พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    หมดอีกแล้วครับท่านปาทาน รูปก็ไม่ลง รายละเอียดก็ไม่มี พิมพ์ก็เลือกไม่ได้ ถ้าไม่ใช่งานบุญนี่คงงงนะครับ หุ หุ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  4. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    เรียน ท่านกวงผู้ใจดีมากๆ ครับ
    ขอร่วมบุญ 300 บาท ครับ โอนแล้วจะโพสแจ้ง ครับ
    โมทนาบุญกับทุกท่าน ครับ
     
  5. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    หมดเร็วเสียด้วยสิครับ แถมยังมีท่านที่พลาดอีกต่างหาก เป็นอะไรที่คนไม่รู้ก็คงไม่เข้าใจ
    น่าจะมึนไปตามๆกันล่ะครับ งานนี้เป็นเครื่องยืนยันอีกอย่างว่ากระทู้นี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ท่านอาจารย์ประถม ขอผมไป 1 องค์ และพี่ใหญ่ขอผมไป 1 องค์

    สวยป่าวครับ แรงป่าวครับ ดีป่าวครับคุณnongnooo

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หมอตาเตือนดูสุริยุปราคาจ้องนานอาจตาบอดได้
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000008488
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 มกราคม 2552 15:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หมอตาแนะดูสุริยุปราคาควรดูช่วงแสงจ้าน้อยที่สุดครั้งละ 10 วินาที ช่วงที่เงามืดคลายออกห้ามดูโดยเด็ดขาดอาจทำให้จอประสาทตาเสื่อมจนถึงตาบอด ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ดูควรใช้ฟิล์มพิเศษห้ามใช้แว่นตากันแดด กล้องส่องทางไกล

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า แนะนำวิธีการชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาที่จะเกิดขึ้นวันที่ 26 มกราคม และ 22 กรกฎาคมนี้ ว่า ผู้ชมต้องระมัดระวังอันตรายจากแสงของดวงอาทิตย์ที่มีความร้อนสูงและมีรังสีอัลตราไวโอเลต สามารถทำลายเซลล์ในจอประสาทตาบริเวณจุดรับภาพได้ ดังนั้น จึงควรดูเฉพาะช่วงที่แสงจ้าน้อยที่สุด ใช้เวลาดูครั้งละไม่เกิน 10 วินาที และไม่ควรดูขณะเงามืดคลายออก ไม่เช่นนั้นอาจทำให้จอประสาทตาเสื่อม มีอาการตาพร่ามัว เห็นภาพบิดเบี้ยว มองเห็นจุดดำกลางภาพ สู้แสงไม่ได้ ปวดศีรษะบริเวณหว่างคิ้วหรือหลังลูกตา ซึ่งจะมีอาการหลังดู 1 ชั่วโมง และจะดีขึ้นภายใน 1 เดือน หรืออาจนานถึงครึ่งปี ในระยะยาวจอประสาทตาอาจเสื่อมไวกว่าปกติ หรืออาจถึงขั้นตาบอดได้ ผู้ที่มีโรคสายตา เช่น ต้อกระจก ตาแห้ง เยื่อบุตาอักเสบเรื้อรัง ห้ามดูเด็ดขาด แม้จะใช้อุปกรณ์มาตรฐาน เพราะจะทำให้โรครุนแรงขึ้น

    ทั้งนี้ การชมให้มองผ่านแผ่นฟิล์มพิเศษที่ใช้ในการมองดวงอาทิตย์โดยเฉพาะ การดูผ่านฟิล์มเอ็กซเรย์ ฟิล์มขาวดำ หรือกระจกรมควัน ควรเพิ่มเป็น 2 ชั้น เพื่อกรองแสงให้มากที่สุด ไม่ควรใช้แว่นกันแดด เพราะเข้มไม่พอ และห้ามใช้กล้องส่องทางไกลเพราะเป็นการรวมแสงเข้าสู่ตาโดยตรง หากมีอาการผิดปกติขอให้รีบพบแพทย์ทันที
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  9. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  11. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ทราบครับ หุ หุ แต่สวยอ่ะครับ..
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  14. bcbig_beam

    bcbig_beam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +3,246
    สวัสดีปีใหม่
    และขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยทุกประการครับ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    มงคลธาตุไฟ โชคลาภ"ตรุษจีน"

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBd09TMHdNUzB5TlE9PQ==

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>"ตรุษจีน" ประเพณีกราบไหว้เทพเจ้า และบรรพบุรุษ เป็นประเพณีเก่าแก่อันยิ่งใหญ่ของชาวจีน สืบทอดกันมาหลายพันปี ในปีนี้ตรงกับวันที่ 26 มกราคม

    ไม่เฉพาะแค่ในเมืองจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ที่จะเฉลิมฉลองกันในวันสำคัญนี้ แต่คนจีนกระจายอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก ในประเทศไทยส่วนใหญ่ก็ล้วนมีเชื้อสายจีนกันทั้งนั้น

    ดังนั้นในวันตรุษจีนนี้แทบทุกมุมโลกต่างเซ่นไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล และเฉลิมฉลองกันไปทั่ว

    อาจารยวิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมและประเพณีของจีน ได้อธิบายถึงธรรมเนียมการไหว้เจ้าช่วงตรุษจีนในประเทศไทยว่า หลักๆ แล้วมีด้วยกัน 3 วัน คือ "วันจ่าย" หรือ "วันก่อนสิ้นปี" ซึ่งผู้คนจะออกไปซื้ออาหาร ผลไม้และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ

    ต่อมาเป็น "วันไหว้" หรือ "วันสิ้นปี" ตอนเช้ามืดจะไหว้เทพเจ้าต่างๆ ตอนสายไหว้บรรพบุรุษที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว ตอนบ่ายไหว้ผีที่ล่วงลับไปแล้ว
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    พอรุ่งเช้าของวันขึ้นปีใหม่ หรือ "วันเที่ยว" จะมีการไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือ "ไฉ่ซิงเอี้ย" โดยอาจารย์วิโรจน์บอกว่า ฤกษ์งามยามดีในปีพ.ศ.2552 นี้ตรงกับเวลาประมาณ 03.00-04.59 น. ของวันที่ 26 มกราคม อันเป็นช่วงเวลาแห่งขุมทรัพย์ตกบัลลังก์ทอง ทำมาหากินรุ่งเรือง ได้โชคลาภมากมาย

    [​IMG]

    โดยให้ตั้งโต๊ะบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก จากนั้นลูกหลานก็จะออกไปไหว้ขอพรจากญาติผู้ใหญ่ และบุคคลที่เคารพด้วยส้มสีทองจำนวน 4 ผล อีกทั้งยังกำหนดให้เป็น "วันถือ" กล่าวคือ ชาวจีนถือว่าปีใหม่เป็นวันสิริมงคล ให้คิดดี พูดดี ทำแต่สิ่งดีๆ ละเว้นจากการทำบาปทั้งปวงนั่นเอง

    สัญลักษณ์โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของวันไหว้เจ้า คือเรื่องของ "สีแดง" ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องใช้ เครื่องประดับ กระดาษเขียนอักษรมงคล เทียน ซองอั่งเปา หรือแม้แต่ของเซ่นไหว้ ก็ยังนำกระดาษสีแดงมาแปะไว้ เพราะชาวจีนเชื่อว่าสีแดงเป็นสีแห่งมงคล เป็นตัวแทนของธาตุไฟที่ให้กำเนิดชีวิต หมายถึงแสงสว่าง ความอบอุ่น พละกำลัง และความรุ่งโรจน์ เรืองรองของมนุษย์ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    [​IMG]

    "หลังจากต้องทนกับสภาพอากาศหนาวเย็นนานถึง 8 เดือน แต่อบอุ่นเพียงแค่ 4 เดือนต่อปี คนจีนส่วนใหญ่จึงชื่นชอบวันที่ฟ้าโปร่งใส มีแสงแดดอย่างในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะแสงแดดจะช่วยให้พืชพันธุ์งอกงาม เจริญเติบโต ข้าวปลาอาหารจึงอุดมสมบูรณ์ตามไปด้วย ส่งผลให้ สีแดงซึ่งเป็นตัวแทนของแสงแดด แสงสว่าง ความอบอุ่น กลายเป็นสีที่มีความสูงส่งเคียงคู่ราชวงศ์และศาสนา เปรียบเสมือนจิตวิญญาณที่แฝงเร้นอยู่ในวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ ของชาวจีนมาเป็นเวลาช้านาน" อาจารย์วิโรจน์อธิบาย

    พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่า ดังจะเห็นได้จากค่านิยมการนับถือเทวดาบุญ ได้แก่เซียน และเทวดาบาป ได้แก่ผี ทำให้ในปีหนึ่งๆ ชาวจีนต้องจัดพิธีกรรมการไหว้เจ้า และบรรพบุรุษถึง 8 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ไหว้ตรุษจีน, ไหว้ง่วงเซียวโจ่ย, ไหว้เช็งเม้ง, ไหว้ขนมจ้าง, ไหว้สารทจีน, ไหว้พระจันทร์, ไหว้ตังโจ่ย และไหว้สิ้นปี

    ในการไหว้ก็ล้วนแต่มีการนำไฟ และแสงสว่างเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการจุดธูป เทียนสีแดง รวมถึงการเปิดโคมไฟสีแดงโชติช่วงไว้หน้าบ้าน เพื่อแสดงถึงความเจริญ รุ่งเรือง ร่ำรวย มั่ง มี ศรี สุข ต้อนรับสิ่งดีๆ และขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป

    อาจารย์วิโรจน์ระบุด้วยว่า แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่ทว่าบารมีของธาตุไฟนั้น ยังคงอยู่ เพราะชาวจีนยังคงยึดมั่นความเชื่อเรื่องแสงสว่างจากไฟ ว่าเป็นตัวแทนของความเจริญ เมื่อถึงเทศกาลสำคัญครั้งใดคนจีนจึงนิยมเปิดไฟให้สว่างไสวไปทั่วบ้าน และการให้ไฟแก่ผู้ใด ถือว่าให้สิริมงคลแก่ผู้นั้นเสมอ

    ไม่เพียงแค่เฉพาะในช่วงเทศกาลไหว้เจ้าเท่านั้น แต่คนเราสามารถนำสิริมงคล ความเฟื่องฟู รุ่งเรือง ไปให้กับบุคคลอันเป็นที่รักได้ตลอดทั้งปี ด้วยการมอบของขวัญเป็นแสงสว่างจากดวงไฟ เพื่อนำทางสู่ความเจริญ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เสริมดวงชะตา แก้ปีชง 2552

    http://guru.sanook.com/pedia/topic/เสริมดวงชะตา_แก้ปีชง_2552/

    ตารางดวงชง ปี 2552(ฉลู)

    เนื่องด้วยปี 2551 หรือปีฉลู วันเสาร์ ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552 เป็น วันขึ้นปีฉลูน้ำ และเป็นวันไหว้เทพเจ้าเสริมดวงชะตาสะเดาเคราะห์ต่อองค์ไท้ส่วยเอี้ยอีกดวง ตารางการไหว้ไท้ส่วยและไหว้เทพอื่นๆ ในปีฉลูน้ำ

    ปีชวด - ไหว้เทพเจ้าไท้เอี๊ยง ที่ ศาลเจ้าเล่งเน่ยยี่ มังกรกมลาวาส หรือ ศาลเล่งตั๊วบ้วยฮั้วยี่
    ปีฉลู - ไหว้เทพเจ้าปัดจ้อ(เจ้าแม่กวนอิม) ที่ ศาลเจ้าเล่งเนยยี่ ควรไหว้ตั้งแต่ต้นปี 2551
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    10 กิจที่ต้องทำ วันตรุษจีน

    http://guru.sanook.com/pedia/topic/10_กิจที่ต้องทำ_วันตรุษจีน/


    [​IMG]


    คนส่วนมากรู้จัก "ตรุษจีน"ว่าเป็นวันรับ "อั่งเปา" แต่จริงๆ แล้วตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่จีน คนจีนก็มีกิจกรรมคล้ายๆ กับคนไทยกระทำในวันปีใหม่ คือเป็นวันพบปะญาติมิตร ไหว้พระ อวยพรผู้ใหญ่ ส่วนอั่งเปานั้นเป็นเพียงน้ำจิ้มเล็กๆ ที่สร้างความสุขความตื่นเต้นให้กับเด็กน้อย
    ผู้เฒ่าแซ่เอี้ย วัย 71 ปี เล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดีว่า ตรุษจีนคือ "วันชิวอิก" วันแรกของปี จะเริ่มต้นเมื่อหลังเที่ยงคืนของ "วันซาจั๊บ" ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปี เรียกอีกอย่างว่า "วันถือ" เพราะถือเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ ทุกคนจะพูดแต่สิ่งดีๆ สิ่งที่เป็นมงคล
    ทั้งนี้ กิจที่คนจีนจะต้องกระทำในเทศกาลตรุษจีนจะเริ่มตั้งแต่ "วันจ่าย" ซึ่งเป็นวันจ่ายตลาดเตรียมข้าวของสำหรับไหว้ในวันรุ่งขึ้น รวมทั้งเป็นวันจ่ายโบนัสให้ลูกจ้าง

    1.ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ
    วันซาจั๊บ ช่วงเช้าหลังจากไหว้เจ้าในบ้าน คือ "ตีจูเอี๊ย" ไหว้บรรพบุรุษแล้ว ในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ ซึ่งของไหว้จะมีทั้งของคาว-หวาน รวมทั้งเป็ด-ไก่ มากหรือน้อยแล้วแต่ฐานะของผู้ไหว้ และมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร เกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติพกไปด้วย นอกจากนี้ยังต้องจุดขี้ไต้ 2 ชิ้นไว้ด้วย เมื่อไหว้เสร็จจะจุดประทัด จากนั้นจะโปรยข้าวสารผสมเกลือ ขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป

    2.รวมญาติกินเกี๊ยว
    ความสำคัญอีกประการของตรุษจีน คือเป็นวัน รวมญาติ โดยทุกคนจะเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวในวันซาจั๊บมื้อสุดท้ายก่อนขึ้นปีใหม่ และที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะลักษณะของเกี๊ยวที่เหมือนกับ "เงิน" ของจีน ให้ความหมายว่า ให้มั่งมีเงินทอง

    3.กินเจมื้อเช้า คือมื้อแรกของปี
    ส่วนในวันชิวอิก คนจีนจะกินเจมื้อแรกของปี เชื่อกันว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี

    4.ทำพิธีรับ "ไช่ซิงเอี้ย"
    "ไช่ซิงเอี้ย" เป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ส่วนใหญ่จะทำพิธีระหว่างหลังเที่ยงคืนของวันซาจั๊บจนถึงก่อนตี 1

    5.ห้ามกวาดบ้าน
    ก่อนตรุษจีน จะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ เมื่อถึงวันปีใหม่จะไม่กวาดบ้านจนถึงวันชิวสี่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวันแรกของการเริ่มต้นทำงาน เพราะถือว่าจะกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป แต่ถ้าบ้านใครสกปรกจนทนไม่ไหว ก็จะกวาดเข้าคือ กวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้าน

    6. ติด "ตุ๊ยเลี้ยง" หรือคำอวยพรปีใหม่
    เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ถ้าไม่มีความรู้ก็จะไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ ซึ่งแหล่งใหญ่ก็คือที่เยาวราช
    คำอวยพรที่เขียนจะประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ทำมาค้าขึ้น ให้มั่งมีเงินทอง ติดตามสองข้างประตูบ้าน และมีอีกแผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก เขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" แปลว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย รวมทั้งติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งเป็นภาพมงคลของจีน ถือเป็นงานศิลปะที่สำคัญอีกอย่างนอกเหนือจากการตัดกระดาษ มักติดที่ประตูหน้าบ้าน

    7.ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส

    8.ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่
    วันชิวอิกทุกคนจะนำส้ม 4 ผล ไปกราบผู้ใหญ่ขอพร เจ้าบ้านเองนอกจากจะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้ 1 พาน และลูกสมอจีนไว้รับแขกแล้ว เมื่อมีผู้มาอวยพร จะรับส้มขึ้นมา 2 ผล และนำส้มในบ้านที่เตรียมไว้วางคืนลง 2 ผล

    9.รับอั่งเปา

    10.ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

    ที่มา http://www.jabchai.com/main/view_joke.php?id=1453
     
  18. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">เปิดสุสาน 4,300 ปี แห่งซัคคารา [25 ม.ค. 52 - 16:04]

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปี 2009 นี้ มีข่าวใหญ่ในวงการอียิปต์วิทยา ต่อเนื่องกันมาไม่ขาดสาย ทำเอานักโบราณคดีครางฮือไปตามๆกัน เพราะเมื่อปลายปีก่อน สภาสูงสุดด้านโบราณคดีอียิปต์ (Supreme Council of Antiquities : SCA) ได้ประกาศการค้นพบสุสานโบราณแห่งใหม่ตั้ง 2 แห่ง ไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียล โดยทีมงานต่วยตูนจึง ขอนำท่านผู้อ่านไปเกาะกระแสข่าวฮอตนี้อีกเช่นเคยffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    สุสานที่เพิ่งได้รับการเปิดเผยในครั้งนี้ เป็นสุสานหินตัดที่มีอายุยาวนานถึง 4,300 ปี และถูกกลบ ลบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ด้วยผงทรายสุด ลูกหูลูกตาในซัคคารา แม้ว่าจะมีการขุดค้นพีระมิด และบริเวณใกล้เคียงกันนั้นมานานตั้ง 150 ปีแล้ว<O:p></O:p>
    ดร.ซาฮี ฮาวาสส์ เลขาธิการ SCA เป็นผู้นำคณะสื่อมวลชนเข้าชมสุสานทั้ง 2 แห่ง ซึ่งอยู่ห่างจากพีระมิดขั้นบันไดอันมีชื่อเสียงของแห่งซัคคารา ไปทางใต้เพียง 400 เมตร และห่างจากกรุงไคโร เมืองหลวงของอียิปต์ไปประมาณ 35 กิโลเมตรเท่านั้น<O:p></O:p>
    ตัวสุสานทั้งสองสร้างด้วยหินตัด บริเวณทับหลังเหนือทางเข้ามีตัวอักษรเฮียโรกราฟฟิกสลักอยู่ ทำให้รู้ว่าสุสานหนึ่งเป็นของบุรุษ นาม อิยา
     
  19. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">สัญญาหน้าพระแก้ว [25 ม.ค. 52 - 15:02]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>8 ธ.ค. 2484 กองทัพญี่ปุ่นบุกไทย รัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม เห็นท่าจะสู้ไม่ไหวยอมให้ญี่ปุ่นใช้แผ่นดินไทยเป็นทางผ่าน แต่ญี่ปุ่นระแวงว่าทหารไทยยังถืออาวุธ เรียกร้องให้ทำสัญญาร่วมรบกับญี่ปุ่น ไม่เช่นนั้นจะต้องปลดอาวุธทหารไทย <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    11 ธ.ค. 2484 ไทยก็ต้องลงนามใน “กติกาสัญญาทางทหารระหว่างไทย-ญี่ปุ่น” ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรี วังสวนกุหลาบ <o:p></o:p>
    ต่อมาเมื่อ 14 ธ.ค.จอมพล ป.ก็ต้องลงนามอีกครั้ง ในหลักการร่วมยุทธระหว่างไทยกับญี่ปุ่น มีเนื้อหา 5 ข้อ<o:p></o:p>
    1. ญี่ปุ่นกับไทยจะทำการร่วมยุทธต่อกองทัพข้าศึกในพม่า<o:p></o:p>
    2. กองทัพไทยจะรีบซ่อมถนนสายระแหง-แม่สอด-มิยาวดี (เมียวดี) และสายกาญจนบุรี-บ้านบ้องตี้ ทั้งนี้กองทัพญี่ปุ่นจะเข้าร่วมปฏิบัติการด้วย<o:p></o:p>
    3. กองทัพญี่ปุ่นมีความมุ่งหมายที่จะทำการยุทธ มุ่งตรงไปเชียงตุงและมัณฑเลย์<o:p></o:p>
    4. ถ้ามีความจำเป็น กองทัพอากาศญี่ปุ่น จะเข้าร่วมกำลังกับกองทัพอากาศของไทย<o:p></o:p>
    5. ราชนาวีไทย จะครองน่านน้ำไทย ตั้งแต่ เหนือแนวสัตหีบ-หัวหิน ขึ้นไป<o:p></o:p>
    พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ รมช.ต่างประเทศ บันทึกว่า สัญญานี้ไม่ถูกต้องตามวิถีทางการทูต <o:p></o:p>
    ญี่ปุ่นทำมาเป็นคำขาดให้ไทยลงนาม...เท่านั้น จึงมีการร่าง “กติกาสัญญาไมตรีระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น ขึ้นอีกฉบับหนึ่ง <o:p></o:p>
    และมีการลงนามกันใหม่ ในวันที่ 21 ธ.ค.2484”<o:p></o:p>
    “นับเป็นสัญญาเดียวในประวัติศาสตร์ ที่เซ็นกันในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม นิมนต์พระสงฆ์ 25 รูป เข้าร่วมพิธีด้วย” <o:p></o:p>
    พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ให้ข้อสังเกต และกล่าวถึงพิธีครั้งนี้ว่า<o:p></o:p>
    “สมควรจะกล่าวด้วยว่า ตั้งแต่ได้ทำพิธีลงนามกติกาสัญญานี่แล้ว ก็แลเป็นผลว่า การที่เอาญี่ปุ่นมาเคารพบูชา พระพุทธปฏิมากรแก้วมรกตของเราได้นั้น ย่อมเป็นเกียรติยศ และเป็นเครื่องเชิดชูปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ของเรา<o:p></o:p>
    ภายหลังต่อมา คนสำคัญของญี่ปุ่นทุกคน ที่เข้ามาเยี่ยมประเทศไทยต้องแต่งเครื่องยศ และนำเครื่องสักการะไปบูชาพระแก้วมรกตของเรา ก่อนที่จะไปทำธุระอย่างอื่น....”<o:p></o:p>
    บันทึกของพลตรีหลวงวิจิตร จึงออกไปในทางเป็นความตั้งใจของฝ่ายไทย<o:p></o:p>
    แต่ ศาสตราจารย์ กนธีร์ ศุภมงคล ได้กล่าวถึงเบื้องหลังการลงนามในกติกาสัญญาพันธไมตรี ฉบับนี้ ที่วัดพระแก้วว่า เป็นความตั้งใจของฝ่ายญี่ปุ่นเอง<o:p></o:p>
    “เพื่อความมั่นใจว่า จอม พล ป.พิบูลสงคราม จะไม่แปรพักตร์ต่อไปภายหน้า และอย่างน้อยก็ตลอดเวลาที่สงครามกับฝ่ายอังกฤษและสหรัฐอเมริกายังคงดำเนินอยู่<o:p></o:p>
    ฝ่ายญี่ปุ่นได้เสนอขอให้จัดพิธีลงนาม...ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ต่อหน้าพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกต ซึ่งญี่ปุ่นทราบดีว่า เป็นที่เคารพเทิดทูนอย่างสูงสุดของคนไทยทั้งมวล และเป็นการพยายามทำการผูกพันไทยฝ่ายเดียว <o:p></o:p>
    เสมือนหนึ่งให้สาบานว่า จะร่วมมือกับฝ่ายญี่ปุ่นจนถึงที่สุด<o:p></o:p>
    สำหรับฝ่ายญี่ปุ่นนั้น ไม่มีความผูกมัดใดเป็นพิเศษ เพราะญี่ปุ่นมิได้ยกย่องนับถือพระมณีรัตนปฏิมากรพระองค์นั้น แต่ประการใดเลย.”<o:p></o:p>
    O บาราย O<o:p></o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    บทความจาก [​IMG]
     
  20. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    วันนี้ ช่วงสาย แวะไปทำบุญ,ไหว้พระ

    1. วัดเทพศิรินทร์
    2. วัดพลับพลาชัย
    3. มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
    4. ศาลเจ้าไต้ฮงกง
    5. วัดคณิกาผล
    6. วัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่)
    7. วัดกันมาตุยาราม
    8. วัดโลกานุเคราะห์
    9. วัดชัยชนะสงคราม

    ขอโมทนาบุญกับทุกท่าน ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...