เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

หลวงปู่สำลี-วัดซับบอน
เหรียญฉลองอายุ100ปี
ผู้สร้างพระใหญ่ริมถนน
===============

แทบจะไม่เคยมีใครที่ขึ้นล่อง กรุงเทพฯ-สระบุรี หรือจากอิสานมุ่งสู่ภาคกลาง บนเส้นทางถนนมิตรภาพ เมื่อถึงช่วงมวกเหล็ก ทุกคนต้องพบ "องค์พระใหญ่" นั่งตระหง่าน พระเศียรเสียดฟ้า ประหนึ่งคอยอำอวยพรให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพปลอดจากภยันตรายทั้งปวง


*** ขอบคุณภาพ+เรื่องราวจากเพจ "เทศบาลเมืองทับกวาง" อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ***
-------------------------


พระใหญ่หยัด..ตัดตระหง่าน
พรพระผ่าน.....เนิ่นนานเหลือ
เพื่อ'มิตรภาพ'..สถาปน์เกื้อ
แผ่หน่อเนื้อ.....เชื้อชาวพุทธ
--"ปู่สำลี".......ศรีศักดิ์สงฆ์
--ปักหลักปลง..ประสงค์สุด
--หยุดยั้งอยู่......ดูแล'นุด'
--ราบรื่นรุด.........สุดเส้นทาง!

หมายเหตุ..นุด = มนุษย์(คำออนไลน์สมัยใหม่)

ภาพ-เรื่อง-กวี บรรยายถ้วนถี่ดีแล้ว ไม่ต้องบรรยายถึงความเป็นยอดอริยเจ้า "หลวงปู่สำลี ปภาโส" สงฆ์อาวุโสผู้รัตตัญญูรู้กาล อายุขัยผ่าน 115-117 ปี ตามวิสัยคนโบราณที่แจ้งเกิดช้ากว่าความเป็นจริง 2-3 ปีเสมอ

ในปี 2518 หลวงปู่อายุครบ "หนึ่งศตวรรษ" มรณภาพปี 2532 ก็เท่ากับอายุ 114 ย่าง 115 ตามทะเบียน

มอบวัตถุมงคลแทนองค์ท่านเป็น "สังฆบูชา" หน่อเนื้อนาบุญพระพุทธศาสนาที่หายากยิ่งรูปหนึ่ง เล่าก็แล้วกันว่าเหรียญ 100 ปีอาายุท่านมีที่มาที่ไปอย่างไร

ในราวปี 2540 ผมกับพรรคพวก ร่วมกันพิมพ์หนังสือสวดมนต์หลายพันเล่มหรืออาจจะถึงหมื่นเพราะพิมพ์ซ้ำ2-3หน เมื่อพิมพ์มากก็ตระเวณแจกไปเรื่อยๆทุกวัดจากภาคกลาง-อิสานและลงทางใต้

วัดซับบอนริมทาง ผ่านทีไรก็ต้องยกมือไหว้พระใหญ่ตลอดมา ก็ไม่พลาดแวะแจกที่ละหนึ่งห่อคือ 25 เล่ม ได้เข้าไปกราบ สรีระหลวงปู่ที่ไม่เน่าเปื่อยอยู่ด้านหลังพระใหญ่ ซึ่งองค์พระใหญ่ได้ทำที่ข้างล่างเป็นห้องสวดมนต์หรือห้องไหว้พระอื่นๆได้ แล้วก็ได้รับเหรียญนี้มาคนละหนึ่งเหรียญจากเจ้าหน้าที่ในตอนนั้น ก็ทำบุญเพิ่มกันไปตามอัธยาศัยคนละสี่ซ้าห้าร้อย

นี่คือที่มาที่ไปของเหรียญ รักษามานานแล้ว จัดมอบร่วมบุญให้คนรุ่นต่อๆไป ได้รักษาและบูชาของดีทีเด็ดสืบต่อ...

=======800=======

เหรียญไข่ใหญ่ เนื้อทองแดงกะหลั่ยทอง เชื่อว่าคงสร้างแค่หลักพันต้นมอบกับผู้ร่วมบุญ ในช่วงท่านกำลังสร้าง "พระใหญ่" คนเรียกว่า "หลวงพ่อโต" โอฬารอยู่ริมถนน 'มิตรภาพ' ช่วงขึ้นเนินเมื่อผ่านโรงปูน ทีพีไอ มองจากไกลๆจะเห็นท่านเสมือนโผล่ออกมาจากหมู่เมฆเมฆาขวางถนน น่าทึ่งมาก!!!

ผู้คนแถบถิ่นนั้น ยกย่องให้ "หลวงปู่สำลี" เป็น "เทพเจ้าแห่งดงพญาเย็น"...!

ยืนยันทุกเสียงว่า "หลวงปู่" เก่งมาก ครบเครื่องทุกวิชาทั้งพุทธศาสตร์ และไสยศาสตร์สายขาวแก้ไขไสยดำก็ทำได้ง่ายๆดั่งพลิกฝ่ามือ

เหรียญนี้ไม่เคยผ่านการใช้ รับมาสภาพไหนก็คงอยู่สภาพนั้น

ด้านหลังยืนยันเป็น รุ่นหนึ่ง-พิเศษ แต่ความจริงยังมีเหรียญรูปแบบคล้ายลูกแอปเปิ้ลอีกรุ่นที่สร้างก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี ซึ่งนักสะสมบูชาสายที่ราบสูงทราบกันดี แต่เหรียญนี้สุดพิเศษมากๆ สำหรับวาระ "ครบ ๑๐๐ ปี" ที่ใช่จะหากันง่ายๆสำหรับมนุษย์สักล้านคนต่อหนึ่งบนผืนโลกใบนี้

เชิญแลครบทุกมิติ
ความงามสมบูรณ์

รูปไข่ใหญ่ ยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลา
เป็นศิริมงคลต่อผู้ครอบครองบูชา
ปีหน้าเหรียญนี้อายุสร้างครบ50 ปี

 

ขออนุญาตพี่วันอีกครั้งนะครับ

เหรียญรัชกาลที่ ๕ เนื้อทองคำ น้ำหนัก ๓๕.๔ กรัม หลวงพ่อเล็กวัดท่าขนุน จารนะโมตาบอด ๒ จุด
เปิดให้ร่วมบุญ ๑๒๐,๐๐๐ บาท(ผมนำไปร่วมบุญทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ)



โดยจะแบ่งเป็น ๒ งานบุญดังนี้
๑. ผาติกรรมสังฆทานชุดพิเศษ มีสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอก ปิดทองประดับเพชร ชุดละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ถวายในงานกฐิน วัดท่าซุงในวันที่ ๑๙-๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๗

๒. เจ้าภาพหล่อสมเด็จองค์ปฐม ทรงเครื่องจักรพรรดิ หน้าตัก ๕ ศอก (ปูน) จำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท ณ สำนักสงฆ์ช่องม่วง อ.ละแม จ.ชุมพร วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๗

โดยสามารถแบ่งชำระได้ดังนี้ครับ
๑. งวดแรกภายในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๗ จำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท
๒. งวดต่อไป ภายในต้นเดือน ตุลาคม ๒๕๖๗ ไม่จำกัดจำนวนเงิน
๓. งวดสุดท้ายก่อนวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๗ หรือนัดจ่ายเป็นเงินสดที่วัดท่าซุง
ในวันที่ ๑๙ ตุลาคม เวลาไม่เกิน ๑๒.๐๐ น. (รับเหรียญในงาน)

รายละเอียดเพิ่มเติมกดดูได้ที่ลายเซ็นผมข้างล่างนี้ได้เลยครับ

 

.
สมาธินี่ เธอทุกคนทำได้ ถ้าตั้งใจ
สมาธิ ให้ผล ในความ สงบ
สงบกาย สงบใจ สงบสุข
เหล่านี้ เป็นต้น
บูชา พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ทำ สมาธิ สร้างบุญ ให้ แก่ตัวเรา
ให้ใจ กายมันสงบ
ให้ ใจ มันสงบ สงบใจ สงบใจ ร่มเย็น
อยู่ใน สมาธิ
ให้เธอทั้งหลายเจริญในธรรม

(หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี)

 

สวัสดีครับอาจารย์วันวิ พี่น้องทุกท่าน
อนุโมทนาบุญกับอาจารย์วันวิ พี่น้องทุกท่าน
ขอให้อาจารย์วันวิ พี่น้องทุกท่าน ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานกิจการทั้งปวง รุ่งเรืองก้าวหน้า สมปราถนาทุกประการ สุขภาพแข็งแรง เฮงๆ รวยๆ ทุกท่าน สาธุ

 

วันที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ตรงกับวันจันทร์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะโรง
ใส่บาตรในเช้าวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

บุญใหญ่ต้องใช้พระใหญ่เหมือนขีปนาวุธ เหรียญนี้คิดเนื้อทองคำก็ตก 2 บาทกว่า ราคาทองวันนี้คิดบาทละ40,000 ต้นทุนทองริมๆแสน ไม่ต้องคิดต้นทุนการผลิต บวกยอดพิธีพุทธาภิเษก กับความหายาก ซึ่งสะสมเมื่อไหร่ก็ดีต่อตัว และไม่ขาดทุน

หนักใจก็เวลานี้เศรษฐกิจเหนื่อยหนัก การควักเงินแสนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าจะร่วมบุญสำหรับคนพอมีกำลัง ผมก็ขอเชียร์ว่า...อย่าช้า!!!

 

วันจันทร์ วันพระ พรจากสุพรรณฯมาเยือน เสมือนรับโชคดี 2 เด้ง ขอบคุณน้องน้อต เฮง และรวยสุข ปลอดโปร่ง ปราศทุกข์เช่นกัน

 

เช้าวันพระแต่เป็นวันเริ่มต้นงาน คนใส่บาตรอาจบางตาสำหรับเช้านี้ บางทีจุดอื่นอาจหนาตา ร่วมอนุโมทนา รับพรรับความสบายใจอีกครั้ง ก่อนไปทำงานราบรื่นตลอดวัน

 

คำสอน "หลวงปู่"ก็ประหนึ่ง
"คำพร" น้อมรับเป็นศิริมงคล...

*** จิตสงบ..สบสว่าง
ใจปล่อยวาง..สู่ว่างเปล่า
เกลากิเลส.......เฉดมัวเมา
ดับความเขลา....เข้าสมาธิ
--***สมถะ...ผละวุ่นวาย
--ปิศาจหาย..ได้สติ
--ผลิพุทธะ......ละทิฏฐิ
--คือสมาธิ.........ริเริ่มธรรม!

 

จุดนี้ทุกวันพระคนจะเยอะมากครับ เพราะมีของใส่บาตรขายทุกวันและมีชุดกรวดน้ำไว้บริการฟรี ส่วนแผงขายดอกไม้จะมาตั้งขายทุกวันพระ แต่วันนี้ผมมาสาย มาถึงจุดนี้ตอนที่พระกำลังจะเดินต่อไปที่อื่นแล้วครับ ดีว่ามีคนมารอใส่บาตรอยู่อีกคน เลยได้ภาพตามที่เห็นครับ

 

เรียนน้าวัน ได้รับเหรียญพ่อสงฆ์ พ่อหงษ์ พ่อจ้อย ช่วงบ่ายวันพระใหญ่ แรม 14 ค่ำ เดือน 9 ได้นิมนต์ท่านให้เป็นมงคลประจำบ้านแล้วครับ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 

เหรียญนี้ทางวัดจัดสร้างในปี 2558 (เนื้อทองคำ 300 เหรียญ) เพื่อสมทบทุนในการสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ในปีนั้นทองคำเฉลี่ยอยู่ที่บาทละ 20,000 บาท ต้นทุนค่าทองคำจึงอยู่ประมาณไม่เกินเหรียญละ 50,000 บาท แต่เนื่องจากสร้างเป็นเหรียญรูปรัชกาลที่ 5 ทางวัดจึงได้ขออนุญาตจากทางสำนักพระราชวัง ซึ่งกว่าจะได้รับอนุญาตกลับมาก็ใช้เวลานานหลายปี จนวิทยาลัยสงฆ์เขาได้สร้างไปเกือบจะเสร็จอยู่แล้ว

ทางวัดได้นำออกมาให้บูชาครั้งแรกในปี 2562 (ขออภัยถ้าจำผิด) ไม่ได้กำหนดราคาเป็นจำนวนเงิน แต่กำหนดเเป็นทองคำน้ำหนัก 3 บาท เพื่อนำไปแลก เนื่องจากในช่วงเวลานั้นทางวัดกำลังจะหล่อพระพุทธรูปทองคำ ซึ่งจะต้องใช้ทองคำจำนวนมาก ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่านะครับสำหรับเหรียญที่มีน้ำหนักสองบาทกว่า เพราะก่อนหน้านี้ทางวัดได้เปิดให้บูชาตะกรุดมหาสะท้อนเนื้อทองคำ น้ำหนัก 1 บาท แต่ต้องใช้ทองคำน้ำหนัก 3 บาท ไปแลกเหมือนกัน



ในครั้งนั้นเหรียญนี้ออกให้บูชาโดยไม่มีรอยจารแต่อย่างใด แต่ก็ถือว่าเป็นเหรียญที่เข้าพิธีฯ ของวัดท่าขนุนมาหลายครั้ง แต่เข้าใจว่าครั้งแรกที่นำออกให้บูชานั้น เหรียญยังไม่น่าจะหมด เนื่องจากเหรียญไม่ได้เป็นรูปพระ หรือหรือมียันต์ใด ๆ ในเหรียญเลย จึงอาจจะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรจะเป็น ในครั้งนั้นเจ้าเปา(สิริพันธุ์) ได้บูชามาเหรียญหนึ่ง



ต่อมาในปี 2564 ได้มีการนำออกมาให้บูชาในนามวัตถุมงคลส่วนองค์ ของพระครูวิลาศกาญจนธรรม ,ดร.
ในราคาเหรียญละ 75,000 บาท (ทองคำในปีนั้น 24,500 - 29,000) โดยในวาระนี้ มีจารนะโมตาบอด 1 จุด เข้าใจว่าเหรียญชุดนี้ได้เข้าพิธีฯ เพิ่มจากปี 2562 อีกหลายครั้ง (เครดิตภาพจากเว็บวัดท่าขนุนครับ)

วาระต่อมาในปี 2565 ทางวัดออกให้ร่วมทำบุญสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี กำหนดราคาเหรียญละ 75,000 บาทเท่าเดิม โดยราคาทองคำในปีนั้นเฉลี่ยอยู่บาทละประมาณ 30,000 บาท ในครั้งนี้จะมีจารยันต์นะโมตาบอด 2 จุด รอบนี้เหรียญจะออกเยอะที่สุด อาจจะเป็นเพราะเข้าใจว่า เหรียญที่เหลืออยู่นี้ได้เข้าพิธีฯ เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกหลายพิธีฯ หรืออาจจะมองว่าคุ้มค่าที่สุด เพราะถ้าคิดราคาทองคำบาทละ 30,000 บาท สมัยก่อนต้องเอาทองคำ 3 บาทไปแลก เหรียญก็น่าจะมีราคาอยู่ที่ 90,000 บาท

ผมเองได้ร่วมทำบุญไปในครั้งนั้นจำนวน 3 วาระด้วยกัน วาระที่น้อยสุดคือ 2 เหรียญ วาระที่มากสุดคือ 8 เหรียญ
แถมยังชวนพี่สาวให้ร่วมทำบุญเป็นวาระที่ 4 อีก 1 เหรียญ
(ช่วงนี้เองที่เปาเริ่มน้อยใจ เพราะเหรียญของเขาไม่มีรอยจารเลย แต่เหรียญของผมที่ออกมาทีหลังมีรอยจารตั้ง 2 จุด ถ้าเอามาขายคนก็จะไม่เอา เพราะไม่มีรอยจาร จะต้องขายในราคาต่ำกว่า แต่คงจะต่ำกว่าราคาทองคำไปไม่ได้ เพราะถ้าราคาเท่ากัน คนก็จะเลแบบมีจาร แต่ผมก็มีวิธีทำให้เปายิ้มได้ และหายน้อยใจ ซึ่งผมจะทำแบบไหนนั้น ให้ติดตามวันพรุ่งนี้นะครับ)

ต้องยอมรับว่าเป็นเหรียญทองคำที่ได้มาแล้วเอามาขายต่อได้ยากที่สุด หากเทียบกับตะกรุดมหาสะท้อนเนื้อทองคำ น้ำหนัก 1 บาท ซึ่งตอนนี้ขายกันอยู่ 150,000-180,000 บาท ถือว่าเหรียญรัชกาลที่ 5 นั้นคุ้มค่ามาก เพราะถ้าข้อมูลไม่ผิดพลาด เหรียญรัชกาลที่ 5 นี้เข้ามาหลายพิธีฯ ซึ่งเป็นมหาสะท้อนด้วย

ผมได้ขายเหรียญรัชกาลที่ 5 เหรียญแรกเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งผมคิดแค่ราคาทองคำ 35.6 กรัม คือ 95,000 บาทเท่านั้นครับ คนที่เอาไปก็ให้คิดเสียว่าซื้อทองคำ 2 บาทหนี่งสลีงกับอีกนิดหน่อย แต่สิ่งที่เขาได้ไปมีคุณค่ามากกว่าทองคำมากมายนัก หลังจากที่ผมขายเหรียญแรกไป พี่สาวก็บอกว่างั้นช่วยขายให้เขาหน่อยสิ จึงได้ขายให้พี่สาวไปอีกเหรียญในราคาเดียวกัน

ผมได้ลงขายอีกเหรียญเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา แต่ถึงวันนี้ยังเงียบกริบ

อยากทำบุญกฐินวัดท่าซุงครับ แต่ไม่มีเงิน จึงต้องเอาเหรียญนี้มาออกหาเงิน เศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมานี้ คาดการณ์อะไรไว้ ไม่ได้ตรงตามนั้นเลย มันผิดพลาดไปหมด

ผมตั้งราคาเหรียญนี้ไว้ที่ 120,000 บาท ถือว่าเป็นการวัดกำลังใจกันครับ

 

อ้อ ได้ภาพอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น ผมเพียงเขียนตามภาพที่เห็น ไม่ได้ข้องใจหรือตั้งข้อสังเกตสงสัยแต่อย่างใด

 

3 คณาจารย์เมืองใต้เดินทางถึงอิสานใต้ ไม่ติดน้ำที่กำลังทะลักท่วมหลายพื้นที่ น้องบัวฯแจ้งวัน แถมข้างขึ้นข้างแรมอย่างดี ต้องขอบคุณอย่างแรง ทำสิ่งใดขอจงได้รับ ผลสำเร็จ 3 เด้ง 3 เฮง ด้วยพลังแรงเหลือล้นของยอดคณาจารย์

 

รายละเอียดเหรียญทองคำล้ำค่า ท่านใดเคาะไปเพื่อการบุญ ก็เก็บความทั้งหมดไว้เป็นประวัติของเหรียญได้อย่างไม่ผิดพลาด คุณพัฒน์บันทึกละเอียดยิบไม่ตกหล่น วันหนึ่งข้างหน้า จักเป็นประวัติประกอบวัตถุมงคลที่ช่วยเพิ่มมูลค่าอีกมหาศาล

ส่วนเรื่องราคา "วัดกำลังใจ" ที่ว่ามาตอนท้ายนั้น ไม่มีปัญหาหรอกครับ ถ้าหากมี "กำลังเงิน"-ฮ่า