ไม่รู้จักกัน

ถ้าตามหลักอภิธรรม ก็เป็นเจตสิกหนึ่งๆ

 

มีจิตเหนือสำนึกมาอธิบายมัยครับ55

 

เราไม่ได้ค้นคว้า ก็ยังไม่มีเหตุ

 

จูลเวทัฬสูตร
https://bit.ly/3kXu2Dw

 

เพิ่มเติมจากหลักทฤษฎีวิเคราะห์ของฟรอยด์

ฟรอยด์เปรียบเทียบจิตใจของมนุษย์ว่ามีลักษณะคล้ายกับภูเขาน้ำแข็ง (iceberg) ที่ลอยอยู่กลางมหาสมุทร ซึ่งภูเขาน้ำแข็งนั้นจะมีส่วนที่ลอยโผล่พ้นผิวน้ำอยู่เพียงน้อยนิด แต่ส่วนที่อยู่ใต้ผิวน้ำนั้นมีอยู่อีกมาก ณ ทีนี้ส่วนที่ลอยพ้นผิวน้ำมานั้นเปรียบเทียบได้กับจิตสำนึก และส่วนที่อยู่ปริ่มน้ำหรือลงไปใต้น้ำเพียงไม่มากสามารถเปรียบได้กับจิตกึ่งสำนึก และน้ำแข็งส่วนสุดท้ายที่เป็นส่วนใหญ่ของภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ลึกลงไปใต้พื้นมหาสมุทรนั้นก็คือจิตใต้สำนึก เนื่องจากส่วนที่อยู่ใต้มหาสมุทรไปนั้นคือส่วนที่เราไม่มีโอกาสได้เห็นหรือรับรู้ได้ถึงความมีตัวตนอยู่ของมัน

สาเหตุที่ฟรอยด์เปรียบให้จิตสำนึกและจิตกึ่งสำนึกเป็นเพียงส่วนน้อยนิดของภูเขาน้ำแข็งนั้นก็เพราะว่า โดยปกติแล้วมนุษย์เรานั้นจะใช้จิตส่วนที่เป็นจิตสำนึกและจิตกึ่งสำนึกทำงานเพียงแค่ 8% เท่านั้น ส่วนอีก 92% ที่เหลือนั้นก็คือผลจากการทำงานของจิตใต้สำนึกทั้งหมด พลังของจิตใต้สำนึกมีอิทธิพลเหนือจิตสำนึกกระตุ้นเตือนให้กระทำพฤติกรรมประจำวันทั่ว ๆ ไป เป็นแรงจูงใจให้เกิดพฤติกรรมอันไร้เหตุผลและผิดปกติในลักษณะต่าง ๆ

 

อย่างไรก็ตามจิตใต้สำนึกที่ไม่มีโอกาสได้แสดงพฤติกรรมออกมานั้น มักจะกลายเป็นพฤติกรรมผิดปกติแบบใดแบบหนึ่งได้ เช่น รู้สึกกลัวและกังวลตลอดเวลา ซึมเศร้าตลอดเวลา ซึ่งการช่วยเหลือบุคคลที่มีพฤติกรรมผิดปกติเยี่ยงนี้ จำเป็นจะต้องเข้าใจการหยั่งรู้ถึงสาเหตุหลักที่ถูกฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก โดยจิตแพทย์ที่ดำเนินรอยตามฟรอยด์อาจจะใช้วิธีการสะกดจิต หรือ บำบัดแบบ Free Association เพื่อให้คนไข้สามารถเปิดเผยเรื่องราวที่ถูกบันทึกอยู่ในจิตใต้สำนึกของตนออกมา

....จบ....

 

เราไม่ใช่นักปฏิบัติธรรมนะ ฮาๆๆ

 

น่าจะหมายถึง สัญญา(ความจำ)ของวิถีจิตที่ถูกสะสมตั้งแต่อดีต .. หลายภพชาติ.. กะมัง ?? ครับ..

 

เป็นการยกธรรมขึ้นมาพิจารณา โดยทวนย้อนไปหาเหตุ(ในอดีต) เพื่อฝึกเดินปัญญาให้เข้าไปรู้เห็นแจ้งตามจริงในสิ่งที่เกิดมาแล้วนั้น และท้ายสุด จะพิจารณาหาหนทางที่จะดับต่อไป..

ระดับปัญญา(หยาบ-ละเอียด..) ย่อมเป็นไปโดยลำดับ ณ ขณะนั้น ครับ

 

ขณะที่.. ดำรงมีสติอยู่ในตน.. ย่อมพิจารณารู้เห็น ความคิดที่เกิดขึ้น หรือ ผุดขึ้น ณ ขณะนั้นครับ

 

รูปในรูป
นามในนาม
รูปในนาม
นามในรูป

มันจะซ้อนๆ กันเป็นชั้นๆ จิตยิ่งละเอียดก็เห็นละเอียดลึกลงไปตามลำดับ

เราไม่เคยสนใจว่ามันคืออะไร เรียกว่าอะไร เวลาที่เห็นก็แค่อืมๆ แค่รู้ว่ามันซ้อนกันเป็นชั้นๆ เหมือนที่เคยเห็นวิมุตติที่อยู่ชั้นใน

อธิบายไม่ได้นะ รอให้เกิดปัจเวกขณญานก่อน

 

ยุคไหนๆ เราก็อยู่ได้อย่างสบายๆ ค่ะ เกิดแล้วก็ตาย สรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้นไปตามเหตุและดับไปตามเหตุ ความกลัวเป็นกิเลสละเอียด ถ้าใจไม่เอาเสียอย่าง ใครจะมายัดเยียดให้ก็ไม่ได้ทั้งนั้น

ขอให้มีสัมมาทิฏฐิในการเห็นถูก เห็นตรงตามธรรม อย่าได้หลงคล้อยตามความคิดปรุงแต่ง

อย่าได้อยู่ด้วยความหวาดกลัวทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นยักษ์หรือมาร ก็ล้วนมาทำหน้าที่ทดสอบภูมิจิตภูมิธรรมของผู้ที่แสวงหาความหลุดพ้น เป็นเครื่องยืนยันบารมีของบุคคลนั้นๆ ค่ะ

 

สัมมาทิฏฐิคือปัญญา คือหางเสือของธรรมนาวา

 

ปัญญา.. รู้เห็นปัญหา
ปัญญา.. แก้ปัญหา (1 รู้)
ปัญญา.. ดับปัญหา.. (100 รู้)
ปัญญา.. ดับความคิด.. (แสน รู้)

ตามลำดับ..
นะ นะ นะ..

 

เมื่อปัญญารู้แจ้งแทงตลอดซึ่งกองสังขารแล้ว ปัญหาก็ไม่มี ความดับก็ไม่มี เพราะไม่มีความเกิด

 

อ้าวผมทำผิดไม่มีปัญหามีแต่ตัณหา555

 

จิตเกิดเพราะมีเจตสิกเข้าประกอบจิต ไม่ว่าจะเป็นกุศลเจตสิก อกุศลเจตสิก หรืออัพยากฤตเจตสิก เมื่อเจตสิกที่ประกอบจิตหมดกำลังดับลงไป จิตนั้นก็ดับตาม