พระดี พิธีใหญ่ รับประกันแท้ทุกรายการ!!! เชิญชม บูชา ในกระทู้ได้เลยครับ"

2632. ผู้ได้รับการยกย่องดุจช้างเผือกแห่งเขาบรรทัด เหรียญเจ้าสัวดวงเศรษฐี เนื้อตะกัวหลังเรียบ มีจาร สร้างน้อยเพียง 499 เหรียญ หลวงพ่อสว่าง สุนฺทโร วัดสรีสุคนธาวาส พัทลุง ให้บูชา 999 บาท ท่านเป็นพระน้องชายหลวงพ่อแปลก วัดปากปรน ตรัง

​

พระอริยสงฆ์ พระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม
พระอริยสงฆ์ศิษย์พ่อท่านแปลก วัดปากปรน

ด้วยความที่บิดาของท่านเป็นหมอพื้นบ้านที่เชี่ยวชาญในไสยศาสตร์ ทำให้ตัวท่านได้รับถ่ายทอดวิชาอาคมมาตั้งแต่เยาว์วัย ท่านได้คอยอุปฐากและเป็นลูกมือให้กับ “พ่อท่านแปลก วัดปากปรน” ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งการติดตามพ่อท่านแปลกไปในเกือบจะทุกที่ ทำให้ท่านได้มีโอกาสพบกับ พระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม

ท่านเข้าอุปสมบท ณ วัดถ้ำ ตำบลเขาปู่ จังหวัดพัทลุง
พระครูประโชติวินัยคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระครูพ่วง สุธมฺโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์
หลังอุปสมบทท่านได้จำพรรษา ณ วัดถ้ำ และเดินทางไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมจากพ่อท่านแปลก จวบจนพ่อท่านแปลก มรณภาพ

 

2633. พระมหาสิทธิโชค เนื้อดิน หลวงพ่อบัณฑูรย์สิงห์ กรุวัดเกตุมวดีศรีวราราม (วัดบางโทรัด) จ.สมุทรสาคร ปี2478 หลวงพ่อปาน, หลวงพ่อจง ร่วมเสก ปิดรายการครับ

​

เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ วัดเกตุมดีศรีวราราม จ.สมุทรสาคร โดย พระเดชพระคุณ พระครูภาวนาวรคุณ (หลวงพ่อใหญ่)
ได้ทำพิธีเปิดกรุพระบรมธาตุเกตุมวดีย์ (องค์เดิม) ได้พบพระเนื้อดินที่สร้างโดย ท่านพ่อบัณฑูรสิงห์
นำมาบรรจุไว้เพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา จำนวนมาก ๘๔,๐๐๐ องค์
ซึ่งถ้านับจากอายุการสร้างถึงปัจจุบันก็มีอายุได้เกือบ ๑๐๐ ปีแล้ว
พระกรุเนื้อดินที่พ่อท่านบัณฑูรสิงห์ได้สร้างบรรจุกรุไว้นี้ หลวงพ่อใหญ่ได้ขนานนามว่า
“ หลวงพ่อมหาสิทธิโชค ”
เป็นพระเนื้อดินเผาพิมพ์สี่เหลี่ยมเป็นรูปพระพุทธแบบต่างๆ มีทั้งที่ประทับสัตว์แบบลพ.ปานก็มี
ผู้สร้างคือท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ ฆราวาสมหาโพธิญาณผู้เป็นอนาคตวงศ์ ได้ทำพิธีพลีดินจากสถานที่สำคัญต่างๆ และดินจากสังเวชนียสถานทั้ง 4 มาผสม
เสร็จแล้วได้นิมนต์ ลพ.ปาน วัดบางนมโค และ ลพ.จง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา ซึ่งเป็นสหธรรมิกกันมาร่วมอธิษฐานจิตก่อนบรรจุกรุ

 

2634.พระสมมเด็จลงกรุ หลังรูปเหมือน หลวงพ่อพุฒ วัดเขาไม้แดงเนื้อว่าน ยุคสุโขทัย เจ้าของวลีเด็ด"เหนียวยันไส้" ศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ปิดรายการครับ

​

 

2635. พระสมเด็จแก้วสารพัดนึก พ.ศ.2525 หลังเรียบ ปิดรายการครับ

​

พระสมเด็จฐานชั้นเดียว วัดเขาไม้แดง
ในบรรดาพระพิมพ์เนื้อผงของแท้ๆจากวัดเขาไม้แดงนั้น เป็นที่ยอมรับว่าดีและน่าสนใจทุกแบบพิมพ์ ไม่ว่าจะได้รับการปลุกเสกจากหลวงพ่อยงยุทธหรือหลวงพ่อพุฒมาก็ตามที โดยวัดเขาไม้แดงมีการสร้างพระผงออกมาเรื่อยๆเป็นระยะๆนับจากหลังปี2500 เป็นต้นมา ทั้งเพื่อมอบให้คนที่มากราบท่าน และมอบตอบแทนคนที่มาทำบุญกับวัด และหากเราได้สังเกตโดยละเอียดรอบคอบแล้วจะพบว่า พระสมเด็จปี 2509 พิมพ์ฐาน 3 ชั้น จะมี 2บล็อกแม่พิมพ์ คือแบบหลังใบเสมา แบบหลังเรียบและแบบหลังรุูป แถมยังแยกย่อยเป็นแบบพิมพ์เล็กและใหญ่ ที่จะต่างขนาดกันเพียง 2 มิลลิเมตรเท่านั้น สมเด็จปี 2514 ฐาน 3 ชั้นก็จะมีหลัง 3แบบ คือหลังปั้มอักษรจม (คำว่าวัดเขาไม้แดง ๒๕๑๔) แบบหลังเรียบและแบบหลังรูป ส่วนพระแหวกม่านรุ่นแรก-รุ่นสอง พระผงคะแนนพิมพ์ต่างๆ พระสมเด็จ16ชั้น สมเด็จฐานบัวฟันปลา ฐานขาโต๊ะ พิมพ์ฐานเม็ดและพระเนื้อผงอีกหลายพิมพ์ของวัดเขาไม้แดง ล้วนจะมีสร้างขึ้นหลายวาระด้วยกัน กล่าวคือ..มีการผสมเนื้อและกดพิมพ์ต่างกรรมต่างวาระ สร้างคนละยุคสมัยในต่างปีกัน จึงพบว่ามีเนื้อหาหลายโซน มีธรรมชาติหลากหลายผิวพรรณ เนื้อหามีหลายเกรน มีส่วนผสมแตกต่างกัน แม้จะเป็นพระแท้ๆจากวัดและรูปแบบพิมพ์ที่เหมือนกัน บางพิมพ์ก็เป็นพระผงที่จ้างโรงงานผลิตมาให้ จนทำให้คนใหม่ๆที่เพิ่งสนใจหันมาเสาะหาหรือพบเจอพระพิมพ์เดียวกัน แต่เนื้อหาผิดแผกแตกต่างกันชนิดคนละยุคสมัยอาจสับสนสงสัยได้
แต่มีพระผงของวัดเขาไม้แดงพิมพ์หนึ่งที่น่าสนใจมาก และอยากแนะนำให้เก็บข้อมูลไว้เพื่อลองนำไปพิจารณาด้วยตัวเอง โดยพระพิมพ์นี้ยังมีให้พบเจอในกลุ่มลูกศิษย์ของท่านเวลานี้ คือพระสมเด็จฐานชั้นเดียวนั้น (เป็นชื่อตามที่คนยุคก่อนเรียกหา) เป็นพระผงที่สร้างในช่วงก่อนปี 2525 ก่อนจะสร้างพระพิมพ์แหวกม่านรุ่นสองตามออกมา เป็นช่วงสมัยที่หลวงพ่อยงยุทธเร่งพัฒนาวัดเขาไม้แดงให้เจริญขึ้นจากสภาพทรุดโทรมจนแทบจะเป็นวัดร้าง เป็นพระผงที่หลวงพ่อยงยุทธให้พระสงฆ์ในวัดขณะนั้นสร้างขึ้นตามเจตนาดีของท่าน เพื่อต้องการมอบตอบแทนให้คณะศิษย์ หรือคนใกล้ชิดที่มีความเหนื่อยยาก จากการที่คอยช่วยเหลือวัดและเป็นผู้ช่วยงานต่างๆที่ท่านกำลังดำเนินงานช่วงนั้น พระพิมพ์นี้มีแม่พิมพ์ที่แกะเป็นการเฉพาะของตนเอง (แม่พิมพ์นี้ท่านให้ทำลายในช่วงประมาณปลายปี2530) สร้างในวาระเดียวคือเมื่อครั้งหลวงพ่อให้สร้างขึ้นเองในปีนั้น และไม่มีการถอดพิมพ์มาสร้างต่อในยุคหลังอีกเลย มีการผสมเนื้อและกดพิมพ์พระในปีเดียวกันเท่านั้น โดยผสมเนื้อเพื่อกดสร้างสองครั้ง ในครั้งแรกกดเป็นพระสมเด็จที่ไม่มียันต์ด้านหลัง ซึ่งผู้ได้รับไปแล้วบางรายก็นำไปให้หลวงพ่อเมตตาจารกำกับให้อีกครั้ง (แต่แบบนี้จะพบเจอน้อยมาก) เมื่อหลวงพ่อพบว่าขาดเอกลักษณ์ของท่านและของวัดเขาไม้แดง ท่านจึงให้แก้ไขโดยแต่งให้พิมพ์คมชัดกว่าเดิมพร้อมยังให้แกะยันต์และชื่อวัดใส่ด้านหลังเพิ่มเติมลงไป
ดังนั้นพระผงที่กดสร้างในครั้งที่สองของปีนั้น จึงมียันต์นะพรชัยและชื่อวัดเขาไม้แดงที่ด้านหลังทุกองค์ โดยจำนวนพระผงที่กดออกมาครั้งแรกที่ไม่มียันต์ มีทำไว้ไม่เกิน 100 องค์ และไม่เกิน 300 องค์ สำหรับแบบที่แก้ไขใส่ยันต์นะพรชัยพร้อมชื่อวัดเขาไม้แดงแล้วที่ด้านหลัง ซึ่งจำนวนจะมีน้อยกว่าพระผงอีกหลายๆพิมพ์ทรงของวัดนี้ โดยพระพิมพ์นี้ส่วนใหญ่แทบทั้งหมดจะกดพิมพ์โดยหลวงตาหรุ่น มีเพียงเนื้อว่าน (สีเทาดำ)ไม่กี่องค์เท่านั้นที่จะกดพิมพ์โดยหลวงตาเจริญ สำหรับพระผงที่มีเนื้อเทาดำนั้น เป็นเพราะหลวงตาเจริญได้นำว่านบางอย่างมาผสมทำเป็นเนื้อมวลสาร (พระสงฆ์ของวัดเขาไม้แดงที่จำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อยงยุทธในสมัยนั้น ที่คอยช่วยหลวงพ่อยงยุทธกดพิมพ์สร้างพระผงจะมี หลวงตารอด-หลวงตาเจริญและหลวงตาหรุ่น โดยเฉพาะหลวงตาเจริญคือ พระสงฆ์ผู้ที่กดพระพิมพ์แหวกม่านรุ่นสองให้กับหลวงพ่อยงยุทธ ส่วนหลวงตาหรุ่นนั้นเป็นพระสงฆ์มาจากที่อื่นและมาพักจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาไม้แดงนาน 5- 6 ปี) โดยมีศิษย์ฆราวาสช่วยตำ ช่วยบดและผสมมวลสารอีก 3 ราย
พระสมเด็จเนื้อผงรุ่นนี้ ที่มีพบจะเจอทั้งแบบเนื้อขาว เนื้อเหลืองและเนื้อผสมว่านออกสีเทาดำ (คนยุคนั้นเรียกเนื้อใบลานตามสีของเนื้อพระ) แบบเนื้อดำจะพบน้อยที่สุด และเนื้อขาวจะมีน้อยกว่าเนื้อเหลือง มีพิมพ์ใหญ่เพียงอย่างเดียวขนาดเดียวเท่านั้น จะมีขนาดเท่ากับพระสมเด็จมาตรฐานทั่วไป ลักษณะตัดขอบในพิมพ์ แต่จะพบยันต์นะพรชัยและชื่อวัดเขาไม้แดงประทับไว้ด้านหลังเฉพาะเนื้อขาวและเนื้อเหลือง ซึ่งเป็นการแก้ไขแม่พิมพ์แล้ว สำหรับเนื้อดำนั้นยังไม่พบมียันต์ด้านหลัง (ผู้เล่าจำไม่ได้ชัดเจนว่า เมื่อแก้ไขแม่พิมพ์แล้ว ยังจะได้ผสมเนื้อว่านมากดพิมพ์สร้างแบบหลังยันต์ไว้อีกหรือไม่) เพราะผู้กดพิมพ์พระเกรงว่าจะกดไม่ติดยันต์หลังสำหรับเนื้อดำ ด้วยเหตุที่เนื้อว่านจะร่วนๆไม่แน่นตัวเหมือนแบบเนื้อผง แต่เนื้อหามวลสารของพระทั้งหมดนี้จะผสมไปด้วยเกศาของ ลพ.ยงยุทธจำนวนมากจนเห็นได้ชัดในทุกองค์ ผงพระสมเด็จ ผงพระจากกรุที่ป้อมรามัญ (นำมามอบให้โดย ลพ.ใช้ ) ผงพุทธคุณของหลวงพ่อยงยุทธเอง เศษพลอยบด ผงตะไบทอง ว่านสาวหลง ผงแร่เกาะล้าน และสำหรับเนื้อสีดำนั้นได้ผสมว่านบางชนิดที่หลวงพ่อปลูกเลี้ยงไว้บนยอดเขาไม้แดงลงไปด้วย
ผู้ร่วมสร้างพระผงชุดนี้ ได้นำเนื้อหามวลสารเก่าๆที่มีอยู่เดิมของวัดเขาไม้แดงมาผสมลงไปหลายอย่าง รวมทั้งผงเก่าๆของหลวงพ่อซึ่งมีอยู่ในขณะนั้นเพื่อกดเป็นพระสมเด็จพิมพ์นี้ ยังได้ผสมพลอยบดและมวลสารอื่นๆไว้มากเป็นพิเศษ เพื่อจะให้มีความแตกต่างจากพระผงรุ่นอื่นๆที่เคยสร้างมาก่อนหน้า พระผงรุ่นนี้ไม่ผสมกาวในเนื้อพระ แต่ผสมน้ำมันตังอิ๊วบางๆเมื่อนำมาใส่ตลับและแขวนติดตัวนานๆจนไอร้อนจากร่างกายและเหงื่อไคลซึมซาบเข้าไปในองค์พระ ก็จะเกิดคราบผุดขึ้นตามผิวพระอย่างสวยงาม บางองค์จะถูกทาเคลือบด้วยแลคเกอร์บางๆเพื่อรักษาเนื้อพระไว้ในสภาพเดิมๆ อันบ่งบอกถึงความสำคัญของพระรุ่นนี้ เนื้อพระที่เหลืออยู่บางส่วนหลังจากกดพิมพ์สมเด็จฐานชั้นเดียวครบตามที่ต้องการแล้ว ก็นำไปกดพระพิมพ์ขาโต๊ะปี2525 ซึ่งจะพบเจอพระสมเด็จขาโต๊ะเนื้อเดียวกันแบบนี้ไม่มากนัก (สมเด็จขาโต๊ะมีหลายเนื้อ หลายธรรมชาติอายุ แม้เป็นพิมพ์เดียวกัน)
พระผงชุดนี้ทั้งหมดได้นำมาให้หลวงพ่อยงยุทธปลุกเสกเดี่ยว โดยท่านนำไปปลุกเสกบนยอดเขาไม้แดงนานหลายวัน ทั้งด้วยอภิญญาจิตและวิชาต่างๆที่ท่านสำเร็จ ทั้งยังอัญเชิญดวงจิตของสมเด็จพุฒาจารย์โต มาปลุกเสกเป็นปฐมฤกษ์ตามวิธีของท่านที่ศิษย์สายนี้รับทราบกันดี เน้นอารมณ์ไปที่ทำมาหากินรุ่งเรืองก้าวหน้า มีเมตตามหานิยม มีคนรักใคร่ไม่อดไม่อยาก และสิ่งที่ทุกคนที่ได้รับไปแล้วรู้สึกหวงแหนมากกว่าแบบพิมพ์อื่นๆ เพราะหลวงพ่อยงยุทธได้บอกคณะศิษย์ยุคนั้นไว้ว่า
“ ...เก็บไว้ให้ดี พระรุ่นนี้นอกจากมีเมตตาดีมากแล้ว ที่พิเศษกว่าแบบอื่นคือจะได้ผลดีในทางใช้อธิษฐานตามที่ต้องการ...” โดยท่านได้มอบให้กับคนที่เคยช่วยเหลือวัดเขาไม้แดงและไม่ได้นำออกจำหน่ายให้บูชาในยุคสมัยท่านเลยแม้แต่องค์เดียว บางคนก็ได้รับแจกมาองค์เดียว บางคนก็ขอรับไปฝากลูกหลานเพิ่มอีกหลายองค์ ซึ่งท่านก็ใจดีมอบให้ไปเก็บรักษาไว้ ได้มากันทั้งแบบเนื้อขาว-เนื้อเหลือง มีทั้งหลังเรียบและหลังยันต์ ส่วนพระที่เหลือท่านให้นำไปเก็บไว้และปลุกเสกร่วมกับพระเครื่องในรุ่นอื่นๆอีกหลายครั้ง โดยท่านย้ำกำชับคนที่ได้ไปแล้วว่าให้เก็บรักษาและบูชาให้ดีๆ
เมื่อศิษย์คนสนิทที่ช่วยวัดมานานหลายปีซึ่งก็คือหลวงตาเจริญ ได้มรณภาพลงในอีก5ปีต่อมาหลังจากสร้างพระผงรุ่นนี้ ท่านก็นำพระพิมพ์นี้แทบทั้งหมดไปแจกให้แขกที่มาร่วมงานวันเผาที่จังหวัดนครสวรรค์ด้วยตัวท่านเอง ส่วนที่ยังพอมีเหลืออีกเพียงเล็กน้อย ท่านก็ให้นำไปเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของวัดเขาไม้แดง และเมื่อครั้งหลวงพ่อยงยุทธละสังขารไปแล้วนั้น ทางวัดเขาไม้แดงเองก็ยังได้นำพระผงชุดนี้มาแบ่งให้คนได้บูชา แต่เพียงไม่กี่วันพระสมเด็จชุดนี้ก็ได้หมดไปจากวัดเพราะเหลืออยู่ไม่กี่องค์เท่านั้น คนยุคหลังจึงไม่ได้บูชาไว้พร้อมยังไม่ค่อยมีแพร่หลายมากนัก มีพบเจอน้อยแม้ในพื้นที่แถบชลบุรีเอง ดังจะเห็นมีผู้นำมาโชว์บ้างประปราย แต่ก็พบเจอน้อยกว่าพระผงของวัดฯในรูปแบบอื่นๆที่มักเห็นลงโชว์ลงจำหน่ายกันบ่อยๆ ได้มีผู้ถือพระพิมพ์นี้นำไปสอบถามท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ท่านก็บอกว่าพระพิมพ์นี้ไม่มีเหลือมานานแล้ว เวลานี้เหลือแต่ตัวอย่างพระรุ่นนี้ที่บรรจุในกรอบของวัดที่เคยนำออกให้บูชา เพื่อแสดงว่านี่คือพระชุดต่างๆที่วัดเขาไม้แดงเคยเปิดแบ่งให้เช่าบูชามาก่อนหน้า
พระพิมพ์นี้เท่าที่พบเจอ ก็มักจะมีเก็บไว้กับครอบครัวของลุงๆน้าๆ คนรุ่นเก่าที่เคยมาช่วยวัดทำงานหรือคนที่เคยบวชอยู่กับหลวงพ่อยงยุทธ และเป็นที่หวงแหนเก็บไว้กว่าพิมพ์อื่นๆสำหรับคนเก่าๆที่เคยรู้เคยเห็นพิธีการสร้างการเสก เขาจะรู้สึกหวงแหนมากกว่าพระพิมพ์ยอดนิยมอื่นอีกหลายอย่างที่ยินยอมแบ่งให้โดยไม่อิดออดหรือลังเล และกับบางท่านที่แม้เมื่อได้ขอเช่าบูชาพระกันนับแสนบาทแล้ว ซึ่งล้วนแต่แบบชุดดังๆแพงๆยอดนิยมดีๆทั้งนั้น แต่ลุงๆน้าๆเหล่านั้นก็ยังแนะนำให้เอาพระสมเด็จพิมพ์นี้แขวนติดตัวบ้างสักองค์ โดยบอกว่าพระรุ่นนี้แรงและมีดีจริงนะ สำหรับส่วนตัวของผมแล้วมีความเห็นว่า พระผงชุดนี้ไม่ใช่พระเครื่องที่ศิษย์ในวัดคิดสร้างทำกันเอง แล้วเอาไปถวายให้หลวงพ่อปลุกเสกเพื่อจัดให้ออกบูชาแต่อย่างใด แต่จัดสร้างขึ้นในวาระพิเศษตามเจตนาและจุดประสงค์เฉพาะของหลวงพ่อเอง มีการตรวจสอบและแก้ไขให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
หากใครอยากพึ่งพาพระพุทธคุณด้านเสริมดวง หนุนชีวิตด้านการทำกินและเมตตาค้าขาย อยากแนะนำให้มองไปที่พระรุ่นที่กดพิมพ์หรือสร้างกันในวัดเขาไม้แดงโดยแรงกายของพระสงฆ์ที่วัดเป็นอันดับแรกๆไว้ก่อน (แบบอื่นก็มีดีเพียงเน้นไปที่ของสร้างในวัดไว้ก่อน) เพราะเมื่อได้สอบถาม-พูดคุยรายละเอียดปลีกย่อยของเรื่องราวต่างๆ ทั้งกับคนที่ทันอยู่ใกล้ชิดท่านมาจริงๆ และกับรุ่นพี่ที่เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในหน่วยงานเดียวกันที่สัตหีบ ที่เคยมาฝึกปฏิบัติกับหลวงพ่อยงยุทธ ก็ได้ทราบว่า...ยังมีเรื่องดีๆแปลกๆที่ไม่เผยแพร่ออกไปวงนอกอีกมาก รู้และได้รับไว้เฉพาะตนก็มีอีกหลายๆท่าน อย่างหนึ่งที่ขอยืนยันไว้คือ พระแท้ๆของท่านใช้รักษาโรคที่เกินแก้ไขได้ เป็นวิชาหนึ่งที่ท่านเก่งมากและทำให้ศิษย์ได้พบเจอมาก็มากราย
ผู้ที่บอกเล่าให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงของพระสมเด็จฐานชั้นเดียวนี้มีหลายคน ทุกคนเป็นคนร่วมสมัยกับหลวงพ่อยงยุทธมาอย่างแท้จริง รวมทั้งคนที่อยู่ในวัดและร่วมช่วยสร้างด้วย ซึ่งมีทั้ง ลุงตู่ คนพื้นเพเดิมจากจังหวัดนครสวรรค์ ที่เป็นเสมือนหลานของหลวงพ่อยงยุทธ โดยใช้ช่วงหนึ่งของชีวิตคอยรับใช้และขลุกอยู่กับหลวงพ่อยงยุทธมากว่า 45 ปี โดย ลพ.ยงยุทธส่งเสียให้เรียนหนังสือพร้อมกับพี่ชายแท้ๆอีกท่านหนึ่ง โดยพี่ชายของท่านได้เดินทางไปเรียนที่วัดบวรฯ กทม. ส่วนลุงตู่เคยบวชเป็นเณรอยู่กับหลวงพ่อยงยุทธตั้งแต่ที่วัดไทรใต้ จ.นครสวรรค์และออกติดตามท่านมาบวชเป็นพระสงฆ์อยู่ที่วัดเขาไม้แดง ชลบุรี อยู่นานอีกหลายปีและสึกขาลาเพศอยู่เป็นศิษย์วัดเขาไม้แดง คอยปรนนิบัติรับใช้ในกิจการต่างๆของวัดมาแต่ยุคบุกเบิกก่อร่างสร้างวัดเขาไม้แดง ได้เรียนวิชาจากหลวงพ่อไว้ก็หลายอย่าง เช่นวิชายกเงา หนุมาน ลงนะฯ จวบจนสิ้นหลวงพ่อยงยุทธในปี45 ลุงตู่จึงได้กลับภูมิลำเนาเดิม ปัจจุบันอายุ 67ปี ยังมีชีวิตอยู่และยังจำเรื่องราวต่างๆได้ดี
ยังมีลุงไล้ คนบางพระ ที่เป็นศิษย์เก่าของหลวงพ่อยงยุทธ รวมทั้งน้า พ.(เจ้าตัวขอสงวนชื่อ) ลูกชายของหลวงตาเจริญที่อยู่ช่วยงานต่างๆของวัดด้วยตลอดในช่วงเวลานั้น และเป็นศิษย์คนสนิทมากๆอีกท่านหนึ่งของหลวงพ่อ ยังมีลุงมล คนที่มาอยู่ช่วยหลวงพ่อที่วัดเขาไม้แดงนานนับสิบปีหลังจากหลวงพ่อยงยุทธส่งเรียนจนสำเร็จ ซึ่งปัจจุบันก็กลับไปอยู่ต่างจังหวัดแล้ว หรือคนที่ช่วยหลวงพ่อตอกโค๊ต-หมายเลข บนเหรียญและรูปหล่อธุดงค์ของท่าน ลุงโม่ ศิษย์รุ่นเก่าที่เรียนวิชามีดหมอจากหลวงพ่อยงยุทธ ลุงทองศิษย์รุ่นเก่าจากนครสวรรค์ รวมทั้งหลวงตาคง พระสงฆ์ที่เป็นศิษย์ของหลวงพ่อยงยุทธ ที่ปัจจุบันไปจำพรรษาอยู่ที่บุรีรัมย์ ส่วนนายตำรวจที่เป็นศิษย์ของหลวงพ่อและเคยจัดทำหนังสือรวมภาพวัตถุมงคลและประวัติของวัดเขาไม้แดง ก็รู้จักพระพิมพ์นี้โดยบอกว่าเป็นพระรุ่นเก่า แต่ไม่รู้ปีที่จัดสร้าง ท่านเคยเห็นในวัดมานานแล้วแต่ตัวท่านเรียกว่า สมเด็จฐานสามชั้น ทุกท่านที่เอ่ยมาแล้วนั้น คือผู้ที่ได้ชื่อว่า ผู้ร่วมพัฒนาวัดเขาไม้แดงมาอย่างแท้จริง เป็นคนยุคเก่าที่เคยช่วยเหลือวัดมาอย่างโชกโชน เป็นผู้ปิดทองหลังพระตัวจริงและรู้จริง เพราะสัมผัสเหตุการณ์มาด้วยตัวเอง
บุคคลที่กล่าวถึงมาแล้วนั้น รวมทั้งที่ไม่ได้เอ่ยถึงอีก 2-3 ท่าน (เพราะเจ้าตัวไม่อยากตอบคำถามที่จะตามมา) ทั้งหมดได้เล่าเรื่องราวต่างๆครั้งก่อนพร้อมเปิดเผยอีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่มีลงในหนังสือของหลวงพ่อยงยุทธ แต่เป็นเรื่องราวแปลกๆและของดีๆในยุคก่อน ที่หลวงพ่อยงยุทธเคยทำให้เกิดขึ้นได้จริงตั้งแต่ครั้งท่านยังจำพรรษาอยู่ที่นครสวรรค์และอีกหลายครั้งที่บนยอดเขาไม้แดง บางเรื่องแท้ๆจริงๆที่คนใกล้วัดและทันอยู่ในยุคสมัยของหลวงพ่อ ที่เคยรู้เคยเห็นมาก่อนอยากเปิดเผยเป็นการเผยแพร่เกียรติคุณของท่านบ้าง แต่เซียนพระไม่นำไปเผยแพร่หรือนำไปบิดเบือนจนเพี้ยนไปบ้าง จะผลักดันแต่เฉพาะสิ่งที่เคยเห็นเคยมีหรือมีสะสมอยู่เท่านั้น หลายเรื่องจึงไม่มีคนสังคายนาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ เช่นพระขุนแผนรุ่นแรก ต้องสะพายดาบไว้ข้างไหน? พระผงแบบหลังยันต์กลับ พระผงแบบที่ผสมน้ำมันพรายและรูปแบบอื่นๆอีกหลายอย่าง ที่ไม่ให้ข้อมูลที่เป็นจริงต่อคนรุ่นหลัง หากยังแบ่งพรรคแบ่งพวกเหมือนการเมืองในกลุ่มแบบนั้น คนรุ่นหลังๆก็จะไม่รู้เรื่องจริงที่ควรรู้ในอดีต ยังไงๆก็ควรสงวนเนื้อแท้ดีๆสำหรับเรื่องของท่านไว้บ้าง ก็จะดีต่อการอนุรักษ์และต่อศิษย์รุ่นหลังๆ อะไรเป็นเรื่องจริงก็บันทึกเป็นข้อมูลจริงไว้ หากยังไม่แน่ใจก็ช่วยกันค้นคว้า เพราะบุคคลยุคนั้นปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่อีกหลายคน แต่ศิษย์เก่าๆบางท่านก็เบื่อหน่ายเด็กรุ่นใหม่ที่รู้ดีกว่าคนที่เคยอยู่ช่วยทันยุคสมัยของหลวงพ่อยงยุทธ
ด้วยเจตนาที่ต้องการเผยแพร่สิ่งที่ดีจริง..ของดีของแท้ที่มีจริง โดยเป็นข้อมูลอันแท้จริงจากคนยุคสมัยก่อนที่บอกผ่านตัวอักษรนี้ ต้องใช้เวลานานกว่า 4 เดือน เพื่อสืบค้นสอบถามข้อเท็จจริงจากหลายกลุ่มคน มีทั้งคนในจังหวัดต่างๆที่ศิษย์เก่าๆของท่านที่กระจายกันไปพักอยู่กับครอบครัวในบั้นปลายชีวิต ที่ท่านยินดีให้การบอกเล่าถึงข้อเท็จจริงยุคก่อน ซึ่งหลังจากมีข้อมูลเบื้องลึกในเรื่องราวการสร้างการเสกแล้ว ผู้เขียนก็ได้มอบพระพิมพ์นี้ให้คนอาชีพค้าขาย อาชีพรับราชการและเจ้าของกิจการส่วนตัว ได้นำไปทดลองบูชาติดตัวนานเกือบ 3 เดือน เพื่ออยากรู้ผลว่าดีในด้านใด ก็ได้ทราบผลว่า มีดีชัดเจนมากเรื่องเมตตาค้าขาย ที่ขายของดีขึ้นกว่าเดิมแม้ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ทั้งเป็นมหานิยมที่เยี่ยมยอดต่อคนหมู่มาก เป็นอำนาจบารมีต่อคนที่พูดคุยพบเจอหน้า ใช้อธิษฐานได้ผลในเรื่องเหนือธรรมชาติตามปกติวิสัยทั่วไป ใช้อาราธนาเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินได้ผลทันตา ใช้เชื่อมต่อสภาวะทางจิตในการปฏิบัติบูชาต่อครูบาอาจารย์ได้ผลดีมาก เรื่องโชคลาภยัง 50/50
ทั้งนี้ก็ล้วนเพื่อต้องการให้เป็นข้อมูลที่จะได้บันทึกไว้ เพื่อเป็นบันทึกจากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่ และขอให้สัจจะต่อดวงจิตอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อยงยุทธว่า ข้อมูลทั้งปวงนี้ได้รับการบอกเล่ามาจริงตามนี้ทุกประการ เมื่ออ่านแล้วก็ไม่ต้องเชื่อทันที แต่ให้พิจารณาด้วยตนเองทั้งจากเนื้อหาและหลักฐานต่างๆที่เป็นพยานวัตถุ แม้ในสื่อสังคมโซเชี่ยลของวัดเขาไม้แดงเอง ก็มีลงโชว์เพียงไม่ถึง 10 องค์ในรอบ 4-5 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ส่งภาพพระพิมพ์นี้มาสอบถามว่าแบบนี้สร้างในปีใด แต่ก็ไม่มีผู้ใดให้ข้อมูลได้เลย เพียงรู้กันว่าแท้และมีเนื้อหามวลสารดีนัก มีเซียนพระมืออาชีพลงประกาศรับเช่าพระพิมพ์นี้อย่างไม่อั้นในสื่อสังคมวงการพระ เพราะสมเด็จพิมพ์นี้ไม่มีในตลาดพระเครื่องทั่วๆไปเช่นแบบอื่นๆที่ทางวัดเปิดให้บูชาในช่วงหลังๆนี้ ซึ่งจะมีการพบเห็นได้ทั่วไปและมีครอบครองกันไว้ในหลายๆท่านสำหรับอีกหลายๆพิมพ์ แต่สมเด็จพิมพ์ฐานชั้นเดียวที่แนะนำไว้นี้แทบสูญหายไปจากตลาดพระเครื่องทั่วๆไป เรื่องมีดีขนาดไหนนั้น ก็ลองพิจารณาดูว่าหลวงพ่อเจตนาทำแจกเองและเน้นให้เก็บรักษาดีๆ นอกจากเมตตาค้าขายเป็นเยี่ยมอย่างที่สุดแล้ว ยังใช้อธิษฐานขอผลให้สำเร็จตามใจหวังได้เร็ว ท่านใดยังลังเลใจก็สามารถดูภาพถ่ายต่างๆที่ลงเทียบเคียงไว้ ทั้งยังสามารถสอบถามศิษย์เก่าตัวจริงของหลวงพ่อได้เลย พร้อมทั้งยังสามารถสอบถามบุคคลที่อ้างอิงได้อีกด้วย
น้า พ...คนที่เคยรับใช้ใกล้ชิดกับหลวงพ่อยงุยทธมาตั้งแต่วัยหนุ่ม ได้บอกเล่าเป็นปริศนาให้คิดไว้สั้นๆดังนี้ว่า ...ในช่วงบั้นปลายชีวิตนั้น หลวงพ่อยงยุทธได้เคยสั่งไว้ว่า “ ให้เก็บพระของหลวงพ่อไว้ดีๆนะลูกหลาน ต่อไปวันข้างหน้า พระของหลวงพ่อจะมีค่าดั่งทองและเพชรพลอย ถึงมีเงินก็หาซื้อไม่ได้ จะมีดีและจะหายากเหมือนพระสมเด็จวัดระฆัง ” (สามารถสอบถามยืนยันคำพูดนี้ได้กับเจ้าตัวทุกเวลา) ส่วนจะหมายถึงรุ่นใดนั้น ท่านไม่ได้ระบุชัดลงไป แม้ทุกวันนี้จะมีกระแสขึ้นลงวูบวาบสำหรับค่านิยมในวงการพระเครื่องของพระเกจิต่างๆตามการโฆษณาประชาสัมพันธ์และผลประโยชน์ในวงการธุรกิจพระ แต่ของแท้ของดีจะคงอยู่ตลอดไปหากดีจริง และพระสมเด็จฐานชั้นเดียวรุ่นนี้ คือพระผงรุ่นเดียวที่น้า พ.คนนี้แนะนำให้เอามาติดตัว และบอกไว้ว่าพระสมเด็จรุ่นนี้มีดีแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ใครมีวาสนาก็จะได้มาครอบครองเอง เพราะพระทุกองค์มีเทวดาลงมาสถิตย์
หลวงพ่อยงยุทธยังบอกไว้ว่าพระรุ่นนี้มีเจ้าของแท้จริงทุกองค์ โดยไม่บอกมากไปกว่านี้ ผู้ที่มีศรัทธาในองค์สมเด็จโต พรหมรังสีและเคยใฝ่ฝันเสาะหาพระสมเด็จวัดระฆังของท่านมานานปีแต่ยังหาแท้ๆไม่ได้สักที หรือมีราคาเกินแตะต้องไปมากแล้ว ก็ลองหาพระพิมพ์นี้มาบูชาดูสักเดือนแล้วดูผลที่ได้รับด้วยตนเอง เพราะศิษย์เก่าๆทุกคนก็ทราบดีว่า ลพ.ยงยุทธกำหนดอารมณ์ในการปลุกเสกแบบพระสมเด็จวัดระฆัง และอัญเชิญทิพย์ญาณขององค์สมเด็จโตมาเสกด้วย หากท่านใดเกิดศรัทธาหรือถูกใจ ก็ยังสามารถแบ่งบูชาได้จากศิษย์เก่าของหลวงพ่อที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคน ซึ่งทุกคนล้วนมีเก็บไว้กันทั้งนั้น วันข้างหน้าต่อไปอีกไม่นานนี้ จะเป็นของดีเยี่ยมยอดที่คู่ควรกับการสักการบูชาอย่างแน่นอน สำหรับพระสมเด็จฐานชั้นเดียวหรืออาจจะเรียกได้ว่านี่คือ สมเด็จแก้วสารพัดนึก แห่งวัดเขาไม้แดง

 

2636. พระสมเด็จหลวงปู่จาม มหาปุญโญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม จ.มุกดาหาร รุ่นมหามงคล ๙๕ ออกปี ๔๗ ให้บูชา 499 บาท พระอยู่ในซีลพลาสติกนะครับ สภาพสวยครับ

​

ด้านหน้าฝังพลอยเสก

ด้านหลัง ฝังเส้นเกศาหลวงปู่จามไว้ติดด้วยเทียนชัยปิดทับด้วยแผ่นจีวรหลวงปู่จามเต็มแผ่น แล้วจึงปิดทับด้วยรูปถ่ายหลวงปู่จาม ปิดทับทั้งหมดไว้ชั้นท้ายสุด สิ่งวิเศษสำคัญติดไว้หลายอย่างมากครบมงคลเป็นพิเศษ
​

 

2637.ลูกธนูสั่งสูญ พ่อแก่เจ้าแสง วัดบ้านตรัง จ.ปัตตานี ให้บูชา 799 บาท

​

ลูกธนูสั่งสูญ "พ่อแก่เจ้าแสง วัดบ้านตรัง จ.ปัตตานี"
เป็นเครื่องรางที่พ่อแก่เจ้าแสงจัดทำขึ้นจากดินเหนียวจากทางสามแพร่งที่มี รอยหัวแม่นิ้วเท้าของคนสองคนมาเหยียบซ้อนทับกัน นับเป็นดินที่มีความอาถรรพ์อยู่ในตัว ประกอบกับยังได้มีการผสมผงอาถรรพ์สำคัญหลายๆอย่าง อาทิเช่น ผงนะปัดตลอด,ผงนะปถมัง,ผงแป้งเสกมโนราห์มหาเสน่ห์,เกศาพ่อแก่เจ้าแสง เป็นต้น
เมื่อได้แล้วก็ปั้นเป็นก้อนนำไปตากแดดอาบแสงสุริยัน เมื่อแห้งแล้วจึงนำมาปิดทอง เมื่อเสร็จแล้วจึงนำมาให้พ่อแก่เจ้าแสงอธิฐานจิตปลุกเสกอีกวาระหนึ่ง อันเป็นว่าใช้ได้ และสำหรับพุทธคุณของ “ลูกธนูสั่งสูญ.“ จะมีพุทธคุณทางด้านแคล้วคลาดปลอดภัย,ป้องกันอันตรายและคุณไสยต่างๆ,คุณคน, เสนียดจัญไร,สิ่งอัปมงคลทั้งหลาย...
ลูกธนูสั่งสูญ เป็นของดีอีกอย่างหนึ่งของวัดบ้านตรัง ไม่ใช่มีแค่ วัวธนู หุ่นพยนต์ น้ำมันกาจับหลัก
ลูกธนูสั่งสูญของ ท่านพ่อแก่เจ้าแสง เปรียบเทียบได้กับ วัตถุมงคล สายภาคกลาง ก็ประมาณตะกรุดมหาระงับ สายวัดประดู่ทรงธรรม เบี้ยแก้วัดนายโรงและวัดกลางบางแก้ว เพราะจะเน้นไปทั้งกันและแก้ในสิ่งที่ไม่ดี ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ ศัตรูทั้งหลาย อันตรายทางที่มองเห็นและมองไม่เห็น และวิชาที่เด่นๆก็คือวิชาการลบผงปถมัง พระผงนะปัดตลอดของท่านพ่อแก่เจ้าแสง ขึ้นชื่อที่สุดเพราะว่าได้สืบสายมาจากเจ้าอาวาสองค์เก่า พุทธคุณของผงทั้งสองอย่างนี้ ถ้าคนที่เล่นวิชาของขลังก็จะรู้ดี ว่าผงนี้มีพุทธคุณครอบจักรวาล
พระวิชาธนูสั่งสูญ ก็มีบันทึกไว้ ในตำนานของเขาอ้อ ว่ามีการรบกันโดย ไม่เสียเลือดเสียเนื้อ โดยใช้วิชานี้ปลุกเสกลูกธนู แต่ในสมัยนี้การที่จะปลุกเสกลูกธนู เป็นสิ่งต้องห้าม เพราะว่าเป็นอาวุธ อย่างวิชากระสุนสั่งของหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า ก็เป็นวิชาต้องห้าม ไม่สอนให้กรมหลวงชุมพร เพราะว่าวิชานี้ใช้แค่ กระสุน ๑ ลูกสามารถยิง ทีเดียวโดนหมดทั้งกองทัพ เป็นวิชาทั้งทำลายล้างและป้องกันได้ถูกอันตรายนานาประการ
คาถาธนูสั่ง
๐ โสภะคะวา อะทิสะมานิ อุเทยยัง คัจฉันตัพพัง สังสารัง ปะระมัง สุขัง นะลัพภะติ มหาสูญโญ จะสัมภะโต สังสาเร อานังคัจฉันติ ฯ
คาถานี้ ท่านให้เสก ที่ลูกธนูสั่งสูญ หรือจะใช้เป็น คาถาหมัดหนักโดยกำลูกธนูสั่งสูญไว้ที่มือ สามารถใช้ไล่ผีเข้าคนได้หรือชกศัตรู

 

​

 

​

 

สวัสดียามเช้าครับ

 

2638.แขวนพระข้าไม่มีตายโหง พระยอดขุนพล หลวงพ่อขันธ์ วัดพระศรีอารย์ พ.ศ.๒๕๐๔ ปิดรายการครับ

​

ประวัติในการสร้างพระยอดขุนพล ของ หลวงพ่อขันธ์
ค่ำคืนหนึ่งหลวงพ่อขันธ์ ท่านได้นิมิตเห็นหลวงปู่ดำ เทพารักษ์ผู้ปกปักรักษา วัดพระศรีอารย์ ในภาพของชีปะขาวขึ้นจากสระน้ำเก่าศักดิ์สิทธิ์ มาหาหลวงพ่อขันธ์พร้อมกับกล่าวว่า “ท่านขันธ์ ท่านอย่าลาสิกขาอยู่ช่วยสร้างวัดสร้างพระก่อน”
หลังจากที่ท่านตัดสินใจว่าจะไม่ลาสิกขา ท่านก็เริ่มสนใจในวิปัสสนากรรมฐาน และคาถาอาคมอย่างจริงจัง อาจารย์ที่ท่านได้ไปศึกษาได้แก่
หลวงพ่อรอด เจ้าอาวาสวัดหลวง ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี
หลวงพ่อแหยม วัดบ้านเลือก
หลวงพ่ออินทร์ วัดโบสถ์
ระหว่างที่ท่านศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและคันถะธุระตลอดจนวิชาอาคม ท่านก็ได้สะสมว่านต่าง ๆ ตลอดจนมวลสารอันเป็นคุณวิเศษ ตลอดจนผงพุทธคุณของวัดต่าง ๆ
หลวงพ่อขันธ์ ท่านเป็นพระที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวไม่เกรงกลัวใคร ดังนั้นการเจริญวิปัสสนากรรมฐานของท่านจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ท่านเป็นพระที่มีจิตเมตตาต่อบุคคลทั่วไปอย่างเสมอภาค โดยไม่คำนึงถึงฐานะของบุคคลนั้น จะร่ำรวย หรือยากจน หรือมียศฐาบันดาศักดิ์สูงส่งเพียงใด ท่านก็ให้การตอนรับอย่างเท่าเทียมกัน
ผู้ใดได้ไปขอพระยอดขุนพลจากท่าน ท่านก็เมตตาให้ ท่านกำชับว่า
" ให้เก็บรักษาพระให้ดีพระของข้า ข้าปลุกเสกจนเป็นพระจริงๆ ตกอยู่ใต้ถุนบ้านใครบ้านนั้นอยู่ไม่เป็นสุขแน่ " และท่านยังกล่าวเสริมอีกว่า
"แขวนพระของข้าไม่มีตายโหง"

บทความนี้จะกล่าวถึง พระยอดขุนพล ของหลวงพ่อขันธ์ ก่อนอื่นขอกล่าวถึงมวลสารต่างๆที่ใช้ในการสร้างพระครั้งนี้
๑. ว่าน ๑๐๐๐ กว่าชนิดจากประเทศมาเลเซีย ว่านและมวลสารและดินและผงของวัดช้างให้(มวลสารที่เหลือจากการสร้างพระหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ รุ่นแรก ปี พ.ศ.๒๔๙๗)
๒. ผงและเศษพระวัดสามปลื้มและวัดระฆัง๓. มวลสารพุทธคุณของพระเกจิอาจารย์ทางใต้ โดยคุณณรงค์ ชาวอำเภอรอนพิบูล จังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าของเหมืองแร่ทางภาคใต้เป็นผู้นำมาให้
๔. ผงพุทธคุณของหลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ข้อเท็จจริงมีว่า หลวงพ่อขันธ์ได้ไปหาหลวงพ่อบุญธรรม ที่วัดพระปฐมเจดีย์ และได้แจ้งวัตถุประสงค์ในการสร้างพระ และได้ขอผงพุทธคุณจากท่านเพื่อไปสร้างพระ อันเป็นการสืบทอดพระศาสนาโดยจะไม่จำหน่ายพระเด็ดขาด แต่หลวงพ่อบุญธรรมก็นิ่งเฉยไม่พูดอะไร จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง หลวงพ่อขันธ์ก็ขอลากลับโดยเข้าใจว่าหลวงพ่อบุญธรรมไม่อนุญาตให้ผงตามที่ต้องการ เวลาผ่านมาหลายเดือนจนหลวงพ่อขันธ์ลืมเหตุการณ์นี้แล้ว ก็มีชาวพระปฐมเจดีย์มาหาหลวงพ่อขันธ์ที่วัดพระศรีอารย์พร้อมกับกล่าวว่า หลวงพ่อบุญธรรมวานให้เอาพระบูชาซึ่งเป็นพระพุทธรูป(ปางพระศรีอารย์)ให้มาถวายหลวงพ่อขันธ์ ท่านก็รับไว้และแปลกใจว่าเราขอผงพุทธคุณกลับได้พระพุทธรูปแทน หลวงพ่อขันธ์ท่านก็นั่งพิจารณาพระพุทธรูปเสียนานก็สังเกตเห็นใต้ฐานของพระพุทธรูปองค์นั้นมีรอยบรรจุผงพุทธคุณ ท่านจึงใช้ไขควงงัดออกดูก็ปรากฏเห็นผงพุทธคุณเต็มฐานพระบูชา เมื่อรวบรวมผงได้ตามที่ต้องการแล้วหลวงพ่อขันธ์ก็เริ่มลงมือสร้างพระยอดขุนพล โดยสร้างพระเป็นสองวาระ คือ
วาระแรก เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๔ สร้างพระประมาณ หลายหมื่น องค์(โดยบรรจุพระลงในโอ่งมังกรขนาดบรรจุ ๒๐๐ ลิตร หลายใบ)
วาระที่สอง สร้างพระประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๓-๒๕๒๔ โดยนำมวลสารที่เหลือจากการสร้างพระในวาระแรกมาสร้างพระ(พระที่สร้างวาระแรกเหลือจำนวนน้อยมาก) หลวงพ่อขันธ์ท่านกล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดทีเล่นทีจริงว่า จะสร้างให้ได้ หนึ่งล้านองค์เพื่อนำเงินรายได้มาสร้างพระอุโบสถทองคำร้อยล้าน ระหว่างที่กดพิมพ์พระได้จำนวนร่วมสองหมื่นองค์หลวงพ่อขันธ์ท่านก็มรณภาพเมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๔ ก็หยุดกดพิมพ์สร้างพระระยะหนึ่ง ขณะนั้นมวลสารเหลือน้อยแล้ว ต่อมาหลวงพ่อสง่า เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันก็กดพิมพ์สร้างพระต่อจนมวลสารหมด ได้พระทั้งหมดประมาณสองถึงสามหมื่นองค์ ในปีพ.ศ.๒๕๔๓จึงได้จัดพิธีพุทธาภิเษกในพระอุโบสถ์ที่วัดพระศรีอารย์ โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์หลายท่านร่วมปลุกเสก ได้แก่ พลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม และหลวงพ่ออุทัย วัดมฤคทายวัน(วัดเกาะตาพุด) อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี

 

2639. หลวงปู่ทวด วัดในหาน ภูเก็ต ปี2536 รุ่นแรก กรรมการตอกโค๊ด 9 โค็ด (พิมพ์หลังเตารีด) ปิดรายการครับ

​

พระหลวงปู่ทวดวัดในหาน จ.ภูเก็ต รุ่นแรก พิมพ์หลังเตารีด ๙ โค๊ด กรรมการ จัดสร้างขึ้นมาในปี ๒๕๓๖ วัตถุประสงค์เพื่อหาเงินทุนจัดสร้างพระอุโบสถ บูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะต่างๆ ภายในวัดในหานซึ่งขณะนั้นเป็นวัดที่ยากจนมาก
การจัดสร้างเหรียญหลวงปู่ทวด ครั้งนี้ คณะทำงานวัดในหานได้ประกอบพิธีบวงสรวงสักการะบูชาดวงวิญญาณหลวงปู่ทวด เพื่อขออนุญาตการจัดสร้าง
สำหรับชนวนมวลสารที่ใช้ สร้างจากก้านชนวนจากการสร้างพระหลวงปู่ทวดรุ่นเก่าๆหลายรุ่น โดยใช้ทรงพิมพ์หลวงปู่ทวดรูปหล่อลอยองค์ที่หล่อดินไทยที่กรุงเทพเป็นแบบ พระทำออกมาได้สวยงามมาก

สำหรับพระหลวงปู่ทวดที่วัดในหานขึ้นรุ่นแรก จัดสร้างมี 3 แบบดังนี้
1. รูปหล่อหลวงปู่ทวดเบ้าทุบ เนื้อนวโลหะ เนื้อทองผสมเปียกทอง เนื้อสตางค์แดง และเนื้อสตางค์แดงผิวไฟ
2. รูปหล่อหลวงปู่ทวดพิมพ์บัวรอบ เนื้อนวโลหะ เนื้อทองผสมเปียกทอง เนื้อสตางค์แดง และเนื้อสตางค์แดงผิวไฟ
3. เตารีดหลวงปู่ทวด เนื้อนวโลหะ เนื้อทองผสมเปียกทอง เนื้อสตางค์แดง และเนื้อสตางค์แดงผิวไฟ

พระเกจิอาจารย์ 3 ท่านที่ปลุกเสกก็เป็นที่ยอมรับถือว่าเป็นสุดยอดซึ่งได้แก่
1. อาจารย์นอง วัดทรายขาว
2. อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย และ
3. หลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม พระเถระที่เป็นที่นับถือของจังหวัดภูเก็ตอายุท่านกว่า 112 ปีแล้ว

พระอาจารย์นองเป็นสหธรรมิกกับพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ เคยร่วมสร้างพระเครื่องหลวงพ่อทวดเนื้อว่านเมื่อปี 2497 จนโด่งดังทั่วสารทิศ และต่อมาพระอาจารย์นองได้สร้างเครื่องรางของขลังที่ดังไปทั่วเมืองไทย คือตะกรุดนารายณ์แปลงรูปและพระเครื่องหลวงพ่อทวดเนื้อว่านฝังตะกรุด นอกจากนั้นแล้วพระอาจารย์นองยังเป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่งที่ได้รับการยกย่อง ชมเชยตลอดมา และเป็นพระอยู่ในนิกายมหานิกาย
ปัจจุบันท่านอาจารย์นอง ได้ถึงแก่มรณภาพแล้วครับเมื่อวันเสาร์ที่ 11 กันยายน 2542 ณ.โรงพยาบาลโคกโพธิ์ สิริอายุ 80 ปี 60 พรรษา ได้รับพระราชทานเพลิง ณ เมรุวัดทรายขาว เมื่อวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2545 ซึ่งแม้สังขารของท่านจะสลายไป แต่ความดีของท่านที่มีอยู่มากมายส่งผลให้ท่านยังคงเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ยังอยู่ในความทรงจำของบรรดาลูกศิษย์ นอกจากนี้แล้วความเข้มแข็งในวิทยาคมยังส่งผลให้ท่านกลายเป็นตำนานบทหนึ่งคู่กับพระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ ใน "ฐานะพระผู้ก่อให้เกิดตำนานความศักดิ์สิทธิ์" ของพระเครื่องเมืองใต้ ที่แผ่บารมีความศักดิ์สิทธิ์ไปทั่วประเทศในนาม "หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้"
ดังนั้นพระหลวงปู่ทวด วัดในหาน รุ่นแรก ปี 2536 จึงน่าบูชาเก็บไว้มาก เพราะมีพระเกจิดังถึง 3 องค์ร่วมปลุกเสก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์นองท่านร่วมปลุกเสกด้วย และในขณะนี้ทั้งอาจารย์ทองและหลวงปู่สุภาท่านเป็นเกจิภาคใต้ที่ดังมาก

คาถาบูชา หลวงปู่ทวด "นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา"
การขอบารมีอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด : ด้วยการจุดธูป 16 ดอก บูชาวัตถุมงคลของท่านรุ่นใดก็ได้ หรือ ระลึกถึงท่าน ตั้งจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่และศรัทธา ท่อง " นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา " 16 จบ เท่านี้ท่านก็รับรู้แล้ว

 

โปรรับตรุษจีน 2567 ราคาเดียว 299 บาท (มีค่าส่ง 50 บาท)

1.พระผงนาคปรกพระธาตุพนม ที่ระลึกงานสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จ.นครพนม เนื้อผงว่านผสมอิฐเก่าพระธาตุพนม พิมพ์ใหญ่ ปี 2518

​

พระผงนาคปรก พระธาตุพนม ที่ระลึกสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระธาตุพนม จ.นครพนม ปี ๒๕๑๘ พิมพ์ใหญ่ รวมเกจิสายอีสาน ร่วมปลุกเสก โดยเฉพาะอาจารย์ฝั้น อาจาโร ทำพิธีมหาพุทธาภิเษกโดยคณาจารย์จากทั่วประเทศ และสายอีสานพระอาจารย์มั่น รวมจำนวนกว่า ๑๐๐ รูป พิธียิ่งใหญ่มาก งานนี้พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพฯ นครพนม, หลวงปู่คําพันธ์ วัดธาตุมหาชัย, หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญญวิเวก และคณาจารย์สายกรรมฐานอีกหลายรูป นับว่าเป็นสิริมงคลแก่ผู้บูชาโดยแท้ และเนื่องจากเป็นพิธีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ และพระราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินในคราวนี้ด้วย พระรุ่นนี้ออกให้ประชาชนเช่าบูชาพร้อมกับเหรียญพระธาตุพนม เพื่อนำปัจจัยมาทำการบูรณะพระธาตุพนม ซึ่งได้ สร้างเสร็จเมื่อปี ๒๕๒๒

 

2. พระผงของขวัญวัดปากน้ำ รุ่น 6 พระไตรปิฎก

​

พระวัดปากน้ำ รุ่น 6 หรือรุ่นพระไตรปิฎก
จำนวนการสร้างทั้งหมด สามล้านองค์ กับพระคะแนนรุ่นนี้อีก สามหมื่นองค์
เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2532 ซึ่งเป็นวันเกิดหลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำรูปปัจจุบัน แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2533 รวมเวลา 7 เดือนเต็ม เปิดให้บูชาครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ปี 2533 อันเป็นวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงพ่อวัดปากน้ำ
การสร้างพระเป็นแบบทยอยสร้างทยอยบรรจุวิชชาธรรมกาย กล่าวคือเมื่อพิมพ์พระได้จำนวนหนึ่งผึ่งแห้งได้ที่แล้ว ก็นำบรรจุกล่องไปทำวิชชา ขณะเดียวกันก็ผสมเนื้ออีกสูตรหนึ่งพิมพ์พระออกมาใหม่แล้วก็นำไปบรรจุวิชชาธรรมกายเหมือนเดิม ทำอย่างนี้เรื่อยไปไม่มีขาดตอน พระรุ่นนี้มีส่วนผสมของวัตถุต่างๆดังนี้คือ
1. ปูนขาวจากเปลือกหอย
2. กล้วยน้ำว้า
3. ดอกไม้แห้งที่บูชาหลวงพ่อที่ได้รวบรวมไว้
4. ขี้ธูปจากกระถางที่บูชาหลวงพ่อ
5. ทองคำเปลวที่ลอกมาจากองค์หลวงพ่อ
6. ผงเก่าของวัดปากน้ำรุ่น 1-5
7. หินรัตนชาติและพลอยสี (มีเฉพาะพระคะแนน) ฯลฯ

 

3.พระผงศักดิ์สิทธิ์ พระผงสมเด็จ หลวงพ่อผึ่ง วัดสว่างอารมณ์ราษฏร์ ผงท่านศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ยังขอผงท่านไปสร้างพระผงของขวัญของท่าน

​

​

“ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ ” เป็นคำพังเพยสมัยใหม่ที่ค่อนข้างจะถูกต้อง แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ที่โชควาสนาและกาลเวลา ดั่งเช่นพระเครื่องของ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ สร้างสถานการณ์ให้เกิดแก่คนที่เครื่องบินตกแล้วไม่เป็นอะไร จึงทำให้มงคลวัตถุของหลวงพ่อสดมีชื่อเสียงกระเดื่องเลื่องลือกระฉ่อนไปทั่ว ประกอบกับคุณธรรมความดีในการประพฤติปฏิบัติของหลวงพ่อสดหาจุดติเตียนมิได้ จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนมงคลวัตถุของหลวงพ่อสดให้ดีเด่นในแนวหน้าของบรรดาพระเครื่องรุ่นราวคราวเดียวกัน ถือได้ว่า ผงวิเศษอิทธิเจ ปถมัง มหาราช ของ หลวงพ่อสด นั้นเป็นเลิศ

จะอย่างไรก็ดี เมื่อก่อนหลวงพ่อสดคิดจะสร้างมงคลวัตถุ ก็มานำเอาผงวิเศษของ หลวงพ่อผึ่ง ไปผสมผสานกัน เพราะท่านทั้งสองเป็นพระสงฆ์รุ่นราวคราวเดียวกัน
หลวงพ่อผึ่ง มีอายุสูงกว่า หลวงพ่อสด 1 ปี อุปสมบทก่อนหลวงพ่อสด 1 พรรษา อยู่กุฏิเดียวกัน ไปศึกษาหาความรู้ทางวิปัสสนากรรมฐานด้วยกัน อาจารย์เดียวกัน ทำผงวิเศษก็ทำด้วยกัน เมื่อตอนอยู่ร่วมกัน หลวงพ่อสดมาจำพรรษาอยู่ธนบุรี ส่วนหลวงพ่อผึ่งอยู่บ้านนอก อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง เป็นการรักถิ่นฐานอันเป็นภูมิกำเนิดของหลวงพ่อผึ่ง ทั้งหลวงพ่อผึ่งและหลวงพ่อสดต่างมุ่งในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป
หลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด มีจิตปรารถนาที่จะสร้างพระเครื่องไว้ในบวรพุทธศาสนา เพื่อเป็นการเผยแพร่พุทธธรรม พุทธสักการะ เพื่อบูชาหรือเพื่อสืบพระศาสนา จึงดำริสร้างผงวิเศษเก็บสะสมไว้โดยมิได้ว่างเว้น แสดงให้เห็นถึงปณิธานอันแน่วแน่ของท่านทั้งสอง ผงที่ทำนั้นคือ ผงอิทธิเจ ปถมัง ปิโย และมหาราช ในการทำผงวิเศษมิใช่ทำขึ้นได้ง่ายๆ จะต้องใช้เวลาไม่น้อย กว่าจะได้ผลวิเศษตามความต้องการ
ผู้เขียนไม่มีความรู้ในทางนี้ จึงไปนมัสการเรียนถาม ท่านเจ้าคุณสุวรรณโมลี ขณะนั้นเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เพราะท่านเป็นลูกบ้านอำเภอสองพี่น้อง ทั้งเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด ที่วัดสองพี่น้องด้วย พอทราบการทำผงวิเศษของหลวงพ่อผึ่งและหลวงพ่อสด อยู่บ้างพอสมควร
ท่านเจ้าคุณฯเล่าถึงการทำผงวิเศษ “ ปิโย ” ซึ่งแปลว่า “ รัก ” เอาชอล์กมาเขียนอักษรของ “ ปิ ” ลงบนกระดานดำ อันหมายถึงคำว่า “ ปิโย ” โดยเขียนแล้วลบๆๆๆๆ โดยมิได้หยุด ดังนี้

ปิโย เทวมนุสสานัง ปิโยมะมะ
ปิโย พรหมฺมนุสตมัง ปิโยมะมะ
ปิโย พรหมฺมนุสตมัง ปุสิสะวาจัง ปิโยมะมะ
ปิโย มาคะสุปันฺนานัง เสนาวาจัง ปิยังมะมะ
ปิยินทรียัง นมามิหัง ปิยังมะมะ ฯลฯ

เท่าที่กล่าวมาข้างบนนั้น เป็นเพียงกล่าวโดยย่อยังไม่หมด เมื่อจะทำ ผงอิทธิเจ ปถมัง หรือ มหาราช ก็ต้องท่องบทสวด อิทธิเจ ปถมัง มหาราช เช่นเดียวกัน
ท่านเจ้าคุณเล่าว่า เมื่อท่านเป็นเด็ก เห็นหลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด ใช้ดินสอพองเขียนบนกระดานดำ (ไม่ใช่ชอล์ก) จะทำผงชนิดไหนก็เขียนตัวอักขระขอมลงไป แล้วเขียนซ้ำรอยเดิม พร้อมกับท่องคาถากำกับไปด้วย เขียนไปลบไป ท่องคาถาไปจนครบนโมพุทธายะ
ถ้าเป็นผง “ ปิโย ” ก็จะอธิษฐานว่า “ ปิคงกระพัน ปิเมตตา ปิสิเน่หา ปิมหาอุด ” ลบเรื่อยไป แล้วสร้างยันต์องค์พระ
ชั้นล่างของยันต์องค์พระเรียกว่า “ ตรีนิ ” ท่อนที่สอง “ อัครนิ ” ท่อนที่สาม “ ชาตานิ ” ส่วนยอดขององค์พระ คือ อุณาโลม ยนฺฌายเต นโมพุทธายะสัทโนพุทโธ ฯลฯ
ท่านเจ้าคุณเล่าต่อไปว่า ตอนที่ท่านเป็นเด็กเห็น หลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด เดินเก็บเกสรดอกไม้ทุกๆ วัน นำเอามารวบรวมเก็บไว้เพื่อป่นให้ละเอียดผสมวิเศษของท่าน โดยเฉพาะ หลวงพ่อสด เก่งผงมหาราช

หลวงพ่อผึ่ง สร้างพระเครื่องก่อนหลวงพ่อสดหลายสิบปี ต่างก็เอาผงที่ทำมาผสมปนเปกันเพื่อให้เกิดความขลัง หลวงพ่อผึ่ง สร้างพระก่อนก็เอาของหลวงพ่อสดมาก่อน พอหลวงพ่อสดสร้างพระวัดปากน้ำก็มาเอาผงวิเศษของหลวงพ่อผึ่งไปผสมด้วยเช่นกัน
หลวงพ่อผึ่ง มาสร้าง วัดสว่างอารมณ์ราษฎร์ หลวงพ่อสดเข้าไปอยู่ธนบุรี จำพรรษาอยู่ที่วัดปากน้ำ อ.ภาษีเจริญ หลวงพ่อหอมไม่ได้ไปไหนอยู่ที่ วัดสองพี่น้อง หลวงพ่อชั้วไปอยู่ วัดละครทำ จะอย่างไรก็ดี ทั้ง หลวงพ่อสด หลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อหอม และหลวงพ่อชั้ว ยังไปมาหาสู่กันเสมอๆ เมื่อหลวงพ่อสดสร้างพระเครื่องเนื้อผงก็เอาผงของหลวงพ่อผึ่งมาผสม ส่วนหลวงพ่อสดนั้นยังไม่ได้สร้างอะไรเลย เพียงแต่ทำผงวิเศษเก็บไว้ๆ เท่านั้น หลวงพ่อชั้วสร้างพระผงยาเมื่อ พ.ศ.2482 ก็คงจะมาเอาผงของหลวงพ่อผึ่งและหลวงพ่อสดไปผสมด้วย ดังนั้น ทั้งพระของหลวงพ่อสด หลวงพ่อผึ่ง และพระผงยาของหลวงพ่อชั้ว ต่างมีผงวิเศษผสมอยู่ด้วยกัน
ชาวตลาดบางลี่ จ.สุพรรณบุรี เล่าให้ฟังว่า ในขณะที่ หลวงพ่อผึ่ง จำพรรษาอยู่ที่ วัดสองพี่น้อง หลวงพ่อสดเดินทางมาจากวัดปากน้ำ เพื่อมาเยี่ยมหลวงพ่อผึ่ง ขณะนั้นหลวงพ่อสดยังเป็นพระธรรมดา ยังหาได้มีชื่อเสียงแต่ประการใดไม่ เมื่อทั้งสองพบกัน ทำการทดสอบความรู้ทางวิปัสสนากรรมฐานที่ได้เล่าเรียนมาว่า ยังมีความขลังดีอยู่หรือ ไม่ใช่เป็นการอวดอุตริมนุษยธรรม
ท่านให้ลูกศิษย์วัดนำเอาถ้วย 2 ใบรินน้ำชาใส่ลงไปในถ้วย แล้วหลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด นั่งสมาธิอยู่ด้านหน้าถ้วยทั้ง 2 ใบ
ปรากฏว่า ถ้วยของหลวงพ่อสดเปลี่ยนเป็นน้ำธรรมดา ไม่มีรสชาติแต่ประการใด ส่วนถ้วยของหลวงพ่อผึ่งนั้น กลายเป็นเหล้าโรงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ดูอยู่รอบๆ ต่างแปลกใจไปตามๆ กัน ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นได้
เมื่อครั้ง “ สมเด็จป๋า ” หรือ สมเด็จพระสังฆราชอริยวงศาคตญาณ สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (ปุ่น ปุณฺณสิริ) ยังเป็นเด็กลูกศิษย์วัดสองพี่น้องอยู่
คืนวันหนึ่ง หลวงพ่อผึ่ง ฝันเห็นช้างเผือกเชือกหนึ่งเดินเข้าออกประตูกุฏิของท่าน หลวงพ่อผึ่งทำนายว่า คงจะมีใครคนใดคนหนึ่งในบรรดาลูกศิษย์วัดสองพี่น้องทั้งหลาย คนหนึ่งจะได้เป็นช้างเผือก เป็นใหญ่เป็นโตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ซึ่งก็เป็นความจริง เด็กชายเล็กๆ คนหนึ่งชื่อ ปุ่น วิถีชีวิตค่อยๆ ก้าวย่างขึ้นสู่บัลลังก์ สมเด็จพระสังฆราช แห่งประเทศไทย โดยไม่มีใครคาดฝัน แต่หลวงพ่อผึ่ง ท่านไม่ทันได้ชมบุญบารมีของ สมเด็จป๋า เพราะท่านถึงแก่มรณภาพเสียก่อน
หลวงพ่อทั้งสองนั่งนิ่งเพ่งถ้วยน้ำชา พร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย ชั่วพักเดียวต่างก็ลืมตาขึ้น บอกให้พระ-เณรซึ่งนั่งดูพิธีกรรรมอยู่โดยรอบ ลองดื่มน้ำชาในถ้วยดูซิว่าเป็นอย่างไร
ดังได้กล่าวมาแล้วว่า หลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด ต่างทำผงวิเศษเก็บไว้ๆ เป็นจำนวนมาก หลวงพ่อผึ่ง ดำริสร้างพระเนื้อผงขาวแบบตระกูลพระสมเด็จขึ้นมาเป็นพิมพ์ต่างๆ แปลกออกไปจากพระสมเด็จ ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า หลวงพ่อผึ่ง สร้างมงคลวัตถุขึ้นเมื่อใด ผู้ที่เห็น หลวงพ่อผึ่ง สร้างพระก็จำ พ.ศ. ไม่ได้ชัดเจน
ทำให้เห็นได้ว่า ทั้ง หลวงพ่อผึ่ง และ หลวงพ่อสด ต่างเตรียมการที่จะสร้างมงคลวัตถุ เพื่อเป็นการเผยแพร่พุทธศาสนาให้คงอยู่ไปอีกนานเท่านาน มาเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า 10 ปีทีเดียว ท่านจึงพยายามคร่ำเคร่งอยู่กับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้เกิดฌานสมาบัติอันแก่กล้า ยังความขลังให้เกิดแก่มงคลวัตถุที่ท่านได้สร้างขึ้น เพื่อพุทธบูชาเพื่อสืบพระศาสนาให้ยืนยาว
ในการสร้างพระสมเด็จ หลวงพ่อผึ่ง ใช้สายสิญจน์ 108 เส้น วงรอบบริเวณที่จะพิมพ์พระเป็นวงกลม ผู้ที่จะพิมพ์พระต้องชำระล้างร่างกายให้สะอาด ต้องล้างมือล้างเท้าก่อนเข้าไปในวงสายสิญจน์ เวลาพิมพ์พระต้องทำใจให้บริสุทธิ์ ห้ามพูดห้ามคุยกัน กว่าจะได้พระจำนวน 84,000 องค์ ต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ เสร็จแล้วเอาเข้าอุโบสถในที่ชุมนุมสงฆ์สวดเช้า-เย็นกลางคืนอีกเป็นเวลา 3 เดือน เสร็จแล้วท่านเอามาปลุกเสกเดี่ยวในกุฏิของท่านตั้งแต่เวลา 21.00 น. จนถึงเวลา 24.00 น. ทุกๆ คืนจนครบไตรมาส บางทีก็ปลุกเสกคู่กับหลวงพ่อสด
หลังจากพิธีกรรมปลุกเสกเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อผึ่ง ก็นำเอาพระเหล่านั้นแจกศิษยานุศิษย์ ใครไปหาท่านๆ ก็มอบให้คนละหนึ่งองค์ โดยไม่มีผลตอบแทนแต่ประการใด เป็นการเผยแพร่พุทธศาสนาให้มั่นคงถาวรอีกนานเท่านาน

ท่านแจกให้คนละหนึ่งองค์จริงๆ ใครจะขอเอาไปฝากเพื่อนฝูง หรือญาติพี่น้อง ท่านจะไม่ยอมให้เป็นอันขาด ท่านบอกว่า ขอให้เขามารับเองด้วยใจศรัทธาจะเกิดความขลังมากกว่าการเอาไปฝากกัน ถือว่าเป็นการขาดศรัทธา
เมื่อท่านแจกให้ท่านจะพูดว่า “ ให้เก็บรักษาให้ดี ต่อไปจะหายาก ”
ดังได้กล่าวมาแล้วว่า วัดสว่างอารมณ์ราษฎร์ เป็นที่ราบลุ่ม สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 1 เมตรเท่านั้น น้ำจึงท่วมทุกๆ ปี ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากชาวบ้านเป็นอย่างดี ใครก็ตามที่มาทำงานกับท่าน ท่านจะแจกพระให้กับทุกๆ คน ผู้หญิงมักจะแจกเป็น รูปนางกวัก ผู้ชายจะเป็น พิมพ์ประทานเอหิภิกขุ หรือที่เรียกกันโดยทั่วๆ ไปว่า “ พุทธกวัก ”
พระรุ่นที่ท่านแจกมีคนนำเอาไปใช้ถูกเหงื่อไคล เนื้อสวยงามมาก คล้ายกับเนื้อพระสมเด็จวัดเกศไชโย บางองค์ลงรักปิดทอง กาลเวลาผ่านไปเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 97 ปี ทองที่ปิดแตกระแหง สีเหลืองอร่ามน่าใช้มาก มีจำนวนน้อยหาได้ยากมาก
พอจะประเมินได้ว่า พระหลวงพ่อผึ่ง สร้างขึ้นในขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสองพี่น้องก่อน พ.ศ.2462 อย่างแน่นอน แต่จะก่อนสักกี่ปีหาทราบชัดเจนได้ไม่ หากจะคำนวณก็คงจะไม่น้อยกว่า 95-97 ปี นับว่าเป็นพระเครื่องของพระเกจิอาจารย์ที่มีอายุค่อนข้างมากทีเดียว
เมื่อ หลวงพ่อผึ่ง มาสร้างและจำพรรษาที่ วัดสว่างอารมณ์ราษฎร์ ท่านได้นำเอาพระของท่านซึ่งทำไว้เป็นจำนวนมากมาแจกให้แก่ผู้มีศรัทธามาช่วยกันทำงานให้กับวัดอีกด้วย ท่านแจกเรื่อยมาเป็นเวลานานอีกเป็นปีๆ อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 5 ปี
เมื่อท่านสร้างโบสถ์เสร็จในราว พ.ศ.2467 ท่านเอาพระที่เหลืออยู่ทั้งหมดประมาณหลายปีบ ประจุเข้าไว้ใต้องค์พระประธานทั้งหมด ถือได้ว่าพระดังกล่าวอยู่ในพิธีกรรมของศาสนาอีกเรื่อยมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 53 ปี จนกระทั่งเปิดกรุเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2520​

 

4.พระผง อย. หลวงพ่อเกษม เขมโก รุ่นมหากุศล ( อย.) หลวงปู่ดู่ร่วมอธิฐานจิต

​

พระรุ่นนี้จัดสร้างโดย คุณสุธันย์ สุนทรเสวี เมื่อปี 2532 ทั้งนี้ปัจจัยที่ได้จากการบูชาวัตถุมงคลนี้ได้ยกให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนา สถานีอนามัยวัดน้อยแสงจันทร์ สมุทรสงคราม โดยวัตถุมลคลชุดนี้สร้างมวลสารอันศักสิทธิ์ และจีวรหลวงพ่อเกษม พิธีอธิษฐานจิต จัดขึ้นเมื่อวันวิสาขบูชา ตรงกับวันที่ 19 พฤษภาคม 2532 ในพิธีมหากุศลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ท่านหลวงพ่อเกษมได้เมตตาอธิษฐานจิตให้อย่างยาวนาน เกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม และในขณะเดียวกัน หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา ก็ได้เริ่ม เดินญาณส่งจิตมายังมณฑลพิธีเพื่อร่วมเสกด้วย จัดเป็นวัตถุมงคลที่พระอริยะ ที่มีผู้เคารพนับถืออย่างสูงทั้งสองรูป ได้ร่วมอธิษฐานจิต อย่างเข้มขลัง

 

5.พระอริยสงฆ์แห่งอุดรธานี เหรียญหลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น จ.อุดรธานี รุ่นแรก ปี ๒๕๔๓

​

 

6.ประสบการณ์ 5 แชะ รูปหล่อปั๊มกฐินปี 50 หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน เจ้าตำรับสุดยอดเครื่องรางของขลัง ตะกรุดโทน และ ผ้ายันต์แดง ที่มีประสบการณ์พุทธคุณกล่าวขานเลื่องลือกันไปทั่วทั้งในด้านเมตตา ค้าขาย ปกป้องคุ้มภัย มหาอุด และคงกระพันชาตรี

​

 

2640. พระปิดตาจัมโบ้ หลวงปู่ชอบฐานสโม รุ่นแรก และพระผงหลวงปู่ทวด ปี ๒๕๓๐ คณะศิษย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นและเจ้าของโรงไม้สร้างถวาย ปิดรายการครับ

​

โดยพระปิดตาแต่ละสี มีมวลสารดังนี้
สีดำ ผสมใบลาน
สีขาวผสมผงพุทธคุณ
โรยด้วยผงตะไบพระกริ่งวัดสุทัศน์ เจ้าคุณ นร ทุกองค์รวมทั้งพระหลวงปู่ทวด บางองค์มีการแปะสายสิญจน์และเกศา แปะแผ่นทองกรรมการ สีดำและสีแดงจะพบเจอยาก

พระผงหลวงปู่ทวดจะมีการฝังตะกรุดเงินหรือทองแดง ไว้ด้านล่างซึ่งน่าจะมี มวลสารผสมชานหมากและว่าน ผงพุทธคุณ 108

 

2641.พระสมเด็จประธานพร อาภัคโคโรยเหล็กยอดพระธาตุพนม ปี ๒๕๒๘ หลวงพ่อโชติ อาภัคโค ให้บูชา 499 บาท

​

คุณป้าช่อพกาเล่าว่า มีคนมาไปสอบรับราชการหลายครั้งแล้วไม่เคยได้ เลยมาเช่าพระประธานพรไปบูชา และกลับมาบอกที่วัดว่า รอบนี้สอบติดแล้ว หลังจากี่ได้บูชา พระสมเด็จประธานพรไป

ผู้สร้างคือ พระครูพิบูลธรรมภาณ โชติ อาภัคโค สร้างปี2526เสร็จปี2529

ผงที่นำมาจัดสร้างประกอบด้วย
ผง สมเด็จพระญาณสังวร สุก ไก่เถื่อน วัดราชสิทธาราม
ผู้มอบให้คือพระหลานชาย พระสังวราชุ่ม ซึ่ง พระสังวราชุ่มคืออาจารย์ที่หลวงพ่อมะขามเฒ่านับถือหากจะบอกไป สมเด็จพระสังฆราชสุก คือ พระอาจารย์ สมเด็จโต นั่นเอง
นี่คือผงตกทอดในวัดพลับ ยุคก่อนซึ่งไม่ได้หามาง่ายๆ
ผงชิ้นส่วนสมเด็จจำนวนมากที่หลวงปู่อ่อง สะสมไว้สมัยอยู่วัดพระยาทำ
ผงวิเศษ12นักษัตร ของหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ซึ่งเป็นพระมอญ และ เป็นผงที่บอกได้ว่า ผงหนุนดวงนั่นเอง คือสุดยอดผงที่เป็นที่ปรารถนาของคนสายมอญ
ผงวิเศษ5ประการที่แท่งชอล์กเกิดจาก ผงที่ลบจากดวงชะตาที่เป็น เกษตร มหาอุจ มหาจักร ราชาโชค เป็นชะตาพิเศษนำมาปั้นเป็นแท่งและลบเข้าตำราเยี่ยงสมเด็จโต ถือว่าเป็นอะไรที่พื้นดวงชะตาของคนสำคัญหนุนนำการเข้าสู่ลบผงวิเศษซึ่งน่าจะเป็นเคล็ดที่น้อยคนจะได้ไว้เช่นนี้
ผงวิเศษที่หลวงพ่อคง วัดถนนหักใหญ่ พระอาจารย์ของหลวงพ่อคูณมอบให้!!! ฟังไม่ผิดหรอกครับท่านมอบให้พระรูปสำคัญไว้ท่านถวายมาใส่ชุดนี้แบบเต็มๆอย่าถามว่าหลวงพ่อคงเป็นไงเพราะเป็นอาจารย์รูปเอกที่หลวงพ่อคูณไปเรียนวิชาตะกรุดด้วย
ผงพระกรุบึงพระยาสุเรนทร์ที่หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะองค์ มอบให้ หลวงพ่อทองอยู่สำเร็จวิชาดับดาวได้ เพียงใช้นิ้วชี้ไปที่ดาวดวงไหนจะหรี่เเสงจนดับได้ทันที
ผงพระกรุอัมพวา
ผงกรุพระธาตุพนมปี2518ที่ล้มลงมาที่สำคัญคือ
พระชุดนี้ทุกองค์โรยผงเหล็กเปียกที่หุ้มยอดพระธาตุพนมที่เชื่อว่า ญาคูขี้หอม ปรุงแร่ชนิดนี้ไว้ถือเป็นของกายสิทธิ์ชนิดหนึ่ง
ผงหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
ผงหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ
ผงยาพระฤาษีพันปี ลพบุร

 

จองพระปิดตา ลปทวด ของลปชอบ