๒๑ วิธี ของ สติปัฏฐาน เส้นทางแห่งการบรรลุธรรม

นี่ถือว่าสงสารนะถึงถาม

 

ลุงเขียด พูดเรื่องจิตอัตตา ไม่ได้พูดเรื่องสักกายะ
โพสตอบตามหัวข้อเรื่องที่เขาพูดถึง

 

กระทบ > เกิดจิต> สัญญาให้ความหมาย เช่น อารมณ์อันนี้คือโกรธนะ (จิตจำอารมณ์ได้ เกิดจาก การสั่งสมมโนภาพ จำนวนมากจากการดำเนินชีวิตนี่นั่นเป็นประจำ) > พอรู้อารมณ์ > เกิดความต้องการจะทำ > ลงมือทำ > บันทึกกรรม > รอให้ผล

แค่จิตรู้อารมณ์ เช่น สัญญาให้ความหมาย การกระทบนี่ความทุกข์นะ แค่รู้คำศัพท์ว่านี่ทุกข์ อุปาทานกินเรียบร้อยหมดแล้ว เพราะจะมีการเปรียบเทียบด้านสุขเกิดในหัวออโต้ระหว่างนั้น .. เวลาเขียนคือเหมือนช้า ๆ แต่จิตจริงๆ ทำงานเร็วมาก

 

มีสีขาว
เกิดดับละอียด แทบไม่เกิดดับเลย
มีหลายอารมณ์ < ถ้าดูจากชั้นสัญญาให้ความหมาย เช่นนี่ทุกข์ นี่สุข นี่เศร้า จะมีหลายอารมณ์ ถ้าดูที่อาการ ไม่ดูชั้นความหมายของคำศัพท์ มีอาการเดียว อุปาทาน


ยึดติดทุกอณู (ทุกขณะ)
ทำดี/ ไม่ดี ทั้งในที่ลับหรือที่แจ้ง รอดพ้นการจดบันทึกไปไม่ได้

 

ท่านปราบต้องภาวนาให้เข้าไปเห็นเอง
เมื่อเห็นแล้วก็หายสงสัย

ก็หมือนกับการตามรอยโค เพื่อจะเจอตัวมัน
เมื่อเจอตัวโคแล้ว ก็ไม่ต้องแกะรอยมันอีก
ก็เผ้าดูตัวโคไปเลย ว่ามันมีหน้าตาอย่างไร
กริยาอาการที่มันแสดงออก มีพฤิตกรรมอย่างไร

เมื่อเข้าใจอย่างท่องแท้ว่าเจ้าตัวโค
มันคือตัวมหาภัย ก็ทำลายทิ้งไป
(โคที่เขียนหมายถึงจิต ตัวพาท่องเที่ยวในวัฎตะอันน่าสงสาร)

ส่วนวิธีหรือเทคนิคหรืออุบายแกะรอยโค เพื่อจะไปเจอตัวมัน
ท่านปราบก็เอามาลงไว้แล้ว(๒๑ วิธี ของ สติปัฏฐาน)

ส่วนใครจะตามเจอตัวโคหรือไม่เจอตัวโค
ก็แล้วแต่ความขยันภาวนา

 

ถามจริงๆ นี่ใช่คำหลวงปู่มั่นเหรอนู๋

 

เอ๊าๆ บึ๊ดจั๊มบึ๊ดกันไป

 

คุณนู๋เจ้าข๋า


ช่วยแปลเกร็ดธรรมนี้ เป็นภาษาอังกิดได้ป่าวเจ้าคร๊ะ ขอบพระคุณหลายๆ


เกร็ดธรรม
หลวงปู่พุธ ฐานิโย

วัดป่าสาละวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา



ผู้ที่ภาวนาทำสมาธิไปจนกระทั่งจิตคล่องตัวแล้ว

สมาธิมีพลัง สติแก่กล้า

ภาวนาแล้ว ทีหลัง นิมิตจะไม่ค่อยเกิด

แต่จิตของเราจะสงบ เข้าไปรู้ อยู่ที่จิตเพียงอย่างเดียว

ถ้าในขณะใดที่กายยังปรากฎอยู่ จิตสงบเป็นสมาธิแล้ว

มันจะไปท่องเที่ยวอยู่ในกาย กำหนดรู้อยู่ในกาย

แล้วมีความรู้เตรียมพร้อมอยู่ที่จิต

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับกาย
ทุกขเวทนา สุขเวทนา อุเบกขาเวทนา ที่เกิดขึ้น
จิตสามารถกำหนดรู้ได้โดยอัตโมมัติ

...................................................

 

Dhamma by laung por (พุธ ภาษาเกะเขียนไงอ่ะ ไม่รู้นะ)
.....

Those who are keen to meditate will ultimately attain a clear mind.

Meditation is powerful, mindful and courageous.

After meditation, distractions to the mind will rarely occur.

Our mind will remaim calm, all knowledge will be only in the mind.

If at any moment the body is still present, the mind remains calm in a state of meditation.

The mind will travel in the body and gain knowledge from the body.



Then there is knowledge and preparedness in the mind.

The mind can automatically determine everything that happens to the body - the suffering, the happiness, the equanimity.

 

เดี๊ยนเคยเห็นจิตทำงาน โดยสภาวะฉับพลันของวิปัสสนาพาไป .... เร็วมว๊ากกกกกกกก

รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่หน่วงรอแบบแยกในหนังสือนะ เข้าพร้อมกันหมดขณะเดียว แค่สมองรู้ความหมายศัพท์ นี่"ทุกข์" จบคำว่า"ทุกข์" อุปาทานกินเรียบร้อยแล้ว ยกเว้นใช้อุเบกขาสัญญากั้นไว้ จิตอวิชชาจะไม่ทำงาน

ปุถุชน หรือคนที่ฝึกยังไม่เจอผล จะอ่านตำราและรู้สภาวะแค่ชั้นคำศัพท์

คนที่ฝึกเห็นผล จะรู้สภาวะ ชั้นอาการ อ่านตำรารู้ชั้นอาการ ตอบตามชั้นอาการ ไม่ใช่ตามชั้นคำศัพท์ แล้วเอาคำศัพท์มาวิเคราะห์ความเป็นปรมัตถ์


....

ลป.มั่นบอกจิตนี้สีขาว มากอารมณ์ แทบไม่เกิดดับ แต่เกิดดับละเอียด นอกนั้นจำไม่ได้แล้ว อยู่ในเพจ ลต.บัวที่เพจออกโบราณๆ

แต่จิตอวิชชา มันเหมือนเครื่องซีร๊อก เราใช้ต้นฉบับยังไง มันจะสำเนาออกแบบนั้น สะสมบันทึก จำได้ยาวนานมาก จิตเราถึงคิดไปอดีต อนาคต ปัจจุบัน เรื่องโน้นเรื่องนี้ตลอดไง

แล้วที่พระเขามักพูด สอนจิต จข. ..ทำอันนี้ อันนี้มันจะสะสมลงที่จิต เขาหมายถึงจิตอวิชชา ไม่ใช่ธาตุรู้ และธรรมพระพุทธเจ้าเป็นไปเพื่อสอนจิตอวิชชาล้วนๆ

ธาตุรู้เรามันปัง มันเป๊ะเว่อร์อยู่แล้ว ไม่ต้องสอน

 

แนะนำสอนต่างชาติ ใช้คลิปนี้ คลิปพระทิเบต ท่านสอนความรู้สึกตัว (สอนอานาปานสติด้วย)

ความรู้สึกตัว แบบ ลพ.เทียนท่านสอนนั่นแหล่ะ ง่ายๆ แค่นั้น ..ที่เหลือเด่วมาหมด

 

เอฟซีไม่จริง นี่หว่า เอาไว้ก่อน...

 

พอดีเราแปล และฟังไม่ค่อยเข้าใจภาษาที่เขาพูด

แต่อ่านจากคำแปลไทยแล้ว คนละเรื่องกับความรู้สึกตัว
เขาเข้าใจความรู้สึกตัวผิดไป

สภาวะรู้ หรือ อวกาศ ไม่ใช่ ความความรู้สึกตัว
หากจะหมายคือ สภาวะรู้ที่เปรียบเทียบก้พอได้เป็นเพียงธาตุรู้ หรือ สภาวะรู้

รู้ว่าไม่รู้ รู้ว่ารู้ สุดท้ายมันคือความหมายเดียวกัน เพราะมีจิตอยู่ จึงมีสภาวะรู้

แต่สภาวะรู้ไม่ใช่ความรู้สึกตัว
คนละอย่างกับความรู้สึกตัว ที่พระบ้านเราหรือที่พระพุทธเจ้าสอน


ส่วนคำแปล ที่ว่า หัวใจของการภาวนา คือ ความรู้สึกตัว นี่ใช่แน่นอน

และในการปฏิบัติและความจริง เป็นแบบนั้น

 

เรามาพูดถึง เรื่องการปฏิบัติ สมถะกรรมฐาน วิปัสนากรรมฐาน

เมื่อซักครู่นี้ ก็มีผู้มาถามเรื่อง สมถะ วิปัสนา กรรมฐาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

เราจะเจริญ วิปัสนากรรมฐานได้ ในช่วงใด ในขณะใดของจิต

อันนี้เป็นปัญหาที่เราจะต้องทำความเข้าใจกัน
แต่ความจริง คำว่า สมถะก็ดี วิปัสนาก็ดี เป็นแต่เพียง วิธีการ

ผู้ที่ปฏิบัติด้วย วิธีการเพ่งกสิณ หรือ การบริกรรมภาวนา
เรียกว่า
ปฏิบัติ ตามวิธีของสมถะ

ผู้ที่ปฏิบัติโดยการใช้ ความคิด พิจารณา ในสิ่งต่าง ๆ
ที่เราสามารถจะนำมาพิจารณาได้ ด้วยความมี สติ สัมปชัญญะ

หรือ

เราจะกำหนดรู้ที่จิต คอยดูความคิดที่จะเกิดขึ้น
ในขณะจิตนั้นๆ แล้ว ทำ สติ ตามรู้ ความคิด
ได้ชื่อ ว่าเป็น การปฏิบัติ ตามวิธีการ ของ วิปัสนา

ทั้งวิธีการ ของ สมถะ แหล่ะ วิปัสนา ทั้งสองอย่างนี้

จุดมุ่ง อยู่ที่การทำจิต ให้มีความ สงบ เป็น สมาธิ
เพื่อจะได้ มี สติ ปัญญา รู้แจ้งเห็นจริง ในสภาวะธรรมตามความเป็นจริง

แต่โดยเนื้อหาความเป็นจริงแล้ว
ทั้งวิธี สมถะ
ทั้งวิธี วิปัสนา

เป็น วิธีการฝึกอบรมสมาธิด้วยกันทั้งนั้น

ในเมื่อจิตมีความสงบเป็นสมาธิลงไปเพราะการปฏิบัติ สองแบบนี้ สอง วิธีนี้

สภาพจิต ที่เป็น สมาธิ มีแนวโน้มเป็นอย่างเดียวกันหมด
ต่างแต่ วิธีการ

ถ้าหากท่านจะทำความเข้าใจ ว่า
สมถะก็ดี วิปัสนาก็ดี
เป็นแต่เพียง วิธีการเท่านั้น

ไม่ได้หมายความว่า

เราจะต้องทำสมาธิให้ได้สมถะ ได้ฌาน ได้ญาณ แล้วจึงเจริญวิปัสนา
ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น

เท่าที่ได้ทดสอบดูด้วยตนเอง

ในบางครั้ง เราตั้งใจว่า จะบริกรรมภาวนา พุทโธ พุทโธ
ทำจิตให้ สงบ พอเป็นที่สะบาย เท่านั้น ก็พอแล้ว จะเอากันเพียงแค่นี้

แต่เมื่อทำลงไปจริงๆแล้ว พุทโธ พุทโธ ไป
พอจิต สงบลงไป แทนที่เค้าจะไปนิ่งอยู่เฉยๆ
กลับเกิดความคิดพรั่งพรูขึ้นมาอย่างกับน้ำพุ

นี่ ประสบการณ์จริงมันเป็นอย่างนี้

*******************

คุณนู๋ปาวีฯ แปลเป็นอังกิดแถมอีกสัก ไฟล์แล้วกันนะขอรับ ขอบพระคุณล่วงหน้า
หากว่าง

_/\_

 

วั้ยยยยย ไม่แปลแล้ว ..(นี่พูดจริงนะ)

แนะนำคลิป พอจ.ชยา....อะไรสักอย่างเหอะ สอนเขาง่ายๆ อย่าไปสอนยากส์

ช่วงนี้ ต้องขายไข่ปิ้ง

จิตอวิชชามันเหมือนโลกแมทริกซ์ เสียบปลั๊กเข้าไป หรือเครื่องซีร๊อกนั่นแหล่ะ.... อยากรู้สภาวะเร็วๆ ความรู้สึกตัวเฉยๆ ได้เลย เด่วมันก็ก๊อปตาม.... ที่เหลือสมาธิ ปัญญา จะตามมาเอง

 

เท่าที่ท่านอธิบายในคลิป คำว่า space ท่านเหมือนเชิงเปรียบเทียบความไม่รู้สึกตัวของคนทั่วไปว่า “ความรู้สึกตัวมันมีอยู่ตลอดเวลา แต่เราไม่เคยรู้สึกถึงมันไม่เคยสังเกตุกัน เหมือนอวกาศว่างๆรอบตัวเรา ที่เราไม่เคยสนใจว่ามันมีอยู่เพราะมองไม่เห็น แต่ความจริงมันมีของมันอยู่ตลอดเวลา”

ส่วนประเด็นอื่นๆอาจจะต้องลองตามฟังเพิ่มเติม

หลักภาวนา เท่าที่ฟังคือให้เริ่มรู้สึกตัวในจุดแคบๆก่อน (เลือกฐานในการภาวนา) …สักพักการรับรู้จะกว้างออก ( เกิดรู้ตัวทั่วพร้อม) ซึ่งก็เป็นหลักการภาวนาทั่วไป

ยังไม่ได้ลงดีเทลมากในคลิปนี้

 

เช่นนั้นก้เหมือนกับที่เราอธิบาย

สภาวะรู้ ไม่ใช่ ความรู้สึกตัว สภาวะรู้ เป็น สิ่งที่ รู้อยู่ ตลอดสายเป็นธาตุรู้

ซึ่งธาตุรู้นี้ไม่ใช่นิพพาน เว้นเสียแต่ธาตุรู้นี้ จะกำจัดอวิชา จนหมดสิ้น
จึงจะปรากฎที่ธาตุรู้นั้นๆ

พวกที่หลงกับธาตุรู้ จึง แทงไปสู่ของความเป็นอาตมัน
จะไปเหมารวมกับ จิตจักรวาล พลังจักรวาล รวมสรรพสิ่งอะไร บลาๆแบบนี้
พุทธพจน์จึงแยก สังขารที่มีใจครอง กับสังขารที่ไม่มีใจครอง นี่ตังหากคือสรรพสิ่ง
ที่อยู่ภายใต้ อนิจจัง อยู่ภายใต้วัฏจักร การหมุนวนของจักรวาล

มีนิพพาน ที่ไม่รวมอยู่ในวัฏจักรเหล่านั้น
เพราะไม่มี ธาตุ4 ธาตุ5 ไม่มีการมาการไป ไม่มีปัจจัยใดๆปรุงแต่งได้
นิพพานไม่ได้ รวม สังขารที่มีใจครองมาอยู่ด้วย หรือสังขารที่ไม่มีใจครองมาอยู่ด้วย
แต่นิพพานจะปรากฎ เมื่อ จิตบริสุทธิ์ พ้นกิเลสอาวสวะอวิชาจนหมดสิ้น

ฉะนั้นความรู้สึกตัว มันต่างจากนั้น

ความรู้สึกตัว เกิดจากจิตสัมปยุติ กับ สติ สมาธิ ปัญญา
เรียกว่า เกิดขึ้นพร้อมกันดับไปพร้อมกัน

อ่านดีดีนะ จิตจะมี สติ สมาธิ ปัญญา สัมปยุติกันไม่ได้
หากไม่เกิดการตามรู้ หรือกำหนดรู้ ฉะนั้น สติ สมาธิ ปัญญา
มันจึงเรียกว่า เกิดจากการประกอบ
ดังพุทธพจน์ ที่ว่า " โยคาเว ชายเตภูริ "

หากไม่มีการประกอบ มันไม่มีทางเกิดขึ้นมาได้

จะต่างจากคำที่ว่า มันมีอยู่ก่อนแล้ว เหมือน ช่องว่าง คือ spac

ฉะนั้น สภาวะรู้ มันไม่ใช่ความรู้สึกตัว เป็นแต่ธาตุรู้ ที่มีหน้าที่รู้

รู้ว่ารู้ รู้ว่าไม่รู้ รู้อะไรก็ไม่รู้ นี่คือ สภาวะรู้ ที่มีอยู่ตลอดสาย


ปัญญาพุทธองค์แหลมคม ที่สังเกตุเห็นการทำงานของ สภาวะรู้

ใช้สภาวะรู้ สร้าง สติ สมาธิ ปัญญาให้เกิดมีขึ้น สภาวะรู้ มันจึงเห็นตัวมันเอง

การเห็นตัวมันเอง มันจึงเรียกว่า ทำลายผู้รู้ ฟาดผู้รู้ไปอีกขั้น
นั่นมันจึงจะจบ พบเจอ อมตะธรรม ที่เรียกว่า นิพพานปรากฏ


จิต คือธาตุรู้ สภาวะรู้ เมื่อทำถูก ก็เป็นหนทางไปสู่นิพพาน คุ้นๆไหมวลีนี้

ถ้าทำผิดก้ไม่เป็นไปในทางนิพพาน ก้มีแค่นั้น


ทีนี้ วิธีการ
พระพุทธองค์ ก็แยกมาให้ลง ในมหาสติปัฏฐาน แยกย่อยมาใน 21 วิธี


สัมปชัญญะบรรพ ก็เป็นวิธีนึง ในการฝึกใน21 วิธี

สัมปชัญญะ แปลว่า การรู้ทัน

สติแปลว่า ระลึกได้



ธรรมสองประการนี้เป็นธรรมที่มีอุปการะมาก
และยังเป็นธรรม ที่ เรียกว่าเป็นอัญญะมัญญะกันด้วย
คือ เมื่อ มีสติ สัมปชัญญะ ก็มีตามกันอัตโนมัติ
เหมือน เปลวไฟมี แสงสว่าง จะมีตามมาเอง
เปลวไฟมี
แสงสว่างจะไม่มี ก้เป้นไปไม่ได้

ฉะนั้น มีสติเมื่อไร สัมปชัญญะย่อมมีพร้อมกัน

จะบอกว่า มีแต่สัมปขัญญะ แต่ไม่มีสติ ก้เป็นไปไม่ได้
เหมือนๆกับ ว่า
มีแสงสว่าง แต่ไม่มีต้นกำเนิดแสง อย่างเปลวไฟ ก้เป้นไปไม่ได้

ว่าแต่ว่า ลืมไป แฟนต้าก้เด็กนอก


ขอบิณฑบาตร แปล ไฟล์ภาษาอังกิดเต็มๆ สักไฟล์ แล้วกันนะ
ไม่ได้รีบ วันละ 3 นาทีก็พอ ประมาณ 12 ตอนเห็นจะได้ _/\_ _/\_ _/\_

https://palungjit.org/threads/จิตแท้-จิตดั้งเดิม-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.338252/

 

คุณค้าบบบ

ฝาหรั่งเขาฝึกอานาปานสติที่ควบวิปัสสนา ไม่ใช่ฝึกสมถะกองอื่น แยกไปคนละทางสองทางแบบไทย

ถ้าเอาธรรม ลพ.พุธไปเผยแพร่ บอกเรยย มึนตึ๊บ เพราะ ลพ.พุธ บอกระดับสมาธิไม่จำเป็นเป็น ซึ่งคนไทยเข้าใจ
แต่ฝาหรั่ง เขาไม่เก็ต เขาเข้าใจว่ามันต้อง step by step

แล้วเรื่องพวกนี้มีคนเผยแพร่อยู่แล้ว คำพูดก็ใช้อธิบายดีมาก

สมาธิขั้นชาน เขาก็ไม่รู้จัก ถ้าจะรู้จักคือ สอนจาก พระฝรั่งสาย ลป.ชา

อีกอย่าง งานแปลพวกนี้ คนรับจ้างแปลคิดหน้าละ 450 up แล้วคำพูดคนไทยก็ใช้ไม่ดีเท่าฝรั่งด้วยย

คนไทยจะดีแค่มี ปสก. แต่ภาษาการเข้าถึง ปสก. นั้นๆ ใช้ไม่ถูก

 

ค้าบบบคุณ

ต้องบอกว่า
คนไทยบางคนมีดีแค่ประสบการณ์ แต่ภาษาการเข้าถึง ปสก. นั้นๆ ใช้ไม่ถูก

คนไทยบางคนไม่ใช่มีดีแค่ประสบการณ์ และยังอธิบายการเข้าถึงนั้นได้ด้วย
เพราะเป็นนักปฏิบัติ จึงใช้และอธิบาย ภาษาต่างปาเทศ ได้ด้วย

อีกอย่าง เข้าใจหลวงปุ่พุธ ผิดแล้วล่ะ
ที่บอกว่า " เพราะ ลพ.พุธ บอกระดับสมาธิไม่จำเป็นเป็น ซึ่งคนไทยเข้าใจ "

ท่านสอนสมาธิโดยตรงที่เป็นทางตรง ของ 21 วิธี ตะหาก
จะพูดสั้นๆว่า ท่านสอน สัมมาสมาธิโดยตรง

และก็ไม่ได้ห้าม สมาธิ แบบพราหหมณ์ ที่ทำกันมาก่อนพระพุทธเจ้าจะมาสอนด้วย


มองไม่เห็นความต่างละเซ่ เข้าใจไหม ค้าบบบคุณ


450 บาท ต่อหน้า คุณนู๋จะรับแปลไหมละ
ได้เงินด้วยได้บุญด้วย จ้างทำบุญสะเลย อิอิ

เดินแบบเสร็จตอนตีสี่ ก็มานั่งแปล ซักวันละบท

คิดสะว่า เป็นการปิ้งไข่ตอนตีสี่ตีห้า นะ ค้าบบบคุณ

 

ไม่เอาหรอก คนทำงานแปลบางคนยังไม่กล้ารับงานแปลศาสนาเรยยย

แปลผิดชีวิตเปลี่ยน

เว่อร์ไม่มีใครเกิน