิฯครับ ถ้าคุณเข้าใจว่าบังคับไม่ได้
    นั่นต้องหมายถึงว่าแม้แต่ชั่วขณะหนึ่งก็ยังไม่ได้นะครับ (ถ้าอย่างนั้นผมคงเข้าใจไม่ตรงกับท่านธรรมภูต) แล้วท่านธรรมภูตว่าบังคับได้ไหม ??
    ถ้าจิตบังคับไมได้ คุกมีเท่าไหร่ก็ไม่พอขังคนที่ไม่บังคับจิตใจตนเองครับ???
    .....ถ้าอย่างนั้นท่านธรรมภูตว่าบังคับได้ใช่ไหมครับ
    ถ้าอย่างนั้นท่านธรรมภูต คงบังคับให้จิตจาก จิตทารกเป็นจิตผุ้ใหญ่ได้ในขณะนั้น นั่นหากว่าแม้ขณะหนึ่งก็บังคับได้....

    ส่วนที่ว่าบังคับได้ชั่วครั้งชั่วคราวนั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกอบรมครับ
    ผุ้ที่ฝึกอบรมมาดีพอควรแล้ว
    ย่อมต้องควบคุมบังคับจิต(ใช้สอยจิต)ให้ทำแต่สิ่งดีๆได้
    นานเท่าที่พลังความสามารถของผู้นั้นนะครับ (ฉนั้นก็เป็นการสะสมดีใช่ไหมครับ??)แต่จอมศาสดาสอนว่า ธรรมใดเป็นเหตุให้สะสม ไม่ใช่คำสอนของจอมศาสดา ...
    การสะสมเป็นการติดดีในดี แต่การอบรมจิตให้ปล่อยวางเป็นการฝึกให้สลัดความยึดถือออกไปไม่สะสมนะครับ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับครับ
    ......ข้อนี้ผมก็เห็นด้วยครับ.....แต่ท่านธรรมภูตว่าให้ทำแต่สิ่งดีๆได้นานเท่าที่พลังความสามารถของผู้นั้น ผมเลยคิดว่า ท่านให้สะสมดี

    ในเรื่องบางเรื่องคุณไม่สามารถบังคับจิตใจได้เลยต้องถูกสิ่งเหล่านั้นดึงดูดเข้าไปหา
    แต่ในบางคนนั้นเค้ามีสามารถในการสลัดได้ในทันทีทันใด
    หรืออาจต้องใช้เวลาบ้างเท่านั้นครับ

    ที่เราเพียรฝึกจิตกันอยู่ทุกวันนี้
    ก็เพื่อให้จิตมีพลังความ(บังคับ)สามารถในการทำความดี(เมื่ออยู่ในความดี ก็จะตรงกับมรรค องค์ที่ 1) มรรคองค์ที่๑จะเกิดขึ้นได้ยังไงถ้าไม่ฝึกฝนอบรมให้จิตรู้จักความสงบ...
    ....ชาวนาจิตใจดีงามต้องไปนั่งทำสมาธิให้รู้จักความสงบก่อนเหรอครับ ถึงจะรู้จักมรรคองค์ที่ 1
    การตั้งตนอยู่ในความดี เรียกได้ว่า มีมรรค องค์ที่ 1.
    แล้ว ผู้ที่เป็นคนมีจตใจดี อยู่ในตัวอยู่แล้ว ต้องไปทำความสงบก่อนเหรอครับ ถึงจะรู้จักมรรคองค์ที่ 1
    จนกระทั่งเป็นหน้าที่โดยไม่ต้องบังคับอีกนะครับ....
    (ถ้ามีเวลาช่วยอ่านที่ผมตอบคุณนิวรณ์และคุณขันธ์ด้วยนครับ)
    ขอบคุณครับ

    ไปละหมดเวลา
    ขอบคุณนะครับ....
     
  2. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ขออนุญาตนะคะ ระหว่างรอคุณธรรมภูตมาตอบคุณวิษณุ12
    ขอคัดลอกบทความบางตอนของหลวงปู่เปรม เปมงฺกโร ที่กล่าวถึงอริยสัจ ๔
    มาเสนอให้อ่านเป็นธรรมทัศน์

    (smile)
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ได้เลยครับ นำมาเลยครับ
     
  4. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ฯลฯ
    ทุกข์ หรือ โลก ก็คือ สังขาร นั้นเอง จะเรียกว่า อารมณ์ อีกก็ได้ เป็นตัวทุกข์
    สิ่งที่เกิดแต่เหตุปัจจัย เกิดแล้วเสื่อมดับไป สิ่งนั้นเรียกว่า สังขาร
    ทุกข์ก็อันนั้น โลกก็อันนั้น อารมณ์ก็อันนั้น

    ทุกข์เป็นภาษามคธ แต่ไทยใช้ ขมฺธาตุ แปลว่า ทนหรือเข้มแข็ง
    ทุ นิบาต เบียนธาตุ เป็นตัวชั่วร้าย ประกอบกันเข้าเป็น ทุกขํ

    ทุกข์ กลายเป็นไม่ทน ไม่ถาวร ต้องแตกสลายดับไปหมดในที่สุด
    คือ พวกสังขาร หรือ สังขตธรรมที่เหตุปัจจัยปรุงสร้างขึ้น ดังว่ามาแล้ว

    ทุกข์ ในทุกขอริยสัจจ์นี้ แจกจัดไว้ ๒ ประการคือ
    ทุกข์ภายใน ได้แก่ ทุกข์จิตใจ ๑
    ทุกข์ภายนอก คือทุกข์ของสังขารหรืออารมณ์เรียกว่าสภาวทุกข์
    คือ ทุกข์ตามสภาวะ เป็นไปตามเหตุปัจจัยที่ปรุงขึ้น ใครๆแก้ไขได้ยาก
    จะแก้ก็ต้องแก้ที่ตัวเหตุ สรุปเรียกสั้นๆว่า ทุกข์กาย ๑

    ทุกข์กายเป็นคู่กับทุกข์ใจ
    ทุกข์กายคือความเจ็บปวด ตามร่างกายอันเกิดจากโรคภัยต่างๆและความแก่เจ็บตายด้วย
    ประกาศความไม่ถาวร เป็นทุกข์ตามสภาวะ เรียกว่า ทุกข์กาย

    ส่วนความร้อนใจ เจ็บใจ กลุ้มใจ โศกเศร้า รันทดถอนนั้น รวมเรียกว่าทุกข์ใจ
    เป็นทุกข์ภายในเกิดจากกิเลส
    มีกิเลสเป็นเหตุ เป็นสมุทัยโดยตรง คือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน

    เห็นจะตรงกับคำนี้คือ
    ร้อนอะไร ในมนุษย์ ที่จุดจบ
    ไม่ร้อนลบ แรงราด ซ้ำซากเผา
    เพลิงตัณหา ราคา มิซาเซา
    ร้อนรุมเร่า ลุกลน ไปจนตาย
    อันร้อนกาย ไข้หนัก พอรักษา
    ใช้หยูกยา ถูกตรง ก็คงหาย
    แต่ร้อนจิต ติดแน่น สุดแคลนคลาย
    เป็นโรคร้าย เรื้อรัง ไม่ฟังยา ดังนี้

    (มีต่อ)
     
  5. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    (ต่อ)
    พระอรหันต์ เช่น องค์พระพุทธเจ้า เป็นต้น ที่สิ้นกิเลส จิตใจบริสุทธิ์แล้ว
    ทุกข์ใจอันมีอาการต่าง ๆ ดังกล่าวมานั้นไม่มีแล้ว
    จิตของท่านเป็นนิพพาน สุขอยู่ทุกเมื่อ
    มีแต่ทุกข์กาย ซึ่งเป็นไปตามสภาวะ ต้องแก้ด้วยหยูกยา แก้ตกไม่ตกก็ตามเรื่อง

    แต่ ทุกข์ ใน ทุกขอริยสัจจ์นี้
    พระพุทธองค์ตรัสคละกันไปทั้งทุกข์กายและ ทุกข์ใจ
    เพราะเมื่อว่าโดยปริยายแล้ว
    ทุกข์กายก็รวมอยู่ในพวก ผลของสมุทัย คือกิเลสเป็นเหตุให้เกิดหมด
    ดังพระพุทธภาษิตว่า ตณฺหา สมฺภูโต อยํ กาโย กายนี้เกิดจากตัณหา ดังนี้

    ตามพระพุทธภาษิตที่ตรัสในนิทเทศแห่งทุกขสัจจ์นี้ว่า
    เกิดเป็นทุกข์ แก่เป็นทุกข์ ตายเป็นทุกข์
    โสกะ โศก ปริเทวะ รำพันเพ้อ ทุกข์ ไม่สบายใจ โทมนัส เสียใจ
    อุปายาส คับแค้นใจ เหล่านี้แต่ละอย่างเป็นทุกข์ทั้งนั้น
    อยู่รวมด้วยสิ่งไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์
    พลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักก็เป็นทุกข์
    ปรารถนาสิ่งใดสิ่งนั้นไม่สมหวังก็เป็นทุกข์
    เมื่อจะย่อลงกล่าวแล้วก็
    ปัญจุปาทานักขันธ์ ขันธ์ ๕ ที่ยึดถืออยู่นั้นเป็นตัวทุกข์ ดั่งนี้

    (มีต่อ)
     
  6. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    (ต่อ)
    ฯลฯ
    ในที่สุด พระองค์ตรัสทุกข์สรุปความลงเป็น ขันธ์ ๕ คือ ตัวทุกข์

    ผู้ยึดขันธ์ ๕ คือ จิต เป็นตัวสุข ไม่แก่ เจ็บตาย
    แต่เพราะกิเลสคืออวิชชา-โง่ ตัณหา-ต้องการ อุปาทาน-ยึดถือ
    เอาตัวทุกข์ ตัวเกิด แก่ เจ็บ ตาย เข้าไว้นั้นปิดบังตนเอง

    เลยเห็นผิดว่าตนเป็นทุกข์ ตัวเกิด แก่ เจ็บ ตาย ตามอารมณ์ที่ยึดถือ
    เกิดหลงตัวเอง ฯลฯ

    ค้ดลอกบางส่วนจากหนังสือธรรมประทีป หลวงปู่เปรม เปมงฺกโร
    (smile)



     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  9. radian235

    radian235 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +17
    ถ้าจะบังคับ แสดงว่าต้องการเปลี่ยนแปลงจากสภาพเดิมทนในสภาพเดิมไม่ได้ ก็สนับสนุนทุกข์อีก
    ถ้าเข้าใจว่าสภาพเดิมเปลี่ยนแปลงได้จากการบังคับ และมันก็เปลี่ยนได้จริง ก็สนับสนุนอนิจจังอีก
    งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
    -------------------------------------------------------------------------------
    ชอบจังทู้นี้ ดัน...........................
     
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณเทพแปลงร่างครับ
    ที่คุณพูดมาหนะ คุณเองเจริญไปได้ถึงไหนแล้วครับ
    ในเมื่อคุณวิษณุ12 พูดไว้เสมอๆว่า
    ให้ดับเหตุซะ โดยการเน้นย้ำว่าให้ดับเหตุๆๆๆ


    คุณเทพแปลงร่างครับ
    แล้วที่คุณพูดมาทั้งหมดหนะ มันเกิดมาแต่เหตุทั้งนั้นนิครับ ขัดกันมั๊ยครับ???
    ส่วนของผมนั้นให้ละเหตุแห่งทุกข์เท่านั้น
    ฉะนั้น เหตุแห่งความเป็นอรหันต์ ยังมีอยู่นะครับ


    ;aa24
     
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณเทพแปลงร่างครับ
    จะเหตุใกล้ให้เกิด หรือเหตุไกลให้เกิด
    ก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละครับ
    ต้องหมั่นฝึกฝนอบรมปฏิบัติบังคับให้จิตสงบตั้งมั่นได้อย่างรวดเร็วให้ได้ก่อนนะครับ
    จนกระทั่งเป็นนิสัยถาวรครับ เพียงแค่นึกน้อมเท่านั้น จิตก็ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวได้แล้วครับ
    (ว่างๆจะเล่าเรื่องครูบาอาจารย์ที่ท่านทำได้แล้วให้ฟังครับ)


    ;aa24
     
  12. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    ถ้าสัมมาสติไม่เลือกฐาน??? ทำไมจึงมีพุทธพจน์กล่าวไว้ในมหาสติปัฏฐาน๔ว่า
    ส้มมาสติคือระลึกชอบ ระลึกในที่๔สถาน(กาย เวทนา จิต ธรรม)
    ฐานสัมมาสติ อยู่ที่จิต ตรงไหนชี้ด้วยครับ???
    ในเมื่อคุณมีความคิดเห็นว่าจิตเกิดดับ???

    ;aa24
     
  13. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    แสดงว่าคุณอยู่ที่ลมหายใจ รู้บ้างไม่รู้บ้างใช่มั้ยครับ???

    ;aa24
     
  14. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    กรรมฐาน ฐานที่ตั้งแห่งการงานทางจิต ใช่ครับทำให้จิตสงบตั้งหมั่น <O:p</O:p
    แต่ไม่ใช่เพียงได้กินข้าวนะครับ จะได้กินข้าวเป็น ไม่หลงไปกับรสชาตินะครับ

    ;aa24
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    คุณคิดเองใช่มั้ยครับ ไม่ใช่ผมไม่เข้าใจนะครับ
    เพราะสัมมาสติหรือสติระลึกชอบ จะเกิดขึ้นเองไม่ได้หรอกครับ???
    เข้าใจเสียใหม่นะครับ การระลึกทุกครั้งต้องมีเจตนาจึงเกิดการระลึกขึ้นนะครับ
    ถ้าขาดซึ่งเจตนาแล้วคุณจะไประลึกเพื่ออะไร???

    ;aa24
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    คุณเคยสมาทานแล้วหรือครับ??? ถึงได้กล้าฟันธงว่าเป็นเพียงสมถะ
    แม้จอมศาสดายังกล่าวว่าเป็นสัมมาสมาธิ
    อย่าลืมนะครับว่า สมถะและวิปัสสนาเป็นของคู่กันขาดอันใดอันหนึ่งไม่ได้นะครับ
    แสดงว่าที่คุณรู้มาเก่งยิ่งกว่าจอมศาสดาอีกนะครับ
    เพราะอยู่ๆสัมมาสติก็เกิดขึ้นเอง
    พอเกิดขึ้นเองแล้ว ก็กลายเป็นวิปัสสนาปัญญาไปเลย
    อะไรมันจะง่ายปานนั้นครับ

    ถ้าเป็นอย่างคุณว่าคงมีพระอริยเจ้าไปครึ่งโลกแล้วครับ???

    ;aa24
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    ผมคิดแทนคุณไม่ได้หรอกครับ แต่คุณเล่นคิดเองเออเองแบบนี้
    สัมมาสติในองค์มรรคของจอมศาสดาก็เสียหายหมดสิครับ
    มีที่ไหนครับ??? เมื่อเรามีสัมมาสติแล้ว
    ยังจะปล่อยจิตปล่อยใจให้แว๊บออกไปประทับใจในสิ่งที่รู้
    แสดงว่าที่คุณพูดว่าสัมมาสติหนะยังไม่ใช่นะครับ
    เป็นเพียงแค่สติธรรมดาทั่วๆไปที่ใครๆเค้าก็รู้และทำอยู่ครับ

    ;aa24
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    รู้กับชำเลืองต่างกันนะครับ
    คุณเพียงคิดว่าเข้าใจอย่างนั้น
    แต่สภาวะธรรมที่เกิดขึ้นรู้โดยไม่ต้องคิดนะครับ

    ;aa24
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    ต่างกันนะครับ ของขวัญเราจงใจนำเข้าไปไว้ในหีบห่อนะครับ
    เราจะให้ของใคร ไม่จำเป็นต้องมีหีบห่อก็ได้ใช่มั้ยครับ???

    ส่วนจิตนั้น มันต่างออกไปครับ เพราะถูกอวิชชาครอบงำ
    จึงชอบที่จะออกไปรับเอากิเลสเข้ามาห่อหุ้มตัวเองอยู่ตลอดเวลาครับ
    จนกระทั่งมองไม่เห็นความประภัสสรแต่เดิมที่มีอยู่ครับ

    กริยาการแกะกับกริยาการสลัดแตกต่างกันนะครับ

    ;aa24
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    ตัวกิเลสไม่เป็นทุกข์ แต่เป็นเหตุให้เป็นทุกข์
     

แชร์หน้านี้

Loading...