ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. tanakrit1977

    tanakrit1977 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +71
    อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่อย่าลืมเป็นคนดี ทำดี ประพฤติดี
     
  2. ธีรยุทธ

    ธีรยุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +750
    คนดีทั้งหลาย ต้องพ้น จาก ภัยภิบัติ
    เพื่อสืบทอด พระพุทธ ศาสนา สืบทอดความดี
    ให้คงอยู่ ไม่ใช่กลัวตาย แต่เรียนรู้ความตาย
    เพื่อไม่ให้ประมาท และเตือนสติคนดีทั้งหลาย
    ให้ตั้งมั่นในการทำดี ต่อๆไป.....
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หิมะแช่แข็งการคมนาคมทางตอนเหนือของจีน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผูจัดการออนไลน์ 22 ธันวาคม 2551 18.29 น.

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    </TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพี - อากาศหนาวจากไซบีเรีย ที่แผ่เข้าปกคลุมทางภาคเหนือและภาคตะวันออกของจีน ในวันจันทร์(22 ธ.ค.)ทำให้มีหิมะตกลงมาอย่างหนัก จนการคมนาคมติดขัด สนามบินและทางยกระดับไม่สามารถให้บริการได้

    สำนักข่าวซินหัวระบุว่า เมืองเทียนจิน เมืองท่าที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงกรุงปักกิ่งราว 130 กิโลเมตร และมีประชากรอาศัยอยู่ราว 9.3 ล้านคน กำลังเผชิญกับอากาศหนาวเย็น และหิมะที่ตกหนักมากที่สุดในรอบ 50 ปี

    ด้านท่าอากาศยานนานาชาติปินไห่ ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองเทียนจินก็ถึงกับยกเลิกเที่ยวบินหลายเที่ยวในวันอาทิตย์ และเช้าตรู่ของวันนี้(22) หลังจากมีหิมะปกคลุมหนาในบริเวณรันเวย์ ก่อนจะประกาศให้ใช้สนามบินได้อีกครั้งในช่วงบ่ายของวันจันทร์ หลังจากเจ้าหน้าที่สนามบินตรวจสอบแล้วว่ามีความปลอดภัย

    นอกจากนี้เที่ยวบินขาเข้าและขาออกกว่า 100 เที่ยวจากทั่วประเทศ รวมทั้งเที่ยวบินที่เมืองชิงเต่า เมืองเหยียนไถ ต่างก็ถูกยกเลิก ซึ่งขณะนี้ผู้โดยสารจำนวนมาก ได้หันมาเลือกโดยสารผ่านรถไฟเพื่อไปยังกรุงปักกิ่ง

    ด้านถนนยกระดับสายหลักสู่ด้านทิศตะวันตก ของมณฑลหูเป่ยและทางใต้สู่มณฑลซันตงก็ต้องงดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากหิมะปกคลุมอย่างหนาแน่น

    อุณหภูมิที่บันทึกล่าสุดในมณฑลหูเป่ย และทางตอนเหนือของเขตปกครองตัวเองมองโกเลียใน อยู่ที่ระดับต่ำกว่า -30 องศาเซลเซียส

    ศูนย์อุตุนิยมวิทยาของจีนคาดการณ์ว่า อากาศหนาวเย็นจะเคลื่อนตัวไปยังภาคใต้ของจีน และได้แจ้งเตือนให้ประชาชนจัดเตรียมเครื่องนุ่งห่ม เพื่อรับมือกับอากาศหนาวเย็นที่กำลังจะมาเยือน รวมทั้งเตรียมอุปกรณ์เพื่อป้องกันความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นต่อพืชเพาะปลูกและสัตว์เลี้ยง

    ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000150317
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2008
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เฮงเป็นเฮง..รวยเป็นรวย ลาวเจอทองอีกอื้อซ่า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 ธันวาคม 2551 02:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER><CENTER>ภาพจากเว็บไซต์ Argonaut Resources บริษัทเหมืองแร่จากออสเตรเลียค้นพบขุมทองแห่งใหม่ในแขวงเวียงจันทน์กับแขวงเซกองของลาว </CENTER></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ASTVผู้จัดการรายวัน-- บริษัทอาร์โกนอทรีสอร์สเซสจำกัด (Argonaut Resources Ltd) เปิดเผยว่า การสำรวจแหล่งห้วยควาย ในเขตรอยต่อแขวงเวียงจันทน์กับนครเวียงจันทน์ได้พบแร่ทองคำเกรดดีปริมาณมาก บริษัทกำลังจะเริ่มสำรวจขุดค้นในฤดูแล้งนี้หลังจากฤดูฝนซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญได้ผ่านพ้นไปแล้ว

    บริษัทออสเตรเลียเจ้าของสัมปทานแห่งนี้ออกแถลงดังกล่าวในรายงานประจำไตรมาสฉบับล่าสุด โดยระบุว่าจะเริ่มเจาะสำรวจชั้นแหล่งแร่ในแหล่งห้วยควายตั้งแต่เดือน ก.พ.2552 เป็นต้นไป โดยปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการออกแบบเพื่อปฏิบัติงาน

    ก่อนหน้านี้อาร์โกนอทฯ ได้ประกาศผลการสำรวจทางธรณีศาสตร์ในแปลงสัมปทานแขวงเซกองทางตอนใต้สุดของลาว และได้พบสายแร่ใต้ผืนดินปริมาณมหาศาลเช่นเดียวกัน

    ฝนที่ตกหนักในภาคตะวันตกของลาวได้เป็นอุปสรรคสำคัญในการขนย้ายเครื่องกลหนักเข้าไปยังแหล่งสำรวจ ทำให้การทำงานล่าช้าออกไปประมาณ 6 สัปดาห์ และในที่สุดอาจจะต้องตัดสินใจสร้างสะพานข้ามลำน้ำซาง ที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อการขนส่ง

    การประกาศของอาร์โกนอทฯ ยังมีขึ้นขณะที่สื่อของทางการรายงานรายงานความคืบหน้าของเหมืองทองภูเบี้ยโดยบริษัทแพนออสเตรเลียรีสอร์สเซสจำกัด ซึ่งเริ่มส่งออกและคาดว่าจะส่งรายได้เข้ารัฐได้เป็นครั้งแรกในปีนี้

    ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ "ประชาชน" ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ตั้งแต่เริ่มการผลิตในเดือน พ.ค.จนถึงเดือน พ.ย.นี้บริษัทภูเบี้ยไมนิ่งจำกัด (Phu Bia Mining Co) ผลิต "แร่ทองเข้มข้น" ซึ่งมีทองแดง ทองคำและแร่เงินผสมกันได้กว่า 92 ตัน ส่งออกแล้วกว่า 81 ตัน ทำรายได้กว่า 89 ล้านดอลลาร์ คาดว่ายอดส่งออกจะเพิ่มขึ้นอีกเมื่อสิ้นปี เช่นเดียวกันกับเงินรายได้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>เหมืองภูเบี้ยในแขวงเดียวกันกำลังจะจ่ายค่าต๋งให้เป็นครั้งแรกราว 60 ล้านดอลลาร์ ก็มีการประกาศค้นพบขุมทองอีกแล้ว </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ปัจจุบันเหมืองแห่งนี้ผลิตทองคำเฉลี่ยเพียง 100 กิโลกรัมต่อเดือนและมีแผนจะผลิตผลิตทองแดงเพียง 200,000 ตันในปีแรก แต่คาดว่าจะผลิตทองแดง ทองคำและเงินรวมกันได้หลายแสนตัน ตลอดเวลาสัมปทานที่เหลืออยู่ 12 ปีข้างหน้า

    ตัวเลขต่างๆ ได้รับการเปิดเผยในสัปดาห์ต้นเดือน ธ.ค. เมื่อนายไซสมพอน พมวิหาน รองประธานสภาแห่งชาตินำสมาชิกฯ จำนวนหนึ่งเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการของเหมือง ในเขตเมืองไซสมบูน แขวงเวียงจันทน์

    รัฐบาลลาวกำลังจะได้รับส่วนแบ่งเป็นค่าภาคหลวง 36% ของรายได้ นั่นคือประมาณ 15.26 ล้านดอลลาร์ ภาษีกำไร 25% ประมาณ 20.24 ล้านดอลลาร์ และภาษีเงินได้ของพนักงานเหมืองแห่งนี้อีกราว 15.26 ล้านต่อปี คาดว่าปีนี้ ส่วนแบ่งที่ลาวได้รับจะสูงกว่า 60 ล้านดอลลาร์ (กว่า 2,100 ล้านบาท) หนังสือพิมพ์ของพรรคกล่าว

    เหมืองภูเบี้ยกำลังจ้างแรงงานประเภทต่างๆ กว่า 1,700 คน 90% เป็นคนลาว และ 30% เป็นคนในท้องถิ่น และ 30% เป็นแรงงานสตรี "ประชาชน" กล่าว

    บริษัทภูเบี้ยไมนิ่ง ยังจะต้องจ่ายให้โครงการพัฒนาต่างๆ ในท้องถิ่น 50,000 ดอลลาร์ในปี 2548 เพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ดอลลาร์ในปี 2546 เป็น 200,000 ดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว และเป็น 300,000 ดอลลาร์ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

    เหมืองภูเบี้ยเป็นเหมืองทองคำ-ทองแดงแห่งที่สองของลาวที่ทำการผลิตและส่งออกแล้ว แห่งแรกคือเหมืองเซโปนในแขวงสะหวันนะเขต ซึ่งเริ่มจ่ายค่าตอบแทนแก่รัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2549.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9510000149945
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภาคเหนือของลาวพบทองคำแล้ว ถ้าภาคเหนือของไทยพบทองคำบ้างอะไรจะเกิดขึ้น....

    [​IMG]

    จากคำบอกเล่าของปู่ NiNe

    ผมมองเห็นสายแร่ทองคำขนาดมหึมา กำลังเคลื่อนตัวใต้พิภพ ผ่านชั้นหินแมกม่าที่ร้อนจัด ในภาคตะวันตกของประเทศไทย ค่อนไปทางตอนเหนือติดเขตชายแดนพม่า นอกจากนั้นยังมีแอ่งน้ำมันขนาดมโหฬาร ใช้ยังไงก็ไม่หมด ถึงรุ่นชั่วลูกชั่วหลาน ที่ยังเก็บตัวอยู่ใต้ชั้นหินที่ร้อนจัดใต้โลก

    ที่มา http://palungjit.org/showpost.php?p=92260&postcount=37

    ท่านรซูลของอัลลอฮ ได้กล่าวไว้ว่า

    อบูฮุรอยเราะฮ รายงานว่า **ชั่วโมงสุดท้ายจะยังไม่มาถึง จนกว่า ยูเฟรติส(แม่น้ำ) จะเปิดเผยให้เห็น ภูเขาทองคำ ..อันจะทำให้ผู้คนต่อสู้กัน เก้าสิบเก้าในร้อยคนของพวกเขาจะถูกสังหาร แต่ทุกคนในหมู่พวกเขาจะกล่าวว่า..บางทีฉันอาจเป็นคนหนีงที่หนีรอดไปได้ **โดย มุสลิม**

    ที่มาhttp://www.muslimthai.com/board/sho...f21780e19e792d7

    อ.ปริญญา ตันสกุล ได้ทำนายเอาไว้ว่า

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2008
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผู้นำหญิงอาร์เจนตินา ประกาศมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตร รับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก

    [​IMG]

    อาร์เจนตินา 23 ธ.ค. - ผู้นำหญิงอาร์เจนตินา ประกาศมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตร หวังรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก

    ประธานาธิบดี คริสติน่า เฟอร์นานเดซ ของอาร์เจนตินา ประกาศมาตรการสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรของประเทศ โดยมาตรการที่ออกมานั้นรวมไปถึงการลดภาษี เพื่อช่วยให้ผู้คนในภาคการเกษตรของประเทศ สามารถรับมือกับเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาได้ อย่างไรก็ดี อาร์เจนติน่าจะไม่ลดภาษีการส่งออกถั่วเหลือง ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของประเทศ แต่จะลดภาษีส่งออกสำหรับผักและผลไม้สดแทนในอัตราร้อยละ 50

    นอกจากนี้ รัฐบาลอาร์เจนตินา ยังขยายการลดภาษีส่งออกข้าวโพดและข้าวสาลีให้กับผู้ทำการเกษตรขนาดย่อมและขนาดกลางอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

    2008-12-23 09:31:46 ​

    ปธน.หญิงคนแรกของอาร์เจนติน่า ผู้มาจากการเลือกตั้ง

    [​IMG]

    นับเป็นครั้งแรกที่อาร์เจนติน่ามีสตรีเป็นประธานาธิปดีผู้มาจากการเลือกตั้ง สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของอาร์เจนติน่าในปัจจุบัน คริสติน่า เฟอร์นานเดซ เด เคิร์ชเนอร์ ผู้เป็นวุฒิสมาชิกคนหนึ่ง จะรับช่วงตำแหน่งจากสามี เนสเตอร์ เคอร์ชเนอร์ ปธน.อาร์เจนติน่า ผู้กำลังจะพ้นจากตำแหน่งนั้นในเดือน ธันวาคม 2550

    เมื่อ 50 กว่าปีมาแล้ว อาร์เจนติน่าเคยมีนักการเมืองสตรีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด ซึ่งบางคนก็ ว่าชื่อเสียงแย่มากในละตินอเมริกา นักการเมืองผู้หนึ่งคือ อีวา เปโรน ภริยาของนาย ฮวน เปโรน ปธน.2 สมัยของอาร์เจนติน่า

    ในทุกวันนี้ คุณคริสติน่า เฟอร์นานเดซ วัย 54 ปี ทำสิ่งที่คงจะเป็นสิ่งที่คุณอีวา เปโรน หรือที่คนทั่วไปเรียกเธอว่า เอวิต้านั้น ไม่เคยนึกฝันว่าจะทำได้สำเร็จ เห็นได้ชัดว่าชาวอาร์เจนติน่าจำนวนมาก โดยเฉพาะบรรดาผู้หญิง พอใจผลการเลือกตั้งนี้หลายต่อหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ระหว่างการหาเสียง คุณคริสติน่า เฟอร์นานเดซ ไม่เคยระบุออกมาให้ชัดเจนเลย ว่าเธอตั้งใจจะทำอะไรในฐานะปธน. และจะกล่าวโดยทั่วๆ ไปว่าจะเพิ่มพูนความมั่งคั่งไพบูลย์ และจะทำงานเพื่อความยุ่ติธรรมในสังคม

    ในอาร์เจนติน่า ซึ่งผู้ชายมักจะครอบงำการเมืองและการพาณิชย์ทุกรูปการ ไม่ว่าใครจะมอง ในแง่ดีหรือร้ายก็ตาม การที่คุณคุณคริสติน่า เฟอร์นานเดซ ได้รับเลือกตั้งเป็นปธน.นี้ ต้องนับว่าเป็นเรื่องที่ต้องจารึกลงในประวัติศาสตร์ทีเดียว คุณคุณคริสติน่า เฟอร์นานเดซ เป็นนักการเมืองสังกัดพรรคเปโรนิส รสนิยมของเธอคล้ายๆ กับของคุณอีว่า เปโรน คือชอบเสื้อผ้าอาภรณ์หรูๆ และคอยรักษาภาพลักษณ์ของเธอในสายตา ของมหาชนไว้อย่างระมัดระวัง

    30/10/2007

    ที่มา http://www.voanews.com/thai/archive/2007-10/2007-10-30-voa9.cfm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2008
  7. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    นายกอภิสิทธิ์จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจอีกแล้ว เริ่มขาย เริ่มก่อหนี้ ให้เราชดใช้ เป็นกรรมของประเทศ
     
  8. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 align=center border=1><TBODY><TR><TH width=85>วันที่</TH><TH width=45>เวลา</TH><TH width=55>latitude</TH><TH width=55>longitude</TH><TH width=45>ขนาด</TH><TH width=125>บริเวณที่เกิด</TH><TH width=175>ข้อมูลอื่น ๆ</TH></TR><TR><TD align=middle>23-12-2551</TD><TD align=middle>13:38:41</TD><TD align=middle>8.649</TD><TD align=middle>98.99</TD><TD align=middle>4.1</TD><TD align=left>อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี</TD><TD align=left>- มีศูนย์กลางห่างจาก อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานีไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 45 กิโลเมตร</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2008
  9. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ครูบาอาจารย์ทางสายพระอาจารย์ในดงท่านเตือนว่าช่วงนี้ให้ภาวนาสมาธิเจริญจิตเจริญเมตตา

    เพราะมีเกณฑ์ของภัยจะเข้ามาในช่วงเวลานี้ จนถึงปีใหม่ หากผ่านไปได้เพราะกุศลช่วยต่อก็จะเลื่อนไปอีก
     
  10. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235
    เกณฑ์มันจะเกิด มันก็ต้องเกิด
    เกณฑ์ไม่เกิด ยังไงมันก็ไม่เกิด

    ทำนายไม่ถูก ก็อ้างเลื่อนไปเรื่อยเปื่อย
    ทำนายไม่แม่น ก็เลื่อน เลื่อน เลื่อน...

    เอาแบบแจ่มๆ มาหน่อยสิครับท่าน

    ผ่านมา 2 ปีแล้ว ยังบ่มีอันหยังเด้อ

    555+
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** น้ำกรรม ****

    หิมาลัย....ฝน หิมะมาก ละลายมาก
    น้ำในจีน...ปริมาณมหาศาล
    แม่น้ำโขง ...จะพาน้ำกรรมมาให้อย่างเหลือเชื่อ
    ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลกอย่างมาก
    ....เกินความเชื่อมนุษย์
    เกิดเหมือนทะเลน้ำวน....บนภาคเหนือ
    น้ำท่วม...พัดภูเขาหายไปได้
    หินยักษ์...กลิ้งทำลายไปตามน้ำ
    โลก....สมบูรณ์ขึ้น
    ประเทศไทย...สะอาดขึ้น
    ....อุดมสมบูรณ์ขึ้น

    จะทำอะไรก็ขอให้นึกถึงสัจจะ
    พิจารณาการกระทำของตนตลอดเวลา
    ว่าที่ตั้งใจทำ ตั้งใจตัด นั่นทำได้ไหม แล้วเกิดอะไรขึ้นกับกาย วาจา ใจของตน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235
    เพ้อเจ้อแล้ว ลิงน้อยเอ๋ย !!!

    แล้วเป็นไงต่อ แม่ชีเมี้ยน

    แล้วยังไงต่อ โลกุดดะ สัดดะ

    ปล. ลิงน้อย พูดมาอย่างนี้ 2 ปีกว่าๆ แล้ว ไม่เห็นจะมีอะไร นอกจาก โลกุดดะ สัดดะ ไปวันๆ ... แล้วก็เพ้อ ละเมอไปเรื่อยเปื่อย ...เหมือนเรือน้อย ลอยล่องกลางทะเล ... ลิงน้อยก็มีหน้าที่จับแคมเรือไว้ ... โยกไปโยนมา ก็จับไว้ .... แล้วแต่ชะตากรรม ... แต่ปากของลิงน้อย ก็แพล่มๆ ไปเรื่อยเปื่อย ... ก็ว่ากันไปตามน้ำ ... ก็ว่ากันไปตามลม


    จะว่าอย่างไรต่อ หรือครับท่าน !
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2008
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คำเตือนย่อมไร้ค่า ถ้าไม่ฟัง
    บทความ โดยศาตราจารย์ สุมน อมรวิวัฒน์

    [​IMG]

    เมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังก้องขึ้น คนนอนตื่นสายที่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ก็จะรีบกระแทกมือปิดด้วยความขัดเคือง รู้สึกไม่พอใจที่นาฬิกาปลุกส่งเสียงเตือนตามหน้าที่ของมัน ทั้งที่ตนเองเป็นคนตั้งเวลาไว้แท้ๆ

    เขากำลังก้าวเท้าออกจากบ้าน เสียงจิ้งจกร้องทัก เขาหยุดชะงักนิดหนึ่ง เหลียวมองไปรอบๆ พบว่าหน้าต่างชั้นล่างบานหนึ่งเปิดอยู่ เขากลับเข้าไปปิดให้เรียบร้อย แล้วก็ออกจากบ้านไป จิ้งจกไม่รู้หรอก และไม่ได้เตือนอะไรทั้งสิ้น มันร้องของมันเอง แต่คนได้ยินเสียง จิตสำนึกสั่งว่า หยุดตรวจดูรอบๆ เสียหน่อย แล้วก็พบว่าตนเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ล่อขโมย

    ต้นเดือนมีนาคมปีนี้ ดอกคูนบานเหลืองอร่ามไปทั้งตำบล ธรรมชาติส่งสัญญาณว่า ความร้อนแล้งกำลังมาเยือน สภาพลม น้ำ ดิน ฟ้า อากาศ เตือนมนุษย์อย่างเร่งเร้า ว่าให้เตรียมรับมือกับภัยแล้ง ความหายนะทางการเกษตร ความทุกข์ยากของชาวนาชาวสวน ธรรมชาติเตือนเงียบๆ มานานทีเดียว แต่มีน้อยคนรับรู้ จนในที่สุดธรรมชาติ จึงสำแดงเดชให้น้ำแห้ง ดินแตกระแหง พืชไร่ล้มตายไฟป่ากำลังจะมา

    [​IMG]

    สัญญาณเตือนจากธรรมชาติมีอำนาจมาก ถ้ามนุษย์เมินเฉยก็จะได้รับผลอย่างสาสม

    หนังสือพิมพ์รายวันที่แพร่หลายมากฉบับหนึ่ง กำหนดบทบาทของตนว่าเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน รู้เห็นสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในบ้านเมือง ก็จะส่งเสียงเห่าเตือนให้รู้ตัว เสียงเตือนจากสื่อนี้ ชาวบ้านสนใจมาก แต่ก็มีบางคนที่มีอำนาจไม่อยากฟัง ไม่พอใจ จึงกลายเป็นคดีขึ้นศาลอยู่เนืองๆ

    ผู้ที่มีอำนาจและมีความมั่นใจสูง มักไม่ชอบเสียงเตือน ไม่ว่าเสียงนั้นจะมีเหตุผล และเจตนาดีเพียงใด การยึดติดอัตตาว่า สถานะที่กำลังดำรงอยู่นี้มั่นคง ตนเองมีความรู้ความสามารถ มีวิสัยทัศน์กว้างไกลอยู่แล้ว ทำให้รู้สึกขัดเคือง ที่มีผู้วิจารณ์ และเตือนภัย เขาจึงฟังเสียงเตือน เหมือนเสียงนกเสียงกา ต่อเมื่อความวิบัติเกิดขึ้น จึงจะรู้สำนึก

    น่าเห็นใจผู้ที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจ ทุกเมื่อเชื่อวันเขาได้ยินแต่เสียงสรรเสริญเยินยอ คำเตือนจะสอดแทรกเข้าไปให้รับรู้ได้ยากมาก ถ้าเขาโชคดีได้ฟังเสียงเตือนอยู่บ้าง วิเคราะห์แล้วยอมรับ ยอมถอย ปรับปรุงตนเอง ก็นับว่าสังคมของเรายังไม่ถึงทางตันเสียทีเดียว

    คำเตือนไม่ใช่คำติ แต่ประสงค์จะให้ผู้ถูกเตือนไม่ต้องถูกติ เสียงเตือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าเตือนแล้วไม่มีใครฟัง

    อุปสรรคของการฟัง คือ ทิฏฐิมานะ และความอหังการ ยึดมั่นในความคิดของตนเองเป็นใหญ่ ความระแวงว่าผู้เตือนไม่ปรารถนาดี หรือมิฉะนั้น ก็มักมีเหตุผลว่า คำเตือนนั้นเป็นสิ่งที่ตนรู้อยู่แล้ว อันที่จริง การฟังนั้นมีประโยชน์มาก เราสามารถกลั่นกรองได้ว่าคำเตือนเหล่านั้น อะไรตรงประเด็นที่ต้องการ อะไรเป็นเพียงเสียงว่ากล่าว ที่สมควรจะฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ป่วยการเก็บเอามาคิด

    การเตือนที่ทรงพลังที่สุด คือ การเตือนตนเอง เสียงที่เกิดจากอนุสตินั้นดังก้อง บอกความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เตือนและหักห้ามใจว่า อะไรควรเว้นและอะไรควรทำ

    เราเรียกเสียงที่เตือนตนเองนี้ว่า มโนธรรมสำนึก หรืออีกนัยหนึ่ง คือ หิริ โอตตัปปะ ความละอายและเกรงกลัวต่อการทำชั่ว บางครั้ง เสียงเตือนจากมโนธรรมสำนึกก็ไม่ดังเพียงพอ เมื่อจิตฝ่ายต่ำมาคอยแก้ตัว ว่าทำผิดเล็กๆ ครั้งเดียวไม่เป็นไร คนขี้เหล้าเมาหยำเปอย่างน่าสมเพชนั้น ก็เริ่มมาจากดื่มเหล้าจอกเดียว คนโกงเงินเป็นร้อยล้าน ก็เริ่มจากการรับเงินซองเดียวจากผู้รับเหมา ไม่มีใครจับได ้ก็ลอยหน้าอยู่ลอยนวล คนที่ฆ่าลูก ฆ่าพ่อแม่ ได้ ก็เพียงแต่เริ่มจากความก้าวร้าว เก็บกด แล้วเฆี่ยนตี

    เมื่อไม่ฟังเสียงเตือน คนที่น่าสงสารก็ถลำลึกลงในความหลงผิด กลายเป็นความดื้อรั้น ทำลายตนเอง

    ช่วงปลายเดือนมีนาคม ธรรมชาติเริ่มส่งสัญญาณเตือนรุนแรงขึ้น สังคมเริ่มสำนึกในอำนาจของธรรมชาติ เตรียมพร้อมระแวงภัย และฟังเสียงเตือนภัยอย่างยอมรับจริงจัง แต่ก็มีผู้เสียประโยชน์ ออกมาส่งเสียงเกรี้ยวกราด ว่าการเตือนภัยธรรมชาติ ทำให้เสียบรรยากาศของการท่องเที่ยว ลองใช้มโนธรรมสำนึก ชั่งตรองดูว่าระหว่างชีวิตกับเงินอะไรสำคัญกว่ากัน

    เสียงเตือนดังก้องขึ้นที่รัฐสภาอยู่หลายวัน เป็นเรื่องวิเคราะห์วิจารณ์ และเสนอแนะที่น่าฟัง ต่อปัญหาวิกฤติของบ้านเมือง นับเป็นมิติใหม่ของการอภิปราย ที่ผู้พูดมุ่งเน้นประเด็นสาระ โดยเว้นการปะทะคารม เสียดสี ประชดประชัน น่ายินดีที่ผู้มีอำนาจของบ้านเมืองรับฟังเสียงดังกล่าว แม้จะมีการออกตัว และแก้ต่าง อยู่บ้างก็พอประมาณ

    [​IMG]

    การรับฟังเสียงเตือน แสดงว่าเป็นผู้ถ่อมตนว่ายังรู้น้อย รู้ไม่หมดอยากทำให้ดีขึ้น ต้องการแนวทางที่ดีกว่า ยิ่งคิดว่าตนยังรู้น้อยเท่าใด ก็มีโอกาสรู้ได้มากขึ้นเท่านั้น เพียงแต่ลงทุนฟังแล้วคิด ก็ได้กำไรแล้ว

    การฟังผู้อื่น มีอานิสงส์อีกอย่างหนึ่ง คือทำให้มีกัลยาณมิตร ทุกวันนี้ยากนักที่จะมีใครหวังดีมาเตือนคนอื่น เราจึงโชคดีนักหนา ที่มีคนคอยเตือนมิให้หลงทาง และหลงผิด ยิ่งฟังคำเตือน ตัวตนของเราก็จะเล็กลง แต่จิตสำนึกสูงขึ้น เรามาชวนกันเป็นคนเล็กๆ แต่ใจใหญ่กันเถิด เพื่อจะได้มีพลังเข้มแข็งต่อการอาสาทำงาน ทั้งนี้ มิได้หมายความว่า เราจะสูญเสียความมั่นใจในตนเอง เมื่อฟังดี คิดดี และทำดีแล้ว ก็ทำไปอย่างมั่นใจและไม่ประมาท

    ขอฝากคำเตือนไว้ท้ายบทความนี้ มีแต่คนที่เคยล้มเหลวมาก่อนเท่านั้น ที่รู้ทั้งหมด เก่งทุกเรื่อง มองปัญหาถูกทุกอย่าง ตามการรับรู้ของตนเอง น้อมกายลง ยกจิตให้สูงขึ้น ท่านจะพบกัลยาณมิตรอยู่มากมาย คนฉลาดย่อมไม่เสพติด คำสรรเสริญอันหาสาระมิได้

    ตีพิมพ์ใน มติชนรายวัน ๙ เมษายน ๒๕๔๘ คอลัมน์จิตวิวัฒน์

    ที่มา http://www.volunteerspirit.org/node/515

    คนดีวงการศึกษาไทย

    [​IMG]

    ศาตราจารย์สุมน อมรวิวัฒน์ ราชบัณฑิต ที่ทำงานทำประโยชน์ด้านการศึกษา, วัฒนธรรม, ภาษา และสังคมไว้อย่างมากมายให้แก่ประเทศ


    ศ.สุมน อมรวิวัฒน์ จบการศึกษา
    • อักษรศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ.2496),
    • ครุศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญรางวัล คะแนนเยี่ยม พ.ศ. 2498)
    • M.S. in Education (University of Wisconsin) พ.ศ. 2502
    • ครุศาสตรดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) พ.ศ. 2538
    เกียรติคุณที่ท่านได้รับ ได้แก่
    • นักการประถมศึกษาดีเด่น
    • บุคคลดีเด่นของชาติ สาขาการพัฒนาสังคม ด้านการศึกษา
    • บุคคลดีเด่นประเภทความเป็นครู จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    • บุคคลดีเด่นแห่งวงการศึกษาชาติ
    • ราชบัณฑิต ประเภทสังคมศาสตร์ สาขาศึกษาศาสตร์ทางวิทยาวิธี ราชบัณฑิตยสถาน
    • ศาสตราจารย์กิตติคุณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    • ศาสตราจารย์กิตติเมธี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
    ท่านอาจารย์สุมน ใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญทำประโยชน์ให้กับชาติจนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.), มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม) และ เหรียญจักรพรรดิมาลา

    ท่านมีการทำงานทั้งทางด้านการสอนให้กับนิสิตมายาวนาน, ทำงานด้านการวิจัยการศึกษาไทย, ทำงานด้านการบริหาร และเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้กับหลายแห่ง (เช่น คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ, คณะกรรมการนโยลายกองทุนสนับสนุนการวิจัย, คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, ฯลฯ)

    แม้ในปัจจุบันท่านอาจารย์จะเกษียณอายุราชการมานานพอควร แต่ผลงานทางวิชาการ หนังสือ และตำรา ที่ท่านได้ทำไว้นั้นสามารถใช้ในการศึกษาและเป็นประโยชน์มากมาย และท่านก็ยังทำงานจนมาถึงปัจจุบันอย่างต่อเนี่อง เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นที่ปรึกษาให้ความเห็นที่เป็นคุณประโยชน์ในการทำงานเพื่อสังคมได้เป็นอย่างดีค่ะ
    โดย อ้อ_สคส.

    ที่มา http://gotoknow.org/blog/goodee/85911
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2008
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เกิดรอยแยกที่สนามแม่เหล็กโลก เปิดรับอนุภาคมีประจุจากลมสุริยะ 20 เท่า
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 ธันวาคม 2551 14:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]
    ภาพจำลองจากนาซาและไซน์เดลีประกอบข่าวรอยแยกบนสนามแม่เหล็กโลกที่เกิดจากอันตรกริยาระหว่างสนามแม่เหล็กโลกและอนุภาคมีประจุจากดวงอาทิตย์

    ภาพถ่ายดาวเทียมจากนาซา เผยสนามแม่เหล็กโลกที่ปกป้องดาวเคราะห์ของเราจากลมสุริยะ มีรอยแยกขนาดใหญ่ 2 แห่งหนาถึง 6,400 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิด "แสงออโรรา" ที่สว่างจ้า หรืออาจเกิดการรบกวนการสื่อสารของดาวเทียมและสถานีภาคพื้นดิน ทั้งนี้พบรอยแยกดังกล่าวตั้งแต่กลางปี โดยอนุภาคมีประจุรั่วเข้าชั้นบรรยากาศโลกได้มากถึง 20 เท่าของยามปกติ

    สำนักข่าวเอพีรายงานว่า กลุ่มดาวเทียมธีมิส (Themis: Time History of Events and Macroscale Interactions during Substorms) จำนวน 5 ดวงของ องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ได้พบรอยแยกขนาดใหญ่ ในสนามแม่เล็กโลก ซึ่งคอยปกป้องโลกจากระเบิดอนุภาคที่มีประจุของดวงอาทิตย์ และจากการสำรวจของดาวเทียมเผยให้เห็นว่า สนามแม่เหล็กโลกมีรอยแยก 2 แห่ง เปิดช่องให้ลมสุริยะ (solar wind) ซึ่งเป็นกระแสของอนุภาคมีประจุที่ประทุออกมาจากดวงอาทิตย์ แทรกสู่บรรยากาศชั้นของโลกด้วยความเร็ว 1.6 ล้านกิโลเมตรต่อชัวโมง

    ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ทราบมานานแล้วว่า สนามแม่เหล็กโลกซึ่งช่วยปกป้องโลกจากสภาพอากาศอันเลวร้ายของอวกาศนั้น อยู่ในสภาพคล้ายบ้านโทรมๆ ที่อยู่ท่ามกลางลมพายุ ซึ่งบางครั้งสนามแม่เหล็กโลกก็เปิดโอกาสให้อนุภาคมีประจุจากดวงอาทิตย์เข้ามาสร้างความรุนแรงได้ และรอยแยกที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นสาเหตุของแสงออโรรา (aurora) หรือแสงเหนือใต้ที่สว่างเจิดจ้า หรืออาจก่อให้เกิดการรบกวนการสื่อสารของดาวเทียมหรือสถานีภาคพื้นได้

    เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ดาวเทียมธีมิสพบชั้นอนุภาคมีประจุจากดวงอาทิตย์ ซึ่งอยู่ส่วนนอกของชั้นบรรยากาศโลก ในส่วนแมกเนโทสเฟียร์ (magnetosphere) และมีความหนาอย่างน้อย 6,400 กิโลเมตร แต่ มาริท โออีโรเซท (Marit Oieroset) นักวิทยาศาสตร์ในโครงการดาวเทียมธีมิสจากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย (University of California) สหรัฐฯ ระบุว่า รอยแยกดังกล่าวไม่คงอยู่ถาวร โดยก่อนหน้านั้นเมื่อปีที่แล้วก็พบรอยแยกของสนามแม่เหล็กโลกแต่คงอยู่แค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

    ทางด้านสเปซเดลี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กโลกว่า เป็นเหมือนเกาะกำบังอนุภาคที่ส่งมาอย่างต่อเนื่องจากดวงอาทิตย์ เนื่องจากอนุภาคที่ไหลมาจากดวงอาทิตย์นั้นมีประจุไฟฟ้าทั้งอยู่ในรูปไอออนและอิเล็กตรอน จึงไวต่อแรงแม่เหล็ก และส่วนใหญ่ถูกสะท้อนออกไปโดยสนามแม่เหล็กโลก อย่างไรก็ดี สนามแม่เหล็กของเราก็เป็นเพียงเกราะกำบังที่มีรอยรั่ว และจำนวนอนุภาคที่รั่วไหลเข้ามาก็ขึ้นอยู่กับทิศของสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์

    "การค้นพบครั้งนี้พลิกความเชื่ออันยาวนาน เกี่ยวกับการรบกวนของอนุภาคมีประจุจากสุริยะว่า จะเกิดขึ้นรุนแรงอย่างไรและเมื่อไหร่ และการค้นพบนี้ยังนำไปใช้ทำนายว่า เมื่อไหร่จะเกิดพายุสุริยะรุนแรง จากผลในครั้งนี้เราคาดว่าจะเกิดพายุสุริยะรุนแรงในช่วงวัฎจักรสุริยะ (solar cycle) ที่กำลังจะเข้ามา" วาสซิลิส แองเจโลพัวลอส (Vassilis Angelopoulos) ผู้ตรวจสอบหลักปฏิบัติการธีมิสจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียกล่าว

    ส่วนเอพียังให้คำอธิบายจากโออีโรเซทว่า นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเบื้องต้นรอยแยกขนาดใหญ่นี้เกิดขึ้นจากสนามแม่เหล็กโลกและสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกัน และข้อมูลจากดาวเทียมธีมิสก็พบว่าสนามแม่เหล็กของโลกและดวงอาทิตย์อยู่ตรงข้ามกันจริง และมีลมพายุสุริยะผ่านโลกมากกว่าปกติ 20 เท่า เมื่อเทียบกับครั้งที่สนามแม่เหล็กของโลกและดวงอาทิตย์อยู่ในแนวเดียวกัน

    ก่อนหน้านี้ยานอวกาศอื่นๆ ทำได้เพียงเก็บตัวอย่างเล็กๆ ของชั้นอนุภาคมีประจุภายในสนามแม่เหล็กโลก แต่ดาวเทียมทั้ง 5 ดวงในโครงการธีมิสสามารถเก็บข้อมูลมาขยายผลได้มากกว่า อย่างไรก็ดีแม้ทราบขนาดการรั่วไหลเข้ามาอนุภาคจากลมสุริยะแล้ว แต่ทีมนักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบตำแหน่งที่เกิดการรั่วไหล

    ทั้งนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบตำแหน่งรอยแยกของสนามแม่เหล็กคือ หลี่ เหวินฮุย (Wenhui Li) จากมหาวิทยาลัยนิวแฮมป์ไชร์ (University of New Hampshire) สหราชอาณาจักร พร้อมด้วยคณะ โดยใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหา 2 รอยแยกที่เกิดขึ้นบ่อยๆ กับสนามแม่เหล็กโลก รอยแยกหนึ่งอยู่บริเวณละติจูดสูงทางซีกฟ้าเหนือ และอีกรอยแยกอยู่บริเวณละติจูดทางซีกฟ้าใต้ โดยรอยแยกก่อตัวขึ้นบนโลกด้านกลางวัน ซึ่งเป็นด้านที่สนามแม่เหล็กประจันหน้ากับดวงอาทิตย์

    สเปซเดลีระบุด้วยว่า แบบจำลองของหลี่ยังแสดงให้เห็นว่ารอยแตกของสนามแม่เหล็กก่อตัวขึ้นได้อย่างไร เมื่ออนุภาคมีประจุไหลออกจากดวงอาทิตย์ อนุภาคเหล่านั้นก็นำสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ผ่านมายังโลกด้วย ทำให้เกิดการต้านสนามแม่เหล็กโลกตลอดการเส้นทางของสนามแม่เหล็กสุริยะ

    แม้ว่าที่ตำแหน่งเส้นศูนย์สูตรสนามเหล็กทั้งสองมีทิศทางเดียวกัน แต่ที่ละติจูดสูงๆ สนามแม่เหล็กทั้งสองชี้ไปในทิศทางตรงกันข้าม เมื่อเกิดแรงบีบอัดสนามแม่เหล็กที่มีทิศทางตรงกันข้ามเข้าด้วยกัน และเกิดการเชื่อมโยงที่เรียกว่า "การเชื่อมต่อใหม่ของสนามแม่เหล็ก" (magnetic reconnection) ซึ่งตามการศึกษาของหลี่และคณะ กระบวนการนี้ทำให้เกิดรอยแยกบนสนามแม่เหล็กโลก และเชื่อมโยงสนามแม่เหล็กสุริยะระหว่างรอยแยกทั้งสองกับสนามแม่เหล็กโลก แล้วนำเอาอนุภาคมีประจุจากดวงอาทิตย์เข้าไปในชั้นแมกเนโทสเฟียร์ของโลก


    ที่มา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2008
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วัฏจักรจุดดับใหม่บนดวงอาทิตย์ อีก 3 ปีโลกเตรียมรับ "พายุสุริยะ"

    [​IMG]

    16 ม.ค.51ไซน์เดลี/นิวไซแอนทิสต์/เอเยนซี

    พบจุดดับเริ่มต้นวัฏจักรสุริยะใหม่ บนบริเวณซีกเหนือของดวงอาทิตย์ในทิศตรงข้ามกับจุดเดิม นักดาราศาสตร์คาดอาจเกิดพายุสุริยะในปี 2554 ซึ่งจะปลดปล่อยอนุภาคมีประจุสูงมายังโลก ส่งผลกระทบต่อระบบกระจายไฟฟ้า การสื่อสารและอันตรายต่อนักบินอวกาศ

    องค์การสมุทรศาสตร์และบรรยากาศสหรัฐฯ หรือโนอา (National Oceanic and Atmosphere Administration: NOAA) พบจุดมืด (sunspot) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าจุดดับ<SUP>* </SUP>เป็นจุดแรกในระยะเริ่มต้นใหม่ของวัฏจักรสุริยะ (solar cycle) ซึ่งมีคาบเวลาประมาณ 11 ปีบริเวณซีกเหนือของดวงอาทิตย์โดยอยู่ตรงข้ามกับวัฏจักรเดิม

    ทั้งนี้จุดมืดเป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นผิวดวงอาทิตย์ แต่เป็นบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กสูง ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงอาทิตย์ซึ่งทำงานร่วมกับโนอาคาดว่าวัฏจักรใหม่จะเริ่มต้นในเดือน มี.ค.51 นี้ โดยคลาดเคลื่อนเร็วหรือช้า 6 เดือน

    สำหรับจุดมืดที่พบนี้มีชื่อว่า #10,981 เป็นจุดมืดแรกของวัฏจักร 24 (cycle 24) ซึ่งเป็นวัฏจักรใหม่ และเป็นจุดมืดล่าสุดที่สังเกตได้นับแต่โนอาได้เริ่มต้นระบุจำนวนจุดมืดตั้งแต่ 5 ม.ค.2513

    ที่สำคัญ คาดว่าวัฏจักรใหม่จะค่อนข้างทรงพลังคือทำให้เกิดจุดมืดได้ถึง 150 จุดต่อวันในช่วงจุดมืดมากสุด (sunspot maximum) ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 2554 หรือ 2555 และช่วงเวลาดังกล่าวยังจะเกิดพายุสุริยะรุนแรงด้วย

    "ในกรณีนี้เป็นสัญญาณเริ่มต้นของพายุสุริยะ ซึ่งน่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอีก 3-4 ปีข้างหน้า" ดักลาส บีเซกเกอร์ (Douglas Biesecker) นักฟิสิกส์สุริยะจากศูนย์พยากรณ์สภาพอวกาศ (Space Weather Prediction Center) ของโนอากล่าว พร้อมเปรียบเปรยว่าการจุดมืดครั้งนี้เป็นเหมือนกับการพบนกรอบินตัวแรกในฤดูใบไม้ผลิ

    ระหว่างเกิดพายุสุริยะนั้นอนุภาคที่มีประจุจำนวนมากจะถูกปลดปล่อยออกจากดวงอาทิตย์ซึ่งอาจพุ่งตรงมายังโลก และอนุภาคเหล่านั้นสามารถสร้างความเสียหายต่อระบบจ่ายไฟฟ้า รบกวนระบบสื่อสารและเป็นภัยต่อนักบินอวกาศจากรังสีอันตราย

    พายุสุริยะยังสามารถสร้างความเสียหายต่อดาวเทียมสื่อสารและจมสัญญาณระบบจีพีเอสได้ ส่งผลให้กิจวัตรประจำวันอย่างการสนทนาผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือการทำธุรกรรมจากตู้เอทีเอ็มอาจชะงักทันทีในพื้นที่ส่วนใหญ่ทั่วโลก

    ด้านเดวิด แฮธเวย์ (David Hathaway) จากศูนย์การบินอวกาศมาร์แชล (Marshall Space Flight Center) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ในฮันท์วิลล์ อัลบามา กล่าวว่าดาวเทียมฮิโนเดะ (Hinode) ของญี่ปุ่นที่ช่วยนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาความรุนแรงของพายุสุริยะนั้น อาจไวต่อรังสีและอนุภาคที่มีประจุซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ราวระเบิด และทำให้อุปกรณ์ของดาวเทียมเสียหายและหยุดทำงานก่อนเวลา

    "เราศึกษามามากพอที่จะตระหนักได้โดยพื้นฐานว่า สัญญาณดังกล่าวจะเป็นการปลดปล่อยมวลของชั้นโคโรนา (ชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์) ซึ่งคล้ายๆ กับการทำนายการเกิดพายุทอร์นาโด ที่นักอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ได้เพียงเล็กน้อย จากการดูสัญญาณเรดาร์และลมในกลุ่มเมฆ แล้วกล่าวได้เพียงว่ามีโอกาสจะเกิดทอร์นาโด"

    "แต่สำหรับการทำนายการเกิดพายุสุริยะ เรายังไม่สามารถคาดการณ์ได้แม้แต่อย่างนั้นเลย" แฮธเวย์กล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่าการติดตามจำนวนจุดมืดที่เกิดขึ้นตั้งแต่นี้ไป จนถึงกลางปี 2552 จะช่วยรับมือกับคำถามว่า เมื่อใดที่จะเกิดจุดมืดมากที่สุด โดยจำนวนจุดมืดในช่วงนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากวัฏจักรใหม่ที่ค้นพบนี้เป็นวัฏจักรที่ทรงพลัง.

    *หมายเหตุ

    "ผู้จัดการวิทยาศาสตร์" ปรับเปลี่ยนการเรียก sunspot ที่เรียกกันตามความแพร่หลายว่า "จุดดับ" เป็น "จุดมืด" ตามพจนานุกรมศัพท์ดาราศาสตร์อังกฤษ-ไทย ของสมาคมดาราศาสตร์ไทย

    ที่มา http://edunews.eduzones.com/kmitl/2155
    <!-- / message -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2008
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พายุสุริยะกับสนามแม่เหล็กโลก

    [​IMG]

    ในปี พ.ศ. 2476 นักดาราศาสตร์ได้พบว่า ในบางขณะผิวดวงอาทิตย์จะมีเหตุการณ์ระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้มีเปลวก๊าซร้อน พุ่งออกจากผิว และในบางครั้งเปลวก๊าซอาจจะพุ่งไกลถึงล้านกิโลเมตร เหตุการณ์ระเบิดที่ผิวแล้วทำให้มีเปลวก๊าซร้อนพุ่งออกไปใน อวกาศนี้ เราเรียกว่า พายุสุริยะ (solar wind)

    การศึกษาพายุสุริยะในเวลาต่อมาได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์รู้ว่า พายุนี้เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง เพราะเมื่อเรารู้ว่า เปลวก๊าซร้อนที่พุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์นั้นนำอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าออกมากมายด้วย ดังนั้น เมื่ออนุภาคเหล่านี้พุ่งถึงชั้นบรรยากาศ เบื้องบนของโลก ถ้าขณะนั้นมีนักบินอวกาศร่างกายของนักบินอวกาศคนนั้นก็จะได้รับอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าและรังสีต่างๆ มากเกินปรกติ ซึ่งจะทำให้ร่างกายเป็นอันตรายได้

    นอกจากนี้ พายุอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าอาจพุ่งชนดาวเทียมที่กำลังโคจรอยู่รอบโลกจนทำให้ดาวเทียมหลุดกระเด็นออกจากวงโคจรได้ และถ้าอนุภาคเหล่านี้พุ่งชนสายไฟฟ้าบนโลก ไฟฟ้าในเมืองทั้งเมืองก็อาจจะดับ ดังเช่นเหตุการณ์ไฟฟ้าดับที่เมือง Quebec ในประเทศ คานาดาเป็นเวลานาน 9 ชั่วโมง เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2532 เพราะโลกถูกพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์พัดกระหน่ำอย่างรุนแรง

    ความจริงเหตุการณ์ครั้งนั้นได้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 11 ปีมาแล้ว แต่เมื่อนักวิทยาศาสตร์รู้อีกว่า ทุกๆ 11 ปีจะเกิดเหตุการณ์พายุสุริยะ ที่รุนแรงบนดวงอาทิตย์อีก ดังนั้นปี พ.ศ. 2543 จึงเป็นปีที่นักวิทยาศาสตร์คาดหวังจะเห็นโลกถูกดวงอาทิตย์คุกคามอย่างหนักอีก ครั้งหนึ่ง และเมื่อขณะนี้โลกมีดาวเทียมที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ประมาณ 800 ดวงและสหรัฐอเมริกาเองก็มีโครงการจะส่งนักบินอวกาศ ขึ้นไปสร้างสถานีอวกาศนานาชาติในปีนั้นอีกเช่นกัน บุคลากรและดาวเทียมเหล่านี้จึงมีโอกาสถูกพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์พัดกระหน่ำ จนเป็นอันตรายได้ ก็ในเมื่อเวลาพายุไต้ฝุ่นหรือทอร์นาโดจะพัด เรามีสัญญาณเตือนภัยห้ามเรือเดินทะเลและให้ทุกคนหลบลงไปอยู่ห้อง ใต้ดิน จนกระทั่งพายุพัดผ่านไป การเตือนภัยพายุสุริยะก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน เพราะถ้าเรารู้ว่าพายุสุริยะกำลังจะมาถึงโลก โรงไฟฟ้า ก็ต้องลดการผลิตกระแสไฟฟ้า คือไม่ปล่อยกระแสไฟฟ้าออกจากเครื่องเต็มกำลังเพราะถ้าไฟฟ้าเกิดช็อต ภัยเสียหายก็จะไม่มาก ดังนั้น การแก้ไขล่วงหน้าก็จะสามารถทำให้ความหายนะลดน้อยลง

    แต่ความสามารถของผู้เชี่ยวชาญสภาวะของอวกาศ วันนี้ก็ดีพอๆ ความสามารถของนักอุตุนิยมวิทยาที่สามารถทำนายสภาพของอากาศ บนโลก เมื่อ 40 ปีมาแล้ว ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐฯ จึงได้จัดตั้งศูนย์สภาวะแวดล้อมของอวกาศ (Space Environment Center) ขึ้นมา โดยให้นักวิทยาศาสตร์มีหน้าที่ทำนายสภาพของอวกาศล่วงหน้า และผลงานการพยากรณ์เท่าที่ผ่านมาได้ทำให้เรารู้ว่า คำพยากรณ์นี้มี เปอร์เซ็นต์ถูกถึง 90% ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดในหนึ่งชั่วโมง แต่เปอร์เซ็นต์ความผิดพลาดก็จะสูง ถ้าเป็นกรณีการทำนายล่วงหน้า หลายวัน

    เพื่อให้คำทำพยากรณ์ต่างๆ มีเปอร์เซ็นต์ความถูกต้องมากขึ้น องค์การ NASA ของสหรัฐฯ จึงได้วางแผนส่งดาวเทียมดวงใหม่ขึ้น อวกาศเพื่อสำรวจสถานภาพของพายุสุริยะทุกลูกที่จะพัดจากดวงอาทิตย์สู่โลกในอีก10 ปี ข้างหน้านี้ ความรู้ปัจจุบันที่เรามีอยู่ขณะนี้คือ ผลกระทบของพายุสุริยะจะรุนแรงอย่างไร และเช่นไร ขึ้นกับ 3 เหตุการณ์ต่อไปนี้ คือ

    เหตุการณ์แรก เกี่ยวข้องกับจุดดับบนดวงอาทิตย์ (sunspot) ซึ่งเป็นบริเวณผิวดวงอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณส่วนอื่น และเป็น บริเวณที่สนามแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์สามารถทะลุออกจากดวงอาทิตย์ออกมาสู่อวกาศภายนอกได้ ดังนั้น เมื่อเกิดการระเบิดที่ผิวดวง อาทิตย์ในบริเวณนี้ กระแสอนุภาคจะถูกผลักดันออกมาตามแนวเส้นแรงแม่เหล็กนี้มาสู่โลก และเมื่อกระแสอนุภาคจากจุดดับพุ่งชน บรรยากาศเบื้องบนของโลก มันจะปะทะอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าที่อยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก (ionosphere) การชนกันเช่นนี้จะทำให้ เกิดกระแสประจุซึ่งมีอิทธิพลมากมายต่อการสื่อสารทางวิทยุ

    เหตุการณ์สอง ที่มีอิทธิพลทำให้สภาวะของอวกาศระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ปรวนแปร ในกรณีมีพายุสุริยะที่รุนแรงคือ ชั้นบรรยากาศ ของโลกอาจจะได้รับรังสีเอกซ์มากกว่าปกติถึง 1,000 เท่า รังสีเอกซ์นี้ จะทำให้อิเล็กตรอนที่กำลังโคจรอยู่รอบอะตอม กระเด็นหลุดออก จากอะตอม และถ้าอิเล็กตรอนเหล่านี้ชนยานอวกาศ ยานอวกาศก็จะมีความต่างศักย์ไฟฟ้าสูง ซึ่งจะทำให้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ในยานเสีย และนั่นก็หมายถึงจุดจบของนักบินอวกาศ

    ส่วนเหตุการณ์สาม ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุด เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มก๊าซร้อนหลุดลอยมาถึงโลก และเมื่อมันพุ่งมาถึงโลกสนามแม่เหล็กในก๊าซร้อนนั้นจะบิดเบนสนามแม่เหล็กโลก ทำให้มีกระแสไฟฟ้าไหลในชั้นบรรยากาศของโลกอย่างมากมาย กระแสไฟฟ้านี้ จะทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น มันจึงขยายตัว ทำให้ยานอวกาศที่เคยโคจรอยู่เหนือบรรยากาศ ต้องเผชิญแรงต้านของ อากาศ ซึ่งจะมีผลทำให้ยานมีความเร็วลดลงแล้วตกลงสู่วงโคจรระดับต่ำ และตกลงโลกเร็วกว่ากำหนด

    เหล่านี้คือเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเวลาโลกถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ดังนั้น เพื่อเตือนภัยล่วงหน้า ศูนย์สภาวะแวดล้อมของอวกาศจึงได้ประกาศ คำพยากรณ์สภาวะของอวกาศล่วงหน้าหนึ่งวันทุกวัน เพื่อให้คนเกี่ยวข้องได้รู้ว่า พายุจากอวกาศที่กำลังจะเกิดนั้นรุนแรงเพียงใด และจะมาถึงเมื่อใด โดยใช้ดาวเทียมที่ชื่อ Solar and Heliospheric Observatory (SOHO) ซึ่งถูกส่งขึ้นไปเมื่อ 5 ปีก่อนนี้ ให้สำรวจดวงอาทิตย์ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เพราะดาวเทียมดวงนี้อยู่ห่างจากโลก 1.5 ล้านกิโลเมตร และมีกล้องโทรทรรศน์สำหรับ วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ บนดวงอาทิตย์ ดังนั้น SOHO ก็สามารถบอกได้ว่า ความเร็วของกลุ่มก๊าซร้อนเป็นเช่นไร และกลุ่มก๊าซนั้นมี ขนาดใหญ่หรือไม่เพียงใด และนอกจากดาวเทียม SOHO แล้วสหรัฐฯ ก็ยังมีดาวเทียมที่ชื่อ Advanced Composition Explorer หรือ ACE อีกด้วย ซึ่ง ACE ถูกส่งไปโคจรรอบดวงอาทิตย์กับโลก และทำหน้าที่รายงานให้โลกรู้ว่า มหพายุสุริยะกำลังจะมาหรือไม่

    เพราะถ้ามาจริงๆ เราจะได้มีเวลาปลง

    ที่มา http://www.ipst.ac.th/ThaiVersion/pu...solarwind.html
    <!-- / message -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2008
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คำพยากรณ์เรื่องพายุสุริยะและสนามแม่เหล็กโลก

    [​IMG]

    คำพยากรณ์โลกของ อ.เลือง มินห์ ด๋าง ได้บอกเอาไว้ว่า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อสิ้นศตวรรษที่ 20 นี้ สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลง สลับสับสนกันอย่างยุ่งเหยิงไฟฟ้าบนโลกจะขัดข้อง การติดต่อสื่อสารรับรู้กันทั่วโลกโดยอิเลคทรอนิค จะใช้การไม่ได้ภัยพิบัติหลายๆ อย่างจะเกิดขึ้น คนที่เคยสนุกสุขสบายจะทนต่อสภาวะนั้นไม่ได้ เดือดร้อนเรื่องที่พัก อาหาร เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ผู้คนจะเกิดความเครียด คลุ้มคลั่ง ปั่นป่วนกันไปหมดทั้งโลก <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในวันนั้นน้ำ 1 ลิตรจะมีค่ามากกว่าทองคำ 1 กิโลกรัม และอาจจะไม่สามารถแลกซื้อได้ อาหารขาดแคลนมาก นับเป็นภัยอันตรายยิ่งกว่าสงครามใดๆ ภัยนี้จะคุกคามไปทั่วโลก ผู้คนที่ทนต่อสภาวะการณ์ดังกล่าวไม่ได้จะต้องตายไป และประมาณว่าอาจตายกว่า 70 เปอร์เซนต์ทั้งโลก


    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

    คำพยากรณ์โลก โดย อ.ปริญญา ตันสกุล

    จักรวาลได้เผยให้มนุษย์ได้ทราบล่วงหน้าแล้วว่า วันแห่งหายนะซึ่งจะชำระโลกสถานหนักคือเวลาที่ 11-11 ตรงตำแหน่งพิกัดที่โลกกับดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์เล็งทำมุมกันเป็นเส้นตรง และเวลาที่โลกมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ จะถูกส่งเข้ามายังระบบโลกตรงบริเวณพื้นที่ซึ่งได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ในปริมาณที่เข้มข้นกว่าช่วงระยะต้นของการกระทำทางเทคนิคต่อระบบโลกใน 7 ปีที่ผ่านมา

    ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่นอกระบบเอกภพ พร้อมด้วยจิตจักรวาลจำนวนมาก จะร่วมมือกันส่งคลื่นพลังงานความรักความถี่สูงพร้อมไอเย็น มายังดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะ เพื่อสร้างปฎิกริยาให้เกิดการระเบิดขึ้นบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ ก่อให้เกิดคลื่นความถี่วิทยุและพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้นสูงสุดในรอบ หนึ่งหมื่นสองพันปี แผ่กระจายออกมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์ เป็นพายุสุริยะมุ่งสู่ดวงจันทร์และโลก ด้วยอัตราความเร็ว 1 ล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยคลื่นวิทยุความถี่สูง ซึ่งเป็นคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กเช่นกัน จะเป็นผู้นำทางให้พลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้นเข้าถึงเป้าหมายที่ต้องการได้


    ทันที่ที่ดวงจันทร์ได้รับคลื่นพลังงานที่เข้มข้น ซึ่งแผ่มาจากดวงอาทิตย์ พลังงานภายในระบบของดวงจันทร์จะถูกอัดกระแทกอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดการรวมตัวกันเป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้นยิ่งกว่าที่ส่งมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์ มันจะดันทะลุจากด้านหนึ่งของดวงจันทร์ที่รับคลื่นพายุสุริยะพุ่งผ่านมายังดาวเคราะห์โลกอีกทอดหนึ่ง ระหว่างเกิดกระบวนการนี้สามารถจะรับรู้แรงสั่นสะเทือนทางกายภาพของดวงจันทร์ได้ไม่น้อย

    พายุแม่เหล็กทั้งที่เดินทางมาจากดวงอาทิตย์โดยตรง และจากการเสริมพลังของดวงจันทร์บริวารของโลก มีความเข้นข้นสูงมากกว่าปรกติ ส่วนใหญ่จึงสามารถฝ่าแนวแม็กนิโตสเฟียหรือสนามแม่เหล็กโลกซึ่งห่อหุ้มบรรยากาศโลกได้ มันจะพุ่งตัวเข้าอัดกระแทกกับพื้นโลกในทันที ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติอันเป็นผลลัพธ์ของกระบวนการที่เกิดขึ้น จากการกระทำทางเทคนิคต่อดาวเคราะห์โลกจากนอกระบบโลก จะก่อให้เกิดพายุแม่เหล็กในอากาศอย่างรุนแรง ท้องฟ้าวิปริตแปรปรวน และพายุฝนฟ้าคะนองบดบังแสงอาทิตย์อยู่ยาวนาน คลื่นทะเลจะปั่นป่วน ภาวะน้ำท่วมใหญ่จะเกิดขึ้นไปทั่ว ขณะที่สายฟ้าผ่าจะอัดกระแทกลงมายังพื้นโลกนับครั้งไม่ถ้วน ทุกสิ่งที่ถูกกระแทกมันจะพังทลายลงมากองกับพื้นดินชั่วพริบตาเดียว ไม่ละเว้นแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่ต้องล้มลงกับกองเถ้าถ่านของซากปรักหักพังเหล่านั้น

    ผู้ที่เคยสบถสาบานขอให้ฟ้าผ่าตาย แต่ไร้สัจจะพึงระวังตนไว้ให้ดี

    นอกจากนั้น ผลการกระทำทางเทคนิคจากนอกระบบโลก จะยังก่อให้เกิดพายุแม่เหล็กในอากาศกลายเป็นพายุหมุนทอร์นาโดรูปกรวยยักษ์ พุ่งเข้ากระแทกพื้นโลกอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน มันจะกวาดชำระทุกสิ่งในเส้นทางทางการเคลื่อนตัวของมัน ให้กลายเป็นที่ราบตามอำนาจความรุนแรงของมันดังที่มนุษย์รู้กันอยู่ภายในชั่วพริบตาเดียว

    เหตุการณ์ร้ายแรงเหล่านี้ มันจะเกิดเป็นระยะๆ และถี่ขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีใครคาดเดาได้ล่วงหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ ผู้ไม่ประมาทและมีสติเท่านั้น จึงจะมีชีวิตรอดได้ ในท่ามกลางความเลวร้ายที่กล่าวมาแล้ว มนุษย์โลกไม่อาจหลีกเลี่ยงการกระทำเทคนิคของจักรวาล อันเป็นปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติที่กล่าวมานี้ไปได้

    ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของนักรบแห่งแสงสว่าง ผู้ปฎิบัติตนอยู่ในความดีงามตามคำสอนของพระศาสดาแท้จริงเท่านั้น จะเป็นดินแดนที่ปลอดภัยบนโลกใบนี้

    ที่มา:- หนังสือ 11:11 วันเวลาที่สิบเอ็ด รหัสแห่งหายนะโลก ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากจิตจักรวาลโดย อ.ปริญญา ตันสกุล MBA., M.S.PARINYA TANSAKUL.,M.S. สำนักพิมพ์จิตจักรวาล โทร 0-2512-3176,0-2938-0062

    ************************************************************************************
    <!-- / message --><!-- edit note -->
    <!-- / message -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • mag1.jpg
      mag1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.8 KB
      เปิดดู:
      1,759
  18. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159
    สาธุคับ พี่คณานันท์...
     
  19. worrior

    worrior เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +316
    ไม่ได้เข้ามาโพสต์ซะนานแต่อ่านทุกวัน อยากจะแสดงความเห็นบ้างนะครับว่าที่คุณหล่อเค้าติติงมา จะถูกหรือผิดอันนี้ไม่มีใครทราบ แต่ว่าหัวข้อของกระทู้ที่ยาวนานมากๆนี้คือ "ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่" ก็แสดงว่าเปิดรับความคิดเห็นของทั้งสองฝ่ายนะ คือ เชื่อว่าจะเกิดก็เลยมีการหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาตักเตือนกัน อีกฝ่ายคือไม่เชื่อ เค้าก็มีเหตุผลในการหักล้างของเค้าถูกมั้ยครับ เพราะฉะนั้นก็ "เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ และเชื่อในสิ่งที่เฮ็ด" เถอะครับ แต่อย่าทะเลาะกัน อ้อ อีกเรื่องนะครับ ผมอาจไม่เห็นด้วยกับคุณหล่อไปทุกเรื่อง แต่เรื่องคำทำนายที่พอถูกก็เออคุณเก่ง แต่พอไม่ตรงก็บอกอ๋อมันเลื่อนเนี่ยผมก็ว่ามันออกจะเลื่อนลอยไปหน่อยนะครับ;aa36
     
  20. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    แจ้งข่าว ครับ

    ช่วงนี้ ทาง หลวงปู่ ท่านหนึ่งกำลังเข้าสมาธิขั้นสูงใน กุฏิส่วนตัว ชั้น2 ประมาณ 7 วันแล้วครับ อาจจะเพื่อการบางอย่างครับ
    ขอให้นิ่งใด้ครับ แต่ก็ไม่ควรประมาท ในธรรม ครับ เราควร ภาวนา และแผ่เมตตาด้วยกันเพื่อเพิ่ม สันติสุข ครับ ภูเก็ต และทั่วสยามเขตประเทศ
    โมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...